12 ที่เที่ยวแคนาดา ดินแดนแห่งความงดงามของธรรมชาติ

12 ที่เที่ยวแคนาดา ดินแดนแห่งความงดงามของธรรมชาติ

ประเทศแคนาดาเป็นหนึ่งในประเทศที่หลายคนอยากไปเยือน ด้วยเป็นประเทศที่กว้างใหญ่อันดับที่ 2 ของโลก มีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ ให้ได้ผจญภัยได้หลากหลายรูปแบบ ที่เที่ยวแคนาดาหลายแห่งก็ติดอันดับที่เที่ยวที่สวยที่สุดในโลก หากใครกำลังมองหาที่เที่ยวต่างประเทศที่คุ้มค่าต่อการไปเยือน การไปเที่ยวแคนาดาจะทำให้คุณประทับใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการชมธรรมชาติอันงดงาม สัตว์ป่า วัฒนธรรม และอาหาร Allianz Travel จะพาคุณไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ กับ 12 ที่เที่ยวแคนาดา ต้องมาสักครั้งในชีวิต

1. เทือกเขาร็อกกี้ของแคนาดา (The Canadian Rockies)

หากคุณอยากเห็นวิวภูเขาที่สวยงามที่สุด เทือกเขาร็อกกี้ของแคนาดาเป็นเทือกเขาที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่มากที่สุดในประเทศแคนาดา ทอดตัวเป็นแนวพรมแดนตั้งแต่ทางด้านเหนือสุดของรัฐบริติชโคลัมเบีย (British Columbia) ประเทศแคนาดา ยาวไปจนถึงรัฐนิวเม็กซิโก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวชมเทือกเขาร็อกกี เมาน์เทน จะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ (Banff National Park) และอุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ (Jasper National Park) รัฐแอลเบอร์ตา (Alberta) ซึ่งมีเส้นทางขับรถชมยอดเขาที่สวยงามมาก ๆ โดยเฉพาะบนเส้นทาง Icefields Parkway และ Trans-Canada Highway ช่วงเมืองแจสเปอร์

ที่เที่ยวแคนาดา เทือกเขาร็อกกี้ของแคนาดา (The Canadian Rockies)

ในเขตอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ คุณจะได้สัมผัสผืนป่าเขียวขจีผ่านเส้นทางเดินเขา (Sulphur Mountain Boardwalk) ที่ทำจากไม้กระดานทอดเป็นบันไดยาวสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 2,281 เมตร เพื่อชมวิวของอุทยาน ชมเมืองแบมฟ์จากมุมสูง รวมถึงทะเลสาบ Minnewanka กันอย่างจุใจ หรือเลือกขึ้นกระเช้าไฟฟ้า (Gondola) ไปยังจุดชมวิวด้านบนยอดเขา Sulphur Mountain หากคุณชอบเล่นสกี หรือกิจกรรมฤดูหนาว ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมในแคนาดา แต่ก็มีการผจญภัยกลางแจ้งมากมายในช่วงฤดูร้อนเช่นกัน

ที่เที่ยวแคนาดา เทือกเขาร็อกกี้ของแคนาดา

ข้อแนะนำเพิ่มเติม:

ถ้าคุณอยากชื่นชมธรรมชาติแบบสโลว์ไลฟ์ คุณสามารถเลือกขึ้นรถไฟ และสัมผัสความยิ่งใหญ่จากหน้าต่างเปิดกว้างชมวิวพาโนราม่าบนที่นั่งแสนสบายของคุณ ขณะที่เจ้ารถเหล็กเคลื่อนตัวผ่านภูเขา ป่ากว้าง และแม่น้ำระหว่างทาง นอกจากนี้คุณอาจมีโอกาสได้เห็นหมีดำกริซลี่ เหยี่ยว นกอินทรีสีทอง กวางเอลค์ และแม้แต่เสือคูการ์ในขณะที่คุณเดินทางด้วยความเร็ว 35 ไมล์ต่อชั่วโมงอีกด้วย

2. เมืองแวนคูเวอร์ (Vancouver)

เมืองแวนคูเวอร์เป็น ที่เที่ยวแคนาดา แห่งหนึ่ง ที่คุณจะได้เห็นเมืองและธรรมชาติอยู่ด้วยกันอย่างสวยงามและลงตัว คุณจะเห็นความงามของน้ำทะเลจรดท้องฟ้าล้อมรอบมหานครใหญ่ ทั้งภูเขาที่เล่นสกีได้ในบริเวณรอบนอก ชายหาดริมชายฝั่ง และต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีอายุนับ 100 ปีในสวนสาธารณะสแตนลีย์ (Stanley Park) ที่มีพื้นที่กว้างขวางถึง 4 ตารางกิโลเมตร เป็นแหล่งพักผ่อนยอดนิยมของชาวเมืองและเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์และนกหลายชนิด เพียงไม่กี่ก้าวจากตึกสูงในย่านดาวน์ทาวน์

ที่เที่ยวแคนาดา เมืองแวนคูเวอร์ (Vancouver)

นอกจากธรรมชาติอันหลากหลายของแวนคูเวอร์ เมืองชายฝั่งแห่งนี้ยังมีอาหารและวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และกับย่านต่างๆ ที่ทำให้เมืองนี้มีเสน่ห์ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นประตูสู่การผจญภัยกลางแจ้งด้วย การเดินป่า ขี่จักรยาน และพายเรือ สามารถเข้าถึงได้ง่ายจากใจกลางเมือง หากสภาพอากาศเป็นใจ นักท่องเที่ยวสามารถจับจ่ายซื้อของ เล่นสกี และว่ายน้ำได้ในวันเดียว

ข้อแนะนำเพิ่มเติม:

เกาะแวนคูเวอร์เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในแคนาดาที่ควรไปเยี่ยมชมในช่วงฤดูร้อน ด้วยสภาพอากาศที่อบอุ่นและชายหาดที่สวยงาม คุณสามารถซื้ออาหารและเครื่องดื่มเย็นๆ ไปนั่งปิกนิกที่สวนสาธารณะสักแห่งในเมือง หรือเดินเล่นช้อปปิ้งเมือง คุณอาจพบเห็นคนดังระหว่างทาง เพราะแวนคูเวอร์เป็นที่รู้จักในนาม “ฮอลลีวูดเหนือ” ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์หลายเรื่องที่ถ่ายทำตลอดทั้งปี

3. เกาะมานิทูลิน (Manitoulin Island)

เกาะมานิทูลินมีพื้นที่ 2,766 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยุ่บนอ่าวจอร์เจียกลางทะเลสาบฮูรอน เป็นเกาะน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในเกาะยังมีทะเลสาบน้ำจืดอีก 108 แห่ง ที่ใหญ่ที่สุดคือทะเลสาบ Manitou ทะเลสาบ Kagawong และทะเลสาบ Mindemoya ที่ล้วนแต่มีเกาะเป็นของตัวเองเช่นกัน คุณสามารถพายเรือเล่นในทะเลสาบหรือแม่น้ำ ชมความงามของน้ำตกไบรดัลเวล (Bridal Veil) ไหลลดหลั่นลงมาเหนือหุบเขาใกล้ทะเลสาบ Kagawong

ที่เที่ยวแคนาดา เกาะมานิทูลิน (Manitoulin Island)

นอกจากนี้เกาะมานิทูลินยังเป็นที่ตั้งถิ่นฐานแห่งแรกของของชาวยุโรปในแคนาดาอีกด้วย บนเกาะมีเขตอนุรักษ์ของชนพื้นเมือง 6 แห่ง และเต็มไปด้วยหลักฐานทางโบราณคดีที่ย้อนไปได้ถึง 2,000 ปี ก่อนคริสตกาล ไฮไลท์คือการที่คุณได้ใช้เวลากับชนพื้นเมือง ผ่านการเรียนรู้ทางวัฒนธรรมและมรดกของพวกเขา อย่างเช่น พักกับคนในท้องถิ่น ชิมอาหาร ผจญภัยเชิงอนุรักษ์ (พายเรือแคนู ขี่ม้า เดินป่า) เข้าเวิร์คชอปทำคบเพลิงหรือกลอง หรือชมการแสดงดนตรีและการเต้นรำแบบดั้งเดิม

ข้อแนะนำเพิ่มเติม:

ฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการตกปลา เดินป่า พายเรือ และเล่นบนชายหาด  หากคุณชอบการเดินป่าที่เงียบสงบและสีสันสวยงามของฤดูใบไม้ร่วง ช่วงสุด cideries สัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคมจะเป็นวันหยุดยาวที่ชาวเมืองเฉลิมฉลองเทศกาล Haweater คุณจะได้พบกับงานหัตถกรรม ขบวนพาเหรด การเต้นรำตามท้องถนน ล่องเรือรถคลาสสิก การแข่งขันในชนบทแบบเก่า เช่น การดึงม้า และดอกไม้ไฟ ฤดูหนาวจะเป็นช่วงเวลาชมแสงเหนือเต้นรำบนท้องฟ้ายามค่ำคืน เล่นสกีแบบครอสคันทรี หรือตกปลาในน้ำแข็ง

4. เกาะแวนคูเวอร์ (Vancouver Island)

ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาเพียง 90 นาทีนั่งเรือข้ามฟากจากเมืองแวนคูเวอร์อันวุ่นวายมาสู่เมืองวิคตอเรีย เมืองหลวงของบริติชโคลัมเบียที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ อยู่บนปลายสุดทางตอนใต้ของเกาะแวนคูเวอร์ คุณจะรู้สึกราวกับย้อนไปสู่ยุคอาณานิคมอังกฤษตั้งแต่ทศวรรษที่ 1840 คุณจะได้เห็นบบรยากาศที่แปลกตาออกไป มีร้านค้าสไตล์โบฮีเมียน บาร์กาแฟที่ปูพื้นด้วยไม้ และวัฒนธรรมแบบอังกฤษ อย่างเช่น การดื่มชายามบ่าย สวนอังกฤษที่ตกแต่งอย่างสวยงาม

ที่เที่ยวแคนาดา เกาะแวนคูเวอร์ (Vancouver Island)

เกาะแวนคูเวอร์ทอดยาวเป็นระยะทาง 460 กิโลเมตร นอกจากเมืองวิคตอเรีย ยังมีเมืองอื่นหรือกิจกรรมอื่นที่น่าสนใจ อย่างเช่น เมือง Sooke และชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ หุบเขาโควิชาน (Cowichan) หรือสำรวจหมู่เกาะในอ่าว ชมพื้นที่ชายฝั่งที่มีระบบนิเวศน์ที่หลากหลายทีสุดแห่งหนึ่งของโลกทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ เขตสงวนอุทยานแห่งชาติแปซิฟิกริม (Pacific Rim) ส้มผัสประสบการณ์การดูวาฬ ดูนก ตกปลา เล่นกระดานโต้คลื่น หรือผ่อนคลายไปกับวิวทะเลของมหาสมุทรแปซิฟิก

ข้อแนะนำเพิ่มเติม:

หากคุณเป็นนักชิม ให้มุ่งหน้าไปที่โควิชาน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนทางทะเลเพียงแห่งเดียวของแคนาดา และเป็นที่ที่มีอุณหภูมิอบอุ่นที่สุดตลอดทั้งปี ดังนัน เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่โควิชานผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่มีรสชาติดีเยี่ยมจากฟาร์ม โรงบ่มไวน์ โรงงานผลิตเครื่องดื่มไซเดอร์ และโรงกลั่น นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเทศกาลและกิจกรรมกลางแจ้งสนุกๆ อีกมากมายตลอดทั้งปี เช่น ขี่จักรยาน เดินป่า ตกปลา พายเรือคายัค และอื่นๆ

5. เมืองวิสต์เลอร์ (Whistler)

เมืองวิสต์เลอร์ (Whistler) ในรัฐบริติชโคลัมเบียอยู่ห่างจากใจกลางเมืองแวนคูเวอร์เพียง 90 นาทีโดยรถยนต์ ที่เที่ยวแคนาดา แห่งนี้มีภูมิทัศน์ที่สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ ทำให้เมืองแห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าประทับใจตลอดทั้งปี หมู่บ้านบนเทือกเขาแห่งนี้เป็นสถานที่จัดงานโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2010 เป็นหนึ่งในสกีรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุด มีอุปกรณ์ครบครันและเป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีทางสกีว่า 200 เส้นทางที่คดเคี้ยวไปตามภูเขาสูงตระหง่านสองลูก ได้แก่ ภูเขาวิสต์เลอร์และภูเขาแบล็คคอมบ์

ที่เที่ยวแคนาดา เมืองวิสต์เลอร์ (Whistler)

จุดหมายปลายทางแห่งนี้คือสวรรค์สำหรับนักเล่นสกีและกีฬาฤดูหนาวทุกระดับ แต่ที่นี่ก็เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อนเช่นกัน ทั้งปั่นจักรยานเสือภูเขา เล่นแพดเดิลบอร์ด และการเดินป่า นอกเหนือจากกิจกรรมกลางแจ้ง เมืองวิสต์เลอร์ยังมีเทศกาลต่างๆ สปา ร้านอาหาร และบาร์มากมาย ปัจจุบันวิสต์เลอร์ได้พัฒนาสถานที่ทางศิลปะและวัฒนธรรมให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยมีไฮไลท์อย่างพิพิธภัณฑ์ศิลปะออแด็ง (Audain Art Museum) และศูนย์วัฒนธรรมสควอมิช ลิลวัต (Squamish Li’lwat Cultural Centre) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่แพ้กิจกรรมอื่นๆ

6. เกาะแบฟฟิน (Baffin Island)

เกาะแบฟฟิน เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศแคนาดา และเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ของโลก อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะกรีนแลนด์ ติดกับอ่าวแบฟฟิน คาบสมุทรคัมเบอร์แลนด์ ช่องแคบฮัดสันและช่องแคบเดวิส มีหิมะอยู่ทางเหนือของเกาะ และทางใต้ที่ติดกับอ่าวฟรอบิสเซอร์ มีเมืองสำคัญคืออีคาลูต (Iqaluit) เมืองหลวงของดินแดนนูนาวุต (Nunavut) ที่ประชากรกว่าครึ่งของเกาะแบฟฟินอาศัยอยู่ที่นั่น

ที่เที่ยวแคนาดา เกาะแบฟฟิน (Baffin Island)

ภูมิประเทศของเกาะแบฟฟินเป็นที่ตั้งของภูเขาที่มียอดสูงชัน ธารน้ำแข็งรูปทรงประหลาด มีหมู่บ้านชาวพื้นเมืองอยู่ตามแนวชายฝั่งเบียดกันอยู่บนหน้าผาเหนือแผ่นน้ำแข็งที่ลอยละล่อง ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการท่องซาฟารีในอาร์กติก ซึ่งคุณจะได้เห็นนาร์วาฬ เบลูกา และหมีในที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของพวกมัน ไฮไลต์สำคัญของเกาะนี้คืออุทยานแห่งชาติโอยูวีทูค (Auyuittuq National Park) ซึ่งชื่อมีความหมายว่า “ดินแดนที่ไม่มีวันละลาย” ที่มีธารน้ำแข็ง ฟยอร์ด และหน้าผาสูงชันเติมเต็มพื้นที่ทางทิศตะวันออก ที่นี่เป็นเป้าหมายของนักเดินป่าและนักปีนเขาแบบฮาร์ดคอร์ 

เกาะแบฟฟินยังเป็นศูนย์กลางของศิลปะชาวเอสกิโม สตูดิโอสำหรับการแกะสลัก ภาพพิมพ์ และการทอผ้าคุณภาพสูงสามารถพบได้ในเมืองเล็กๆ หลายแห่งที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่

7. เมืองมอนทรีออล (Montréal)

มอนทรีออล เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของแคนาดา ตั้งอยู่ในเขตตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐควิเบค และเป็นเมืองที่ผู้คนพูดภาษาฝรั่งเศสมากที่สุดในโลกอีกด้วย (นอกเหนือจากประเทศฝรั่งเศสเอง) สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองที่มีความหลากหลายแห่งนี้ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ระดับโลก และตลาดที่เต็มไปด้วยผู้คน เริ่มต้นทัวร์ของคุณไปตามถนนหินโบราณในเมืองเก่ามอนทรีออล (Vieux-Montréal) เดินสำรวจอาสนวิหารเก่าแก่ หรือจิบคาปูชิโน่ที่ร้านกาแฟสไตล์ฝรั่งเศสแบบดั้งเดิมบนถนน Boulevard Saint-Laurent หากประวัติศาสตร์ไม่ทำให้คุณตื่นเต้น ให้มุ่งหน้าไปยังย่านดาวน์ทาวน์ที่พลุกพล่านเพื่อช้อปปิ้งในช่วงบ่าย หรือไปเดินป่าชื่นชมธรรมชาติที่ Parc du Mont-Royal

ที่เที่ยวแคนาดา เมืองมอนทรีออล (Montréal)

อีกอย่างที่พลาดไม่ได้เลยคือการแวะเข้าร้านอาหารเล็กๆ น่ารัก แล้วลองชิม Poutine (มันฝรั่งทอดราดชีสและเกรวี่) ที่เป็นอาหารท้องถิ่นที่เป็นที่นิยมของที่นี่ หรือเบเกิลอบร้อนๆ จากเตาถ่านแบบดั้งเดิม มอนทรีออลยังมีอาหารให้เลือกชมและชิมอีกมากมาย เพราะเป็นแหล่งรวมร้านอาหาร ร้านขนม และบาร์แบบฮิปสเตอร์ของแคนาดาเลยทีเดียว

มอนทรีออลมักจะมีการจัดเทศกาลกว่า 100 ครั้งต่อปี เพราะคนที่นี่รักศิลปะและวัฒนธรรมเป็นชีวิตจิตใจ ถ้าชอบเทศกาลหรือกิจกรรม ก็ให้ลองแวะไปแถวๆ Plateau Mont-Royal เพื่อชมร้านค้าและคาเฟ่ต่างๆ ที่มักจะมีสิ่งแปลกใหม่มาให้เรารู้สึกตื่นตาตื่นใจเสมอ หรือเดินทางเข้าเมืองไปยัง Golden Square Mile ที่เป็นแหล่งรวมสถาปัตยกรรมและสถานที่แสดงศิลปะจำนวนมากของเมือง อย่างเช่น Montreal Museum of Fine Art เป็นต้น

8. ย่านเมืองเก่าควิเบก (Old Québec City)

รัฐควิเบก (คนท้องถิ่นเรียกตามภาษาฝรั่งเศสว่าเกแบ็ก) ค้นพบครั้งแรกโดยนักสำรวจชาวฝรั่งเศส และถูกสร้างเป็นอาณานิคมฝรั่งเศสใหม่ คนส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาตั้งรกรากเมื่อ 400 ปีก่อน ดังนั้นผู้คนที่นี่จะใช้ภาษาฝรั่งเศสในการสื่อสาร เมืองควิเบกซิตี้เป็นเมืองหลวงของรัฐควิเบก และเป็นหนึ่งในการตั้งพิ่นฐานของชาวยุโรปที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกาเหนือ ใจกลางเมืองควิเบกเป็นย่านประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันในชื่อย่านเมืองเก่าควิเบก (Old Quebec หรือ Vieux-Québec) และเป็นมรดกโลกของ UNESCO ที่นำเสนอการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของเสน่ห์และความมีชีวิตชีวาของชุมชนสไตล์ยุโรปยุคเก่าที่เป็นมิตร และวัฒนธรรมของแคนาดาเข้าไว้ด้วยกัน

ย่านเมืองเก่าควิเบก (Old Québec City)

ย่านเมืองเก่าควิเบกเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากอาคารเก่าแก่สไตล์ยุโรป อาคารหินสีเทา และถนนที่ปูด้วยหิน บ้านและอาคารหลายหลังที่คุณเห็นมีอายุย้อนไปถึงช่วงต้นทศวรรษ 1600 ถนนแคบๆ ของเมืองเก่าส่วนใหญ่ยังคงปูด้วยหิน คุณจะได้เห็นกำแพงหินโบราณ ป้อมปราการแห่งควิเบก วิหารที่มียอดแหลม และคาเฟ่ที่มีเสียงดนตรีแจ๊ส อบอวลไปด้วยบรรยากาศความโรแมนติก วิธีที่ดีที่สุดในการสัมผัสประสบการณ์ของเมืองเก่าควิเบกคือการเดินไปตามตรอกซอกซอย และชมการแสดงของนักแสดงข้างถนน และชมความงามของโรงแรมขนาดเล็กที่มีอยู่มากมาย

ข้อแนะนำเพิ่มเติม:

คุณสามารถขับรถไปตามเส้นทางถนนชมวิวหมายเลข 132 ที่วิ่งคดเคี้ยวเลียบชายฝั่งทางใต้ของแม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ ไปตามคาบสมุทรแกสเป (Gaspé) ชมวิวทะเลและภูเขา รวมถึงหมู่บ้านสวยงามน่ารักที่อยู่ริมข้างทาง

9. เมืองโตรอนโต (Toronto)

เมืองโทรอนโตเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในแคนาดา มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว ภายในเมืองเต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า และอาคารสุดทันสมัย มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติต่างแวะเวียนมาอยู่อาศัยและเที่ยวชม ตัวเมืองอยู่ติดกับทะเลสาบออนแทรีโอ (Lake Ontario) ที่นี่จึงมีบรรยากาศที่น่าหลงใหล ไม่ว่าใครได้มาเยือนก็ต้องหลงรักเมืองโตรอนโต คุณจะตื่นตาตื่นใจกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมในเมืองใหญ่ ลิ้มรสอาหารหลากหลายเชื้อชาติ ชมแกลเลอรีศิลปะยุคใหม่ โรงละครชั้นนำ ห้องแสดงดนตรีร็อค และความคลั่งไคล้ในกีฬาฮอกกี้ที่ช่วยเพิ่มความยิ่งใหญ่ให้กับมหานครแห่งนี้

ที่เที่ยวแคนาดา เมืองโตรอนโต (Toronto)

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในโตรอนโต ได้แก่ CN Tower พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ พิพิธภัณฑ์ Ripley’s แห่งแคนาดา พิพิธภัณฑ์ Royal Ontario และสวนสัตว์โตรอนโต ระหว่างที่คุณอยู่ในเมือง อย่าลืมไปสำรวจตลาดเซนต์ลอว์เรนซ์ ตลาดสดที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของแคนาดา เป็นหนึ่งในสถานที่สำหรับอาหารอร่อยในโตรอนโต

10. อุทยานไดโนเสาร์แห่งรัฐ (Dinosaur Provincial Park)

อุทยานไดโนเสาร์แห่งรัฐ เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่สำคัญมากของแคนาดา จนได้รับการคัดเลือกจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ตั้งอยู่ในหุบเขา Red Deer River ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐอัลเบอร์ตา เป็นดินแดนซากฟอสซิลในพื้นที่กว่า 73 ตารางกิโลเมตร หรือ 45,625 ไร่ มีทัศนียภาพทางธรรมชาติที่สวยงาม  เป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งรวบรวมฟอสซิลที่มีชื่อเสียงและมีคอลเล็กชันฟอสซิลไดโนเสาร์ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก คุณจะได้เห็นดินและหินรูปร่างแปลกๆ ที่เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งเมื่อหลายสิบล้านปีก่อน ได้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในยุคดำดำบรรพ์

อุทยานไดโนเสาร์แห่งรัฐ (Dinosaur Provincial Park)

ที่นี่มีการค้นพบไดโนเสาร์กว่า 58 สายพันธุ์ โครงกระดูกไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์กว่า 150 ตัว นอกจากนี้ยังมีการขุดพบซากกระดูกรวมถึงซากดึกดำบรรพ์สิ่งมีชีวิตอีก 450 ชนิด รวมทั้งสัตว์มีกระดูสันหลังน้ำจืดหลากหลายกลุ่ม เช่น ฉลาม กบ ซาลาแมนเดอร์ สัตว์เลื้อยคลานอื่นๆ ฟอสซิลสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และฟอสซิลพืช เช่น เฟิร์น ใบไม้ เกสรดอกไม้ และสปอร์ของพืช เป็นต้น นอกจากนี้ตัวอย่างมากกว่า 500 ตัวอย่างที่ค้นพบที่นี่ได้ถูกนำออกไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก

ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบประวัติศาสตร์ ซากดึกดำบรรพ์หรือธรณีวิทยา หรือเป็นเพียงกลุ่มนักล่าฟอสซิล การเดินทางไปเที่ยวอุทยานไดโนเสาร์แห่งรัฐ ก็คุ้มค่ากับการเดินทางเป็นอย่างมาก

11. น้ำตกไนแองการ่า (Niagara Falls)

น้ำตกไนแองการ่าอาจไม่ได้สูงจนติดอันดับความสูง 500 อันดับแรกของโลก แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในน้ำตกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ระหว่างชายแดนรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และรัฐออนตาริโอ ประเทศแคนาดา ซึ่งน้ำตกแห่งนี้จะประกอบด้วย 3 น้ำตกด้วยกัน คือน้ำตกเกือกม้า (Horseshoe Falls) อยู่ทางฝั่งแคนาดา, น้ำตกอเมริกา (American Falls) อยู่ทางฝั่งสหรัฐอเมริกา และน้ำตก Bridal Veil อยู่ทางฝั่งอเมริกาเช่นกัน

น้ำตกไนแองการ่า (Niagara Falls)

ถ้าอยากเห็นน้ำตกทั้ง 3 แห่งในมุมสูง สามารถที่จะขึ้นหอคอยชมวิวได้จากทางฝั่งแคนาดา และทางฝั่งนี้ยังสามารถมองเห็นน้ำตกไนแอการาในวิวพาโนรามาได้แบบสวยสุด ๆ อีกด้วย หากใครมาเที่ยวชมในช่วงหน้าหนาว ก็จะเห็นน้ำตกกลายเป็นน้ำแข็ง ยามค่ำคืนจะมีการแสดงแสงไฟที่สวยงามส่องไปที่น้ำตก ถือได้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ห้ามพลาดของแคนาดา นอกจากนี้หากคุณอยากใกล้ชิดน้ำตกมากยิ่งขึ้น คุณสามารถนั่งเรือเข้สาไปใกล้น้ำตกเพื่อสัมผัสกับละอองน้ำที่กระเซ็นมาจากน้ำตกอย่างใกล้ชิด เป็นภาพที่สวยงามตระการตาและสร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก 

นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงน้ำตกไนแอการา ยังมีไร่องุ่นและโรงบ่มไวน์ให้เข้าไปเยี่ยมชมหลายแห่ง โดยไร่องุ่นส่วนใหญ่จะพาชมไร่องุ่น กระบวนการผลิต โรงเก็บไวน์ใต้ดิน และการชิมไวน์ เป็นกิจกรรมยอดฮิตที่ต้องบอกว่าห้ามพลาดเลยทีเดียว หรือผจญภัยด้วยจักรยานไปตามเส้นทาง Greater Niagara Circle หรือไปที่เครื่องเล่น Wildplay Zipline to the Falls ซึ่งเป็นเครื่องเล่นที่ทำให้คุณใจเต้นแรง และเห็นทัศนียภาพของน้ำตกเบื้องล่างจากมุมสูงขณะที่พุ่งตัวไปข้างหน้า

12. เมืองเชอร์ชิลล์ (Churchill)

เมืองเชอร์ชิล เป็นเมืองเล็กๆ ของแคนาดาที่อยู่ติดกับอ่าวฮัดสัน อยู่ในรัฐมานิโตบา ตอนกลางของประเทศ เมืองนี้เดิมเคยเป็นเมืองท่าขนส่งในอ่าวฮัดสัน แต่ปัจจุบันหมีขาวขั้วโลกได้นำนักท่องเที่ยวมาที่นี่จนกลายเป็นกึ่งเมืองท่องเที่ยวของแคนาดา จนเมืองเชอร์ชิลล์ได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงของหมีขั้วโลก หมีขั้วโลกจะอาศัยอยู่ละแวกอ่าวฮัดสันซึ่งจับตัวเป็นน้ำแข็งในช่วงหน้าหนาว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงราวเดือนมิถุนายน เพื่อจับแมวน้ำกินเป็นอาหารหลัก แต่พอเข้าหน้าร้อนอ่าวฮัดสันจะละลาย พวกมันก็เลยต้องกลับมาขึ้นฝั่ง ซึ่งเป็นช่วงที่เราจะมีโอกาสได้เจอกับหมีขั้วโลกเหล่านี้

ที่เที่ยวแคนาดา เมืองเชอร์ชิลล์ (Churchill)

เดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่เหมาะที่สุดในการไปดูหมีขั้วโลก คุณควรจองทัวร์ล่วงหน้า เพราะเป็นช่วง Polar Bear Season ซึ่งนักท่องเที่ยวจะมาเป็นจำนวนมาก และทัวร์เต็มเร็วมาก

หมีที่เมืองเชอร์ชิลล์ (Churchill)

สิ่งที่คุณควรทราบก่อนวางแผนเที่ยวแคนาดา

1) แคนาดาเป็นประเทศที่ใหญ่มาก

ถ้าคุณมีเวลาไปเที่ยวเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ คุณควรเลือก 2-3 เมืองที่คุณสนใจ และวางแผนเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเหล่านั้น

2) เตรียมพร้อมสำหรับสภาพอากาศ

สภาพอากาศของแคนาดาไม่ได้หนาวจัดตลอดเวลา ส่วนใหญ่ของประเทศอาจมีหน้าร้อนที่เราต้องเผชิญกับอากาศที่ร้อนแผดเผา สภาพอากาศและอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดีงนั้นเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเยี่ยมชมพื้นที่ที่คุณสนใจ

3) ศึกษาข้อกำหนดและข้อยกเว้นการเดินทาง

ปัจจุบันรัฐบาลแคนาดาประกาศให้นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถยื่นขอใบอนุญาตการเดินทางทางอิเล็กทรอนิกส์ (eTA) แทนการขอวีซ่าได้ ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยในการช่วยลดขั้นตอนความยุ่งยากในการขอวีซ่าเข้าแคนาดา และมีโอกาสเดินทางไปแคนาดาได้ง่ายขึ้น อ่านรายละเอียดที่นี่

ตอนนี้คุณรู้จัก 12 ที่เที่ยวแคนาดา กันแล้ว เตรียมตัวจัดกระเป๋าและวางแผนการเดินทางไปแคนาดาเพื่อชมสถานที่ ที่ยิ่งใหญ่และความงดงามของธรรมชาติในแต่ละแห่ง แต่การเดินทางไป เที่ยวแคนาดา การที่เราไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศ หรืออาหารการกิน อาจทำให้เราเจ็บไข้ได้ป่วย หรือเกิดเหตุฉุกเฉินที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อน จนต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณ เที่ยวต่างประเทศได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : lonelyplanet.com, travel.destinationcanada.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

Comments