7 Train Trips

7 ทริปรถไฟในต่างประเทศ วิวสวยงามระดับห้าดาว

การเดินทางด้วยรถไฟระหว่างท่องเที่ยวต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางข้ามประเทศหรือภายในประเทศ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ที่ได้รับความนิยม เพราะเราจะได้ชื่นชมวิวทิวทัศน์ระดับห้าวดาวตลอดเส้นทางที่รถไฟวิ่งผ่านได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสให้เราได้พบปะหรือสร้างมิตรภาพใหม่ๆ กับผู้คนหลากหลาย สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ ดังนั้น ความสวยงามของการนั่งรถไฟจึงไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทาง แต่อยู่ระหว่างทางที่เรานั่งรถไฟไป วันนี้ Allianz Travel จึงขออาสา พาไปดู 7 ทริปท่องเที่ยวด้วยรถไฟในต่างประเทศ ซึ่งมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามระดับห้าดาว ถ้าอยากรู้ว่ามีเส้นทางไหนบ้าง ไปดูกันเลย

1. ROCKY MOUNTAINEER’S FIRST PASSAGE TO THE WEST, CANADA

ช่วงเวลาเดินทางแนะนำ: ตลอดทั้งปี

Rocky Mountaineer’s First Passage to The West เป็นเส้นทางรถไฟที่สวยที่สุดในประเทศแคนาดา ครอบคลุมเส้นทางธรรมชาติจากทางตอนใต้ของบริติชโคลัมเบียระหว่างเมืองแวนคูเวอร์และเมืองแบมฟ์ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติ โดยเส้นทางรถไฟจะเริ่มจากเมืองแวนคูเวอร์ไปยังเมืองแบมฟ์ ผ่านอุทยานแห่งชาติ ขุนเขาแคนาเดียน และแม่น้ำทอมป์สัน นอกจากนี้ ถ้าใครซื้อแพคเกจทริปรถไฟแล้ว จะได้ค้างคืนที่เมือง Kamloops ซึ่งเป็นเมืองทะเลสาบที่สวยงามมาก

ROCKY MOUNTAINEER’S FIRST PASSAGE TO THE WEST, CANADA

2. GLACIER EXPRESS, SWITZERLAND

ช่วงเวลาเดินทางแนะนำ: (ธันวาคม – มีนาคม)

Glacier Express เส้นทางรถไฟที่เหมาะสำหรับคู่รักหรือสายโรแมนติกที่อยากนั่งชมวิวทิวทัศน์หิมะขาวโพลน ท่ามกลางขุนเขา เทือกเขาแอลป์สวิตเซอร์แลนด์ Glacier Express เป็นเส้นทางรถไฟเชื่อมเมืองสกีสองเมือง คือเซอร์แมทและเซนต์โมริตส์เข้าด้วยกัน ทริปรถไฟจะเริ่มจากทางตะวันออกของเมืองเซอร์แมท ผ่าน 91 อุโมงค์ และ 291 สะพานไปยังทางตอนใต้ของเทือกเขาแอลป์สวิต จุดไฮไลต์ของทริปนี้ อยู่ที่เส้นทางผ่าน Oberalp ซึ่งเป็นเทือกเขาที่สูงที่สุด 6706 ฟุต

มาเที่ยวสวิตแล้ว อย่าลืมมานั่งรถไฟสาย Glacier Express ชมความงามของวิวทิวทัศน์กันนะคะ : )

GLACIER EXPRESS, SWITZERLAND

3.TRANS-SIBERIAN RAILWAY, RUSSIA

ช่วงเวลาเดินทางแนะนำ: กุมภาพันธ์ – กันยายน

เส้นทางรถไฟทราน-ไซบีเรียน คือเส้นทางรถไฟที่ยาวที่สุดในโลก มีระยะทางยาวถึง 9,288 กิโลเมตร เส้นทางรถไฟจะเริ่มจากสถานี Moskva Yaroslavskaya ทางตะวันตกของกรุงมอสโคว์ ไปสุดทางที่สถานีเมือง Vladivostok (ติดกับประเทศจีน) รถไฟจะพาเราผ่านหุบเขาอูรัล และเขตป่าไม้ไซบีเรียนที่มีความอุดมสมบูรณ์ และมีจุดไฮไลต์ที่สำคัญคือ สะพานยาว สูง 3,227 ฟุต ที่พาดผ่านแม่น้ำ Ob ที่เมือง Novosibirsk บนทะเลสาบไบคาล ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในโลก

การเดินทางไปบนรถไฟทราน-ไซบีเรียน กินระยะเวลา 8 วัน สำหรับคนที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟ เส้นทางรถไฟสายทราน-ไซบีเรียน ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ “ต้องทำ” ให้ได้เลยค่ะ

TRANS-SIBERIAN RAILWAY, RUSSIA

4.WEST HIGHLAND LINE, GLASGOW TO MALLAIG – SCOTLAND

ช่วงเวลาเดินทางแนะนำ: กรกฎาคม – กุมภาพันธ์

แฟน ๆ แฮรี่พอตเตอร์ไม่ควรพลาดกับเส้นทางรถไฟ West Highland Line ประเทศสกอตแลนด์ เพราะเส้นทางรถไฟนี้ถูกใช้เป็นฉากอันสวยงามของภาพยนตร์แฮรี่พอตเตอร์ และได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมาก เส้นทางรถไฟ West Highland Line เริ่มจากเมืองกลาสโกว์ มุ่งขึ้นเหนือ ผ่านเขตทุ่งหญ้า ป่าไม้ และเมืองชนบท ก่อนที่จะจอดที่เมือง Fort William และเปลี่ยนเส้นทางมุ่งสู่ตะวันตก เทียบชานชาลาที่เมืองท่า Mallaig

เส้นทางรถไฟ West Highland Line เป็นเส้นทางรถไฟสายยาว ครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งประเทศสกอตแลนด์ ถ้าใครชื่นชอบการนั่งชมวิวทิวทัศน์ป่าไม้และทุ่งหญ้า พร้อมกับการตามรอยภาพยนตร์แฮรี่พอตเตอร์ ห้ามพลาดเส้นทางนี้เลยค่ะ : )

WEST HIGHLAND LINE, GLASGOW TO MALLAIG – SCOTLAND

5.ROVOS RAIL’S NAMIBIA SAFARI – SOUTH AFRICA

ช่วงเวลาเดินทางแนะนำ: พฤษภาคม – กันยายน

เปลี่ยนบรรยากาศมาที่ทวีปแอฟริกากันบ้างค่ะ กับเส้นทางรถไฟ Royos Rail’s Namibia Safair ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีวิวทิวทัศน์สวยที่สุดทางตอนใต้ของแอฟริกาเลยค่ะ เส้นทางรถไฟนามิเบีย กินระยะทางกว่า 3,218.7 กิโลเมตร ผ่านทุ่งหญ้าซาฟารีตลอดสองข้างทาง เริ่มต้นจากเมือง Pretoria ประเทศแอฟริกาใต้ มุ่งลงใต้ผ่านเมือง Kimberley – เมืองที่เคยมีเพชรจำนวนมาก – ไปยัง Fish River Canyon และมุ่งสู่ทะเลสาบ Kalahari เทียบชานชาลาที่เมือง Windhoek เมืองหลวงของประเทศนามิเบีย และมุ่งตรงต่อไปยังชานชาลาสุดท้ายที่เมือง Swakopmund ไฮไลต์ของทริปรถไฟนามิเบีย คงหนีไม่พ้นการนั่งดูวิวทิวทัศน์ทะเลทรายในตอนเย็น เมื่อพระอาทิตย์ตกดินและทอดแสงผ่านทะเลทราย ถ้าอยากรู้ว่าจะสวยขนาดไหน ต้องลองไปชมด้วยตาตัวเองค่ะ : )

ROVOS RAIL’S NAMIBIA SAFARI – SOUTH AFRICA
Cr. Trainsafaris

6. THE TOKAIDO SHINKANSEN

ช่วงเวลาเดินทางแนะนำ: ตลอดทั้งปี

The Tokaido Shinkansen เป็นเส้นทางรถไฟชินคันเซนจากเมืองโตเกียวสู่โอซาก้า เปิดครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1964 เส้นทางมีระยะทางรวมกว่า 515 กิโลเมตร ปัจจุบัน รถไฟชินคันเซนเปลี่ยนเป็นรถไฟความเร็วสูง ใช้เวลาเพียงแค่สองชั่วโมงครึ่งก็ถึงที่หมายแล้ว จุดไฮต์ของเส้นทางรถไฟสายนี้ อยู่ที่การนั่งชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของภูเขาไฟฟูจิ พร้อมด้วยการจิบชา และทานข้าวกล่องเบนโตะของญี่ปุ่น

ทริปรถไฟ The Tokaido Shinkansen อาจไม่เหมือนกับทริปรถไฟอื่น ๆ ที่ใช้เวลาเดินทางนานเป็นวัน อย่างไรก็ตาม การได้ทานอาหารญี่ปุ่น พร้อมชมวิวภูเขาไฟฟูจิ ก็นับเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ

THE TOKAIDO SHINKANSEN

7. THE QINGHAI-TIBET RAILWAY, XINING TO LHASA, CHINA

ช่วงเวลาเดินทางแนะนำ: เมษายน – พฤศจิกายน

มาถึงทริปรถไฟสุดท้าย กับเส้นทางรถไฟสายชิงไห่-ทิเบต ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟบนที่ราบสูงที่สุดและยาวที่สุดของโลก เริ่มทดลองเดินรถครั้งแรกในปี ค.ศ. 2006 เส้นทางรถไฟเริ่มจากเมืองซีหนิง มณฑลชิงไห่ ไปยังเมืองปลายทางที่เมืองลาซา เขตปกครองตนเองทิเบต ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งวันเต็ม จุดไฮไลต์ของเส้นทางนี้คือการนั่งชมวิวทิวทัศน์ภูเขาคุนหลุน และสูดออกซิเจนบริสุทธิ์ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 5,000 เมตร

THE QINGHAI-TIBET RAILWAY, XINING TO LHASA, CHINA

สำหรับสายเที่ยวด้วยรถไฟ ทั้ง 7 ทริปที่นำมาแนะนำวันนี้ เป็นทริปรถไฟที่หลากหลายสไตล์ ทั้งเดินทางผ่านทุ่งหญ้าซาฟารี เดินทางผ่านหุบเขาที่สูงที่สุดในโลก หรือจะเดินทางผ่านเทือกเขาหิมะ หวังว่า ทั้ง 7 ทริปรถไฟจะถูกใจและเป็นจุดมุ่งหมายการเดินทางครั้งหน้านะคะ ^^

ขอบคุณข้อมูลจาก :
The 11 Most Astonishing Train Rides In The World
THE 10 BEST TRAIN JOURNEYS IN THE WORLD
12 of the Most Scenic Train Trips Offering a Unique Way to See the World

Blog Disclaimer

All content provided on this blog is for informational purposes only. The content of this blog neither makes representations as to the accuracy or completeness of any information on this site, nor is construed as Allianz Travel’s offering of travel insurance, unless explicitly stated. Details of benefits, limits, policy exclusions, terms and conditions of Allianz Travel insurance can be found under Allianz Travel Policy Wording.

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

10 YouTube Channel สายเที่ยว ดูเพลิน หลากสไตล์

เปิดวาร์ป 10 ช่อง YOUTUBE สายเที่ยว ดูเพลิน หลากสไตล์

สวัสดีค่ะทุกคน ในช่วงที่หลายคนต้องหยุดอยู่บ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการรับเชื้อหรือแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 กันนั้น สายเที่ยวทั้งหลายที่ไม่สามารถไปเที่ยวไหนได้ ไม่ว่าจะต่างประเทศหรือในประเทศ อาจจะรู้สึกเบื่อหรือหงุดหงิดกับการอยู่เฉย ๆ กัน Allianz Travel เลยขออาสา รวบรวม 10 ช่องยูทูบ สายเที่ยว หลากหลายสไตล์ ดูเพลินสนุกไปกับ YouTuber ที่พาเราตะลุยไปตามที่ต่างๆ ที่เราอาจไม่เคยไปมาก่อน ทำให้เราได้ทั้งสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ ได้ความรู้ และเราอาจวางแผนตามรอยเที่ยวเมื่อสถานการณ์กลับสู่ปกติกันได้เลย รับรองว่าดู 10 ช่องนี้แล้ว ได้ความรู้เยอะแน่นอนค่ะ

1. เที่ยวมั้ยครับ, BIE THE SKA CHANNEL

Subscriber : 10,900,000 คน
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 3,345,640,949 views

เริ่มต้นกันที่ช่องแรกกับรายการ “เที่ยวมั้ยครับ” ซึ่งเป็นรายการท่องเที่ยวที่อยู่ในช่องของ Bie The Ska เจ้าพ่อคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่มีผู้ติดตามบนยูทูบกว่า 10 ล้านคน ! ณ ปัจจุบันรายการเที่ยวมั้ยครับมีมากกว่า 50 ตอน ดำเนินรายการโดยคุณบี้และคุณจีโน่ สองหนุ่มสายฮาที่จะพาเราไปเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ถ้าใครชื่นชอบรายการเที่ยวที่สบาย ๆ เน้นตลกและได้ความรู้ ช่องนี้ตอบโจทย์แน่นอนค่ะ

2. MAYYR

Subscriber : 1,580,000 คน
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 223,882,178 views

MayyR บิวตี้บล็อกเกอร์ที่ผันตัวเองมาทำยูทูบแนวไลฟสไตล์อย่างเต็มตัว ช่องของ MayyR จึงไม่ได้มีเพียงเรื่องเที่ยวอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องไลฟสไตล์ อาหารการกิน ของตกแต่งบ้าน รวมไปถึงการแต่งหน้า อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะไม่ใช่ช่องเที่ยวแบบเต็มตัว แต่ช่อง MayyR ก็มีคลิปท่องเที่ยวจำนวนมาก ที่จะพาเราไปเที่ยวในสไตล์แบบชิลล์ ๆ เน้นการกินและชมสถานที่ต่าง ๆ (เธอไปมาแล้วแทบทั่วโลกเลยหล่ะ) ช่อง MayyR จึงเหมาะกับสาว ๆ ที่เน้นเที่ยวแบบสบาย ๆ ตามสไตล์ผู้หญิงค่ะ

3. I ROAM ALONE

Subscriber : 1,270,000 คน
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 120,668,387 views

สำหรับผู้หญิงสายเที่ยวลุยเดี่ยวแล้ว ห้ามพลาดช่อง I Roam Alone เลยค่ะ เพราะเจ้าของช่อง คุณมิ้นท์ เป็นผู้หญิงที่ชื่นชอบการเที่ยวคนเดี่ยวเป็นอย่างมาก เลยทำคลิปเที่ยวคนเดี่ยวสำหรับผู้หญิงขึ้นมา เพื่อเป็นคู่มือสำหรับผู้หญิงที่อยากเริ่มเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว รวมถึงคำแนะนำการวางแผนเที่ยว หรือแม้กระทั่งวิธีการหลีกเลี่ยงอันตรายในระหว่างการเดินทาง รับรองว่าดูแล้วได้ความรู้เยอะเลยค่ะ สำหรับจุดเด่นของช่องนี้ มีทั้งการเที่ยวแบบสายลุยที่ต้องบอกเลยว่า โหด ดิบ เถื่อน และการเที่ยวแบบสายชิลล์สไตล์ผู้หญิง เน้นกินและชมสถานที่เป็นหลัก ถ้าใครเน้นดูเพลินและชอบความลุย รับรองว่าไม่เบื่อแน่นอนค่ะ

4. YES I GO

Subscriber : 766,000 คน
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 75,806,435 views

YES I GO เป็นช่องยูทูบสายเที่ยวที่ทำโดยคุณยาซีน หนุ่มแดนใต้จากจังหวัดปัตตานีที่มีใจรักในการเที่ยว และคิดว่าความฝันของตนเองคือการได้ไปเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ YES I GO เป็นช่องที่มีสไตล์เที่ยวแบบชิลล์ ๆ เน้นชมสถานที่และพากินอาหารข้างทางเป็นหลัก

5. อาสาพาไปหลง

Subscriber : 331,000 คน
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 29,610,061 views

อาสาพาไปหลง ช่องยูทูบสายเที่ยวที่คงเอกลักษณ์เฉพาะตัวสุด ๆ เพราะนอกจากชื่อที่บอกแล้วว่าจะ “พาไปหลง” ยังมีเอกลักษณ์ที่เสียงพากย์ของเจ้าของช่อง คุณว่านไฉ AF โดยปกติแล้วเวลาไปเที่ยว เราก็จะเห็นยูทูบเบอร์พูดกับกล้องเองเป็นหลัก แต่ช่องนี้คุณว่านไฉใช้วิธีการพากย์เสียงเข้าไป ยังไม่พอ ! แกถึงขนาดทำเพลงประกอบการเที่ยวอีกด้วย ถ้าใครเผลอเข้าไปดูแล้ว รับรองว่าดูวนยาว ๆทั้งวันแน่ ภาพสวย เล่าเรื่องดี แถมความตลกของเสียง 10/10 เลยค่ะ

6. THE GAIJIN TRIPS แบกเป้เที่ยวคนเดียว

Subscriber : 280,000 คน
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 11,297,120 views

The Gaijin Trips แบกเป้เที่ยวคนเดียว ช่องยูทูบพาเที่ยวที่ไม่เหมือนใครและคงไม่มีใครเหมือน! The Gaijin Trips เป็นช่องยูทูบพาเที่ยวสไตล์ลุยเดี่ยว เน้นพาเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ทุกคลิปที่พาเที่ยวจะมีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยการเล่าเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นบทพูด มุมกล้อง ภาพที่ถ่ายออกมา ดูแล้วจะไม่รู้สึกเหมือนดูคลิปพาเที่ยวทั่วไป แต่เหมือนดูภาพยนตร์เรื่องสั้นที่ร้อยเรียงเรื่องราวมาอย่างดี (ไม่ได้เวอร์ไปนะ ฮ่าๆ) ถ้าใครเบื่อช่องยูทูบพาเที่ยวทั่วไปที่มีสไตล์เหมือน ๆ กัน ต้องดูช่องนี้เลยค่ะ

7. GO WENT GO, 20 TV CHANNEL

Subscriber : 270,000 คน
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 38,275,564 views

Go Went Go, เที่ยว เว้น เที่ยว เป็นรายการเที่ยวที่เป็นส่วนหนึ่งของช่อง 20TV ซึ่งมีมาแล้วทั้งหมด 4 Season ส่วนใหญ่จะเน้นไปเที่ยวต่างประเทศเป็นหลัก (เกือบทั่วโลกแล้ว) รายการดำเนินโดยคุณบาส มือกีตาร์วง Better Weather จุดเด่นของช่องก็คือการเที่ยวตามสไตล์แบบแก๊งผู้ชาย เพราะคลิปส่วนใหญ่คุณบาสจะพาเที่ยวกับเพื่อน หรือบางครั้งก็ไปเป็นแก๊งเลยค่ะ

8. เถื่อน TRAVEL

Subscriber : 170,000 คน (เพิ่งย้ายมาจากช่อง GMM25 Channel)
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 3,463,909 views

เถื่อน Travel ช่องสำหรับคนสายลุย ดำเนินรายการโดยคุณสิงห์ วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล เถื่อน Travel มีมาแล้วถึง 2 Seasons บนช่อง GMM 25 Channel ก่อนที่คุณสิงห์จะย้ายมาทำช่องเองที่เถื่อน Channel จุดเด่นของเถื่อน Travel คือการพาเราไปยังสถานที่แปลกใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีใครไปและบางสถานที่ก็เสี่ยงตาย ทั้งดินแดนสงครามในประเทศซีเรียและอิรัก ดินแดนเกาหลีเหนือ ทวีปแอฟริกา หรือพาไปบุกเส้นทางขนยาเสพติดในป่าอะแมซอน นอกจากนี้ ถ้าใครชอบดูช่องเที่ยวแบบได้สาระความรู้จัดเต็ม ก็ไม่ควรพลาดช่องเถื่อน Travel เพราะคุณสิงห์จะอธิบายและให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ต่อสถานที่ที่ไปเที่ยวตลอดรายการด้วยค่ะ

9. BEERSOS DIARY

Subscriber : 110,000 คน
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 1,896,491 views

Beersos Diary ช่องเที่ยวสายลุย สไตล์ Road Trips Beersos Diary เป็นช่องที่มีคลิปไม่มากนัก เหมือนเป็นบันทึกการเดินทางของเจ้าของช่องมากกว่า ทุกคลิปจะเป็นการเที่ยวคนเดี่ยวแบบ Road Trips ไปยังสถานที่ต่าง ๆ มีความดิบเถื่อนแบบขาลุย ถ้าใครวางแพลนว่าจะลองเที่ยวแบบ Road Trips คนเดียวสักครั้ง ดูช่องนี้แล้วจะได้รับความรู้เยอะเลยค่ะ

10. GO AGAIN

Subscriber : 59,600 คน
จำนวนยอดวิวรวมทุกคลิป : 3,475,665 views

Go Again เป็นช่องที่เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มเพื่อนมหาวิทยาลัยที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว เป็นแก๊งผู้ชายสี่คนที่จะพาทุกคนไปเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ ในสไตล์ชิลล์ ๆ เน้นการกินและชมสถานที่แบบเป็นกันเอง

ทั้ง 10 ช่องยูทูบที่เราเลือกมาแนะนำในวันนี้ ต้องบอกเลยว่า มีสไตล์การเที่ยวที่หลากหลายจริง ๆ ทั้งเที่ยวคนเดียว เที่ยวกับเพื่อน หรือไปเป็นแก๊ง อีกทั้งแต่ละช่องก็มีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ทั้งการพากย์และการถ่ายทำรายการ หวังว่าทั้งสิบช่องยูทูบนี้จะช่วยคลายเหงาในช่วงที่ต้องหยุดอยู่บ้านยาว ๆ ได้นะคะ : )

ข้อมูลอัพเดทเมื่อวันที่ : 13/04/2020

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

20 เมนู อาหารยุโรป จานเด็ด

เรียนรู้วัฒนธรรมจากอาหาร : 20 เมนูอาหารจานเด็ดประเทศยุโรป

ถ้าพูดถึงประเทศในทวีปยุโรป หลาย ๆ ท่านคงนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยว สถาปัตยกรรม วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละท้องถิ่น รอให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ และอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย เมื่อไปท่องเที่ยวยังประเทศยุโรป ก็คือการได้ลิ้มรส อาหารยุโรป จานเด็ดหรืออาหารประจำชาติของแต่ละประเทศ ไม่เพียงแต่ได้สัมผัสรสชาติความอร่อย แต่อาหารยังบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนและวัฒนธรรมประจำชาติด้วย วันนี้ Allianz Travel ขออาสาพาผู้อ่านทุกท่าน ไปทำความรู้จักกับ 20 เมนูอาหารจานเด็ดของแต่ละประเทศในยุโรป ขอแนะนำว่า อย่าอ่านบทความนี้ตอนหิวเป็นอันขาด เตือนแล้วนะคะ : )

1. ขนมสตรูเดิ้ล (STRUDEL) ประเทศออสเตรีย

สตรูเดิ้ล เป็นขนมดั้งเดิมของชาวเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยปกติแล้วขนมสตรูเดิ้ลจะใส่ไส้ผลไม้หลากหลายชนิด แต่ที่นิยมอย่างมากคือแอปเปิ้ล ถ้าใครไปเที่ยวออสเตรียแล้ว ให้ลองสั่งด้วยคำว่า “Apfelstrudel” ดู และอย่าลืมเพิ่มความอร่อยด้วยการใส่ท้อปปิ้งเป็นวิปครีมหรือซอสวนิลาด้วยนะคะ

อาหารยุโรป : ขนมสตรูเดิ้ล (STRUDEL) ประเทศออสเตรีย

2. ขนมวาฟเฟิล (WAFFLE) ประเทศเบลเยี่ยม

ถ้านึกถึงวาฟเฟิล ก็ต้องนึกถึงประเทศเบลเยี่ยม เพราะที่นี่เป็นแหล่งกำเนิดวาฟเฟิล ก่อนที่จะนิยมอย่างแพร่หลายไปยังประเทศอื่น โดยปกติแล้วชาวเบลเยี่ยมจะนิยมกินวาฟเฟิลเป็นอาหารเช้ากัน ราดด้วยท้อปปิ้งอย่างวิปครีม น้ำเชื่อม สตอเบอร์รี่และช็อกโกแลต ไปถึงเบลเยี่ยมแล้ว อย่าลืมแวะกินต้นตำรับวาฟเฟิลกันนะคะ

อาหารยุโรป : ขนมวาฟเฟิล (WAFFLE) ประเทศเบลเยี่ยม

3. ข้าวคลุกหมึกดำ (BLACK RISOTTO) ประเทศโครเอเชีย

ข้าวคลุกหมึกดำ หรือ Black Risotto ได้รับความนิยมอย่างมากจากชาวโครเอเชีย ส่วนผสมหลักของข้าวคลุกหมึกดำก็คือปลาหมึกดองหรือปลาหมึกทั่วไป ผสมด้วยน้ำมันมะกอก กระเทียม ไวน์แดงและหมึกดำ ผัดให้เข้าที่กับข้าวสวยทั่วไป คนโครเอเชียมักจะเรียก Black Risotto ว่า “crnirizot” เพราะเป็นที่รู้กันว่า เมื่อกินเข้าไปแล้ว จะทำให้สีฟันเปลี่ยนเป็นสีดำ

อาหารยุโรป : ข้าวคลุกหมึกดำ (BLACK RISOTTO) ประเทศโครเอเชีย

4. ขนมปังเกี๊ยว (BREAD DUMPLINGS) ประเทศสาธารณรัฐเช็ก

ขนมปังเกี๊ยวฉบับดั้งเดิมของชาวเช็ก แตกต่างสิ้นเชิงกับเกี๊ยวจากเอเชีย เพราะขนมปังเกี๊ยวที่นี่ทำจากแป้งต้ม ยีสต์ ไข่ เกลือและนม เป็นหลัก ชาวเช็กทั่วไปจะสั่งขนมปังเกี๊ยวมากินคู่กับกูลาช (ซุปเนื้อ) โดยการจุ่มขนมปังเกี๊ยวเข้าไปในซุปเนื้อ รสชาติจะเข้ากันไหม ต้องลองไปชิมดูค่ะ : )

อาหารยุโรป : ขนมปังเกี๊ยว (BREAD DUMPLINGS) ประเทศสาธารณรัฐเช็ก

5. แซนวิชหน้าเปิด (SMØRREBRØD) ประเทศเดนมาร์ก

แซนวิชหน้าเปิด ของกินเลืองชื่อของประเทศเดนมาร์ก ตัวแซนวิชจะเป็นขนมปังข้าวไรย์ โปะหน้าแซนวิชด้วยไข่ ชีส เนื้อ และปลา หรือถ้าจะทำให้อลังการขึ้น อาจโปะด้วยกุ้งและไข่ปลาคาเวียร์ ขณะที่วิธีการกินแซนวิชหน้าเปิดแบบคนแดนิช จะใช้ซ้อมและมีดในการหั่นแซนวิชและใช้ซ้อมตักกิน แซนวิชหน้าเปิดถือเป็นอาหารที่ค่อนข้างแปลกสำหรับคนไทย ถ้าใครลองแล้ว มาบอกเราด้วยนะคะว่าอร่อยไหม ^^

อาหารยุโรป : แซนวิชหน้าเปิด (SMØRREBRØD) ประเทศเดนมาร์ก

6. หมูรมควันกับถั่ว (SMOKED PORK WITH BEANS) ประเทศลักแซมเบิร์ก

ถ้าไปเที่ยวประเทศลักแซมเบิร์ก หมูรมควันกับถั่วเป็นอาหารที่จะพบได้ทั่วไปหรือแทบทุกที่ทั่วประเทศ โดยปกติแล้วคนลักแซมเบิร์กจะทานหมูรมควันกับมันฝรั่งทอดเบคอน เสริฟ์คู่กับเบียร์ท้องถิ่นและไวน์ขาว ถ้าจะสั่งแบบคนท้องถิ่นก็อย่าลืมสั่งคู่พร้อมกับมันฝรั่งทอดเบคอนนะคะ

อาหารยุโรป : หมูรมควันกับถั่ว (SMOKED PORK WITH BEANS) ประเทศลักแซมเบิร์ก

7. ชีสฮาลูมี (HALLOUMI CHEESE) ประเทศไซปรัส

ชีสฮาลูมี เป็นอาหารขึ้นชื่อทั่วทั้งแทบตะวันออกกลางและประเทศกรีซ โดยเชื่อกันว่าต้นกำเนิดของชีสชนิดนี้มาจากประเทศไซปรัสเมื่อศตวรรษที่ 16 ส่วนผสมหลักของชีสฮาลูมีคือนมแกะและนมแพะ ทำให้ชีสชนิดนี้มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะแก่การนำไปย่างกินพร้อมด้วยเครื่องเคียงมากกว่าการอบหรือละลายชีส ในช่วงฤดูร้อน ชาวไซปรัสจะนิยมกินชีสฮาลูมีกับแตงโมเพื่อคลายร้อนกันค่ะ

อาหารยุโรป : ชีสฮาลูมี (HALLOUMI CHEESE) ประเทศไซปรัส

8. ขนมอบเพรทเซิล (PRETZELS) ประเทศเยอรมัน

ขนมเพรทเซิลถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ยุคกลางของยุโรป และเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในประเทศเยอรมัน ทุกวันนี้ ถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวที่เยอรมัน ให้ลองสังเกตตามร้านขนม ร้านอาหาร หรือเบียร์ฮอลล์ จะพบว่าเต็มไปด้วยขนมเพรทเซิลที่เสริฟ์พร้อมกับท้อปปิ้งต่าง ๆ ตั้งแต่แฮมและชีส ไปจนถึงเมล็ดฟักทอง หลาย ๆ คน ไปเที่ยวเยอรมันมักคิดถึงไส้กรอกและเบียร์ แต่ขนมเพรทเซิลก็ถือเป็นอีกหนึ่งอาหารที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ

อาหารยุโรป : ขนมอบเพรทเซิล (PRETZELS) ประเทศเยอรมัน

9. ไจรอส (GYROS) ประเทศกรีซ

ไจรอสอาหารประจำชาติเลืองชื่อของชาวกรีซ พบเห็นได้ตามร้านข้างทางทั่วไป ลักษณะของไจรอสจะคล้ายๆกับเคบับ แต่จะม้วนด้วยขนมปังเรียบ ไส้ข้างในขนมปัง จะมีทั้งหมู ไก่ เนื้อวัวและเนื้อแพะ พร้อมใส่เครื่องเคียงอาทิ มะเขือเทศ หัวหอม และที่ขาดไม่ได้ก็คือซอสซัดซีจี (Tzatziki) ซึ่งทำจากโยเกิร์ตและผักต่าง ๆ ใครเบื่อ สตรีทฟู้ดไทยแล้ว อยากลองสตรีทฟู้ดแบบยุโรปบ้าง ต้องลองทานไจรอสเลยค่ะ

อาหารยุโรป : ไจรอส (GYROS) ประเทศกรีซ

10. กูลาช (GOULASH) ของประเทศฮังการี

กูลาชเป็นซุปสตูว์สไตล์โฮมเมด แม่บ้านในอดีตนิยมเคี่ยวหม้อโต ๆ เพื่อเก็บไว้รับประทานหลายวัน ซึ่งเมื่อถึงวันท้าย ๆ เนื้อในซุปแทบจะละลายในปากเลยทีเดียว ส่วนใหญ่กูลาซปรุงด้วยสัตว์อย่างเนื้อวัว เนื้อหมู หรือเนื้อแกะ โดยเริ่มจากการหั่นเนื้อเป็นลูกเต๋านำไปคลุกเคล้ากับเกลือจากนั้นนำไปทอดกับหอมใหญ่เคี่ยวไฟอ่อน ๆ คลุกเคล้ากับเครื่องเทศและเติมน้ำซุปลงไปเคี่ยวไฟอ่อน จากนั้นปรุงรสเผ็ดด้วยปาปริก้าทั้งแบบสดและแบบป่นแล้วแต่สูตรเพิ่มความหอมมันด้วยครีม กูลาซรสเข้มข้นนิยมรับประทานคู่กับพาสต้า หากไปถึงฮังการีแล้วต้องสั่งมาชิมด่วน

อาหารยุโรป : กูลาช (GOULASH) ของประเทศฮังการี

11. สเกียร์ (SKYR) ประเทศไอซ์แลนด์

สเกียร์เป็นขนมหวานยอดฮิตของชาวไอซ์แลนด์ หลาย ๆ คนเมื่อได้ลองชิมแล้ว จะเข้าใจผิดว่าสเกียร์เป็นโยเกิร์ต เพราะทั้งรูปร่างหน้าตาและรสชาติคล้ายกับโยเกิร์ตมาก แต่แท้ที่จริงแล้วสเกียร์ทำมาจากชีสค่ะ สเกียร์เป็นขนมหวาน (หรืออาหารเช้า) ที่จะเสิร์ฟพร้อมนมและโรยด้วยท้อปปิ้งหลากหลายชนิด เช่น ขนมและผลไม้

อาหารยุโรป : สเกียร์ (SKYR) ประเทศไอซ์แลนด์

12. ไอริชสตูว์ (IRISH STEW) ประเทศไอร์แลนด์

ถึงแม้ว่าประเทศไอร์แลนด์จะมีชื่อเสียงด้านการเสิร์ฟมันฝรั่งบนมื้ออาหารเป็นหลัก แต่อาหารที่ขึ้นชื่อของชาวไอริชก็คือสตูว์ ซึ่งเป็นซุปที่ประกอบด้วยชิ้นเนื้อแกะ มันฝรั่งหัวหอมและผักชีฝรั่ง และบางครั้งอาจใส่เนย Guinness ลงไปด้วย อย่างไรก็ตามสตูว์ของชาวไอริชได้มีการปรับเปลี่ยนสูตรจากเดิม เมื่อชาวไอริชจำนวนมากอพยพไปประเทศสหรัฐอเมริกาในศตวรรษที่ 19 และไม่สามารถหาเนื้อแกะมาใส่ได้ จึงแทนที่ด้วยเนื้อวัว และส่วนผสมอื่น ๆ ถ้าจะสั่งไอริชสตูว์แล้ว ก็อย่าลืมเช็กให้แน่ใจนะคะว่าเป็นแบบดั้งเดิมหรือเปล่า

อาหารยุโรป : ไอริชสตูว์ (IRISH STEW) ประเทศไอร์แลนด์

13. เกี๊ยวเซปเปลินาย (CEPELINAI) ประเทศลิธัวเนีย

เซปเปลินายคือเกี๊ยวชิ้นใหญ่รูปทรงคล้ายไข่ที่ทำจากมันฝรั่งดิบขูดและมันฝรั่งต้ม และมีไส้ในเป็นเนื้อบด เห็ดและลิ่มน้ำนม เซปเปลินายจะเสิร์ฟคู่พร้อมกับซอสครีมเปรี้ยวและเบคอนทอด เซปเปลินายเป็นชื่อของเรือเหาะ ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปร่างทรงไข่ ชาวลิธัวเนียจึงเรียกเกี๊ยวชนิดนี้ตามว่า เซปเปลินาย

อาหารยุโรป : เกี๊ยวเซปเปลินาย (CEPELINAI) ประเทศลิธัวเนีย

14. สโตรปวาฟเฟิล (STROOPWAFEL) ประเทศเนเธอร์แลนด์

สโตรปวาฟเฟิลของเนเธอร์แลนด์ค่อนข้างแตกต่างจากวาฟเฟิลของเบลเยี่ยมพอสมควร เพราะวาฟเฟิลที่นี่จะเป็นวาฟเฟิลที่เหมือนแซนวิช มีน้ำเชื่อมคาราเมลเป็นไส้ตรงกลางบาง ๆ นำวาฟเฟิล 2 ชิ้นประกับเข้าด้วยกัน พร้อมใส่ท้อปปิ้งอย่างน้ำผึ้ง ผลเบอร์รี่และช็อกโกแลต สโตรปวาฟเฟิลมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า ขนมรังผึ้ง เพราะรูปร่างภายนอกที่คล้ายรังผึ้ง คนเนเธอแลนด์มักจะทานสโตรปวาฟเฟิล พร้อมด้วยชาร้อน ๆ ก่อนที่จะเริ่มมื้ออาหารเช้า

อาหารยุโรป : สโตรปวาฟเฟิล (STROOPWAFEL) ประเทศเนเธอร์แลนด์

15. เกี๊ยวครึ่งวงกลม (PIEROGI) ประเทศโปแลนด์

Pierogi หรือเกี๊ยวขนาดครึ่งวงกลมที่ทำจากเส้นโด เป็นอาหารประจำชาติของชาวโปแลนด์ โดยปกติแล้ว Pierogi จะยัดไส้ด้วยนมสด มันฝรั่งต้มและหัวหอมทอด นอกจากนี้ยังสามารถใส่กระหล่ำปลีเปรี้ยว เนื้อบด และชีสเข้าไปในไส้ได้อีกด้วย ถ้าใครอยากไปลองชิม Pierogi แนะนำให้ไปช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี เพราะจะมีเทศกาล Pierogi ซึ่งชาวโปแลนด์จะมาออกร้านขาย Pierogi กันอย่างครึกครื้น

อาหารยุโรป : เกี๊ยวครึ่งวงกลม (PIEROGI) ประเทศโปแลนด์

16. ทาร์ตไข่โปรตุเกส (PASTEIS DE NATA)

หลาย ๆ คนคงเคยลองทานทาร์ตไข่กันแล้ว แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าทาร์ตไข่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศโปรตุเกส ทาร์ตไข่ หรือที่ชาวโปรตุเกสเรียกว่า Pastel de nata ทำมาจากแป้งกรุเป็นขอบแล้วเทไข่ผสมน้ำตาลหยอดในตัวขนม จากนั้นจึงนำไปอบอีกที ทาร์ตไข่มีต้นกำเนิดในศตวรรษที่ 19 จากโบสถ์คาทอลิกในเมืองลิสบอน เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี บาทหลวงจึงได้คิดค้นเมนูทาร์ตไข่ขึ้นมาเพื่อขายให้แก่ชาวเมือง และหารายได้เข้าโบสถ์ ถ้ามาถึงโปรตุเกสแล้ว ไม่ได้ลองทานทาร์ตไข่เท่ากับมาไม่ถึงนะคะ ^^

อาหารยุโรป : ทาร์ตไข่โปรตุเกส (PASTEIS DE NATA)

17. กะหล่ำปลีห่อ (CABBAGE ROLLS) ประเทศโรมาเนีย

กะหล่ำปลีห่อเรียกในภาษาโรมาเนียว่า “Sarmale” ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นประจำชาติของชาวโรมาเนีย ถ้าไปเที่ยวที่โรมาเนียแล้ว จะพบเห็นได้ทั่วไปตามภัตตาคารและร้านข้างทาง กะหล่ำปลีห่อไส้ในจะประกอบไปด้วยชิ้นเนื้อ ข้าว เครื่องเทศ และห่อด้วยใบกะหล่ำปลี นำไปต้มในน้ำซอสสูตรพิเศษหลายชั่วโมง เพื่อให้กะหล่ำปลีนุ่มและน่ารับประทานยิ่งขึ้นค่ะ

อาหารยุโรป : กะหล่ำปลีห่อ (CABBAGE ROLLS) ประเทศโรมาเนีย

18. ปาเอญ่า (PAELLA) ประเทศสเปน

ปาเอญ่า อาหารประจำชาติของชาวสเปน คือข้าวผัดหรือข้าวอบสไตล์สเปนที่ใช้ข้าวสารดิบ ๆ ปรุง โดยเมล็ดข้าวที่ใช้ในการปรุงจะมีลักษณะเป็นเม็ดอ้วนป้อม ๆ คล้ายกับข้าวญี่ปุ่นอยู่สักหน่อย นิยมใส่เนื้อไก่และซีฟู้ดอย่างกุ้ง หอย ปลาหมึก โดยเริ่มจากผัดเนื้อสัตว์กับเครื่องเทศจากนั้นปรุงข้าวกับน้ำซุปต้มกระดูกจนได้ที่แล้วตกแต่งหน้าด้วยกุ้งและหอยตัวอ้วน ๆ น่ารับประทาน ข้าวผัดสเปนจะมีเนื้อสัมผัสกรุบ ๆ ไม่เหมือนกับข้าวผัดที่ใช้ข้าวปรุงสุก

อาหารยุโรป : ปาเอญ่า (PAELLA) ประเทศสเปน

19. ซุปบัลกาเรีย (SOUP) ประเทศบัลกาเรีย

ซุปเป็นอาหารที่พบได้ทั่วไปในชีวิตประจำวันของคนบัลกาเรีย แต่ “ซุป” ของบัลกาเรีย อาจไม่เหมือนที่ไทยเท่าไหร่นะคะ เพราะเราอาจคุ้นชินกับซุปน้ำใสที่ผ่านการเคี่ยวเป็นเวลานาน แต่ที่บัลกาเรีย ซุปจะทำจากส่วนผสมของโยเกิร์ตเป็นหลัก ใส่แตงกวา กระเทียม ผักชี และวอลนัทเข้าไป ถ้าอยากรู้ว่าซุปที่ทำจากโยเกิร์ตจะเป็นอย่างไร ไปบัลแกเรียแล้ว ห้ามพลาดเด็ดขาดเลยค่ะ

อาหารยุโรป : ซุปบัลกาเรีย (SOUP) ประเทศบัลกาเรีย

20. ฟองดูต์ (FONDUE) ประเทศสวิซเซอร์แลนด์

ถ้าพูดถึงประเทศสวิซเซอร์แลนด์แล้ว ชีสสวิสต้องเป็นอาหารอย่างแรกที่จะนึกถึงแน่ๆ เพราะที่นี่ มีชีสให้เลือกรับประทานมากมายหลากหลายชนิด ฟองดูต์คือการตั้งหม้อที่มีไฟร้อน ๆ แล้วนำชีสมาละลายลงไปในหม้อ จากนั้นนำขนมปังและเนื้อสัตว์จุ่มลงไป ซึ่งฟองดูต์ถือเป็นอาหารประจำชาติของชาวสวิสเลยก็ว่าได้ ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน ฟองดูต์ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ความสามัคคีของชาวสวิสอีกด้วยค่ะ

อาหารยุโรป : ฟองดูต์ (FONDUE) ประเทศสวิซเซอร์แลนด์

เป็นไงบ้างค่ะ กับ 20 เมนูอาหารจานเด็ดของแต่ละประเทศในทวีปยุโรป อ่านเสร็จแล้ว หิวข้าวเลยใช่ไหมค่ะ เมนูอาหารประจำชาติที่เราพาไปดูในครั้งนี้ ต้องบอกเลยว่าไม่ใช่แค่เรื่องรสชาติความอร่อยเท่านั้นนะคะ แต่ยังแฝงไปด้วยวัฒนธรรม ประเพณี และประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศอย่างช้านาน การไปลิ้มรสชาติและสัมผัสอาหารประจำชาติ ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เราเข้าใจ และเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ ได้เร็วยิ่งขึ้นค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : The Best Traditional Food in 30 European Countries

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

พาลูกขึ้นเครื่องบินอย่างไร ให้ราบรื่นตลอดทาง

เมื่อต้องเดินทางไกลไปต่างประเทศ การเดินทางด้วยเครื่องบินนับเป็นวิธีการเดินทางที่รวดเร็วและสะดวกที่สุด แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ต้องพาลูกน้อยขึ้นเครื่องบินด้วยแล้ว หลายท่านอาจเกิดความกังวลใจขึ้นมาว่าลูกน้อยจะสร้างความรำคาญให้แก่ผู้โดยสารคนอื่น ๆ แถมการเดินทางด้วยเครื่องบินอาจทำให้ลูกเหนื่อยล้าจากการเดินทาง และเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกด้วยค่ะ วันนี้ Allianz Travel มีเคล็ด (ไม่) ลับ ในการพาลูกขึ้นเครื่องบินให้ราบรื่นมาฝากค่ะ จะต้องเตรียมอะไรบ้าง มีขั้นตอนปฏิบัติอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ

ข้อควรรู้ก่อนพาลูกออกเดินทาง

ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าเด็กขึ้นเครื่องบินได้ตั้งแต่อายุกี่เดือน หรือกี่ขวบ และมีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง บางคนอาจเข้าใจผิดว่า ต้องรอให้ลูกอายุครบหนึ่งหรือสองขวบก่อน ถึงจะขึ้นเครื่องบินได้ ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว บางสายการบินอนุญาตให้เด็กทารกที่มีอายุตั้งแต่ 14 วันขึ้นไปสามารถขึ้นเครื่องบินได้ แต่บางสายการบินอาจอนุญาตให้เพียงแค่ 7 วัน ก็ขึ้นเครื่องบินได้แล้วค่ะ นอกจากนี้ ถ้าเด็กอายุยังไม่ถึง 2 ปีบริบูรณ์ ส่วนใหญ่แล้วสายการบินจะอนุญาตให้นั่งตักผู้โดยสารผู้ใหญ่ได้ โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อที่นั่งเพิ่มอีกที่ แต่อาจเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเล็กน้อย ขณะที่ถ้าเป็นเด็กอายุ 2 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป จะมีอัตราค่าโดยสารเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ หรือบางสายการบินก็จะคิดอัตราพิเศษค่ะ

เมื่อรู้แล้วว่าอายุเท่าไหร่ถึงขึ้นเครื่องบินได้ และต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มไหม ก็ถึงเวลามาดู 5 เคล็ด (ไม่) ลับพาลูกขึ้นเครื่องบินกันค่ะ

1.เลือกไฟลท์บินใกล้เคียงเวลานอนเด็ก

เคล็ดลับง่าย ๆ เลยสำหรับการพาลูกขึ้นเครื่องบินก็คือการเลือกไฟลท์บินให้ใกล้เคียงกับเวลานอนของลูกให้ได้มากที่สุด เช่น ถ้าปกติลูกนอนเวลาสามทุ่ม ก็ควรเลือกเที่ยวบินให้ใกล้เคียง อาจจะก่อนสามทุ่มเล็กน้อย เผื่อเวลาให้เครื่องบินผ่านการปรับความกดอากาศก่อน จะได้ไม่มีเสียงรบกวนหรือหูอื้อที่อาจทำให้ตื่นกลางคัน

2.เลือกที่นั่งให้เหมาะกับเด็ก

การเลือกที่นั่งบนเครื่องบินเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณพ่อคุณแม่มีโอกาสเลือกที่นั่งในช่วงการจองตั๋ว แนะนำให้เลือกที่นั่งติดริมทางเดิน ที่นั่งใกล้ห้องน้ำ หรือที่นั่งที่สามารถยืดขาได้และไม่มีเก้าอี้แถวด้านหน้า การเลือกที่นั่งเหล่านี้ จะไม่เป็นการรบกวนผู้โดยสารคนอื่น ๆ ถ้าหากต้องลุกมาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกน้อย หรือถ้าต้องลุกมาเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ นอกจากนี้ บางสายการบินจะมีที่นั่งแนะนำให้คุณแม่ที่เดินทางกับลูกน้อยโดยเฉพาะด้วยค่ะ

3.เตรียมของใช้ที่จำเป็น

เมื่ออยู่บนเครื่องบินแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับลูกน้อย สิ่งของเหล่านี้ต้องพกติดตัวขึ้นเครื่องบิน ไม่ควรโหลดใต้ท้องเครื่อง สิ่งของจำเป็นที่ต้องเตรียม อาทิ ขวดนม นมผง น้ำร้อน ผ้าอ้อม แพมเพิร์ส ทิชชู่เปียก และที่สำคัญคือ ถุงพลาสติก สำหรับเหตุฉุกเฉินเมื่อลูกเกิดการอาเจียนและอ้วกบนเครื่องบินเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศระหว่างเครื่องกำลังขึ้น นอกจากนี้ ควรพกพวกของเล่นเด็กไปด้วย เผื่อลูกไม่หลับ และเบื่อกับการนั่งเครื่องนาน ๆ อย่างน้อย การมีของเล่นสักชิ้น สองชิ้น ก็คลายเบื่อ และทำให้ลูกไม่งอแงได้แล้วค่ะ

4.เตรียมของกินไม่ให้เด็กหิว

อีกเคล็ดลับที่สำคัญมาก ๆ คือ อย่าปล่อยให้ลูกหิวเด็ดขาด เพราะถ้าหิวขึ้นมาแล้วละก็ งอแงและร้องลั่นเครื่องแน่ ๆ เราสามารถเตรียมพร้อมเรื่องนี้ได้ โดยการเตรียมนมและอาหารให้เพียงพอและตรงตามเวลาที่ลูกกินเป็นประจำ โดยของเหลวทั้งอาหารและนมของเด็ก สายการบินอนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องได้ค่ะ
เมื่อพูดถึงเรื่องกินแล้ว อีกเรื่องที่ควรระวังมาก ๆ คือ ไม่ควรให้เด็กกินอิ่มเกินไปก่อนขึ้นเครื่องหรือระหว่างอยู่บนเครื่อง เพราะอาจอาเจียนได้

5.เตรียมรับมือกับแรงกดอากาศ

เรื่องสุดท้ายที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ก็คือ อาการหูอื้อจากแรงกดอากาศขณะเครื่องบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและกำลังลงจอดบนรันเวย์ ขนาดผู้ใหญ่อย่างเรายังมีอาการหูอื้อเลย เพราะฉะนั้นแล้วเด็ก ๆ ต้องเตรียมการรับมือเป็นพิเศษ โดยวิธีป้องกันอาการหูอื้อมีด้วยกันหลายวิธี วิธีแรกคือการใช้ที่อุดหู (ตามร้านอุปกรณ์กีฬา) อีกวิธีคือการให้ เด็ก ๆ ดื่มน้ำ นม หรือทานอาหารระหว่างที่เครื่องบินขึ้นและลง ถ้าเด็กกินอาหารไม่ลง ก็ลองเปลี่ยนให้ทานขนมขบเคี้ยวดู เพราะการทานอาหาร ขนมหรือน้ำ ทำให้เด็กต้องกลืนน้ำลายซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการหูอื้อได้ค่ะ

เพื่อที่จะให้การเดินทางราบรื่นตลอดไฟล์ท การวางแผนพาลูกขึ้นเครื่องบินจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพียงทำตาม 5 เคล็ด (ไม่) ลับที่แนะนำไป แค่นี้ก็สามารถคลายกังวลได้แล้วค่ะ

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

เรียนต่อต่างประเทศอย่างอุ่นใจ ด้วยประกันภัยการเดินทาง OVERSEAS STUDENT CARE

เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายนเป็นช่วงเวลาเตรียมตัวสมัครสอบสำหรับคนที่อยากไปศึกษาต่อต่างประเทศ และต้องเตรียมสิ่งที่จำเป็นอีกหลายอย่างในการเดินทางไปศึกษาต่อ ไม่ว่าจะเป็นการขอวีซ่านักเรียน ติดต่อที่พัก ซื้อตั๋วเครื่องบิน และสิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลย ก็คือ หาประกันภัยการเดินทางที่มีความคุ้มครองครอบคลุมตลอดระยะเวลาที่ศึกษาต่อต่างประเทศ เพราะมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มักแนะนำให้ทำประกันภัยการเดินทางไปด้วย ซึ่งสาเหตุก็เพราะว่าหลายประเทศไม่มีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือหลักประกันสุขภาพที่ครอบคลุมนักศึกษาต่างชาติ ดังนั้นหากเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้ว เราก็อาจเสียค่าใช้จ่ายมากมายตั้งแต่หลักหมื่นไปยันหลักล้าน Allianz Travel จึงขอนำเสนอแผนประกันภัยการเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ Overseas Student Care ที่พร้อมเคียงข้างคุณในทุกช่วงเวลาของการเรียนรู้

OVERSEAS STUDENT CARE

Overseas Student Care เป็นแผนประกันภัยการเดินทางที่เหมาะสำหรับนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่จะไปศึกษาต่อต่างประเทศโดยไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพก่อน แผน Overseas Student Care มอบความคุ้มครองที่เหมาะสมกับการเรียนรู้และการใช้ชีวิต ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทุกเหตุการณ์ที่คุณไม่คาดคิด ทั้งอุบัติเหตุและสุขภาพ คุณสามารถใช้ได้กับทุกโรงพยาบาล และเครือข่ายช่วยเหลือฉุกเฉินทั่วโลกที่ให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมด้วยทีมงานที่สามารถสื่อสารได้หลายภาษา ที่พร้อมเป็นสื่อกลาง เพื่อความอุ่นใจของนักเรียนและผู้ปกครองในยามห่างไกล ที่สำคัญ เมื่อผู้เอาประกันภัยเจ็บป่วยกะทันหันระหว่างเรียน แผน Overseas Student Care ก็มอบความคุ้มครองชดเชยการสูญเสียค่าเล่าเรียนด้วย นอกจากนี้ยังมีผลประโยชน์อื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อความอุ่นใจที่มากขึ้น เช่น การสูญหายหรือความเสียหายของกระเป๋าเดินทางหรือทรัพย์สินส่วนตัวในระหว่างการใช้บริการของบริษัทขนส่งสาธารณะ

การทำประกันภัยการเดินทางก่อนไปศึกษาต่อต่างประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ถึงแม้ว่าเราจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่ค่อยได้เจ็บไข้ได้ป่วยง่าย ๆ หรือดูแลตัวเองเพียงพอแล้ว ไม่น่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไร และคิดว่าประกันภัยการเดินทางไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่ต้องเสียเงินซื้อเลย แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ การทำประกันภัยการเดินทางด้วยเงินไม่กี่บาท ก็คุ้มค่ากับผลประโยชน์มากมายที่เราจะได้รับ กันไว้ก่อนแก้ แค่นี้ก็อุ่นใจ เรียนได้อย่างหายห่วงแล้วค่ะ

สิทธิประโยชน์สุดคุ้ม OVERSEAS STUDENT CARE

  • ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุและเจ็บป่วยในต่างประเทศ สูงสุด 5,500,000 บาท*
  • ค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องในประเทศไทย (ภายใน 12 ชั่วโมง) สูงสุด 550,000 บาท*
  • ค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทย กรณีเดินทางกลับบ้านเป็นการชั่วคราว สูงสุด 200,000 บาท*
  • การเคลื่อนย้ายฉุกเฉินทางการแพทย์ สูงสุด 5,500,000 บาท*
  • ผลประโยชน์ชดเชยการสูญเสียค่าเล่าเรียน สูงสุด 300,000 บาท*
  • ชดเชยค่ารักษาพยาบาล ไม่ต้องสำรองจ่าย
  • ไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพ*
  • คุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมง
  • มีเครือข่ายให้ความช่วยเหลือมากกว่า 400,000 แห่งทั่วโลก
  • ดูแลคุณได้ทันที อุ่นใจเหมือนอยู่บ้าน

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

พิเศษสุด ! ซื้อวันนี้ รับฟรี บัตรกำนัล STARBUCKS มูลค่า 1,200 บาท หมดเขต 30 เม.ย. 2563

ลงทะเบียนรับสิทธิ์ คลิกเลย

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

เจ็บป่วยที่สหรัฐอเมริกา เสียค่ารักษาพยาบาลเท่าไหร่?

สำหรับคนที่กำลังวางแผนไปประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเพื่อเที่ยว ทำงาน เรียนต่อ หรือวัตถุประสงค์อะไรก็ตาม เรื่องสุขภาพคงเป็นเรื่องหนึ่งที่กำลังกังวลใจอยู่แน่ ๆ เพราะถ้าเจ็บป่วยขึ้นมาแล้ว ค่ารักษาพยาบาลคงไม่ใช่น้อยๆ วันนี้ Allianz Travel จึงขอพาผู้อ่านมาทำความรู้จักเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เจ็บป่วยต้องเสียค่ารักษาพยาบาลเท่าไหร่ ตามไปดูกันเลยค่ะ

ระบบประกันสุขภาพสหรัฐอเมริกา

ก่อนอื่นเลย เรามาทำความรู้จักระบบประกันสุขภาพของประเทศสหรัฐอเมริกากันก่อน โดยพื้นฐานแล้วที่นี่จะไม่มีหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (Universal Healthcare) เหมือนที่ประเทศไทยค่ะ ประกันสุขภาพที่รัฐบาลมีให้มีเพียงสองโครงการเท่านั้นคือ Medicare และ Medicade โดย Medicare จะเป็นหลักประกันสังคมที่คุ้มครองผู้สูงอายุที่เกษียณ และอายุ 65 ปีขึ้นไปเท่านั้น โดยจะได้รับความคุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่ายา และอื่นๆ ก็ต่อเมื่อเคยทำงานและจ่ายเงินสมทบ 10 ปีขึ้นไป ส่วนคนที่ทำงานและจ่ายเงินสมทบไม่ถึง 10 ปี ก็ต้องออกค่าใช้จ่ายอย่างอื่นเพิ่มเติม ขณะที่โครงการ Medicade จะเป็นประกันสำหรับคนยากจนเท่านั้น โดยมีรัฐบาลส่วนกลาง มลรัฐ และท้องถิ่นร่วมกันออกค่าใช้จ่ายให้ และมลรัฐมีหน้าที่บริหารจัดการโครงการนี้ การจะได้รับคัดเลือกให้เข้าสู่โครงการ จะใช้เกณฑ์รายได้เป็นตัวตั้ง ซึ่งแต่ละมลรัฐก็จะมีเกณฑ์แตกต่างกันไป รวมถึงค่ารักษาพยาบาลที่ครอบคลุมก็จะแตกต่างกันไปด้วยค่ะ

สรุปแล้ว หลักประกันสุขภาพของสหรัฐอเมริกาจะคุ้มครองเพียงคนยากจนและผู้สูงอายุเท่านั้น ส่วนวัยทำงาน หรือบุคคลทั่วไป จะไม่มีระบบประกันสุขภาพให้ ประชาชนทั่วไปต้องซื้อประกันสุขภาพจากบริษัทเอกชนตามกำลังและรายได้ของตนเอง และค่าประกันอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน หรือ 120,000 บาทต่อปี

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณในการรักษาพยาบาลที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

สำหรับคนไทยที่กำลังเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเพื่อเที่ยว ศึกษาต่อ หรือทำธุรกิจต่าง ๆ ค่ารักษาพยาบาลไม่ได้แตกต่างจากคนท้องถิ่นมากนัก ด้านล่างนี้คือค่าใช้จ่ายโดยประมาณสำหรับการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

  1. เรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน ค่าใช้จ่ายเริ่มที่ 16,000 บาท หรือ 500 ดอลลาร์สหรัฐ
  2. พบแพทย์ฉุกเฉิน ค่าใช้จ่ายเริ่มที่ 4,800 – 96,000 บาท หรือ 150 – 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ
  3. นอนโรงพยาบาล 1 คืน ค่าใช้จ่ายเริ่มที่ 160,000 บาท หรือ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ
  4. พบแพทย์ทั่วไป ค่าใช้จ่ายเริ่มที่ 3,200 – 6,400 บาท หรือ 100-200 ดอลลาร์สหรัฐ
  5. MRI ค่าใช้จ่ายเริ่มที่ 32,000 – 160,000 บาท หรือ 1,000 – 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ
  6. X-ray ค่าใช้จ่ายเริ่มที่ 4,800 – 96,000 บาท หรือ 150 – 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ
  7. ตรวจเลือด ค่าใช้จ่ายเริ่มที่ 3,200 – 96,000 บาท หรือ 100 – 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ
  8. แขนหัก ค่าใช้จ่ายเริ่มที่ 16,000 บาท หรือ 500 ดอลลาร์สหรัฐ ถ้าต้องผ่าตัดเริ่มที่ 224,000 – 320,000 บาท หรือ 7,000 – 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ
  9. ขาหัก ค่าใช้จ่ายเริ่มที่ 80,000 บาท หรือ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ ถ้าต้องผ่าตัดเริ่มที่ 544,000 – 1,120,000 บาท หรือ 17,000 – 35,000 ดอลลาร์สหรัฐ

จากรายการข้างต้น เราจะเห็นได้ว่าค่ารักษาพยาบาลที่ประเทศสหรัฐอเมริกาถือว่าแพงเอาเรื่องเลยค่ะ เมื่อเทียบกับประเทศไทยหรือประเทศอื่น ๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสหรัฐอเมริกาได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่คุณภาพและความเชี่ยวชาญในการรักษาพยาบาลสูง ทำให้ต้องจ่ายค่าบุคคลากรทางการแพทย์แพง และค่ายาที่นี่ก็แพงเช่นเดียวกัน เมื่อเจ็บป่วย เข้ารับการรักษา จึงทำให้เสียค่าใช้จ่ายแพงค่ะ

หลายคนคงสงสัยว่า ถ้าค่ารักษาพยาบาลแพงแบบนี้ มีทางเลือกอื่นที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายไหม ? คำตอบก็คือ ถ้าเป็นบุคคลทั่วไป นักท่องเที่ยว หรือนักศึกษาที่ไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกาชั่วคราว ประกันภัยการเดินทางสำหรับท่องเที่ยวหรือศึกษาต่อ ถือเป็นตัวเลือกน่าสนใจที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ เพราะเพียงทำประกันภัยการเดินทางเพียงหลักร้อยหรือหลักพัน ก็ได้รับความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลหลักล้านแล้วค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูล
How Much Does Healthcare Cost in the USA
ระบบหลักประกันสุขภาพในประเทศไทยและสหรัฐฯ

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา