Thailand Passport Office in Bangkok and Metropolitan Region

8 สถานที่ทำพาสปอร์ต ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ช่วงนี้หลายคนเริ่มวางแผนสำหรับการเดินทางไปต่างประเทศกันแล้ว แต่อย่าลืม!! ตรวจสอบวันหมดอายุของพาสปอร์ต (Passport) กันด้วยนะคะ ถ้าพาสปอร์ตหมดอายุ หรือมีอายุเหลือไม่ถึง 6 เดือน เราต้องดำเนินการทำพาสปอร์ตใหม่ แล้วถ้าเราต้องการทำพาสปอร์ตในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเราจะสามารถทำได้ที่ไหนบ้าง? วันนี้ Allianz Travel ได้นำข้อมูลสถานที่สำหรับทำพาสปอร์ต (Passport) หรือ หนังสือเดินทางในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มาฝากทุกคนกันค่ะ ไปดูกันเลยว่ามีที่ไหนกันบ้าง

1. กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 08.30 – 16.30 น.)

ที่อยู่ : 123 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210

โทรศัพท์ : Call Center 02 572 8442 หรือ 02 203 5000 กด 1 เพื่อติดต่อกรมการกงสุล

Google Map : https://goo.gl/maps/YpY9ge5U6WFQU92g9

2. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว บางนา – ศรีนครินทร์

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 10.00 – 18.00 น.)

ที่อยู่ : ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์ ชั้น 1 โซน C

โทรศัพท์ : 02 136 3800, 02 136 3802 และ 093 -0105246

โทรสาร : 02 136 3801

Google Map : https://goo.gl/maps/Dbi895MLxKVcPy117

3. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว สายใต้ใหม่ – ตลิ่งชัน

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 08.30 – 16.30 น.)

ที่อยู่ : อาคาร SC Plaza สถานีขนส่งกรุงเทพ (สายใต่ใหม่) ถนนบรมราชชนนี

โทรศัพท์ : 02 422 3431

โทรสาร : 02 422 3432

Google Map : https://goo.gl/maps/W1c3SimQKp6JDsRe7

4. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว มีนบุรี

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 10.00 – 18.00 น.)

ที่อยู่ : ศูนย์การค้าบิ๊กซี สาขาสุวินทวงศ์ 29 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กทม. 10510

โทรศัพท์ : 02 024 8362-64

โทรสาร : 02 024 8361

Google Map : https://goo.gl/maps/5APaCnZLrY5JJQBJ8

5. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว MRT คลองเตย

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 08.30 – 16.30 น.)

ที่อยู่ : สถานีรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) คลองเตย ถนนพระราม 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กทม. 10110

โทรศัพท์ : 02-024-8896, 093-010-5247

โทรสาร : 02-024-8897

Google Map : https://goo.gl/maps/i7R3WB8HygBAd6RA8

6. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ปทุมวัน

วันทำการ : เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 10.00 – 18.00 น.)

ที่อยู่ : ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ (MBK CENTER)ชั้น 5 โซน A ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

โทรศัพท์ : 02 126 7612

โทรสาร : 02 126 7613

Google Map : https://goo.gl/maps/hbDSJVC868QqUmuJ6

7. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ธัญบุรี

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 10.00 – 18.00 น.)

ที่อยู่ : ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ชั้น 3 ถนนพหลโยธิน ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

Google Map : https://goo.gl/maps/g3LD3JMZM9hqyVjU6

8. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว บางใหญ่

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 11.00 – 18.00 น.)

ที่อยู่ : ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา เวสต์เกต ชั้น G ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่ นนทบุรี

Google Map : https://goo.gl/maps/gzGCDpW928c6W6739

โดยการทำพาสปอร์ตสามารถจองคิวผ่านระบบออนไลน์ล่วงหน้าสำหรับการทำหนังสือเดินทางได้ที่เว็บไซต์ : www.qpassport.in.th

: ข้อมูล ณ​ วันที่ 4 ตุลาคม 2564

นอกจากการเตรียมตัวเรื่องพาสปอร์ต (Passport) หรือ หนังสือเดินทางให้พร้อมแล้ว ก่อนเดินทางควรศึกษาข้อมูลการเดินทางของประเทศที่เราต้องการเดินทางไป พร้อมกับเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง และสิ่งสำคัญที่เราควรมีทุกครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศ คือ ประกันภัยการเดินทาง ที่จะช่วยให้แผนการเดินทางของเราไม่สะดุด สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ให้ความคุ้มครองครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน* เลือกแผนประกันการเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ แผนประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel สนใจซื้อแผนประกันการเดินทาง คลิกเลย!!

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

10 Items for aboard

10 ไอเทมสำคัญ อย่าลืมพกไปต่างประเทศ

การเดินทางไปต่างประเทศ เราต้องเตรียมตัวก่อนเดินทางหลายสิ่งหลายอย่าง อันได้แก่ การวางแผนกำหนดการการเดินทาง ข้อมูลของสถานที่ที่เราจะไปแวะเยี่ยมชม เสื้อผ้าตามสภาพอากาศในพื้นที่ และอาจมีพร็อพเก๋ๆ ที่จะช่วยให้คุณถ่ายภาพความทรงจำได้อย่างน่าประทับใจ นอกจากนี้ เรายังต้องมีข้าวของเครื่องใช้จำเป็นอื่นๆ ที่ขาดไม่ได้สำหรับการเดินทาง Allianz Travel ได้ทำลิสต์ 10 ไอเทมสำคัญ หรือสิ่งของจำเป็นที่ขาดไม่ได้ หากต้องเดินทางไปต่างประเทศกันนะคะ

1. หนังสือเดินทาง

เปรียบเสมือนบัตรประจำตัวประชาชนสากลเพื่อใช้สำหรับระบุตัวตนของเรา และควรตรวจเช็ควันหมดอายุด้วย เพราะหนังสือเดินทางควรมีอายุมากกว่า 180 วัน นับจากวันที่เดินทางไป ถ้าหนังสือเดินทางใกล้จะหมดอายุแล้วควรไปต่ออายุก่อนเดินทาง

2. ยาประจำตัว รวมไปถึงยาสามัญต่างๆ

เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ซึ่งในบางประเทศอาจจะไม่มียาที่เราใช้เป็นประจำจำหน่าย ดังนั้นเราจึงไม่ควรที่จะลืมนำติดตัวไปด้วย

3. อุปกรณ์สำหรับแปลภาษา

ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวนิยมใช้แอปพลิเคชันแปลภาษาที่อยู่บนมือถือ ควรดาวน์โหลดติดตั้งเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทาง เมื่อไปถึงประเทศปลายทางจะได้สื่อสารกับคนท้องถิ่นได้ โดยเฉพาะเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้สื่อสารเพื่อขอความช่วยเหลือกับคนรอบข้างได้

4. หัวปลั๊กไฟ

ควรใช้แบบ Universal เพราะแต่ละประเทศจะมีหัวปลั๊กไฟที่ไม่เหมือนกัน เวลาเราต้องเดินทางประเทศต่างๆ จะได้นำออกมาใช้ได้ทุกครั้ง

5. พาวเวอร์แบงค์

พกไว้เมื่อเวลาแบตเตอรีของอุปกรณ์ต่างๆ หมดในระหว่างการเดินทาง เช่น โทรศัพท์มือถือ iPad นาฬิกา Smart Watch หูฟัง เป็นต้น โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือซึ่งถือเป็นอุปกรณ์สำคัญในการค้นหาข้อมูล สถานที่ท่องเที่ยว แผนที่การเดินทาง การติดต่อสื่อสาร ถ้าปล่อยให้แบตเตอรีหมดแย่แน่เลย

6. ร่มพับ

เป็นไอเทมสารพัดประโยชน์ ไม่ว่าจะใช้กันแดด กันฝน กันหิมะ เพราะสภาพอากาศมีความไม่แน่นอน ดังนั้นพกติดตัวไว้ไม่เสียหาย

7. รองเท้าสำรอง

เผื่อกรณีเกิดเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าเปียก หรือขาด เราจะได้สลับเปลี่ยนไปใช้อีกคู่ได้ทันที ทำให้แผนการเดินทางท่องเที่ยวของเราไม่สะดุด

8. กระเป๋าคาดอก

สำหรับพกสิ่งของสำคัญไม่ว่าจะเป็น กุญแจ กระเป๋าเงิน มือถือติดตัวระหว่างวัน โดยที่ไม่ต้องแบกเป้หรือกระเป๋าใบใหญ่ ทำให้สามารถเต็มที่ได้กับทุกกิจกรรม

9. กล้องถ่ายรูป

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันโทรศัพท์ก็สามารถถ่ายรูปได้อยู่แล้ว แต่อุตส่าห์ไปไกลถึงต่างประเทศทั้งที การพกกล้องดีๆ ติดไปด้วยซักตัวเพื่อให้เราได้ภาพที่คมชัดสวยงามเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ประทับใจกับสถานที่นั้นๆ ก็ถือว่าคุ้มที่ได้พกไปด้วย

10. ประกันภัยการเดินทาง

ควรทำไว้ก่อนเดินทาง เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ และค่าบริการต่างๆ ที่ต่างประเทศก็ไม่ใช่ถูกๆ การมีประกันภัยการเดินทางไว้เพื่อคอยซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็ทำให้เราอุ่นใจไปได้เยอะเลย

ในการเดินทางไปต่างประเทศเราควรเตรียมสิ่งของที่จำเป็นติดตัวไปด้วยทุกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจ และเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น แต่การเดินทางในแต่ละครั้งอาจจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เช่น การเจ็บป่วย อุบัติเหตุ* การล่าช้าของเที่ยวบิน การสูญหายของทรัพย์สิน เป็นต้น เราควรซื้อประกันภัยการเดินทางก่อนการเดินทางทุกครั้ง Allianz Travel ขอแนะนำประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่ให้ความคุ้มครองท่านเมื่อต้องพบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้ท่านอุ่นใจในทุกการเดินทางค่ะ 🙂

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

romantic-marriage-proposal-places

5 สถานที่สุดโรแมนติก สำหรับขอแต่งงาน

การที่มีคนที่เรารักมาทำเซอร์ไพรส์ขอเราแต่งงานคงเป็นอีกหนึ่งความฝันของใครหลายๆ คน ซึ่งก่อนอื่นการทำเซอร์ไพรส์ขอคนรักแต่งงานคงต้องวางแผนหาสถานที่สุดโรแมนติกเพื่อสร้างความประทับใจให้กับคนรัก ในวินาทีที่สำคัญเช่นนี้ วันนี้ Allianz Travel ขอนำเสนอ 5 สถานที่สุดโรแมนติกสำหรับการขอแต่งงาน มีที่ไหนบ้าง เรามาดูกันเลย

1. หอไอเฟล – ฝรั่งเศส (Eiffel)

หนึ่งในสถานที่สุดโรแมนติกที่ต้องอยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน ด้วยบรรยากาศโดยรอบ และตัวหอไอเฟลที่มีความโดดเด่น ทำให้คู่รักหลากหลายคู่เลือกที่จะมาสารภาพรัก หรือขอแต่งงานกันที่สถานที่แห่งนี้

2. สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ – ฝรั่งเศส (Disneyland)

หลายคนคงกำลังคิดว่าสวนสนุกจะสร้างความโรแมนติกได้ยังไง? แต่หากคุณได้มาเยือน ปราสาท Sleeping Beauty ปราสาทสีชมพูสุดอลังการแห่งสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ในกรุงปารีส ก็จะเข้าใจถึงความโรแมนติกนี้ เพราะบรรยากาศโดยรอบที่ราวกับอยู่ในเทพนิยาย ทำให้หลายๆ คู่รักเลือกที่จะมาขอแต่งงานกันที่นี่

ขอบคุณรูปภาพจาก : 20 Secrets Of The Sleeping Beauty Castle At Disneyland Paris

3. ปราสาทนอยชวานสไตน์ – เยอรมนี (Neuschwanstein Castle)

ขึ้นชื่อว่าเป็นปราสาทแห่งเทพนิยาย ทำให้การขอแต่งงานที่ปราสาทแห่งนี้ทำให้ได้บรรยากาศและอารมณ์ของการเป็นเจ้าหญิง และเจ้าชายกันเลย

4. สะพานชาร์ลส์ – สาธารณรัฐเช็ก (Charles Bridge)

สะพานหินโค้งเก่าแก่ตั้งอยู่ภายในกรุงปราก เนื่องจากมีทัศนียภาพอันแสนสวยงาม ทำให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวชอบมาเซอร์ไพรส์ขอคนรักแต่งงาน

5. เมืองเวนิส – อิตาลี (Venice)

เมืองที่มีความโรแมนติกแทรกตัวอยู่ตามสถาปัตยกรรมต่างๆ ของเมือง อีกทั้งยังมีบริการเรือกอนโดลาให้คู่รักนั่งชมทัศนียภาพของเมือง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการขอคนรักแต่งงาน

หากถึงเวลาที่ต้องขอคนรักแต่งงาน 5 สถานที่สุดโรแมนติก ที่ Allianz Travel นำเสนอ ก็สามารถใช้เป็นตัวเลือกสำหรับสถานที่ ที่คุณสามารถสร้างความประทับใจที่ยากจะลืมเลือนให้กับคนรักของคุณได้นะคะ : )

เดินทางกับคนที่คุณรัก แผนการเดินทางไม่สะดุด คุ้มครองค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ถ้ามีประกันภัยการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

christmas travel locations

10 สถานที่น่าเที่ยวช่วงคริสต์มาส

เทศกาลคริสต์มาสใกล้เข้ามาแล้ว หลายคนคงนึกถึงเทศกาลแห่งความสนุกสนาน หิมะสีขาว รวมถึงช่วงเวลาแห่งการหยุดพักผ่อน และการได้เฉลิมฉลองกับครอบครัว Allianz Travel เลยอยากแนะนำเพื่อนๆ ไปเยี่ยมชม 10 สถานที่ที่มีมนต์เสน่ห์แห่งเทศกาลเฉลิมฉลองคริสต์มาสที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกันค่ะ

1. สวนแห่งดวงดาว (Starlight Garden) กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

สถานที่ที่หนุ่มสาวคู่รักจะจูงมือกันไปชมทะเลดวงดาวสวยงามตระการตาจากการประดับไฟนับล้านดวง

2. แมนฮัตตัน นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส นครนิวยอร์กจะเต็มไปด้วยการประดับตกแต่งด้วยสีเขียวและสีแดงมากมายทั่วเมือง โดยมีแมนฮัตตันเป็นหัวใจหลักในการจัดงาน

3. อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์

บ้านเกิดของเซนต์นิโคลัส หรือซานตาคลอส ซึ่งในทุกๆ ปีจะมีขบวนพาเหรดซานตาคลอส เพื่อระลึกถึงนักบุญขวัญใจเด็กๆ ทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีเทศกาลไฟประดับ (Light Festival) ที่จัดขึ้นให้ชาวเมือง และนักท่องเที่ยวได้ชมกันอย่างเพลิดเพลิน

4. หมู่บ้านซานตาคลอส (Santa Clause Village) เมืองแลปแลนด์ ประเทศฟินแลนด์

หมู่บ้านน่ารัก สวยงามที่ทุกคนจะได้พูดคุยกับซานตาคลอส และได้ชิมขนมและอาหารประจำเทศกาลแห่งความสุขนี้ รวมไปถึงการเลือกซื้อของฝากที่ระลึกประจำเทศกาลน่ารักๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านกันอีกด้วย

5. กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ถึงแม้ว่ากรุงลอนดอนจะมีการฉลองคริสต์มาสที่สั้นกว่าประเทศอื่นๆ เพราะสิ้นสุดแค่วันที่ 24 ธันวาคม หรือคริสต์มาสอีฟ แต่ก็ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการชมเมืองยามค่ำคืนที่มีการประดับไฟสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งได้ตลอดเวลา

6. เมืองควิเบก ประเทศแคนาดา

อีกหนึ่งเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งหากเดินทางมาเที่ยวช่วงคริสต์มาสแล้ว นอกจากจะได้ชมการตกแต่งเมืองที่สวยงาม เพื่อนๆ ก็ยังจะได้ลิ้มลองขนม อาหาร และเครื่องดื่มประจำเทศกาลสไตล์ยุโรปเก่าแก่อีกด้วย

7. เมืองเรคาวิก ประเทศไอซ์แลนด์

จะมีการจำลองเมืองทั้งเมืองให้เหมือนเมืองในเทพนิยาย และมีหมู่บ้านคริสต์มาสที่จะเปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ตลอดเดือนธันวาคม นอกจากนี้ยังมีการก่อกองไฟ และจุดดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองในช่วงปีใหม่อีกด้วย

8. ตลาดสินค้าคริสต์มาส กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย

เริ่มจัดเทศกาลคริสมาสตร์ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน จนถึงวันคริสต์มาส มีสิ่งของให้จับจ่ายและอาหารให้เลือกชิมมากมาย เช่น ขนมปัง วาฟเฟิล ไส้กรอกย่าง และไวน์ เป็นต้น

9. ตลาดคริสต์มาสแห่งนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน

เป็นตลาดที่เก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1393 มีการตกแต่งสถานที่อย่างสวยงาม มีร้านค้ามากมายถึง 200 ร้านค้าที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แฮนด์เมดและสิ่งของเกี่ยวกับคริสต์มาสมากมาย

10. ตลาดคริสต์มาสแห่งเมืองนูเรมเบิร์ก อีกหนึ่งที่เที่ยวช่วงเทศกาลคริสต์มาสแห่งประเทศเยอรมัน

ซึ่งเป็นเมืองต้นตำรับแห่งการทำขนมผิง โดยจะมีร้านค้ามากถึงเกือบ 200 ร้านค้ามาจำหน่ายของสินค้าที่มีแค่เฉพาะที่นี่ รวมทั้งอาหารและขนมที่จะมีขายปีละครั้งในเทศกาลคริสต์มาสเท่านั้น

เป็นยังไงกันบ้างคะกับ 10 สถานที่น่าเที่ยวช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองคริสต์มาส ที่เราได้พาไปเยี่ยมชมกัน Allianz Travel หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อนๆ ทุกคนจะมีความสุขในเทศกาลคริสต์มาสในปีนี้นะคะ

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

พาลูกขึ้นเครื่องบินอย่างไร ให้ราบรื่นตลอดทาง

เมื่อต้องเดินทางไกลไปต่างประเทศ การเดินทางด้วยเครื่องบินนับเป็นวิธีการเดินทางที่รวดเร็วและสะดวกที่สุด แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ต้องพาลูกน้อยขึ้นเครื่องบินด้วยแล้ว หลายท่านอาจเกิดความกังวลใจขึ้นมาว่าลูกน้อยจะสร้างความรำคาญให้แก่ผู้โดยสารคนอื่น ๆ แถมการเดินทางด้วยเครื่องบินอาจทำให้ลูกเหนื่อยล้าจากการเดินทาง และเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกด้วยค่ะ วันนี้ Allianz Travel มีเคล็ด (ไม่) ลับ ในการพาลูกขึ้นเครื่องบินให้ราบรื่นมาฝากค่ะ จะต้องเตรียมอะไรบ้าง มีขั้นตอนปฏิบัติอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ

ข้อควรรู้ก่อนพาลูกออกเดินทาง

ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าเด็กขึ้นเครื่องบินได้ตั้งแต่อายุกี่เดือน หรือกี่ขวบ และมีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง บางคนอาจเข้าใจผิดว่า ต้องรอให้ลูกอายุครบหนึ่งหรือสองขวบก่อน ถึงจะขึ้นเครื่องบินได้ ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว บางสายการบินอนุญาตให้เด็กทารกที่มีอายุตั้งแต่ 14 วันขึ้นไปสามารถขึ้นเครื่องบินได้ แต่บางสายการบินอาจอนุญาตให้เพียงแค่ 7 วัน ก็ขึ้นเครื่องบินได้แล้วค่ะ นอกจากนี้ ถ้าเด็กอายุยังไม่ถึง 2 ปีบริบูรณ์ ส่วนใหญ่แล้วสายการบินจะอนุญาตให้นั่งตักผู้โดยสารผู้ใหญ่ได้ โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อที่นั่งเพิ่มอีกที่ แต่อาจเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเล็กน้อย ขณะที่ถ้าเป็นเด็กอายุ 2 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป จะมีอัตราค่าโดยสารเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ หรือบางสายการบินก็จะคิดอัตราพิเศษค่ะ

เมื่อรู้แล้วว่าอายุเท่าไหร่ถึงขึ้นเครื่องบินได้ และต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มไหม ก็ถึงเวลามาดู 5 เคล็ด (ไม่) ลับพาลูกขึ้นเครื่องบินกันค่ะ

1.เลือกไฟลท์บินใกล้เคียงเวลานอนเด็ก

เคล็ดลับง่าย ๆ เลยสำหรับการพาลูกขึ้นเครื่องบินก็คือการเลือกไฟลท์บินให้ใกล้เคียงกับเวลานอนของลูกให้ได้มากที่สุด เช่น ถ้าปกติลูกนอนเวลาสามทุ่ม ก็ควรเลือกเที่ยวบินให้ใกล้เคียง อาจจะก่อนสามทุ่มเล็กน้อย เผื่อเวลาให้เครื่องบินผ่านการปรับความกดอากาศก่อน จะได้ไม่มีเสียงรบกวนหรือหูอื้อที่อาจทำให้ตื่นกลางคัน

2.เลือกที่นั่งให้เหมาะกับเด็ก

การเลือกที่นั่งบนเครื่องบินเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณพ่อคุณแม่มีโอกาสเลือกที่นั่งในช่วงการจองตั๋ว แนะนำให้เลือกที่นั่งติดริมทางเดิน ที่นั่งใกล้ห้องน้ำ หรือที่นั่งที่สามารถยืดขาได้และไม่มีเก้าอี้แถวด้านหน้า การเลือกที่นั่งเหล่านี้ จะไม่เป็นการรบกวนผู้โดยสารคนอื่น ๆ ถ้าหากต้องลุกมาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกน้อย หรือถ้าต้องลุกมาเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ นอกจากนี้ บางสายการบินจะมีที่นั่งแนะนำให้คุณแม่ที่เดินทางกับลูกน้อยโดยเฉพาะด้วยค่ะ

3.เตรียมของใช้ที่จำเป็น

เมื่ออยู่บนเครื่องบินแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับลูกน้อย สิ่งของเหล่านี้ต้องพกติดตัวขึ้นเครื่องบิน ไม่ควรโหลดใต้ท้องเครื่อง สิ่งของจำเป็นที่ต้องเตรียม อาทิ ขวดนม นมผง น้ำร้อน ผ้าอ้อม แพมเพิร์ส ทิชชู่เปียก และที่สำคัญคือ ถุงพลาสติก สำหรับเหตุฉุกเฉินเมื่อลูกเกิดการอาเจียนและอ้วกบนเครื่องบินเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศระหว่างเครื่องกำลังขึ้น นอกจากนี้ ควรพกพวกของเล่นเด็กไปด้วย เผื่อลูกไม่หลับ และเบื่อกับการนั่งเครื่องนาน ๆ อย่างน้อย การมีของเล่นสักชิ้น สองชิ้น ก็คลายเบื่อ และทำให้ลูกไม่งอแงได้แล้วค่ะ

4.เตรียมของกินไม่ให้เด็กหิว

อีกเคล็ดลับที่สำคัญมาก ๆ คือ อย่าปล่อยให้ลูกหิวเด็ดขาด เพราะถ้าหิวขึ้นมาแล้วละก็ งอแงและร้องลั่นเครื่องแน่ ๆ เราสามารถเตรียมพร้อมเรื่องนี้ได้ โดยการเตรียมนมและอาหารให้เพียงพอและตรงตามเวลาที่ลูกกินเป็นประจำ โดยของเหลวทั้งอาหารและนมของเด็ก สายการบินอนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องได้ค่ะ
เมื่อพูดถึงเรื่องกินแล้ว อีกเรื่องที่ควรระวังมาก ๆ คือ ไม่ควรให้เด็กกินอิ่มเกินไปก่อนขึ้นเครื่องหรือระหว่างอยู่บนเครื่อง เพราะอาจอาเจียนได้

5.เตรียมรับมือกับแรงกดอากาศ

เรื่องสุดท้ายที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ก็คือ อาการหูอื้อจากแรงกดอากาศขณะเครื่องบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและกำลังลงจอดบนรันเวย์ ขนาดผู้ใหญ่อย่างเรายังมีอาการหูอื้อเลย เพราะฉะนั้นแล้วเด็ก ๆ ต้องเตรียมการรับมือเป็นพิเศษ โดยวิธีป้องกันอาการหูอื้อมีด้วยกันหลายวิธี วิธีแรกคือการใช้ที่อุดหู (ตามร้านอุปกรณ์กีฬา) อีกวิธีคือการให้ เด็ก ๆ ดื่มน้ำ นม หรือทานอาหารระหว่างที่เครื่องบินขึ้นและลง ถ้าเด็กกินอาหารไม่ลง ก็ลองเปลี่ยนให้ทานขนมขบเคี้ยวดู เพราะการทานอาหาร ขนมหรือน้ำ ทำให้เด็กต้องกลืนน้ำลายซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการหูอื้อได้ค่ะ

เพื่อที่จะให้การเดินทางราบรื่นตลอดไฟล์ท การวางแผนพาลูกขึ้นเครื่องบินจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพียงทำตาม 5 เคล็ด (ไม่) ลับที่แนะนำไป แค่นี้ก็สามารถคลายกังวลได้แล้วค่ะ

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

เที่ยวประเทศยุโรป ฉบับคนงบน้อย

เที่ยวประเทศยุโรปฉบับคนงบน้อย (งบไม่เกิน 30,000 – 50,000 บาท)

“ทวีปยุโรป” เป็นทวีปยอดฮิตในฝันของใครหลาย ๆ คน ที่อยากไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต เพราะเต็มไปด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรม สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ผู้คน วัฒนธรรม อาหาร และสิ่งบันเทิงต่าง ๆ ที่รอให้ผู้คนได้ไปสัมผัส ท่องเที่ยว และซึมซับบรรยากาศเหล่านั้น แต่บางคนอาจส่ายหน้าหนีเมื่อนึกถึงการเดินทางไปยุโรป เพราะคิดว่าต้องมีเงินอย่างน้อยหลักแสน ทั้งๆ ที่หลายประเทศในยุโรป แค่ใช้งบเพียง 30,000 ถึง 50,000 บาท ก็เที่ยวได้แล้วค่ะ บทความนี้ Allianz Travel จึงขอพาผู้อ่านไปเที่ยว 6 ประเทศในยุโรปฉบับคนงบน้อยกัน จะมีประเทศไหนบ้าง และต้องเตรียมค่าใช้จ่ายกันเท่าไหร่ ไปดูกันค่ะ

1. ตุรกี

ประเทศตุรกีเป็นดินแดนที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินทั้งสองทวีปคือยุโรปและเอเชีย มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน คนตุรกีส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ดังนั้น สถาปัตยกรรม วัฒนธรรมและประเพณี จึงถูกสร้างและแวดล้อมด้วยศาสนาอิสลาม สำหรับการไปเที่ยวตุรกี มีงบเพียง 30,000 บาท ก็สามารถไปเที่ยวได้แล้ว โดยแบ่งค่าใช้จ่ายตามนี้

งบประมาณ : 30,000 บาท

ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ : 15,000 – 18,000 บาท

ค่าวีซ่า : ไม่ต้องขอวีซ่า

ค่าที่พักและค่าอาหาร : ค่าที่พักเริ่มต้น 500 บาท/คืน (สำหรับโฮสเทล) ค่าอาหาร 200 – 300 บาทต่อมื้อ

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ : ประมาณ 3,000 – 5,000 บาท อาทิ ค่าซื้อประกันภัยการเดินทาง ค่ารถบัสข้ามเมือง ค่ารถเมโทร ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ (ขึ้นอยู่กับว่าไปกี่สถานที่)

สถานที่แนะนำ:

  • สุเหร่าโซเฟีย เมืองอิสตันบูล – ถูกจัดให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหศัจรรย์ของโลกยุคกลาง สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 360 จุดเด่นคือมีโดมขนาดใหญ่กลางวิหารอายุกว่า 1,500 ปี
  • มัสยิดสีน้ำเงิน เมืองอิสตันบูล – สร้างขึ้นปี ค.ศ. 1606-1615 ข้างในมีการตกแต่งออกแบบภายในด้วยกระเบื้องอิซนิค บนกำแพงชั้นในสีฟ้าสดใสเป็นลายดอกไม้ ทั้งอาคาร มีหอมินาเร็ตหรือหอสวดมนต์ 7 หอ การจัดวางพื้นที่ของอาคารต่างๆ ถูกจัดวางเป็นรูปตัวยูได้อย่างสวยงาม
  • อุทยานแห่งชาติปามุคคาเล่ – สถานที่ยอดฮิตที่มี “บ่อน้ำพุร้อน” หรือแหล่งน้ำพุทางธรรมชาติเป็นจุดเด่น ชื่นชมกับทัศนียภาพของบ่อน้ำพุร้อนที่สวยงามจากการสะสมจนเกิดเป็นภูเขาเกลือขนาดใหญ่
  • พระราชวังทอปกาปี – สร้างขึ้นโดยสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 ใช้เป็นที่ประทับของสุลต่านหลายพระองค์ต่อเนื่องกันหลายทศวรรษ ปัจจุบันพระราชวังทอปกาปี เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงสมบัติล้ำค่าของสุลต่านองค์ต่าง ๆ รวมทั้งวัตถุโบราณอื่น ๆ อาทิเครื่องกระเบื้องของจีนกับญี่ปุ่นกว่า 12,000 ชิ้น
  • เมืองคัปปาโดเชีย – ทัวร์บอลลูนชมเมือง เที่ยวนครใต้ดิน ทัวร์พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ ต้องบอกว่ามาตุรกีแล้ว ห้ามพลาดมาเยือนคัปปาโดเชียเด็ดขาด เพราะนี้คือเมืองยอดฮิตที่มีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก
ตุรกี
Hot air balloon flying over rock landscape at Cappadocia Turkey

2. รัสเซีย

สำหรับนักท่องเที่ยวไทยที่อยากไปเที่ยวรัสเซีย ข่าวดีคือไม่ต้องทำวีซ่า ก็สามารถเที่ยวได้ถึง 30 วัน รัสเซียเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น วัฒนธรรมหลากหลาย สภาพอากาศก็เหมาะแก่การเที่ยว ไปเที่ยวรัสเซียใครว่าแพง แค่ 30,000 บาท ก็พอแล้วค่ะ

งบประมาณ : 30,000 บาท

ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ : 15,000 – 18,000 บาท

ค่าวีซ่า : ไม่ต้องขอวีซ่า

ค่าที่พักและค่าอาหาร : ค่าที่พักเริ่มต้น 400 บาท/คืน (ราคาโฮสเทล) ค่าอาหารเฉลี่ย 200 บาทต่อมื้อ

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ : ประมาณ 3,000 – 5,000 บาท อาทิ ค่าซื้อประกันภัยการเดินทาง ค่ารถบัสข้ามเมือง ค่ารถเมโทร และค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ (ขึ้นอยู่กับว่าไปกี่สถานที่)

สถานที่แนะนำ:

  • พระราชวังแคทเธอรีน เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก – หนึ่งในพระราชวังที่ห้ามพลาด ภายในพระราชวังมีห้องต่าง ๆ ให้ชมนับร้อย โดยเฉพาะห้องอำพัน ที่ถือว่าแป็นสุดยอดงานศิลป์ศตวรรษที่ 18 สร้างโดยช่างเยอรมัน ถวายให้แก่กษัตริย์ฟรีดริชที่ 1 แห่งปรัสเซีย
  • พระราชวังเครมลิน กรุงมอสโคว์ – มีอายุยืนยาวกว่า 850 ปี ตั้งอยู่บนเนินสูง ริมแม่น้ำมอสโคว์ ตัวพระราชวังถูกล้อมรอบด้วยกำแพงสีแดง ภายในมีพิพิธภัณฑ์อาร์เมอร์รี่ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของรัสเซีย ภายในจะมีการเก็บวัตถุโบราณและสมบัติของกษัตริย์รัสเซียไว้มากมาย อาทิ เครื่องเพชร ทองคำ และชุดฉลองพระองค์ เป็นต้น
  • มหาวิหารเซนต์เดอะซาเวียร์ กรุงมอสโคว์ – เป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียตั้งอยู่ใจกลางเมืองติดกับแม่น้ำมอสโคว์ รอบ ๆ วิหารจะมีภาพล่อโลหะเป็นรูปนักรบโบราณกับกษัตริย์ที่มีความสวยงามเสมือนจริง มหาวิหารนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1990 หลังจากได้ทุบของเดิมทิ้ง
  • มหาวิหารเซนต์บาซิล กรุงมอสโคว์ – ถือเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวมากที่สุด มหาวิหารเซนต์บาซิลเป็นสถาปัตยกรรมศิลปะแบบรัสเซียโบราณ ประกอบด้วยยอดโดม 9 ยอด ใครมาเที่ยวกรุงมอสโคว์ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะแค่มองโดมทั้ง 9 ยอด ก็จะเห็นถึงความงดงามและอลังการของสถาปัตยกรรมชิ้นนี้แล้ว
  • ทะเลสาบไบคาล – เป็นทะเลที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่บริเวณตอนใต้ของไซบีเรีย ช่วงหน้าหนาวทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด นักท่องเที่ยวนิยมขับรถเข้าไปถ่ายรูปที่เกาะ Olhkon ความสวยงามของทะเลสาบไบคาล อยู่ที่ปรากฏการณ์น้ำแข็งงอก น้ำแข็งย้อย ที่เกิดขึ้นในบริเวณถ้ำต่าง ๆ บริเวณรอบทะเลสาบ ดูแปลกตาและงดงามอย่างยิ่ง
รัสเซีย
Sunny autumn morning at St. Basil’s Cathedral on Red Square

3. อิตาลี

อิตาลี ประเทศในฝันของนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คน ที่เต็มไปความงดงามและความอลังการของศิลปะ ประติมากรรม อาคารโบราณ วิหาร และสถาปัตยกรรมอื่น ๆ ซึ่งบางอย่างมีอายุยาวนานมากกว่าพันปี อิตาลีมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เยอะมาก กระจายตัวอยู่ตามเมืองต่าง ๆ ถ้าใครไปเที่ยวแล้ว ก็ควรเก็บที่เที่ยวเหล่านี้ให้ครบนะคะ

งบประมาณ : 50,000 บาท

ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ : 16,000 – 20,000 บาท

ค่าวีซ่าเชงเก้น : ประมาณ 2,500 – 3,500 บาท

ค่าที่พักและค่าอาหาร : ค่าที่พักเริ่มต้น 800 บาท/คืน (ราคาโฮสเทล) ค่าอ่าหารเฉลี่ย 400 บาทต่อมื้อ

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ : ประมาณ 5,000 – 7,000 บาท อาทิ ค่าซื้อประกันเดินทาง ค่ารถบัสข้ามเมือง ค่ารถเมโทร ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ (ขึ้นอยู่กับว่าไปกี่สถานที่)

สถานที่แนะนำ:

  • Leaning Tower of Pisa – สถานที่ยอดฮิตที่ไม่ว่าใครมาเที่ยวอิตาลีก็ต้องมาถ่ายรูปทำท่าดันหอเอนปิซ่า เพราะหอเอนปิซ่า เป็นหอที่เอียงออกจาแนวดิ่งของฐานถึง 14 ฟุต แต่ไม่ล้ม และหอนี้ก็สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1173 และยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
  • Colosseum – หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 72 โคลอสเซียมเป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่ใหญ่โตมโหฬาร สามารถจุคนได้ถึง 80,000 คน ถ้าใครอยากชมความยิ่งใหญ่อลังการของสถาปัตยกรรมโบราณ ห้ามพลาดที่นี่เลยค่ะ
  • St Peter’s Basilica – มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ตั้งอยู่ในเขตนครรัฐวาติกัน เป็นผลงานออกแบบของ ไมเคิล แองเจโล สถาปนิกเลื่องชื่อในอดีต มหาวิหารนี้ถือเป็นศูนย์รวมใจหลักของคริสตชนและเป็นสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่และอลังการที่สุดในรัฐวาติกันและอิตาลี
  • Venice Grand Canal – การล่องเรือชมเมืองเวนิสเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด เพราะตลอดสองข้างทาง จะพบกับบ้านเรือนสวย ๆ สถานที่เที่ยวระดับโลก พระราชวัง และโบสถ์ที่เรียงรายอยู่ริมฝั่งคลอง
  • Pantheon – มหาวิหารแพนธีออนมีอายุกว่า 2,000 ปี แรกเริ่มสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นเทวสถานสำหรับเทพต่าง ๆ ในสมัยโรมันโบราณ โดยมหาวิหารแพนธีออนถือเป็นสถาปัตยกรรมจากสมัยโรมันที่คงสภาพสมบูรณ์ที่สุดในอิตาลี
อิตาลี
Grand Canal and Basilica Santa Maria della Salute in Venice

4. ออสเตรีย

ออสเตรีย ดินแดนสุดโรแมนติกที่รายล้อมไปด้วยขุนเขาและทะเลสาบ ออสเตรียจึงเป็นประเทศที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่อยากไปสัมผัสธรรมชาติอย่างเต็มปอด แต่ก็ใช่ว่าออสเตรียจะมีเพียงแค่ธรรมชาติเท่านั้น เพราะอาคารเก่าแก่และสถาปัตยกรรมอันงดงามก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลต์ของที่นี้เหมือนกัน เพียงแค่เดินชมเมืองก็จะหลงรักออสเตรียแล้วค่ะ

งบประมาณ : 50,000 บาท

ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ : 17,000 – 19,000 บาท

ค่าวีซ่าเชงเก้น : ประมาณ 2,500 – 3,500 บาท

ค่าที่พักและค่าอาหาร : ค่าที่พักเริ่มต้น 1,000 บาท/คืน (ราคาโฮสเทล) ค่าอาหารเฉลี่ย 400 บาทต่อมื้อ

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ : ประมาณ 5,000 – 7,000 บาท อาทิ ค่าซื้อประกันเดินทาง ค่ารถบัสข้ามเมือง ค่ารถเมโทร ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ (ขึ้นอยู่กับว่าไปกี่สถานที่)

สถานที่แนะนำ:

  • พระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) – เป็นแหล่งเช็กอินต้น ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวเมื่อมาเวียนนา พระราชวังเชินบรุนน์สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เป็นพระราชวังฤดูร้อนที่ได้รับต้นแบบมาจากพระราชวังแวร์ซายส์ในฝรั่งเศส ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
  • เมือง Hallstatt – ถ้าไม่มาเที่ยวเมือง Hallstatt เท่ากับว่ามาไม่ถึงออสเตรีย ! เพราะเมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองริมทะเลสาบที่มีวิวทัศน์สวยที่สุดในโลกเลย เสน่ห์ของเมือง Hallstatt คือบ้านเมืองที่เรียงรายกันอยู่ริมทะเลสาบ พร้อมวิวทัศน์ภูเขาสูงและทะเลสาบอยู่ด้านหลัง แค่เดินชมเมืองก็ถือว่าคุ้มที่ได้มาแล้วค่ะ
  • เมือง Salzburg – เมืองมรดกโลกที่มีประวัติศาสตร์อย่างยาวนาน สถานที่เที่ยวยอดฮิตในเมืองนี้ อาทิ สวนมิราเบลล์ ป้อมปราการ Hohensalzburg และ The Eisriesenwelt (ถ้ำน้ำแข็ง ยาว 42 กิโลเมตร) มหาวิหารนี้ถือเป็นศูนย์รวมใจหลักของคริสตชนและเป็นสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่และอลังการที่สุดในรัฐวาติกันและอิตาลี
  • เมือง Innsbruck – เมืองเล็ก ๆ ที่บรรยากาศเงียบสงบ อากาศดี เหมาะแก่การพักผ่อน เมืองอินส์บรุคส์ มีเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง พร้อมมีแม่น้ำอินส์ไหลผ่าน ภายในเมืองยังเป็นสวรรค์ของนักสกี เพราะมีภูเขาที่มีหิมะขาวโพลนปกคลุมตลอดทั้งปี เหมาะแก่การเล่นสกี และที่นี้ก็เคยได้จัดแข่งโอลิมปิคฤดูหนาวด้วยค่ะ
  • เมือง Zell Am See – อีกหนึ่งเมืองเล็ก ๆ ที่มีวิวทิวทัศน์เป็นภูเขาสูงและทะเลสาบ สำหรับเมืองนี้กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวมักมาทำ คือการเล่นสกีน้ำแข็งบนเนินเขาระหว่างภูเขา 3 ลูก ความยาวกว่า 138 กิโลเมตร หรือถ้าใครไม่ชอบเล่นสกี ก็มีบริการนั่งเคเบิลคาร์เพื่อชมวิวยอดเขา Schmittenhohe
ออสเตรีย
Historical quarters of Hallstatt with tall spire of Evangelical Church and wooden fishing boats’ garages in port on Hallstattersee lake, Salzkammergut, Austria.

5. กรีซ

กรีซ ประเทศแห่งเทพนิยายทางตอนใต้ของยุโรปที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ร้อยเรียงด้วยแหล่งอารยธรรมโบราณ สถาปัตยกรรม ศิลปะ ประติมากรรม และทะเลอันสวยงาม ทำให้กรีซเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและทั่วโลกให้ลองมาสัมผัสแหล่งอารยธรรมของโลก กรีซเป็นอีกหนึ่งประเทศที่งบไม่จำเป็นต้องเยอะ ก็ไปเที่ยวเองได้

งบประมาณ : 50,000 บาท

ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ : 20,000 บาท

ค่าวีซ่าเชงเก้น : ประมาณ 2,500 – 3,500 บาท

ค่าที่พักและค่าอาหาร : ค่าที่พักเริ่มต้น 800 บาท/คืน (ราคาโฮสเทล) ค่าอาหารเฉลี่ย 400 บาทต่อมื้อ

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ : ประมาณ 5,000 – 8,000 บาท อาทิ ค่าซื้อประกันเดินทาง ค่ารถบัส ค่า One Day Trip เกาะ ค่ารถเมโทร ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ (ขึ้นอยู่กับว่าไปกี่สถานที่)

สถานที่แนะนำ:

  • กรุงเอเธนส์ – เมืองเอเธนส์ เมืองโบราณที่มีอายุยืนยาวกว่า 2,000 ปี ภายในเมืองเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียง อาทิ วิหารพาเธนอน และอะโครโปลิส เป็นต้น
  • เกาะซานโตรินี – อยู่ทางตอนใต้ของทะเลอีเจียน เกาะซานโตรินีมีจุดเด่นน่าสนใจคือบ้านเรือนและสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นแปลกตาด้วยสีขาวโล้นเกือบทั้งเกาะ กิจกรรมน่าสนใจบนเกาะ อาทิ การชมพระอาทิตย์ตกที่หมู่บ้านเอีย (Oia)
  • ถ้ำสีน้ำเงิน (Blue Lagoon) – ถ้ำสีน้ำเงิน ถือเป็นหนึ่งความมหัศจรรย์ที่ต้องมาเยือนให้ได้ โดยด้านหน้าของถ้ำเกิดการกัดเซาะของน้ำทะเลจนเกิดเป็นรูปร่างซุ้มประตูที่สวยงาม เมื่อนั่งเรือลอดเข้ามาในถ้ำแล้ว ก็จะพบกับทะเลสีน้ำเงินใสสะอาด นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำ และดำน้ำดูปลาภายในถ้ำได้
  • เกาะซาคินทอส – เป็นเกาะที่อยู่นอกฝั่งตะวันตกของกรีซ มีชื่อเสียงด้านความงามของธรรมชาติ อุดมสมบรูณ์ไปด้วยสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ ซาคินทอสได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในทะเลที่สวยที่สุดในโลก นอกจากนี้ เมื่อมาถึงซาคินทอสแล้ว อย่าลืมแวะไปหาดนาวาจิโอ ซึ่งเป็นหาดซากเรือแตก และเคยถูกใช้เป็นฉากหลังถ่ายทำซีรีส์เกาหลีด้วยนะ!
  • เกาะมิโคนอส – มาต่อกันอีกเกาะ กับเกาะมิโคนอส ซึ่งขึ้นชื่อเสียงด้านความสวยงามของตัวอาคารที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ตัวบ้านจะมีสีขาว ตัดกับประตูหน้าต่างสีฟ้าสดใส บนเกาะมีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก อาทิ การดำน้ำลึก พายเรือ ขี่เจ็ตสกี เป็นต้น
กรีซ
Colorful panoramia of Oia town in Santorini, Greece

6. โปแลนด์

ประเทศสุดท้ายที่เราจะพาไปเที่ยวฉบับคนงบน้อยก็คือประเทศโปแลนด์ค่ะ โปแลนด์เป็นประเทศหนึ่งที่ค่าครองชีพไม่ได้สูง ทั้งค่าที่พักและอาหารต่อมื้อ ดังนั้นแล้ว ถ้าจัดการงบประมาณดี ๆ ไม่เกิน 50,000 บาทแน่นอนค่ะ

งบประมาณ : 50,000 บาท

ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ : 20,000 บาท

ค่าวีซ่าเชงเก้น : ประมาณ 2,500 – 3,500 บาท

ค่าที่พักและค่าอาหาร : ค่าที่พักเริ่มต้น 600 บาท/คืน (ราคาโฮสเทล) ค่าอาหารเฉลี่ย 300 บาทต่อมื้อ

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ : ประมาณ 2,000 – 4,000 บาท อาทิ ค่าซื้อประกันเดินทาง ค่ารถบัส ค่ารถเมโทร ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ (ขึ้นอยู่กับว่าไปกี่สถานที่)

สถานที่แนะนำ:

  • วอร์ซอ – เมืองหลวง และเมืองที่ใหญ่ที่สุดของโปแลนด์ มีสถานที่เที่ยวน่าสนใจจำนวนมาก แบ่งเป็นสามโซนหลักด้วยกันคือ 1. Old Town 2.Royal Route 3. New Town โดยโซน Old Town ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก ในย่านนี้ก็จะมีพระราชวังหลวงตั้งอยู่ด้วยค่ะ
  • มหาวิหารวาเวล – มหาวิหารที่เก่าแก่ในเมืองคราเคา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 มหาวิหารแห่งนี้เคยเป็นที่ประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกกษัตริย์ และเป็นที่ฝังพระศพกษัตริย์และขุนนางอีกด้วย มหาวิหารแห่งนี้ประกอบไปด้วยโบสถ์ ถึง 18 โบสถ์ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมความงดงาม
  • ค่ายกักกันเอาชวิทซ์ – เบียร์เคเนา – เป็นค่ายที่นาซีสร้างขึ้นในปี 1940 เพื่อกักกันชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกปี 1979 ภายในค่ายจะแสดงสิ่งของเครื่องใช้ของชาวยิวที่ถูกจับตัวมาในสมัยนั้น ภายในยังมีเปิดให้ชมห้องต่าง ๆ ทั้งห้องนอน ห้องน้ำ และห้องเผาศพ ถึงแม้ค่ายกักกันแห่งนี้จะไม่ใช่สถานที่ตื่นตาตื่นใจ แต่นับเป็นสถานที่ ที่ทำให้เราตระหนักถึงความโหดร้ายของสงครามได้เป็นอย่างดี
  • เหมืองเกลือวิเอลิคชกา – เหมืองเกลือที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ภายในเหมืองจะมีอุโมงค์ความยาวกว่า 300 กิโลเมตร และส่วนที่ลึกที่สุดของเหมืองแห่งนี้เทียบเท่ากับตึกสูง 40 ชั้นเลยทีเดียว!
  • ซาโกปาเน – เมืองแห่งขุนเขาและสวรรค์ของนักเล่นสกี นักท่องเที่ยวมักมาเที่ยวที่ซาโกปาเนในฤดูหนาว เพราะเมืองจะมีทิวทัศน์ที่สวยงามโอบล้อมด้วยภูเขาหิมะขาวโพลน
โปแลนด์
Aerial view over Grudziadz, Poland

เราไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายกับการท่องเที่ยวยุโรปอีกต่อไปแล้ว ถ้าเราวางแผนการท่องเที่ยว และคุมงบประมาณเป็นอย่างดี อีกทั้งปัจจุบันโปรโมชั่นที่พักและสายการบินก็มีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง 6 ประเทศที่เราแนะนำไป ถ้าวางแผนท่องเที่ยวและคุมงบอย่างดีแล้ว รับรองว่าเที่ยวได้อย่างสบายใจ ไม่เกินงบแน่นอนค่ะ (เผลอ ๆ ไม่ถึง 30,00 – 50,000 ด้วย)


สำหรับการท่องเที่ยวประเทศยุโรปแบบคนงบน้อย การเสียค่ารักษาพยาบาล เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด จะทำให้การท่องเที่ยวหมดสนุกไปทันที ดังนั้นการซื้อประกันภัยการเดินทาง ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย เพราะเบี้ยประกันแค่หลักร้อย ก็สามารถคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลหลักล้านได้แล้ว ที่ Allianz Travel เรามีประกันการเดินทางรายเที่ยวและรายปี ที่คุ้มครองครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล การพลาดการต่อเที่ยวบิน ความล่าช้าของสัมภาระ เอกสารสำคัญสูญหาย และกรณีอื่น ๆ เพียงเท่านี้ เราก็สามารถเที่ยวยุโรปได้อย่างสบายใจ มั่นใจ และไร้กังวลแล้วค่ะ

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา