เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี ความงดงามในฤดูใบไม้ร่วง

เที่ยวญี่ปุ่น จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ความงดงามในฤดูใบไม้ร่วง

เมื่อเราได้ข้อมูลการพยากรณ์ ช่วงเวลา ใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น ปี 2023 มาแล้ว (หากใครที่ยังไม่มีข้อมูลสามารถเข้าไปดูข้อมูลได้ที่บทความ พยากรณ์ ช่วงเวลา ใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น 2023 ได้ที่นี่เลย!) ก็เตรียมตัววางแผนไป เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี ที่ญี่ปุ่นกันได้เลย! ในช่วงเวลานี้คุณจะได้สัมผัสกับความงดงามสถานที่ต่างๆ ของญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ร่วง สัมผัสลมหนาวที่กำลังเริ่มพัดเข้ามาแทนที่อากาศร้อน ได้เห็นต้นไม้น้อยใหญ่ในญี่ปุ่นกำลังเริ่มเปลี่ยนสีเตรียมผลัดใบ ทิวทัศน์โดยรอบถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงสดใส สีส้ม และสีเหลืองทองของใบไม้เปลี่ยนสีจนดูราวกับงานศิลปะอันน่าทึ่ง

Allianz Travel รวบรวมรายละเอียดสถานที่ ที่คุณสามารถวางแผนทริป เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี ของคุณโดยประมาณมาให้แล้วค่ะ

คุณสามารถเลือกสถานที่ในการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่น่าตื่นตาตื่นใจได้หลายแห่งในญี่ปุ่นทั้งในเมืองและพื้นที่ธรรมชาตินอกเมือง รวมถึงสวนสาธารณะ สวน วัด ศาลเจ้า และภูเขา นอกจากนี้ สถานที่หลายแห่งจะจัดเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสีและกิจกรรมพิเศษต่างๆ รวมถึงจัดแสงไฟยามค่ำคืนเพื่อให้ชมความงามของใบไม้ที่มีไฟส่องสว่างด้วย

1. ภูมิภาคฮอกไกโด (เมืองซัปโปโร/เมืองฮาโกดาเตะ)

ฮอกไกโดตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของหมู่เกาะญี่ปุ่น และมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นกว่าพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ จึงเป็นที่ที่เผยโฉมสีสันแรกของฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่น ใบไม้เปลี่ยนสีเริ่มต้นที่ภูเขาอาซาฮีในกลุ่มภูเขาไฟไดเซ็ตสึซัง และค่อยๆ ไล่สีลงไปทางใต้ มัทั้งต้นไม้ใบกว้างอย่างเช่น ต้นเมเปิล และต้นสนผสมผสานกัน ทำให้เกิดการผสมผสานเฉดสีแดง เหลือง และเขียวอันสวยงาม

สถานที่และช่วงเวลา เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี ในปี 2023

กลางเมืองซัปโปโร (Supporo City) – ประมาณวันที่ 8 พฤศจิกายน: มหาวิทยาลัยฮอกไกโดและสวนสาธารณะนากาจิมะ

เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี มหาวิทยาลัยฮอกไกโด (Supporo City)

โจซังเค ออนเซ็น (Jozankei Onsen) – ประมาณวันที่ 17-26 ตุลาคม: เมื่องน้ำพุร้อนที่อยู่ห่างจากใจกลางเมืองซัปโปโรโดยรถยนต์ประมาณหนึ่งชั่วโมง โดดเด่นด้วยสีสันของฤดูใบไม้ร่วงที่งดงามริมแม่น้ำโทโยฮิระอันเงียบสงบ

เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี โจซังเค ออนเซ็น (Jozankei Onsen)

โซอุนเคียว (Sounkyo) – ประมาณวันที่ 10-20 ตุลาคม: หมู่บ้านออนเซ็นที่อยู่ในอ้อมกอดของภูเขาสูงตระหง่านในเขตอุทยานแห่งชาติได้เซ้ตสึซัง (Daisetsuzan) เต็มไปด้วยธรรมชาติ มีหน้าผาสูงตระหง่าน น้ำตก และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม

โซอุนเคียว (Sounkyo)

โนโบริเบ็ตสึออนเซ็น (Noboribetsu Onsen) – ประมาณวันที่ 24 ตุลาคม-11 พฤศจิกายน: เมืองแห่งน้ำพุร้อนชื่อดังในฮอกไกโด ล้อมรอบไปด้วยภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น เต็มไปด้วยไอน้ำและกลิ่นกำมะถันที่ฟุ้งขึ้นจากใต้ดิน และเป็นแหล่งออนเซ็นชั้นดี

เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี โนโบริเบ็ตสึออนเซ็น (Noboribetsu Onsen)

2. ภูมิภาคโทโฮคุ (เมืองเซนได/เมืองอาโอโมริ)

โทโฮคุ (Tohoku) หมายถึงทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นชื่อเรียกโดยรวมของ 6 จังหวัดทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องธรรมชาติแสนสวยจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก อย่างเช่น เทือกเขาชิราคามิซันจิ (Shirakami-Sanchi) ในจังหวัดอาโอโมริ และเมืองฮิราอิซุมิ (Hiraizumi) ในจังหวัดอิวาเตะ ช่วงพีคของใบไม้เปลี่ยนสีในภูมิภาคโทโฮคุอาจจะแตกต่างกันไปบ้างตามพื้นที่ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงกลางตุลาคม – ปลายเดือนพฤศจิกายน เร็วกว่าโตเกียวราวครึ่งเดือน

สถานที่และช่วงเวลา เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี ในปี 2023

หุบเขาโออิราเสะ (Oriase Gorge) – ประมาณวันที่ 29 ตุลาคม-6 พฤศจิกายน: บริเวณหุบเขาโออิราเสะร่มรื่นไปด้วยเสียงน้ำตกและอากาศสะอาดบริสุทธิ์ เหมาะกับการเดินเล่นไปตามทางเดินเลียบหุบเขาเพื่อชื่นชมกับความงามของใบไม้เปลี่ยนสีตลอดความยาว 14 กิโลเมตรของลำธารโออิราเสะ ที่ไหลลงไปสู่ทะเลสาบโทวาดะ (Lake Towada)

หุบเขาโออิราเสะ (Oriase Gorge)

หุบเขานารุโกะ (Naruko Gorge) – ประมาณวันที่ 30 ตุลาคม-12 พฤศจิกายน: หนึ่งในหุบเขาที่สวยงามที่สุดของภูมิภาคโทโฮคุ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดมิยากิ บริเวณหุบเขาแห่งนี้จะงดงามไปด้วยสีแดง สีทอง และสีส้มสดใสของใบไม้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง นับว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่นิยมมากที่สุดของภูมิภาคเลยทีเดียว

เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี หุบเขานารุโกะ (Naruko Gorge)

เทือกเขาซาโอะ (Zao Mountain) – ประมาณวันที่ 15 ตุลาคม-4 พฤศจิกายน: เทือกเขาซาโอะเป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ระหว่างจังหวัดยามากาตะและจังหวัดมิยางิ มีใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงาม คุณสามารถนั่งกระเช้าชมวิวจากมุมสูงของเทือกเขาที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้แดงได้อย่างเต็มตา

เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี เทือกเขาซาโอะ (Zao Mountain)

หมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate) – ประมาณวันที่ 9-18 พฤศจิกายน: เมืองเล็กๆ ในจังหวัดอาคิตะ มีชื่อเสียงเรื่องย่านที่อยู่อาศัยของซามูไรสมัยโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีและถนนที่งดงามซึ่งเรียงรายไปด้วยต้นซากุระเก่าแก่ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง บริเวณนี้จะมีชีวิตชีวาด้วยสีสันที่สดใส ทำให้เกิดบรรยากาศที่น่าหลงใหล

เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี หมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate)

หุบเขาเกบิเค (Geibikei Gorge) – ประมาณวันที่ 4-13 พฤศจิกายน: หุบเขาเกบิเคตั้งอยู่ในจังหวัดอิวาเตะ มีแม่น้ำอันเงียบสงบขนาบข้างด้วยหน้าผาสูงชันและป่าไม้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นแต่ใบไม้สีแดง ส้ม และเหลืองสดใสในช่วงฤดูใบไม้ร่วง งดงามราวกับภาพวาดเลยค่ะ

3. ภูมิภาคคันโต (เมืองโตเกียว/โยโกฮาม่า)

พื้นที่โตเกียวและปริมณฑลมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงมากมาย รวมถึงย่านนิกโกอันโด่งดังและถนนแปะก๊วยสีทองในเมจิจิงกุไกเอ็น (สวนด้านนอกของศาลเจ้าเมจิ) นอกจากนี้ บรรยากาศอันเงียบสงบของสวนสาธารณะต่างๆ ในภูมิภาค ยังช่วยให้คุณดื่มด่ำไปกับสีสันอันสดใสของฤดูใบไม้ร่วง โดยช่วงเวลาในการชมจะแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนธันวาคม

สถานที่และช่วงเวลา เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี ในปี 2023

ภูเขาทาคาโอะ (Mount Takao) – ประมาณวันที่ 21 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม: ถือเป็นภูเขาที่คนนิยมเดินทางมาชมใบไม้เปลี่ยนสีมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เนื่องจากเดินทางสะดวกและมีหลายเส้นทางเดินป่าที่ประดับประดาด้วยใบไม้หลากสีสันช่วยให้หลีกหนีความวุ่นวายจากในเมือง และหากเป็นช่วงที่ฟ้าโปร่ง สามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วย

ภูเขาทาคาโอะ (Mount Takao)

นิกโก (Nikko) – ประมาณวันที่ 6-19 พฤศจิกายน: นิกโก้มีชื่อเสียงในเรื่องความสวยงามของวัดและศาลเจ้าต่าง ๆ จนองค์การยูเนสโก้ถูกประกาศให้เป็นเขตมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1999 ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง นิกโกจะกลายเป็นจุดชมวิวที่มีใบไม้เปลี่ยนสีในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และมีภูเขาที่ทอดยาว มีสถานที่มากมายที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับฤดูใบไม้ร่วงในนิกโกได้ เช่น ภูเขา ทะเลสาบ และน้ำตก เป็นต้น

เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี นิกโก (Nikko)

สวนเมจิจิงกูไกเอ็น (Meiji-jingu Gaien) – ประมาณวันที่ 26 พฤศจิกายน-7 ธันวาคม: สวนด้านนอกของศาลเจ้าเมจิตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียวมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาแต่สมัยโบราณ มีธรรมชาติอันงดงาม ให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกันอย่างเต็มอิ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวถนนที่มีต้นแปะก๊วย (กิงโกะ) ที่เรียงรายเป็นแนวยาวกว่า 300 เมตร จะเปลี่ยนเป็นสวรรค์สีทองในช่วงฤดูใบไม้ร่วง งดงามราวกับภาพวาด

เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี สวนเมจิจิงกูไกเอ็น (Meiji-jingu Gaien)

ฮาโกเน่ (Hakone) – ประมาณวันที่ 13-28 พฤศจิกายน: ฮาโกเนะเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฟูจิ-ฮาโกเนะ-อิซุ และคุณจะสามารถมองเห็นภูเขาฟูจิได้จากฮาโกเนะในวันที่มีอากาศสดใส สถานที่ติดอันดับสำหรับการชมใบไม้ช่วงฤดูใบไม้ร่วงในฮาโกเนะคือสวนสาธารณะโกระ พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮาโกเนะ ทะเลสาบอะชิโนะโกะ วัดโชอันจิ และรถไฟสายฮาโกเนะโทซัง

ฮาโกเน่ (Hakone)

คามิโคจิ (Kamikochi) ประมาณวันที่ 21 ตุลาคม-4 พฤศจิกายน: คามิโคจิตั้งอยู่ในเมืองนากาโนะ บริเวณเทือกเขาแอลป์ของญี่ปุ่น ถือเป็นอัญมณีบริสุทธิ์ที่ได้รับการยกย่องจากความงามที่ยังบริสุทธิ์และสีสันใบไม้ร่วงอันงดงาม บริเวณนี้มีแม่น้ำที่ใสราวกับคริสตัล ยอดเขาสูงตระหง่าน และใบไม้สีแดง สีส้ม และสีทองอันอุดมสมบูรณ์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง

เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี คามิโคจิ (Kamikochi)

4. ภูมิภาคโฮคุริคุ (เมืองคานาซาว่า/เมืองฟุคุอิ)

ภูมิภาคโฮคุริกุครอบคลุมพื้นที่ตอนกลางและตอนเหนือของเกาะฮอนชู มีชื่อเสียงในด้านเทือกเขาที่กว้างใหญ่และมีหิมะตกหนักในช่วงฤดูหนาว ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสีในโฮคุริคุ แต่สถานที่บางแห่งอาจมีใบไม้เปลี่ยนสีเร็วกว่าปกติ ดังนั้นจึงควรตรวจเช็คสภาพอากาศและพยากรณ์เป็นระยะก่อนการเดินทาง

สถานที่และช่วงเวลา เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี ในปี 2023

สวนเค็นโรคุเอ็น (Kenroku-en) – ประมาณวันที่ 18 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม: เป็นแลนด์มาร์กที่โดดเด่นมากของเมืองคานาซาวะ ที่สายธรรมชาติห้ามพลาดกันเลย เพราะที่นี่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของสวนที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพของสวนที่งดงามตระการตามาก และถ้าไปช่วงเทศกาลที่มีการประดับไฟตอนกลางคืน จะทำให้บรรยากาศที่น่าหลงใหลและมหัศจรรย์

สวนเค็นโรคุเอ็น (Kenroku-en)

หุบเขาคุซูริว (Kuzuryu Gorge) – ประมาณวันที่ 4-15 พฤศจิกายน: หุบเขาคุซูริวอยู่ในจังหวัดโทยามะ คุณจะได้เห็นสีสันของฤดูใบไม้ร่วงตามเส้นทางเดินป่าเลียบไปตามแม่น้ำคุซูริวที่ใสสะอาดไหลอยู่เบื้องล่าง

บริเวณเขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam) – ประมาณวันที่ 4-17 ตุลาคม: พื้นที่เขื่อนคุโรเบะล้อมรอบด้วยภูเขาสูงตระหง่าน มองเห็นทิวทัศน์มุมกว้างของใบไม้หลากสีสันที่สะท้อนบนผืนน้ำอันเงียบสงบเบื้องล่าง

บริเวณเขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam)

5. ภูมิภาคชูบุ (ภูเขาไฟฟูจิ/เมืองกิฟุ/เมืองนาโกย่า)

ภูมิภาคชูบุเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น มีจุดที่งดงามมากมายพร้อมสีสันของฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงาม พื้นที่ทะเลสาบทั้งห้าแห่งฟูจิ รวมถึงทะเลสาบคาวากุจิ มีชื่อเสียงเป็นพิเศษในด้านใบไม้ที่สวยงามตระการตา

ทะเลสาบคาวากุจิในเดือนพฤศจิกายนจะจัดเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสีทางตอนเหนือ สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปชมคือทางเดินโมมิจิ ซึ่งคุณสามารถเก็บภาพทิวทัศน์อันน่าทึ่งของภูเขาไฟฟูจิและใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชีวิตชีวาได้ในเฟรมเดียว เป็นภาพสัญลักษณ์ที่มักปรากฏบนโปสการ์ดและเว็บไซต์ท่องเที่ยว ทำให้ที่นี่เป็นไฮไลท์ของการมาเยือนภูมิภาคนี้

สถานที่และช่วงเวลา เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี ในปี 2023

ทะเลสาบคาวากุจิ (Kawaguchi) – ประมาณวันที่ 15-24 พฤศจิกายน: หนึ่งในทะเลสาบทั้งห้าแห่งฟูจิ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยผืนน้ำอันเงียบสงบและทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาไฟฟูจิ บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยสีสันสดใสของฤดูใบไม้ร่วง ทำให้เกิดภูมิทัศน์ที่งดงาม

เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี ทะเลสาบคาวากุจิ (Kawaguchi)

อุทยานธรรมชาติชูเซ็นจิ (Shuzenji Nature Park) – ประมาณวันที่ 26 พฤศจิกายน-4 ธันวาคม): ตั้งอยู่ในคาบสมุทรอิซุ เป็นสถานที่พักผ่อนที่ขึ้นชื่อเรื่องความเขียวขจี สวนสาธารณะในฤดูใบไม้ร่วงจะประดับประดาไปด้วยใบไม้หลากสีสัน มอบบรรยากาศอันเงียบสงบสำหรับผู้รักธรรมชาติ

อุทยานธรรมชาติชูเซ็นจิ (Shuzenji Nature Park)

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) (ดีที่สุดตั้งแต่วันที่ 2-15 พฤศจิกายน): ในจังหวัดกิฟุ เป็นแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโกที่มีชื่อเสียงจากบ้านหลังคามุงจากแบบดั้งเดิมที่ตั้งอยู่กลางหุบเขา แวดล้อมด้วยธรรมชาติชาติที่เป็นฉากหลังอันน่าทึ่งสำหรับสีสันของฤดูใบไม้ร่วง ที่ต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิต

เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)

สวนโยโระ (Yoro Park) – ประมาณวันที่ 23 พฤศจิกายน-8 ธันวาคม: ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ มีเป็นพื้นที่ธรรมชาติสำหรับชมใบไม้เปลี่ยนสีและงานศิลปะ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง จะเห็นความสวยงามสีสันท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ นอกจากนี้ ยังมีทั้งน้ำตก ศาลเจ้า หมู่บ้าน และอุโมงค์ใบไม้เปลี่ยนสีให้คุณได้ชื่นชมอีกด้วย

6. ภูมิภาคคันไซ (เมืองเกียวโต/เมืองโอซาก้า)

ภูมิภาคคันไซเป็นที่ตั้งของเมืองประวัติศาสตร์สำคัญๆ เช่น เกียวโตและโอซาก้า มีสถานที่ท่องเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีมากมายในฤดูใบไม้ร่วง

สถานที่และช่วงเวลา เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี ในปี 2023

เมืองเกียวโต (Kyoto) – ประมาณวันที่ 23 พฤศจิกายน-7 ธันวาคม: เกียวโตมีชื่อเสียงเรื่องความสวยงามของทิวทัศน์ฤดูใบไม้ร่วงอันน่าทึ่ง ที่คุณจะได้เห็นการผสมผสานของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมกับสีสันสดใสของฤดูใบไม้ร่วง จุดไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดได้แก่ อาราชิยามะ วัดคิโยมิสึเดระ และวัดเอนโคจิ ท่ามกลางสถานที่สวยงามอื่นๆ อีกมากมาย

เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี เมืองเกียวโต (Kyoto)

เมืองโอซาก้า (Osaka) – ประมาณวันที่ 16 พฤศจิกายน-5 ธันวาคม: จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีห้ามพลาด ได้แก่ ปราสาทโอซาก้า น้ำตกมิโนะ และถนนมิโดสุจิ

เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี เมืองโอซาก้า (Osaka)

เมืองนารา (Nara) – ประมาณวันที่ 18 พฤศจิกายน-5 ธันวาคม: สำรวจความงามของสีสันแห่งฤดูใบไม้ร่วงได้ตามศาลเจ้าและวัดเก่าแก่ สวนนารา หรือเดินเขาชมทิวทัศน์ที่ภูเขาโยชิโนะ

เมืองชิงะ (Shiga) – ประมาณวันที่ 24 พฤศจิกายน-4 ธันวาคม: สถานที่ห้ามพลาดคือปราสาทฮิโกเนะที่สวยงามเป็นพิเศษในฤดูใบไม้ร่วง ถนนต้นสน Metasequoia Namiki ในเมืองทาคาชิมะ ที่มีชื่อเสียงจากละครโทรทัศน์ยอดนิยม และมีต้นสนเมตาเซโคเอียประมาณ 500 ต้นตลอดถนนระยะทาง 2.4 กม. สีสันอันน่าทึ่งของฤดูใบไม้ร่วงทำให้ที่นี่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน “100 เส้นทางชมวิวแห่งใหม่” ของญี่ปุ่น

7. ภูมิภาคชูโกกุ (เมืองฮิโรชิม่า/เมืองโอคายามะ)

ภูมิภาคชูโกกุตั้งอยู่ทางตะวันตกของเกาะฮอนชู ประกอบด้วย 5 จังหวัด รวมถึงฮิโรชิม่าและโอคายามะ

สถานที่และช่วงเวลา เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี ในปี 2023

เกาะมิยาจิมะ (Miyajima) – ประมาณวันที่ 16-29 พฤศจิกายน: เกาะมิยาจิมะ หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่าเกาะอิทสึคุชิมะ สถานที่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือประตูโทริอิสีแดงอันใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลและศาลเจ้ามรดกโลกอิทสึคุชิมะ อาคารเก่าแก่บนเกาะแห่งนี้มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นเมื่อประดับด้วยสีสันของฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งดึงดูดผู้มาเยือนจากทั่วโลก

เกาะมิยาจิมะ (Miyajima)

สวนโอคายามะ โคระคุเอ็น (Okayama Korakuen) – ประมาณวันที่ 21 พฤศจิกายน-6 ธันวาคม: เป็นหนึ่งในสามของสวนที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งได้สามดาวจากมิชลินกรีนไกด์ เป็นสวนที่ได้รับการวางผังเป็นอย่างดีจัดแสดงภูมิทัศน์อันงดงามและสถาปัตยกรรมที่กลมกลืนกัน ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง สีสันของใบไม้จะเพิ่มสัมผัสแห่งความงามอันสดใสให้กับบรรยากาศอันเงียบสงบ และช่วงเทศกาล นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสความงามของสวนที่มีการจัดแต่งไฟที่ให้ภาพที่งดงามแตกต่างจากตอนกลางวัน

หุบเขาโอคุตสึ (Okutsu Valley) – ประมาณวันที่ 8-21 พฤศจิกายน: หุบเขาโอคุตสึเป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงและเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดโอคายาม่า คุณจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของใบไม้สีแดงเข้ม ส้มอบอุ่น และสีเหลืองสดใสตามเส้นทางที่มีระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ราวกับผืนผ้าใบอันน่าหลงใหลที่มีในฤดูใบไม้ร่วง

8. ภูมิภาคชิโกะคุ (เมืองคากาวะ/เมืองโทคุชิมะ)

ภูมิภาคชิโกะคุ (Shikoku) คือ 1 ใน 4 เกาะหลักของญี่ปุ่น โอบล้อมด้วยทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) และมหาสมุทรแปซิฟิก ประกอบด้วย 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเอะฮิเมะ (Ehime), จังหวัดคางาวะ (Kagawa), จังหวัดโทคุชิมะ (Tokushima) และจังหวัดโคชิ (Kochi) บนเกาะนี้มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ อากาศค่อนข้างอบอุ่น มีเส้นทางปั่นจักรยาน มีเส้นทางจาริกแสวงบุญที่ยาวนานถึง 1,200 ปีไปยังวัด 88 แห่ง ทั้งนี้พื้นที่บริเวณโดยรอบยังมีเกาะเล็กเกาะน้อยที่มีมนต์เสน่ห์น่าค้นหา

สถานที่และช่วงเวลา เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี ในปี 2023

สวนริทสึริน (Ritsurin Garden) – ประมาณวันที่ 22 พฤศจิกายน – 6 ธันวาคม: สวนริทสึรินตั้งอยู่ในเมืองทะคะมัทสึ  และถือเป็นสวนที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น สวนแห่งนี้มีบ่อน้ำ 6 บ่อ และเนินเขาที่มีภูมิทัศน์สวยงาม 13 ลูก โดยมีภูเขาชิอินเป็นฉากหลัง สวนนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ทิวทัศน์รอบตัวคุณเปลี่ยนแปลงไปในทุกย่างก้าว

หุบเขาคันคาเค (Kankakei Gorge) – ประมาณวันที่ 14 พฤศจิกายน-2 ธันวาคม: ตั้งอยู่กลางเกาะโชโดะในจังหวัดคางาวะ เป็นหนึ่งในสามหุบเขาที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น และได้รับรางวัล 1 ดาวจากมิชลินกรีนไกด์ ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี หุบเขาแห่งนี้จะมีสีสันสวยงามไปทั้งหุบเขา ควรขึ้นกระเช้าลอยฟ้าเพื่อชมทัศนียภาพอันน่าทึ่งของหุบเขา

ช่องเขานาเมโทโกะ (Nametoko Gorge) – ประมาณวันที่ 19-30 พฤศจิกายน): เพลิดเพลินกับธรรมชาติใน หุบเขาที่ทอดตัวไปตามริมแม่น้ำเมกุโระ มีลำธารใสสะอาดไหลผ่านตามโขดหินท่ามกลางป่ามอสที่สวยงาม และน้ำตกยูกิวะไหลลงมาตามผาหินขนาดยักษ์ ช่องเขานาเมโทโกะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบเดินป่าและจุดชมวิวที่มีเสน่ห์อย่างมากโดยเฉพาะในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

หุบเขาอิยะ (Iya Valley) คือหนึ่งในสามสถานที่ unseen หรือสถานที่เร้นลับที่ยังไม่ค่อยมีผู้มาเยือนของญี่ปุ่น มีแม่น้ำโยชิโนะ (Yoshino River) ไหลผ่านกลาง นักท่องเที่ยวสามารถดื่มด่ำกับภูเขาสีสันสวยงามด้วยใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน

เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี หุบเขาอิยะ (Iya Valley)

9. ภูมิภาคคิวชู (เมืองฟุกุโอกะ/เมืองคาโกชิม่า)

ภูมิภาคคิวชู (Kyushu) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น ประกอบด้วย 7 จังหวัด อันได้แก่ จังหวัดฟุคุโอกะ (Fukuoka) จังหวัดซะกะ (Saga) จังหวัดนางาซากิ (Nagasaki) จังหวัดคุมะโมโตะ (Kumamoto) จังหวัดโออิตะ (Oita) จังหวัดมิยะซะกิ (Miyazaki) และจังหวัดคะโงะชิมะ (Kagoshima) ภูมิภาคนี้มีอากาศที่อบอุ่นและมีภูมิประเทศสูงต่ำสลับกัน มีทะเลและภูเขาอันอุดมสมบูรณ์ มีจุดเด่นที่แหล่งประวัติศาสตร์เมืองโบราณทางตอนใต้ซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่น นอกจากนี้ยังสามารถสัมผัสกับเมืองแห่งน้ำพุร้อนที่มีหลากหลายรูปแบบ รวมถึงอาหารพื้นเมืองน่าลิ้มลองอีกหลายชนิด

สถานที่และช่วงเวลา เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี ในปี 2023

หุบเขายาบาเคอิ (Yabakei Gorge) – ประมาณวันที่ 14-26 พฤศจิกายน: ตั้งอยู่ในเมืองนาคัตสึ จังหวัดโออิตะ เป็นหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอันมีสีสันของภูมิภาค เราขอแนะนำคุณมาเยี่ยมชมก่อนพระอาทิตย์ตกดินเพื่อชมการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์จากแสงสว่างไปสู่ความมืด และบางส่วนของพื้นที่จะมีการประดับไฟในตอนกลางคืน

หุบเขาทะคะจิโฮะ (Takachiho Gorge) – ประมาณวันที่ 22-30 พฤศจิกายน: ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดมิยะซะกิ มีหน้าผาสูงชันทอดตัวเป็นแนวยาวถึง 7 กิโลเมตร และเต็มไปด้วยสถานที่ที่มีทัศนียภาพอันงดงามลึกลับ มีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีกระจายอยู่ทั่ว กิจกรรมที่แนะนำเมื่อมาเยือนที่นี่ คือการพายเรือผ่านน้ำตกมะนะอิโนทาคิ (Manainotaki Waterfall) ที่มีความสูงถึง 17 เมตร ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของหุบเขาแห่งนี้ แล้วชมใบไม้เปลี่ยนสีอย่างใกล้ชิด ภาพของหุบเขา น้ำตก และใบไม้สีเหลืองและแดงรวมกันกลายเป็นความงดงามทางธรรมชาติราวกับภาพวาดที่หาชมได้ยาก

เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี หุบเขาทะคะจิโฮะ (Takachiho Gorge)

สวนพฤกษศาสตร์ชิราโนเอะ (Shiranoe Botanical Garden) มีพื้นที่กว้างขวางให้ได้เดินชมความงามของธรรมชาติทั้ง 4 ฤดู สามารถมาชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือน จุดชมใบไม้แดงเด่นๆ ได้แก่ Iriguchi hiroba ตรงทางเข้า, Komorebi no ro ที่มีต้นเมเปิลกว่า 800 ต้น และ Rakuyo no mori ที่มีต้นเมเปิลอิโรฮะโมมิจิขนาดใหญ่ที่ถูกปลูกเมื่อ 50 ปีก่อน

วางแผน เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี ช่วงฤดูใบไม้ร่วง

เนื่องจากช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นเป็นช่วงเวลาที่มีความสวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ดังนั้นเราจึงควรเริ่มวางแผนทริปล่วงหน้าทันทีที่ตัดสินใจว่าจะเดินทางไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ไหน เราสามารถกะเวลาโดยประมาณจากพยากรณ์ข้างต้น เพื่อจัดการจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก เขียนกำหนดการอย่างคร่าวๆ เตรียมเอกสารที่จำเป็น และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันภัยการเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางอย่างอุ่นใจไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย เที่ยวบินดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : n-kishou.com, matcha-jp.com, jw-webmagazine.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

Comments