ฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในฤดูกาลที่สวยงามที่สุดช่วงหนึ่งของประเทศ อุณหภูมิที่เย็นขึ้นและสภาพอากาศที่สดใสทำให้เรารู้สึกสดชื่น สิ่งที่ทำให้ผู้คนเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงนี้ก็คือสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ที่เรียกว่า koyo ในภาษาญี่ปุ่น ทำให้ ที่เที่ยวญี่ปุ่น ในหลายๆ สถานที่กลายเป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่มีเฉดสีสดใส สร้างทิวทัศน์อันตระการตาของใบไม้สีแดง สีส้ม และสีเหลืองในป่าหลายแห่งของประเทศ
เพื่อให้คุณได้ดื่มด่ำกับความงดงามของฤดูกาล Allianz Travel จะพาคุณไปยัง 9 สถานที่เที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่นที่ดีที่สุด รวมถึงช่วงเวลาและวิธีเดินทางไปที่นั่นด้วย เตรียมตัวไปเที่ยวญี่ปุ่นกันเลยค่ะ!
1. ทะเลสาบคาวากุจิ (Kawaguchiko) – จังหวัดยามานาชิ
ทะเลสาบคาวากุจิ (Kawaguchiko) ที่เที่ยวญี่ปุ่น สุดฮิตของนักท่องเที่ยว โดย ทะเลสาบคาวากุจิ (Kawaguchiko) เป็นหนึ่งในทะเลสาบทั้งห้า (ทะเลสาบคาวากุจิ ทะเลสาบยามานากะ ทะเลสาบโมโตสึ ทะเลสาบโชจิ และทะเลสาบไซโกะ) ที่อยู่เชิงภูเขาไฟฟูจิ ถือได้ว่าเป็นเส้นทางที่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิมากที่สุดจนเรียกได้ว่าเป็นประตูสู่ฟูจิ เป็นจุดชมความงามของภูเขาไฟฟูจิในหลากหลายวิว บริเวณทะเลสาบจะเน้นชมวิวแนวธรรมชาติ โดยการนั่งรถ Retro bus เพื่อชมวิวตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ โดยรอบ หรือจะเลือกที่จะขึ้นกระเช้าไฟฟ้าชมวิวและล่องเรือในทะเลสาบคาวากุจิ
สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยสุดโรแมนติกอีกแห่งหนึ่งในแถบภูเขาไฟฟูจิโดดเด่นที่สุดคืออุโมงค์ใบเมเปิ้ล Momiji Kairo Kawaguchiko เป็นไฮไลท์หลักที่หากมาเที่ยวคาวากุจิโกะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เป็นจุดที่ห้ามพลาดเลย ที่นี่เป็นถนนเลียบคลองสายเล็กๆ ที่มีต้นเมเปิ้ลญี่ปุ่นเรียงรายตลอดสองข้างทางจนดูเหมือนอุโมงค์ที่ยาวเกือบ 1.5 กม. คุณจะได้เห็นภาพใบไม้แดงร่วงหล่นลงมาย้อมทางน้ำจนปกคลุมเป็นสีแดงไปทั่ว ในตอนกลางคืนยังมีการประดับไฟตามทางเดินไปตลอดแนว ต้นเมเปิลญี่ปุ่นสีสันสดใสจะสว่างไสวสวยงามมากๆ ค่ะ
นอกจากนี้ จะมีเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสีที่ทะเลสาบคาวากุจิ (Fuji Kawaguchiko Autumn Leaves Festival) จัดขึ้นทุกปีบนชายฝั่งทางเหนือของทะเลสาบ บริเวณนี้เต็มไปด้วยแผงขายอาหารและของที่ระลึกซึ่งมีงานฝีมือในท้องถิ่นและอีกมากมาย ทะเลสาบคาวากุจิเป็นจุดที่ยอดเยี่ยมในการสัมผัสความงามของสีสันในฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่น โดยมีภูเขาไฟฟูจิตระหง่านเป็นฉากหลัง
ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี: กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน
การเดินทาง: ขึ้นรถบัสจากสาถนชินจูกูหรือสถานีชิบูย่า (2.3 ชม.) หรือนั่งรถไฟจากสถานีโตเกียวไปยังสถานีโอสึกิ (สายหลักชูโอ ประมาณ 1 ชั่วโมง 16 นาที); จากสถานี Ōtsuki ถึงสถานี Kawaguchiko (สาย Fujikyuko ประมาณ 43 นาที)
พิกัด: https://goo.gl/maps/e9woio6u4ZvPKJV96
2. เมจิจิงงูไกเอ็น (Meijijingu Gaien) – โตเกียว
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ที่เที่ยวญี่ปุ่น อีกแห่งหนึ่งในโตเกียวที่เราอยากแนะนำคือสวนเมจิจิงงูไกเอ็น (สวนด้านนอกของศาลเจ้าเมจิ) ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน คุณจะได้เห็นต้นแปะก๊วย 146 ต้นที่ปลูกเรียงรายอยู่ตามถนนกว้างเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสดใสและใบไม้ที่ร่วงหล่นทำให้ถนนยาว 300 เมตรแห่งนี้กลายเป็นถนนที่เต็มไปด้วยสีเหลืองทองที่สวยงามมาก
วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์เป็นช่วงเวลาที่ดีในการชมสีสันของฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่น เนื่องจากบริเวณนี้ห้ามยานพาหนะทุกคันผ่านและกลายเป็นสวรรค์สำหรับคนเดินถนน ให้คุณเดินเล่นสบาย ๆ ผ่านปรากฏการณ์อันน่าประทับใจนี้
คุณสามารถแวะนั่งที่ร้านกาแฟในพื้นที่ นั่งชมทัศนียภาพอันน่ามหัศจจรย์ของต้นแปะก๊วยสีทอง และทุกปีจุดชมใบไม้ร่วงแห่งนี้ดึงดูดผู้คนได้ประมาณ 1,800,000 คน ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น
ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี: ต้นเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม
การเดินทาง: นั่งรถไฟมาลงสถานีชินาโนะมาจิ JR Shinamomachi (JR สายชูโอ-โซบุ) หรือสถานีรถไฟใต้ดิน รือ สถานีรถไฟใต้ดิน Gaiemmae และ Aoyama-itchome แล้วเดินอีกประมาณ 5 นาที
พิกัด: https://goo.gl/maps/oLzA2F5u2y1AGtfE6
3. ทะเลสาบโทวาดะ (Lake Towada) – จังหวัดอาโอโมริและอาคิตะ
ทะเลสาบโทวาดะเป็นทะเลสาบปล่องภูเขาไฟที่อยู่ระหว่างจังหวัดอาโอโมริและอาคิตะ ธรรมชาติที่เขียวชอุ่มและทิวทัศน์ตามฤดูกาลของทะเลสาบก็น่าทึ่งมาก ต้นไม้ผลัดใบ เช่น บีช เมเปิล และโรแวนญี่ปุ่น เติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์บนชายฝั่งของทะเลสาบโทวาดะ ซึ่งจะสร้างสีสันไปพร้อมๆ กันเมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาถึง
สีแดงและสีเหลืองอันตระการตาตัดกับผืนน้ำสีฟ้าของทะเลสาบ ทำให้เกิดทิวทัศน์ในฤดูใบไม้ร่วงที่สดใสและอุดมสมบูรณ์จนเกือบจะดูเหมือนภาพวาด จุดชมวิวโคงาคุได (Kogakudai) และจุดอื่นๆ กระจายอยู่ทั่วบริเวณ ทำให้คุณสามารถชมวิวได้จากหลายมุม
นอกจากชื่นชมความงามจากจุดชมวิวแล้ว คุณสามารถเลือกนั่งเรือล่องไปตามน่านน้ำของทะเลสาบนอกฤดูหนาวและเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ฤดูใบไม้ร่วงของทะเลสาบโทวาดะจากมุมมองที่ไม่เหมือนใคร!
ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี: ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
การเดินทาง (ชินคันเซ็น/รถไฟ): จากสถานีโตเกียวไปยังสถานี Shin-Aomori (Tohoku Shinkansen ประมาณ 3 ชั่วโมง); จากสถานี Shin-Aomori ถึงป้ายรถประจำทาง Yasumiya (รถบัสประจำทาง ประมาณ 3 ชั่วโมง)
พิกัด: ใกล้ Towadakohanyasumiya-486 Okuse, Towada, Aomori 034-0301
4. วัดยามาเดระ (Yamadera Temple) จังหวัดยามากาตะ
วัดยามาเดระแปลตามตัวได้ว่า “วัดภูเขา” หากเรียกชื่ออย่างเป็นทางการก็คือวัดริชาคุจิ (Risshakuji Temple) เป็นวัดพุทธเก่าแก่ของนิกาย Tendai ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 860 ในสมัยคามาคุระ ซึ่งนับว่ามีอายุมากกว่า 1,000 ปี ตั้งอยู่บนเขาในจังหวัดยามากาตะ (Yamagata) ในภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku)
วัดนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาล้อมรอบด้วยธรรมชาติ เป็น ที่เที่ยวญี่ปุ่น ที่ได้รับความนิยมอย่างมากด้วยความงดงามของทิวทัศน์และความเก่าแก่ของวัด โดยมีบันไดหินเรียงรายกว่า 1,000 ขั้นที่นำพาผู้มาเยือนขึ้นไปสู่ไฮไลท์ของวัดคือวิหารโกไดโด (Godaido) ที่อยู่ด้านบนสุดชวนให้สัมผัสถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน สำหรับผู้มาเยือนวัดยามาเดระ นอกจากจะได้รับพรศักดิ์สิทธิ์แล้ว ถ้ามาในฤดูใบไม้ร่วงจะได้เห็นวิวต้นไม้และภูเขาที่เปลี่ยนไปเป็นสีส้มปนแดง สวยจับใจเลยล่ะ
แต่บอกไว้ก่อนสำหรับคนที่มีผู้ร่วมทางอายุเยอะหรือเจ็บข้อเข่า ควรพิจารณาให้ดีก่อนขึ้น เพราะการเดินขึ้นมีบันไดไปยังชั้นบนสุด ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมง และไม่มีลิฟต์หรือกระเช้าใดๆ ช่วยทั้งสิ้นนะคะ
ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี: ปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
การเดินทาง: จากสถานีโตเกียว ให้นั่งรถสายไฟโทโฮคุ ชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) ไปลงสถานีเซนได (Sendai Station) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที จากนั้นให้นั่งรถไฟ JR สาย เซนซัน (Senzan Line) ไปลงสถานียามาเดระ (Yamadera Station) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และเดินต่ออีก 5 นาที
พิกัด: 4456-1, Yamadera, Yamagata-shi, Yamagata, 999-3301
5. มิคุนิพาส (Mikuni Pass) – ฮอกไกโด
มิคุนิพาส (Mikuni Pass) คือสันเขาที่อยู่เลียบทางหลวงหมายเลข 273 ซึ่งเป็นถนนทางหลวงที่สูงที่สุดของเกาะฮอกไกโด (Hokkaido) โดยตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง (Daisetsusan National Park) เชื่อมระหว่างเมืองคามิคาวะ (Kamikawa) และเมืองโทคาชิ (Tokachi)
เส้นทางขับรถสายนี้ถือเป็นจุดชมวิวยอดนิยม มีทัศนียภาพสวยงามตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีราวกลางเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม ต้นไม้นานาพันธุ์ในป่าอันกว้างใหญ่ที่รายล้อมโดยรอบจะพร้อมใจกันผลัดใบเป็นสีเหลืองสลับส้ม แต่งแต้มสีสันให้ทั่วทั้งพื้นที่โดดเด่นเป็นพิเศษ
จุดที่เป็นไฮไลต์สำคัญคือสะพานมัตสึมิ (Matsumi Bridge) สะพานสีแดงที่ทอดยาวเหนือผืนป่า ราวกับกำลังลอยอยู่เหนือทะเลใบไม้เปลี่ยนสี และถ้ามองจากสะพานเรียวคุชิน (Ryokushin Bridge) ก็จะเห็นทิวทัศน์ของสะพานมัตสึมิที่ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติตระการตา สมกับที่ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 100 มุมถ่ายรูปสวยของฮอกไกโด
บนเส้นทางนี้ยังมีจุดชมวิว Mikuni Pass Observation Deck ซึ่งอยู่ตรงจุดแวะพักรถบริเวณหน้าอุโมงค์ (Mikuni Tunnel) สามารถดื่มด่ำชมวิวพาโนรามาสุดปังของแนวทิวป่าได้อย่างเต็มอิ่ม และยังมีคาเฟ่ (Mikuni Café) ที่ให้นั่งพัก จิบกาแฟ หรือทานอาหาร เพื่อเติมพลังระหว่างเที่ยวกันด้วย
*คาเฟ่เปิดให้บริการช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี: ปลายเดือนกันยายนถึงกลางเดือนตุลาคม
การเข้าถึง (เที่ยวบิน+เช่า): จากสนามบินนาริตะ (โตเกียว) ไปยังสนามบินอาซาฮิกาวะ (ฮอกไกโด ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที); จากสนามบินอาซาฮิคาวะถึงมิคุนิพาส (โดยรถยนต์ ประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที)
จากโซอุนเคียว ออนเซ็น (Sounkyo Onsen) แหล่งน้ำพุร้อนชื่อดัง ใช้เวลาขับรถประมาณ 30 นาทีก็ถึง มิคุนิพาส หรือหากมาจากตัวเมืองซัปโปโร (Sapporo) ขับรถยนต์ไปตามเส้นทางด่วน Hokkaido Expressway Pippu JCT ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที
พิกัด: https://goo.gl/maps/sTRGCzy5KgADvAy26
6. วัดบิชามอนโด (Bishamon-do Temple) จังหวัดเกียวโต
วัดบิชามอนโด เป็นวัดในนิกายเทนได (Tendai) ถือเป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่ของราชวงศ์ญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ในวันสำคัญต่างๆ มักมีผู้คนเดินทางมากราบไหว้ขอพร ซึ่งเชื่อกันว่าจะทำให้การค้าขายเจริญรุ่งเรืองและครอบครัวมีความสุขปลอดภัยจากอัตรายต่างๆ เพราะมีเทพเจ้าประจำวัดคือบิชามอนเทน (Bishamonten) หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภตามความเชื่อของคนญี่ปุ่น
ผู้ตนมากมายมุ่งหน้ามายังวัดบิชามอนโด วัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในแถบยามาชินะแห่งนี้ เพราะชื่อเสียงเรื่องความงดงามในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และเมื่อต้นเมเปิลสีแดงสดผลัดใบลงสู่พื้นดิน เราจะได้เห็นภาพอันงดงามของอุโมงค์ต้นเมเปิลที่ดูราวกับมีพรมสีแดงปูตลอดทางเข้าสู่บริเวณวัด อีกทั้งยังมีต้นซากุรอายุกว่า 150 ปีคอยต้อนรับผู้ที่หลงใหลในธรรมชาติอีกด้วย ทำให้วัดบิชามอนโดเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงของเกียวโต
ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี: ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม
การเดินทาง: รถไฟทั้งสายรถไฟใต้ดินโทไซ (Tozai Subway Line) และสายเคย์ฮัน เคย์ชิน (Keihan Keishin Line) โดยลงที่สถานียามาชินะ (Yamashina Station) และเดินต่ออีกประมาณ 20 นาที
เวลาเปิดปิด: 8:30 – 17:00 น.
พิกัด: 18, Anshuinariyamacho, Yamashina-Ku, Kyoto-Shi, Kyoto, 607-8003
7. ถนนอิโรฮาซากะ (Irohazaka) นิกโก จังหวัดโทจิงิ
ภูมิภาคคันโตเป็น ที่เที่ยวญี่ปุ่น ที่มีจุดชมใบไม้ร่วงที่สวยงามและโดดเด่นหลายแห่ง เช่น น้ำตกโอดาชิโรกาฮาระ (Odashirogahara) และน้ำตกริวซุ (Ryuzu Fall) และอีกแห่งที่มีชื่อเสียงไม่แพ้ที่ใดก็คือถนนอิโรฮาซากะที่มีความยาวประมาณ 15.8 กิโลเมตร เชื่อมเมืองนิกโกกับทะเลสาบชูเซ็นจิ (ทะเลสาบในอุทยานแห่งชาตินิกโก) ซึ่งขึ้นชื่อด้านโค้งกิ๊บปิ่นโตทั้งหมด 48 โค้งทั้งสองทิศทาง
ถนนอิโรฮาซากะสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1954 และ 1965 ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับใบไม้เปลี่ยนสีที่สดใสในทุกโค้ง และไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้เช่ารถ การลดหน้าต่างลงและเพลิดเพลินกับการชมทิวทัศน์โดยตรง ช่วงที่สวยขั้นสุดจะเป็นช่วงเดือนตุลาคม ใบไม้จะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง ส้ม และแดงสลับกันไป
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือความคดเคี้ยวของถนนที่อาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการขับรถ เราสามารถซื้อทัวร์รถบัสแบบไปเช้าเย็นกลับที่มีอยู่มากมายจากโตเกียวที่ให้บริการผ่านตัวแทนท่องเที่ยวต่างๆ ช่วยให้เราได้เพลิดเพลินไปกับสีสันของฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่น ที่สำคัญหากใครที่มีปัญหาเรื่องเมารถ ขอแนะนำให้ทานยาป้องกันการเมารถไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ป่วยจนต้องหมดสนุกค่ะ
ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี: กลางเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนตุลาคม
การเดินทาง: นั่งรถไฟจากสถานีโตเกียวถึงสถานี Utsunomiya (Tohoku Shinkansen) ประมาณ 50 นาที และจากสถานี Utsunomiya ไปถึงที่หมายโดยรถยนต์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที หรือจาก JR หรือ Tobu Nikko Station โดยสารรถบัส Tobu bus ที่ไปยัง Chuzenjiko Onsen หรือ Yumoto Onsen ลงที่ Akechidaira bus stop ใช้เวลา 35 นาที (รถบัสไม่จอดที่สถานี Akechidaira ในเส้นทางขากลับ)
พิกัด: Chuguushi, Nikko-shi, Tochigi, 321-1661
8. เกาะอิทสึคุชิมะ (Itsukushima) จังหวัดฮิโรชิม่า
เกาะอิทสึคุชิมะเป็นชื่อที่เป็นทางการของเกาะมิยาจิมะ (Miyajima) ที่คนทั่วไปนิยมเรียกกัน เป็นเกาะเล็กๆ อยู่ที่เมืองฮะสึไกชิทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองฮิโรชิม่า ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ที่นี่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “เกาะแห่งเทพเจ้า” เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ หนึ่งในศาลเจ้าชินโตที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกไม่แพ้ภูเขาไฟฟูจิเลย ได้รับการจดทะเบียนให้เป็มรดกโลกทางวัฒนธรรมจากยูเนสโก มิชลีนไกด์ยังให้คะแนนแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ถึงสามดาว และยังเป็นหนึ่งในสามวิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
จุดเด่นของเกาะนี้คือเสาแดงโทริอิไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้าเกาะในทะเลเซโตะ เราสามารถเดินไปถ่ายรูปใกล้ๆ ในช่วงเวลาน้ำลงได้ด้วย และในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนักท่องเที่ยวก็นิยมพากันมาชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวนโมมิจิดานิ (Momijidani Park) สวนสาธารณะที่อยู่ตรงเชิงเขาของป่ามิเซ็นบนเกาะอิทสึคุชิมะ มีต้นเมเปิ้ลประมาณ 700 ต้น เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในการตระเวนชมใบไม้เปลี่ยนสี โดยเฉพาะบริเวณสะพานไม้สีแดงที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีดูสวยงามราวกับภาพวาดเลยค่ะ
นอกจากนี้ คุณห้ามพลาดขึ้นกระเช้าชมวิว (Miyajima Ropeway) เพื่อไปชมวิวบนยอดเขามิเซ็น (Mt. Misen) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามมากเช่นกัน
ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี: กลางเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน
การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย JR Sanyo จากสถานี Hiroshima มาลงที่สถานี Miyajimaguchi ใช้เวลาประมาณ 25 นาที และเดินต่ออีกนิดหน่อยไปที่ท่าเรือให้นั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามฟาก (ใช้ JR Pass ได้) โดยใช้เวลาประมาณอีก 15 นาทีก็จะถึงเกาะมิยาจิม่า
พิกัด: Miyajima-cho, Hatsukaichi-shi, Hiroshima 739-0588
9. วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera) – จังหวัดเกียวโต
วัดคิโยะมิซุหรือที่เรารู้จักกันในชื่อวัดน้ำใส เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามจนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ที่มาของชื่อวัดน้ำใสมาจากการที่วัดแห่งนี้มีน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ไหลผ่านตัววัด จุดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่ก็คงไม่พ้น อาคารไม้ขนาดใหญ่ที่สร้างโดยไม่มีการใช้ตะปูใดๆ ทั้งสิ้น เสาของอาคารมีความสูงถึง 13 เมตรจากพื้นดิน และโถงอาคารถูกสร้างให้ยื่นออกไปภายนอกทำให้บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นเมืองเกียวโตในฤดูต่างๆ และเป็นจุดชมซากุระและชมใบไม้แดงที่ขึ้นชื่อของเกียวโตอีกด้วย
และเมื่อมาถึงวัดคิโยมิซุแล้ว อย่าพลาดไปต่อคิวดื่มน้ำบริสุทธิ์ที่ไหลผ่านวัดกันด้วยนะคะ นอกจากนี้บริเวณทางเข้าวัดก็ยังเป็นแหล่งรวมสินค้าพื้นเมืองและขนมอร่อยๆ มากมาย ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคนจะเยอะมาก เผื่อเวลาเที่ยวกันดีๆ ใครอยากไปแบบคนน้อยๆ แนะนำว่าให้ไปตั้งแต่เช้าเลยค่ะ
ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี: กลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม
การเดินทาง: รถบัสสาย 100, 206 ลงที่ป้ายรถบัส Gojo-zaka หรือป้ายรถบัส Kiyomizu-michi และเดินประมาณ 10-15 นาที หรือขึ้นรถไฟสาย Keihan ไปลงสถานี Kiyomizu-Gojo Station และเดินต่อประมาณ 20 นาที
พิกัด: https://goo.gl/maps/ZnoJ7crLPTZ3CNk97
ใครที่มีแพลนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นเพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสี รีบวางแผนการเดินทางกันตั้งแต่เนิ่นๆ นะคะ เพราะถ้ารอใกล้ๆ ช่วงนั้น ทั้งตั๋วเครื่องบินและที่พักก็อาจราคาพุ่งสูงขึ้น หรืออาจหายากแล้วค่ะ แต่ก่อนจะออกเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์การเที่ยวญี่ปุ่นเพื่อชมสีสันของฤดูใบไม้ร่วง เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งเอกสาร เสื้อผ้า ยาประจำตัว และ สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณ เที่ยวญี่ปุ่น ได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ก็คือ ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
ขอบคุณข้อมูลจาก : livejapan.com
เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel