best-hiking-trails-europe

ตะลุยธรรมชาติ: 12 เส้นทางเดินเขาทวีปยุโรป

การท่องเที่ยวด้วยการเดินเขาถือเป็นกิจกรรมยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวสายผจญภัยที่ชื่นชอบความท้าทายและความทรหด ความสนุกของการเดินเขา นอกเหนือจากการได้ท้าทายขีดจำกัดตัวเองแล้ว ก็คือการค้นพบธรรมชาติที่สวยงามระหว่างทาง และประสบการณ์แปลกใหม่ที่หาที่ไหนไม่ได้ ประเทศแถบยุโรป นับว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การเดินเขาและเดินป่าเป็นอย่างมาก เพราะมีแนวเทือกเขาแอลป์และอุทยานแห่งชาติทอดยาวในหลายประเทศ บทความนี้ Allianz Travel เลยขอเอาใจคนรักการผจญภัย พาไปดู 12 สถานที่เดินเขายอดนิยมทวีปยุโรป จะสวยงามแค่ไหน ไปดูกันเลยค่ะ

1. THE KING’S TRAIL, SWEDEN

ระยะทาง: 440 กิโลเมตร

ระยะเวลา: 8-10 วัน

ระดับความยาก: ยาก

มาเริ่มกันที่เส้นทางแรกกันเลยค่ะ กับ The Kings Trail เส้นทางเดินเขาที่สวยงามที่สุดในประเทศสวีเดน ด้วยระยะทางเดินกว่า 440 กิโลเมตร เริ่มเดินเท้าจากแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง Abisko ไปจนถึง Kebnekaise ซึ่งเป็นจุดสูงที่สุดในสวีเดน และวิวทิวทัศน์จุดนี้ก็มีความสวยงามมากจนแทบลืมหายใจเลยค่ะ

ตลอดสองข้างทางเดินเขา จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเส้นทางบ่อยครั้ง เนื่องจากทางมีความซับซ้อนและทรหดพอสมควร The Kings Trail จึงเหมาะกับนักเดินเขามืออาชีพมากกว่ามือสมัครเล่น หรือคนที่ไม่เคยเดินเขาเลยค่ะ

THE KING’S TRAIL, SWEDEN

2. HAUTE ROUTE, FRANCE & SWITZERLAND

ระยะทาง: 180 กิโลเมตร

ระยะเวลา: 14 วัน

ระดับความยาก: ยาก

Haute Route เป็นเส้นทางเดินเขาที่พาดผ่านสองประเทศคือฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์ Haute Route มีความสวยงามอยู่ที่วิวทิวทัศน์ระหว่างทางเดินที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว โดยเฉพาะการต้องเดินขึ้นภูเขาธารน้ำแข็งสูง 4,000 เมตร จากนั้นก็เดินลงผ่านหุบเขาป่าไม้สีเขียว ซึ่งทัศนียภาพที่แตกต่างกันนี้ เป็นเอกลักษณ์ของ Haute Route เลยค่ะ

Haute Route เริ่มเดินจากเมือง Chamonix ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ไปยังเมือง Zermatt ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สำหรับใครที่อยากมาเดินเขาที่นี้ ช่วงฤดูร้อนจะเป็นช่วงที่เหมาะที่สุด เพราะจะเห็นทัศนียภาพที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนค่ะ

HAUTE ROUTE, FRANCE & SWITZERLAND

3. TOUR DE MONTE ROSA, SWITZERLAND

ระยะทาง: 163 กิโลเมตร

ระยะเวลา: 9 วัน

ระดับความยาก: ยาก

Tour de Monte Rosa เป็นเส้นทางเดินเขาบนเทือกเขาแอลป์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีจุดชมวิวมากมายที่ทำให้นักเดินเขาหลงใหล และมายังสถานที่แห่งนี้กันทุกปี เส้นทางเดินเขาเริ่มที่ Zermatt ผ่านไปยัง Cervinia และจบเส้นทางที่ Saas-Fee and Grachen

ถึงแม้ว่าการมาเดินเขา Monte Rosa หน้าหนาว จะทำให้เห็นวิวทิวทัศน์แบบ “เมืองหิมะ” แต่เพื่อความปลอดภัย ควรมาเดินขึ้นเขาในช่วงฤดูร้อนมากกว่าค่ะ

TOUR DE MONTE ROSA, SWITZERLAND

4. TOUR DE MONT BLANC, FRANCE, SWITZERLAND, AND ITALY

ระยะทาง: 170 กิโลเมตร

ระยะเวลา: 11 วัน

ระดับความยาก: ปานกลาง – ยาก

Tour de Mont Blanc เส้นทางเดินเขาที่ได้รับขนานนามว่า “ราชาขุนเขาแห่งยุโรป” เนื่องด้วยทัศนียภาพที่โดดเด่นและสวยงามระดับห้าดาว รอให้นักเดินเขาได้สัมผัสและซึมซับบรรยากาศอย่างเต็มอิ่มตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์ โดยเส้นทาง Tour de Mont Blanc จะเริ่มจากเมือง Chamonix ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ไปจบลงที่ Courmayeur หมู่บ้านในประเทศอิตาลี

TOUR DE MONT BLANC, FRANCE, SWITZERLAND, AND ITALY

5. HARDANGERVIDDA TRANSVERSE, NORWAY

ระยะทาง: 67 กิโลเมตร

ระยะเวลา: 7 วัน

ระดับความยาก: ปานกลาง

Hardangervidda เป็นเส้นทางเดินเขาบนที่ราบสูง ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งนักเดินเขามือสมัครเล่น หรือคนที่ไม่เคยเดินเขามาก่อนเลย ก็สามารถมาเดินเส้นทางนี้ได้ เพราะไม่ต้องเดินผ่านเขาสูงชันนัก ที่สำคัญ ตลอดสองข้างทางจะพบกับทัศนียภาพที่สวยงามทั้งธารน้ำแข็ง ทะเลสาบและแม่น้ำ

HARDANGERVIDDA TRANSVERSE, NORWAY

6. CINQUE TERRE MOUNTAIN TRAIL, ITALY

ระยะทาง: 40 กิโลเมตร

ระยะเวลา: 2-5 วัน

ระดับความยาก: ปานกลาง

Clinque Terre เส้นทางเดินเขายอดนิยมของประเทศอิตาลี และเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินเขาที่สวยที่สุดในประเทศยุโรป โดยเฉพาะถ้าเป็นนักเดินเขาที่ชื่นชอบทัศนียภาพริมชายหาด เพราะเส้นทางเดินเขาติดชายฝั่งทะเล และเมื่อพระอาทิตย์ตกดินสะท้อนกับผิวน้ำ ภาพทิวทัศน์มีความสวยมากจนต้องหยุดดูเลยค่ะ

สำหรับใครที่ไม่ชอบเดินเขาแบบคนพลุกพล่าน แนะนำให้หลีกเลี่ยงเส้นทางติดทางรถไฟ และควรมีไกด์ท้องถิ่นที่ชำนาญทางให้คำแนะนำในการเดินทางด้วยค่ะ

CINQUE TERRE MOUNTAIN TRAIL, ITALY
Vernazza in Cinque Terre, Liguria, Italy, on sunset

7. ALPE ADRIA TRAIL, AUSTRIA, SLOVENIA, ITALY

ระยะทาง: 750 กิโลเมตร (แบ่งเป็น 43 Section, Section ละ 20 กิโลเมตร)

ระยะเวลา: 32 วัน

ระดับความยาก: ยาก

Alpe Adria Trail เส้นทางเดินเขาที่มีระยะทางยาวกว่า 750 กิโลเมตร พาดผ่านสามประเทศคือ ออสเตรีย สโลวีเนีย และอิตาลี ซึ่งตลอดเส้นทางจะพบกับความสวยงามของเทือกเขาแอล์ปสโลวีเนีย และหุบเขาที่เคยเป็นสถานที่รบในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

ตลอดเส้นทาง Alpe Adria มีทั้งการเดินผ่านเขาสูงชันที่มีความท้าทาย และเขาที่มีความชันไม่มากนัก โดยเราสามารถเลือกเส้นทางที่จะเดินได้ ไม่จำเป็นต้องเดินจนจบระยะ 750 กิโลเมตรก็ได้ค่ะ

ALPE ADRIA TRAIL, AUSTRIA, SLOVENIA, ITALY

8. CENTRAL PICOS CIRCUIT, SPAIN

ระยะทาง: 79 กิโลเมตร

ระยะเวลา: 5 วัน

ระดับความยาก: ยาก

เส้นทาง Central Picos Circuit เป็นเส้นทางผ่านภูเขา Picos de Europa ซึ่งพาดผ่านสามจังหวัดทางตอนเหนือของประเทศสเปน ได้แก่ Cantabria, Asturias และ Leon เส้นทางบริเวณนี่เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นหุบเขา ป่าไม้ หรือทะเลสาบธารน้ำแข็ง ซึ่งตลอดเส้นทางจะมีป้ายบอกทางเดินและจุดพักชมวิวที่จัดทำโดยทางอุทยานด้วยค่ะ

CENTRAL PICOS CIRCUIT, SPAIN

9. EAGLES WALK, AUSTRIA

ระยะทาง: 412 กิโลเมตร

ระยะเวลา: 1-10 วัน

ระดับความยาก: ปานกลาง – ยาก

“Eagles Walk” เส้นทางเดินเขาที่มีภูมิประเทศคล้ายกับนกอินทรีที่กำลังกางปีกบิน โดยเส้นทางจะเริ่มจากเมือง Tirol ทางตะวันออกไปยังตะวันตกของออสเตรีย และพาดผ่านภูเขาสองลูกคือ Arlberg และ Kaiser โดยมีระยะทางรวม 412 กิโลเมตร แบ่งเป็นทั้งหมด 33 Sections ด้วยกัน ซึ่งตลอดทางก็จะผ่านทั้งเทือกเขาที่มีความสูงชัน หุบเขา ป่าไม้ ทะเลสาบ และที่ราบ ซึ่งแต่ละสถานที่ ล้วนมีธรรมชาติที่สวยงาม รอให้นักเดินทางไปสัมผัสกันค่ะ

EAGLES WALK, AUSTRIA

10. LAUGAVEGURINN – ICELAND

ระยะทาง: 54 กิโลเมตร

ระยะเวลา: 3-5 วัน

ระดับความยาก: ง่าย

Laugavegurinn เป็นเส้นทางเดินป่าเขาที่ผสมผสานธรรมชาติมาไว้ที่นี่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภูเขาหลากสี ภูเขาไฟลาวาที่เพิ่งมอด แคนยอน ถ้ำน้ำแข็ง ทะเลสาบสีดำ และโขดหินทรงประหลาด โดยเส้นทางเดินจะเริ่มจากป่าในไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้จากแหล่งน้ำพุร้อน Landmannalaugar ไปยังหุบเขาน้ำแข็ง Porsmork ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 3-5 วันค่ะ

LAUGAVEGURINN – ICELAND

11. ENGLAND’S COAST TO COAST, UNITED KINGDOM

ระยะทาง: 309 กิโลเมตร

ระยะเวลา: 8-10 วัน

ระดับความยาก: ปานกลาง

England’s Coast to Coast เส้นทางเดินเลียบชายฝั่งจากทะเลไอริชไปยังทะเลเหนือ เริ่มจากอ่าว St. Bees Head และไปจบเส้นทางที่อ่าว Robin Hood รวมระยะทางกว่า 309 กิโลเมตร ตลอดสองข้างทาง เต็มไปด้วยสถานที่ทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะซากปรักหักพังสไตล์โรมัน อาคารบ้านเรือนโบราณ รวมถึงทัศนียภาพอันสวยงามจากริมผาและชายทะเลที่สำคัญ เส้นทางยาวกว่า 309 กิโลเมตรนี้ พาดผ่านอุทยานแห่งชาติถึง 3 อุทยานด้วยกันคือ Yorkshire Dales National Park, The Lake District National Park และ The North York Moors National Park

ENGLAND’S COAST TO COAST, UNITED KINGDOM

12. TRANSYLVANIAN MOUNTAIN TRAIL – ROMANIA

ระยะทาง: 80 – 130 กิโลเมตร

ระยะเวลา: 7-10 วัน

ระดับความยาก: ปานกลาง – ยาก

เส้นทางเดินเขา Transylvanian เป็นจุดหมายปลายทางของใครหลาย ๆ คน ด้วยความสวยงามของภูเขา Carpathian บวกกับภาพวิวทิวทัศน์ปราสาท Bran ปราสาทที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 และตั้งตระหง่าอยู่กลางภูเขาล้อมรอบด้วยป่าไม้

เส้นทาง Transylvanian เป็นเส้นทางที่นักเดินเขามืออาชีพชอบมาเดิน สำหรับใครที่เป็นมือสมัครเล่น หรือไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เส้นทางนี้อาจไม่เหมาะเท่าไหร่ค่ะ

TRANSYLVANIAN MOUNTAIN TRAIL – ROMANIA

หลายๆ เส้นทางเดินเขาที่เราแนะนำข้างต้น ล้วนเต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติและทัศนียภาพระหว่างทาง แต่ละเส้นทางก็จะมีลักษณะภูมิประเทศเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นภูเขาธารน้ำแข็ง ภูเขาป่าไม้ หรือที่ราบสูง เราหวังว่าทั้ง 12 เส้นทางเดินเขาธรรมชาติในทวีปยุโรปที่แนะนำวันนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนเดินเขาในครั้งหน้านะคะ : )

ขอบคุณข้อมูลจาก:
50 best hikes in Europe (Single & multi-day trails)

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

เช็คอิน 20 สถานที่น่าเที่ยว ประเทศในอาเซียน

เช็คอินอาเซียน : 20 สถานที่น่าเที่ยว ไปแล้วจะหลงรัก

ใครที่อยากเริ่มเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเองดูสักครั้ง แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากที่ไหนดี หรือมีงบประมาณในการท่องเที่ยวไม่มากนัก กลุ่มประเทศอาเซียนถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะใช้เวลาเดินทางจากประเทศไทยไม่มากนัก และที่สำคัญบางประเทศไม่จำเป็นต้องยื่นขอวีซ่าก็ไปเที่ยวได้ บทความนี้ Allianz Travel เลยอยากพาผู้อ่านทุกท่านไปเช็คอิน 20 สถานที่น่าเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียน รับรองว่าไปเที่ยวแล้วต้องตกหลุมรักแน่นอนค่ะ ^^

1. สิงคโปร์

จุดเช็คอินแรก เริ่มที่ประเทศสิงคโปร์กันค่ะ สิงคโปร์เป็นเมืองที่มีกลิ่นอายความเป็นจีนผสมตะวันตกผ่านสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม ผู้คนและอาหารการกิน แถมเมืองสิงคโปร์ก็ยังมีกิจกรรมมากมายรอให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสประสบการณ์สนุกๆ กัน อย่างเช่น สวนสนุก Universal Studio การเดินเที่ยวชมพื้นที่ชิคๆ ในตัวเมือง หรือเซลฟี่กับร้านคาเฟ่ชื่อดัง และเมื่อสิงคโปร์เปิดตัวน้ำตกในร่มสุดอลังการภายในสนามบินชางกี สถานที่นี้ก็กลายเป็นแหล่งถ่ายรูปยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเลยค่ะ

กิจกรรมน่าทำ: เดินเล่นที่ Gardens By The Bay, นั่งเรือทัวร์เกาะบินตัน, เที่ยวเซนโตซา, ช้อปปิ้งที่ถนนบูกิส

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: กุมภาพันธ์ – พฤษภาคม

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 4-6 วัน

สิงคโปร์

2. บรูไน

บรูไน ประเทศเล็ก ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศที่รวยที่สุดในโลก บรูไนมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะใครที่เป็นสายธรรมชาติ เพราะที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติให้ชมเยอะมาก ทั้งอุทยานแห่งชาติ ป่าดงดิบ และเขตป่าฝน

ปัจจุบัน การท่องเที่ยวในประเทศบรูไนยังไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก ถ้าใครไม่ชอบไปเที่ยวแบบคนเยอะ ๆ บรูไนถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยค่ะ

กิจกรรมน่าทำ: เที่ยวหมู่บ้านลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก, นั่งเรือชมป่าดงดิบ, แวะชมอุทยานแห่งชาติ

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: มกราคม – กันยายน

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 5-7 วัน

บรูไน

3. เกาะปูเลา เปอร์ฮันเตียน ประเทศมาเลเซีย

ปูเลา เปอร์ฮันเตียน หมายถึง ‘เกาะแวะพัก’ เป็นอีกหนึ่งสถานที่น่าเที่ยวสำหรับประเทศมาเลเซีย เกาะปูเลาเปอร์ฮันเตียนอยู่ห่างจากชายฝั่งตรังกานูประมาณ 21 กม. เป็นเกาะแฝดที่ประกอบด้วยเกาะปูเลาเปอร์ฮันเตียนเบซาร์และเกาะปูเลาเปอร์ฮันเตียนเคซิล บนเกาะปกคลุมด้วยป่าธรรมชาติที่ยังไม่ถูกรบกวนด้วยฝีมือมนุษย์ มีต้นปาล์มเรียงรายอย่างสวยงาม หาดทรายมีสีขาวละเอียด และน้ำทะเลสีฟ้าใส

เกาะปูเลา เปอร์ฮันเตียนยังตั้งอยู่ใกล้กับอุทยานทางทะเลปูเลาเรดัง มีแนวปะการังและภูมิประเทศใต้น้ำที่สวยงาม เหมาะกับการดำน้ำตื้นและการดำน้ำลึกเป็นอย่างมากค่ะ

กิจกรรมน่าทำ: ดำน้ำลึก – ดำน้ำตื้น, ปืนผา, แคมปิ้ง, เดินเล่นชายหาด

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: มีนาคม – พฤศจิกายน

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 3 วัน

เกาะปูเลา เปอร์ฮันเตียน ประเทศมาเลเซีย

4. เกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซีย

เกาะบอร์เนียวเป็นเกาะใหญ่อันดับที่สามของโลก ครอบคลุมพื้นที่ถึง 3 ประเทศด้วยกัน คือ มาเลเซีย บรูไน และอินโดนีเซีย เกาะบอร์เนียวถือว่าเป็นสวรรค์ของคนรักธรรมชาติเลย เพราะมีทั้งชายหาด ป่าดงดิบ และภูเขามากมายรอให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส และพักผ่อนหย่อนใจไปกับธรรมชาติอันสวยงาม

กิจกรรมน่าทำ: ปีนเขา Kilabanu, ค้างแรมกลางเกาะร้าง, ดำน้ำที่เกาะ Sipadan

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: มีนาคม – ตุลาคม

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 3-4 วัน

เกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซีย

5. บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย

บาหลี หนึ่งในสถานที่ยอดนิยมที่สุดในประเทศกลุ่มอาเซียน บาหลี “สวรรคแห่งการพักผ่อน” เมืองเรียบง่ายในประเทศอินโดนีเซียที่มีธรรมชาติสมบูรณ์และสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง ทั้งทะเล ภูเขา ทะเลสาบ น้ำตก ผสมผสานกับประเพณีและวัฒนธรรมแบบฉบับดั้งเดิม วัด พิธีกรรม และศิลปวัฒนธรรม ทั้งหมดนี้ทำให้บาหลีมีเสน่ห์เหลือล้น เหมาะกับสายเที่ยวที่ชื่นชอบประสบการณ์แปลกใหม่

กิจกรรมน่าทำ: เดินเล่นที่วิหารทานาต์ลอต, ดำน้ำลึก – น้ำตื้น, ทัวร์บาหลีซาฟาราและสวนน้ำ

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: เมษายน – ตุลาคม

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 4-5 วัน

บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย

6. หมู่เกาะกิลิ ประเทศอินโดนีเซีย

หมู่เกาะกิลิ อยู่ไม่ไกลจากบาหลีมากนัก นั่งเรือจากบาหลีเพียง 2-3 ชม. เท่านั้น หมู่เกาะกิลิแบ่งเป็น 3 เกาะเล็ก ๆ ด้วยกัน ได้แก่ เกาะกิลีมิโน่ (Gili Mino) เกาะกิลีแอร์ (Gili Air) และเกาะกิลีทราวังกัน (Gili Trawangan) โดยเกาะกิลี่มิโน่ตั้งอยู่ตรงกึ่งกลาง มีขนาดเล็กที่สุด หาดทรายขาวที่สุด และเงียบสงบเป็นธรรมชาติที่สุด ส่วนเกาะกิลี่แอร์อยู่ทางตะวันออก เป็นเกาะขนาดกลาง ๆ รูปร่างกลม ๆ และมีผู้คนไม่พลุกพล่านนัก หรือถ้าใครชอบปาร์ตี้ต้องไปที่เกาะกิลี่ทราวังกัน ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด และเป็นแหล่งรวมความเจริญของทั้งหมู่เกาะค่ะ

กิจกรรมน่าทำ: ดำน้ำลึก – ดำน้ำตื้น, ขี่ม้าสำรวจเกาะ

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: มิถุนายน – กันยายน

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 2 – 3 วัน

หมู่เกาะกิลิ ประเทศอินโดนีเซีย

7. เกาะลอมบอก ประเทศอินโดนีเซีย

ถ้าเบื่อสถานที่เที่ยวคนเยอะอย่างบาหลี เกาะลอมบอกถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ และอยู่ไม่ไกลจากบาหลีมากค่ะ ที่นี่มีธรรมชาติสมบูรณ์และสวยงามไม่แพ้บาหลีเลย ไม่ว่าจะเป็นทะเล ภูเขา ป่าไม้ และน้ำตก สำหรับใครที่ชอบความเงียบสงบ คนไม่เยอะ และต้องการพักผ่อนหย่อนใจกับธรรมชาติ ต้องมาที่เกาะลอมบอกเลยค่ะ

กิจกรรมน่าทำ: เล่นน้ำตก Tiu Kelep, ปีนเขา Rinjani, สำรวจหมู่เกาะ Sekotong

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: กรกฏาคม – สิงหาคม

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 2 วัน

เกาะลอมบอก ประเทศอินโดนีเซีย

8. โบโรบูดูร์ ประเทศอินโดนีเซีย

โบโรบูดูร์ หรือที่คนไทยรู้จักในนาม บุโรพุทโธ เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอินโดนีเซีย ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางของเกาะชวา โดยบุโรพุทโธเป็นศาสนาสถานทางพุทธศาสนาที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 1393 ในด้านสถาปัตยกรรม บุโรพุทโธสร้างด้วยหินภูเขาไฟประมาณ 2 ล้านตารางฟุตบนฐานสี่เหลี่ยม กว้างด้านละ 121 เมตร สูง 123 เมตร เป็นรูปทรงแบบปิรามิด มีลานเป็นชั้นลดหลั่นกัน 8 ชั้น สามวงกลมยอดโดมกลางและบนลานกลมชั้งสูงสุดมีพระสถูปตั้งสูงขึ้นไปอีก 31.5 เมตร เป็นมหาสถูปที่ระเบียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ลดหลั่นกันไป มหาสถูปมีการตกแต่งด้วยภาพสลัก 2672 ชิ้น และ รูปปั้นพระพุทธรูป 504 องค์ โดมกลางล้อมรอบด้วย 72 รูปปั้น พระพุทธรูปแต่ละองค์นั่งอยู่ภายในสถูปเจาะรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ที่รอบล้อมสถูปเจดีย์ประธานด้านบนสุด

ถ้าใครยังนึกไม่ออกว่าบุโรพุทโธจะอลังการและสวยงามแค่ไหน ต้องลองไปสัมผัสด้วยตาตัวเองเลยค่ะ ^^

กิจกรรมน่าทำ: นั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินที่โบโรบูดูร์

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: เมษายน – ตุลาคม

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 2-3 วัน

โบโรบูดูร์ ประเทศอินโดนีเซีย

9. เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา

เสียมเรียบ เมืองแห่งอารยธรรมโบราณที่มีนครวัดและนครธม เป็น 1 ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเยือนเป็นล้าน ๆ คนต่อปี เสียมเรียบถือได้ว่าเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณที่สำคัญของชาวกัมพูชามาก ๆ เสน่ห์ของการมาเที่ยวเสียมเรียบคือได้ย้อนเวลาสัมผัสกลิ่นอายความยิ่งใหญ่ในอดีตของ อารยธรรมเขมรยุครุ่งเรือง

ปัจจุบันเสียมเรียบได้มีการพัฒนาเมืองจนทันสมัย มีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า รวมถึงผับและบาร์ต่าง ๆ ที่ปลุกให้เมืองนี้ตื่นขึ้นจากความหลับใหล เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้ามาเที่ยวเสียมเรียบ รับรองว่าไม่ได้มีแค่โบราณสถานอย่างเดียวแน่นอนค่ะ

กิจกรรมน่าทำ: เที่ยวนครวัด นครธรม และปราสาทตาพรหม, นั่งเรือชมวิวโตนเลสาบ , ช้อปปิ้งตลาดกลางคืน, เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 3 วัน

เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา

10. สีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา

สีหนุวิลล์ เมืองติดทะเลของประเทศกัมพูชาที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ความโดดเด่นของสีหนุวิลล์คือการเป็นเมืองคาสิโน และการมีชายหาดทะเลสวยงามอันดับต้น ๆ ของกัมพูชา ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวและนักแสวงโชค ต่างหลั่งไหลมายังสีหนุวิลล์กันอย่างมาก โรงแรม ร้านอาหาร ร้านคา รวมถึงผับและบาร์ต่าง ๆ จึงถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็วและจำนวนมาก

กิจกรรมน่าทำ: นอนอาบแดดที่ชายหาด, เล่นน้ำตก Kbal Chhay, ทานอาหารท้องถิ่น

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 2-3 วัน

สีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา

11. อ่าวฮาลอง ประเทศเวียดนาม

อ่าวฮาลอง หรือฮาลอง เบย์ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ควรพลาดเมื่อมีโอกาสไปเยือนเวียดนาม เพราะนอกจากจะได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์กรยูเนสโกแล้ว ที่นี่ยังมีความมหัศจรรย์อันงดงามของธรรมชาติอยู่อีกมากมาย

อ่าวฮาลองมีเกาะหินปูนจำนวน 1,969 เกาะโผล่พ้นขึ้นมาจากผิวทะเล บนยอดของแต่ละเกาะมีต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น หลายเกาะมีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ภายใน ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณอ่าวคือ ถ้ำเสาไม้ (Grotte des Merveilles) ซึ่ง ตั้งชื่อโดยนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสที่มาเยี่ยมชมอ่าวเมื่อปลายคริสต์ ศตวรรษที่ 19 ภายในถ้ำประกอบไปด้วยโพรงกว้าง 3 โพรง มีหินงอกและหินย้อยขนาดใหญ่อยู่จำนวนมาก เกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบริเวณอ่าว 2 เกาะ คือ เกาะกัดบา และเกาะตวนเจา ทั้งสองเกาะนี้มีคนตั้งถิ่นฐานอยู่อย่างถาวร บนเกาะมีโรงแรมและชายหาดจำนวนมากคอยให้บริการนักท่องเที่ยว ส่วนเกาะขนาดเล็กอื่นๆ บางเกาะก็มีชายหาดที่สวยงามที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยี่ยมชมกันค่ะ

กิจกรรมน่าทำ: ดำน้ำตื้น – ดำน้ำลึก, พายเรือคายัค, ช้อปปิ้งตลาดกลางคืน, ทานอาหารท้องถิ่น

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: มีนาคม – พฤษภาคม และตุลาคม – ธันวาคม

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 2 วัน

อ่าวฮาลอง ประเทศเวียดนาม

12. ฮานอย ประเทศเวียดนาม

ฮานอย เมืองหลวงของประเทศเวียดนาม หนึ่งในเมืองหลวงที่เรียกได้ว่ามีเสน่ห์มากที่สุุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บ้านเมืองที่นี้เต็มไปด้วยอาคารสไตล์โคโลเนียลเรียงรายทั้งสองข้างทาง บ่งบอกถึงร่องรอยที่เคยเป็นเมืองอาณานิคมของฝรั่งเศสและจีน การมาเที่ยวฮานอยจึงเหมือนกับการได้มาสัมผัสมรดกทางวัฒนธรรมของย่านเมืองเก่าและความทันสมัยของเมืองหลวงที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว

กิจกรรมน่าทำ: เดินเล่นที่ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม, ชมความสวยงามของวัดเนินหยก, แวะช้อปปิ้งที่ถนน 36 สายเก่า

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: กันยายน – พฤศจิกายน และ มีนาคม – เมษายน

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 3-4 วัน

ฮานอย ประเทศเวียดนาม

13. ซาปา ประเทศเวียดนาม

ซาปา “สวิตเซอร์แลนด์แห่งเวียดนาม” เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นบนภูเขาโดยชาวฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2465 หลังจากนั้นก็เริ่มมีชาวต่างชาติซึ่งอยู่ในฮานอย มาพักผ่อนในช่วงวันหยุดเป็นประจำ เพราะอากาศดีและเงียบสงบ ปัจจุบันที่นี่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนเวียดนามเอง ไฮไลต์ของซาปาอยู่ที่บริเวณโดยรอบ ซึ่งเต็มไปด้วยนาขั้นบันไดมากมายท่ามกลางลาดไหล่เขาที่ทอดตัวอย่างมีเสน่ห์ หรือถ้าชอบเดินป่าก็มียอดเขาฟานสีปัน ให้พิชิตบนความสูงจากระดับน้ำทะเล 3,143 เมตร ซึ่งสูงสุดในละแวกอินโดจีน

กิจกรรมน่าทำ: ปีนเขา, สำรวจหมู่บ้านพื้นเมือง, ช้อปปิ้งผ้าพื้นเมือง, เล่นน้ำตกซิลเวอร์, ชมถ้ำนางฟ้า

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: มีนาคม – พฤษภาคม, กันยายน – พฤศจิกายน

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 2-3 วัน

ซาปา ประเทศเวียดนาม

14. เกาะโบราไคย์ ประเทศฟิลิปปินส์

เกาะโบราไคย์ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาล Malay จังหวัด Aklan อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ห่างจากของกรุงมะนิลาประมาณ 315 กิโลเมตร มีขนาดแค่เพียง 10 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น แม้จะขนาดเล็กแต่เกาะแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังไม่แพ้เมือง Cebu เลยทีเดียว โดยในปี 2012 เกาะโบราไคย์ได้รับการโหวตจากนิตยสารทราเวลให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโลก และมีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องหาดทรายที่เป็นสีขาวสะอาด พร้อมด้วยวิวทิวทัศน์อันสวยงามยามพระอาทิตย์ตกดินค่ะ

กิจกรรมน่าทำ: ดำน้ำตื้น – ดำน้ำลึก, พายเรือคายัค, เล่นสกี

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: พฤศจิกายน – พฤษภาคม

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 2-3 วัน

เกาะโบราไคย์ ประเทศฟิลิปปินส์

15. โบฮอล ประเทศฟิลิปปินส์

เกาะโบฮอล ได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์ และมีความงดงามตามธรรมชาติที่สมบูรณ์ เกาะโบฮอลตั้งอยู่ทางภาคกลางของหมู่เกาะวิซายาส์ ประเทศฟิลิปปินส์ มีสถานที่น่าสนใจให้ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลตฮิลล์ เนินเขารูปร่างทรงแปลก หมู่เกาะปะการังที่สวยงามใต้ท้องทะเล หรือถ้ำกลางทะเล

กิจกรรมน่าทำ: เดินเล่นชายหาดเกาะปังเลา, แวะเที่ยวช็อกโกแลตฮิลล์, ผจญภัยที่ Danao Adventure Park, ทัวร์ดูปลาโลมาและปลาวาฬ

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: พฤศจิกายน – เมษายน

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 3 วัน

โบฮอล ประเทศฟิลิปปินส์

16. ปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์

เกาะปาลาวัน “เพรชเม็ดงามแห่งเอเชีย” เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดเกาะหนึ่งในจังหวัดปาลาวัน ทางชายฝั่งตอนเหนือของเกาะตั้งขนานกับทะเลจีนใต้ ขณะที่ชายฝั่งตอนใต้ติดกับทิศเหนือของทะเลซูลู ทำให้สีของน้ำทะเลรอบเกาะนั้นมีทั้งสีฟ้าผสมกับสีเขียวมรกต ซึ่งมีความใสจนมองเห็นสาหร่ายทะเล ปะการัง และโขดหินด้านล่าง ยิ่งเวลาที่ท้องฟ้าโปร่งด้วยแล้ว เงาของปุยเมฆสีขาวบวกกับสีฟ้าครามของท้องฟ้าที่สะท้อนลงมาในน้ำ ยังก่อให้เกิดภาพที่สวยงามและโรแมนติกมากเลยค่ะ

กิจกรรมน่าทำ: ดำน้ำลึกที่เอลนิโด, สำรวจถ้ำตาบง, ทานอาหารพื้นเมือง, เดินช้อปปิ้งที่ตลาดซานโฮเซ่

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: ตุลาคม – กลางเดือนมิถุนายน

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 3 วัน

ปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์

17. วังเวียง ประเทศลาว

วังเวียงได้ชื่อว่าเป็น “กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว” วังเวียงเป็นมืองท่องเที่ยวในแขวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวลาวและต่างประเทศอย่างมาก เมืองวังเวียงตั้งอยู่ห่างจากเวียงจันทน์ ประมาณ 160 กิโลเมตร โดยตัวเมืองจะอยู่ติดริมแม่น้ำซอง ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งแม่น้ำ ป่าไม้ และภูเขา

สำหรับวังเวียง เป็นสถานที่ที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชอบทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์และชื่นชมธรรมชาติเป็นหลัก ถ้าใครมีงบประมาณไม่เยอะ ไม่อยากไปเที่ยวไกล แนะนำให้ลองมาเที่ยววังเวียงเลยค่ะ

กิจกรรมน่าทำ: พายเรือคายัคล่องแม่น้ำซอง, นั่งห่วงยางลอดถ้ำ, โดดน้ำที่บลูลากูน, พิชิตผาเงิน

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: พฤศจิกายน – มีนาคม

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 3 วัน

วังเวียง ประเทศลาว

18. หลวงพระบาง ประเทศลาว

หลวงพระบาง เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ล้นเหลือ ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา ทางตอนเหนือของประเทศลาว โอบล้อมด้วยแม่น้ำสำคัญ 2 สาย คือ แม่น้ำคานและแม่น้ำโขง ภายในเมืองมีบรรยากาศที่เงียบสงบ มากมายด้วยวัดวาอาราราม และอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ที่ผสมผสานระหว่างศิลปะแบบล้านช้างและสไตล์โคโลเนียล ทั้งหมดนี้ทำให้หลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี พ.ศ. 2540

กิจกรรมน่าทำ: เดินเล่นชมวัดเก่าแก่, ช้อปปิ้งที่ตลาดกลางคืน, ชมพระอาทิตย์ตกดินที่พระธาตุภูศรี

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: พฤศจิกายน – มกราคม (สำหรับล่องเรือ), ตุลาคม – เมษายน (อากาศดี)

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 2 วัน

หลวงพระบาง ประเทศลาว

19. ย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์

เมื่อพูดถึงเมืองย่างกุ้งแล้ว หลาย ๆ คน คงนึกมหาเจดีย์ชเวดากอง แลนด์มาร์คสำคัญของเมืองที่มีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมียนมาร์ ย่างกุ้งเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศเมียนมาร์มาอย่างยาวนาน ก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปยังกรุงเนปิดอว์เมื่อปี พ.ศ. 2548 อย่างไรก็ตาม ย่างกุ้งยังเต็มไปด้วยผู้คน นักท่องเที่ยว วัดวาอาราม นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมยุคล่าอาณานิคมให้ได้แชะรูปกันรัว ๆ อีกด้วยค่ะ และถ้าไปเที่ยวย่างกุ้งแล้ว อย่าลืมแวะซื้อของฝากเลื่องชื่อของย่างกุ้งอย่างอัญมณีและงานฝีมือท้องถิ่นกันด้วยนะคะ

กิจกรรมน่าทำ: ไหว้พระที่มหาเจดีย์ชเวดากอง, ช้อปปิ้งที่ตลาดโบยกอองซาน, เดินเล่นริมทะเลสาบกันดอว์จี

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 3-4 วัน

ย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์

20. พุกาม ประเทศเมียนมาร์

พุกามเมืองที่มีความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์อย่างยาวนานตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 16 พุกามได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางด้านประวัติศาสตร์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของประเทศพม่า โดยเฉพาะความยิ่งใหญ่ของเจดีย์จำนวนมากกว่า 4,446 องค์ จนได้รับสมญาว่าเป็นเมืองแห่งเจดีย์สี่พันองค์ ไฮไลต์ของการมาเที่ยวพุกาม จึงหนีไม่พ้นการไปชมทะเลเจดีย์ยามพระอาทิตย์ตกดินค่ะ

กิจกรรมน่าทำ: ชมพระอาทิตย์ตกดินที่แม่น้ำอิรวดี, ขึ้นบอลลูนชมทะเลเจดีย์, ปั่นจักรยานรอบเมือง

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: มิถุนายน – ตุลาคม

จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 2 วัน

พุกาม ประเทศเมียนมาร์

หลาย ๆ สถานที่ที่เราแนะนำข้างต้นเต็มไปด้วยความสวยงามของวิวทิวทัศน์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาที่ไหนไม่ได้ อีกทั้งไม่ได้ใช้ระยะเวลาการเดินทางมากนะ นั่งเครื่องบินเพียงแค่ 2-4 ชม. เท่านั้น เราหวังว่าทั้ง 20 สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศอาเซียนที่แนะนำวันนี้จะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนเที่ยวในทริปหน้าของผู้อ่านทุกท่านนะคะ ^^

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

10 Asia Universities

แนะนำ 10 มหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเชียปี 2020

ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยหลาย ๆ แห่งในภูมิภาคเอเชียได้พัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว จนก้าวขึ้นมาเป็นมหาวิทยาลัยระดับต้น ๆ ของโลกทั้งด้านวิชาการและการวิจัย รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่มีให้อย่างครบครัน ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ บทความนี้ Allianz Travel จึงขอพาผู้อ่านไปทำความรู้จักกับ 10 มหาวิทยาลัยชั้นนำของภูมิภาคเอเชียปี 2020 จะมีที่ไหนบ้าง และจะน่าเรียนแค่ไหน ไปดูกันเลยค่ะ

1. NATIONAL UNIVERSITY OF SINGAPORE (NUS), SINGAPORE

มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์เป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกของสิงคโปร์ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1980 ในช่วงแรกของการก่อตั้งนั้นมีฐานะเป็นเพียงวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ก่อนจะเริ่มขยายไปสอนสาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และสาขาอื่นๆ ในเวลาต่อมา ปัจจุบันมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์มีสถานะเป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาล เปิดสอนทั้งสิ้น 17 คณะ มีนักศึกษาที่มาจาก 100 ประเทศทั่วโลก

อันดับมหาวิทยาลัยโลก: 11 (อันดับ 1 ของเอเชีย)

จำนวนนักศึกษาทั้งหมด: 35,908 คน

ระดับปริญญาตรี: 27,604 คน

ระดับปริญญาโทและเอก: 8,304 คน

สาขาที่มีชื่อเสียง: วิศวกรรมศาสตร์ ภูมิศาสตร์ นโยบายรัฐและการจัดการ สถาปัตยกรรมศาสตร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ สิ่งแวดล้อมศึกษา

ค่าเล่าเรียนระดับปริญญาตรี: 392,000 ถึง 1,400,000 บาทต่อปี ขึ้นกับสาขาวิชาที่เรียน

NATIONAL UNIVERSITY OF SINGAPORE (NUS), SINGAPORE
รูปภาพจาก The strait times

2. NANYANG TECHNOLOGY UNIVERSITY (NTU), SINGAPORE

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง มหาวิทยาลัยที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศสิงคโปร์ ภายหลังจากที่มหาวิทยาลัยสิงคโปร์และมหาวิทยาลัยนันยางรวมกัน สถาบันเทคโนโลยีนันยางจึงแยกตัวออกมา และพัฒนาเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางในปี ค.ศ. 1991

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางถือเป็นมหาวิทยาลัยน้องใหม่ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนขึ้นมาเป็นมหาวิทยาลัยระดับต้น ๆ ของโลกด้านวิชาการและวิจัยในระยะเวลาไม่ถึง 20 ปี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางเปิดสอน 8 คณะด้วยกัน ได้แก่ วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ พาณิชยศาสตร์ แพทยศาสตร์ มนุยศาสตร์ ศิลปศาสตร์สังคมศาสตร์ และครุศาสตร์

อันดับมหาวิทยาลัยโลก: 11 (อันดับ 2 ของเอเชีย)

จำนวนนักศึกษาทั้งหมด: 31,687 คน

ระดับปริญญาตรี: 23, 665 คน

ระดับปริญญาโทและเอก: 8,022 คน

สาขาที่มีชื่อเสียง: วิทยาศาสตร์ข้อมูล วิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ

ค่าเล่าเรียนระดับปริญญาตรี: 396,000 ถึง 865,165 บาทต่อปี ขึ้นกับสาขาวิชาที่เรียน

3. TSINGHUA UNIVERSITY, CHINA

ถ้าพูดถึงมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมศาสตร์ในประเทศจีนและระดับโลก คงหนีไม่พ้นมหาวิทยาลัยชิงหวา เพราะที่นี้ได้ชื่อว่าเป็น “MIT ของประเทศจีน”

มหาวิทยาลัยชิงหวาก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1911 ในฐานะสถาบันที่เตรียมนักศึกษาจีนไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีวิทยาลัยย่อยกว่า 20 วิทยาลัย และมีภาคสาขาวิชากว่า 57 สาขา อาทิ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ วรรณกรรม สังคมศาสตร์ แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยชิงหวาได้รับการจัดอันจากหลายเว็บไซต์ให้เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศจีน มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ ประธานาธิบดีหูจิ่นเทา และประธานาธิบดีสีจิ้นผิง นอกจากนี้ยังมีคนมีชื่อเสียงระดับโลกมาเป็นอาจารย์บรรยายพิเศษ อาทิ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บิล คลินตัน หรืออดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เฮนรี คิสซิงเจอร์

อันดับมหาวิทยาลัยโลก: 16

จำนวนนักศึกษาทั้งหมด: 50,394 คน

ระดับปริญญาตรี: 16,037 คน

ระดับปริญญาโทและเอก: 34,357 คน

สาขาที่มีชื่อเสียง: สถาปัตยกรรมศาสตร์ วิศวกรรมโยธา ฟิสิกส์และดาราศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์

ค่าเล่าเรียนระดับปริญญาตรี: 110,000 ถึง 1,110,000 บาทต่อปี ขึ้นกับสาขาวิชาที่เรียน

TSINGHUA UNIVERSITY, CHINA

4. PEKING UNIVERSITY, CHINA

มหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศจีน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1898 ก่อนที่ในช่วงทศวรรษ 1920 จะมีชื่อเสียงขึ้นมาจากการเป็นแหล่งรวมนักศึกษาหัวก้าวหน้าในขบวนการปฏิวัติจีน มหาวิทยาลัยปักกิ่งมีชื่อเสียงทางวิชาการและการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และการสอน ปัจจุบันเปิดสอนใน 30 วิทยาลัยย่อย และ 12 ภาควิชา มีหลักสูตรระดับปริญาตรี 93 หลักสูตร ระดับปริญญาโท 199 หลักสูตร และระดับปริญญาเอกอีก 173 หลักสูตร

นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันแล้ว ภายในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ยังมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งให้เยี่ยมชมด้วย อาทิ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัย พิพิธภัณฑ์ศิลปะและโบราณคดี ซึ่งนักศึกษาสามารถเข้ามาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติจีนเป็นระยะเวลาหลายพันปีผ่านสิ่งของที่จัดแสดง

อันดับมหาวิทยาลัยโลก: 22

จำนวนนักศึกษาทั้งหมด: 39,575 คน

ระดับปริญญาตรี: 15, 628 คน

ระดับปริญญาโทและเอก: 27,027 คน

สาขาที่มีชื่อเสียง: ภาษาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ เคมี วิทยาศาสตร์วัสดุ โบราณคดี มนุษยศาสตร์

ค่าเล่าเรียนระดับปริญญาตรี: 120,718 ถึง 873,281 บาทต่อปี ขึ้นกับสาขาวิชาที่เรียน

PEKING UNIVERSITY, CHINA

5. THE UNIVERSITY OF HONG KONG, HONG KONG

มหาวิทยาลัยฮ่องกงแรกเริ่มเป็นวิทยาลัยแพทยศาสตร์สำหรับคนจีน ก่อนที่จะพัฒนามาเป็นมหาวิทยาลัยในปี ค.ศ. 1911 นับว่าเป็นสถาบันระดับอุดมศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดของฮ่องกง และเป็นมหาวิทยาลัยแรกที่ก่อตั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกโดยประเทศเจ้าอาณานิคมอังกฤษ

อันดับมหาวิทยาลัยโลก: 25

จำนวนนักศึกษาทั้งหมด: 29,791 คน

ระดับปริญญาตรี: 17,106 คน

ระดับปริญญาโทและเอก: 12,685 คน

สาขาที่มีชื่อเสียง: วิทยาศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ ชีวการแพทย์ ครุศาสตร์ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์

ค่าเล่าเรียนระดับปริญญาตรี: ประมาณ 708,322 บาทต่อปี

THE UNIVERSITY OF HONG KONG, HONG KONG

6. HONG KONG UNIVERSITY OF SCIENCE AND TECHNOLOGY (HKUST), HONG KONG

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ฮ่องกง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1991 ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยบนเกาะฮ่องกงที่อายุน้อยและมีพลังขับเคลื่อนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นผู้บุกเบิกในการทำวิจัยที่ทันสมัย และได้รับการจัดอันดับให้เป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำที่มีคุณภาพติดอันดับโลก โดยเฉพาะสาขาวิชาวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ ธุรกิจ และการบริหารจัดการ ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอก

สำหรับใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ เรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกในบรรยากาศสบาย ๆ ต้องมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ฮ่องกง เพราะที่นี้ติดทะเล และมีทัศนียภาพที่สวยงามมากค่ะ

อันดับมหาวิทยาลัยโลก: 32

จำนวนนักศึกษาทั้งหมด: 16,054 คน

ระดับปริญญาตรี: 10,148 คน

ระดับปริญญาโทและเอก: 7,664 คน

สาขาที่มีชื่อเสียง: วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ธุรกิจและการบริหารจัดการ

ค่าเล่าเรียนระดับปริญญาตรี: ประมาณ 579,913 บาทต่อปี

HONG KONG UNIVERSITY OF SCIENCE AND TECHNOLOGY (HKUST), HONG KONG

7. FUDAN UNIVERSITY, CHINA

มหาวิทยาฟูตันเป็นมหาวิทยาลัยยอดนิยมของนักศึกษาจีน เนื่องจากตั้งอยู่ใจกลางเมืองท่องเที่ยวเซี่ยงไฮ้ มหาวิทยาลัยฟูตันก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1905 เกิดจากการรวมตัวมหาวิทยาลัยฟูตันและมหาวิทยาลัยแพทย์เซี่ยงไฮ้ โดยอยู่ภายใต้กฎกระทรวงศึกษาธิการและเป็นมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับต้น ๆ ของจีนทุกปีในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยฟูตันประกอบไปด้วย 43 คณะ หลักสูตรปริญญาตรี 57 สาขา หลักสูตรปริญญาโท 148 สาขา หลักสูตรปริญญาเอก 103 สาขา และ 22 สาขาของหลักสูตรต่อเนื่องปริญญาเอกด้านการสื่อสาร ทางมหาวิทยาลัยยังมีสถาบันวิจัยและศูนย์กลางวิจัยการศึกษาและการร่วมมือกันระหว่างโรงพยาบาลและหน่วยแพทย์การสอนเกี่ยวกับคลินิกและการวินิจฉัย

นอกจากความมีชื่อเสียงด้านวิชาการและงานวิจัยแล้ว มหาวิทยาลัยฟูตันยังมีชมรมให้นักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างบุคคลิกภาพตัวเองกว่า 300 ชมรม ซึ่งบางชมรมมีประวัติศาสตร์อันยาวนานเกือบร้อยปี อาทิ ชมรมโอเปร่า หรือชมรมวาดพู่กันจีน เป็นต้น

อันดับมหาวิทยาลัยโลก: 40

จำนวนนักศึกษาทั้งหมด: 28,900 คน

ระดับปริญญาตรี: 14,100 คน

ระดับปริญญาโทและเอก: 14,800 คน

สาขาที่มีชื่อเสียง: เคมี ภาษาศาสตร์ เภสัชศาสตร์ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ รัฐศาสตร์

ค่าเล่าเรียนระดับปริญญาตรี: 106,752 ถึง 348,349 บาทต่อปี ขึ้นกับสาขาวิชาที่เรียน

FUDAN UNIVERSITY, CHINA

8. KAIST – KOREA ADVANCED INSTITUTE OF SCIENCE AND TECHNOLOGY, SOUTH KOREA

Korea Advanced Institute of Science & Technology (KAIST) หรือชื่อภาษาไทยคือ สถาบันชั้นสูงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกาหลี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1971 ณ เมืองแทจอน โดยรัฐบาลเกาหลีใต้จัดให้เป็นสถาบันวิจัยแห่งแรกของประเทศที่มุ่งเน้นงานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์

KAIST เป็นสถาบันอุดมศึกษาเดียวที่รัฐบาลเกาหลีให้ดูแลโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแทนที่จะเป็นกระทรวงศึกษาธิการ KAIST ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเกาหลี ได้รับการพิจารณาว่าทัดเทียมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐอเมริกา โดย KAIST มีชื่อเสียงด้านวิจัยและวิชาการในหลากหลายสาขา

อันดับมหาวิทยาลัยโลก: 41

จำนวนนักศึกษาทั้งหมด: 11,109 คน

ระดับปริญญาตรี: 3,879 คน

ระดับปริญญาโทและเอก: 7,230 คน

สาขาที่มีชื่อเสียง: วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์วัสดุ เทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ คณิตศาสตร์

ค่าเล่าเรียนระดับปริญญาตรี: ประมาณ 224,741 บาทต่อปี

KAIST – KOREA ADVANCED INSTITUTE OF SCIENCE AND TECHNOLOGY, SOUTH KOREA

9. THE CHINESE UNIVERSITY OF HONG KONG (CUHK), HONG KONG

มหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1963 ตั้งอยู่ในเขตชาทิน บนเกาะฮ่องกง มหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกงเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านการวิจัย โดยเน้นการวิจัยในสี่สาขาเป็นหลักได้แก่จีนศึกษา การปลูกถ่ายและชีวการแพทย์ เทคโนโลยีสารสนเทศและหุ่นยนอัตโนมัติ และการพัฒนายั่งยืนและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้มหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกงยังมีหลักสูตรการศึกษาทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโทให้เลือกเรียนกว่า 300 หลักสูตรการศึกษา ซึ่งออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นสูงเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ให้แก่นักศึกษา ควบคู่ไปกับการเรียนรู้วิชาการเฉพาะทางในแต่ละด้าน และนอกจากนี้ยังมีบุคลากรของมหาวิทยาลัยที่เคยได้รับรางวัลโนเบลอีกด้วยค่ะ

อันดับมหาวิทยาลัยโลก: 46

จำนวนนักศึกษาทั้งหมด: 20,608 คน

ระดับปริญญาตรี: 17,038 คน

ระดับปริญญาโทและเอก: 3,570 คน

สาขาที่มีชื่อเสียง: นิเทศศาสตร์ ภูมิศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ ปรัชญา การเงิน ภาษาศาสตร์

ค่าเล่าเรียนระดับปริญญาตรี: ประมาณ 497,068 บาทต่อปี

THE CHINESE UNIVERSITY OF HONG KONG (CUHK), HONG KONG

10. ZHEJIANG UNIVERSITY, CHINA

มหาวิทยาเจ้อเจียง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1897 ตั้งอยู่เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศจีน ปัจจุบันมีวิทยาลัยกว่า 37 สาขา และมีหลักสูตรระดับปริญาตรี 140 หลักสูตร และหลักสูตรปริญาโทกว่า 300 หลักสูตร โดย 53 เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยจะเป็นนักศึกษาระดับปริญาโท

มหาวิทยาลัยเจ้อเจียงมีชื่อเสียงด้านวิชาการและการวิจัยด้านนวัตกรรม มีการทำวิจัยอย่างต่อเนื่องหลากหลายสขา อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีเครื่องบิน พลังงานสะอาด เป็นต้น นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังมีชื่อเสียงด้านสตาร์ทอัพ เนื่องจากศิษย์เก่าจำนวนมากที่จบจากที่นี้เป็นเจ้าของสตาร์ทอัพมากกว่า 100 แห่งในประเทศจีน

อันดับมหาวิทยาลัยโลก: 54

จำนวนนักศึกษาทั้งหมด: 54,614 คน

ระดับปริญญาตรี: 25,425 คน

ระดับปริญญาโทและเอก: 29,216 คน

สาขาที่มีชื่อเสียง: วิศวกรรมศาสตร์และเทคโลยี สิ่งแวดล้อมศึกษา ดาราศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์

ค่าเล่าเรียนระดับปริญญาตรี: ประมาณ 139,275 บาทต่อปี ขึ้นกับสาขาวิชาที่เรียน

ZHEJIANG UNIVERSITY, CHINA

สำหรับนักเรียนหรือนักศึกษาที่สนใจที่จะศึกษาต่อต่างประเทศ ต้องพิจารณาสถาบันการศึกษาอย่างรอบคอบในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงมหาวิทยาลัย สาขาวิชา สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ หรือค่าเทอมต่อปีการศึกษา ทั้ง 10 มหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเชียที่เราแนะนำวันนี้ หวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกให้ผู้อ่านได้พิจารณาและเป็นแนวทางในการเลือกที่ที่จะเรียนต่อได้ค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก :
QS World Ranking 2020

Blog Disclaimer

All content provided on this blog is for informational purposes only. The content of this blog neither makes representations as to the accuracy or completeness of any information on this site, nor is construed as Allianz Travel’s offering of travel insurance, unless explicitly stated. Details of benefits, limits, policy exclusions, terms and conditions of Allianz Travel insurance can be found under Allianz Travel Policy Wording.

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

7 Train Trips

7 ทริปรถไฟในต่างประเทศ วิวสวยงามระดับห้าดาว

การเดินทางด้วยรถไฟระหว่างท่องเที่ยวต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางข้ามประเทศหรือภายในประเทศ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ที่ได้รับความนิยม เพราะเราจะได้ชื่นชมวิวทิวทัศน์ระดับห้าวดาวตลอดเส้นทางที่รถไฟวิ่งผ่านได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสให้เราได้พบปะหรือสร้างมิตรภาพใหม่ๆ กับผู้คนหลากหลาย สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ ดังนั้น ความสวยงามของการนั่งรถไฟจึงไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทาง แต่อยู่ระหว่างทางที่เรานั่งรถไฟไป วันนี้ Allianz Travel จึงขออาสา พาไปดู 7 ทริปท่องเที่ยวด้วยรถไฟในต่างประเทศ ซึ่งมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามระดับห้าดาว ถ้าอยากรู้ว่ามีเส้นทางไหนบ้าง ไปดูกันเลย

1. ROCKY MOUNTAINEER’S FIRST PASSAGE TO THE WEST, CANADA

ช่วงเวลาเดินทางแนะนำ: ตลอดทั้งปี

Rocky Mountaineer’s First Passage to The West เป็นเส้นทางรถไฟที่สวยที่สุดในประเทศแคนาดา ครอบคลุมเส้นทางธรรมชาติจากทางตอนใต้ของบริติชโคลัมเบียระหว่างเมืองแวนคูเวอร์และเมืองแบมฟ์ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติ โดยเส้นทางรถไฟจะเริ่มจากเมืองแวนคูเวอร์ไปยังเมืองแบมฟ์ ผ่านอุทยานแห่งชาติ ขุนเขาแคนาเดียน และแม่น้ำทอมป์สัน นอกจากนี้ ถ้าใครซื้อแพคเกจทริปรถไฟแล้ว จะได้ค้างคืนที่เมือง Kamloops ซึ่งเป็นเมืองทะเลสาบที่สวยงามมาก

ROCKY MOUNTAINEER’S FIRST PASSAGE TO THE WEST, CANADA

2. GLACIER EXPRESS, SWITZERLAND

ช่วงเวลาเดินทางแนะนำ: (ธันวาคม – มีนาคม)

Glacier Express เส้นทางรถไฟที่เหมาะสำหรับคู่รักหรือสายโรแมนติกที่อยากนั่งชมวิวทิวทัศน์หิมะขาวโพลน ท่ามกลางขุนเขา เทือกเขาแอลป์สวิตเซอร์แลนด์ Glacier Express เป็นเส้นทางรถไฟเชื่อมเมืองสกีสองเมือง คือเซอร์แมทและเซนต์โมริตส์เข้าด้วยกัน ทริปรถไฟจะเริ่มจากทางตะวันออกของเมืองเซอร์แมท ผ่าน 91 อุโมงค์ และ 291 สะพานไปยังทางตอนใต้ของเทือกเขาแอลป์สวิต จุดไฮไลต์ของทริปนี้ อยู่ที่เส้นทางผ่าน Oberalp ซึ่งเป็นเทือกเขาที่สูงที่สุด 6706 ฟุต

มาเที่ยวสวิตแล้ว อย่าลืมมานั่งรถไฟสาย Glacier Express ชมความงามของวิวทิวทัศน์กันนะคะ : )

GLACIER EXPRESS, SWITZERLAND

3.TRANS-SIBERIAN RAILWAY, RUSSIA

ช่วงเวลาเดินทางแนะนำ: กุมภาพันธ์ – กันยายน

เส้นทางรถไฟทราน-ไซบีเรียน คือเส้นทางรถไฟที่ยาวที่สุดในโลก มีระยะทางยาวถึง 9,288 กิโลเมตร เส้นทางรถไฟจะเริ่มจากสถานี Moskva Yaroslavskaya ทางตะวันตกของกรุงมอสโคว์ ไปสุดทางที่สถานีเมือง Vladivostok (ติดกับประเทศจีน) รถไฟจะพาเราผ่านหุบเขาอูรัล และเขตป่าไม้ไซบีเรียนที่มีความอุดมสมบูรณ์ และมีจุดไฮไลต์ที่สำคัญคือ สะพานยาว สูง 3,227 ฟุต ที่พาดผ่านแม่น้ำ Ob ที่เมือง Novosibirsk บนทะเลสาบไบคาล ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในโลก

การเดินทางไปบนรถไฟทราน-ไซบีเรียน กินระยะเวลา 8 วัน สำหรับคนที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟ เส้นทางรถไฟสายทราน-ไซบีเรียน ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ “ต้องทำ” ให้ได้เลยค่ะ

TRANS-SIBERIAN RAILWAY, RUSSIA

4.WEST HIGHLAND LINE, GLASGOW TO MALLAIG – SCOTLAND

ช่วงเวลาเดินทางแนะนำ: กรกฎาคม – กุมภาพันธ์

แฟน ๆ แฮรี่พอตเตอร์ไม่ควรพลาดกับเส้นทางรถไฟ West Highland Line ประเทศสกอตแลนด์ เพราะเส้นทางรถไฟนี้ถูกใช้เป็นฉากอันสวยงามของภาพยนตร์แฮรี่พอตเตอร์ และได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมาก เส้นทางรถไฟ West Highland Line เริ่มจากเมืองกลาสโกว์ มุ่งขึ้นเหนือ ผ่านเขตทุ่งหญ้า ป่าไม้ และเมืองชนบท ก่อนที่จะจอดที่เมือง Fort William และเปลี่ยนเส้นทางมุ่งสู่ตะวันตก เทียบชานชาลาที่เมืองท่า Mallaig

เส้นทางรถไฟ West Highland Line เป็นเส้นทางรถไฟสายยาว ครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งประเทศสกอตแลนด์ ถ้าใครชื่นชอบการนั่งชมวิวทิวทัศน์ป่าไม้และทุ่งหญ้า พร้อมกับการตามรอยภาพยนตร์แฮรี่พอตเตอร์ ห้ามพลาดเส้นทางนี้เลยค่ะ : )

WEST HIGHLAND LINE, GLASGOW TO MALLAIG – SCOTLAND

5.ROVOS RAIL’S NAMIBIA SAFARI – SOUTH AFRICA

ช่วงเวลาเดินทางแนะนำ: พฤษภาคม – กันยายน

เปลี่ยนบรรยากาศมาที่ทวีปแอฟริกากันบ้างค่ะ กับเส้นทางรถไฟ Royos Rail’s Namibia Safair ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีวิวทิวทัศน์สวยที่สุดทางตอนใต้ของแอฟริกาเลยค่ะ เส้นทางรถไฟนามิเบีย กินระยะทางกว่า 3,218.7 กิโลเมตร ผ่านทุ่งหญ้าซาฟารีตลอดสองข้างทาง เริ่มต้นจากเมือง Pretoria ประเทศแอฟริกาใต้ มุ่งลงใต้ผ่านเมือง Kimberley – เมืองที่เคยมีเพชรจำนวนมาก – ไปยัง Fish River Canyon และมุ่งสู่ทะเลสาบ Kalahari เทียบชานชาลาที่เมือง Windhoek เมืองหลวงของประเทศนามิเบีย และมุ่งตรงต่อไปยังชานชาลาสุดท้ายที่เมือง Swakopmund ไฮไลต์ของทริปรถไฟนามิเบีย คงหนีไม่พ้นการนั่งดูวิวทิวทัศน์ทะเลทรายในตอนเย็น เมื่อพระอาทิตย์ตกดินและทอดแสงผ่านทะเลทราย ถ้าอยากรู้ว่าจะสวยขนาดไหน ต้องลองไปชมด้วยตาตัวเองค่ะ : )

ROVOS RAIL’S NAMIBIA SAFARI – SOUTH AFRICA
Cr. Trainsafaris

6. THE TOKAIDO SHINKANSEN

ช่วงเวลาเดินทางแนะนำ: ตลอดทั้งปี

The Tokaido Shinkansen เป็นเส้นทางรถไฟชินคันเซนจากเมืองโตเกียวสู่โอซาก้า เปิดครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1964 เส้นทางมีระยะทางรวมกว่า 515 กิโลเมตร ปัจจุบัน รถไฟชินคันเซนเปลี่ยนเป็นรถไฟความเร็วสูง ใช้เวลาเพียงแค่สองชั่วโมงครึ่งก็ถึงที่หมายแล้ว จุดไฮต์ของเส้นทางรถไฟสายนี้ อยู่ที่การนั่งชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของภูเขาไฟฟูจิ พร้อมด้วยการจิบชา และทานข้าวกล่องเบนโตะของญี่ปุ่น

ทริปรถไฟ The Tokaido Shinkansen อาจไม่เหมือนกับทริปรถไฟอื่น ๆ ที่ใช้เวลาเดินทางนานเป็นวัน อย่างไรก็ตาม การได้ทานอาหารญี่ปุ่น พร้อมชมวิวภูเขาไฟฟูจิ ก็นับเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ

THE TOKAIDO SHINKANSEN

7. THE QINGHAI-TIBET RAILWAY, XINING TO LHASA, CHINA

ช่วงเวลาเดินทางแนะนำ: เมษายน – พฤศจิกายน

มาถึงทริปรถไฟสุดท้าย กับเส้นทางรถไฟสายชิงไห่-ทิเบต ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟบนที่ราบสูงที่สุดและยาวที่สุดของโลก เริ่มทดลองเดินรถครั้งแรกในปี ค.ศ. 2006 เส้นทางรถไฟเริ่มจากเมืองซีหนิง มณฑลชิงไห่ ไปยังเมืองปลายทางที่เมืองลาซา เขตปกครองตนเองทิเบต ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งวันเต็ม จุดไฮไลต์ของเส้นทางนี้คือการนั่งชมวิวทิวทัศน์ภูเขาคุนหลุน และสูดออกซิเจนบริสุทธิ์ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 5,000 เมตร

THE QINGHAI-TIBET RAILWAY, XINING TO LHASA, CHINA

สำหรับสายเที่ยวด้วยรถไฟ ทั้ง 7 ทริปที่นำมาแนะนำวันนี้ เป็นทริปรถไฟที่หลากหลายสไตล์ ทั้งเดินทางผ่านทุ่งหญ้าซาฟารี เดินทางผ่านหุบเขาที่สูงที่สุดในโลก หรือจะเดินทางผ่านเทือกเขาหิมะ หวังว่า ทั้ง 7 ทริปรถไฟจะถูกใจและเป็นจุดมุ่งหมายการเดินทางครั้งหน้านะคะ ^^

ขอบคุณข้อมูลจาก :
The 11 Most Astonishing Train Rides In The World
THE 10 BEST TRAIN JOURNEYS IN THE WORLD
12 of the Most Scenic Train Trips Offering a Unique Way to See the World

Blog Disclaimer

All content provided on this blog is for informational purposes only. The content of this blog neither makes representations as to the accuracy or completeness of any information on this site, nor is construed as Allianz Travel’s offering of travel insurance, unless explicitly stated. Details of benefits, limits, policy exclusions, terms and conditions of Allianz Travel insurance can be found under Allianz Travel Policy Wording.

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

10 YouTube Channel สายเที่ยว ดูเพลิน หลากสไตล์

เปิดวาร์ป 10 ช่อง YOUTUBE สายเที่ยว ดูเพลิน หลากสไตล์

สวัสดีค่ะทุกคน ในช่วงที่หลายคนต้องหยุดอยู่บ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการรับเชื้อหรือแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 กันนั้น สายเที่ยวทั้งหลายที่ไม่สามารถไปเที่ยวไหนได้ ไม่ว่าจะต่างประเทศหรือในประเทศ อาจจะรู้สึกเบื่อหรือหงุดหงิดกับการอยู่เฉย ๆ กัน Allianz Travel เลยขออาสา รวบรวม 10 ช่องยูทูบ สายเที่ยว หลากหลายสไตล์ ดูเพลินสนุกไปกับ YouTuber ที่พาเราตะลุยไปตามที่ต่างๆ ที่เราอาจไม่เคยไปมาก่อน ทำให้เราได้ทั้งสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ ได้ความรู้ และเราอาจวางแผนตามรอยเที่ยวเมื่อสถานการณ์กลับสู่ปกติกันได้เลย รับรองว่าดู 10 ช่องนี้แล้ว ได้ความรู้เยอะแน่นอนค่ะ

1. เที่ยวมั้ยครับ, BIE THE SKA CHANNEL

Subscriber : 10,900,000 คน
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 3,345,640,949 views

เริ่มต้นกันที่ช่องแรกกับรายการ “เที่ยวมั้ยครับ” ซึ่งเป็นรายการท่องเที่ยวที่อยู่ในช่องของ Bie The Ska เจ้าพ่อคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่มีผู้ติดตามบนยูทูบกว่า 10 ล้านคน ! ณ ปัจจุบันรายการเที่ยวมั้ยครับมีมากกว่า 50 ตอน ดำเนินรายการโดยคุณบี้และคุณจีโน่ สองหนุ่มสายฮาที่จะพาเราไปเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ถ้าใครชื่นชอบรายการเที่ยวที่สบาย ๆ เน้นตลกและได้ความรู้ ช่องนี้ตอบโจทย์แน่นอนค่ะ

2. MAYYR

Subscriber : 1,580,000 คน
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 223,882,178 views

MayyR บิวตี้บล็อกเกอร์ที่ผันตัวเองมาทำยูทูบแนวไลฟสไตล์อย่างเต็มตัว ช่องของ MayyR จึงไม่ได้มีเพียงเรื่องเที่ยวอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องไลฟสไตล์ อาหารการกิน ของตกแต่งบ้าน รวมไปถึงการแต่งหน้า อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะไม่ใช่ช่องเที่ยวแบบเต็มตัว แต่ช่อง MayyR ก็มีคลิปท่องเที่ยวจำนวนมาก ที่จะพาเราไปเที่ยวในสไตล์แบบชิลล์ ๆ เน้นการกินและชมสถานที่ต่าง ๆ (เธอไปมาแล้วแทบทั่วโลกเลยหล่ะ) ช่อง MayyR จึงเหมาะกับสาว ๆ ที่เน้นเที่ยวแบบสบาย ๆ ตามสไตล์ผู้หญิงค่ะ

3. I ROAM ALONE

Subscriber : 1,270,000 คน
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 120,668,387 views

สำหรับผู้หญิงสายเที่ยวลุยเดี่ยวแล้ว ห้ามพลาดช่อง I Roam Alone เลยค่ะ เพราะเจ้าของช่อง คุณมิ้นท์ เป็นผู้หญิงที่ชื่นชอบการเที่ยวคนเดี่ยวเป็นอย่างมาก เลยทำคลิปเที่ยวคนเดี่ยวสำหรับผู้หญิงขึ้นมา เพื่อเป็นคู่มือสำหรับผู้หญิงที่อยากเริ่มเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว รวมถึงคำแนะนำการวางแผนเที่ยว หรือแม้กระทั่งวิธีการหลีกเลี่ยงอันตรายในระหว่างการเดินทาง รับรองว่าดูแล้วได้ความรู้เยอะเลยค่ะ สำหรับจุดเด่นของช่องนี้ มีทั้งการเที่ยวแบบสายลุยที่ต้องบอกเลยว่า โหด ดิบ เถื่อน และการเที่ยวแบบสายชิลล์สไตล์ผู้หญิง เน้นกินและชมสถานที่เป็นหลัก ถ้าใครเน้นดูเพลินและชอบความลุย รับรองว่าไม่เบื่อแน่นอนค่ะ

4. YES I GO

Subscriber : 766,000 คน
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 75,806,435 views

YES I GO เป็นช่องยูทูบสายเที่ยวที่ทำโดยคุณยาซีน หนุ่มแดนใต้จากจังหวัดปัตตานีที่มีใจรักในการเที่ยว และคิดว่าความฝันของตนเองคือการได้ไปเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ YES I GO เป็นช่องที่มีสไตล์เที่ยวแบบชิลล์ ๆ เน้นชมสถานที่และพากินอาหารข้างทางเป็นหลัก

5. อาสาพาไปหลง

Subscriber : 331,000 คน
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 29,610,061 views

อาสาพาไปหลง ช่องยูทูบสายเที่ยวที่คงเอกลักษณ์เฉพาะตัวสุด ๆ เพราะนอกจากชื่อที่บอกแล้วว่าจะ “พาไปหลง” ยังมีเอกลักษณ์ที่เสียงพากย์ของเจ้าของช่อง คุณว่านไฉ AF โดยปกติแล้วเวลาไปเที่ยว เราก็จะเห็นยูทูบเบอร์พูดกับกล้องเองเป็นหลัก แต่ช่องนี้คุณว่านไฉใช้วิธีการพากย์เสียงเข้าไป ยังไม่พอ ! แกถึงขนาดทำเพลงประกอบการเที่ยวอีกด้วย ถ้าใครเผลอเข้าไปดูแล้ว รับรองว่าดูวนยาว ๆทั้งวันแน่ ภาพสวย เล่าเรื่องดี แถมความตลกของเสียง 10/10 เลยค่ะ

6. THE GAIJIN TRIPS แบกเป้เที่ยวคนเดียว

Subscriber : 280,000 คน
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 11,297,120 views

The Gaijin Trips แบกเป้เที่ยวคนเดียว ช่องยูทูบพาเที่ยวที่ไม่เหมือนใครและคงไม่มีใครเหมือน! The Gaijin Trips เป็นช่องยูทูบพาเที่ยวสไตล์ลุยเดี่ยว เน้นพาเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ทุกคลิปที่พาเที่ยวจะมีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยการเล่าเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นบทพูด มุมกล้อง ภาพที่ถ่ายออกมา ดูแล้วจะไม่รู้สึกเหมือนดูคลิปพาเที่ยวทั่วไป แต่เหมือนดูภาพยนตร์เรื่องสั้นที่ร้อยเรียงเรื่องราวมาอย่างดี (ไม่ได้เวอร์ไปนะ ฮ่าๆ) ถ้าใครเบื่อช่องยูทูบพาเที่ยวทั่วไปที่มีสไตล์เหมือน ๆ กัน ต้องดูช่องนี้เลยค่ะ

7. GO WENT GO, 20 TV CHANNEL

Subscriber : 270,000 คน
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 38,275,564 views

Go Went Go, เที่ยว เว้น เที่ยว เป็นรายการเที่ยวที่เป็นส่วนหนึ่งของช่อง 20TV ซึ่งมีมาแล้วทั้งหมด 4 Season ส่วนใหญ่จะเน้นไปเที่ยวต่างประเทศเป็นหลัก (เกือบทั่วโลกแล้ว) รายการดำเนินโดยคุณบาส มือกีตาร์วง Better Weather จุดเด่นของช่องก็คือการเที่ยวตามสไตล์แบบแก๊งผู้ชาย เพราะคลิปส่วนใหญ่คุณบาสจะพาเที่ยวกับเพื่อน หรือบางครั้งก็ไปเป็นแก๊งเลยค่ะ

8. เถื่อน TRAVEL

Subscriber : 170,000 คน (เพิ่งย้ายมาจากช่อง GMM25 Channel)
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 3,463,909 views

เถื่อน Travel ช่องสำหรับคนสายลุย ดำเนินรายการโดยคุณสิงห์ วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล เถื่อน Travel มีมาแล้วถึง 2 Seasons บนช่อง GMM 25 Channel ก่อนที่คุณสิงห์จะย้ายมาทำช่องเองที่เถื่อน Channel จุดเด่นของเถื่อน Travel คือการพาเราไปยังสถานที่แปลกใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีใครไปและบางสถานที่ก็เสี่ยงตาย ทั้งดินแดนสงครามในประเทศซีเรียและอิรัก ดินแดนเกาหลีเหนือ ทวีปแอฟริกา หรือพาไปบุกเส้นทางขนยาเสพติดในป่าอะแมซอน นอกจากนี้ ถ้าใครชอบดูช่องเที่ยวแบบได้สาระความรู้จัดเต็ม ก็ไม่ควรพลาดช่องเถื่อน Travel เพราะคุณสิงห์จะอธิบายและให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ต่อสถานที่ที่ไปเที่ยวตลอดรายการด้วยค่ะ

9. BEERSOS DIARY

Subscriber : 110,000 คน
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 1,896,491 views

Beersos Diary ช่องเที่ยวสายลุย สไตล์ Road Trips Beersos Diary เป็นช่องที่มีคลิปไม่มากนัก เหมือนเป็นบันทึกการเดินทางของเจ้าของช่องมากกว่า ทุกคลิปจะเป็นการเที่ยวคนเดี่ยวแบบ Road Trips ไปยังสถานที่ต่าง ๆ มีความดิบเถื่อนแบบขาลุย ถ้าใครวางแพลนว่าจะลองเที่ยวแบบ Road Trips คนเดียวสักครั้ง ดูช่องนี้แล้วจะได้รับความรู้เยอะเลยค่ะ

10. GO AGAIN

Subscriber : 59,600 คน
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 3,475,665 views

Go Again เป็นช่องที่เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มเพื่อนมหาวิทยาลัยที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว เป็นแก๊งผู้ชายสี่คนที่จะพาทุกคนไปเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ ในสไตล์ชิลล์ ๆ เน้นการกินและชมสถานที่แบบเป็นกันเอง

ทั้ง 10 ช่องยูทูบที่เราเลือกมาแนะนำในวันนี้ ต้องบอกเลยว่า มีสไตล์การเที่ยวที่หลากหลายจริง ๆ ทั้งเที่ยวคนเดียว เที่ยวกับเพื่อน หรือไปเป็นแก๊ง อีกทั้งแต่ละช่องก็มีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ทั้งการพากย์และการถ่ายทำรายการ หวังว่าทั้งสิบช่องยูทูบนี้จะช่วยคลายเหงาในช่วงที่ต้องหยุดอยู่บ้านยาว ๆ ได้นะคะ : )

ข้อมูลอัพเดทเมื่อวันที่ : 13/04/2020

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

20 เมนู อาหารยุโรป จานเด็ด

เรียนรู้วัฒนธรรมจากอาหาร : 20 เมนูอาหารจานเด็ดประเทศยุโรป

ถ้าพูดถึงประเทศในทวีปยุโรป หลาย ๆ ท่านคงนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยว สถาปัตยกรรม วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละท้องถิ่น รอให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ และอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย เมื่อไปท่องเที่ยวยังประเทศยุโรป ก็คือการได้ลิ้มรส อาหารยุโรป จานเด็ดหรืออาหารประจำชาติของแต่ละประเทศ ไม่เพียงแต่ได้สัมผัสรสชาติความอร่อย แต่อาหารยังบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนและวัฒนธรรมประจำชาติด้วย วันนี้ Allianz Travel ขออาสาพาผู้อ่านทุกท่าน ไปทำความรู้จักกับ 20 เมนูอาหารจานเด็ดของแต่ละประเทศในยุโรป ขอแนะนำว่า อย่าอ่านบทความนี้ตอนหิวเป็นอันขาด เตือนแล้วนะคะ : )

1. ขนมสตรูเดิ้ล (STRUDEL) ประเทศออสเตรีย

สตรูเดิ้ล เป็นขนมดั้งเดิมของชาวเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยปกติแล้วขนมสตรูเดิ้ลจะใส่ไส้ผลไม้หลากหลายชนิด แต่ที่นิยมอย่างมากคือแอปเปิ้ล ถ้าใครไปเที่ยวออสเตรียแล้ว ให้ลองสั่งด้วยคำว่า “Apfelstrudel” ดู และอย่าลืมเพิ่มความอร่อยด้วยการใส่ท้อปปิ้งเป็นวิปครีมหรือซอสวนิลาด้วยนะคะ

อาหารยุโรป : ขนมสตรูเดิ้ล (STRUDEL) ประเทศออสเตรีย

2. ขนมวาฟเฟิล (WAFFLE) ประเทศเบลเยี่ยม

ถ้านึกถึงวาฟเฟิล ก็ต้องนึกถึงประเทศเบลเยี่ยม เพราะที่นี่เป็นแหล่งกำเนิดวาฟเฟิล ก่อนที่จะนิยมอย่างแพร่หลายไปยังประเทศอื่น โดยปกติแล้วชาวเบลเยี่ยมจะนิยมกินวาฟเฟิลเป็นอาหารเช้ากัน ราดด้วยท้อปปิ้งอย่างวิปครีม น้ำเชื่อม สตอเบอร์รี่และช็อกโกแลต ไปถึงเบลเยี่ยมแล้ว อย่าลืมแวะกินต้นตำรับวาฟเฟิลกันนะคะ

อาหารยุโรป : ขนมวาฟเฟิล (WAFFLE) ประเทศเบลเยี่ยม

3. ข้าวคลุกหมึกดำ (BLACK RISOTTO) ประเทศโครเอเชีย

ข้าวคลุกหมึกดำ หรือ Black Risotto ได้รับความนิยมอย่างมากจากชาวโครเอเชีย ส่วนผสมหลักของข้าวคลุกหมึกดำก็คือปลาหมึกดองหรือปลาหมึกทั่วไป ผสมด้วยน้ำมันมะกอก กระเทียม ไวน์แดงและหมึกดำ ผัดให้เข้าที่กับข้าวสวยทั่วไป คนโครเอเชียมักจะเรียก Black Risotto ว่า “crnirizot” เพราะเป็นที่รู้กันว่า เมื่อกินเข้าไปแล้ว จะทำให้สีฟันเปลี่ยนเป็นสีดำ

อาหารยุโรป : ข้าวคลุกหมึกดำ (BLACK RISOTTO) ประเทศโครเอเชีย

4. ขนมปังเกี๊ยว (BREAD DUMPLINGS) ประเทศสาธารณรัฐเช็ก

ขนมปังเกี๊ยวฉบับดั้งเดิมของชาวเช็ก แตกต่างสิ้นเชิงกับเกี๊ยวจากเอเชีย เพราะขนมปังเกี๊ยวที่นี่ทำจากแป้งต้ม ยีสต์ ไข่ เกลือและนม เป็นหลัก ชาวเช็กทั่วไปจะสั่งขนมปังเกี๊ยวมากินคู่กับกูลาช (ซุปเนื้อ) โดยการจุ่มขนมปังเกี๊ยวเข้าไปในซุปเนื้อ รสชาติจะเข้ากันไหม ต้องลองไปชิมดูค่ะ : )

อาหารยุโรป : ขนมปังเกี๊ยว (BREAD DUMPLINGS) ประเทศสาธารณรัฐเช็ก

5. แซนวิชหน้าเปิด (SMØRREBRØD) ประเทศเดนมาร์ก

แซนวิชหน้าเปิด ของกินเลืองชื่อของประเทศเดนมาร์ก ตัวแซนวิชจะเป็นขนมปังข้าวไรย์ โปะหน้าแซนวิชด้วยไข่ ชีส เนื้อ และปลา หรือถ้าจะทำให้อลังการขึ้น อาจโปะด้วยกุ้งและไข่ปลาคาเวียร์ ขณะที่วิธีการกินแซนวิชหน้าเปิดแบบคนแดนิช จะใช้ซ้อมและมีดในการหั่นแซนวิชและใช้ซ้อมตักกิน แซนวิชหน้าเปิดถือเป็นอาหารที่ค่อนข้างแปลกสำหรับคนไทย ถ้าใครลองแล้ว มาบอกเราด้วยนะคะว่าอร่อยไหม ^^

อาหารยุโรป : แซนวิชหน้าเปิด (SMØRREBRØD) ประเทศเดนมาร์ก

6. หมูรมควันกับถั่ว (SMOKED PORK WITH BEANS) ประเทศลักแซมเบิร์ก

ถ้าไปเที่ยวประเทศลักแซมเบิร์ก หมูรมควันกับถั่วเป็นอาหารที่จะพบได้ทั่วไปหรือแทบทุกที่ทั่วประเทศ โดยปกติแล้วคนลักแซมเบิร์กจะทานหมูรมควันกับมันฝรั่งทอดเบคอน เสริฟ์คู่กับเบียร์ท้องถิ่นและไวน์ขาว ถ้าจะสั่งแบบคนท้องถิ่นก็อย่าลืมสั่งคู่พร้อมกับมันฝรั่งทอดเบคอนนะคะ

อาหารยุโรป : หมูรมควันกับถั่ว (SMOKED PORK WITH BEANS) ประเทศลักแซมเบิร์ก

7. ชีสฮาลูมี (HALLOUMI CHEESE) ประเทศไซปรัส

ชีสฮาลูมี เป็นอาหารขึ้นชื่อทั่วทั้งแทบตะวันออกกลางและประเทศกรีซ โดยเชื่อกันว่าต้นกำเนิดของชีสชนิดนี้มาจากประเทศไซปรัสเมื่อศตวรรษที่ 16 ส่วนผสมหลักของชีสฮาลูมีคือนมแกะและนมแพะ ทำให้ชีสชนิดนี้มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะแก่การนำไปย่างกินพร้อมด้วยเครื่องเคียงมากกว่าการอบหรือละลายชีส ในช่วงฤดูร้อน ชาวไซปรัสจะนิยมกินชีสฮาลูมีกับแตงโมเพื่อคลายร้อนกันค่ะ

อาหารยุโรป : ชีสฮาลูมี (HALLOUMI CHEESE) ประเทศไซปรัส

8. ขนมอบเพรทเซิล (PRETZELS) ประเทศเยอรมัน

ขนมเพรทเซิลถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ยุคกลางของยุโรป และเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในประเทศเยอรมัน ทุกวันนี้ ถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวที่เยอรมัน ให้ลองสังเกตตามร้านขนม ร้านอาหาร หรือเบียร์ฮอลล์ จะพบว่าเต็มไปด้วยขนมเพรทเซิลที่เสริฟ์พร้อมกับท้อปปิ้งต่าง ๆ ตั้งแต่แฮมและชีส ไปจนถึงเมล็ดฟักทอง หลาย ๆ คน ไปเที่ยวเยอรมันมักคิดถึงไส้กรอกและเบียร์ แต่ขนมเพรทเซิลก็ถือเป็นอีกหนึ่งอาหารที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ

อาหารยุโรป : ขนมอบเพรทเซิล (PRETZELS) ประเทศเยอรมัน

9. ไจรอส (GYROS) ประเทศกรีซ

ไจรอสอาหารประจำชาติเลืองชื่อของชาวกรีซ พบเห็นได้ตามร้านข้างทางทั่วไป ลักษณะของไจรอสจะคล้ายๆกับเคบับ แต่จะม้วนด้วยขนมปังเรียบ ไส้ข้างในขนมปัง จะมีทั้งหมู ไก่ เนื้อวัวและเนื้อแพะ พร้อมใส่เครื่องเคียงอาทิ มะเขือเทศ หัวหอม และที่ขาดไม่ได้ก็คือซอสซัดซีจี (Tzatziki) ซึ่งทำจากโยเกิร์ตและผักต่าง ๆ ใครเบื่อ สตรีทฟู้ดไทยแล้ว อยากลองสตรีทฟู้ดแบบยุโรปบ้าง ต้องลองทานไจรอสเลยค่ะ

อาหารยุโรป : ไจรอส (GYROS) ประเทศกรีซ

10. กูลาช (GOULASH) ของประเทศฮังการี

กูลาชเป็นซุปสตูว์สไตล์โฮมเมด แม่บ้านในอดีตนิยมเคี่ยวหม้อโต ๆ เพื่อเก็บไว้รับประทานหลายวัน ซึ่งเมื่อถึงวันท้าย ๆ เนื้อในซุปแทบจะละลายในปากเลยทีเดียว ส่วนใหญ่กูลาซปรุงด้วยสัตว์อย่างเนื้อวัว เนื้อหมู หรือเนื้อแกะ โดยเริ่มจากการหั่นเนื้อเป็นลูกเต๋านำไปคลุกเคล้ากับเกลือจากนั้นนำไปทอดกับหอมใหญ่เคี่ยวไฟอ่อน ๆ คลุกเคล้ากับเครื่องเทศและเติมน้ำซุปลงไปเคี่ยวไฟอ่อน จากนั้นปรุงรสเผ็ดด้วยปาปริก้าทั้งแบบสดและแบบป่นแล้วแต่สูตรเพิ่มความหอมมันด้วยครีม กูลาซรสเข้มข้นนิยมรับประทานคู่กับพาสต้า หากไปถึงฮังการีแล้วต้องสั่งมาชิมด่วน

อาหารยุโรป : กูลาช (GOULASH) ของประเทศฮังการี

11. สเกียร์ (SKYR) ประเทศไอซ์แลนด์

สเกียร์เป็นขนมหวานยอดฮิตของชาวไอซ์แลนด์ หลาย ๆ คนเมื่อได้ลองชิมแล้ว จะเข้าใจผิดว่าสเกียร์เป็นโยเกิร์ต เพราะทั้งรูปร่างหน้าตาและรสชาติคล้ายกับโยเกิร์ตมาก แต่แท้ที่จริงแล้วสเกียร์ทำมาจากชีสค่ะ สเกียร์เป็นขนมหวาน (หรืออาหารเช้า) ที่จะเสิร์ฟพร้อมนมและโรยด้วยท้อปปิ้งหลากหลายชนิด เช่น ขนมและผลไม้

อาหารยุโรป : สเกียร์ (SKYR) ประเทศไอซ์แลนด์

12. ไอริชสตูว์ (IRISH STEW) ประเทศไอร์แลนด์

ถึงแม้ว่าประเทศไอร์แลนด์จะมีชื่อเสียงด้านการเสิร์ฟมันฝรั่งบนมื้ออาหารเป็นหลัก แต่อาหารที่ขึ้นชื่อของชาวไอริชก็คือสตูว์ ซึ่งเป็นซุปที่ประกอบด้วยชิ้นเนื้อแกะ มันฝรั่งหัวหอมและผักชีฝรั่ง และบางครั้งอาจใส่เนย Guinness ลงไปด้วย อย่างไรก็ตามสตูว์ของชาวไอริชได้มีการปรับเปลี่ยนสูตรจากเดิม เมื่อชาวไอริชจำนวนมากอพยพไปประเทศสหรัฐอเมริกาในศตวรรษที่ 19 และไม่สามารถหาเนื้อแกะมาใส่ได้ จึงแทนที่ด้วยเนื้อวัว และส่วนผสมอื่น ๆ ถ้าจะสั่งไอริชสตูว์แล้ว ก็อย่าลืมเช็กให้แน่ใจนะคะว่าเป็นแบบดั้งเดิมหรือเปล่า

อาหารยุโรป : ไอริชสตูว์ (IRISH STEW) ประเทศไอร์แลนด์

13. เกี๊ยวเซปเปลินาย (CEPELINAI) ประเทศลิธัวเนีย

เซปเปลินายคือเกี๊ยวชิ้นใหญ่รูปทรงคล้ายไข่ที่ทำจากมันฝรั่งดิบขูดและมันฝรั่งต้ม และมีไส้ในเป็นเนื้อบด เห็ดและลิ่มน้ำนม เซปเปลินายจะเสิร์ฟคู่พร้อมกับซอสครีมเปรี้ยวและเบคอนทอด เซปเปลินายเป็นชื่อของเรือเหาะ ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปร่างทรงไข่ ชาวลิธัวเนียจึงเรียกเกี๊ยวชนิดนี้ตามว่า เซปเปลินาย

อาหารยุโรป : เกี๊ยวเซปเปลินาย (CEPELINAI) ประเทศลิธัวเนีย

14. สโตรปวาฟเฟิล (STROOPWAFEL) ประเทศเนเธอร์แลนด์

สโตรปวาฟเฟิลของเนเธอร์แลนด์ค่อนข้างแตกต่างจากวาฟเฟิลของเบลเยี่ยมพอสมควร เพราะวาฟเฟิลที่นี่จะเป็นวาฟเฟิลที่เหมือนแซนวิช มีน้ำเชื่อมคาราเมลเป็นไส้ตรงกลางบาง ๆ นำวาฟเฟิล 2 ชิ้นประกับเข้าด้วยกัน พร้อมใส่ท้อปปิ้งอย่างน้ำผึ้ง ผลเบอร์รี่และช็อกโกแลต สโตรปวาฟเฟิลมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า ขนมรังผึ้ง เพราะรูปร่างภายนอกที่คล้ายรังผึ้ง คนเนเธอแลนด์มักจะทานสโตรปวาฟเฟิล พร้อมด้วยชาร้อน ๆ ก่อนที่จะเริ่มมื้ออาหารเช้า

อาหารยุโรป : สโตรปวาฟเฟิล (STROOPWAFEL) ประเทศเนเธอร์แลนด์

15. เกี๊ยวครึ่งวงกลม (PIEROGI) ประเทศโปแลนด์

Pierogi หรือเกี๊ยวขนาดครึ่งวงกลมที่ทำจากเส้นโด เป็นอาหารประจำชาติของชาวโปแลนด์ โดยปกติแล้ว Pierogi จะยัดไส้ด้วยนมสด มันฝรั่งต้มและหัวหอมทอด นอกจากนี้ยังสามารถใส่กระหล่ำปลีเปรี้ยว เนื้อบด และชีสเข้าไปในไส้ได้อีกด้วย ถ้าใครอยากไปลองชิม Pierogi แนะนำให้ไปช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี เพราะจะมีเทศกาล Pierogi ซึ่งชาวโปแลนด์จะมาออกร้านขาย Pierogi กันอย่างครึกครื้น

อาหารยุโรป : เกี๊ยวครึ่งวงกลม (PIEROGI) ประเทศโปแลนด์

16. ทาร์ตไข่โปรตุเกส (PASTEIS DE NATA)

หลาย ๆ คนคงเคยลองทานทาร์ตไข่กันแล้ว แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าทาร์ตไข่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศโปรตุเกส ทาร์ตไข่ หรือที่ชาวโปรตุเกสเรียกว่า Pastel de nata ทำมาจากแป้งกรุเป็นขอบแล้วเทไข่ผสมน้ำตาลหยอดในตัวขนม จากนั้นจึงนำไปอบอีกที ทาร์ตไข่มีต้นกำเนิดในศตวรรษที่ 19 จากโบสถ์คาทอลิกในเมืองลิสบอน เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี บาทหลวงจึงได้คิดค้นเมนูทาร์ตไข่ขึ้นมาเพื่อขายให้แก่ชาวเมือง และหารายได้เข้าโบสถ์ ถ้ามาถึงโปรตุเกสแล้ว ไม่ได้ลองทานทาร์ตไข่เท่ากับมาไม่ถึงนะคะ ^^

อาหารยุโรป : ทาร์ตไข่โปรตุเกส (PASTEIS DE NATA)

17. กะหล่ำปลีห่อ (CABBAGE ROLLS) ประเทศโรมาเนีย

กะหล่ำปลีห่อเรียกในภาษาโรมาเนียว่า “Sarmale” ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นประจำชาติของชาวโรมาเนีย ถ้าไปเที่ยวที่โรมาเนียแล้ว จะพบเห็นได้ทั่วไปตามภัตตาคารและร้านข้างทาง กะหล่ำปลีห่อไส้ในจะประกอบไปด้วยชิ้นเนื้อ ข้าว เครื่องเทศ และห่อด้วยใบกะหล่ำปลี นำไปต้มในน้ำซอสสูตรพิเศษหลายชั่วโมง เพื่อให้กะหล่ำปลีนุ่มและน่ารับประทานยิ่งขึ้นค่ะ

อาหารยุโรป : กะหล่ำปลีห่อ (CABBAGE ROLLS) ประเทศโรมาเนีย

18. ปาเอญ่า (PAELLA) ประเทศสเปน

ปาเอญ่า อาหารประจำชาติของชาวสเปน คือข้าวผัดหรือข้าวอบสไตล์สเปนที่ใช้ข้าวสารดิบ ๆ ปรุง โดยเมล็ดข้าวที่ใช้ในการปรุงจะมีลักษณะเป็นเม็ดอ้วนป้อม ๆ คล้ายกับข้าวญี่ปุ่นอยู่สักหน่อย นิยมใส่เนื้อไก่และซีฟู้ดอย่างกุ้ง หอย ปลาหมึก โดยเริ่มจากผัดเนื้อสัตว์กับเครื่องเทศจากนั้นปรุงข้าวกับน้ำซุปต้มกระดูกจนได้ที่แล้วตกแต่งหน้าด้วยกุ้งและหอยตัวอ้วน ๆ น่ารับประทาน ข้าวผัดสเปนจะมีเนื้อสัมผัสกรุบ ๆ ไม่เหมือนกับข้าวผัดที่ใช้ข้าวปรุงสุก

อาหารยุโรป : ปาเอญ่า (PAELLA) ประเทศสเปน

19. ซุปบัลกาเรีย (SOUP) ประเทศบัลกาเรีย

ซุปเป็นอาหารที่พบได้ทั่วไปในชีวิตประจำวันของคนบัลกาเรีย แต่ “ซุป” ของบัลกาเรีย อาจไม่เหมือนที่ไทยเท่าไหร่นะคะ เพราะเราอาจคุ้นชินกับซุปน้ำใสที่ผ่านการเคี่ยวเป็นเวลานาน แต่ที่บัลกาเรีย ซุปจะทำจากส่วนผสมของโยเกิร์ตเป็นหลัก ใส่แตงกวา กระเทียม ผักชี และวอลนัทเข้าไป ถ้าอยากรู้ว่าซุปที่ทำจากโยเกิร์ตจะเป็นอย่างไร ไปบัลแกเรียแล้ว ห้ามพลาดเด็ดขาดเลยค่ะ

อาหารยุโรป : ซุปบัลกาเรีย (SOUP) ประเทศบัลกาเรีย

20. ฟองดูต์ (FONDUE) ประเทศสวิซเซอร์แลนด์

ถ้าพูดถึงประเทศสวิซเซอร์แลนด์แล้ว ชีสสวิสต้องเป็นอาหารอย่างแรกที่จะนึกถึงแน่ๆ เพราะที่นี่ มีชีสให้เลือกรับประทานมากมายหลากหลายชนิด ฟองดูต์คือการตั้งหม้อที่มีไฟร้อน ๆ แล้วนำชีสมาละลายลงไปในหม้อ จากนั้นนำขนมปังและเนื้อสัตว์จุ่มลงไป ซึ่งฟองดูต์ถือเป็นอาหารประจำชาติของชาวสวิสเลยก็ว่าได้ ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน ฟองดูต์ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ความสามัคคีของชาวสวิสอีกด้วยค่ะ

อาหารยุโรป : ฟองดูต์ (FONDUE) ประเทศสวิซเซอร์แลนด์

เป็นไงบ้างค่ะ กับ 20 เมนูอาหารจานเด็ดของแต่ละประเทศในทวีปยุโรป อ่านเสร็จแล้ว หิวข้าวเลยใช่ไหมค่ะ เมนูอาหารประจำชาติที่เราพาไปดูในครั้งนี้ ต้องบอกเลยว่าไม่ใช่แค่เรื่องรสชาติความอร่อยเท่านั้นนะคะ แต่ยังแฝงไปด้วยวัฒนธรรม ประเพณี และประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศอย่างช้านาน การไปลิ้มรสชาติและสัมผัสอาหารประจำชาติ ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เราเข้าใจ และเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ ได้เร็วยิ่งขึ้นค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : The Best Traditional Food in 30 European Countries

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา