25 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น พร้อมวิธีการเดินทาง

25 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น พร้อมวิธีการเดินทาง

ฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในฤดูที่สวยงามที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ใบไม้ใน จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น จะทยอยเปลี่ยนสี โดยเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกันยายนไปจนถึงต้นเดือนธันวาคม เป็นช่วงที่เปลี่ยนผ่านจากฤดูร้อนไปสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศจะเย็นลงและใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสี ทำให้เกิดทัศนียภาพอันน่าทึ่งของใบไม้สีแดง ส้ม และเหลืองสดใส ในสถานที่ต่างๆ ของประเทศ เพื่อนๆ คนไหนที่วางแผนจะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ประเทศญี่ปุ่น สามารถใช้ข้อมูล พยากรณ์ ใบไม้เปลี่ยนสี ในประเทศญี่ปุ่น ปี 2024 ไปใช้เป็นตัวช่วยในการวางแผนการเดินทางกันได้เลย สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังนึกไม่ออกว่าจะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น ที่ไหนดี วันนี้ Allianz Travel รวบรวม 25 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ในแต่ละภูมิภาค มาฝากเพื่อนๆ มีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ 🙂

หมายเหตุ: ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพอากาศ ฝน และลม ในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนสีของใบไม้ ซึ่งอาจทำให้ใบไม้เปลี่ยนสีเร็วขึ้นหรือช้าลงได้ ดังนั้นเราควรตรวจสอบข้อมูลการพยากรณ์ ใบไม้เปลี่ยนสี พยากรณ์ ใบไม้เปลี่ยนสี ในประเทศญี่ปุ่น ปี 2024 และอัพเดทข่าวสารเป็นระยะๆ เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการวางแผนการเดินทางค่ะ

1. ภูเขาอะซาอิดาเกะ (Mount Asahidake)

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น: ภูเขาอะซาอิดาเกะ (Mount Asahidake)

ภูเขาอะซาฮิดาเกะ (Mount Asahidake) เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในฮอกไกโด (สูง 2,290 เมตร) และอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง (Daisetsuzan National Park) อีกด้วย อาซาอิตาเกะ เป็น จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ที่แรกที่จะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่มีพืชพันธุ์หลายชนิดมากยิ่งช่วงใบไม้เปลี่ยนสียิ่งสวย สีสันตระการตาสุด นอกจากเดินป่าแล้วก็ยังมีนั่งกระเช้าลอยฟ้าชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีด้วย ใครสายเที่ยวธรรมชาติจัดเลย

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

กลางเดือนกันยายน

วิธีการเดินทาง:

นั่งรถบัสประจำทางจากสถานีรถไฟ Asahikawa 1,800 เยน (เที่ยวเดียว) หรือจากสนามบินอาซาฮิกาวะ (Asahikawa Airport) 1,270 เยน (เที่ยวเดียว) หรือเช่ารถจากสนามบินอาซาฮิกาวะ หรือเมืองบิเอะ (Biei) ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง

ที่อยู่/แผนที่:

Daisetsuzan, Higashikawa, Hokkaido, Japan
https://maps.app.goo.gl/VbzHZGvVrRwqSbRo9

2. น้ำตกฟุคุโรดะ (Fukuroda Falls)

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น: น้ำตกฟุคุโรดะ (Fukuroda Falls)

น้ำตกฟุคุโรดะ (Fukuroda Falls) ซ่อนตัวอยู่ในเนินเขาห่างไกลของเมืองไดโกะ (Daigo) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดอิบารากิ เป็นน้ำตกสูง 120 เมตรที่ไหลผ่านหน้าผาหินยักษ์ลงมา 4 ชั้น และเป็นหนึ่งในสามน้ำตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น และแต่ละฤดูกาล น้ำตกแห่งนี้ก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจไม่ซ้ำใคร จากทางเข้า นักท่องเที่ยวจะต้องเดินผ่านอุโมงค์ทางเดินยาว 276 เมตรที่นำไปสู่จุดชมวิวหลายชั้น ชั้นล่างจะเห็นน้ำตกได้อย่างใกล้ชิดจากฐานน้ำตก ในขณะที่ชั้นบนที่ต้องขึ้นลิฟต์ไปจะเห็นน้ำตกทั้ง 4 ชั้นแบบพาโนรามาจากความสูงประมาณ 50 เมตรเหนือพื้นดิน

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ต้นเดือนพฤศจิกายน

เวลาทำการ:

8.00-18.00 น. (พ.ย. – เม.ย. เวลา 9.00-17.00)

ค่าเข้าชม:

ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 150 เยน

วิธีการเดินทาง:

หากมาจากโตเกียว (สถานีอุเอโนะ โตเกียว หรือชินากาวะ) ให้ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษไปยังสถานีมิโตะ (70 นาที ขบวนละ 2 ขบวนต่อชั่วโมง) แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย JR Suigun ไปยังสถานีฟุคุโรดะ (70 นาที ขบวนละ 1-2 ชั่วโมง) หลังจากนั้นนั่งรถบัสอิบารากิโคจึไปลงป้ายทากิโมโตะ (Takimoto) (7 นาที) จากนั้นเดินต่ออีก 5-10 นาทีไปยังทางเข้าอุโมงค์ไปยังน้ำตก หรือเช่ารถจากสถานีมิโตะ ใช้เวลาประมาณ 75 นาที และมีที่จอดรถใกล้ทางเข้าน้ำตก

ที่อยู่/แผนที่:

Kuji District, Ibaraki, Japan
https://maps.app.goo.gl/RU8kSJv2KCLtjAkb7

3. กินซันออนเซ็น (Ginzan Onsen)

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น: กินซันออนเซ็น (Ginzan Onsen)

กินซันออนเซ็น (Ginzan Onsen) เป็นเมืองน้ำพุร้อนเล็กๆ ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในภูเขาของจังหวัดยามากาตะ (Yamagata) ในอดีต หมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นเหมืองเงินขนาดใหญ่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก แต่ปัจจุบัน ได้รับการพัฒนาเป็นเมืองน้ำพุร้อนที่มีเรียวกังเก่าแก่เรียงรายอยู่ริมแม่น้ำ เมื่อมองไปรอบๆ เราก็จะเห็นทิวทัศน์ของภูเขาที่โอบล้อมอย่างใกล้ชิด เข้ากับความเก่าแก่ของสถาปัตยกรรมภายในหมู่บ้านอย่างลงตัว

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน

วิธีเดินทาง

รถไฟ: นั่งรถไฟชินคันเซ็นสาย JR Yamagata จากโตเกียวไปยังสถานี Oishida (200 นาที) จากนั้นรถบัสจะออกทุกๆ สองชั่วโมงไปยังกินซันออนเซ็น (35 นาที) 

รถยนต์: เช่ารถจากสถานีรถไฟอย่างเช่น สถานีมูรายามะ (Murayama) ชินโจ (Shinjo) และยามากาตะ (Yamagata) รวมถึงที่สนามบินนามากาตะ มีที่จอดรถในลานจอดรถซึ่งเดินจากใจกลางเมืองออกไป 5-10 นาที เรียวกังหลายแห่งจะไปรับแขกที่ลานจอดรถ

เครื่องบิน: มีรถบัสรับส่งระหว่างสนามบินยามากาตะ และกินซันออนเซ็น 2 เที่ยวต่อวัน (75 นาที) โดยไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า

ที่อยู่/แผนที่:

Obanazawa, Yamagata, Japan
https://maps.app.goo.gl/wqzhDAccjmv6ocDL8

4. ศาลาว่าการเก่าเมืองฮอกไกโด (Hokkaido Government Office)

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น: ศาลาว่าการเก่าเมืองฮอกไกโด (Hokkaido Government Office)

ศาลาว่าการเก่าเมืองฮอกไกโดหลังเก่า (Hokkaido Government Office) หรือที่นิยมเรียกว่า ทำเนียบอิฐแดง (Red Brick Office) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองซัปโปโร (Sapporo) และยังเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการทางประวัติศาสตร์และงานศิลปะ ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะเต็มไปด้วยสีสันสดใสของใบเมเปิ้ลและใบแปะก๊วย เป็นอีก จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพสวย ๆ ของใบไม้เปลี่ยนสีพร้อมกับแลนด์มาร์คสำคัญ

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี: 

ปลายเดือนกันยายน – ต้นเดือนตุลาคม

วิธีการเดินทาง:

เดินเพียง 8 นาทีจากทางออกทิศตะวันตกของสถานีเจอาร์ซัปโปโร หรือจากทางออก 10 ของสถานีซัปโปโร บนสายรถไฟใต้ดินนัมโบกุ

ที่อยู่/แผนที่:

Sapporo, Hokkaido, Japan
https://maps.app.goo.gl/AyhnBq63nMuej8929

5. สะพานโจกาคุระ (Jogakura Bridge)

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น: สะพานโจกาคุระ (Jogakura Bridge)

สะพานโจกาคุระ (Jogakura Bridge) เป็นสะพานแขวนแห่งแรกในญี่ปุ่นที่ทอดยาวข้ามหุบเขาลึกของแม่น้ำโจกาคุระ ในจังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีขนาดกว้าง 11.5 เมตร ยาว 360 เมตร สูง 122 เมตร และมีส่วนโค้ง 255 เมตร ซึ่งถือได้ว่ายาวที่สุดในญี่ปุ่น และสะพานแห่งนี้ยังเป็นจุดเชื่อมโยงภูมิภาคสึการุ (Tsugaru) และนันบุ (Nanbu) เข้าไว้ด้วยกัน สะพานโจกาคุระขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ใบไม้หลากสีสันจะแต่งแต้มสีสันทอดยาวสุดสายตา บนสะพานมีจุดชมวิวหลายจุดให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปและเก็บความประทับใจ และจากสะพานนี้ยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของลำธารโจกากุระ-เคริว (Jyogakura-Keiryu) ซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะสถานที่สวยงามในอุทยานแห่งชาติโทวาดะ-ฮาจิมันไต (Towada-Hachimantai National Park) ได้อีกด้วย

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

กลางเดือนตุลาคม

วิธีการเดินทาง:

สะพานโจกาคุระอยู่ห่างจากสถานีรถไฟอาโอโมริ (Aomori) 56 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 1 ชั่วโมง

ที่อยู่/แผนที่:

Aomori, Japan
https://maps.app.goo.gl/LJviW3byDWfvkCBQ6

6. โจซังเคออนเซ็น (Jozankei Onsen)

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น: โจซังเคออนเซ็น (Jozankei Onsen)

โจซังเคอนเซ็น (Jozankei Onsen) เป็นเมืองน้ำพุร้อนที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด ณ อุทยานแห่งชาติชิโคสึ-โทยะ ที่มีโรงแรมเรียวกังกว่า 20 แห่ง และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของฮอกไกโด นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมที่มีใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง เมื่อต้นไม้ริมหุบเขาและหุบเขาข้างเคียงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและสีแดงสดใส

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

กลางเดือนตุลาคม

วิธีการเดินทาง:

1. จากสถานีขนส่งซัปโปโร ให้ขึ้นรถบัส Jotetsu หมายเลข 7 หรือ 8 ไปยังโจซังเคออนเซ็น รถบัสจะออกทุกชั่วโมง ใช้เวลาเดินทาง 75 นาที 

2. ขึ้นรถบัส Jotetsu หมายเลข 12 จากสถานี Makomanai ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของรถไฟใต้ดินสาย Namboku ของซัปโปโร จากสถานี Makomanai การเดินทางไปโจซังเคออนเซ็นใช้เวลา 50 นาที รถบัสจะออกทุกๆ 30-60 นาที

ที่อยู่/แผนที่:

Sapporo, Hokkaido, Japan
https://maps.app.goo.gl/9ag2crrshr2MkXop7

7. หมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate no Bukeyashiki)

หมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate no Bukeyashiki)

หมู่บ้านซามูไร Kakunodate เป็นแหล่งเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากในจังหวัด Akita ด้วยบรรยากาศย้อนยุคในหมู่บ้านที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยือน ถนนหนทางและอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ในหมู่บ้านที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เหมือนในอดีต รวมทั้งยังมีคฤหาสน์ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่พักอาศัยของเหล่าซามูไรหลงเหลืออยู่ ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้มีเสน่ห์สวยแบบมีมนต์ขลังจนถูกเลือกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครและภาพยนต์อยู่เนืองๆ

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ต้นเดือนพฤศจิกายน

วิธีการเดินทาง:

จากโตเกียวนั่ง Akita Shinkansen มาลงที่สถานี JR Kakunodate แล้วเดินไปหมู่บ้านซามูไรประมาณ 15 นาที หรือนั่งแท็กซี่ประมาณ 5 นาที

ที่อยู่/แผนที่:

Semboku, Akita, Japan
https://maps.app.goo.gl/ZkDPPNW4qzWqAGtC6

8. คามิโคจิ (Kamikochi)

คามิโคจิ (Kamikochi)

คามิโคจิ (Kamikochi) สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอยู่ในเขตจังหวัดนากาโน่ (Nagano) เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่เป็นจุดหมายในฝันของหลายคนที่ต้องหาโอกาสไปเยือนซักครั้ง คามิโคจิเปิดให้เข้าชมแค่เฉพาะวันที่ 17 เม.ย.-15 พ.ย. ของทุกปี ดังนั้นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจึงเป็นช่วงเวลาไฮไลท์ที่ห้ามพลาด กับบรรยากาศยอดภูเขาที่มีหิมะคลุมสลับกับต้นไม้สีส้มแดงและแม่น้ำสีฟ้า

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ต้นเดือนพฤศจิกายน

วิธีการเดินทาง:

หากนั่งรถบัสตรงมาจากโตเกียว (สถานีชินจูกุ สถานีโตเกียว และสถานีชิบูย่า) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-7 ชั่วโมง หรือนั่งรถไฟด่วนพิเศษอาซึสะ (Azusa) จากสถานีชินจูกุ มาลงที่สถานีมัตสึโมโตะ ใช้เวลา ประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที จากนั้นก็ต่อรถบัสเพื่อไปยังคามิโคจิโดยใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมง 50 นาที

ที่อยู่/แผนที่:

Matsumoto, Nagano, Japan
https://maps.app.goo.gl/WoUvcJ9D9SkvgaYD8

9. วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera Temple)

วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera Temple)

วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera Temple) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ วัดน้ำใส เป็นวัดเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก (UNESCO World Heritage Sites)  นอกจากการขอพรกับเทพศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่นแล้ว ที่นี่ยังมีน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ไหลผ่านตัววัด ที่สามารถดื่มและขอพรได้ สำหรับจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีจะอยู่ที่บริเวณอาคารไม้หลังใหญ่ของวัด เป็นจุดยอดนิยมที่ใครๆ ก็ต้องขอมาถ่ายภาพ และสามารถมองเห็นวิวเมืองเกียวโตท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีอีกด้วย ช่วงค่ำจะมีการเปิดไฟ Light up ตั้งแต่เวลา 18.00-21.00 น. ที่ให้บรรยากาศอีกแบหนึ่งด้วย

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ปลายเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนธันวาคม

วิธีการเดินทาง:

นั่งรถไฟมาลงสถานี Kiyomizu-Gojo Station เดินต่อประมาณ 20 นาที หรือนั่งรถบัสเมืองเกียวโตหมายเลข 100 หรือ 206 มาลงที่ป้าย Gojozaka หรือ Kiyomizu-michi จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที

ที่อยู่/แผนที่:

Higashiyama Ward, Kyoto, Japan
https://maps.app.goo.gl/bXjhEAs6dDHbK6Uz8

10. ทะเลสาบอะชิ หรือ อาชิ (Lake Ashinoko)

ทะเลสาบอะชิ หรือ อาชิ (Lake Ashinoko)

ทะเลสาบอะชิ (Lake Ashinoko) ตั้งอยู่ในพื้นที่ฮาโกเน่ (Hakone) จังหวัดคานางาวะ (kanagawa) เกิดจากหลุมปล่องภูเขาไฟที่ปะทุเมื่อง 3,000 ปีที่แล้ว ทะเลสาบนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในญี่ปุ่น ล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าไม้ มีความสวยงามที่ไม่เหมือนใครและมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากมุมมองต่างๆ ทะเลสาบและพื้นที่รอบๆ มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับการเดินป่าและสัมผัสธรรมชาติ

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ปลายเดือนตุลาคม-กลางเดือนพฤศจิกายน

วิธีการเดินทาง:

1. รถบัสจาก Odawara ไป Moto-hakone หรือ Hakone-machi ใช้เวลา 50 นาที
2. รถบัสจาก Hakone-Yumoto ไป Moto-hakone หรือ Hakone-machi ใช้เวลา 35 นาที
3. รถบัสจากสถานี Mishima ไป Moto-hakone หรือ Hakone-machi ใช้เวลา 50 นาที
4. รถบัสจาก Gotemba ไป Togendai ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
5. รถบัสจาก Atami ไป Hokone-machi ใช้เวลาประมาณ 60 นาที

ที่อยู่/แผนที่:

Hakone, Kanagawa, Japan
https://maps.app.goo.gl/G7P8tZ391zvtHDFb9

11. ทะเลสาบคาวากูจิ (Lake Kawaguchi)

ทะเลสาบคาวากูจิ (Lake Kawaguchi)

จากทะเลสาบทั้ง 5 แห่งใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ ทะเลสาบคาวากูจิ (Lake Kawaguchi) เป็นทะเลสาบที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุดจากโตเกียว ในวันที่อากาศแจ่มใสและเงียบสงบ คุณจะมองเห็นภาพสะท้อนของภูเขาไฟฟูจิในทะเลสาบได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทะเลสาบแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย และในช่วงฤดูใบไม้ร่วง จะมีเทศกาล Fuji Kawaguchiko Autumn Leaves Festival ซึ่งเป็นเทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ทุกคนต่างเฝ้ารอคอยกันในทุกปี ทีมีการจัดประดับไฟแสงสีสุดอลังการในช่วงกลางคืนอีกด้วย

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน

วิธีเดินทาง:

นั่งรถไฟจากสถานี JR Shinjuku ไปยังสถานี JR Otsuki สาย JR Chuo (ประมาณ 1 ชั่วโมง) จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นสาย Fuji Kyuko ไปยังสถานี Kawaguchiko (ไม่สามารถใช้ JR Rail Pass ได้) หรือนั่งรถบัส  Shinjuku Expressway ไปยังสถานี Kawaguchiko (ประมาณ 2 ชั่วโมง)

ที่อยู่/แผนที่:

FuliKewaguchiko, Yamanashi, Japan
https://maps.app.goo.gl/WFQMdJMNQLeiHrGK7

12. สวนเมจิจิงกูไกเอ็น (Meiji-jingu Gaien)

สวนเมจิจิงกูไกเอ็น (Meiji-jingu Gaien)

สวนเมจิจิงกูไกเอ็น (Meiji-jingu Gaien) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นและเป็นที่เลื่องลือในโตเกียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวถนนที่มีต้นแปะก๊วย (หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า กิงโกะ) เรียงรายเป็นแนวยาวกว่า 300 เมตร เป็นจุดที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ ผู้คนจะมาเดินเล่นกันเพื่อชื่นชมความงามของทิวแถวต้นแปะก๊วยสีเหลืองอร่าม ดูงดงามราวกับภาพวาด และตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงต้นเดือนธันวาคมก็จะมีการจัดงานเทศกาลชมต้นแปะก๊วยที่จิงกูไกเอ็น ซึ่งมีการออกร้านขายของที่ระลึกประเภทงานฝีมือและอาหารต่างๆมากมาย และมีผู้คนมาเที่ยวชมงานกันเนืองแน่นครึกครื้น

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

กลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม

วิธีการเดินทาง:

1. นั่ง Tokyo Metro Ginza ให้ลงสถานี Gaienmae และเดินต่อประมาณ 4 นาที
2. นั่งรถไฟใต้ดินโตเกียว สาย Hanzomon หรือ สาย Toei Oedo ให้ลงสถานี Aoyama Itchome ใช้เวลาเดินประมาณ 6 นาที
3. หากนั่งรถไฟ JR สาย Chuo/Sobu ลงสถานี Shinanomachi แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที

ที่อยู่/แผนที่:

Shiniuku City, Tokyo, Japan
https://maps.app.goo.gl/AgzR1zj5sPpiA3xr5

13. ภูเขาทาคาโอะ (Mount Takao)

ภูเขาทาคาโอะ (Mount Takao)

ภูเขาทาคาโอะ (Mount Takao) เหมาะกันการไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ได้ตลอดทั้งปี แต่ใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมจะทำให้การเดินทางครั้งนี้ของคุณคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง คุณสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามได้ตลอดทาง ตั้งแต่เชิงเขาไปจนถึงยอดเขา ขอแนะนำให้ขึ้นกระเช้าจากสถานี Kiyotaki ที่เชิงเขาไปยังสถานี Takaosan บนเชิงเขา ระหว่างทางขึ้นภูเขา มีจุดชมธรรมชาติที่สวยงามมากมายและอาหารอร่อยๆ ให้ลิ้มลอง ดังนั้นคุณจึงสามารถเพลิดเพลินกับการเดินป่าได้โดยไม่ต้องออกแรงมากเกินไป

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

กลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม

วิธีการเดินทาง:

สถานีที่ใกล้ที่สุดกับภูเขาทาคาโอะคือสถานี Takaosanguchi ของสาย Keio (จากสถานีชินจูกุใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง)

ที่อยู่/แผนที่:

Hachio, Tokyo, Japan
https://maps.app.goo.gl/MxHmphgLJ2ogju2A6

14. สวนสาธารณะนารา (Nara Park)

สวนสาธารณะนารา (Nara Park)

สวนสาธารณะนารา (Nara Park) ตั้งอยู่ในเมืองนารา ซึ่งเมืองนาราเป็นสถานที่ที่คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับความงามของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง เนื่องจากเมืองนี้ล้อมรอบไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า เช่น ศาลเจ้าคาสุกะไทฉะ วัดโคฟุกุจิ วัดโทไดจิ พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา สวนสาธารณะนารา และโชโซอิน เป็นต้น เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาถึง สวนสาธารณะแห่งนี้จะเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีสันสดใสที่ผสมผสานกับสถานที่สำคัญได้อย่างลงตัว

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

เดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายน

วิธีการเดินทาง:

ที่สะดวกที่สุดคือการนั่งรถไฟจากเมือง Osaka สถานี Osaka-Namba สาย Kintetsu Line ลงสถานีปลายทาง Kintetsu Nara ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที แล้วเดินด้วยเท้าต่ออีก 1.2 กิโลเมตร ก็จะถึงสวนสาสาธารณะ Nara

ที่อยู่/แผนที่:

Nara, Japan
https://maps.app.goo.gl/NdcXWb7AyHygURdj6

15. หุบเขานารุโกะ (Naruko Gorge), สะพานโอฟุคาซาว่า(Ofukazawa Bridge)

หุบเขานารุโกะ (Naruko Gorge), สะพานโอฟุคาซาว่า(Ofukazawa Bridge)

หุบเขานารูโกะ(Naruko Gorge) เป็นหนึ่งในหุบเขาที่สวยงามที่สุดของภูมิภาคโทโฮคุ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดมิยากิ ทุกปีในช่วงปลายเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนทั่วทั้งบริเวณหุบเขาจะงดงามด้วยสีสันของใบไม้ นับว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่นิยมมากที่สุดของภูมิภาคเลยทีเดียว หุบเขาแห่งนี้กินพื้นที่ยาว 2 กิโลเมตรจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก จุดชมธรรมชาติที่ดีที่สุดคือบริเวณศาลา Narukokyo Resthouse เรื่อยไปทางทิศตะวันตกของหุบเขา ทัศนียภาพที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งคือสะพานโอฟุคาซาว่า(Ofukazawa Bridge) ที่มองเห็นได้จากจุดชมวิวข้างศาลา

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ปลายเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน

วิธีการเดินทาง:

สถานีรถไฟที่ใกล้กับหุบเขานารุโกะที่สุดคือสถานี Nakayamadaira Onsen ซึ่งสามารถเดินไปยังหุบเขาได้ในเวลา 30 นาที หรืออีกวิธีหนึ่งคือนั่งแท็กซี่จากสถานี Naruko Onsen ไปยังหุบเขาได้ในเวลา 10 นาที และมีรถบัสให้บริการทุกชั่วโมงระหว่างสถานี Nakayamadaira Onsen และสถานี Naruko Onsen เฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน โดยระหว่างทางมีจอดที่ Narukokyo Resthouse และ Japan Kokeshi Museum (ใช้เวลาประมาณ 10 นาที)

ที่อยู่/แผนที่:

Naruko Gorge, Osaki, Miyagi, Japan
https://maps.app.goo.gl/81fERSxbwaBicMVu7

16. ซัปโปโร โคคุไซ สกีรีสอร์ท (Sapporo Kokusai Ski Resort)

ซัปโปโร โคคุไซ สกีรีสอร์ท (Sapporo Kokusai Ski Resort)

ซัปโปโร โคคุไซ สกีรีสอร์ท (Sapporo Kokusai Ski Resort) เป็นสกีรีสอร์ทที่ขนาดไม่ใหญ่นัก อยู่นอกเมืองซัปโปโร (Sapporo) เป็น จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วง ในช่วงที่หิมะยังไม่ตกจะมีกระเช้าลอยฟ้า Koyo Gondola วิ่งให้บริการเฉพาะช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสีเท่านั้น ซึ่งจะค่อยๆ แล่นไต่ระดับจากพื้นดินขึ้นไปถึงสถานีบนยอดเขา ที่คุณสามารถชื่อชมภูเขาที่แต่งแต้มไปด้วยสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีที่อยู่เบื้องล่างและมองเห็นทะเลที่อย่ไกลออกไป

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ปลายเดือนกันยายน-เดือนตุลาคม

วิธีการเดินทาง:

ขึ้นรถบัสจากสถานี Sapporo (Jotetsu Bus) ไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว Jozankei (60 นาที) และต่อรถ Kouyou Gondola Liner ไปที่รีสอร์ท (30 นาที)

ที่อยู่/แผนที่:

Sapporo, Hokkaido, Japan
https://maps.app.goo.gl/5en2eFLfZaufsoFe7

17. น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Falls)

น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Falls)

น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Falls) หนึ่งในน้ำตกที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาทางทิศตะวันตกของ ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) จังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka Prefecture) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากหิมะที่ละลายลงมาจากภูเขาไฟฟูจิ กลายเป็นม่านน้ำตกขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 150 เมตร และสูงประมาณ 20 เมตร สายที่ไหลลงมาดูพลิ้วไหวราวกับผ้าไหมสีขาว เมื่อกระทบสู่แอ่งน้ำด้านล่างก็เกิดเป็นละอองน้ำกระจายไปทั่วบริเวณ บรรยากาศสดชื่น ในช่วงฤดูใบไม่เปลี่ยนสี ต้นไม้ที่รายล้อมจะเปลี่ยนเป็นสีสันแดง เหลือง ส้ม ที่ดูงดงามราวกับภาพวาดเลยทีเดียว

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

เดือนพฤศจิกายน

วิธีการเดินทาง:

นั่งรถบัสจากสถานีต่างๆ เช่น สถานีชินฟูจิ (Shin-Fuji Station) สถานีฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya Station) และป้ายรถบัสทะเลสาบฟูจิทั้ง (5 Fuji Five Lakes) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะแวะจอดที่ป้ายบริเวณน้ำตกชิราอิโตะ จากนั้นให้เดินจากถนนไปต่ออีกประมาณ 5 นาที ก็จะถึงน้ำตก

ที่อยู่/แผนที่:

Fujinomiya, Shizuoka, Japan
https://maps.app.goo.gl/ateeBNFrnvTGRuyq6

18. หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) หมู่บ้านชาวนาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบสูงฮิดะ (Hida) ในจังหวัดกิฟุ (Gifu) หมู่บ้านแห่งนี้มีบรรยากาศญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่เกิดจากการอนุรักษ์สิ่งก่อสร้าง และบ้านโบราณต่างๆ ภายในพื้นที่ให้คงอยู่อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ที่นี่เป็น จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ที่สวยและโรแมนติกแห่งหนึ่ง ต้นไม้ ใบไม้ต่างๆ จะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง สีน้ำตาลทั้งหมู่บ้าน และจุดที่ไม่ควรพลาดคือจุดชมวิวเท็นชุคาคุ (Tenshukaku Observatory) ที่อยู่มุมสูงมองเห็นหมู่บ้านได้ทั้งหมด

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ปลายเดือนตุลาคม-กลางเดือนพฤศจิกายน

วิธีการเดินทาง:

นั่งรถไฟจากเมืองโอซาก้า (Osaka) หรือเมืองนาโกย่า (Nagoya) มาลงที่เมืองคานาซาวา (Kanazawa) แล้วต่อรถบัสประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ก็จะถึงหมู่บ้าน หรือนั่งรถไฟจากเมืองนาโกย่า (Nagoya) เข้าเมืองทาคายาม่า (Takayama) แล้วต่อรถบัส Takayama Nohi Bus Center อีกประมาณ 50 นาที

ที่อยู่/แผนที่:

Gifu, Japan
https://maps.app.goo.gl/GzAUKZH5SEbAH3uL7

19. จุดชมวิวแม่น้ำทาดามิ (Tadami River Bridge View Point)

จุดชมวิวแม่น้ำทาดามิ (Tadami River Bridge View Point)

วิวใบไม้เปลี่ยนสีอันเลื่องชื่อเหนือแม่น้ำทาดามิจะอยู่บริเวณสะพานแม่น้ำทาดามิแห่งแรกเมื่อรถไฟออกจากอุโมงค์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงามในเมืองฟุกุชิมะ รถไฟ Tadami Line เป็นรถไฟท้องถิ่นของจังหวัด Fukushima วิ่งระหว่างสถานี Aizu-Wakamatsu กับสถานี Aizu-Kawaguchi (เลยไปจนถึงสถานีปลายทาง Koide ในจังหวัด Niigata) ในหนึ่งวันวิ่งเพียงหกขบวนสำหรับขาไปและอีกหกขบวนสำหรับขากลับ การเดินทางมาชมรถไฟ Tadami line แนะนำให้พักโรงแรมแถวสถานีต้นทาง Aizu-Wakamatsu

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน

วิธีการเดินทาง:

นั่งรถไฟ JR Tadami line จากสถานี Aizu-Wakamatsu (6.00 น.) ไปลงที่สถานี Aizu Miyashita (7.29 น.) จากนั้นนั่ง Micro-bus ต่ออีกประมาณ 5 นาทีไปลงที่จุดพักรถ (Michi no Eki Mishima Juku) ก่อนเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวบนเนินเขาใกล้ๆ จุดพักรถ

ที่อยู่/แผนที่:

Mishima, Fukushima, Japan
https://maps.app.goo.gl/LF7LrRHDNUSqkikT8

20. หุบเขาทาคาจิโฮ (Takachiho Gorge)

หุบเขาทาคาจิโฮ (Takachiho Gorge)

หุบเขาทาคาจิโฮ (Takachiho Gorge) เป็นหุบเขารูปตัววีที่เกิดจากแม่น้ำโกคาเสะ (Gakase River) กัดกร่อนลาวาที่ไหลออกมาจากการปะทุของภูเขาไฟอะโซ (Mount Aso) เป็นเวลานับหมื่นปี ภาพของหน้าผาซึ่งมีความสูงถึง 100 เมตรและสูงเฉลี่ย 80 เมตร ทอดยาวเป็นระยะทาง 7 กิโลเมตรนั้นงดงามตระการตาจนประเทศญี่ปุ่นกำหนดให้สถานที่แห่งนี้เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติและเป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพที่งดงาม จุดเด่นที่ใหญ่ที่สุดคือน้ำตกมานาอิ (Manai Falls) ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในน้ำตก 100 แห่งที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง พื้นที่รอบ ๆ น้ำตกก็จะเปลี่ยนสีไปด้วย ทำให้สามารถชมทิวทัศน์น้ำตกและใบไม้เปลี่ยนสีอันน่าทึ่งได้จากบนเรือ

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

กลางเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนธันวาคม

วิธีการเดินทาง:

ให้เริ่มต้นจากเมืองคุมาโมโตะ หรือเมืองมิยาซากิ แล้วนั่งรถบัสจากเมืองคุมาโมโตะไปที่ทาคาจิโฮ หรือขับรถจากเมืองมิยาซากิใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง

ที่อยู่/แผนที่:

Takachiho, Miyazaki, Japan
https://maps.app.goo.gl/EWM3m7k3jpMCX1sM8

21. สวนสาธารณะชิบะ (Shiba Park)

สวนสาธารณะชิบะ (Shiba Park)

สวนสาธาณะชิบะ (Shiba Park) เป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่โด่งดังอยู่ใกล้กับโตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) สวนนี้อยู่ล้อมรอบวัดโซโจ ซึ่งเป็นวัดประจำตระกูลโทกูงาวะ โชกุนที่มีตำแหน่งสูงสุดในนักรบซามุไรของญี่ปุ่นในสมัยก่อน เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิดให้ได้เพลิดเพลินกับช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม ทั้งต้นเมเปิ้ล (โมมิจิ) หรือต้นแปะก๊วย เป็นต้น คุณสามารถชมโตเกียวทาวเวอร์พร้อมกับชมใบไม้เปลี่ยนสีไปด้วย

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

กลางเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนธันวาคม

วิธีการเดินทาง:

หากมาจากสถานีชิบะโคเอ็น (Shibakoen) รถไฟโทะเอสายมิตะ ก็จะออกมาที่หน้าสวนเลย  หากมาจากสถานีไดมน (Daimon) รถไฟโทะเอสายอาซากุสะ จะต้องเดินไปสวนอีก 7 นาที

ที่อยู่/แผนที่:

Minato City, Tokyo, Japan
https://maps.app.goo.gl/fqa6DeuzihFQLij88

22. วัดยามาเดระ (Yamadera Temple)

วัดยามาเดระ (Yamadera Temple)

วัดยามาเดระ (Yamadera Temple) แปลตามตัวได้ว่า วัดภูเขา มีชื่ออย่างเป็นทางการคือวัดริชชะคุจิ (Risshakuji Temple) ตั้งอยู่บนเขาในเมืองยามากาตะ (Yamagata) ในภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) และเป็นที่เที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากด้วยความงดงามของทิวทัศน์และความเก่าแก่ของวัด โดยอาคารใหญ่ด้านหน้านั้นถูกกำหนดให้เป็นสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมแห่งชาติ นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีส่วนต่างๆ ที่สร้างเอาไว้ในพื้นที่บนเขา ดังนั้นจึงเป็นที่มาของคำว่าวัดภูเขา ในภาษาญี่ปุ่นนั่นเอง

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

เดือนพฤศจิกายน

วิธีเดินทาง:

ด้านล่างของวัดยามาเดระอยู่ห่างจากสถานี JR Yamadera โดยการเดิน 7 นาที หากขึ้นรถไฟชินคันเซ็น Hayabusa จากโตเกียวแล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Yamagata ที่เมืองเซนได คุณจะไปถึงสถานี Yamadera ในเวลาเพียง 3 ชั่วโมงเศษ

ที่อยู่/แผนที่:

Yamagata, Japan
https://maps.app.goo.gl/Q9cJmbHdsTP5MAM9A

23. สะพานชินยะมะบิโกะ (Shin-Yamabiko Bridge)

สะพานชินยะมะบิโกะ (Shin-Yamabiko Bridge)

สะพานชินยะมะบิโกะ (Shin-Yamabiko Bridge) คือสะพานสีแดงสด หากเดินทางโดยรถไฟโทะรกโกะ (Torokko Train) จากสถานีอุนะซุกิไม่ไกลนัก ก็จะผ่านสะพานที่ยาวที่สุดของบริเวณแม่น้ำคุโรเบะ โดยมีความยาวถึง 166 เมตร โดยเราสามารถมองเห็นสะพานชินยะมะบิโกะได้จากสถานีรถไฟ อุนะซุกิ (Unazuki Station), จุดชมวิวยามาบิโกะ (Yamabiko Observation Platform) และจากสะพานจุดอื่นๆ จุดที่แนะนำสำหรับการถ่ายภาพของสะพานนี้คือจุดชมวิวยะมะบิโกะ (Yamabiko Observation Platform) ใช้เวลาเดินเพียงสามนาทีจากสถานีรถไฟอุนะซุกิ (Unazuki Station) คุณก็จะพบกับจุดถ่ายภาพนี้ ซึ่งต้นไม้เปลี่ยนสีบริเวณนี้มีอยู่ด้วยกันหลากหลายชนิดจึงทำให้เป็นจุดที่สวยงาม ด้วยสีสันที่หลากหลายของใบไม้ มีทั้งสีแดง สีส้ม สีเหลือง ตัดกับสีน้ำเงินของแม่น้ำคุโรเบะและสีแดงสดของสะพาน

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

กลางเดือนตุลาคม – กลางเดือนพฤศจิกายน

วิธีการเดินทาง:

จากสถานี Toyama โดยสารรถไฟ JR Shinkansen ไปลงที่สถานี Kurobe Unazuki Onsen ใช้เวลา 10 นาที จากนั้นคุณสามารถเดินไปยังจุดหมายได้ทันที

ที่อยู่/แผนที่:

Kurobe Gorge, Toyama, Japan
https://maps.app.goo.gl/ZFCQq651nkT18r5c7

24. กระเช้าลอยฟ้านิกโกชิราเนะ (Nikko-Shirane Ropeway), ภูเขานิกโกชิราเนะ (Mount Nikko-Shirane)

กระเช้าลอยฟ้านิกโกชิราเนะ (Nikko-Shirane Ropeway), ภูเขานิกโกชิราเนะ (Mount Nikko-Shirane)

Nikko-Shirane Ropeway เป็นกระเช้าลอยฟ้าประเภทกอนโดล่า อยู่ใน Marunuma Kogen Ski Resort กระเช้าจะเดินทางครอบคลุมระยะทาง 2,500 เมตร โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที ระหว่างทางกระเช้าจะเคลื่อนตัวผ่านระหว่างภูเขา คุณจะได้พบกับวิวภูเขานิกโกชิราเนะ (Mount Nikko-Shirane) ซึ่งเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างเขตจังหวัดกุนมะและโทจิงิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคคันโต (2,578 เมตร) และธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีต้นไม้ ใบไม้ จะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันหลากสีสัน สีเหลือง สีส้ม สีแดง สีน้ำตาล เป็นภาพของธรรมชาติที่สวยงามมากๆ ด้านบนมีร้านอาหาร จุดชมวิว มีเส้นทางเดินป่า 1-2 ชั่วโมงเพื่อไปสักการะพระพุทธรูปหิน และแช่เท้าในน้ำพุร้อน ส่วนในฤดูหนาว Marunuma Kogen จะเปิดเป็นสกีรีสอร์ท กระเช้าลอยฟ้าภูเขานิกโกชิราเนะเปิดให้บริการตลอดทั้งปี คุณสามารถเดินทางมาด้วยรถไฟและรถประจำทาง หรือรถประจำทางแบบด่วนจากโตเกียวในช่วงฤดูหนาวได้

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ปลายเดือนกันยายน-กลางเดือนตุลาคม

วิธีการเดินทาง:

  • นั่งรถไฟ Joetsu Shinkansen จากสถานี Tokyo ไปถึงสถานี Jomo-Kogen โดยใช้เวลาประมาณ 70 นาที 
  • ที่สถานี Jomo-Kogen ซึ่งเป็นประตูสู่พื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของกุนมะ รถประจำทางจะจอดที่หน้าทางออกทิศตะวันออกของสถานี มีศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวใกล้ทางออกทิศตะวันออก รถประจำทางไปสถานี Numata และ Oze Tokura จะออกจากป้ายรถประจำทางหมายเลข 2 ที่หน้าสถานี 
  • แม้รถประจำทางที่ไป Oze Tokura บางส่วนจะเริ่มต้นจากสถานี Jomo-Kogen แต่ส่วนใหญ่จะออกจากสถานี Numata ขึ้นรถประจำทางสาย Sarugakyo (Kan-etsu Transportation) ไปยังสถานี Numata ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 25 นาที 
  • จากสถานี “Numata” บนสาย JR Joetsu Line นั่งรถบัสท้องถิ่น Kan-etsu Kotsu และลงที่ป้าย “Kamata” การเดินทางจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เวลาบนตารางเวลาบริการรถประจำทางอาจแตกต่างกันในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว 
  • จากนั้นขึ้นรถบัสที่มุ่งหน้าไปยัง Marunuma Kogen Ski Resort โดยขึ้นรถประจำทางKan-etsu Transportationที่มุ่งหน้าไปยังยุโมโตะ ออนเซ็นและลงที่ป้าย Mt. Nikko-Shirane Ropeway ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ปกติแล้วในวันที่กระเช้าลอยฟ้าเปิดให้บริการจะมีบริการรถรับส่งฟรีจากป้ายรถบัส Kamata รถรับส่งจะจอดรับผู้โดยสารบริเวณใกล้จุดจำหน่ายตั๋วกระเช้าลอยฟ้าภูเขานิกโกชิราเนะ

    คุณสามารถคลิกดูวิธีการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่นี่

ที่อยู่/แผนที่:

Gunma, Japan
https://maps.app.goo.gl/ibsEopnhMV6sUfw38

25. สะพานมัตสึมิ (Matsumi Bridge), มิคุนิพาส (Mikuni Pass)

สะพานมัตสึมิ (Matsumi Bridge), มิคุนิพาส (Mikuni Pass)

มิคุนิพาส (Mikuni Pass) คือสันเขาที่อยู่เลียบทางหลวงหมายเลข 273 ซึ่งเป็นถนนทางหลวงที่สูงที่สุดของเกาะฮอกไกโด (Hokkaido) โดยตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง (Daisetsusan National Park) เชื่อมระหว่างเมืองคามิคาวะ (Kamikawa) และเมืองโทคาชิ (Tokachi) เส้นทางขับรถเส้นนี้เป็นจุดชมวิวยอดนิยม มีวิวที่สวยงามตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ช่วงกลางเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม ต้นไม้โดยรอบพื้นที่จะถูกแต่งแต้มด้วยสีสันของใบไม้ที่มีหลากหลายสีสัน มีทั้งสีเหลือง สีส้ม สีแดง สีน้ำตาล สลับกันไป ทำให้ทัศนียภาพของพื้นที่โดยรอบสวยงามดุจดั่งภาพวาดอันน่าทึ่ง “สะพานมัตสึมิ (Matsumi Bridge)” เป็นสะพานสะพานสีแดงที่ทอดยาวเหนือผืนป่าที่เต็มไปด้วยสีสันของใบไม้ ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี หากมองจาก “สะพานเรียวคุชิน (Ryokushin Bridge)” คุณจะได้เห็นเห็นทิวทัศน์ของ สะพานมัตสึมิ (Matsumi Bridge) ที่ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติทั้งภูเขา ป่าไม้ ท้องฟ้า และก้อนเมฆ เป็นภาพที่งดงามและโรแมนติก

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ช่วงปลายเดือนกันยายนถึงกลางเดือนตุลาคม

วิธีการเดินทาง:

1. จากโซอุนเคียว อนเซ็น (Sounkyo Onsen) แหล่งน้ำพุร้อนชื่อดัง ใช้เวลาขับรถประมาณ 30 นาทีก็ถึง Mikuni Pass 
2. จากตัวเมืองซัปโปโร (Sapporo) ขับรถยนต์ไปตามเส้นทางด่วน Hokkaido Expressway Pippu JCT ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที

ที่อยู่/แผนที่:

Hokkaido, Japan
https://maps.app.goo.gl/ZQ5VLWxsmgvzKNyr9

การเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เราควรวางแผนการท่องเที่ยวล่วงหน้า เนื่องจากในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวเพื่อชมความสวยงามของสถานที่ต่างๆ ที่ประเทศญี่ปุ่น ที่พักตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จะเต็มอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราจึงต้องรีบวางแผนการเดินทางและจองที่พักตามสถานที่ ที่เราต้องการเดินทางไปให้พร้อม และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีติดตัวไว้ก็คือ ประกันภัยการเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : facebook: ibaraki.thai, conomi.co, aomori-tourism.com, japan-guide.com, alpico.co.jp, japan.travel, en.japantravel.com, jnto.or.th, sapporo-kokusai.jp, visit.gunma.jp, whc.unesco.org

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

Comments