7 Places of The Northern Light

7 สถานที่ ตามล่าแสงเหนือ ปรากฎการณ์ธรรมชาติมหัศจรรย์

ตามล่าแสงเหนือ เป็นหนึ่งกิจกรรมที่น่าจะอยู่ในลิสต์การเดินทางครั้งหนึ่งในชีวิตของใครหลายๆ คน แสงเหนือหรือออโรรา (Aurora) ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เป็นแสงเรืองรองสีแปลกๆ เป็นแถบสีต่างๆ บนท้องฟ้าในเวลากลางคืน เกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศของโลก ที่ระดับความสูงเหนือพื้นดิน 100-300 เมตร แสงออโรรามีหลายสี ทั้งสีเขียว ฟ้า ชมพู เหลือง และม่วง แต่สีที่เห็นได้บ่อยที่สุดคือสีเขียวและเหลือง

เราสามารถมองเห็นแสงเหนือได้ในช่วงเวลาที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งในฤดูหนาวคืนเดือนมืด แต่ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นมีความไม่แน่นอน บางครั้งถึงแม้ว่าสภาพอากาศจะได้ แต่เราก็อาจไม่เห็นแสงเหนือเลยก็ได้ นอกจากนี้ เราสามารถใช้แอพ Sky Guide ในการค้นหาคืนที่มืดของสถานที่ที่อาจจะเกิดแสงเหนือได้ และวันนี้ Allianz Travel ได้นำข้อมูลสถานที่ที่จะทำให้เราพบกับแสงเหนือมาฝากทุกคนกันค่ะ ไปดูกันเลยว่ามีที่ไหนกันบ้าง

1. เมือง Reykjavík ประเทศ Iceland

ถึงแม้จะไม่ใช่ฤดูกาลที่มีแสงเหนือ Iceland ก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีธรรมชาติสวยงาม แต่สิ่งที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือการที่มีจุดชมแสงเหนือที่สวยงามและชัดเจน โดยจุดที่ดีและเป็นที่นิยมที่สุดคือ The Grotta Lighthouse บริเวณชานเมือง Reykjavík

ช่วงเวลาที่ควรออกล่าแสงเหนือ : ปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนเมษายน

Iceland

2. เมือง Fairbanks รัฐ Alaska ประเทศสหรัฐอเมริกา

Fairbanks เป็นจุดชมความงามของแสงเหนือที่ดีที่สุดในสหรัฐอมริกา อยู่ใกล้สนามบินนานาชาติและใกล้กับอุทยานแห่งชาติ Denali (Denali National Park) นอกจากนี้เมือง Fairbanks ยังมีระบบพยากรณ์ของตัวเอง และให้บริการทัวร์เพื่อพานักท่องเที่ยวออกนอกเมือง เพื่อไป ตามล่าแสงเหนือ


ช่วงเวลาที่ควรออก ตามล่าแสงเหนือ : ปลายเดือนสิงหาคมถึงกลางเดือนเมษายน

Fairbanks, Alaska, United States

3. เมือง Yellowknife ประเทศ Canada

แคนาดาเป็นสวรรค์แห่งการชมแสงเหนือ ด้วยละติจูดเหนือและมีมลพิษทางแสงน้อย จุดชมแสงเหนือในประเทศแคนาดาอยู่บริเวณรอบทะเลสาบ Prosperous ในเมืองเยลโลไนฟ์ นอกจากนี้ยังมีสถานที่อื่นๆ ที่ชมแสงเหนือได้ เช่น อุทยานแห่งชาติ Wood Buffalo และ Jasper


ช่วงเวลาที่ควรออกล่าแสงเหนือ : กลางเดือนสิงหาคมถึงปลายเดือนเมษายน

Canada

4. ตามล่าแสงเหนือ เมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์

เมืองทรุมเซอที่อยู่ทางตอนเหนือของนอร์เวย์ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีอีกแห่งหนึ่ง เมืองนี้อยู่ห่างขั้วโลกเหนือเพียง 217 ไมล์ ทำให้สามารถเห็นแสงเหนืออันตระการตาจากหมู่บ้าน Ersfjordbotn ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอ 12 ไมล์ 


ช่วงเวลาที่ควรออกล่าแสงเหนือ : กลางเดือนกันยายนถึงปลายเดือนมีนาคม

Norway

5. ตอนเหนือของประเทศสวีเดนและฟินแลนด์

เนื่องจากตอนเหนือของประเทศสวีเดนและฟินแลนด์อยู่ในบริเวณที่ใกล้กันเมือง Kiruna ทางตอนเหนือสุดของสวีเดนเป็นประตูสู่สถานที่ท่องเที่ยว และอุทยานแห่งชาติ Abisko เป็นจุดชมแสงเหนือของสวีเดน ขณะที่ฟินแลนด์อยู่ที่เมือง Rovaniemi แต่ถึงแม้ทั้งสองประเทศจะมีอากาศที่มีเสถียรภาพมากกว่าชายฝั่งนอร์เวย์มาก แต่ก็หนาวกว่าด้วย

ช่วงเวลาที่ควรออกล่าแสงเหนือ : กลางเดือนกันยายนถึงปลายเดือนมีนาคม

Sweden
Finland

6. ตามล่าแสงเหนือ ประเทศกรีนแลนด์

เราสามารถชมแสงเหนือได้แทบจะทุกจุดของประเทศกรีนแลนด์ โดยทางทางใต้จะเห็นแสงเหนือที่สวยงาม ที่บริเวณธารน้ำแข็ง Qaleraliq เรียกได้ว่าแค่เดินทางไปชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของกรีนแลนด์ก็ซื้อว่าเป็นการเดินทางที่คุ้มค่ามาก


ช่วงเวลาที่ควรออกล่าแสงเหนือ : กลางเดือนสิงหาคมถึงปลายเดือนเมษายนทางใต้

7. ตามล่าแสงเหนือ เมือง Murmansk ประเทศรัสเซีย

เมือง Murmansk ที่อยู่ใกล้กับ The Kola Peninsula ทางตอนเหนือของประเทศรัสเซีย เป็นอีกจุดที่มีโอกาสจะได้พบแสงเหนือสูง แต่อากาศหนาวจัดมาก เราจึงควรวางแผนและเตรียมตัวให้ดี เพราะแสงเหนือที่นี่ก็สวยงามไม่แพ้ที่อื่นเลย

ช่วงเวลาที่ควรออกล่าแสงเหนือ : ปลายเดือนกันยายนถึงสิ้นเดือนมีนาคม

Murmansk, Russia

แสงเหนือในแต่ละสถานที่ มีความสวยงามแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และฤดูการในการออกล่าแสงเหนือ ที่สำคัญหลายคนเชื่อว่าเราต้องพกดวงไปด้วยถึงจะได้ชมความสวยงามจากแสงเหนือ 🙂 ยังไงก็แล้วแต่ก่อนที่เราจะเดินทางออกล่าแสงเหนือ เราควรศึกษาข้อมูลการเดินทางของสถานที่ต่างๆ ในประเทศที่เราต้องการเดินทางไป ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะเดินทาง พร้อมกับเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง และสิ่งสำคัญที่เราควรมีทุกครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศ คือ ประกันภัยการเดินทาง ที่จะช่วยให้แผนการเดินทางของเราไม่สะดุด สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ให้ความคุ้มครองครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน*

เลือกแผนประกันภัยการเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ คลิกเลย!!

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : NATIONAL GEOGRAPHIC

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

7 Tips Traveling Alone

7 เคล็ดลับลุยเดี่ยว เที่ยวคนเดียวให้ปลอดภัย

บางครั้งการวางแผนเที่ยวเป็นกลุ่มอาจต้องประสบความยุ่งยาก ล่าช้า รอกันไปรอกันมา ทำให้บางคนที่มีความพร้อมเพียงพอตัดสินใจออกเดินทางคนเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่ว่ายากมากจนเราทำไม่ได้ นอกจากต้องมีเรื่องความกล้ามาก่อนแล้ว สิ่งสำคัญคือเราจะต้องวางแผนเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทาง Allianz Travel ขอนำ 7 เคล็ดลับลุยเดี่ยว ออกท่องเที่ยวคนเดียวให้สนุก ปลอดภัย ไม่น่ากลัว

1. การเปิดใจและตัดความกลัวออกไป

เราอย่าเพิ่งกังวลไปล่วงหน้าว่าเราจะมีปัญหาอะไร ปัจจุบันมีอุปกรณ์หรือแอพพลิเคชั่นผ่านทางมือถือมากมายที่คอยช่วยเราในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดำรงชีวิต การกินอยู่ เส้นทาง หรือภาษาที่ใช้สื่อสารกับคนท้องถิ่น

Confident

2. การวางแผนล่วงหน้า

ใช้เวลาศึกษาสถานที่ท่องเที่ยว การเดินทาง และการจองที่พักก่อนออกเดินทาง ถ้าต้องเดินทางคนเดียว ก็ควรหาที่พักที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความปลอดภัย เดินทางสะดวก

Planing

3. การเลือกตั๋วเที่ยวบิน

บางครั้งเราอาจเลือกเที่ยวบินที่ราคาถูกและคุ้มค่าเป็นหลัก โดยไมได้คำนึงถึงเวลาออกเดินทาง และเวลาที่ไปถึงสถานที่ปลายทาง  แต่หากเราเดินทางคนเดียว และไปยังสถานที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน เราควรหลีกเลี่ยงเที่ยวบินที่เดินทางถึงสถานที่ปลายทางในตอนกลางคืน เพราะอาจไม่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางคนเดียว

Ticket

4. ทำตัวให้กลมกลืนกับคนท้องถิ่น

อย่าทำตัวเป็นจุดสนใจ เพื่อที่จะได้ไม่เป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพ และไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวให้กับคนแปลกหน้า ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่พัก หรือแผนการท่องเที่ยวของเรา

Make yourself like local people

5. ควรใช้กระเป๋าเป้สะพายหลังแทนการใช้กระเป๋าเดินทางใบใหญ่

ไม่พกสิ่งของมีค่าและไม่ขนข้าวของที่มากเกินความจำเป็น เพื่อให้เดินทางได้อย่างคล่องตัว และปลอดภัยจากมิจฉาชีพ

Using backpack

6. อย่าขาดการติดต่อ

ถึงแม้ว่าการเดินทางท่องเที่ยวของเราจะสนุกแค่ไหน ก็อย่าลืมที่จะหมั่นติดต่อกลับไปหาครอบครัวหรือคนใกล้ชิด รายงานเป็นระยะว่าจะไปที่ไหน ทำอะไร กลับถึงที่พักกี่โมง และเมื่อถึงที่พักแล้ว ควรติดต่ออีกครั้งเพื่อให้ครอบครัวได้ทราบความเคลื่อนไหว และไม่ต้องเป็นห่วง

Communication with family and friend

7. ทำประกันภัยการเดินทาง

เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ เที่ยวบินล่าช้า หรือแม้แต่สัมภาระสูญหาย การมีประกันภัยการเดินทางติดตัวไว้ก็ช่วยให้เราท่องเที่ยวได้อย่างอุ่นใจ สนุก และรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น*

Buy Travel Insurance

อุ่นใจทุกการเดินทางไปกับแผนประกันภัยการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel สนใจซื้อประกันการเดินทาง คลิกเลย!!

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

10 Items for aboard

10 ไอเทมสำคัญ อย่าลืมพกไปต่างประเทศ

การเดินทางไปต่างประเทศ เราต้องเตรียมตัวก่อนเดินทางหลายสิ่งหลายอย่าง อันได้แก่ การวางแผนกำหนดการการเดินทาง ข้อมูลของสถานที่ที่เราจะไปแวะเยี่ยมชม เสื้อผ้าตามสภาพอากาศในพื้นที่ และอาจมีพร็อพเก๋ๆ ที่จะช่วยให้คุณถ่ายภาพความทรงจำได้อย่างน่าประทับใจ นอกจากนี้ เรายังต้องมีข้าวของเครื่องใช้จำเป็นอื่นๆ ที่ขาดไม่ได้สำหรับการเดินทาง Allianz Travel ได้ทำลิสต์ 10 ไอเทมสำคัญ หรือสิ่งของจำเป็นที่ขาดไม่ได้ หากต้องเดินทางไปต่างประเทศกันนะคะ

1. หนังสือเดินทาง

เปรียบเสมือนบัตรประจำตัวประชาชนสากลเพื่อใช้สำหรับระบุตัวตนของเรา และควรตรวจเช็ควันหมดอายุด้วย เพราะหนังสือเดินทางควรมีอายุมากกว่า 180 วัน นับจากวันที่เดินทางไป ถ้าหนังสือเดินทางใกล้จะหมดอายุแล้วควรไปต่ออายุก่อนเดินทาง

2. ยาประจำตัว รวมไปถึงยาสามัญต่างๆ

เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ซึ่งในบางประเทศอาจจะไม่มียาที่เราใช้เป็นประจำจำหน่าย ดังนั้นเราจึงไม่ควรที่จะลืมนำติดตัวไปด้วย

3. อุปกรณ์สำหรับแปลภาษา

ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวนิยมใช้แอปพลิเคชันแปลภาษาที่อยู่บนมือถือ ควรดาวน์โหลดติดตั้งเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทาง เมื่อไปถึงประเทศปลายทางจะได้สื่อสารกับคนท้องถิ่นได้ โดยเฉพาะเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้สื่อสารเพื่อขอความช่วยเหลือกับคนรอบข้างได้

4. หัวปลั๊กไฟ

ควรใช้แบบ Universal เพราะแต่ละประเทศจะมีหัวปลั๊กไฟที่ไม่เหมือนกัน เวลาเราต้องเดินทางประเทศต่างๆ จะได้นำออกมาใช้ได้ทุกครั้ง

5. พาวเวอร์แบงค์

พกไว้เมื่อเวลาแบตเตอรีของอุปกรณ์ต่างๆ หมดในระหว่างการเดินทาง เช่น โทรศัพท์มือถือ iPad นาฬิกา Smart Watch หูฟัง เป็นต้น โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือซึ่งถือเป็นอุปกรณ์สำคัญในการค้นหาข้อมูล สถานที่ท่องเที่ยว แผนที่การเดินทาง การติดต่อสื่อสาร ถ้าปล่อยให้แบตเตอรีหมดแย่แน่เลย

6. ร่มพับ

เป็นไอเทมสารพัดประโยชน์ ไม่ว่าจะใช้กันแดด กันฝน กันหิมะ เพราะสภาพอากาศมีความไม่แน่นอน ดังนั้นพกติดตัวไว้ไม่เสียหาย

7. รองเท้าสำรอง

เผื่อกรณีเกิดเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าเปียก หรือขาด เราจะได้สลับเปลี่ยนไปใช้อีกคู่ได้ทันที ทำให้แผนการเดินทางท่องเที่ยวของเราไม่สะดุด

8. กระเป๋าคาดอก

สำหรับพกสิ่งของสำคัญไม่ว่าจะเป็น กุญแจ กระเป๋าเงิน มือถือติดตัวระหว่างวัน โดยที่ไม่ต้องแบกเป้หรือกระเป๋าใบใหญ่ ทำให้สามารถเต็มที่ได้กับทุกกิจกรรม

9. กล้องถ่ายรูป

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันโทรศัพท์ก็สามารถถ่ายรูปได้อยู่แล้ว แต่อุตส่าห์ไปไกลถึงต่างประเทศทั้งที การพกกล้องดีๆ ติดไปด้วยซักตัวเพื่อให้เราได้ภาพที่คมชัดสวยงามเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ประทับใจกับสถานที่นั้นๆ ก็ถือว่าคุ้มที่ได้พกไปด้วย

10. ประกันภัยการเดินทาง

ควรทำไว้ก่อนเดินทาง เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ และค่าบริการต่างๆ ที่ต่างประเทศก็ไม่ใช่ถูกๆ การมีประกันภัยการเดินทางไว้เพื่อคอยซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็ทำให้เราอุ่นใจไปได้เยอะเลย

ในการเดินทางไปต่างประเทศในที่ที่คุณไม่คุ้นเคย อาจทำให้คุณกังวลกับเหตุที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน ดังนั้น สิ่งสำคัญที่คุณควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันภัยการเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางอย่างอุ่นใจไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย เที่ยวบินดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

romantic-marriage-proposal-places

5 สถานที่สุดโรแมนติก สำหรับขอแต่งงาน

การที่มีคนที่เรารักมาทำเซอร์ไพรส์ขอเราแต่งงานคงเป็นอีกหนึ่งความฝันของใครหลายๆ คน ซึ่งก่อนอื่นการทำเซอร์ไพรส์ขอคนรักแต่งงานคงต้องวางแผนหาสถานที่สุดโรแมนติกเพื่อสร้างความประทับใจให้กับคนรัก ในวินาทีที่สำคัญเช่นนี้ วันนี้ Allianz Travel ขอนำเสนอ 5 สถานที่สุดโรแมนติกสำหรับการขอแต่งงาน มีที่ไหนบ้าง เรามาดูกันเลย

1. หอไอเฟล – ฝรั่งเศส (Eiffel)

หนึ่งในสถานที่สุดโรแมนติกที่ต้องอยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน ด้วยบรรยากาศโดยรอบ และตัวหอไอเฟลที่มีความโดดเด่น ทำให้คู่รักหลากหลายคู่เลือกที่จะมาสารภาพรัก หรือขอแต่งงานกันที่สถานที่แห่งนี้

2. สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ – ฝรั่งเศส (Disneyland)

หลายคนคงกำลังคิดว่าสวนสนุกจะสร้างความโรแมนติกได้ยังไง? แต่หากคุณได้มาเยือน ปราสาท Sleeping Beauty ปราสาทสีชมพูสุดอลังการแห่งสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ในกรุงปารีส ก็จะเข้าใจถึงความโรแมนติกนี้ เพราะบรรยากาศโดยรอบที่ราวกับอยู่ในเทพนิยาย ทำให้หลายๆ คู่รักเลือกที่จะมาขอแต่งงานกันที่นี่

ขอบคุณรูปภาพจาก : 20 Secrets Of The Sleeping Beauty Castle At Disneyland Paris

3. ปราสาทนอยชวานสไตน์ – เยอรมนี (Neuschwanstein Castle)

ขึ้นชื่อว่าเป็นปราสาทแห่งเทพนิยาย ทำให้การขอแต่งงานที่ปราสาทแห่งนี้ทำให้ได้บรรยากาศและอารมณ์ของการเป็นเจ้าหญิง และเจ้าชายกันเลย

4. สะพานชาร์ลส์ – สาธารณรัฐเช็ก (Charles Bridge)

สะพานหินโค้งเก่าแก่ตั้งอยู่ภายในกรุงปราก เนื่องจากมีทัศนียภาพอันแสนสวยงาม ทำให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวชอบมาเซอร์ไพรส์ขอคนรักแต่งงาน

5. เมืองเวนิส – อิตาลี (Venice)

เมืองที่มีความโรแมนติกแทรกตัวอยู่ตามสถาปัตยกรรมต่างๆ ของเมือง อีกทั้งยังมีบริการเรือกอนโดลาให้คู่รักนั่งชมทัศนียภาพของเมือง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการขอคนรักแต่งงาน

หากถึงเวลาที่ต้องขอคนรักแต่งงาน 5 สถานที่สุดโรแมนติก ที่ Allianz Travel นำเสนอ ก็สามารถใช้เป็นตัวเลือกสำหรับสถานที่ ที่คุณสามารถสร้างความประทับใจที่ยากจะลืมเลือนให้กับคนรักของคุณได้นะคะ : )

เดินทางกับคนที่คุณรัก แผนการเดินทางไม่สะดุด คุ้มครองค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ถ้ามีประกันภัยการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

christmas travel locations

10 สถานที่น่าเที่ยวช่วงคริสต์มาส

เทศกาลคริสต์มาสใกล้เข้ามาแล้ว หลายคนคงนึกถึงเทศกาลแห่งความสนุกสนาน หิมะสีขาว รวมถึงช่วงเวลาแห่งการหยุดพักผ่อน และการได้เฉลิมฉลองกับครอบครัว Allianz Travel เลยอยากแนะนำเพื่อนๆ ไปเยี่ยมชม 10 สถานที่ที่มีมนต์เสน่ห์แห่งเทศกาลเฉลิมฉลองคริสต์มาสที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกันค่ะ

1. สวนแห่งดวงดาว (Starlight Garden) กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

สถานที่ที่หนุ่มสาวคู่รักจะจูงมือกันไปชมทะเลดวงดาวสวยงามตระการตาจากการประดับไฟนับล้านดวง

2. แมนฮัตตัน นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส นครนิวยอร์กจะเต็มไปด้วยการประดับตกแต่งด้วยสีเขียวและสีแดงมากมายทั่วเมือง โดยมีแมนฮัตตันเป็นหัวใจหลักในการจัดงาน

3. อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์

บ้านเกิดของเซนต์นิโคลัส หรือซานตาคลอส ซึ่งในทุกๆ ปีจะมีขบวนพาเหรดซานตาคลอส เพื่อระลึกถึงนักบุญขวัญใจเด็กๆ ทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีเทศกาลไฟประดับ (Light Festival) ที่จัดขึ้นให้ชาวเมือง และนักท่องเที่ยวได้ชมกันอย่างเพลิดเพลิน

4. หมู่บ้านซานตาคลอส (Santa Clause Village) เมืองแลปแลนด์ ประเทศฟินแลนด์

หมู่บ้านน่ารัก สวยงามที่ทุกคนจะได้พูดคุยกับซานตาคลอส และได้ชิมขนมและอาหารประจำเทศกาลแห่งความสุขนี้ รวมไปถึงการเลือกซื้อของฝากที่ระลึกประจำเทศกาลน่ารักๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านกันอีกด้วย

5. กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ถึงแม้ว่ากรุงลอนดอนจะมีการฉลองคริสต์มาสที่สั้นกว่าประเทศอื่นๆ เพราะสิ้นสุดแค่วันที่ 24 ธันวาคม หรือคริสต์มาสอีฟ แต่ก็ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการชมเมืองยามค่ำคืนที่มีการประดับไฟสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งได้ตลอดเวลา

6. เมืองควิเบก ประเทศแคนาดา

อีกหนึ่งเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งหากเดินทางมาเที่ยวช่วงคริสต์มาสแล้ว นอกจากจะได้ชมการตกแต่งเมืองที่สวยงาม เพื่อนๆ ก็ยังจะได้ลิ้มลองขนม อาหาร และเครื่องดื่มประจำเทศกาลสไตล์ยุโรปเก่าแก่อีกด้วย

7. เมืองเรคาวิก ประเทศไอซ์แลนด์

จะมีการจำลองเมืองทั้งเมืองให้เหมือนเมืองในเทพนิยาย และมีหมู่บ้านคริสต์มาสที่จะเปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ตลอดเดือนธันวาคม นอกจากนี้ยังมีการก่อกองไฟ และจุดดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองในช่วงปีใหม่อีกด้วย

8. ตลาดสินค้าคริสต์มาส กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย

เริ่มจัดเทศกาลคริสมาสตร์ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน จนถึงวันคริสต์มาส มีสิ่งของให้จับจ่ายและอาหารให้เลือกชิมมากมาย เช่น ขนมปัง วาฟเฟิล ไส้กรอกย่าง และไวน์ เป็นต้น

9. ตลาดคริสต์มาสแห่งนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน

เป็นตลาดที่เก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1393 มีการตกแต่งสถานที่อย่างสวยงาม มีร้านค้ามากมายถึง 200 ร้านค้าที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แฮนด์เมดและสิ่งของเกี่ยวกับคริสต์มาสมากมาย

10. ตลาดคริสต์มาสแห่งเมืองนูเรมเบิร์ก อีกหนึ่งที่เที่ยวช่วงเทศกาลคริสต์มาสแห่งประเทศเยอรมัน

ซึ่งเป็นเมืองต้นตำรับแห่งการทำขนมผิง โดยจะมีร้านค้ามากถึงเกือบ 200 ร้านค้ามาจำหน่ายของสินค้าที่มีแค่เฉพาะที่นี่ รวมทั้งอาหารและขนมที่จะมีขายปีละครั้งในเทศกาลคริสต์มาสเท่านั้น

เป็นยังไงกันบ้างคะกับ 10 สถานที่น่าเที่ยวช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองคริสต์มาส ที่เราได้พาไปเยี่ยมชมกัน Allianz Travel หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อนๆ ทุกคนจะมีความสุขในเทศกาลคริสต์มาสในปีนี้นะคะ

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

6-steps-for-travel-planing

6 ขั้นตอนวางแผนเที่ยวให้สนุก และคุ้มค่า

ทุกการเดินทางควรต้องมีการเตรียมพร้อม และวางแผนการเดินทางไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ทริปไปต่างประเทศของเราผ่านไปอย่างราบรื่น สนุก คุ้มค่ากับเวลา และค่าใช้จ่ายที่เสียไป Allianz Travel ขอแนะนำ 6 ขั้นตอนการวางแผนเที่ยวให้สนุกและคุ้มค่าสำหรับเพื่อนๆ นักเดินทางของเรา

1. วางแผนเรื่องผู้เดินทาง ระยะเวลา และค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็น 3 ปัจจัยหลักในการจัดทริป เริ่มจากหาผู้ร่วมเดินทางที่มีความสนใจในสิ่งที่คล้ายคลึงกับเรา วางแผนวันเดินทางให้สอดคล้องกับวันลา สำหรับคนที่ทำงานประจำและเลือกช่วงฤดูของสถานที่ที่เราเดินทางไปท่องเที่ยวให้เหมาะสม และวางแผนเรื่องการเงินไว้ตามงบประมาณที่เราได้ตั้งไว้

2. หาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่เราจะเดินทางไปให้ครบถ้วน ศึกษาวิธีการเดินทาง และเวลาเปิด-ปิด เพื่อประมาณระยะเวลาที่เราต้องใช้กับสถานที่นั้นๆ เพื่อนำมาวางแผนการเดินทางแต่ละวันได้

3. จองตั๋วเครื่องบิน และที่พักให้เหมาะสมกับงบประมาณท่องเที่ยวที่เรากำหนดไว้ โดยพิจารณาจากรีวิว และตำแหน่งของที่พักกับสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งในปัจจุบันสามารถหาข้อมูลในส่วนนี้ได้ง่ายมากๆ 

4. จัดการวางแผนการเดินทางจากที่พักสู่สถานที่ท่องเที่ยวเอาไว้ล่วงหน้า หากต้องมีการจองตั๋วรถไฟ รถบัส หรือเช่ารถล่วงหน้า ก็จะทำแผนการท่องเที่ยวของเรามีแบบแผนมากขึ้น

5. แลกเงิน และจัดการเรื่องอินเทอร์เน็ตให้เรียบร้อย โดยคำนวณตามค่าใช้จ่ายที่เราต้องใช้ในแต่ละวัน ซึ่งเราอาจใช้เงินสดร่วมกับการใช้บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ที่สามารถกดเงินสดผ่านตู้ ATM ในต่างประเทศได้ ส่วนเรื่องอินเทอร์เน็ตก็ให้วางแผนการใช้ซิมที่จะใช้ในต่างประเทศให้เรียบร้อย เพราะอินเทอร์เน็ตสำคัญมากในการติดต่อโรงแรม หรือเอาไว้สำหรับดูแผนที่

6. จัดเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าให้เหมาะกับฤดูกาลและสถานที่ที่จะเดินทางไป และอย่าลืมยารักษาโรคต่างๆ ทั้งยาสามัญและยาประจำตัว

การวางแผนการเดินทางเป็นอย่างดี จะช่วยให้ทริปของคุณราบรื่น สนุก และคุ้มค่า และที่สำคัญต้องไม่ลืมตัวช่วยสำคัญที่จะเข้ามาช่วยจัดการ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขณะเดินทาง เพื่อให้อุ่นใจกับทริปท่องเที่ยวต่างประเทศของคุณมากยิ่งขึ้น มาเลือกซื้อ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel ที่พร้อมดูแลคุณ 24 ชม. ทั่วโลกกันนะคะ 🙂

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา