10-zoos-in-the-world

10 สวนสัตว์ระดับโลก ต้องไปเที่ยวสักครั้ง!!

สวนสัตว์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกสถานที่หนึ่งที่อยู่ในใจใครหลายๆ คน ไม่ว่าจะไปเที่ยวเป็นครอบครัว เป็นแก๊งค์ เป็นคู่ หรือบินเดี่ยว ก็ไปได้ สำหรับคนที่ชื่นชอบสัตว์ชนิดต่างๆ ซึ่งแต่ละสถานที่จะมีสัตว์แต่ละชนิดที่หาดูได้ยาก วันนี้ Allianz Travel ได้รวบรวมแหล่งท่องเที่ยว สวนสัตว์ระดับโลก มาให้ทุกคนกันแล้ว ไปดูกันเลยว่า เราจะไปหาน้องๆ ที่เราชื่นชอบได้ที่ไหนกันบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

1. Bronx Zoo เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

Bronx Zoo
ขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.flickr.com/photos/klingon65/3753502811/sizes/h/

สวนสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ในที่เมืองนิวยอร์ก (New York) มีสัตว์หลากหลายชนิด เนื่องจากสวนสัตซืมีขนาดใหญ่กว้างขวางมาก ดังนั้นหากต้องการมาเที่ยวชมดูทุกสิ่งภายในสวนสัตว์ในวันเราก็ควรเดินทางมาที่สวนสัตว์ตั้งแต่เช้า หรืออาจเลือกดูเฉพาะสัตว์ในโซนที่เราอยากจะดูเท่านั้น

ค่าเข้าชม :  ผู้ใหญ่ 25 USD / เด็ก 17 USD

ค่าเข้าชมแบบรวมเครื่องเล่นพิเศษและสถานที่ท่องเที่ยวในสวนสัตว์ : ผู้ใหญ่ 35 USD / เด็ก 25 USD

2. Toronto Zoo เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา 

Toronto Zoo
ขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.flickr.com/photos/57156785@N02/28716926254/in/photostream/

สวนสัตว์ Toronto เป็นสวนสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดา ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 710 เอเคอร์ และเป็นสวนสัตว์แห่งเดียวที่มีนิทรรศการแสดงสัตว์ที่มีถิ่นกำเนิดในแคนาดา ได้แก่ กวางมูส กวางเอลค์ และสัตว์สายพันธุ์อื่นๆ นอกจากนี้ สวนสัตว์ยังมีนิทรรศการ Indo-Malaya, Tundra Trek, Australasia, Africas, America และ Eurasia อีกด้วย

ค่าเข้าชมสวนสัตว์ :  ค่าเข้าชมทั่วไปในสวนสัตว์ 22 USD (หรือ 29 CAD) 

ค่าที่จอดรถ : 12 USD ต่อคัน

3. Pretoria National Zoo เมืองพริทอเรีย ประเทศแอฟริกาใต้

Pretoria National Zoo
ขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.pretoriazoo.org/about/

หากเราเดินทางไปเที่ยวแอฟริกาใต้ สวนสัตว์แห่งชาติในเมือง Pretoria แอฟริกาใต้ เป็นหนึ่งใน สวนสัตว์ระดับโลก อีกสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเลย สวนสัตว์แห่งนี้มีพื้นที่กว่า 200 เอเคอร์ มีสถานที่ท่องเที่ยวแบบซาฟารีสุดคลาสสิก และสัตว์จากพื้นที่อื่นๆ ของโลก

สวนสัตว์แห่งชาติ Pretoria ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2442 (ค.ศ. 1899) เพื่อช่วยเหลือสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในแอฟริกา และปัจจุบันสวนสัตว์แห่งนี้ก็ได้อนุรักษ์พันธุ์สัตว์หลายชนิดจากแอฟริกา และจากทวีปอื่นๆ 

ค่าเข้าชมสวนสัตว์ : ประมาณ 8 USD ต่อคน

4. San Diego Zoo เมืองซานดิเอโก ประเทศสหรัฐอเมริกา

สวนสัตว์ซานดิเอโกครอบคลุมพื้นที่กว่า 100 เอเคอร์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา (United States) สวนสัตว์ที่นี่เน้นไปที่การอนุรักษ์สัตว์ และมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มจำนวนของแพนด้ายักษ์ และแพนด้าในสวนสัตว์ซานดิเอโกมีผู้เข้าชมมากที่สุด นอกจากนี้ภายในสวนสัตว์ยังมีเครื่องเล่น ภาพยนตร์ และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ภายในสวนสัตว์อีกด้วย

ค่าเข้าชมสวนสัตว์ : ผู้ใหญ่ 62 USD / เด็ก 52 USD

5. Taronga Zoo เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย 

Taronga Zoo
ขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.flickr.com/photos/51035608727@N01/2844963929

หากเดินทางไปที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ต้องอย่าพลาดสวนสัตว์ Taronga ถึงแม้ว่าสวนสัตว์แห่งนี้จะอยู่ในย่านชานเมืองที่พลุกพล่านของซิดนีย์ แต่ภายในสวนสัตว์ก็มีสัตว์ต่างๆ มากกว่า 5,000 ตัว จากในประเทศและทวีปต่างๆ การแสดงแมวน้ำของที่นี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากในการมาเยือนที่สวนสัตว์แห่งนี้

ค่าเข้าชมสวนสัตว์ : 32 USD ต่อคน

6. Schönbrunn Zoo เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย

Schönbrunn Zoo
ขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.zoovienna.at/en/zoo-and-visitors/trip-schonbrunn-zoo/ (Photo by : Daniel Zupanc)

สำหรับคนชื่นชอบสัตว์ป่า และประวัติศาสตร์ อย่ามองข้ามสวนสัตว์เวียนนา หรือสวนสัตว์ Schönbrunn ในประเทศออสเตรีย สวนสัตว์แห่งนี้เก่าแก่ที่สุดในโลก เปิดในปี 1752 ภายในสวนสัตว์มีสัตว์มากมาย เช่น ชิมแปนซี และม้าลาย เป็นต้น

ค่าเข้าชมสวนสัตว์ : 26 USD ต่อคน

7. Berlin Zoo เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี

สวนสัตว์เบอร์ลิน ในประเทศเยอรมนี มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่สิบเก้า ครอบคลุมพื้นที่ 90 เอเคอร์ มีการจัดแสดงหมีขั้วโลก พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในแอฟริกา และเอเชีย นอกจากนี้ยังมีการแสดงของสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย

ค่าเข้าชมสวนสัตว์ : 19 USD ต่อคน

8. สวนสัตว์ Zoorasia เมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น

Zoorasia Zoo
ขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.tabido.jp/en-us/spot/1156/

สวนสัตว์ซูเรเซีย (Zoorasia) ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮาม่า เป็นสวนสัตว์ที่มีขนาดใหญ่และดีที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น มีบรรยากาศธรรมชาติแบบขั้นสุดไปเลยล่ะค่ะ มีการจำลองบรรยากาศป่าโซนต่างๆ ได้อย่างเนียนมากๆ สัตว์ต่างๆ อยู่ในพื้นที่กว้างขวาง เลียนแบบที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของสัตว์แต่ละประเภท ซึ่งมีทั้งป่าเขตร้อนเอเชีย, ป่ากึ่งขั้วโลก, ทุ่งหญ้าโอเชียเนีย, กลางภูเขาเอเชีย, ชนบทญี่ปุ่น, ป่าอเมซอน และป่าฝนเมืองร้อนแอฟริกัน สัตว์ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ ช้าง หมีขั้วโลก หมีดำ โอคาปี และลิงจมูกยาว นอกจากนี้ยังมีเส้นทางธรรมชาติ และพื้นที่นันทนาการสำหรับเด็กและครอบครัวอีกด้วย 

ค่าเข้าชมสวนสัตว์ : 7 USD ต่อคน

9. Beijing Zoo กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน

สวนสัตว์ปักกิ่ง (Beijing Zoo) เป็นสวนสัตว์และสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศจีน มีแพนด้าอยู่จำนวนมาก และเป็นจุดดึงดูดหลักของสวนสัตว์แห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีสัตว์ต่างๆ เกือบ 1,000 สายพันธุ์ในสวนสัตว์แห่งนี้

ค่าเข้าชมสวนสัตว์ : ประมาณ 2 USD ต่อคน (15 หยวน)

10. Singapore Zoo ประเทศสิงคโปร์

Singapore Zoo
ขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.familytravel.com.au/rainforest-lumina-singapore-zoo/

สวนสัตว์สิงคโปร์เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีสัตว์หลากหลายและโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่ง เป็นสวนสัตว์แบบเปิดที่สัตว์เกือบทั้งหมดอยู่ในที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของพวกมัน

ค่าเข้าชมสวนสัตว์ : 27.50 USD ต่อคน

หากมีโอกาสได้เดินทางไปยังประเทศเหล่านี้ อย่าลืมหาโอกาสแวะไปเที่ยวชมสวนสัตว์กันด้วยนะคะ เพราะเป็นโอกาสที่เราจะได้สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ และอาจได้เห็นสัตว์ประจำท้องถิ่นของแต่ละประเทศกันด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปเที่ยวสวนสัตว์แต่ละแห่งก็ควรวางแผนการเดินทางไว้ล่วงหน้า อย่างเช่น ช่วงเวลาที่เหมาะสม สภาพอากาศ ระยะเวลาในการเที่ยวชม วิธีเดินทางไปยังสถานที่นั้นๆ อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง และสิ่งสำคัญที่ควรมีทุกครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศ คือประกันภัยการเดินทาง ที่จะช่วยให้แผนการเดินทางของเราไม่สะดุด ทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล โดยมีความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน* 

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

เลือกแผนประกันการเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ แผนประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

ขอบคุณข้อมูลจาก : Traveller Worldwide : The 15 Best Zoos in the World in 2022 

7 Places of The Northern Light

7 สถานที่ ตามล่าแสงเหนือ ปรากฎการณ์ธรรมชาติมหัศจรรย์

ตามล่าแสงเหนือ เป็นหนึ่งกิจกรรมที่น่าจะอยู่ในลิสต์การเดินทางครั้งหนึ่งในชีวิตของใครหลายๆ คน แสงเหนือหรือออโรรา (Aurora) ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เป็นแสงเรืองรองสีแปลกๆ เป็นแถบสีต่างๆ บนท้องฟ้าในเวลากลางคืน เกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศของโลก ที่ระดับความสูงเหนือพื้นดิน 100-300 เมตร แสงออโรรามีหลายสี ทั้งสีเขียว ฟ้า ชมพู เหลือง และม่วง แต่สีที่เห็นได้บ่อยที่สุดคือสีเขียวและเหลือง

เราสามารถมองเห็นแสงเหนือได้ในช่วงเวลาที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งในฤดูหนาวคืนเดือนมืด แต่ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นมีความไม่แน่นอน บางครั้งถึงแม้ว่าสภาพอากาศจะได้ แต่เราก็อาจไม่เห็นแสงเหนือเลยก็ได้ นอกจากนี้ เราสามารถใช้แอพ Sky Guide ในการค้นหาคืนที่มืดของสถานที่ที่อาจจะเกิดแสงเหนือได้ และวันนี้ Allianz Travel ได้นำข้อมูลสถานที่ที่จะทำให้เราพบกับแสงเหนือมาฝากทุกคนกันค่ะ ไปดูกันเลยว่ามีที่ไหนกันบ้าง

1. เมือง Reykjavík ประเทศ Iceland

ถึงแม้จะไม่ใช่ฤดูกาลที่มีแสงเหนือ Iceland ก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีธรรมชาติสวยงาม แต่สิ่งที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือการที่มีจุดชมแสงเหนือที่สวยงามและชัดเจน โดยจุดที่ดีและเป็นที่นิยมที่สุดคือ The Grotta Lighthouse บริเวณชานเมือง Reykjavík

ช่วงเวลาที่ควรออกล่าแสงเหนือ : ปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนเมษายน

Iceland

2. เมือง Fairbanks รัฐ Alaska ประเทศสหรัฐอเมริกา

Fairbanks เป็นจุดชมความงามของแสงเหนือที่ดีที่สุดในสหรัฐอมริกา อยู่ใกล้สนามบินนานาชาติและใกล้กับอุทยานแห่งชาติ Denali (Denali National Park) นอกจากนี้เมือง Fairbanks ยังมีระบบพยากรณ์ของตัวเอง และให้บริการทัวร์เพื่อพานักท่องเที่ยวออกนอกเมือง เพื่อไป ตามล่าแสงเหนือ


ช่วงเวลาที่ควรออก ตามล่าแสงเหนือ : ปลายเดือนสิงหาคมถึงกลางเดือนเมษายน

Fairbanks, Alaska, United States

3. เมือง Yellowknife ประเทศ Canada

แคนาดาเป็นสวรรค์แห่งการชมแสงเหนือ ด้วยละติจูดเหนือและมีมลพิษทางแสงน้อย จุดชมแสงเหนือในประเทศแคนาดาอยู่บริเวณรอบทะเลสาบ Prosperous ในเมืองเยลโลไนฟ์ นอกจากนี้ยังมีสถานที่อื่นๆ ที่ชมแสงเหนือได้ เช่น อุทยานแห่งชาติ Wood Buffalo และ Jasper


ช่วงเวลาที่ควรออกล่าแสงเหนือ : กลางเดือนสิงหาคมถึงปลายเดือนเมษายน

Canada

4. ตามล่าแสงเหนือ เมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์

เมืองทรุมเซอที่อยู่ทางตอนเหนือของนอร์เวย์ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีอีกแห่งหนึ่ง เมืองนี้อยู่ห่างขั้วโลกเหนือเพียง 217 ไมล์ ทำให้สามารถเห็นแสงเหนืออันตระการตาจากหมู่บ้าน Ersfjordbotn ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอ 12 ไมล์ 


ช่วงเวลาที่ควรออกล่าแสงเหนือ : กลางเดือนกันยายนถึงปลายเดือนมีนาคม

Norway

5. ตอนเหนือของประเทศสวีเดนและฟินแลนด์

เนื่องจากตอนเหนือของประเทศสวีเดนและฟินแลนด์อยู่ในบริเวณที่ใกล้กันเมือง Kiruna ทางตอนเหนือสุดของสวีเดนเป็นประตูสู่สถานที่ท่องเที่ยว และอุทยานแห่งชาติ Abisko เป็นจุดชมแสงเหนือของสวีเดน ขณะที่ฟินแลนด์อยู่ที่เมือง Rovaniemi แต่ถึงแม้ทั้งสองประเทศจะมีอากาศที่มีเสถียรภาพมากกว่าชายฝั่งนอร์เวย์มาก แต่ก็หนาวกว่าด้วย

ช่วงเวลาที่ควรออกล่าแสงเหนือ : กลางเดือนกันยายนถึงปลายเดือนมีนาคม

Sweden
Finland

6. ตามล่าแสงเหนือ ประเทศกรีนแลนด์

เราสามารถชมแสงเหนือได้แทบจะทุกจุดของประเทศกรีนแลนด์ โดยทางทางใต้จะเห็นแสงเหนือที่สวยงาม ที่บริเวณธารน้ำแข็ง Qaleraliq เรียกได้ว่าแค่เดินทางไปชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของกรีนแลนด์ก็ซื้อว่าเป็นการเดินทางที่คุ้มค่ามาก


ช่วงเวลาที่ควรออกล่าแสงเหนือ : กลางเดือนสิงหาคมถึงปลายเดือนเมษายนทางใต้

7. ตามล่าแสงเหนือ เมือง Murmansk ประเทศรัสเซีย

เมือง Murmansk ที่อยู่ใกล้กับ The Kola Peninsula ทางตอนเหนือของประเทศรัสเซีย เป็นอีกจุดที่มีโอกาสจะได้พบแสงเหนือสูง แต่อากาศหนาวจัดมาก เราจึงควรวางแผนและเตรียมตัวให้ดี เพราะแสงเหนือที่นี่ก็สวยงามไม่แพ้ที่อื่นเลย

ช่วงเวลาที่ควรออกล่าแสงเหนือ : ปลายเดือนกันยายนถึงสิ้นเดือนมีนาคม

Murmansk, Russia

แสงเหนือในแต่ละสถานที่ มีความสวยงามแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และฤดูการในการออกล่าแสงเหนือ ที่สำคัญหลายคนเชื่อว่าเราต้องพกดวงไปด้วยถึงจะได้ชมความสวยงามจากแสงเหนือ 🙂 ยังไงก็แล้วแต่ก่อนที่เราจะเดินทางออกล่าแสงเหนือ เราควรศึกษาข้อมูลการเดินทางของสถานที่ต่างๆ ในประเทศที่เราต้องการเดินทางไป ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะเดินทาง พร้อมกับเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง และสิ่งสำคัญที่เราควรมีทุกครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศ คือ ประกันภัยการเดินทาง ที่จะช่วยให้แผนการเดินทางของเราไม่สะดุด สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ให้ความคุ้มครองครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน*

เลือกแผนประกันภัยการเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ คลิกเลย!!

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : NATIONAL GEOGRAPHIC

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

7 Tips Traveling Alone

7 เคล็ดลับลุยเดี่ยว เที่ยวคนเดียวให้ปลอดภัย

บางครั้งการวางแผนเที่ยวเป็นกลุ่มอาจต้องประสบความยุ่งยาก ล่าช้า รอกันไปรอกันมา ทำให้บางคนที่มีความพร้อมเพียงพอตัดสินใจออกเดินทางคนเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่ว่ายากมากจนเราทำไม่ได้ นอกจากต้องมีเรื่องความกล้ามาก่อนแล้ว สิ่งสำคัญคือเราจะต้องวางแผนเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทาง Allianz Travel ขอนำ 7 เคล็ดลับลุยเดี่ยว ออกท่องเที่ยวคนเดียวให้สนุก ปลอดภัย ไม่น่ากลัว

1. การเปิดใจและตัดความกลัวออกไป

เราอย่าเพิ่งกังวลไปล่วงหน้าว่าเราจะมีปัญหาอะไร ปัจจุบันมีอุปกรณ์หรือแอพพลิเคชั่นผ่านทางมือถือมากมายที่คอยช่วยเราในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดำรงชีวิต การกินอยู่ เส้นทาง หรือภาษาที่ใช้สื่อสารกับคนท้องถิ่น

Confident

2. การวางแผนล่วงหน้า

ใช้เวลาศึกษาสถานที่ท่องเที่ยว การเดินทาง และการจองที่พักก่อนออกเดินทาง ถ้าต้องเดินทางคนเดียว ก็ควรหาที่พักที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความปลอดภัย เดินทางสะดวก

Planing

3. การเลือกตั๋วเที่ยวบิน

บางครั้งเราอาจเลือกเที่ยวบินที่ราคาถูกและคุ้มค่าเป็นหลัก โดยไมได้คำนึงถึงเวลาออกเดินทาง และเวลาที่ไปถึงสถานที่ปลายทาง  แต่หากเราเดินทางคนเดียว และไปยังสถานที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน เราควรหลีกเลี่ยงเที่ยวบินที่เดินทางถึงสถานที่ปลายทางในตอนกลางคืน เพราะอาจไม่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางคนเดียว

Ticket

4. ทำตัวให้กลมกลืนกับคนท้องถิ่น

อย่าทำตัวเป็นจุดสนใจ เพื่อที่จะได้ไม่เป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพ และไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวให้กับคนแปลกหน้า ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่พัก หรือแผนการท่องเที่ยวของเรา

Make yourself like local people

5. ควรใช้กระเป๋าเป้สะพายหลังแทนการใช้กระเป๋าเดินทางใบใหญ่

ไม่พกสิ่งของมีค่าและไม่ขนข้าวของที่มากเกินความจำเป็น เพื่อให้เดินทางได้อย่างคล่องตัว และปลอดภัยจากมิจฉาชีพ

Using backpack

6. อย่าขาดการติดต่อ

ถึงแม้ว่าการเดินทางท่องเที่ยวของเราจะสนุกแค่ไหน ก็อย่าลืมที่จะหมั่นติดต่อกลับไปหาครอบครัวหรือคนใกล้ชิด รายงานเป็นระยะว่าจะไปที่ไหน ทำอะไร กลับถึงที่พักกี่โมง และเมื่อถึงที่พักแล้ว ควรติดต่ออีกครั้งเพื่อให้ครอบครัวได้ทราบความเคลื่อนไหว และไม่ต้องเป็นห่วง

Communication with family and friend

7. ทำประกันภัยการเดินทาง

เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ เที่ยวบินล่าช้า หรือแม้แต่สัมภาระสูญหาย การมีประกันภัยการเดินทางติดตัวไว้ก็ช่วยให้เราท่องเที่ยวได้อย่างอุ่นใจ สนุก และรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น*

Buy Travel Insurance

อุ่นใจทุกการเดินทางไปกับแผนประกันภัยการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel สนใจซื้อประกันการเดินทาง คลิกเลย!!

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

Thailand Passport Office in Bangkok and Metropolitan Region

8 สถานที่ทำพาสปอร์ต ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ช่วงนี้หลายคนเริ่มวางแผนสำหรับการเดินทางไปต่างประเทศกันแล้ว แต่อย่าลืม!! ตรวจสอบวันหมดอายุของพาสปอร์ต (Passport) กันด้วยนะคะ ถ้าพาสปอร์ตหมดอายุ หรือมีอายุเหลือไม่ถึง 6 เดือน เราต้องดำเนินการทำพาสปอร์ตใหม่ แล้วถ้าเราต้องการทำพาสปอร์ตในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเราจะสามารถทำได้ที่ไหนบ้าง? วันนี้ Allianz Travel ได้นำข้อมูลสถานที่สำหรับทำพาสปอร์ต (Passport) หรือ หนังสือเดินทางในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มาฝากทุกคนกันค่ะ ไปดูกันเลยว่ามีที่ไหนกันบ้าง

1. กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 08.30 – 16.30 น.)

ที่อยู่ : 123 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210

โทรศัพท์ : Call Center 02 572 8442 หรือ 02 203 5000 กด 1 เพื่อติดต่อกรมการกงสุล

Google Map : https://goo.gl/maps/YpY9ge5U6WFQU92g9

2. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว บางนา – ศรีนครินทร์

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 10.00 – 18.00 น.)

ที่อยู่ : ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์ ชั้น 1 โซน C

โทรศัพท์ : 02 136 3800, 02 136 3802 และ 093 -0105246

โทรสาร : 02 136 3801

Google Map : https://goo.gl/maps/Dbi895MLxKVcPy117

3. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว สายใต้ใหม่ – ตลิ่งชัน

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 08.30 – 16.30 น.)

ที่อยู่ : อาคาร SC Plaza สถานีขนส่งกรุงเทพ (สายใต่ใหม่) ถนนบรมราชชนนี

โทรศัพท์ : 02 422 3431

โทรสาร : 02 422 3432

Google Map : https://goo.gl/maps/W1c3SimQKp6JDsRe7

4. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว มีนบุรี

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 10.00 – 18.00 น.)

ที่อยู่ : ศูนย์การค้าบิ๊กซี สาขาสุวินทวงศ์ 29 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กทม. 10510

โทรศัพท์ : 02 024 8362-64

โทรสาร : 02 024 8361

Google Map : https://goo.gl/maps/5APaCnZLrY5JJQBJ8

5. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว MRT คลองเตย

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 08.30 – 16.30 น.)

ที่อยู่ : สถานีรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) คลองเตย ถนนพระราม 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กทม. 10110

โทรศัพท์ : 02-024-8896, 093-010-5247

โทรสาร : 02-024-8897

Google Map : https://goo.gl/maps/i7R3WB8HygBAd6RA8

6. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ปทุมวัน

วันทำการ : เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 10.00 – 18.00 น.)

ที่อยู่ : ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ (MBK CENTER)ชั้น 5 โซน A ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

โทรศัพท์ : 02 126 7612

โทรสาร : 02 126 7613

Google Map : https://goo.gl/maps/hbDSJVC868QqUmuJ6

7. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ธัญบุรี

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 10.00 – 18.00 น.)

ที่อยู่ : ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ชั้น 3 ถนนพหลโยธิน ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

Google Map : https://goo.gl/maps/g3LD3JMZM9hqyVjU6

8. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว บางใหญ่

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 11.00 – 18.00 น.)

ที่อยู่ : ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา เวสต์เกต ชั้น G ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่ นนทบุรี

Google Map : https://goo.gl/maps/gzGCDpW928c6W6739

โดยการทำพาสปอร์ตสามารถจองคิวผ่านระบบออนไลน์ล่วงหน้าสำหรับการทำหนังสือเดินทางได้ที่เว็บไซต์ : www.qpassport.in.th

: ข้อมูล ณ​ วันที่ 4 ตุลาคม 2564

นอกจากการเตรียมตัวเรื่องพาสปอร์ต (Passport) หรือ หนังสือเดินทางให้พร้อมแล้ว ก่อนเดินทางควรศึกษาข้อมูลการเดินทางของประเทศที่เราต้องการเดินทางไป พร้อมกับเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง และสิ่งสำคัญที่เราควรมีทุกครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศ คือ ประกันภัยการเดินทาง ที่จะช่วยให้แผนการเดินทางของเราไม่สะดุด สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ให้ความคุ้มครองครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน* เลือกแผนประกันการเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ แผนประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel สนใจซื้อแผนประกันการเดินทาง คลิกเลย!!

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

10 Items for aboard

10 ไอเทมสำคัญ อย่าลืมพกไปต่างประเทศ

การเดินทางไปต่างประเทศ เราต้องเตรียมตัวก่อนเดินทางหลายสิ่งหลายอย่าง อันได้แก่ การวางแผนกำหนดการการเดินทาง ข้อมูลของสถานที่ที่เราจะไปแวะเยี่ยมชม เสื้อผ้าตามสภาพอากาศในพื้นที่ และอาจมีพร็อพเก๋ๆ ที่จะช่วยให้คุณถ่ายภาพความทรงจำได้อย่างน่าประทับใจ นอกจากนี้ เรายังต้องมีข้าวของเครื่องใช้จำเป็นอื่นๆ ที่ขาดไม่ได้สำหรับการเดินทาง Allianz Travel ได้ทำลิสต์ 10 ไอเทมสำคัญ หรือสิ่งของจำเป็นที่ขาดไม่ได้ หากต้องเดินทางไปต่างประเทศกันนะคะ

1. หนังสือเดินทาง

เปรียบเสมือนบัตรประจำตัวประชาชนสากลเพื่อใช้สำหรับระบุตัวตนของเรา และควรตรวจเช็ควันหมดอายุด้วย เพราะหนังสือเดินทางควรมีอายุมากกว่า 180 วัน นับจากวันที่เดินทางไป ถ้าหนังสือเดินทางใกล้จะหมดอายุแล้วควรไปต่ออายุก่อนเดินทาง

2. ยาประจำตัว รวมไปถึงยาสามัญต่างๆ

เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ซึ่งในบางประเทศอาจจะไม่มียาที่เราใช้เป็นประจำจำหน่าย ดังนั้นเราจึงไม่ควรที่จะลืมนำติดตัวไปด้วย

3. อุปกรณ์สำหรับแปลภาษา

ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวนิยมใช้แอปพลิเคชันแปลภาษาที่อยู่บนมือถือ ควรดาวน์โหลดติดตั้งเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทาง เมื่อไปถึงประเทศปลายทางจะได้สื่อสารกับคนท้องถิ่นได้ โดยเฉพาะเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้สื่อสารเพื่อขอความช่วยเหลือกับคนรอบข้างได้

4. หัวปลั๊กไฟ

ควรใช้แบบ Universal เพราะแต่ละประเทศจะมีหัวปลั๊กไฟที่ไม่เหมือนกัน เวลาเราต้องเดินทางประเทศต่างๆ จะได้นำออกมาใช้ได้ทุกครั้ง

5. พาวเวอร์แบงค์

พกไว้เมื่อเวลาแบตเตอรีของอุปกรณ์ต่างๆ หมดในระหว่างการเดินทาง เช่น โทรศัพท์มือถือ iPad นาฬิกา Smart Watch หูฟัง เป็นต้น โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือซึ่งถือเป็นอุปกรณ์สำคัญในการค้นหาข้อมูล สถานที่ท่องเที่ยว แผนที่การเดินทาง การติดต่อสื่อสาร ถ้าปล่อยให้แบตเตอรีหมดแย่แน่เลย

6. ร่มพับ

เป็นไอเทมสารพัดประโยชน์ ไม่ว่าจะใช้กันแดด กันฝน กันหิมะ เพราะสภาพอากาศมีความไม่แน่นอน ดังนั้นพกติดตัวไว้ไม่เสียหาย

7. รองเท้าสำรอง

เผื่อกรณีเกิดเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าเปียก หรือขาด เราจะได้สลับเปลี่ยนไปใช้อีกคู่ได้ทันที ทำให้แผนการเดินทางท่องเที่ยวของเราไม่สะดุด

8. กระเป๋าคาดอก

สำหรับพกสิ่งของสำคัญไม่ว่าจะเป็น กุญแจ กระเป๋าเงิน มือถือติดตัวระหว่างวัน โดยที่ไม่ต้องแบกเป้หรือกระเป๋าใบใหญ่ ทำให้สามารถเต็มที่ได้กับทุกกิจกรรม

9. กล้องถ่ายรูป

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันโทรศัพท์ก็สามารถถ่ายรูปได้อยู่แล้ว แต่อุตส่าห์ไปไกลถึงต่างประเทศทั้งที การพกกล้องดีๆ ติดไปด้วยซักตัวเพื่อให้เราได้ภาพที่คมชัดสวยงามเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ประทับใจกับสถานที่นั้นๆ ก็ถือว่าคุ้มที่ได้พกไปด้วย

10. ประกันภัยการเดินทาง

ควรทำไว้ก่อนเดินทาง เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ และค่าบริการต่างๆ ที่ต่างประเทศก็ไม่ใช่ถูกๆ การมีประกันภัยการเดินทางไว้เพื่อคอยซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็ทำให้เราอุ่นใจไปได้เยอะเลย

ในการเดินทางไปต่างประเทศเราควรเตรียมสิ่งของที่จำเป็นติดตัวไปด้วยทุกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจ และเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น แต่การเดินทางในแต่ละครั้งอาจจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เช่น การเจ็บป่วย อุบัติเหตุ* การล่าช้าของเที่ยวบิน การสูญหายของทรัพย์สิน เป็นต้น เราควรซื้อประกันภัยการเดินทางก่อนการเดินทางทุกครั้ง Allianz Travel ขอแนะนำประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่ให้ความคุ้มครองท่านเมื่อต้องพบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้ท่านอุ่นใจในทุกการเดินทางค่ะ 🙂

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

romantic-marriage-proposal-places

5 สถานที่สุดโรแมนติก สำหรับขอแต่งงาน

การที่มีคนที่เรารักมาทำเซอร์ไพรส์ขอเราแต่งงานคงเป็นอีกหนึ่งความฝันของใครหลายๆ คน ซึ่งก่อนอื่นการทำเซอร์ไพรส์ขอคนรักแต่งงานคงต้องวางแผนหาสถานที่สุดโรแมนติกเพื่อสร้างความประทับใจให้กับคนรัก ในวินาทีที่สำคัญเช่นนี้ วันนี้ Allianz Travel ขอนำเสนอ 5 สถานที่สุดโรแมนติกสำหรับการขอแต่งงาน มีที่ไหนบ้าง เรามาดูกันเลย

1. หอไอเฟล – ฝรั่งเศส (Eiffel)

หนึ่งในสถานที่สุดโรแมนติกที่ต้องอยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน ด้วยบรรยากาศโดยรอบ และตัวหอไอเฟลที่มีความโดดเด่น ทำให้คู่รักหลากหลายคู่เลือกที่จะมาสารภาพรัก หรือขอแต่งงานกันที่สถานที่แห่งนี้

2. สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ – ฝรั่งเศส (Disneyland)

หลายคนคงกำลังคิดว่าสวนสนุกจะสร้างความโรแมนติกได้ยังไง? แต่หากคุณได้มาเยือน ปราสาท Sleeping Beauty ปราสาทสีชมพูสุดอลังการแห่งสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ในกรุงปารีส ก็จะเข้าใจถึงความโรแมนติกนี้ เพราะบรรยากาศโดยรอบที่ราวกับอยู่ในเทพนิยาย ทำให้หลายๆ คู่รักเลือกที่จะมาขอแต่งงานกันที่นี่

ขอบคุณรูปภาพจาก : 20 Secrets Of The Sleeping Beauty Castle At Disneyland Paris

3. ปราสาทนอยชวานสไตน์ – เยอรมนี (Neuschwanstein Castle)

ขึ้นชื่อว่าเป็นปราสาทแห่งเทพนิยาย ทำให้การขอแต่งงานที่ปราสาทแห่งนี้ทำให้ได้บรรยากาศและอารมณ์ของการเป็นเจ้าหญิง และเจ้าชายกันเลย

4. สะพานชาร์ลส์ – สาธารณรัฐเช็ก (Charles Bridge)

สะพานหินโค้งเก่าแก่ตั้งอยู่ภายในกรุงปราก เนื่องจากมีทัศนียภาพอันแสนสวยงาม ทำให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวชอบมาเซอร์ไพรส์ขอคนรักแต่งงาน

5. เมืองเวนิส – อิตาลี (Venice)

เมืองที่มีความโรแมนติกแทรกตัวอยู่ตามสถาปัตยกรรมต่างๆ ของเมือง อีกทั้งยังมีบริการเรือกอนโดลาให้คู่รักนั่งชมทัศนียภาพของเมือง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการขอคนรักแต่งงาน

หากถึงเวลาที่ต้องขอคนรักแต่งงาน 5 สถานที่สุดโรแมนติก ที่ Allianz Travel นำเสนอ ก็สามารถใช้เป็นตัวเลือกสำหรับสถานที่ ที่คุณสามารถสร้างความประทับใจที่ยากจะลืมเลือนให้กับคนรักของคุณได้นะคะ : )

เดินทางกับคนที่คุณรัก แผนการเดินทางไม่สะดุด คุ้มครองค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ถ้ามีประกันภัยการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา