หนึ่งในสถานที่ฮอตฮิตในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีสำหรับ ทริปเที่ยวญึ่ปุ่น ที่คนนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ คงหนีไม่พ้นคามิโคจิ ( 上高地, Kamikochi ) แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติชื่อดังของจังหวัดนากาโน่ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติชูบุซังกะคุ (Chubu Sangaku National Park) ชื่อคามิโคจิมีความหมายว่า “ดินแดนที่เทพเจ้าลงมาประทับ” ซึ่งมีความงดงามสมชื่อ เป็นที่ราบสูงทอดตัวยาวไปตามแม่น้ำอาซุสะ ระยะทางยาว 15 กิโลเมตร มีความสูงเฉลี่ยประมาณ 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงมากมาย ทำให้เกิดเป็นทัศนียภาพที่สวยอลังการ และเป็นหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามที่สุด เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เปรียบเหมือนสวรรค์ของนักเดินทางสายธรรมชาติ และสายผจญภัยที่ชอบเที่ยวป่าเขา ช่วงไฮซีซั่นที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากคือประมาณกลางเดือนกรกฎาคมไปจนถึงเดือนสิงหาคม และวันหยุดสุดสัปดาห์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงประมาณเดือนตุลาคม ถ้าไม่ชอบคนเยอะๆ ก็ควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลานี้เลยค่ะ
ช่วงเวลาที่ควรไปเที่ยวคามิโคจิ
คามิโคจิเปิดให้ท่องเที่ยวเพียงปีละ 7 เดือน ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น เพราะช่วงฤดูหนาวเป็นช่วงที่ทางอุทยานแห่งชาติปิดทำการเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ อีกทั้งสภาพอากาศที่หนาวจัดยังไม่เหมาะแก่การไปเที่ยวในช่วงนั้นอีกด้วย คามิโคจิมีความสวยงามที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละฤดู ซึ่งเราสามารถเลือกไปตามสไตล์ที่เราชอบได้เลยค่ะ
- ฤดูใบไม้ผลิ (กลางเดือนเมษายน – ปลายเดือนมิถุนายน) ช่วงแรกที่อุทยานฯ เปิดให้เข้าไปเที่ยวคามิโคจิอาจยังมีหิมะหลงเหลือบ้าง อุณหภูมิประมาณ 1-19 องศา และต้นไม้จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียวชอุ่ม พร้อมกับอุณหภูมิที่อบอุ่นขึ้น ช่วงเดือนมิถุนายนอาจฝนบ้างเป็นบางวัน ช่วงนี้คนยังไม่ค่อยเยอะนัก บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ
- ฤดูร้อน (เดือนกรกฎาคม – กลางเดือนกันยายน) อากาศเย็นสบายเนื่องจากอยู่ที่สูงและล้อมรอบด้วยป่าเขา อุณหภูมิประมาณ 12 -24 องศา เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินป่ากัน เพราะเป็นช่วงวันหยุดฤดูร้อนของชาวญี่ปุ่น และเป็นฤดูกาลแห่งการปีนเขาอีกด้วย
- ฤดูใบไม้ร่วง (กลางเดือนกันยายน – กลางเดือนพฤศจิกายน) เป็นอีกหนึ่งช่วงพีคของนักท่องเที่ยวที่มาชมความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีที่มีสีสันสดใสสวยงามเป็นอย่างมาก ช่วงเวลาแนะนำสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีคือช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศ อุณหภูมิช่วงต้นฤดูประมาณ 10-14 องศา พอเข้าช่วงเดือนพฤศจิกายน อุณหภูมิจะเย็นลงประมาณ -4 ถึง 9 องศา บางปีอาจมีหิมะตกช่วงปลายเดือนด้วย
5 จุดไฮไลท์ถ่ายรูปสวยห้ามพลาดในคามิโคจิ
1. สะพานคัปปะ (Kappa Bridge)
จุดแลนด์มาร์คสำคัญใจกลางคามิโคจิที่ห้ามพลาด เป็นสะพานแขวนข้ามแม่น้ำอาซุสะ มีฉากหลังเป็นเทือกเขาโอกาตะ ซึ่งเป็นภาพที่อยู่ในโปสการ์ดของคามิโคจิ คุณสามารถเดินจากสถานีขนส่งคามิโคจิเพียง 5 นาที และโดยรอบยังเป็นที่ตั้งของโรงแรม ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกหลายแห่ง ผู้คนมักจะแวะเวียนมาถ่ายรูปโดยรอบหรือบนสะพาน มานั่งพักผ่อนระหว่างเดินป่า และนั่งชมทิวทัศน์ที่สวยงาม
2. บึงไทโช (Taisho Pond)
บึงขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากสะพานคัปปะนัก เกิดจากการระเบิดของภูเขายาเกดาเกะตั้งแต่ปีค.ศ. 1915 มีความสวยงามเป็นพิเศษในยามเช้าหลังพระอาทิตย์ขึ้น บางวันคุณจะได้เห็นหมอกลอยอยู่เหนือผิวน้ำ และเงาของภูเขาโฮตาคาดาเกะและภูเขายาเกดาเกะที่สะท้อนบนผิวน้ำตัดกับท้องฟ้าที่สดใส เกิดเป็นภาพความงามที่เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในคามิโคจิ และถ้าคุณไปเที่ยวในฤดูร้อน คุณสามารถเช่าเรื่อพายหรือเรือถีบเพื่อชมบึงอย่างใกล้ชิดได้อีกด้วย
3. บึงทะชิโระ (Tashiro Marshland)
เป็นบึงน้ำขนาดเล็กล้อมรอบด้วยที่ลุ่ม ตั้งอยู่ริมเส้นทางเดินป่าที่เชื่อมระหว่างสะพายคัปปะและบึงไทโช คุณจะเห็นน้ำใสสะท้อนภาพท้องฟ้า ภูเขาสูงตระหง่าน และขอบสระน้ำที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้ตามฤดูกาลในช่วงอากาศอบอุ่น
4. บึงเมียวจิน (Myojin Pond)
หรือเมียวจินิเกะ (ค่าเข้า: 300 เยน) คุณจะได้เห็นบึงน้ำกว้าง น้ำนิ่งใส และดูลึกลับ ห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม ยิ่งถ้ามาช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี บึงน้ำก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแดงจากต้นไม้ที่สะท้อนเงาลงมาอย่างงดงาม ใช้เวลาเดินจากบริเวณสะพานคัปปะประมาณหนึ่งชั่วโมง ตั้งอยู่ในเขตศาลเจ้าโฮทากะ โอคุมิยะ (Hotaka Shrine Okumiya) ซึ่งจัดพิธีโอมิซึกะเอชิเป็นประจำทุกปี บึงเมียวจินมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อศาสนาชินโตซึ่งถือว่าธรรมชาติเป็นศูนย์กลางในการสักการะ
5. แม่น้ำอาซุสะ (Azusa River)
แม่น้ำสายหลักของคามิโคจิ ที่มีสีฟ้าใสราวกับกระจก มีต้นน้ำมาจากภูเขายาริ ไหล่ผ่านกลางหุบเขาคามิโคจิและไหลไปลงทะเลที่จังหวัดนิกาตะ เส้นทางเดินเลียบแม่น้ำชมธรรมชาติมีความยาวประมาณ 6 กิโลเมตร ระหว่างทางมีทัศนียภาพที่สวยงาม บางช่วงที่น้ำน้อย เราสามารถลงไปเดินเล่นได้เลย
การเดินทางไปคามิโคจิ Kamikochi
คามิโคจิเป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่ไปได้ง่ายและสะดวกที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางด้วยรถบัสจากเมืองใหญ่ต่างๆ ซึ่งคุณอาจต้องเช็คให้ดีว่ามีรถบัสวิ่งในวันที่คุณวางแผนเดินทาง และสามารถไปทันเวลาที่ต้องเปลี่ยนเป็นรถบัสอีกคันหรือไม่ ถ้าคุณพลาดรถไฟและรถบัส คุณอาจต้องเสียเงินนั่งแท็กซี่ขึ้นหรือลงจากภูเขา *เที่ยวสุดท้ายของรถไฟและรถบัสที่ไปยังคามิโคจิอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล
1. การเดินทางจากโตเกียว ไป Kamikochi
1.1 เดินทางด้วยรถบัสตรงจากโตเกียวไปคามิโคจิ เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนรถระหว่างทาง รถบัสมีออกทั้งรอบเช้าหรือรอบดึก หากอยากไปเที่ยวแบบค้างคืนก็ไปรอบเช้า แต่หากอยากไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับก็เดินทางด้วยรถรอบกลางคืน ซึ่งจะไปถึงคามิโคจิแต่เช้า คุณสามารถเลือกขึ้นได้จากสถานีโตเกียว ชิจูกุ และชิบุย่า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-7 ชั่วโมง (รถบัสรอบเช้าจะใช้เวลาน้อยกว่า) รถบัสแบบวิ่งตรงจะมีจำนวนรอบรถไม่มากนัก ดังนั้นจึงควรตรวจสอบจากเว็บไซต์ของผู้ให้บริการก่อนการเดินทาง เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีรถออกในวันที่ต้องการเดินทาง
1.2 เดินทางด้วยตั๋วชุดคามิโคจิยูยู (Kamikochi Yu Yu) เป็นแพคเกจตั๋วชุดรถบัสเที่ยวแบบราคาประหยัด แต่ต้องแลกด้วยการเปลี่ยนรถหลายต่อ (3 ช่วง) ตั๋วมีอายุ 7 วันนับตั้งแต่วันเริ่มต้นใช้ตั๋ว และไม่จำเป็นต้องใช้ติดกันทุกวัน ซึ่งทำให้เรามีความยืดหยุ่นในการเดินทาง และสามารถแวะเที่ยวเมืองอื่นระหว่างทางได้ โดยตั๋วที่รวมอยู่ในตั๋วชุดคามิโคจิยูยู ซึ่งประกอบด้วย
– ตั๋วรถบัสด่วนพิเศษไป-กลับ สถานีรถบัสชินจูกุ – สถานีรถบัสมัตสึโมโตะ
– ตั๋วรถไฟไป-กลับ สถานีรถบัสมัตสึโมโตะ – สถานีชินชิมะชิมะ
– ตั๋วรถบัสประจำทางไป-กลับ ชินชิมะชิมะ – คามิโคจิ
*ตั๋วชุดคามิโคจิยูยูจะมีช่วงวันที่ไม่สามารถใช้ได้ ดังนั้น ควรเช็คช่วงเวลาที่ให้บริการจากเว็บไซต์ ให้ดีก่อนซื้อตั๋ว
1.3 เดินทางด้วย JR Pass เหมาะสำหรับคนที่ซื้อ JR Pass เพื่อใช้เดินทางอยู่แล้ว โดยนำมาใช้ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษขบวนอาซุซะ (Azusa) จากสถานีชินจูกุไปลงที่สถานีมัตสึโมโตะได้โดยไม่ต้องเสียตังค์เพิ่ม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟสายคามิโคจิจากจากสถานีมัตสึโมโตะไปลงสถานีชินชิมาชิมะ (Shinshimashima Station) และต่อด้วยรถบัสประจำทางจากสถานทีรถบัสชินชิมาชิมะ ไปลงที่คามิโคจิ วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ประหยัดที่สุดสำหรับคนที่มี JR Pass แต่ถ้าไม่มีก็ไม่แนะนำ เพราะจะเสียค้าเดินทางแพงที่สุด และต้องเปลี่ยนรถหลายต่อ
2. การเดินทางจากเมืองนาโกย่า หรือ ทาคายาม่า ไป Kamikochi
2.1 เดินทางด้วยรถบัสวิ่งตรงที่ออกจากสถานีรถบัสเมเท็ตสึ เมืองนาโกย่า รอบกลางคืน วันละ 1 รอบ และวิ่งเฉพาะเดือนกรกฎาคม – เดือนตุลาคม เท่านั้น เนื่องจากรอบรถมีน้อย จึงเต็มเร็ว โดยเฉพาะเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นช่วงวันหยุดฤดูร้อนของญี่ปุ่น สามารถซื้อตั๋วได้จากเว็บไซต์ของ Highwaybus
2.2 สำหรับคนที่จองตั๋วรถจากนาโกย่าไม่ทัน หรืออยากไปเที่ยวคามิโคจิในช่วงเวลาอื่น หรืออยากแวะไปเที่ยวทาคายาม่าก่อน สามารถนั่งรถบัสหรือรถไฟไปลงที่ทาคายาม่า แล้วนั่งรถบัสจากสถานีรถบัสทาคายาม่าดนฮิไปลงที่สถานีรถบัสฮิรายุออนเซ็น แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นรถบัสอีกสายที่วิ่งไปคามิโคจิ โดยคุณสามารถซื้อตั๋วรถจากจุดขึ้นรถแต่ละจุดได้เลย และรอบรถมีทุกชั่วดมง ทำให้สะดวกและยืดหยุ่นในการเดินทางเป็นอย่างมาก
3. การเดินทางจากเมืองโอซาก้า หรือ เกียวโต ไป Kamikochi
เดินทางด้วยรถบัสด่วนพิเศษรอบกลางคืนจากสถานีโอซาก้า และแวะจอดรับคนที่สถานีชินโอซาก้าและสถานีเกียวโต ก่อนไปจอดส่งที่สถานีรถบัสคามิโกจิ โดยซื้อตั๋วได้จากเว็บไซต์ของ Japan Bus Online
ใครที่ชื่นชอบธรรมชาติ บรรยากาศป่าเขา บึงน้ำใส สัมผัสอากาศเย็นๆ คามิโคจิ (kamikochi) เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คุ้มค่ากับการเดินทางไปเที่ยวเป็นอย่างมาก ที่สำคัญก็ต้องวางแผนการเดินทางให้ดี เช็คตารางรถ และสภาพอากาศเพื่อเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทาง และสิ่งที่ควรมีพร้อมติดตัวไว้ก่อนออกเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ คือประกันภัยการเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางอย่างอุ่นใจไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย เที่ยวบินดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
ขอบคุณข้อมูลจาก : kamikochi.org, japan-guide.com
เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel