จุดชม ซากุระ คาวาซุ ซากุระสายพันธุ์บานเร็ว

จุดชม ซากุระ คาวาซุ (Kawazu) ซากุระสายพันธุ์บานเร็วในญี่ปุ่น

ถึงแม้ว่าฤดูใบไม้ผลิจะเป็นช่วงเวลายอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว ในการไปชมดอกซากุระบานในญี่ปุ่น ซึ่งดอกซากุระที่พบเห็นได้ทั่วไปในช่วงเวลานี้คือพันธุ์โซเมโยชิโนะ ซึ่งมักจะเริ่มบานในช่วงกลางถึงปลายเดือนมีนาคมในเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยซากุระโซเมโยชิโนะจะบานนานประมาณ 2 สัปดาห์ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าคุณสามารถไปชมดอกซากุระในช่วงฤดูหนาวได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จนถึงเดือนมีนาคม ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และสถานที่ เพราะมีซากุระสายพันธุ์พิเศษที่บานเร็วก่อนสายพันธุ์อื่น ๆ เป็นอีกหนึ่งในสายพันธุ์ซากุระที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงในญี่ปุ่น นั่นก็คือ ซากุระ คาวาซุ (Kawazu Sakura) 🌸 และที่สำคัญช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยเดินทางนักและราคาตั๋วเครื่องบินก็ยังไม่แพง!

Allianz Travel จะพาทุกคนไปสำรวจสถานที่ ที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับดอกซากุระปลายฤดูหนาวที่คุณไม่ควรพลาด จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ : )

ทำความรู้จักกับ ซากุระ คาวาซุ

ซากุระ คาวาซุ (河津桜) ตั้งชื่อตามเมืองคาวาซุในคาบสมุทรอิซุ จังหวัดชิซูโอกะ ซึ่งปลูกซากุระสายพันธุ์นี้เป็นแห่งแรก ลักษณะเด่นของซากุระคาวาซุ คือเป็นสายพันธุ์ที่บานเร็ว ถือเป็นสัญญาณแรก ๆ ของฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่น เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ และบานเต็มที่ตอนช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงต้นเดือนมีนาคม ซึ่งช่วงเวลาออกดอกอาจแตกต่างกันไปในแต่ละปี ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและสภาพอากาศ ดังนั้นคุณควรตรวจสอบพยากรณ์อากาศล่าสุดก่อนเดินทางเสมอ ซากุระคาวาซุจะมีกลีบดอกใหญ่ สีชมพูเข้ม และบานสะพรั่งให้นักท่องเที่ยวได้ชมเป็นระยะเวลานานประมาณ 1 เดือน ซึ่งแตกต่างจากซากุระสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมทั่วไป เช่น โซเมอิโยชิโนะ (Somei Yoshino) ชิดาเระซากุระ (Shidare Sakura) ที่มักจะบานในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน และจะบานในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 1-2 สัปดาห์เท่านั้น คุณสามารถชมซากุระคาวาซุ สีชมพูได้ทั่วโตเกียว หรือเดินทางไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับในจุดชมอื่น ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวโดยการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ

สถานที่ชม ซากุระ คาวาซุ ในโตเกียว

สถานที่ชมความงดงามของ ซากุร ะคาวาซุ มีอยู่มากมายทั้งในโตเกียวและพื้นที่โดยรอบโตเกียวที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับสีสันอันสวยงามของต้นคาวาซุ ซากุระ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ทั้งในสวนสาธารณะ ริมฝั่งแม่น้ำ และบริเวณวัดหลายแห่งในโตเกียว ที่จะเต็มไปด้วยต้นซากุระคาวาซุ ซากุระสีชมพูสดใส

1. สวนสาธารณะแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen National Garden)

จุดชมซากุระคาวาซุ: สวนสาธารณะแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen National Garden)

สวนสาธารณะแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็นก็เป็นจุดชมซากุระที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว สวนอันกว้างใหญ่ใจกลางโตเกียวแห่งนี้มีต้นซากุระมากกว่า 900 ต้น ซึ่งมีหลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงต้นซากุระ คาวาซุ ซึ่งเริ่มบานในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ด้วย นอกจากนี้ สวนชินจูกุเกียวเอ็นยังมีต้นซากุระที่บานช้าอย่างซากุระยาเอะซึ่งบานในเดือนเมษายน ในช่วงปลายของฤดูซากุระบานอีกด้วย

2. สวนอิโนะคาชิระ (Inokashira Park)

จุดชมซากุระคาวาซุ: สวนอิโนะคาชิระ (Inokashira Park)

สวนอิโนะคาชิระเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโตเกียว ตั้งอยู่ในย่านคิจิโจจิ ซึ่งเป็นย่านทันสมัยทางทิศตะวันตกของโตเกียว ใกล้กับพิพิธภัณฑ์จิบลิ สวนแห่งนี้ได้รับความนิยมตลอดทั้งปี และดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ผู้คนจะมาชื่นชมต้นซากุระหลากหลายพันธุ์ของสวนอิโนะคาชิระ รวมถึง ซากุระ คาวาซุ ด้วย ต้นซากุระส่วนใหญ่อยู่รอบสระน้ำขนาดใหญ่ของสวน และมีการประดับไฟสวยงามในเวลากลางคืน ผู้ที่ต้องการล่องเรือสามารถเช่าเรือเพื่อล่องไปในสระน้ำภายใต้ดอกซากุระสีชมพูสดใสได้

3. ศาลเจ้าโทโยคาวะอินาริ (Toyokawa Inari Betsuin)

จุดชมซากุระคาวาซุ: ศาลเจ้าโทโยคาวะอินาริ (Toyokawa Inari Betsuin)

ศาลเจ้าโทโยคาวะอินาริเป็นหนึ่งในสถานที่ทางศาสนาที่สวยงามดั่งภาพวาดของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ตรงข้ามกับพระราชวัง Akasaka ที่นี่มีรูปปั้นจิ้งจอกหินหนึ่งพันตัวซึ่งคล้องผ้ากันเปื้อนสีแดงสดตั้งอยู่ทั่วพื้นที่กว้างใหญ่ของศาลเจ้าแห่งนี้ อยู่ท่ามกลางต้น ซากุระคาวาซุ สีชมพูสดใสที่บานสะพรั่งในศาลเจ้าตลอดฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่คือวัดพุทธนิกายโซโตะ ก่อตั้งขึ้นในระหว่างช่วงที่มีการผสานความเชื่อทางศาสนา ซึ่งอยู่ระหว่างช่วงแรกเริ่มที่พุทธศาสนาได้ลงหลักปักฐานในญี่ปุ่นเรื่อยมาจนถึงช่วงการฟื้นฟูเมจิ

4. สวนโยโยกิ (Yoyogi Park)

จุดชมซากุระ คาวาซุ: สวนโยโยกิ (Yoyogi Park)

สวนโยโยกิเป็นจุดชมซากุระอีกแห่งที่มีชื่อเสียงในโตเกียว เนื่องจากมีต้นซากุระจำนวนมากกว่า 700 ต้น ที่นี่ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการปิกนิกและปิ้งบาร์บีคิวตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะเต็มไปด้วยสีชมพูสดใสของต้นซากุระที่ประดับประดาพื้นที่โดยรอบ สวนโยโยกิตั้งอยู่ระหว่างย่านชินจูกุและย่านชิบูย่า ไม่ไกลจากย่านฮาราจูกุ ถึงแม้ว่าต้นซากุระที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นต้นซากุระพันธุ์โซเมอิโยชิโนะ แต่สวนโยโยกิยังมีต้นซากุระ คาวาซุ อยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน

5. แม่น้ำคิวนาคากาวะ (Kyunaka River)

จุดชมซากุระคาวาซุ: แม่น้ำคิวนาคากาวะ (Kyunaka River)

แม่น้ำคิวนาคากาวะในฮิราอิ เขตเอโดกาวะ กรุงโตเกียว เป็นแม่น้ำที่ไหลคดเคี้ยวผ่านส่วนหนึ่งของโตเกียวตะวันออก และเป็นสถานที่ชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในเขตบริเวณริมฝั่งแม่น้ำที่อยู่ห่างจากสถานีฮิราอิไปประมาณ 10 นาที มีต้นซากุระ คาวาซุ กว่า 30 ต้นปลูกเรียงรายอยู่ และมีโตเกียวสกายทรีตั้งเด่นเป็นฉากหลังในระยะไกล แสดงถึงการผสมผสานระหว่างโตเกียวแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่ แถมพิเศษสำหรับคนรักรถไฟ เพราะมีสะพานทางรถไฟเหล็กไว้ให้ดูรถไฟยามแล่นข้ามแม่น้ำไปด้วย

สถานที่ชม ซากุระ คาวาซุ นอกเมืองโตเกียว

มีสถานที่ชม ซากุระ คาวาซุ นอกเมืองโตเกียวอยู่หลายแห่งที่เดินทางไปถึงได้โดยง่ายโดยรถไฟ ซึ่งคุณสามารถไปเยี่ยมชมได้แบบไปเช้าเย็นกลับจากโตเกียว ในขณะที่บางแห่งอาจต้องพักค้างคืน คานากาวะเป็นพื้นที่ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ ในขณะที่ชิซูโอกะอาจต้องพักค้างคืน

1. เมืองคาวาซุ จังหวัดชิซูโอกะ

จุดชม ซากุระ คาวาซุ ริมน้ำ: คาวาซุ ซากุระ เมืองคาวาซุ จังหวัดชิซูโอกะ

เมืองคาวาซุบนคาบสมุทรอิซุในจังหวัดชิซูโอกะซึ่งเป็นเมืองที่เป็นต้นกำเนิดของต้นซากุระ คาวาซุ อาจเป็นสถานที่ที่งดงามที่สุดในการชมต้นซากุระ คาวาซุ ซึ่งมีต้นซากุระพันธุ์ คาวาซุ อยู่ทั่วเมืองกว่า 8,000 ต้น คุณจะได้เห็นต้นซากุระ คาวาซุ สีชมพูสดใสเรียงรายอยู่ตามสองฝั่งของแม่น้ำคาวาซุที่ทอดยาวกว่า 4 กิโลเมตร ดอกซากุระ คาวาซุ เริ่มบานในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์และจะเผยให้เห็นทัศนียภาพอันน่าทึ่งร่วมกับดอกเรพซีดสีเหลืองริมฝั่งแม่น้ำ

จุดชม ซากุระ คาวาซุ : เมืองคาวาซุ จังหวัดชิซูโอกะ
จุดชมซากุระคาวาซุ ริมน้ำ: เมืองคาวาซุ จังหวัดชิซูโอกะ

ในช่วงฤดูกาลนี้ จะมีการจัดเทศกาลประจำปีเพื่อเฉลิมฉลองช่วงเวลาที่ ซากุระ คาวาซุ บานสะพรั่งที่เริ่มมาตั้งแต่ทศวรรษ 1980 โดยมีแผงขายอาหารมากมาย กิจกรรมสนุก ๆ และการประดับไฟต้นซากุระในตอนกลางคืน จุดเด่นอย่างหนึ่งของเทศกาล ซากุระคาวาซุ คือริมฝั่งแม่น้ำจะเปลี่ยนไปเป็นฉากที่งดงามที่ถูกประดับไปด้วยดอกไม้สีชมพูสดใสเต็มพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีดอกเรพซีดสีเหลืองที่บานอยู่ใต้ต้นซากุระ คาวาซุ ช่วยสร้างทัศนียภาพอันสวยงาม และมีการประดับไฟในตอนกลางคืนระหว่างเทศกาลตั้งแต่เวลา 18.00 น. ถึง 21.00 น.

จุดชมซากุระคาวาซุ: เมืองคาวาซุ (kawazu) จังหวัดชิซูโอกะ
จุดชมซากุระคาวาซุ : เมืองคาวาซุ จังหวัดชิซูโอกะ ตอนกลางคืน Light Up

เราสามารถตรวจสอบการบานของดอกซากุระคาวาซุหรือชมดอกซากุระคาวาซุ ที่เมืองคาวาซุ จังหวัดชิซูโอกะ แบบ Live ผ่านเว็บไซต์ skyliewebcams.com ได้ที่ลิงก์นี้นะคะ:
https://www.skylinewebcams.com/en/webcam/japan/prefecture-of-shizouka/kawazu/kawazu.html
https://www.skylinewebcams.com/en/webcam/japan/prefecture-of-shizouka/shizouka/izu.html

ช่วงเวลาเทศกาล: 1-28 กุมภาพันธ์ 2025

เว็บไซต์: https://kawazuzakura.jp/

2. เมืองมิอุระ จังหวัดคานากาวะ

จุดชม ซากุระ คาวาซุ : เมืองมิอุระ จังหวัดคานากาวะ

เมืองมิอุระ (Miura) ตั้งอยู่บนปลายสุดด้านใต้ของคาบสมุทรมิอุระ จังหวัดคานากาวะ (Kanagawa) หากเดินทางด้วยรถไฟจากโตเกียวจะใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง เป็นสถานที่จัดงานยอดนิยมอย่างเทศกาลซากุระบานมิอุระไคกัง (Miura Kaigan Cherry Blossom Festival) ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคมของทุกปี ต้นซากุระ คาวาซุ กว่า 1,000 ต้นเรียงรายไปตามทางรถไฟประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างสถานีมิอุระไคกัง (Miura-kaigan) ไปจนถึงสวนโคมัตสึไกเกะ (Komatsugaike) และในช่วงเทศกาลจะมีแผงขายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น อาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เช่น ยากิโทริ (ไก่เสียบไม้ย่าง) และไทยากิ (ขนมรูปปลา) หรือรอถ่ายภาพต้นซากุระประดับไฟตั้งแต่เวลา 17.00 น.

จุดชมซากุระคาวาซุ : คาวาซุ ซากุระ ริมทางรถไฟ เมืองมิอุระ จังหวัดคานากาวะ

จุดชมวิวแนะนำ: คุณสามารถเก็บภาพทิวทัศน์อันสวยงามของรถไฟที่วิ่งผ่านแถวต้นซากุระ ด้วยการขึ้นไปบนสะพานลอยใกล้สถานีมิอุระไคกัง คุณจะได้ภาพรถไฟสีแดง (หรือสีอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา) ตัดกับดอกซากุระสีชมพูอ่อน เป็นภาพที่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง รถไฟวิ่งค่อนข้างบ่อย ดังนั้นคุณจึงมีโอกาสมากมายที่จะถ่ายภาพสวย ๆ ได้

ช่วงเวลาเทศกาล: 5 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2025

เว็บไซต์: https://miurakawazuzakura.wixsite.com/index/en

3. เมืองมัตสึดะ จังหวัดคานากาวะ

จุดชม ซากุระคาวาซุ : คาวาซุ ซากุระ และวิวภูเขาไฟฟูจิ เมืองมัตสึดะ จังหวัดคานากาวะ

หากคุณอยากเห็นภาพดอกซากุระบานสะพรั่งและภูเขาไฟฟูจิไปพร้อมกัน ให้ไปที่เทศกาลซากุระมัตสึดะ (Matsuda Cherry Blossom Festival) ซึ่งจัดขึ้นที่สวนสมุนไพรมัตสึดายามะ (Matsudayama Herb Garden) ภายในสวนสาธารณะนิชิฮิราบาตาเกะ (Nishihirabatake Park) ในเมืองมัตสึดะ (Matsuda) จังหวัดคานากาวะ (Kanagawa)  คุณจะได้เห็นต้นซากุระคาวาซุสีชมพูประมาณ 360 ต้นพร้อมดอกเรพซีดสีเหลืองที่ตัดกันอย่างสวยงามบนไหล่เขา

จุดชม ซากุระ คาวาซุ : คาวาซุ ซากุระ และสไลเดอร์ เมืองมัตสึดะ จังหวัดคานากาวะ

นอกจากนี้ คุณยังสามารถสนุกสนานไปกับสไลเดอร์ท่ามกลางดอกซากุระอันงดงาม หรือนั่งรถไฟ Furusato ซึ่งเป็นรถไฟไอน้ำขนาดเล็กน่ารักที่วิ่งรอบสวน และในช่วงเทศกาล คุณยังจะพบกับแผงขายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่มีกลิ่นดอกซากุระ เช่น น้ำผึ้งหรือแยมดอกซากุระ โมจิซากุระ ดังโงะ และอื่น ๆ อีกมากมาย

ช่วงเวลาเทศกาล: 8 กุมภาพันธ์ถึง 9 มีนาคม 2025 (วันที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสถานการณ์การบานของดอกซากุระ)

ค่าเข้าชม: 300 เยน

เว็บไซต์: https://town.matsuda.kanagawa.jp/site/matsudasakura/

4. สวนนิชิฮิระบาตาเกะ จังหวัดคานากาว

จุดชม ซากุระ คาวาซุ : สวนนิชิฮิระบาตาเกะ เมืองคานากาวะ

สวนสาธารณะนิชิฮิระบาตาเกะ (Nishihirabatake Park) มีต้นซากุระ คาวาซุ มากกว่า 300 ต้น และในช่วงฤดูซากุระบาน คุณจะได้ดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันตระการตาของต้นซากุระ คาวาซุ ที่บานสะพรั่งในสวนสาธารณะโดยมีฉากหลังเป็นทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาไฟฟูจิที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ สวนสาธารณะนิชิฮิระบาตาเกะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับที่สะดวกมากหากเดินทางจากโตเกียว โดยใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษโดยรถไฟสายโอดะคิว

จุดชมซากุระคาวาซุ : คาวาซุ ซากุระ พร้อมวิวภูเขาไฟฟูจิ สวนนิชิฮิระบาตาเกะ เมืองคานากาวะ

ช่วงเวลาเทศกาล: 1 กุมภาพันธ์ – 10 มีนาคม 2025

เว็บไซต์: https://www.minami-izu.jp/

ช่วงฤดูกาลสำหรับชมดอกซากุระในญี่ปุ่น ในช่วงปลายเดือนมีนาคม-เมษายน จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ตั๋วเครื่องบินและที่พักจะมีราคาค่อนข้างแพง เพื่อน ๆ สามารถชมความสวยงามของดอกซากุระสายพันธุ์บานเร็ว อย่าง ซากุระ คาวาซุ ได้ในช่วงนอกฤดูกาลชมซากุระ การได้ไปชมความสวยงามของดอกซากุระที่บานสะพรั่ง เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความสวยงาม และบรรยากาศที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ สำหรับใครที่อยากชมซากุระในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิก่อนใคร อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมกับอากาศที่ยังหนาวอยู่ และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : thewanderingcam.com, japan.travel, tsunagujapan.com, jw-webmagazine.com, tokyocheapo.com, skyliewebcams.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

พยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น 2025

พยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น 2025 ล่าสุด! [ครั้งที่ 5: 20 กุมภาพันธ์ 2025]

ช่วงเวลาของการชมดอกซากุระ ญี่ปุ่น ในปี 2025 ใกล้มาถึงแล้ว เป็นช่วงเวลาที่หลาย ๆ คน รอคอยที่จะได้ไปสัมผัสบรรยากาศที่สวยงาม ละมุนไปด้วยสีของดอกซากุระที่บานสะพรั่ง 🌸 ไปทั่วทุกสถานที่ ที่เป็นจุดชมดอกซากุระบานในญี่ปุ่น โดยเฉพาะเดือนมีนาคมและเมษายน ปีนี้ข้อมูล พยากรณ์ซากุระบาน ญี่ปุ่น ปี 2025 ถูกประกาศออกมาแล้ว โดยทาง JMC (Japan Meteorological Corporation) ได้เผยแพร่ข้อมูล พยากรณ์ ซากุระบาน ญี่ปุ่น 2025 ฉบับล่าสุด (ครั้งที่ 5) ของปี 2025 ออกมา เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2025 สำหรับเพื่อน ๆ คนไหน กำลังวางแผนเดินทางไปชมความสวยงามของดอกซากุระ เราขอแนะนำให้เพื่อน ๆ เช็คช่วงเวลาที่ดอกซากุระบาน จากตารางพยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น ในปี 2025 กันด้วยนะคะ เนื่องจากช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมดอกซากุระจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานที่และสภาพอากาศในแต่ละปี ทาง Allianz Travel จะอัพเดตข้อมูลการพยากรณ์ช่วงเวลาซากุระบานมาให้เพื่อน ๆ ได้คอยอัพเดตเพื่อใช้สำหรับวางแผนการเดินทาง ในบทความนี้นะคะ : )

ไปชม ซากุระ ญี่ปุ่น ช่วงเวลาไหนดี ?

ดอกซากุระในญี่ปุ่นมีช่วงเวลาที่บานเต็มที่ในแต่ละสถานที่คือประมาณหนึ่งสัปดาห์ และช่วงที่บานเต็มที่จะแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ ดอกซากุระจะเริ่มบานจากเขตอบอุ่นและจุดสุดท้ายคือในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศหนาวเย็น ตัวอย่างเช่น คุณจะเริ่มชมซากุระในภูมิภาคคิวชูตอนใต้ได้ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม และบานเต็มที่ในอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ต่อมา แต่ดอกซากุระในจังหวัดฮอกไกโดทางตอนเหนือสุดจะบานเต็มที่ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม

ในแต่ละปี ซากุระจะเริ่มบานในโตเกียวตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม และสามารถบานสะพรั่งได้ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างโอซาก้า เกียวโต และฮิโรชิม่า ก็เริ่มบานสะพรั่งในเวลาเดียวกัน ในภาคกลางของญี่ปุ่น ดอกซากุระเริ่มบานตั้งแต่ต้นถึงกลางเดือนเมษายน ภายในปลายเดือนเมษายน คุณจะเห็นดอกซากุระในโทโฮคุ และตั้งแต่เดือนพฤษภาคม คุณจะเห็นดอกซากุระที่ฮอกไกโดเช่นกัน

ซากุระ ญี่ปุ่น ช่วงต้นฤดูกาล (เดือนกุมภาพันธ์)

ซากุระมีมากมายหลากหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่สามารถพบเห็นได้มากที่สุดคือพันธุ์โซเมอิโยชิโนะ (Somei-yoshino) ที่บานตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมจนถึงต้นเดือนเมษายน และเวลาที่มีการพยากรณ์ซากุระบานในแต่ละปี ก็ยึดเอาพันธุ์โซเมอิโยชิโนะนี่แหละเป็นตัววัด ทำให้หลายคนอาจคิดว่าการชมซากุระในญี่ปุ่นมีเ)พาะช่วงเวลานี้เท่านั้น แต่ความจริงแล้วซากุระบางสายพันธุ์ก็บานเร็วกว่าพันธุ์ทั่วไปเล็กน้อย เราจะมาแนะนำสถานที่ที่สามารถไปชมซากุระได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธุ์เลยค่ะ

เมืองคาวาซุ (Kawazu) ของจังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka)

ห่างจากโตเกียวประมาณ 2.5 ชั่วโมง มีชื่อเสียงเรื่องดอกซากุระพันธุ์คาวาซุ ดอกใหญ่สีชมพูเข้ม ซึ่งบานเร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ และบานนานเกือบหนึ่งเดือนทำให้เมืองนี้กลายเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่เร็วที่สุดในละแวกโตเกียวและจังหวัดใกล้เคียง นอกจากนี้ ช่วงที่มีซากุระบานของทุกปียังมีการจัด เทศกาลคาวาซุซากุระ (Kawazu Cherry Blossom Festival) ที่สวยงามไปด้วยซากุระสีชมพูทั้งในเมืองและริมแม่น้ำ การประดับไฟยามค่ำคืน และร้านค้าริมทาง

ซากุระ ญี่ปุ่น : เมืองคาวาซุ (Kawazu) จังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka)

เมืองอาตามิ (Atami) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของคาบสมุทรอิซุ (Izu)

ห่างจากโตเกียวไปทางตะวันตกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงโดยรถไฟชินคันเซ็น บรรยากาศเหมือนเมืองตากอากาศ มีบ่อน้ำพุร้อนและเรียวกังมากมาย ที่นี่เป็นแหล่งชมซากุระพันธุ์อาตามิ เป็นพันธุ์สีชมพู ดอกพุ่มสวย ปกติจะบานช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เมื่อเริ่มบานแล้วจะอยู่ประมาณ 10 วันก็จะเริ่มร่วงโรยรา จุดชมซากุระอยู่ตรงทางเดินเลียบแม่น้ำ Itogawa ใช้เวลาเดินลงจากสถานี Atami ประมาณ 10 นาที ที่นี่คุณจะเห็นต้นซากุระประมาณ 58 ต้นที่ปลูกอยู่สองข้างทาง

ซากุระ ญี่ปุ่น : เมืองอาตามิ (Atami)

เมืองมิอุระ (Miura) จังหวัดคานางาวะ (Kanagawa)

มีดอกซากุระคาวาซุที่ผลิดอกช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ คุณจะได้เห็นต้นซากุระสายพันธุ์นี้ราว 1,000 ต้นเรียงรายตามเส้นทางรถไฟระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรจากสถานีมิอูระไคกัง (Miurakaigan) ไปยังสวนสาธารณะโคมัตสึไคเกะ (Komatsugaike) นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นหอมที่ลอยมาในอากาศจากทุ่งดอกมัสตาร์ดสีเหลืองนวลที่ออกดอกตามสองข้างทาง ตลอดฤดูกาล ตลาดแผงลอยหลายแห่งจะเปิดให้บริการที่หน้าสถานีมิอูระไคกัง ซึ่งท่านสามารถที่จะซื้อหาผักสดจากท้องถิ่นรวมทั้งสินค้าพิเศษของเมืองมิอุระได้

หากเพื่อนๆ ท่านไหนยังไม่รู้ว่าจะแพลนไปชมซากุระ ในญี่ปุ่น ที่ไหนดี Allianz Travel รวบรวมรายละเอียดสถานที่ ที่คุณสามารถวางแผนทริป เที่ยวญี่ปุ่น ชมดอกซากุระบาน ได้จากบทความด้านล่างนี้เลยค่ะ

สถานที่ชม ซากุระ ญี่ปุ่น

สถานที่ชม ซากุระ ญี่ปุ่น

รวมข้อมูลพิกัดสำหรับชม ซากุระ ญี่ปุ่น พร้อมรายชื่อสถานที่ที่ควรไปชมซากุระในแต่ละภูมิภาค ที่มีความสวยงามแตกต่างกันออกไป

10 จุดชมซากุระในโตเกียว

10 จุดชมซากุระโตเกียว

จุดชมซากุระ ที่ดีที่สุดของโตเกียว เตรียมเสื้อผ้าหน้าผมให้พร้อม รับรองว่าทริปนี้ต้องได้รูปสวยคู่กับซากุระอย่างแน่นอน

ตารางพยากรณ์ช่วงเวลา ซากุระบาน ในญี่ปุ่นปี 2025

ตารางพยากรณ์ช่วงดอกซากุระบานของญี่ปุ่นในปี 2025 ครั้งล่าสุด (พยากรณ์ซากุระครั้งที่ 5) ประกาศออกมาแล้ว เผยแพร่โดย Japan Meteorological Corporation เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการวางแผนการเดินทางเพื่อไปชมดอกซากุระปี 2025 ได้ค่ะ

ประกาศพยากรณ์ดอกซากุระบานปี 2025 (พยากรณ์ครั้งที่ 5: 20 กุมภาพันธ์ 2025)

ขอบคุณรูปภาพจาก: JMC (Jpan Meteorological Corporation)

สถานที่ช่วงเวลาที่ซากุระเริ่มบานช่วงเวลาที่ซากุระบานเต็มที่
โตเกียว – Tokyo25 มีนาคม2 เมษายน
นาโงย่า – Nagoya28 มีนาคม6 เมษายน
เกียวโต – Kyoto30 มีนาคม8 เมษายน
โคจิ – Kochi26 มีนาคม3 เมษายน
ฟุกุโอกะ – Fukuoka27 มีนาคม4 เมษายน
โอซาก้า – Osaka30 มีนาคม7 เมษายน
ฮิโรชิมะ – Hiroshima29 มีนาคม7 เมษายน
วากายามะ – Wakayama29 มีนาคม6 เมษายน
คานาซาว่า – Kanazawa5 เมษายน11 เมษายน
นากาโน่ – Nagano13 เมษายน18 เมษายน
คาโกชิมะ – Kagoshima27 มีนาคม7 เมษายน
เซนได – Sendai8 เมษายน13 เมษายน
อาโอโมริ – Aomori21 เมษายน25 เมษายน
ซัปโปโร – Sapporo28 เมษายน2 พฤษภาคม
ดอกซากุระบานหรือดอกซากุระบานเต็มที่แล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก: Release of 2025 Cherry Blossom Forecast (5th forecast) – JMC (Jpan Meteorological Corporation)

การวางแผนการเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงฤดูซากุระบาน

การเดินทางเพื่อไปชมดอกซากุระบานในญี่ปุ่นควรเริ่มวางแผนการท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิล่วงหน้าอย่างน้อย 3-5 เดือน เนื่องจากญี่ปุ่นในช่วงฤดูดอกซากุระบานเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิต ของนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศจำนวนมาก โรงแรมในโตเกียวและเกียวโตจะเต็มอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราจึงต้องรีบจองที่พักทันทีที่มีกำหนดวันเดินทาง และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : livejapan.com, jw-webmagazine.com, n-kishou.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

9 ที่เที่ยวนิวซีแลนด์ ธรรมชาติอันงดงามแห่งซีกโลกใต้

9 สถานที่ เที่ยวนิวซีแลนด์ ธรรมชาติอันงดงามแห่งซีกโลกใต้

ประเทศนิวซีแลนด์มีความยาวตั้งแต่เหนือจรดใต้ 1,600 กิโลเมตร เกาะที่ใหญ่กว่าอยู่ตอนบนของประเทศ เรียกว่า “เกาะเหนือ” (North Island) เกาะด้านล่างเรียกว่า “เกาะใต้” (South Island) และมีเกาะปลายล่างสุดของเกาะใต้เรียกว่า “เกาะสจ๊วต์ต” (Stewart Island) เกาะใหญ่ทั้งสองมีรูปร่างแคบยาวและทำให้ไม่มีส่วนใดของประเทศเลยที่อยู่ไกลจากชายฝั่งเกิน 120 กิโลเมตร นิวซีแลนด์ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีทัศนียภาพทางธรรมชาติอันงดงามตระการตา มีวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ และกิจกรรมน่าตื่นเต้นอีกมากมาย ไม่ว่าคุณจะเป็นสายลุยที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง สายสำรวจวัฒนธรรมพื้นถิ่น หรือแม้แต่สายชิลที่ชอบดื่มด่ำกับธรรมชาติ นิวซีแลนด์ก็มีครบทุกไลฟ์สไตล์ในแบบที่ทุกคนต้องการ Allianz Travel รวบรวม 9 สถานที่ เที่ยวนิวซีแลนด์ เต็มอิ่มกับธรรมชาติ วัฒนธรรม และกิจกรรมสนุก ๆ ที่คุณต้องไปสักครั้งในชีวิตมาให้แล้ว มาเริ่มเดินทางท่องเที่ยวรับประสบการณ์ที่แสนพิเศษในนิวซีแลนด์กันค่ะ

1. เมืองโรโตรัว (Rotorua)

ที่เที่ยวนิวซีแลนด์ เมืองโรโตรัว (Rotorua)

เมืองโรโตรัว (Rotorua) ดินแดนมหัศจรรย์ที่งดงามของนิวซีแลนด์ อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของเกาะเหนือ ด้วยสภาพภูมิประเทศของเมืองตั้งอยู่ในเขตภูเขาไฟ ซึ่งมีทั้งน้ำแร่ น้ำพุร้อน และบ่อโคลนเดือด ทำให้เป็นที่มาของชื่อเรียกขานอีกอย่างหนึ่งของเมืองนี้ว่า “เมืองแห่งซัลเฟอร์” (Sulphur City) เพราะบรรดาบ่อโคลนทั้งหลายนี้ได้ปล่อยซัลเฟอร์หรือกำมะถันออกมาฟุ้งกระจายไปทั่วเมือง และการที่มีบ่อน้ำแร่ น้ำพุร้อนมากมายทำให้เมืองโรโตรัวกลายเป็นเมืองสปาธรรมชาติชั้นเยี่ยมของนิวซีแลนด์อีกด้วย นอกจากนี้แล้วเมืองโรโตรัวยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ซ้ำกันมากที่สุดในโลกไม่ว่าจะเป็นทัศนียภาพอันงดงามจากภูเขาไฟ ทะเลสาบ และคุณยังสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาวเมารีได้ที่หมู่บ้านท่องเที่ยว เช่น Mitai, Whakarewarewa และ Tamaki ซึ่งมีการแสดงทางวัฒนธรรมด้วยดนตรีและการเต้นรำแบบดั้งเดิม และชิมอาหารฮังงิที่ปรุงในหลุมใต้ดินอีกด้วย

2. คาบสมุทรโคโรมันเดล (Coromandel Peninsula)

เที่ยวนิวซีแลนด์ คาบสมุทรโคโรมันเดล (Coromandel Peninsula)

หากคุณอยากไปเที่ยวพักผ่อนที่ชายหาด ให้มุ่งหน้าไปคาบสมุทรโคโรมันเดล (Coromandel Peninsula) ชายฝั่งทางตะวันออกของเกาะเหนือ คาบสมุทรแห่งนี้เป็นเสมือนโลกย่อส่วนของสิ่งดีๆ ทั้งหมดในนิวซีแลนด์ตอนเหนือ ไม่ว่าจะเป็นชายหาดที่สวยงาม เส้นทางเดินป่า และเมืองที่มีศิลปะและเงียบสงบ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดอย่างอุโมงค์หิน Cathedral Cove หรือชื่อภาษาพื้นเมืองว่า Te Whanganui-A-Hei เป็นสถานที่ เที่ยวนิวซีแลนด์ ที่อยู่ในเขตอนุรักษ์ทางทะเลของประเทศนิวซีแลนด์ เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลจนกลายเป็นทางลอดหินธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่เชื่อมระหว่างหาด Cathedral Cove และ Mares Leg Cove โดยในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมากกว่า 150,000 คน ทั้งดำน้ำชมปะการังและพายเรือคายัคชมบรรยากาศ นอกจากนี้ คุณสามารถว่ายน้ำในทะเลที่เงียบสงบของหาดคุกส์ (Cooks Beach) หรือทำกิจกรรมสนุกๆ อย่างเช่น ปั่นจักรยานสำรวจความงามตามธรรมชาติผ่านช่องเขาคารางาฮาเกะ (Karangahake Gorge) เดินป่าตามเส้นทางพินนาเคิลส์ (Pinnacles Trail) หรือพายเรือคายัคไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเกาะ Whenuakura หรือเกาะโดนัท (Donut Island) ที่มีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติอันบริสุทธิ์ที่คุณสามารถสำรวจได้จากน้ำเท่านั้น

3. อุทยานแห่งชาติตองการิโร (Tongariro National Park)

เที่ยวนิวซีแลนด์ อุทยานแห่งชาติตองการิโร (Tongariro National Park)

อุทยานแห่งชาติตองการิโร (Tongariro National Park) เป็นอุทยานแห่งชาติที่เก่าแก่ที่สุดในนิวซีแลนด์ ตั้งอยู่บนที่ราบสูงตอนกลางของเกาะเหนือตอนกลาง ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกของยูเนสโกถึง 2 ประเภท ทั้งในด้านความสำคัญทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ที่นี่มีระบบนิเวศน์ที่หลากหลายและภูมิทัศน์ที่งดงาม หากรักการผจญภัย หรือแสวงหาความตื่นเต้นต้องมา คุณสามารถเดินป่า ปีนเขา ปั่นจักรยาน ล่องแพได้ในหน้าร้อน และเล่นสกีในฤดูหนาวที่ลานสกี Whakapapa หรือ Turoa สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมส่วนใหญ่อยู่รอบๆ ภูเขาไฟ ได้แก่ ภูเขาไฟ Tongariro, Ruapehu และเส้นทางเดินป่า Ngauruhoe Tongariro Alpine Crossing ที่เป็นเส้นทางแบบไปเช้าเย็นกลับที่ท้าทายพอสมควรแต่สวยงามมาก

4. แคว้นฮอร์คสเบย์ (Hawke’s Bay)

เที่ยวนิวซีแลนด์ แคว้นฮอร์คสเบย์ (Hawke’s Bay)

แคว้นฮอร์คสเบย์ (Hawke’s Bay) เป็นหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ชั้นนำมีชื่อเสียงและได้รับรางวัลระดับโลก และเก่าแก่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เนื่องจากดินมีความอุดมสมบูรณ์และสภาพอากาศที่อบอุ่น ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นการท่องเที่ยบนเส้นทางทัวร์ลิ้มรสไวน์จากแหล่งผลิตที่สำคัญในประเทศ และยังเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับทัวร์ไวน์ด้วยจักรยาน โดยมีห้องเก็บไวน์มากกว่า 30 แห่ง และผู้ผลิตไวน์ฝีมือดีจำนวนมาก ที่เชื่อมต่อกันด้วยเส้นทางปั่นจักรยานยาวกว่า 200 กิโลเมตร แคว้นฮอร์คสเบย์ยังเป็นเมืองหลวงแห่งอาร์ตเดโคของนิวซีแลนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมือง Napier ที่มีชื่อเสียงในฐานะเมืองที่มีอาคารอาร์ตเดโคที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เต็มไปด้วยอาคารอาร์ตเดโคที่ได้รับการบูรณะอย่างสวยงาม หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1931 และการเดินชมเมืองเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการชมทัศนียภาพบนท้องถนน โดคุณสามารถขอแผนที่ได้จากศูนย์ข้อมูลหรือเข้าร่วมทัวร์กับ Art Deco Trust ที่จะพาคุณเดินชมเมืองแบบมีไกด์นำทางทุกวัน และทุกเดือนกุมภาพันธ์ เมือง Napier จะเฉลิมฉลองมรดกทางวัฒนธรรมด้วยเทศกาล Art Deco ที่ตกแต่งด้วยทุกสิ่งในยุค 1930 รวมถึงรถยนต์วินเทจ แฟชั่น และดนตรี

5. อุทยานแห่งชาติอาเบล แทสมัน (Abel Tasman National Park)

อุทยานแห่งชาติอาเบล แทสมัน (Abel Tasman National Park) ของเกาะใต้เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดเล็กที่สุดในนิวซีแลนด์ เป็นดังสวรรค์ริมชายฝั่งที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงได้ง่าย สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ เต็มไปด้วยพุ่มไม้พื้นเมือง น้ำทะเลใสดุจคริสตัล และหาดทรายสีขาว และเป็นจุดหมายสำหรับผู้ที่รักการพายเรือทุกระดับ ตั้งแต่พายเรือคายัค แพดเดิลบอร์ด รวมถึงกิจกรรมทางน้ำอื่น ๆ

ที่เที่ยวนิวซีแลนด์ อุทยานแห่งชาติอาเบล แทสมัน (Abel Tasman National Park)

เส้นทางเดินเลียบชายฝั่ง Abel Tasman Coast Track หนึ่งในเก้าของเส้นทางเดินป่าระยะไกลอันโด่งดังของนิวซีแลนด์ที่เรียกว่า Great Walks ของนิวซีแลนด์ ที่คุณจะได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศอันงดงาม และถ้าโชคดีก็อาจจะได้เห็นสัตว์ป่าหายากของนิวซีแลนด์เป็นของแถมอีกด้วย ระยะทางตลอดเส้นทางประมาณ 60 กม. ใช้เวลาเดินทางและพักแรมประมาณ 3-5 วัน หรือจะเดินเพียงแค่บางส่วนก็ได้ แล้วนั่งเรือแท็กซี่กลับไปยังจุดเริ่มต้น หรือจะพายเรือคายัคออกไปชมฝูงแมวน้ำ ดำน้ำ หรือพักผ่อนอยู่ตามอ่าวเล็ก ๆ ก็ได้

6. เมืองอะคารัว (Akaroa)

เที่ยวนิวซีแลนด์ เมืองอะคารัว (Akaroa)

เมืองอะคารัว (Akaroa) เป็นเมืองเล็ก ๆ แห่งเกาะใต้ ที่มีขนาดพื้นที่ประมาณ 1.7 ตารางกิโลเมตร อยู่ริมอ่าวบนคาบสมุทรแบงค์ส (Banks Peninsula) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยเป็นภูเขาไฟมาก่อน เมื่องอะคารัวเป็นเมืองที่มีความลงตัวของภูมิประเทศที่มีเนินเขาอยู่โดยรอบและอยู่ริมอ่าวที่มีท่าเรือและอ่าวหลายแห่ง ทำให้เป็นเมืองที่มีทัศนียภาพที่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเมืองอะคารัวคือกลิ่นอายของความเป็นฝรั่งเศส เนื่องจากเคยมีชาวฝรั่งเศสมาตั้งรกรากตั้งแต่ปี 1840 ทำให้ชื่อถนน หรือสไตล์บ้านเรือน มีความเป็นฝรั่งเศสหลงเหลืออยู่ กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมกันคือการล่องเรือชมบรรยากาศในอ่าว และชมโลมาเฮคเตอร์ (Hector’s Dolphin) หนึ่งในโลมาสายพันธุ์เล็กที่มีความยาวเฉลี่ยประมาณ 1.50 เมตร เท่านั้น และหายากที่สุดในโลก อาศัยอยู่ในน่านน้ำนอกคาบสมุทรแบงก์ส หรืออาจจะได้พบกับแมวน้ำที่นอนอยู่บนโขดหินตามเกาะแก่งต่าง ๆ และถ้าโชคดีก็อาจเจอนกอัลบาทรอส (Albatross) นอกจากนี้ยังมีเส้นทางปั่นจักรยานและเดินป่ามากมายให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติที่อยู่รอบเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้

7. เขตอนุรักษ์ความมืดของท้องฟ้าอาโอรากิแมคเกนซี (Aoraki Mackenzie International Dark Sky Reserve)

ที่เที่ยวนิวซีแลนด์ เขตอนุรักษ์ความมืดของท้องฟ้าอาโอรากิแมคเกนซี (Aoraki Mackenzie International Dark Sky Reserve)

ปัจจุบันการดูดาวเป็นที่นิยมของคนทั่วโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดแนวคิดในการรณรงค์ให้มีเขตอนุรักษ์ความมืดของท้องฟ้าสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก และสมาคมพิทักษ์ความมืดแห่งท้องฟ้าสากล (International Dark-Sky Association) ได้ประกาศให้อุทยานแห่งชาติ Aoraki / Mount Cook รวมถึงลุ่มน้ำ Mackenzie มีพื้นที่ประมาณ 4,144 ตารางกิโลเมตร เป็นเขตอนุรักษ์ความมืดของท้องฟ้าอาโอรากิแมคเกนซี (Aoraki Mackenzie International Dark Sky Reserve) และเป็นหนึ่งในสถานที่ดูดาวที่ดีที่สุดในโลก เพราะยามค่ำคืนมีท้องฟ้าที่มืดสนิท และใช้อุปกรณ์ควบคุมแสงนอกอาคารไม่ให้ฟุ้งกระจายมาร่วม 40 ปีแล้ว และผลของการควบคุมแสง นอกจากทำให้เป็นพื้นที่ปลอดมลภาวะทางแสงแล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานด้วย ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยมสำหรับการดูดาว ซึ่งคุณอาจจะไปกับทัวร์ดูดาว หรือหาสถานที่เงียบสงบและมืดมิดดูด้วยตนเองก็ได้ หากคุณโชคดี คุณอาจได้เห็นแสงออโรร่า ออสเตรลิส (แสงใต้ ซึ่งคล้ายกับแสงเหนือ) อีกด้วย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ เที่ยวนิวซีแลนด์ ที่ห้ามพลาดหากได้ไปเยือน

8. เมืองควีนส์ทาวน์ (Queenstown)

เที่ยวนิวซีแลนด์ เมืองควีนส์ทาวน์ (Queenstown)

เมืองควีนส์ทาวน์ (Queenstown) ไม่เหมือนเมืองอื่น ๆ ทั่วไปในนิวซีแลนด์ เป็นหนึ่งในเมืองที่มีอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาแพงที่สุดในประเทศ และคุณจะได้เห็นรูปแบบอาคารที่ล้ำสมัยมากกว่าจะเป็นเมืองเกษตรกรรม แต่เมืองควีนส์ทาวน์ก็เป็นเมืองที่มีภูมิประเทศที่สวยงาม เป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยม เนื่องจากตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลสาบวากาติปู (Lake Wakatipu) ซึ่งมีสีฟ้าเข้มสดใสอยู่เคียงข้างขนานยาวไปกับท้องถนนที่มุ่งหน้าสู่ทิวเขาที่ยามหน้าหนาวจะปกคลุมไปด้วยหิมะสวยงาม เมืองควีนส์ทาวน์ยังมีชื่อเสียงสำหรับผู้รักกิจกรรรมผจญภัยที่กระตุ้นต่อมอะดรีนาลีนของคุณ ตั้งแต่ สกี สโนว์บอร์ด บันจี้จัมพ์ ซิปไลน์ พาราไกลดิ้ง กระโดดร่ม ไปจนถึงการเล่นกีฬาทางน้ำอย่างเช่น การล่องเรือเจ็ทไปตามสายน้ำคดเคี้ยงของแม่น้ำชอทโอเวอร์ (Shotover) ล่องแพ หรือดำน้ำ และในช่วงฤดูร้อนก็มีกิจกรรมเดินป่า ปั่นจักรยาน เป็นต้น นอกจากนี้ในเขตดาวน์ทาวน์ของเมืองยังเป็นสวรรค์ย่อม ๆ ของนักชอปปิ้ง เพราะเต็มไปด้วยร้านค้า และร้านอาหารให้เลือกหลากหลาย อย่างเช่น ร้านเบอร์เกอร์ท้องถิ่นชื่อดังที่คนต้องไปต่อคิว ร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังของนิวซีแลนด์ ร้านขายของที่ระลึก ร้านหนังสือ หรือร้านขนมที่เป็นแบรนด์ของควีนส์ทาวน์เอง

9. อุทยานแห่งชาติฟยอร์ดแลนด์ (Fiordland National Park)

เที่ยวนิวซีแลนด์ อุทยานแห่งชาติฟยอร์ดแลนด์ (Fiordland National Park)

อุทยานแห่งชาติฟยอร์ดแลนด์ (Fiordland National Park) เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 12,000 ตารางกิโลเมตร มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และหลากหลาย รวมถึงเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์และพืชพรรณนานาชนิด ทำให้ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ด้วย ผืนน้ำที่เป็นส่วนหนึ่งของทะเลทาสมัน (Tasman Sea) ถูกโอบล้อมด้วยหุบเขาแคบ และหน้าผาสูงชัน ที่เกิดจากการกัดเซาะของของธารน้ำแข็ง เมื่อธารน้ำแข็งหายไป น้ำทะเลจึงเข้ามาแทนที่ เราจึงเรียกสถานที่นี้ว่า ฟยอร์ด (Fiord หรือ Fjord) เริ่มจาก มิลฟอร์ดซาวด์ (Milford Sound) ซึ่งเป็นฟยอร์ดที่งดงามจนได้รับการขนานนามว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก เราสามารถเลือกสำรวจวิวธรรมชาติสุดอลังการด้วยการเดินป่าไปในเส้นทางมิลฟอร์ดแทร็ก (Milford Track) หรือ เคปเลอร์แทร็ก (Kepler Track)  ล่องเรือชมฟยอร์ด หรือทัวร์เฮลิคอปเตอร์ที่มอบประสบการณ์แบบมุมสูงที่ต้องร้องว้าวกันเลยทีเดียว

ใครกำลังเตรียมปักหมุดวางแผนการเดินทางทริปต่อไป นิวซีแลนด์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ไม่ควรพลาดในลิสต์ของคุณค่ะ การได้ออกไปสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติ วัฒนธรรมท้องถิ่น สถาปัตยกรรม ผู้คนในแต่ละสถานที่ และกิจกรรมต่าง ๆ ล้วนเป็นประสบการณ์และช่วงเวลาพิเศษที่อาจทำให้คุณประทับใจและตกหลุมรัก และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : newzealand.com, lonelyplanet.com, tripsavvy.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Allianz Travel

สถานที่ชม ซากุระ ญี่ปุ่น

สถานที่ชม ซากุระ ญี่ปุ่น

ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ของทุกปี จะเป็นช่วงที่สวยงามอีกช่วงหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น เพราะในสถานที่ต่าง ๆ ในแต่ละภูมิภาคของประเทศญี่ปุ่น จะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันของดอกซากุระ ที่ค่อย ๆ ผลิบาน จากดอกตูมไปจนบานสะพรั่ง 🌸 เต็มไปทั่วพื้นที่ สถานที่ต่าง ๆ จะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีชมพู ไล่จากชมพูเข้ม ชมพูอ่อน จนไปถึงสีขาว แตกต่างกันออกไปตามสายพันธุ์ของต้นซากุระ แน่นอนว่าหลาย ๆ คนอยากไปสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามในฤดูซากุระบานสักครั้งหนึ่ง ทำให้ในหลาย ๆ พื้นที่ ในช่วงดอกซากุระบาน จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ ต้องวางแผนการเดินทางให้ดี สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะไปชมซากุระที่ไหน เพราะพิกัดชม ซากุระ ญี่ปุ่น มีมากกว่า 1,000 แห่ง การเลือกพิกัดสถานที่ที่ดีที่สุดเพียงไม่กี่แห่งอาจเป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ยาก วันนี้ Allianz Travel ได้รวบรวมรายชื่อสถานที่ชมซากุระที่สวยงามตามภูมิภาคต่าง ๆ มาให้เพื่อน ๆ มีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

1. ภาคเหนือของญี่ปุ่น: ฮอกไกโด

  • สวนโมเอเรนุมะ (Moerenuma Park) เมืองซัปโปโร: สวนศิลปะแห่งนี้ออกแบบโดยประติมากรอิซามุ โนกุจิ มีประติมากรรมขนาดใหญ่ และเต็มไปด้วยดอกซากุระสีชมพูสดใสในฤดูใบไม้ผลิ

  • หอคอยและป้อมโกเรียวคาคุ (Goryokaku) เมืองฮาโกดาเตะ: ป้อมสไตล์ฝรั่งเศสรูปดาวแห่งนี้เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งชาติที่รายล้อมไปด้วยดอกซากุระค คุณสามารถขึ้นไปชมวิวความงามของดอกซากุระจากมุมสูงได้จากหอคอยที่มีความสูงถึง 107 เมตร
ซากุระ ญี่ปุ่น : หอคอยและป้อมโกเรียวคาคุ (Goryokaku)
  • สวนสาธารณะอาซาฮิกาโอกะ (Asahigaoka Park) เมืองฟุราโนะ: เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในร้อยทิวทัศน์ที่สวยงามของญี่ปุ่น นำเสนอทัศนียภาพอันงดงามของแอ่งน้ำฟุราโนะ ภูเขาโทคาจิ และต้นซากุระ 3,000 ต้น

  • ภูเขาเท็นกุ (Tengu) เมืองโอตารุ: คุณจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองโอตารุและทะเลญี่ปุ่น และต้นซากุระที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้เกิดภาพที่งดงามมาก

  • สวนอาซาฮิคาวะ (Asahikawa Park) เมืองอาซาฮิคาวะ: สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในฮอกไกโด และเป็นแหล่งรวมต้นซากุระประมาณ 3,500 ต้น ซึ่งช่วงกลางคืนจะมีการประดับไฟดอกซากุระตลอดทั้งฤดูกาล

2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น: ภูมิภาคโทโฮคุ

  • มิฮารุ ทากิซากุระ (Miharu Takizakura) เมืองฟุกุชิมะ: มิฮารุ ทากิซากุระ เป็นหนึ่งในสามของสถานที่ชมซากุระที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น ต้นซากุระอันงดงามที่ห้อยระย้าลงมาตลอดเส้นทางเดินมีอายุมากกว่า 1,000 ปี ที่รอต้อนรับผู้มาเยือน
ซากุระ ญี่ปุ่น : มิฮารุ ทากิซากุระ (Miharu Takizakura) เมืองฟุกุชิมะ
  • ฮิโตเมะเซ็นบงซากุระ (Hitome Senbonzakura) เมืองมิยางิ: คุณจะเห็นต้นซากุระเรียงรายไปกว่า 8 กิโลเมตรตามแม่น้ำชิโรอิชิ โดยมีเทือกเขาซาโอะที่ปกคลุมด้วยหิมะเป็นฉากหลัง
ซากุระ ญี่ปุ่น : ฮิโตเมะเซ็นบงซากุระ (Hitome Senbonzakura) เมืองมิยางิ
  • ซาสวนฮิโรซากิ (Hirosaki Park) เมืองอาโอโมริ: มีต้นซากุระ 52 สายพันธุ์ ราว 2,600 ต้น ซึ่งจะบานเต็มที่ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี คุณจะได้เห็นวิวสวยๆ ของปราสาทฮิโรซากิกับดอกซากุระ และภูเขาอิวากิพร้อมกัน ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมาก

  • คาคุโนะดาเตะ บูเคยาชิกิโดริ (Kakunodate Bukeyashiki-dori) เมืองอาคิตะ: ย่านซามูไรที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ประดับด้วยต้นซากุระสีชมพูตัดกับสีดำของรั้วบ้านซามูไรในช่วงปลายเดือนเมษายน
ซากุระ ญี่ปุ่น : คาคุโนะดาเตะ บูเคยาชิกิโดริ (Kakunodate Bukeyashiki-dori) เมืองอาคิตะ
  • ภูเขาอิวากิ (Mt. Iwaki) เมืองอาโอโมริ: ภูเขาอิวากิซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มีต้นซากุระประมาณ 6,500 ต้นตลอดเส้นทางระยะทาง 20 กม. ซึ่งจะบานสะพรั่งอย่างงดงามตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม

3. ภาคตะวันออกของญี่ปุ่น: ภูมิภาคคันโต-โคชิน

  • สวนสาธารณะแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen National Garden) เมืองโตเกียว: มีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในสวนญี่ปุ่นที่สวยที่สุด มีต้นซากุระประมาณ 1,000 ต้นจาก 65 สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน นำเสนอการภาพที่สวยงามน่าทึ่งในฤดูใบไม้ผลิ

  • สวนอุเอโนะ (Ueno Park) เมืองโตเกียว: มีต้นซากุระประมาณ 1,200 ต้น เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการชมดอกซากุระ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 2 ล้านคนในแต่ละฤดูใบไม้ผลิ โดยเฉพาะช่วงเย็นที่สวยงามด้วยแสงไฟตกแต่งส่องสว่างไปทั่ว
ซากุระ ญี่ปุ่น : สวนอุเอโนะ (Ueno Park) เมืองโตเกียว
  • แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River) เมืองโตเกียว: มีต้นซากุระประมาณ 800 ต้นบานสะพรั่งอย่างสวยงามไปตามริมแม่น้ำยาว 3.8 กิโลเมตร พร้อมด้วยร้านอาหารและเครื่องดื่มให้นั่งชมวิวในบริเวณใกล้เคียง
ซากุระ ญี่ปุ่น : แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River) เมืองโตเกียว
  • สวนสาธารณะโยโยกิ (Yoyoki Park) เมืองโตเกียว: สวนสาธารณะโยโยกิเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว ผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันภายใต้ดอกซากุระที่บานสะพรั่งเพื่อสังสรรค์กัน

  • สวนริคุงิเอน (Rikugien Gardens) เมืองโตเกียว: สวนภูมิทัศน์ญี่ปุ่นอันเงียบสงบและเก่าแก่แห่งนี้เป็นสถานที่พิเศษที่มีทัศนียภาพอันงดงามของต้นซากุระที่ผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ

4. ภาคกลางของญี่ปุ่น: ภูมิภาคโฮคุริคุและโทไก

  • ปราสาทอุเอดะ (Ueda Castle) เมืองนากาโนะ: ปราสาทอุเอดะสร้างขึ้นในปี 1583 ประดับด้วยต้นซากุระกว่า 1,000 ต้นที่สร้างปรากฏการณ์อันน่าทึ่งในแต่ละฤดูใบไม้ผลิ
ซากุระ ญี่ปุ่น : ปราสาทอุเอดะ (Ueda Castle) เมืองนากาโนะ
  • ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) เมืองนากาโนะ: ปราสาทมัตสึโมโต้ถือเป็นสถานที่ชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียงและมีนักท่องเที่ยวจากในประเทศและต่างประเทศเดินทางมาชมดอกซากุระกันอย่างเนืองแน่น และที่บริเวณสวนฮงมารุ ซึ่งอยู่ด้านในบริเวณปราสาทมัตสึโมโต้ จะมีการจัดงานชมดอกซากุระพร้อมจิบชายามค่ำคืน โดยจะมีการประดับไฟไลท์อัพที่ต้นซากุระและตัวปราสาท
ซากุระ ญี่ปุ่น : ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) เมืองนากาโนะ
  • อุทยานซากปราสาททาคาโตะ (Takato Castle Ruins Park) เมืองนากาโนะ: สวนแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งใน 100 จุดชมซากุระชั้นนำของญี่ปุ่น มีต้นซากุระประมาณ 1,500 ต้น

  • สวนเค็นโรคุเอ็น (Kenrokuen Garden) เมืองอิชิคาวะ: หนึ่งในสามสวนที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น มีพันธุ์ซากุระประมาณ 40 สายพันธุ์และต้นซากุระ 420 ต้น ซึ่งจะบานในช่วงกลางเดือนเมษายน นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 100 จุดชมซากุระที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : สวนเค็นโรคุเอ็น (Kenrokuen Garden) เมืองอิชิคาวะ
  • วัดเซนโกจิ (Shinshu Zenkoji) เมืองนากาโนะ: วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 642 ล้อมรอบด้วยต้นซากุระที่สวยงามและดอกซากุระบานสะพรั่ง ท่ามกลางหุบเขาอันร่มรื่น สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณจากผู้คนที่มีมาสักการะเป็นประจำตั้งแต่ 1,400 ปีก่อน

5. ภาคตะวันตกตอนกลางของญี่ปุ่น: ภูมิภาคคันไซ/คินกิ

  • ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) เมืองเฮียวโงะ: ปราสาทฮิเมจิมีชื่อเสียงในเรื่องต้นซากุระกว่า 1,000 ต้น เป็นประสบการณ์การชมดอกซากุระที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงการล่องเรือไปตามคูน้ำใต้กลีบสีชมพูในช่วงเทศกาลดอกซากุระ
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) เมืองเฮียวโงะ
  • วัดโทจิ (To-ji Temple) เมืองเกียวโต: วัดโทจิมีเจดีย์ไม้ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ล้อมรอบด้วยต้นซากุระที่สวยงามประมาณ 200 ต้น ทำให้เกิดเป็นฉากที่สวยงาม คุณสามารถเพลิดเพลินกับวิวดอกซากุระขณะรับประทานอาหารที่ร้านอาหารเกียวโตในบริเวณใกล้เคียง
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : วัดโทจิ (To-ji Temple) เมืองเกียวโต
  • วัดนินนาจิ (Ninna-ji Temple) เมืองเกียวโต: วัดนินนาจิมีชื่อเสียงจากต้นซากุระโอมูโระ ที่ออกดอกช้าหลากหลายพันธุ์ โดยมีเจดีย์ห้าชั้นตั้งอยู่ สถานที่งดงามราวภาพวาดแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามระดับชาติ และเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระ 100 อันดับแรกของญี่ปุ่น
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : วัดนินนาจิ (Ninna-ji Temple) เมืองเกียวโต
  • วัดโยชิมิเนะเดระ (Yoshimine-dera Temple) เมืองเกียวโต: วัดนี้ก่อตั้งในปี 1029 มีชื่อเสียงในเรื่องดอกซากุระบานสะพรั่งอย่างสวยงาม และตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาทางตะวันตกของเกียวโต

  • ภูเขาโยชิโนะ (Mount Yoshino) เมืองนารา: ภูเขาโยชิโนะมีต้นซากุระป่าสีขาวประมาณ 30,000 ต้นแผ่กระจายไปทั่วหุบเขาและสันเขา นำเสนอทิวทัศน์ดอกซากุระอันงดงามในฤดูใบไม้ผลิ
ซากุระ ญี่ปุ่น : ภูเขาโยชิโนะ (Mount Yoshino) เมืองนารา

6. ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น: ภูมิภาคชูโงะคุ และชิโกะคุ

  • ปราสาทมัตสึยามะ (Matsuyama Castle) เมืองเอฮิเมะ: 1 ใน 12 ปราสาทซึ่งสร้างขึ้นก่อนสมัยเอโดะที่ยังเหลืออยู่ปราสาทมัตสึยามะเป็นสถานที่งดงามสำหรับการชมดอกซากุระ ที่ประดับประดาอยู่จำนวนมาก เป็นการผสมผสานความงามตามธรรมชาติและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่สวยงาม
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : ปราสาทมัตสึยามะ (Matsuyama Castle) เมืองเอฮิเมะ
  • สวนริตสึริน (Ruitsurin Garden) เมืองคากาวะ: ขึ้นชื่อในเรื่องความงดงามของภูมิทัศน์อันเงียบสงบ ทางเดินและสระน้ำที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และเสริมแต่งด้วยต้นซากุระที่บานสะพรั่ง ทำให้เกิดบรรยากาศอันเงียบสงบและงดงามสำหรับผู้มาเยือน

7. ภาคตะวันตกของญี่ปุ่น: ภูมิภาคคิวชู

ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle) เมืองคุมาโมโตะ: หนึ่งในปราสาทที่โดดเด่นที่สุดของญี่ปุ่น พื้นที่อันกว้างขวางของปราสาทเต็มไปด้วยต้นซากุระ ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางหลักสำหรับการสัมผัสกับความงามอันน่าทึ่งของดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิท่ามกลางสถาปัตยกรรมเก่าแก่

การเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงซากุระบาน เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่น่าประทับใจ สถานที่ต่าง ๆ ในญี่ปุ่นจะถูกแต่งแต้มไปด้วยดอกซากุระที่บานสะพรั่ง และงดงาม เพื่อไม่ให้พลาดกับช่วงเวลาพิเศษนี้ เราควรวางแผนการเดินทางล่วงหน้า และอัปเดตข้อมูลตาราง พยากรณ์ซากุระ ในแต่ละปี ให้ดี เพราะในแต่ละปี ซากุระอาจบานเร็ว หรือ ช้า ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละภูมิภาค และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลท์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : livejapan.com, jw-webmagazine.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

เที่ยวหน้าหนาวต่างประเทศ ต้องเตรียมอะไรบ้าง

เที่ยวหน้าหนาว ต่างประเทศ ต้องเตรียมอะไรบ้าง

ผู้ที่รักในการท่องเที่ยวที่เลือกไปท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงฤดูหนาวเพราะต้องการสัมผัสอากาศหนาวแบบที่บ้านเราไม่มี และแน่นอน อยากสัมผัสหิมะที่เย็นยะเยือกสักครั้งรวมทั้งเตรียมตัวสำหรับกิจกรรมบนหิมะยกตัวอย่างเช่น การเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ด รวมไปถึงผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยในการเดินเขาหรือขึ้นเขาในแถบประเทศที่หนาวเย็นด้วย แน่นอนว่าอากาศที่นั่นต้องแตกต่างจากบ้านเราแน่นอนเพราะบ้านเรามีเพียงฤดูฝน ฤดูร้อนและฤดูร้อนมากเท่านั้น และไม่เคยมีหิมะตกเลยนี่สิ แล้วการเดินทางไป เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไรบ้าง เราควรจะเตรียมเสื้อผ้า และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับเที่ยวในฤดูหนาวอย่างไรกันดีล่ะ วันนี้ Allianz Travel รวมลิสต์สิ่งของที่จำเป็นที่เราควรจัดเตรียมไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง สำหรับการท่องเที่ยวในฤดูหนาว เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ : )

1. เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย

ก่อนอื่นต้องสำรวจก่อนว่าประเทศที่เราจะไปนั้นอยู่ในฤดูอะไร อุณหภูมิโดยประมาณเท่าไหร่ และนอกจากอากาศที่หนาวเย็นแล้วยังมีหิมะหรือลมฝนร่วมด้วยหรือไม่ เพื่อเตรียมเสื้อผ้าไปให้พร้อมกับทุกสถานการณ์เพราะถ้าป่วยขึ้นมาก็จะทำให้ทริปที่เตรียมไว้สะดุด เที่ยวไม่สนุกไปเลยค่ะ

เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายในฤดูหนาว

ประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นระดับเบบี๋ (15-25 องศาเซลเซียส)

อุณหภูมิระดับนี้ก็ใกล้เคียงกับอากาศทางภาคเหนือของประเทศเราในหน้าหนาว ซึ่งอากาศแบบนี้จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของประเทศทางฝั่งยุโรปและประเทศในเอเชียอย่างญี่ปุ่น เกาหลี ก่อนจะเข้าสู่ฤดูหนาว การจัดกระเป๋าก็ไม่ยากเลย

  • ชุดชั้นใน เลือกชุดชั้นในที่ใส่ปกติหรือหนาสักนิดก็ใช้ได้
  • เสื้อผ้า เสื้อเลือกที่สวมใส่สบาย สาว ๆ อาจเลือกเลกกิ้งมาปกป้องเรียวขาจากอากาศเย็นแล้วสวมมินิสเกิร์ตทับส่วนหนุ่ม ๆ ใส่ยีนส์สักตัวก็เอาอยู่
  • เสื้อกันหนาว เลือกเสื้อกันหนาวที่ช่วยกันลมอย่าง เสื้อแจ็คเก็ต หรือเสื้อโค้ทที่ไม่หนามากนักเป็นสไตล์แฟชั่นมาใส่ก็ได้
  • รองเท้า สวมถุงเท้าหนากับรองเท้าหุ้มส้นหรือผ้าใบที่ใส่สบาย
เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย รองเท้า

ประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นระดับประถม (0-15 องศาเซลเซียส)

ยกระดับความหนาวเย็นขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง อุณหภูมิขนาดนี้เป็นช่วงฤดูหนาวของต่างประเทศซึ่งหนาวกว่าบ้านเรามาก ยิ่งกับผู้ที่เคยชินกับอากาศ 20 องศาปลาย ๆ ของภาคกลางแล้วล่ะก็อาจป่วยได้ ที่อุณหภูมิขนาดนี้ควรติดผ้าพันคอและเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ศีรษะของคุณด้วยหมวกไหมพรม สวมถุงมือไหมพรมเพื่อป้องกันลมช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับมือของคุณได้เป็นอย่างดี

  • ชุดชั้นใน จุดนี้ควรเลือกชุดชั้นในที่มีความหนาเพื่อช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายแล้วสวมลองจอนทับอีกชั้น
  • เสื้อผ้า แนะนำเป็นเสื้อวูล, เสื้อฮีทเทค หรือเป็นสเวตเตอร์ที่หนาสักนิดมีแขนยาวและปิดคอเพื่อเก็บความร้อนและให้ความอบอุ่น ส่วนท่อนล่างควรสวมลองจอนวูลเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ขาของคุณ และสวมกางเกงยีนส์หนา ๆ ทับอีกชั้น
  • เสื้อกันหนาว ควรเลือกเสื้อโค้ทที่มีความหนาและมีฮู้ดไว้ป้องกันความหนาวเย็นจากลมหากคุณต้องยืนตากลมนาน ๆ อาจทำให้รู้สึกไม่สบายได้ และเสื้อกันหนาวหรือโค้ทควรมีความยาวเลยสะโพกลงไปยิ่งถ้าได้เสื้อขนเป็ดก็จะดีมาก
  • รองเท้า ควรเตรียมถุงเท้าวูลและรองเท้าบูทไปด้วย
เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย

ประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นระดับมหาวิทยาลัย ( -15 ถึง -1 องศาเซลเซียส)

ความหนาวระดับนี้เป็นระดับที่มีหิมะตกนอกจากความหนาวเย็นแล้วคุณอาจต้องพบกับความชื้นของหิมะด้วย ต้องจัดเตรียมเสื้อผ้าที่สามารถระบายความชื้นได้ดี เก็บความอบอุ่นได้ดีและกันเปียก หากเสื้อโค้ทที่คุณเตรียมไปไม่มีฮู้ดควรเตรียมหมวกไหมพรมหนา ๆ ที่ปิดหูและถุงมือไหมพรมวูล รวมถึงถุงเท้าไหมพรมวูลไปด้วย

  • ชุดชั้นใน เลือกชุดชั้นในที่มีความหนาเพื่อรักษาความอบอุ่นแล้วสวมลองจอนทับอีกชั้นหนึ่ง ควรเลือกแบบที่ระบายความชื้นได้เร็วแล้วสวมไทต์เลกกิ้งหนาและแพนตี้โฮสด้านล่าง
  • เสื้อผ้า สวมแจ็คเกตบาง ๆ หรือเสวตเตอร์ผสมขนสัตว์เพิ่มความอบอุ่นแขนยาวไว้ด้านใน ท่อนล่างใส่ลองจอนวูลที่สามารถระบายความชื้นได้ดีหากคุณต้องเจอกับหิมะสวมยีนห์หนาที่มีเนื้อผ้าสามารถกันลมได้ดีหรือกางเกงผ้าร่มบุด้านในที่สามารถกันเปียกได้ดี
  • เสื้อกันหนาว เสื้อกันหนาวควรเลือกเป็นวูลขนเป็ดและผ้าด้านนอกกันเปียก หากเป็นโค้ทควรเลือกตัวยาว ยาวถึงเขาเลยยิ่งดี มีความหนามาก ๆ แต่แนะนำเป็นเสื้อวูลขนเป็ดที่มีความหนาแน่นมากดีกว่าเพื่อเก็บความอบอุ่นให้กับคุณ และหากคุณมั่นใจว่าต้องเจอหิมะแน่ ๆ ไม่ควรเลือก Down Jacket มาใส่เพราะถึงแม้จะเบาและอบอุ่นแต่โดนความชื้นเข้าไปแจ็คเก็ตจะเปียกและไม่อุ่นอีกต่อไปจ้า
  • รองเท้า ควรเตรียมถุงเท้าวูลและรองเท้าบูทที่ยาวถึงเข่าและสามารถเดินบนหิมะได้ไปด้วย

สำหรับจำนวนนั้นขึ้นอยู่กับระยะเวลาของทริปนี้ด้วยหากไปเพียง 2-3 วันเตรียมเสื้อกันหนาวไปตัวเดียวและชุดชั้นในและเสื้อผ้าตามจำนวนวันและรองเท้าบูทและผ้าใบอย่างละคู่ก็เพียงพอแล้วแต่หากไป 7 วันขึ้นไปควรตระเตรียมเสื้อหนาวไปเผื่ออีกสักหนึ่งตัวหรือไปซื้อเพิ่มที่ประเทศนั้น ๆ ก็ได้คุณจะได้เสื้อที่เหมาะเหม็งกับสภาพอากาศทีเดียวเชียว สำหรับผู้ที่ตั้งใจไปสกีหรือปีนเขาต้องเตรียมอุปกรณ์เซฟตี้แขนขา แว่นกันลมรวมถึงถุงมือที่เหมาะสำหรับปีนเขาและเล่นสกีไปด้วยนะ

2. ครีมบำรุงผิว หรือ ครีมทาผิว ครีมกันแดด ลิปมัน

สิ่งสำคัญที่จำเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ต้องใส่ไว้ในลิสต์ เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไรบ้าง นั่นก็คือ ครีมทาผิว และลิปมัน ในฤดูหนาว อากาศจะหนาวเย็น ทำให้ผิวหนัง และปากของเราแห้ง แตก ลอก ทำให้ครีมทาผิว และลิปมันเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรพกติดตัวไปด้วยค่ะ การเลือกครีมทาผิว ควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวของเรา และเลือกครีมทาผิว หรือ ครีมบำรุงผิว ที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวที่แตกแห้งที่เราต้องพบเจอขณะเดินทางท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็น และอีกหนึ่งไอเท็มที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ ครีมกันแดด ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหน ครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต่อผิวของเรา ซึ่งแดดในฤดูหนาวจะค่อนข้างแรง เพราะฉะนั้นอย่าลืมทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกเดินทางกันนะคะ

เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : ครีมบำรุงผิว ครีมทาผิว

3. ยารักษาโรคประจำตัว และยาสามัญประจำบ้าน

การเดินทางไปในสถานที่ที่มีอากาศหนาว ถ้าเราเตรียมตัวไม่พร้อม หรือใส่เสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นกับร่างกายไม่เพียงพอ ก็อาจจะทำให้เราต้องเจ็บป่วยได้ เราควรเตรียมยารักษาโรคประจำตัว และยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาลดไข้ ยาแก้หวัด ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ ยาแก้ปวดหัว และยาแก้แพ้ ติดกระเป๋าไปด้วย เพราะหากเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นมา ยาที่เราเตรียมไปจะช่วยบรรเทาอาการของเราให้ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ราคายาในต่างประเทศส่วนใหญ่จะมีราคาแพงกว่าราคายาในประเทศไทย เพราะฉะนั้นเตรียมติดตัวไปด้วยดีที่สุดค่ะ ทริปของเราจะได้ไม่สะดุดค่ะ

*หมายเหตุ: ควรตรวจสอบยาที่เราจะจัดเตรียมไปด้วยว่า มีส่วนประกอบของสารต้องห้ามที่ห้ามนำเข้าไปในประเทศจุดหมายปลายททางหรือไม่

เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : ยารักษาโรคประจำตัว และยาสามัญประจำบ้าน

4. อุปกรณ์กล้อง แบตเตอรี่สำรอง หรือ พาวเวอร์แบงค์ (Power Bank)

หากถามว่า เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร สิ่งที่เราต้องเตรียมไปและขาดไม่ได้ในการเดินทางไปต่างประเทศ นั่นก็คือ กล้อง และแบตเตอรี่สำรอง หรือ พาวเวอร์แบงค์ สำหรับชาร์จโทรศัพท์มือถือ เพราะโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเดินทาง และเราต้องใช้มือถือตลอดเวลาในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูป ดูแผนที่ ดูข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ หาข้อมูลร้านอาหาร และข้อมูลต่าง ๆ เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมแบตเตอรี่สำรอง หรือพาวเวอร์แบงค์ติดตัวไปด้วย และการไปเที่ยวต่างประเทศเราก็อยากได้ภาพสวย ๆ เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ กล้องจึงเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับใช้เก็บภาพความประทับใจตามสถานที่ต่าง ๆ รูปถ่ายเป็นเหมือนสิ่งที่ทำให้เรานึกถึงเหตุการณ์และความประทับใจเหล่านั้นได้เป็นอย่างดีค่ะ

เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : แบตเตอรี่สำรอง พาวเวอร์แบงค์ (Power Bank)

5. หนังสือเดินทาง (Passport)

หนังสือเดินทาง (Passport) เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องพกติดตัวไปด้วย ในการเดินทางไปต่างประเทศ เปรียบเสมือนเป็นบัตรประจำตัวประชาชนสากลเพื่อใช้สำหรับระบุตัวตนของเราระหว่างที่อยู่ในต่างประเทศ ก่อนการเดินทางต้องตรวจสอบวันหมดอายุของหนังสือเดินทางให้ดี เพราะในการเดินทางไปต่างประเทศหนังสือเดินทางของเราควรมีอายุมากกว่า 180 วัน นับจากวันที่เดินทางออกนอกประเทศไทย เพื่อความแน่ใจหากหนังสือเดินทางของใกล้หมดอายุแล้ว ควรไปดำเนินการต่ออายุหนังสือเดินทางก่อนวันเดินทาง ซึ่งเราสามารถทำการจองคิวผ่านระบบจองคิวเพื่อขอทำหนังสือเดินทาง ของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ผ่านออนไลน์ได้ที่นี่ค่ะ: ระบบจองคิวเพื่อขอทำหนังสือเดินทาง

เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : หนังสือเดินทาง (Passport)

6. ประกันการเดินทางต่างประเทศ

การเดินทางไปต่างประเทศทุกครั้ง สิ่งที่เราควรมีติดตัวไปด้วยเสมอก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ เพราะระหว่างการเดินทางอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ ประกันการเดินทางเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเราเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหาย เที่ยวบินล่าช้า และอื่น ๆ อีกมากมาย การที่เราเตรียมความพร้อมไว้ก่อนย่อมเป็นเรื่องที่ดี เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เราจะได้รับมือกับเหตุการณ์เหล่านั้นได้ค่ะ

เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : ประกันการเดินทางต่างประเทศ

หากคุณมีแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงฤดูหนาว ก็ควรตรวจสอบสภาพอากาศของประเทศจุดหมายปลายทางให้เรียบร้อย เพื่อที่จะได้จัดเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อม ถ้าเราเอาเสื้อผ้าหรือของใช้จำเป็นไปไม่เพียงพอก็อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยจนหมดสนุก และสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณ เที่ยวต่างประเทศในช่วงฤดูหนาว ได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก:  กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ, Winter Packing List: Light Essentials for Cold-Weather Travel

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

เที่ยวฟินแลนด์ ช่วงคริสต์มาส แวะบ้านเกิดซานตาคลอส

เที่ยวฟินแลนด์ ช่วงคริสต์มาส แวะบ้านเกิดซานตาคลอส

เทศกาลวันคริสต์มาสซึ่งตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปีใกล้จะมาถึงแล้ว สถานที่หลายแห่งจะมีการประดับประดาตกแต่ง สร้างบรรยากาศเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุข และหนึ่งในสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาสที่ทุกคนนึกถึงคือซานตาคลอส ชายแก่ท่าทางใจดี สวมชุดสีแดง มีหนวดเคราสีขาว สวมรองเท้าบูตสีดำ ที่มักปรากฏตัวในค่ำคืนของวันคริสต์มาส พร้อมกับกวางเรนเดียร์จมูกแดงและรถลากเลื่อนคู่ใจ เพื่อนำของขวัญไปมอบให้แก่เด็กๆ ที่เป็นภาพจำของผู้คนทั่วโลกมาอย่างยาวนาน และวันนี้ Allianz Travel จะพาคุณไปสัมผัสความมหัศจรรย์ที่แท้จริงของคริสต์มาส นั่นคือการจัดทริปพาคุณไป เที่ยวฟินแลนด์ บ้านคุณลุงซานต้าที่หมู่บ้านซานตาคลอสกันค่ะ

เที่ยวฟินแลนด์ หมู่บ้านซานตาคลอส ช่วงเทศกาลคริสต์มาส

หมู่บ้านซานตาคลอสตั้งอยู่บนเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล (Arctic Circle) เมืองโรวาเนียมิ (Rovaniemi) แลปแลนด์ (Lapland) ภูมิภาคทางเหนือสุดของประเทศฟินแลนด์ บ้านเกิดอย่างเป็นทางการของซานตาคลอสตั้งแต่ปีพ.ศ. 2508 และเป็นหนึ่งในที่เที่ยวสุดฮิตของฟินแลนด์ที่มีนักท่องเที่ยวแวะมากันอย่างคึกคัก ที่นี่เปิดให้เที่ยวชม และพบกับลุงซานต้าได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงเทศกาลคริสต์มาสก็อาจเป็นช่วงเวลาที่น่ามหัศจรรย์ที่สุด งานเฉลิมฉลองเทศกาลจะจัดล่วงหน้าก่อนวันสำคัญประมาณ 1 เดือน มีการประดับไฟกันอย่างสวยงาม นักท่องเที่ยวก็ยิ่งเยอะมากเป็นพิเศษ และทุกวันที่ 23 ธันวาคม จะมีกิจกรม Santa is on His Way ซึ่งผู้คนจะมารวมตัวกันเพื่อชมช่วงเวลาอันงดงามขณะที่ซานตาคลอสกำลังจะออกเดินทางรอบโลก

ที่เที่ยวฟินแลนด์ หมู่บ้านซานตาคลอส

กิจกรรมห้ามพลาดที่หมู่บ้านซานตาคลอส

หมู่บ้านซานตาคลอสเป็นประสบการณ์อันน่ามหัศจรรย์ในการไป เที่ยวฟินแลนด์ ที่คุณสามารถใช้เวลาแบบรวดรัดใน 1 วัน หรือพักค้างคืนเพื่อร่วมกิจกรรมต่างๆ รวมถึงอาจออกไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ โดยรอบ

1. เที่ยวฟินแลนด์ ถ่ายรูปกับซานต้า

สิ่งที่เป็นที่นิยมมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านซานตาคลอสคือการไปเจอและถ่ายรูปกับกับซานตาคลอสที่สำนักงาน ซึ่งเปิดทุกวันตลอดทั้งปี เช็ครายละเอียดเวลาทำการได้ที่นี่

เที่ยวฟินแลนด์ ถ่ายรูปกับซานต้า

2. ที่ทำการไปรษณีย์ซานต้า

ศูนย์กลางการส่งของขวัญและจดหมาย มีการ์ดสวยๆ แสตมป์และของขวัญที่ไม่ซ้ำใคร คุณสามารถส่งโปสการ์ดและประทับตราไปรษณีย์พิเศษจากหมู่บ้านซานตาคลอสไปถึงเพื่อนของคุณได้ทั่วโลก รวมถึงชมการคัดแยกจดหมายจากเด็กๆ ทั่วโลกที่จ่าหน้าซองถึงคุณลุงซานต้าด้วย ซึ่งจดหมายทุกฉบับที่จ่าหน้าซองถึง “Santa Claus” จะถูกส่งมาที่นี่โดยไม่ต้องระบุที่อยู่! อ่านรายละเอียดที่นี่

ที่เที่ยวฟินแลนด์ ที่ทำการไปรษณีย์ซานต้า

3. นั่งเลื่อนกวางเรนเดียร์

เพลิดเพลินกับการนั่งเลื่อนกวางเรนเดียร์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เนิบนาบไปเรื่อยๆ แต่สนุก เพราะเจ้ากวางเรนเดียร์จะค่อยๆ พาคุณเข้าไปในป่าสนที่เต็มไปด้วยหิมะ ราวกับเข้าไปในวันเดอร์แลนด์ พอจบทริปก็แวะไปที่ฟาร์มเพื่อเยี่ยมชมและให้อาหารกวางเรนเดียร์ และเหล่าเพื่อน เช่น อัลปาก้า ลูกม้า แพะ แกะ กระต่าย ลา และนกชนิดต่างๆ

ที่เที่ยวฟินแลนด์ นั่งเลื่อนกวางเรนเดียร์

4. เดินข้ามเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล

เส้นอาร์กติกเซอร์เคิลเป็นเส้นวงกลมละติจูดที่อยู่เหนือสุดของโลก อยู่ที่ 66 องศา 33 ลิปดา 45.9 ฟิลิปดา ซึ่งเส้นนี้จะมีการขยับขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ตามการเอียงของแกนโลก บริเวณเส้นเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลจะเป็นดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน หน้าร้อนจะสว่างตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนหน้าหนาวจะมีแต่ความหนาวเย็นและความมืด คุณสามารถเดินข้ามเข้าไปในวงกลมอาร์กติกและได้รับประกาศนียบัตรรับรองว่าคุณได้มาถึงขั้วโลกเหนือแล้ว

5. ชมแสงเหนือ

คุณสามารถชมแสงเหนือหรือแสงออโรร่า บอเรลลิส (Aurora Borealis) ได้ที่หมู่บ้านซานตาคลอส ซึ่งปรากฎการณ์นี้เห็นได้มากที่สุดระหวางเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม คุณสามารถเลือกไปกับทัวร์ไล่ล่าแสงเหนือด้วยสโนว์โมบิลซึ่งจะพาคุณออกตระเวนไปตามบริเวณที่มีแนวโน้มว่าจะพบเห็นมากที่สุด หรือนั่งรอชมแบบอุ่นๆ ในที่พักแบบ igloo ที่มีห้องหลังคากระจกกว้างและมีเครื่องจับคลื่นแม่เหล็กจากแสงเหนือ เลือกได้ตามสไตล์ที่คุณชอบ

เที่ยวคริสมาสต์ ที่ฟินแลนด์ ดูแสงเหนือหรือแสงออโรร่า บอเรลลิส (Aurora Borealis)

6. ฮัสกี้ซาฟารี (Husky Safaris)

นอกจากการนั่งเลื่อนกวางเรนเดียร์แล้ว เรายังสามารถไปสัมผัสกับสุนัขแสนรู้พันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ นั่งเลื่อนที่ลากด้วยสุนัขฮัสกี้ที่ทรงพลัง 6 ตัว วิ่งกันเป็นทีมด้วยความเร็วไปบนพื้นหิมะในป่าสนที่ขาวโพลน เตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อมที่สุดเลยนะคะ

เที่ยวคริสมาสต์ ที่ฟินแลนด์ นั่งเลื่อนที่ลากด้วยสุนัขฮัสกี้และการนั่งเลื่อนกวางเรนเดียร์

7. สนุกกับการขี่สโนว์โมบิล

อยู่รอบแลปแลนด์ด้วยการขี่สโนว์โมบิล ซึ่งเลือกได้ตั้งแต่ 2 ชั่วโมง ไปจนถึง 4 ชั่วโมง และถ้าอยากพิเศษกว่านั้นยามค่ำคืนก็มีขับสโนว์โมบิลไปล่าแสงเหนือได้อีกด้วยค่ะ

เที่ยวฟินแลนด์ ขี่สโนว์โมบิล

วิธีเดินทางจากเฮลซิงกิไปโรวาเนียมิ

การเดินทางจากเฮลซิงกิไปโรวาเนียมิมีให้เลือกหลายรูปแบบ ทั้งทางเครื่องบิน รถไฟ รถโค้ช หรือรถยนต์ และโดยเฉพาะช่วงคริสต์มาส มีเที่ยวบินเช่าเหมาลำพร้อมแพ็คเกจโรงแรมให้บริการจากหลายประเทศ

  • การเดินทางด้วยเครื่องบินสายการบินฟินแอร์ ให้บริการเที่ยวบินระหว่างโรวาเนียมิและเฮลซิงกิทุกวันตลอดทั้งปี และสายการบินนอร์วีเจียน ให้บริการสัปดาห์ละหลายเที่ยว นอกจากนี้คุณยังสามารถบินตรงจากเมืองอื่นๆ ในยุโรปในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคมได้อีกด้วย อย่างเช่น ลอนดอน ปารีส มาดริด อัมสเตอร์ดัม เป็นต้น
  • การเดินทางด้วยรถไฟการรถไฟฟินแลนด์ ให้บริการรถไฟจากเมืองต่างๆ ในฟินแลนด์ โดยมีรถไฟหลายขบวนวิ่งไปและกลับจากเฮลซิงกิทุกวัน ตลอดทั้งปี แม้ว่าสภาพอากาศจะไม่ดีก็ตาม
เที่ยวคริสมาสต์ ที่ฟินแลนด์ การเดินทางด้วยรถไฟ จากเฮลซิงกิไปโรวาเนียมิ
  • การเดินทางด้วยรถบัส – คุณสามารถใช้บริการรถบัสของ Matkahuolto และ Onnibus ที่ครอบคลุมหลายเส้นทางเชื่อมต่อเมืองโรวาเนียมิกับเมืองทางตอนเหนือของแลปแลนด์
  • การเดินทางด้วยรถยนต์ – เมืองโรวาเนียมิเข้าถึงได้ง่ายทางรถยนต์ แต่คุณควรจัดตารางเวลาให้ดีสำหรับการขับรถระยะทางไกลและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะในฤดูหนาว

เที่ยวฟินแลนด์ ส่งจดหมายหาซานตาคลอส

หากคุณยังไม่มีโอกาสเดินทางไปถึงหมู่บ้านซานตาคลอส คุณสามารถส่งจดหมายถึงซานต้าได้ตามที่อยู่นี้

Santa Claus
Santa Claus’s Main Post Office969
30 Napapiiri, Finland

เที่ยวคริสมาสต์ ที่ฟินแลนด์ ส่งจดหมายหาซานตาคลอส

ติดตามหมู่บ้านซานตาคลอสผ่าน Live

ขอบคุณ Live จาก: santaclausvillage.info

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมู่บ้านซานตาคลอส

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ santaclausvillage.info

ขอบคุณรูปภาพจาก : santaclausvillage.info

ประสบการณ์การไปพบกับซานตาคลอสเป็นอีกหนึ่งทริปที่มีความทรงจำที่คุ้มค่า อาจเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ทำให้ความฝันในวัยเยาว์ได้เติมเต็ม แต่การไปเที่ยวต่างประเทศในที่ที่คุณไม่คุ้นเคย อาจทำให้คุณกังวลกับเหตุที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน ดังนั้น สิ่งสำคัญที่คุณควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันภัยการเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางอย่างอุ่นใจไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย เที่ยวบินดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : santaclausvillage.info, visitfinland.com, visitrovaniemi.fi

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel