20 tourist attractions in iceland

20 ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ ดินแดนธรรมชาติอันงดงาม

ประเทศไอซ์แลนด์เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำของโลก ไม่เพียงแต่สำหรับนักผจญภัยที่แสวงหาความตื่นเต้นเร้าใจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้รักธรรมชาติที่มองหาสิ่งที่แตกต่างออกไปด้วย แหล่ง ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ คุณจะได้พบกับภูเขาไฟที่ยังไม่ดับและปะทุอยู่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก น้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน บ่อน้ำร้อนกลางแจ้ง ธารน้ำแข็ง ทุ่งน้ำแข็ง และฟยอร์ด 

เราสามารถ เที่ยวไอซ์แลนด์ ได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเช่ารถขับ หรือใช้บริการทัวร์ที่มีอยู่มากมาย อย่างเช่น ทัวร์ล่าแสงเหนือ ขี่รถ ATV เหนือทุ่งลาวา ทัวร์ไปเช้าเย็นกลับ เพื่อชมความงามทางธรรมชาติที่น่าทึ่งของไอซ์แลนด์ และเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการผจญภัยครั้งต่อไปของคุณ Allianz Travel ได้นำ 20 ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ ดินแดนอันงดงามของธรรมชาติมาใส่เพิ่มในแผนการเดินทางของคุณค่ะ

1. เมืองเรคยาวิก (Reykjavík)

เรคยาวิกเป็นเมืองหลวงของไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งใน ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ ที่คุณควรไปเยี่ยมชมเมื่อไปถึงไอซ์แลนด์ คุณควรใช้เวลาสัก 2-3 วันเพื่อเพลิดเพลินกับสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไอซ์แลนด์ ที่นี่พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่คุณคาดหวังได้จากเมืองหลวงของยุโรป เช่น พิพิธภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมและแหล่งช้อปปิ้งชั้นยอด โดยเริ่มต้นด้วยการชมเมืองมุมสูง 360 องศาจากโบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrímskirkja) โบสถ์คอนกรีตสีขาวที่มีดาดฟ้าสำหรับชมวิวในหอคอยสูง 74.5 เมตร เดินเล่นสำรวจรอบเมือง เยี่ยมชมอาคาร Harpa ในเขตท่าเรือเก่า ชมหอศิลป์สำคัญๆ แวะชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติไอซ์แลนด์ และผ่อนคลายแช่น้ำอุ่นตามสระว่ายน้ำสาธารณะที่มีอยู่หลายแห่งของเมือง

โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrímskirkja)
โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrímskirkja)

2. บลูลากูน (Blue Lagoon)

บลูลากูนเป็นสปาที่ใช้ความร้อนจากใต้พิภพ มีอุณหภูมิสูงถึง 37-39 องศาเซลเซียส และกล่าวกันว่ามีประโยชน์อย่างมากต่อทั้งสุขภาพและผิวพรรณ นอกจากการอาบน้ำในบรรยากาศที่ไม่เหมือนใครแล้ว ที่นี่ยังมีร้านขายผลิตภัณฑ์ดูแลผิว สปาทรีตเมนต์ต่างๆ และสถานที่กินและดื่มอีกด้วย คุณสามารถเดินทางไปเช้าเย็นกลับจากเมืองเรคยาวิก โดยใช้เวลาขับรถเพียง 40 นาที การจองตั๋วรถบัสไปยังบลูลากูนจากเรคยาวิกก็ทำได้ไม่ยาก และถ้าคุณต้องการเพิ่มการผจญภัยในไอซ์แลนด์ คุณสามารถจองการเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับด้วยรถเอทีวีที่จะพาคุณขับรถไปตามเส้นทางหินลาวา

บลูลากูน (Blue Lagoon)

หากคุณมีเวลาไม่มาก คุณอาจแวะแช่ตัวในน้ำสีฟ้าร้อนและโคลนสีฟ้าที่อุดมด้วยแร่ธาตุในสระอาบน้ำสัก 2-3 ชั่วโมงทันทีที่คุณบินมาถึงไอซ์แลนด์ หรือแม้แต่ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินออกจากประเทศ เพราะบลูลากูนตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติเคฟลาวิกเป็นอย่างมาก

3. คาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes)

อุทยานธรณีคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes) อยู่ห่างจากเมืองหลวงประมาณ 50 กิโลเมตร เป็นที่เดียวในโลกที่จะมีโอกาสได้เห็นทวีปอเมริกาเหนือกับทวีปยุโรปที่ปกติจะมีมหาสมุทรแอตแลนติกคั่นกลางในระยะทางนับพันกิโลเมตร แต่คุณสามารถเดินข้ามทวีปตรงรอยแยกระหว่างแผ่นเปลือกโลกยูเรเซียและอเมริกาเหนือในเวลาไม่ถึงนาที โดยผ่านสะพานข้ามทวีปบริเวณสีขาวที่มีชื่อเรียกว่า ‘Leif the Lucky’ ตั้งขึ้นเป็นเกียรติแก่นาย เลฟ เอริกสัน (Leif Erikson) นักสำรวจชาวไอซ์แลนด์ และเป็นชาวยุโรปคนแรกที่พิชิตทวีปอเมริกาเหนือสำเร็จเมื่อพันปีก่อน ตามตำนานของชาวไอซ์แลนด์

คาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes)

สำหรับผู้หลงใหลธรณีวิทยา คาบสมุทร Reykjanes แห่งนี้เปรียบเสมือนดินแดนที่จะย้อนเวลาให้คุณเข้าใจถึงการกำเนิดโลก ค้นพบเรื่องราวเกี่ยวกับภูเขาไฟ ทุ่งลาวา แผ่นดินไหว รอยแยก ชั้นหินต่าง ๆ น้ำพุร้อน และระบบความร้อนใต้พิภพได้เป็นอย่างดี

4. ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ บนเส้นทางวงกลมทองคำ (The Golden Circle)

เส้นทางวงกลมทองคำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ได้ความนิยมที่สุดของไอซ์แลนด์ มีระยะทางเมื่อขับรถวนรอบแค่ 240 กิโลเมตร และรวมสถานที่ที่ดีที่สุดที่ควรไปเยี่ยมชมในไอซ์แลนด์ไว้ถึง 3 แห่ง คุณสามารถขับรถเที่ยวจากเมืองเรคยาวิกวนเป็นวงกลมได้ใน 1 วัน โดยเริ่มจากอุทยานแห่งชาติ Thingvellir ซึ่งเป็นหุบเขาขนาดใหญ่ที่มีทั้งประวัติศาสตร์และทิวทัศน์ที่สวยงาม และยังเป็นบริเวณที่แผ่นเปลือกโลกของทวีปอเมริกาเหนือและทวีปยุโรปแยกออกจากกัน นอกจากนี้หากคุณกล้าท้าความหนาวเย็น คุณสามารถไปดำน้ำตื้นหรือดำน้ำลึกได้ที่รอยแยกใต้น้ำซิลฟรา (Silfra Fissure) ซึ่งเป็นรอยแยกแผ่นทวีปยูเรเชีย-อเมริกาเหนือ หลังจากนั้นให้ขับรถไปที่หุบเขาเฮาคาดาลูร์ Haukadalur ซึ่งคุณจะพบกับกีย์เซอร์หรือน้ำพุร้อนใต้ดินที่พุ่งสูงขึ้นไปในอากาศ และที่สุดท้ายคือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) น้ำตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์และเป็นน้ำตกที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุด

น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss)

5. น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) และสโกกาฟอสส์ (Skógafoss)

น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์และสโกกาฟอสส์ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งทางตอนใต้ไม่ไกลจากเมืองเรคยาวิก น้ำตกแห่งแรกที่คุณจะไปถึงคือน้ำตกเซลยาลันด์ฟอสส์ ซึ่งมีน้ำไหลลงมาจากหน้าผาสูงและเป็นทางเข้าสู่ถ้ำขนาดใหญ่ คุณสามารถเดินไปตามขอบถ้ำและเข้าไปด้านหลังน้ำตกเพื่อถ่ายภาพได้ เมื่อคุณขับรถต่อไปตามถนนอีกหน่อย คุณก็จะถึงน้ำตกสโกการ์ฟอสส์ ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ใต้เงาของภูเขาไฟเอยาฟยาลลาโจกุล (Eyjafjallajökull) อันเลื่องชื่อ ที่เพิ่งปะทุจนต้องหยุดการจราจรทางอากาศทั้งหมดในปี 2010

น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss)
น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss)
น้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skógafoss)
น้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skógafoss)

6. หมู่เกาะแวสต์มานาเอย์ยาร์ (Vestmannaeyjar)

หมู่เกาะแวสต์มานาเอย์ยาร์อยู่นอกชายฝั่งทางใต้ของไอซ์แลนด์ที่มียอดเขาสูงชัน คุณใช้เวลานั่งเรือข้ามฟากจากแผ่นดินใหญ่เพียง 30 นาที แต่บรรยากาศให้ความรู้สึกเหมือนออกไปไกลหลายสิบกิโลเมตร คุณจะได้ยินเสียงร้องของนกทะเล เห็นหน้าผาสูงตระหง่าน และภาพกระท่อมที่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่บนยอดเขา ประชากรกว่า 4,000 คนของเกาะอาศัยอยู่ที่เมือง Heimaey ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ และมีลาวาที่ไหลเป็นเส้นตรงผ่านใจกลางเมือง ที่นี่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์นกพัฟฟินที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และคุณสามารถไปกับทัวร์เรือชมหมู่เกาะเพื่อชมพวกมันได้

หมู่เกาะแวสต์มานาเอย์ยาร์ (Vestmannaeyjar)
หมู่เกาะแวสต์มานาเอย์ยาร์ (Vestmannaeyjar)
นกพัฟฟิน
นกพัฟฟิน

7. น้ำตกเฮงกิฟอสส์ (Hengifoss)

น้ำตกเฮนกิฟอสส์เป็นน้ำตกที่สูงเป็นอันดับสามของไอซ์แลนด์ด้วยความสูงที่ 128 เมตร เป็นน้ำตกที่สวยงามมาก มีความสูง 128 เมตร นับว่าสูงเป็นอันดับ 2 ของน้ำตกที่สูงที่สุดของไอซ์แลนด์ น้ำตกเฮงกิฟอสส์มีความโดดเด่นด้วยช่องเขาที่อยู่โดยรอบ ซึ่งมีส่วนประกอบของหินสีแดงที่เกิดจากการ oxidation ของแร่เหล็กในโคลน แทรกตัวอยู่ระหว่างชั้นของกินบะซอลล์อายุราว 5-6 ล้านปี ที่เรียงตัวซ้อนกันเป็นชั้นๆ สีปูนแดงซึ่งทำให้น้ำตกแห่งนี้ดูสวยงามยิ่งขึ้น คุณสามารถเดินขึ้นเขาจากลานจอดรถไปที่น้ำตกได้ในเวลาประมาณ 40-60 นาที ซึ่งมีม้านั่งให้พักชมวิวเป็นระยะ ระหว่างทางคุณจะเจอกับน้ำตกลิทลันเนสฟอสส์ (Litlanesfoss) หนึ่งในน้ำตกที่มีชื่อเสียงของไอซ์แลนด์มากที่สุด ไหลผ่านหินบะซอลต์รูปแท่ง (columnar basalt) ที่เกิดจากการเย็นตัวอย่างช้าๆ ของลาวาในช่วงไม่ถึง 20 ล้านปี

น้ำตกเฮงกิฟอสส์ (Hengifoss)
น้ำตกลิทลันเนสฟอสส์ (Litlanesfoss)

8. ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jokulsarlon)

ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอนเป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่ทางใต้ตรงปลายๆ ของธารน้ำแข็ง “วาตนาเยอคูตล์” (Vatnajökull) อยู่ระหว่างอุทยานแห่งชาติสเกฟตาลเฟลล์ (Skeftalfell National Park) และเมืองฮอฟน์ (Höfn) มีขนาดกว้างถึง 18 ตารางกิโลเมตร และลึกประมาณ 200 เมตร หากคุณต้องการใกล้ชิดกับภูเขาน้ำแข็ง คุณสามารถเลือกเดินทางไปกับทัวร์ทางเรือ ซึ่งคุณอาจได้เจอกับแมวน้ำมากมายที่กำลังว่ายน้ำอยู่ในทะเลสาบและตรงใกล้ชายฝั่งทะเล หรืออาจกำลังพักผ่อนอยู่เหนือภูเขาน้ำแข็งที่ลอยอยู่ในทะเลสาบ ทะเลสาบแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยฝูงนกอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูร้อน ที่คุณมีโอกาสได้ชมเหล่านกนางนวลและนกสายพันธุ์อื่นๆอีกด้วย

ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jokulsarlon)

9. ธารน้ำแข็งฟอลซาลอน (Fjallsarlon)

ธารน้ำแข็งฟอลซาลอนคือทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่มาก อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติวนาโจกูล (Vatnajokull) ลักษณะคล้ายกับทะเลสาบโจกุลซาลอนแต่มีหน้าหาดที่ใหญ่กว่าและคนน้อยกว่า ทะเลสาบ ฟอลซาลอนอยู่ตรงกลางระหว่างภูเขา ลักษณะเหมือนกำลังจะไหลลงมาแต่ถูกสกัดด้วยความเย็นจึงเกิดน้ำแข็งที่มีรูปร่างสวยงาม การมาถึงทะเลสาบแห่งนี้ก็เหมือนได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งความฝันที่มีสถานที่ท่องเที่ยวอันตระการตา คุณสามารถล่องเรือชมภูเขาน้ำแข็งและธารน้ำแข็งขนาดยักษ์ และสัมผัสทิวทัศน์ธรรมชาติอันน่าทึ่งได้

ธารน้ำแข็งฟอลซาลอน (Fjallsarlon)

10. อุทยานแห่งชาติสกัฟตาเฟล (Skaftafell National Park)

อุทยานแห่งชาติสกัฟตาเฟลล์เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ และเข้าถึงได้จากถนนวงแหวน (Ring Road) ประกอบด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ 3 แห่ง ได้แก่ น้ำตกสีดำ Svartifoss ที่ไหลลงมาเหนือเสาหินบะซอลต์สีดำ คุณยังสามารถเดินไปที่ขอบของสกัฟตาเฟลส์โจกุล Skaftafellsjökull ในช่วงฤดูร้อน หรือเข้าร่วมทัวร์พร้อมไกด์เพื่อเข้าไปในถ้ำน้ำแข็งของธารน้ำแข็ง ทิวทัศน์ที่น่าทึ่งที่สุดคือยอดเขา Hvannadalshnjúkur ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในไอซ์แลนด์ ที่สูงถึง 2,110 เมตร คุณสามารถปีนขึ้นไปได้ในช่วงฤดูร้อนพร้อมไกด์ที่มีประสบการณ์

น้ำตกสีดำ Svartifoss
น้ำตกสีดำ Svartifoss
สกัฟตาเฟลส์โจกุล Skaftafellsjökull
Skaftafellsjökull

11. ฟยาดราเกลยูเฟอร์ (Fjaðrárgljúfur)

หุบโตรกฟยาดราเกลยูเฟอร์ อีกจุดท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้อยู่ไม่ไกลจากกทางตะวันออกเฉียงใต้ของถนนวงแหวน มีลักษณะเป็นช่องเขาที่เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งโบราณที่พยายามกัดเซาะชั้นลาวาภูเขาไฟในบริเวณนี้ จนเกิดเป็นแนวช่องแคบยาวประมาณ 2 กิโลเมตร และลึก 100 เมตร เมื่อก่อนที่นี่มีนักท่องเที่ยวไม่มากนักเมื่อเทียบกับบริเวณชายฝั่งทางตอนใต้ จนกระทั่ง Justin Bieber มาถ่ายทำมิวสิควิดีโอบริเวณนี้!

ฟยาดราเกลยูเฟอร์ (Fjaðrárgljúfur)

12. ที่ราบสูงไอซ์แลนด์ (Icelandic Highlands)

ที่ราบสูงไอซ์แลนด์อยู่ทางตอนใต้ของประเทศ มีพื้นที่กว้างใหญ่แต่แทบไม่มีคนอาศัยอยู่ และไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาที่นี่ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายบริเวณโดยรอบถนนวงแหวน แต่คุณจะได้พบกับน้ำตก บ่อน้ำพุร้อน และทัศนียภาพอันงดงามของไอซ์แลนด์มากมาย ไฮไลท์หลักของที่นี่คือลานมันนาเลยการ์ (Landmannalaugar) ที่มีทั้งบ่อน้ำพุร้อน ภูเขาสูง และหุบเขากว้าง

ลานมันนาเลยการ์ (Landmannalaugar)

13. เมืองอคูเรย์รี่ (Akureyri)

เมืองอคูเรย์รี่เป็นเมืองหลวงทางตอนเหนือ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าแทบจะเป็นเมืองเดียวในไอซ์แลนด์ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือ เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีประชากรทั้งหมดประมาณ 18,000 คน และเป็นจุดตั้งต้นที่ดีในการสำรวจดินแดนทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์ เนื่องจากอยู่ใกล้กับทะเลสาบมิวาทน์ (Mývatn Lake) และทริปชมวาฬในฮูสาวิก (Húsavík) นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอย่างเช่น บ้านเลาฟาส( Laufás Turf Houses) และสวนพฤกษศาสตร์อาร์กติก รวมถึงพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นและโบสถ์ไอซ์แลนด์ที่สวยงามโดดเด่น ที่นี่ยังเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมที่คุณสามารถมาตามล่าแสงเหนือในฤดูหนาว

เมืองอคูเรย์รี่ (Akureyri)

14. ทะเลสาบมิวาทน์ (Lake Mývatn)

หากคุณมาเที่ยวเพื่อชมธรรมชาติในไอซ์แลนด์ ทะเลสาบมิวาท์นก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาด ทะเลสาบน้ำจืดแห่งนี้เป็นแลนด์มาร์คสำคัญอีกแห่งสำหรับการท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ในฤดูหนาว เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของบ่อน้ำพุร้อนจากลาวาภูเขาไฟจำนวนหลายแห่ง จัดว่าเป็นแหล่งทรัพยากรที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรณีวิทยา ได้รับการประกาศให้เป็นเขตอนุรักษ์ของไอซ์แลนด์  ในฤดูหนาวทะเลสาบใจกลางประเทศแห่งนี้จะมีหิมะปกคลุม น้ำในทะเลสาบแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง ดูสวยงามตระการตามาก และอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญที่พลาดไม่ได้ คือการมานอนแช่ออนเซ็นต์แบบไอซ์แลนด์ ที่ Myvatn Nature Baths  ซึ่งเป็นเขตอาบน้ำแร่ที่อุดมไปด้วยสิ่งที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ

ทะเลสาบมิวาทน์ (Mývatn Lake)
ทะเลสาบมิวาทน์ (Mývatn Lake)

15. น้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss)

ไอซ์แลนด์เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องน้ำตก แต่มีเพียงไม่กี่แห่งที่ทรงพลังเท่ากับน้ำตกเดตติฟอสส์ซึ่งมีขนาดที่สูงชันถึง 44 เมตร และปริมาณน้ำที่ไหลลงมาจากหน้าผาทุกวินาทีทำให้น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่ทรงพลังที่สุดเป็นอันดับสองของยุโรป ถึงแม้ว่าน้ำตกแห่งนี้จะไม่ใช่น้ำตกที่ถ่ายรูปออกมาสวยที่สุด แต่ก็ทำให้คุณเห็นสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติอันทรงพลังของไอซ์แลนด์ที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก

น้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss)

16. หุบเขาอัสบีร์กี (Ásbyrgi)

หุบเขาอัสบีร์กีตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่แปลกตาที่สุดแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์ หุบเขาแห่งนี้มีความยาว 3 กิโลเมตร และกว้าง 1 กิโลเมตร ในช่วงฤดูร้อน ด้านในของหุบเขาจะถูกแต่งแต้มด้วยสีเขียวสดจากต้นไม้และพืชพันธุ์ที่มีชีวิตชีวา ที่นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในไอซ์แลนด์ที่คุณจะได้เห็นต้นไม้มากมาย ทำให้ที่นี่เป็นจุดแวะที่ไม่เหมือนใครในแผนการเดินทางใดๆ หน้าผาของหุบเขาสูงขึ้นไป 100 เมตร ทำให้เพิ่มความเหนือจริงให้กับสถานที่มากขึ้นไปอีก

หุบเขาอัสบีร์กี (Ásbyrgi)

17. น้ำตกโกดาฟอสส์ (Goðafoss)

น้ำตกโกดาฟอสส์ (Goðafoss) เป็นอีกหนึ่งจุดใน ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ ที่สำคัญในเขตทะเลสาบมีวัทน์ (Myvatn Lake) โดย คำว่าโกดาฟอสส์นั้นแปลว่าน้ำตกแห่งพระเจ้า (Waterfall of God) ซึ่งดูนยิ่งใหญ่อลังการสมชื่อจริงๆ เพราะน้ำตกที่นี่มีความงดงามและใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศ ความงดงามของน้ำตกแห่งนี้เกิดจากสายน้ำตกของโกดาฟอสส์ที่มีลักษณะโค้งเป็นครึ่งวงกลมและไหลตกลงมายังแอ่งขนาดใหญ่ตรงกลาง ในฤดูหนาวเส้นทางจะปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน  น้ำในแอ่งบางส่วนจับตัวเป็นน้ำแข็งน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้มาเที่ยวไอซ์แลนด์ในหน้าหนาว

น้ำตกโกดาฟอสส์ (Goðafoss)
น้ำตกโกดาฟอสส์ (Goðafoss) และแสงเหนือ

18. เมืองฮูสาวิก (Húsavík)

สิ่งที่ดีที่สุดของไอซ์แลนด์ต้องรวมถึงเมืองฮูสาวิกอย่างแน่นอน ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ ทางชายฝั่งตอนเหนือ และที่เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการชมวาฬของประเทศไอซ์แลนด์ เมืองฮูสาวิกอยู่ไม่ไกลจากเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล และตลอดทั้งปี แหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ในอ่าวดึงดูดวาฬหลากหลายสายพันธุ์จำนวนมาก ในช่วงเวลาต่างๆ ของปี คุณสามารถเจอได้ทั้งวาฬออร์กา วาฬสีน้ำเงิน วาฬมิงค์ วาฬสเปิร์ม และวาฬหลังค่อม นอกจากนี้ยังมีปลาโลมา วาฬหัวทุย และอื่นๆ อีกมากมาย ก่อนเข้าร่วมทริปชมวาฬ คุณควรแวะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์วาฬฮูซาวิกเพื่อศึกษาเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตในบริเวณนี้

วาฬในฮูสาวิก (Húsavík)
วาฬในฮูสาวิก (Húsavík)

19. เวสท์ฟยอร์ด (Westfjords)

เวสท์ฟยอร์ด หรือฟยอร์ดตะวันตกเป็นคาบสมุทรขนาดใหญ่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากส่วนอื่นๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ความเป็นมาและลักษณะทางธรณีวิทยาที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ความน่าทึ่งของเวสท์ฟยอร์ด คือมีการก่อตัวของหินที่มีอายุมากถึง 14 ล้านปี ทำให้เวสท์ฟยอร์ดกลายเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดในไอซ์แลนด์ มีส่วนที่เป็นคอคอดขนาดกว้าง 7 กิโลเมตร และทางตะวันตกจะมีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงและเนินเขาสูงชัน ความโค้งเว้าของภูมิประเทศทำให้มีการคมนาคมทางบกที่ไม่สะดวก ทำให้ไม่ค่อยมีผู้คนอาศัยอยู่นัก แต่เป็นพื้นที่ที่มีสัตว์ประจำถิ่นทั้งนกอินทรี แกะ และสุนัขจิ้งจอกอาร์กติก ส่วนผู้คนมักจะอาศัยอยู่บริเวณหมู่บ้านชาวประมงที่ริมชายฝั่ง หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือน้ำตก Dynjandi ซึ่งสูงถึง 100 เมตร ไฮไลท์อีกแห่งหนึ่งของเวสท์ฟยอร์ดคือหาดเราดาซานดูร์ (Rauðasandur Beach) หาดทรายยาวที่มีทรายสีแดง

น้ำตก Dynjandi ที่เที่ยวไอซ์แลนด์
น้ำตก Dynjandi
 หาดเราดาซานดูร์ (Rauðasandur Beach) ที่เที่ยวไอซ์แลนด์
หาดเราดาซานดูร์ (Rauðasandur Beach)

20. คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes Peninsula)

คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสตั้งอยู่ระหว่างเมืองเรคยาวิกทางใต้และทางตอนเหนือของเวสท์ฟยอร์ด ภูเขา Kirkjufell ที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือน้ำตกเคิร์กจูแฟลส์ฟอสส์ (Kirkjufellsfoss) เกิดองค์ประกอบโดยรวมที่ดูสวยงามสมบูรณ์แบบสำหรับการถ่ายภาพลงอินสตราแกรมเป็นอย่างมาก ด้านปลายสุดทางตะวันตกของคาบสมุทรเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติสไนล์เฟลส์โจกุล (Snæfellsjökull National Park) คุณจะได้พบกับแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ปกคลุมภูเขาไฟ ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่คลาสสิกแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์!

ภูเขา Kirkjufell ที่เที่ยวไอซ์แลนด์

ประเทศไอซ์แลนด์เป็นดินแดนแห่งธรรมชาติอันงดงามแปลกตา มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจ และมีกิจกรรมให้คุณได้เลือกทำอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการขับรถชมทิวทัศน์ การเดินป่า ทัวร์ชมวาฬ ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนในฤดูร้อน และแสงเหนือในฤดูหนาว เป็นต้น แต่การเดินทางไป เที่ยวไอซ์แลนด์ ที่เราไม่คุ้นเคยทั้งสภาพอากาศ หรืออาหารการกิน ก็อาจทำให้เราเจ็บไข้ได้ป่วย หรือเกิดเหตุฉุกเฉินที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อน จนต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณ เที่ยวต่างประเทศได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : roadaffair.com, thecrazytourist.com, planetware.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

วิธีเที่ยวไอซ์แลนด์ในราคาประหยัด Allianz Travel

21 วิธี เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

ไอซ์แลนด์เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักเดินทางทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทางที่มีประสบการณ์การเดินทางมาหลากหลายประเทศ นักเดินทางคนเดียวเป็นครั้งแรก หรือครอบครัวที่รักการผจญภัย ไม่ว่าจะเป็นการขับรถเที่ยวรอบถนนวงแหวนของไอซ์แลนด์ ดำน้ำลึกตรงบริเวณแผ่นเปลื่อกโลกที่แยกตัวออกจากกัน ชิมอาหารทะเลท้องถิ่นในเรคยาวิก พักผ่อนในบลูลากูน และบ่อน้ำพุร้อนอื่นๆ รอบเกาะ เป็นเหตุผลที่คุณควรไปสัมผัสไอซ์แลนด์อย่างน้อยสักครั้งในชีวิต ทุกการเดินทางในไอซ์แลนด์จะนำสิ่งใหม่ๆ มาให้คุณเสมอ แต่ก็มีราคาแพงเช่นกัน Allianz Travel จึงได้รวบรวมเคล็ดลับการ เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด เริ่มตั้งแต่การวางแผนเที่ยว การหาข้อมูลการเดินทาง การจัดการค่าใช้จ่าย และการตั้งงบประมาณสำหรับการเดินทางของคุณ ที่รวมถึงเที่ยวบิน ที่พัก รถเช่า ร้านอาหาร การตั้งแคมป์ ซื้อของใช้จำเป็น การเติมน้ำมันรถ และการเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ในราคาถูก เรามีคำแนะนำที่ช่วยให้คุณใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด และนี่คือสิ่งที่เราเตรียมมาให้คุณ!

เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

1. เที่ยวไอซ์แลนด์นอกฤดูท่องเที่ยว

ฤดูร้อนเป็นช่วงที่วุ่นวายและแพงที่สุดในไอซ์แลนด์ เริ่มตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม โรงแรม กิจกรรม รถเช่า และบริการอื่นๆ มักจะมีราคาสูงขึ้นในช่วงเวลานี้ ถ้าคุณอยากจ่ายในราคาที่ถูกลงและเลี่ยงช่วงเวลาที่แออัดที่สุดในไอซ์แลนด์ คุณควรวางแผนเดินทางในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม

ที่เที่ยวไอซ์แลนด์

แต่ข้อดีของการไปเที่ยวในช่วงฤดูร้อนก็คือช่วงนี้ไอซ์แลนด์มีสภาพอากาศดีที่สุด สถานที่ท่องเที่ยวและบริการต่างๆ เปิดให้บริการมากที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ปลอดภัยที่สุดในแง่ของการขับรถ เดินป่า และตั้งแคมป์ และเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการชมสัตว์ป่าในไอซ์แลนด์ ดังนั้นคุณอาจต้องเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียก่อนที่จะตัดสินใจค่ะ

เที่ยวไอซ์แลนด์ฤดูร้อน

2. จองตั๋วเครื่องบินราคาถูก

หากวันเดินทางของคุณสามารถยืดหยุ่นได้ คุณก็จะได้เที่ยวบินในราคาที่ไม่แพง ตัวอย่างสายการบินราคาประหยัดไปยังไอซ์แลนด์ ได้แก่ Icelandair (สายการบินหลักของไอซ์แลนด์) และ Play (สายการบินที่เน้นราคาประหยัด) หากคุณไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศหรือใกล้เมืองที่ Icelandair หรือ Play ให้บริการ คุณอาจลองจองเที่ยวบินที่เชื่อมต่อไปยังเมืองเหล่านี้เพื่อใช้ประโยชน์จากค่าโดยสารราคาถูกก็ได้ค่ะ

สายการบิน IcelandAir

นอกจากนี้คุณควรอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับสัมภาระและสิ่งที่รวมอยู่ในค่าตั๋วเครื่องบินด้วย เนื่องจากสายการบินราคาประหยัดส่วนใหญ่มีข้อกำหนดน้ำหนักและสัมภาระที่เข้มงวด คุณอาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสัมภาระเพิ่มเติมจากค่าตั๋วของคุณ ตัวอย่างเช่น ตั๋ว Iceland Air Economy Light ไม่อนุญาตให้โหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่อง เป็นต้น

หากคุณมีสัมภาระเยอะ ให้ซื้อน้ำหนักเพิ่มพร้อมกับตั๋วของคุณ คุณควรวางแผนจัดเตรียมของที่จะนำไปด้วยไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ทราบน้ำหนักโดยประมาณ จะได้ทราบค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเพิ่มในส่วนนี้ มีหลายคนที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเป็นจำนวนมากสำหรับค่าธรรมเนียมสัมภาระเพิ่มเติมที่สนามบิน เนื่องจากไม่ได้ว่างแผนไว้และไม่ได้ชำระเงินล่วงหน้า

3. เปรียบเทียบที่พักหลายๆ ตัวเลือก

หากคุณจองที่พักเอง อย่าลืมเปรียบเทียบตัวเลือกและพิจารณาตัวเลือกอื่นนอกเหนือจากที่คุณจองตามปกติ คุณสามารถประหยัดเงินได้โดยการเปรียบเทียบตัวเลือกที่พักจากในเว็บไซต์ที่ให้บริการการเปรียบเทียบต่างๆ อย่างเช่น  Booking.com, Hostel World, Vrbo หรือตรวจสอบเว็บไซต์ของโรงแรมเพื่อดูว่ามีข้อเสนอที่ดีกว่าหรือไม่

จองที่พักกับ Booking.com
ขอบคุณรูปภาพจาก : Booking.com

ในไอซ์แลนด์มีที่พักให้เลือกมากมาย ตั้งแต่โฮสเทล เกสต์เฮ้าส์ อพาร์ตเมนต์ เบดแอนด์เบรกฟาสต์ ไปจนถึงโรงแรม เรคยาวิกมีที่พักให้เลือกตั้งแต่ราคาประหยัดไปจนถึงหรูหรา แต่หากไปในเมืองที่มีประชากรน้อยของประเทศก็จะมีตัวเลือกน้อยกว่า

4. จองที่พักล่วงหน้า

การจองที่พักล่วงหน้าไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณประหยัดเงิน แต่คุณมีโอกาสเลือกได้หลากหลาย และได้ห้องพักที่อยู่ในงบประมาณของคุณ การจองที่พักในนาทีสุดท้าย โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวอาจมีราคาแพงมาก และการขับรถวนหาที่พักไม่เคยสนุกเลย!

จองที่พักล่วงหน้า

แม้ว่าคุณจะยังไม่มั่นใจในแผนของคุณ 100% ก็ควรจองที่พักไว้ก่อน โดยเลือกจองในเว็บไซต์โรงแรมออนไลน์ที่ส่วนใหญ่อนุญาตให้คุณจองห้องพักในโรงแรม เกสต์เฮาส์ หรืออพาร์ตเมนต์ แล้วยกเลิกได้ เช่น Booking.com หากแผนของคุณเปลี่ยนแปลง คุณเพียงแค่ต้องยกเลิกภายในวันที่กำหนดตามที่ระบุไว้ในการจอง (โดยปกติจะแจ้งล่วงหน้า 24 ชั่วโมงถึง 1 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับที่พัก)

5. การตั้งแคมป์เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ราคาไม่แพง

การกางเต๊นท์ก็เป็นหนึ่งในที่พักที่มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ทำให้เราสามารถ เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด มากขึ้น ราคาจุดตั้งแคมป์อยู่ที่ประมาณ 250-650 บาทต่อคน/คืน บวกภาษีประมาณ 80 บาทต่อเต็นท์หรือรถตู้ และอาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการใช้บริการพิเศษ เช่น บริการซักรีด การกำจัดขยะ และห้องอาบน้ำ เป็นต้น

ที่ตั้งแคมป์ส่วนใหญ่ไม่รับจองล่วงหน้า และมักจะดำเนินการแบบมาก่อนได้ก่อน หากเดินทางในฤดูท่องเที่ยวที่คนเดินทางเยอะ ก็ไม่ควรไปถึงเย็นจนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีจำกัดบางอย่าง เช่น คาราวานขนาดใหญ่ที่ต้องการน้ำและไฟฟ้า ที่ตั้งแคมป์บางแห่งอนุญาตให้ลงทะเบียนและเช็คอินระหว่างเวลาที่กำหนดได้ สถานที่ตั้งแคมป์หลายแห่งในไอซ์แลนด์ปิดให้บริการในฤดูหนาว ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบวันเวลาทำการและรายละเอียดของที่ตั้งแคมป์โดยละเอียดก่อนออกเดินทาง

เที่ยวไอซ์แลนด์โดยการตั้งแคมป์

คุณสามารถหาข้อมูลที่ตั้งแคมป์ในไอซ์แลนด์ได้จากเว็บ Camping หรือเว็บ Utilegukortid แต่ยังมีที่ตั้งแคมป์ขนาดเล็กอีกหลายแห่งทั่วประเทศที่ไม่ได้อยู่ในเว็บไซต์นี้คุณสามารถสอบถามเพิ่มเคิมได้จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวในท้องถิ่นในพื้นที่เฉพาะของไอซ์แลนด์ หรือขอรายละเอียดและข้อมูลที่ตั้งแคมป์ได้จากบริษัทเช่ารถแคมป์ที่คุณเช่าในไอซ์แลนด์ 

หมายเหตุ: หากคุณมีบัตร Camping Card คุณสามารถพักค้างคืนที่จุดตั้งแคมป์กว่า 40 แห่ง แต่ละแห่งพักได้สูงสุด 4 วัน และใช้ได้นานถึง 28 คืน บัตร 1 ใบใช้ได้สำหรับผู้ใหญ่สูงสุด 2 คน รวมเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีสูงสุด 4 คน บัตรนี้จะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้อย่างมากหากคุณตั้งแคมป์เป็นเวลาหลายวัน

6. เปรียบเทียบวิธีท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ก่อนตัดสินใจ

การ เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด นอกจากเรื่องวิธีการเดินทางที่สามารถลดค่าใช้จ่ายของเราได้แล้ว การลดค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์ ยังขึ้นอยู่กับอีกหลายสิ่ง เช่น จำนวนคนในกลุ่มเดินทาง ช่วงเวลาของปี และจำนวนวันที่อยู่ในไอซ์แลนด์ เป็นต้น ถึงแม้ว่างบประมาณจะเป็นปัจจัยสำคัญ แต่คุณยังต้องคำนึงถึงความสะดวกสบายในการเดินทาง จำนวนวันในการเดินทาง ระยะเวลาในการวางแผน และปัจจัยสำคัญอื่นๆ ด้วย เรามีตัวเลือกสำหรับการวางแผนการท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ให้กับคุณค่ะ

เช่ารถขับเที่ยวในไอซ์แลนด์

เที่ยวกับทัวร์

ซื้อทัวร์พร้อมไกด์ไปยังสถานที่ที่คุณต้องการไป อย่างเช่น ทริปถนนวงแหวน 6 วัน หรือ 10 วัน คุณจะมีคนมาช่วยดูแลเรื่องกำหนดการเดินทาง โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว และวิธีการเดินทาง วิธีนี้จะช่วยให้คุณสะดวกสบาย และถึงแม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าการวางแผนทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่การซื้อทัวร์จะช่วยให้คุณประมาณการค่าใช้จ่ายหลักทั้งหมดได้ก่อนที่จะเริ่มการเดินทาง 

เที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับ

เริ่มจากไปหาที่พักที่เมืองใดเมืองหนึ่งก่อน แล้วเดินทางจากที่นั่น คุณสามารถเช่ารถและขับเองหรือจองทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับก็ได้ ตัวอย่างเช่น พักที่เรคยาวิก แล้วไปเที่ยวทางตะวันตกและทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์แบบไปเช้าเย็นกลับ หรือพักที่อาคูเรย์รี แล้วไปเก็บที่เที่ยวทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์

เช่ารถขับเอง

วางแผนการเดินทาง เลือกกิจกรรม จองที่พักเอง และควบคุมงบประมาณของคุณเอง

ขับรถเที่ยวเองในไอซ์แลนด์

แพ็คเกจขับรถเที่ยวเอง

หากคุณต้องการขับรถด้วยตัวเอง แต่ไม่อยากเหนื่อยวางแผน คุณสามารถจองแพ็คเกจขับเที่ยวเองที่ให้บริการจองรถเช่า โรงแรม และทัวร์ต่างๆ ไว้ให้คุณ โดยที่คุณแจ้งกำหนดการเดินทางที่คุณต้องการไปให้กับทางบริษัทจัดการไว้ให้ล่วงหน้า คลิกที่นี่ เพื่อดูไอเดียของแพคเกจทัวร์แบบนี้ค่ะ

7. เดินทางโดยใช้การขนส่งสาธารณะ

ผู้ที่ต้องการเดินทางรอบไอซ์แลนด์ เครือข่ายการขนส่งสาธารณะ จะเชื่อมต่อเมืองใหญ่ทุกเมือง เส้นทางรถประจำทางในเมืองเรคยาวิกและส่วนใหญ่ในประเทศให้บริการโดยบริษัท Strateo ที่มีเส้นทางครอบคลุมได้เป็นอย่างดี และราคาไม่แพงนักเมื่อเทียบกับแท็กซี่หรือรถเช่า เช็คราคาค่าโดยสารได้จากที่นี่ คุณสามารถตรวจสอบตารางเวลาและวางแผนเส้นทางได้ด้วยการดาวน์โหลดแอป straeto หรือถ้าคุณมี Reykjavik City Card คุณสามารถนำมาโช้เพื่อขึ้นรถเมล์ฟรีได้

เที่ยวโดยรถประจำทางในไอซ์แลนด์ Iceland

8. ซื้อตั๋วรถบัส Hop-on Hop-off

คุณสามารถทัวรไอซ์แลนด์ได้โดยขึ้นรถบัส Hop-On Hop-Off ตั๋วเหมาสุดคุ้มที่ใช้ได้แบบไม่จำกัดเที่ยว ให้บริการทั่วประเทศ รับและส่งผู้โดยสารที่จุดเดินป่ายอดนิยมและสถานที่ท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์ แวะสถานที่ที่คุณชื่นชอบและสำรวจสิ่งมหัศจรรย์ของไอซ์แลนด์ตามตารางเวลาของคุณเอง เป็นวิธีที่ดีและประหยัดที่สุดในการสำรวจไอซ์แลนด์อย่างเต็มที่ คุณสามารถเลือกเส้นทางที่คุณชอบและจัดกระเป๋าออกไปผจญภัยกันได้เลย!

นอกจากนี้ยังมีบริการบัตรโดยสารรถบัสสำหรับปีนเขาแบบพิเศษและบริการต่างๆ ที่นำเสนอผ่าน Trex และ Thule Travel ในช่วงฤดูร้อน หากคุณวางแผนที่จะเดินทางด้วยรถบัสหลายวันหรือมากกว่านั้น ตรวจสอบเส้นทางและตารางเวลาเพื่อดูว่าคุ้มค่าสำหรับการเดินทางของคุณหรือไม่ คุณสามารถซื้อบัตรโดยสารเหล่านี้ได้ทางออนไลน์หรือเมื่อคุณอยู่ในเรคยาวิก

9. เดินทางเป็นหมู่คณะ

การเดินทางเป็นกลุ่มเป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณต้องการประหยัดเงินในการเดินทาง เพราะคุณสามารถแชร์ค่าใช้จ่ายได้เกือบทุกอย่าง ตั้งแต่การทำอาหาร ที่พัก รถเช่า ไปจนถึงการซื้อทัวร์ส่วนตัวได้ในราคาถูกลง หากคุณยังหาคนร่วมเดินทางไปไม่ได้ และไม่รังเกียจที่จะเดินทางกับคนแปลกหน้า คุณอาจไปหาจากกลุ่มต่างๆ ที่พูดคุยกันเรื่องเที่ยวไอซ์แลนด์ เพื่อดูว่ามีใครกำลังมองหาเพื่อนเดินทางไปเที่ยวไอซ์แลนด์อยู่หรือไม่ โฮสเทลเป็นอีกสถานที่ที่เหมาะในการหาคนที่มีความสนใจเหมือนกีน และอยากแชร์ค่ารถเช่าหรือค่าที่พักด้วย

เดินทางเป็นหมู่คณะ เป็นกลุ่ม ท่องเที่ยวใน Iceland

หากคุณหาเพื่อนร่วมเดินทางที่ถูกใจไม่ได้ คุณอาจลองดูทัวร์รถบัสแบบกลุ่มที่อาจดูเหมือนแพงเกินงบประมาณของคุณ แต่ราคามักจะรวมค่าใช้จ่ายหลักเกือบทั้งหมดในการเดินทางของคุณ ซึ่งรวมถึงค่าเดินทาง ไกด์ ที่พัก การขนส่งกระเป๋า ค่าเที่ยวชมสถานที่ และอาหารเช้า สิ่งเหล่านี้อาจจบลงด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า (หรือประมาณราคาเดียวกัน) กว่าการทำเองทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเดินทางคนเดียว

หมายเหตุ: หากคุณเดินทางเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป คุณจะมีตัวเลือกที่จำกัดมากขึ้นทั้งในด้านการเดินทางและที่พัก สิ่งนี้สามารถเพิ่มค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่อคนได้

เที่ยวใน Iceland

10. หาข้อมูลเกี่ยวกับรถเช่า

หากคุณตัดสินใจว่าต้องการเช่ารถขับในไอซ์แลนด์ คุณสามารถประหยัดเงินได้โดยการเปรียบเทียบราคารถ จองรถล่วงหน้า ลดจำนวนวันเช่าโดยวางแผนใช้รถเฉพาะวันที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเลือกประกันรถยนต์ของคุณ และคุณต้องทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้รถของคุณเสียหาย เนื่องจากบริการและค่าซ่อมรถในไอซ์แลนด์มีราคาแพงมาก

นอกจากนี้คุณควรตรวจสอบสภาพอากาศในวันเดินทางเป็นประจำทุกวัน เนื่องจากอากาศในไอซ์แลนด์เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วและคาดเดาไม่ได้ สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยให้คุณปลอดภัยบนท้องถนนเท่านั้น แต่การหลีกเลี่ยงสภาพอากาศเลวร้ายและสภาพถนนที่ย่ำแย่สามารถป้องกันไม่ให้คุณสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อค่าเช่าของคุณ คุณสามารถเช็คได้จากเว็บ Safetravel.is หรือ road.is

11. แชร์ค่าใช้จ่ายแบบคาร์พูล

รถเช่าหรือรถบัสนำเที่ยวอาจแพงเกินกว่างบประมาณที่คุณตั้งไว้ แต่คุณสามารถใช้การเดินทางแบบ Car Pool โดยไปกับผู้ที่มีรถและกำลังมองหาผู้โดยสารคนอื่นเพิ่มเพื่อแชร์ค่าใช้จ่าย หรือคุณจะประกาศหาเพื่อนร่วมทางที่จะแชร์ค่าใช้จ่ายกับคุณก็ได้ คุณสามารถหาเพื่อนร่วมเดินทางแบบคาร์พูลได้จากเว็บไซต์ชื่อ Samferda โดยแจ้งขอโดยสารไปกับคนอื่น (คุณไม่มีรถยนต์แต่ต้องการเข้าร่วมคาร์พูล) หรือประกาศหาผู้ร่วมเดินทางไปสถานที่เดียวกันในไอซ์แลนด์ก็ได้ (คุณมีรถยนต์ แต่ต้องการผู้โดยสารไปกับคุณ) คุณควรคุยเรื่องค่าใช้จ่ายให้ชัดเจนว่าจะแชร์ค่าใช้จ่ายกันอย่างไรก่อนออกเดินทาง คุณอาจใช้ตัวเลือกนี้สำหรับการเดินทางครั้งเดียวสั้นๆ เช่นการไปสนามบิน หรือการเดินทางทั้งทริปก็ได้

12. เตรียมของไปให้พร้อมเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

การเตรียมของใช้ที่จำเป็นสำหรับการเดินทางไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณเตรียมพร้อมเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณประหยัดเงินอีกด้วย โดยคุณควรมีอุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น กระเป๋ากันความชื้นหรือผ้าคลุมกันน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ของราคาแพง เช่น กล้อง โทรศัพท์ เกิดความเสียหาย เสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาวคุณภาพสูง และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ เช่น กระติกน้ำ ผ้าขนหนู เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ตั้งแคมป์ และอื่นๆ เพราะของในไอซ์แลนด์มีราคาแพงกว่าประเทศอื่นๆ

สิ่งของที่ต้องเตรียมตัวก่อนไปเที่ยวต่างประเทศ, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

ผู้ที่เดินทางในฤดูหนาวจะต้องเตรียมพร้อมเป็นพิเศษสำหรับฝน หิมะ ลม และอากาศที่หนาวเย็น และถึงแม้ในฤดูร้อน โดยทั่วไปจะไม่หนาวจัด คุณจึงไม่ต้องการอุปกรณ์กันหนาวเต็มรูปแบบ แต่หากคุณไม่ชินกับอากาศหนาวก็อาจหนาวได้ ดังนั้นคุณยังคงต้องเตรียมพร้อมสำหรับสภาพอากาศหนาวเย็นที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ นอกจากนี้คุณจะต้องเตรียมแว่นกันแดด (หรือหมวก) และผ้าปิดตา เพราะพระอาทิตย์เที่ยงคืน (ที่ดวงอาทิตย์จะตกเพียงช่วงเวลาสั้นๆ) อาจทำให้นอนหลับยากในตอนกลางคืน 

ดังนั้นจึงควรวางแผนและหาข้อมูลล่วงหน้า เช่น ตรวจสอบสภาพอากาศ กิจกรรมที่คุณต้องการทำ เพื่อให้ทราบว่าคุณต้องเตรียมอะไรสำหรับการเดินทางไปบ้าง คุณคงไม่อยากเช่าหรือซื้อของ เช่น กล้องส่องทางไกล ถุงมือ ชุดว่ายน้ำ ไม้เท้าเดินป่า หรือแว่นตาเล่นสกี หากคุณมีอยู่แล้ว

13. หาร้านอาหารที่ราคาไม่แพง

ไอซ์แลนด์ไม่มีที่รับประทานอาหารที่เรียกได้ว่า “ราคาถูก” แต่คุณอาจหาที่ที่สามารถจ่ายเงินน้อยกว่าที่อื่นได้ ราคาอาหารเรียกน้ำย่อยและอาหารจานหลักมื้อค่ำสำหรับ 1 คนในร้านอาหารทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาท และยังไม่รวมเครื่องดื่ม

อาหารราคาถูกในไอซ์แลนด์หาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ต เช่น แซนวิช สลัด ขนมขบเคี้ยว ร้านฟาสต์ฟู้ด เช่น Subway ร้านอาหารท้องถิ่น และร้านอาหารในปั๊มน้ำมัน พิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งมีร้านกาแฟหรือร้านอาหาร ที่มีอาหารที่ราคาสมเหตุสมผล เช่น แซนด์วิช ซุป วาฟเฟิล และเค้ก

ร้านอาหารในปั๊มนำ้มัน Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

อาหาร 3 มื้อ / วัน / คนสำหรับงบประมาณที่ไม่จำกัดมากนักจะอยู่ที่ประมาณ 1,500-1,800 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการเดินทางอย่างไรและคุณชอบกินที่ไหน และแบบไหน

14. ทำอาหารทานเอง

ถ้าคุณจองที่พักที่มีส่วนที่ทำอาหารเองได้ คุณจะประหยัดเงินได้มากหากคุณไปซื้อของมาทำอาหารทานเองเมื่อเทียบกับการรับประทานอาหารที่ร้าน ซูเปอร์มาร์เก็ตในไอซ์แลนด์มีราคาแพงกว่าสถานที่ส่วนใหญ่ในยุโรป หากคุณอยากทราบราคาคร่าวๆ ของสินค้าพื้นฐานในเมืองเรคยาวิก เช่น กล้วย กางเกงยีนส์ น้ำมัน ราคาอาหารในร้านอาหาร ไวน์ เป็นต้น คุณสามารถตรวจสอบราคาสินค้าโดยเฉลี่ยได้จากเว็บไซต์ Numbeo

ทำอาหารทานเอง ระหว่างเดินทางท่องเที่ยว, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

ซูเปอร์มาร์เก็ตราคาประหยัดในไอซ์แลนด์ ได้แก่ Bónus, Nettó, Kronan ซึ่งมีแบรนด์ราคาประหยัดสำหรับของใช้จำเป็น เช่น มัสตาร์ด กาแฟ หรือกระดาษเช็ดมือ เช่น แบรนด์ราคาประหยัดของ Bónus คือ Euro Shopper และที่ Nettó คือแบรนด์ Coop และ X-tra

Supermarket ใน Iceland เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

15. เลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในไอซ์แลนด์มีราคาแพงมาก วิธีประหยัดเงินที่ดีที่สุดคือการไม่ดื่มเลย แต่ถ้านั่นไม่ใช่คำตอบของคุณ คุณก็อาจหาตัวเลือกการดื่มที่ถูกที่สุด อย่างเช่นซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินนานาชาติเคฟลาวิกเมื่อคุณมาถึง หรือหากคุณต้องการทานที่ร้าน ลองเช็คช่วง Happy Hours ที่อาจลดราคาได้ถึง 50% แต่ส่วนใหญ่มักจะมีในเมืองใหญ่ๆ เช่น Reykjavík หรือ Akureyri 

ท่องเที่ยว Iceland

16. ดื่มน้ำประปา

เราสามารถดื่มน้ำประปาได้ฟรีและปลอดภัยทั่วประเทศไอซ์แลนด์ น้ำดื่มในไอซ์แลนด์มีคุณภาพสูงมาก ในร้านกาแฟ ปั๊มน้ำมัน และร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดหลายแห่งมักมีเหยือกน้ำวางอยู่ในพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อให้ลูกค้าเทดื่ม หรือยกไปที่โต๊ะได้เอง แต่ถ้าไม่มีวางไว้ให้ คุณก็ขอได้ค่ะ

ดื่มน้ำประปาแทนการซื้อน้ำที่มีราคาแพง, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

คุณควรนำขวดน้ำที่ใช้ได้ซ้ำติดตัวไปด้วย เพื่อที่คุณจะได้นำไปเติมน้ำจากก๊อกได้ คุณจะไต้ไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องดื่มหรือซื้อน้ำดื่มบรรจุขวด 

เพิ่มเติม: น้ำร้อนบางแห่งในไอซ์แลนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรคยาวิก เป็นน้ำร้อนใต้พิภพที่สูบขึ้นมาจากพื้นดินโดยตรง ดังนั้นจึงมีกลิ่นและรสชาติของกำมะถัน คุณสามารถดื่มได้อย่างปลอดภัยแต่รสชาติไม่ดีนัก และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ดื่ม อย่างไรก็ตาม น้ำเย็นมาจากแหล่งอื่นและดื่มได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีกลิ่นหรือรสไม่ดี

17. ใช้บัตรส่วนลดสำหรับเติมน้ำมัน

หากคุณอยู่ในเมืองที่มีสถานีบริการน้ำมันหลายแห่ง คุณสามารถเลือกเติมน้ำมันที่ที่ราคาถูกกว่าที่อื่น แบรนด์หลักที่เห็นบ่อยในไอซ์แลนด์คือ Olis และ N1 แต่ก็มีแบรนด์อื่นๆ เช่น Shell, Skeljungur และ Orkan อย่างไรก็ตาม คุณมักจะไม่มีตัวเลือกมากนักในเมืองเล็กๆ

ปั๊มน้ำมันใน Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

อีกวิธีในการประหยัดเงินคือใช้บัตรส่วนลดสำหรับปั๊มน้ำมันที่มีหลายสาขา ถ้าคุณเช่ารถ กุญแจรถของคุณมักจะมาพร้อมกับบัตรส่วนลดของสถานีบริการน้ำมัน หากไม่มีก็สามารถรับได้ที่สถานีบริการน้ำมันเลย เช่น ที่ปั๊ม Olis คุณจะได้ส่วนลดน้ำมัน 3% และส่วนลดร้านอาหารสูงสุด 10% ส่วนลดใช้ได้กับเกือบทุกอย่างในปั๊มน้ำมัน ซึ่งมักจะมีของเล็กๆ น้อยๆ เช่น ขนม อุปกรณ์ตกแต่งรถ ของใช้ทั่วไป ของที่ระลึก อุปกรณ์การเดินทาง (แผนที่ หนังสือนำเที่ยว) และอาหาร 

เพิ่มเติม: ในเมืองเล็กๆ และนอกเวลาทำการปกติ ปั๊มน้ำมันหลายแห่งไม่มีพนักงาน ดังนั้นคุณต้องมีบัตรเครดิตที่มีรหัส PIN 4 หลัก หากคุณไม่มีบัตรเครดิตหรือไม่ได้ตั้งค่า PIN (แนะนำให้ทำก่อนการเดินทาง) บางปั๊มจะมีบัตรเติมเงินที่คุณสามารถเติมเงินไว้ก่อนได้ เช่น ปั๊ม N1

18. เข้าร่วมกิจกรรมที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมหลายแห่งของไอซ์แลนด์สามารถเข้าได้ฟรี เช่น น้ำตก ชายหาด สวน งานศิลปะสาธารณะ โบสถ์ อนุสาวรีย์ น้ำพุร้อน และทุ่งลาวา นอกจากนี้ ในเมืองเรคยาวิกก็มีกิจกรรมมากมายให้เข้าร่วมได้ฟรี ตัวอย่างเช่น ทัวร์เดินชมเมือง ชมโบสถ์ Hallgrímskirkja (เสียค่าธรรมเนียมขึ้นไปบนหอคอยโบสถ์อีกเล็กน้อย) ชมสวนพฤกษศาสตร์ เดินป่ารอบๆ เนินเขา Öskjuhlíð เที่ยวตลาดนัด Kolaportið ในวันหยุดสุดสัปดาห์ และเข้าใช้สระน้ำร้อนฟรีในฤดูร้อน

สถานที่ท่องเที่ยว น้ำตก Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

อย่าลืมเช็ควันเข้าชมพิพิธภัณฑ์ฟรี เทศกาล คอนเสิร์ต หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางของคุณ โดยเฉพาะในวันหยุดสุดสัปดาห์ฤดูร้อนในเมืองอย่างเรคยาวิกและอาคูเรย์รีที่มักจะมีกิจกรรมฟรีเกิดขึ้นเสมอ!

สถานที่ท่องเที่ยว ชายหาด Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

19. ใช้ประโยชน์จากบัตรส่วนลดและคูปอง

เช็คบัตรโดยสารลดราคา ข้อเสนอพิเศษ และคูปองต่างๆ ในเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางของคุณ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณซื้อตั๋วเข้าสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่ง คุณจะได้ส่วนลดสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงด้วย

ตัวอย่างบัตรส่วนลดและคูปองที่ควรเช็คดูในไอซ์แลนด์:

  • Reykjavík City Card – เข้าชมพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งภายในเมืองเรคยาวิกได้ฟรี รวมถึง Árbæjarsafn (พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง) สวนสัตว์และสวนสาธารณะเรคยาวิก พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไอซ์แลนด์ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะไอซ์แลนด์ นอกจากนี้ยังเข้าใช้บริการสระน้ำร้อนและซาวน่าสาธารณะของเมืองฟรี บริการรถบัสฟรีภายในเมือง รวมถึงส่วนลดร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยว คุณจะประหยัดเงินได้ไม่น้อย หากคุณวางแผนที่จะขึ้นรถบัสและเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในเมือง
Reykjavík City Card 24 hours, Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด
ขอบคุณรูปภาพจาก : reykjavikcityguide.is
Reykjavík City Card 48 hours, Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด
Reykjavík City Card 72 hours, Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด
  • คูปองไอซ์แลนด์ – คูปองที่มาเป็นเล่มหรือจะดาวน์โหลดจากแอพก็ได้ คุณจะได้ส่วนลดมากมายที่ใช้ได้กับสถานที่ท่องเที่ยวและบริการต่างๆ ในไอซ์แลนด์ รวมถึงร้านอาหาร บริการรถเช่า สปา บาร์ และทัวร์ คูปองเล่มละประมาณ 350 บาท ซึ่งบางครั้งใช้คูปองเพียงใบเดียวก็คุ้มค่าแล้ว ข้อดีคือคุณสามารถเช็ครายละเอียดคูปองทางออนไลน์ได้ก่อนที่จะซื้อ เพื่อดูว่าคุณจะประหยัดเงินได้หรือไม่
Icelandic Coupons, Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด
ขอบคุณรูปภาพจาก : coupons.is
Discount Coupon in Icelandic Coupons Application, Iceland
More Discount Coupon in Icelandic Coupons Application, Iceland
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะเรคยาวิก – ประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์ 3 แห่ง หากคุณซื้อบัตรเข้าชม 1 แห่ง คุณจะได้เข้าชมอีก 2 แห่งฟรี บัตรเข้าชมมีอายุ 24 ชั่วโมงสำหรับ Hafnarhús, Kjarvalsstaðir และพิพิธภัณฑ์ประติมากรรม Ásmundur Sveinsson ซึ่งเป็นราคาที่คุ้มค่าสำหรับคนรักศิลปะเลยค่ะ

20. ใช้เงินบ้างเพื่อประสบการณ์ที่น่าจดจำ

โชคดีที่มีสิ่งให้ทำฟรีมากมายในไอซ์แลนด์! แต่เราขอแนะนำให้คุณเลือกสิ่งพิเศษสักหนึ่งหรือสองอย่างเพื่อดื่มด่ำไปกับประสบการณ์พิเศษในขณะที่อยู่ในไอซ์แลนด์ ตัวอย่างเช่น ไปแช่น้ำร้อนที่บลูลากูน สปาที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก การปีนธารน้ำแข็ง การดำน้ำตื้นระหว่างแผ่นเปลือกทวีปโลก ซาฟารีกวางเรนเดียร์ ทัวร์ล่องเรือชมวาฬและนกพัฟฟิน ทัวร์ล่าแสงเหนือด้วยรถจี๊ป ทัวร์เดินดื่มเบียร์ หรือสำรวจถ้ำน้ำแข็ง หรืออาจจะเป็นวันสำรวจพิพิธภัณฑ์ในเรคยาวิก การแสดงยามเย็นที่ Harpa นอนค้างในกระสวยอวกาศที่ Galaxy Pod Hostel หรือออกไปรับประทานอาหารค่ำสุดหรูนอกบ้านสักมื้อหนึ่ง

Ice Cave in Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด
Northern Light in Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

21. เตรียมตัวให้พร้อม!

สุดท้ายนี้คือคุณต้องหาข้อมูล และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางของคุณ สิ่งที่ทำให้หลายคนต้องจ่ายเงินมากกว่าที่คาดไว้เพราะพวกเขาไม่ได้หาข้อมูลการเดินทางมากนักก่อนการเดินทาง ถ้าคุณวางแผน เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด คุณไม่จำเป็นต้องวางแผนการเดินทางทุกวัน แต่อย่างน้อยทำการบ้านสักเล็กน้อย เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของไอซ์แลนด์ไว้บ้าง รู้ว่าที่ไหนที่คุณอยากไปอย่างแน่นอน เข้าใจอัตราการแปลงสกุลเงินและราคาของสิ่งต่างๆ จองทัวร์ล่วงหน้า ตรวจสอบพยากรณ์อากาศและสภาพถนน และเตรียมของใช้จำเป็นไปด้วย จะช่วยให้คุณประหยัดเงินและท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ได้อย่างสนุกมากขึ้น

วางแผนการเดินทาง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

การเดินทางไปในประเทศที่เราไม่คุ้นเคยทั้งสภาพอากาศ หรืออาหารการกิน ก็อาจทำให้เราเกิดการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือเกิดเหตุที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อน อาจทำให้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายจนทำให้งบประมาณของเราบานปลาย สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณ เที่ยวต่างประเทศได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : Independenttravelcats.com, lonelyplanet.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

10 Tourist Attractions in Winter EP.2

10 ที่เที่ยวฤดูหนาว ต่างประเทศ สวยตรึงใจ EP.2

ฤดูหนาวในประเทศเมืองหนาวที่แตกต่างจากประเทศไทยเป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ที่สุดของปีที่ควรไปสัมผัส จุดหมายปลายทางที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโปรยปราย ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น เป็นสิ่งที่ชาวเมืองร้อนอย่างเราอยากมีประสบการณ์ได้ไปสักครั้ง ในบทความที่แล้วเราได้ แนะนำ 10 ที่เที่ยวต่างประเทศฤดูหนาว สวยตรึงใจ EP.1 ไปแล้ว วันนี้ Allianz Travel ขอแนะนำ 10 ที่เที่ยวฤดูหนาว ในต่างประเทศที่สวยงามที่สุด EP.2 เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนเที่ยวฤดูหนาว พร้อมยกตัวอย่างกิจกรรมฤดูหนาวที่ห้ามพลาดของแต่ละเมืองมาให้คุณได้ค้นหาสิ่งที่คุณสนใจ มีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลย!

1. เมืองทรอมโซ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์

เมืองทรอมโซตั้งอยู่ห่างจากเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลไปทางเหนือมากกว่า 300 กิโลเมตร เป็นที่รู้จักในฐานะเมืองหลวงของอาร์กติก และมีผู้พูดถึงกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นจุดตั้งต้นในการชมแสงเหนือ และมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ในฤดูหนาว เรามักจะเห็นหิมะแรกในเดือนตุลาคม และหลังจากนั้นก็จะมืดลง (และเย็นลง) ทุกวัน ในช่วงก่อนที่เทศกาลคืนขั้วโลกจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้า คุณจะได้สัมผัสแสงสีมหัศจรรย์บนท้องฟ้าทั้งในตอนเช้าและตอนบ่าย ตั้งแต่สีส้ม ชมพู ไปจนถึงฟ้า เป็นประสบการณ์อันน่าทึ่งและเป็น ที่เที่ยวฤดูหนาว ที่ควรไปชื่นชมอย่างยิ่ง

ที่เที่ยวฤดูหนาว Tromsø, Tromso in Norway

กิจกรรมแนะนำ

  • เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของแสงเหนือหรือแสงออโรร่าผ่านท้องฟ้าอาร์กติกในช่วงเดือนกันยายนถึงเมษายน 
  • ดูวาฬในทะเลนอก Skjervøy ทางเหนือของ Tromsø ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม คุณอาจโชคดีได้พบกับวาฬออร์กา วาฬหลังค่อม และวาฬมิงก์
Whale in Tromso
  • นั่งเลื่อนที่ลากโดยสุนัขสัมผัสผ่านภูมิประเทศที่สวยงามรอบๆ ทรอมโซเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
  • สำรวจฟยอร์ดโดยเรือเพื่อชมภูมิทัศน์ของฟยอร์ดในพื้นที่ทางธรรมชาติที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
  • ท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตของชาวซามิ เช่น พักในกระโจมของชนเผ่าแบบเดิม ชมแสงเหนือ และสัมผัสกับกวางเรนเดียร์อย่างใกล้ชิด รวมถึงการชมนิทรรศการศิลปะของชาวซามิซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
Northern Light in Tromso

2. ควิเบ็กซิตี้ (Quebec City) ประเทศแคนาดา

ควิเบกเป็นสถานที่พักผ่อนในเมืองที่ยอดเยี่ยมในฤดูหนาว คุณจะได้เห็นสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป กำแพงหินอันยิ่งใหญ่ที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับศูนย์กลางประวัติศาสตร์ อาคารรัฐสภาจำลองตามพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์อันโด่งดังในกรุงปารีส เสียงพูดภาษาฝรั่งเศสลอยอยู่เหนือถนนที่ปูด้วยหินขณะที่ระฆังโบสถ์ส่งเสียงดังแว่วมาแต่ไกล และหิมะจำนวนมาก หากคุณมาถึงในเดือนธันวาคม คุณจะได้เดินชมตลาดคริสต์มาสที่มีแผงขายของตั้งแต่ขนมจากต้นเมเปิ้ลไปจนถึงของเล่นไม้ทำมือ นอกจากนี้ฤดูหนาวที่นี่มีเทศกาล งานอีเวนต์ และงานแสดงสินค้ามากมาย คุณจะเห็นว่าผู้คนในควิเบกซิตี้สนุกสนานกันอย่างมากเมื่ออุณหภูมิลดลง

ที่เที่ยวฤดูหนาว Quebec City, Canada

กิจกรรมแนะนำ

  • สไลด์แคร่เลื่อนหิมะที่อยู่ใจกลางเมือง พุ่งไปตามทางที่เป็นน้ำแข็งลงจากเนินเขาด้วยความเร็วสูงสุด 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • เยี่ยมชมหรือพักค้างคืนที่โรงแรมน้ำแข็ง Hotel de Glace หนึ่งในโรงแรมน้ำแข็งเพียงไม่กี่แห่งในโลก ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดทุกปีด้วยธีมที่แตกต่างกัน 
  • ชิม Maple Taffy ที่ทำจากเมเปิ้ลไซรัป น้ำเชื่อมจากต้นเมเปิ้ลที่อร่อยและขึ้นชื่อของประเทศแคนาดา ในช่วงเทศกาลฤดูหนาว ร้านค้าจะนำน้ำเชื่อมเมเปิ้ลราดลงบนน้ำแข็งเป็นทางยาว จากนั้นจึงนำไม้มาม้วนน้ำเชื่อมที่แข็งตัวเป็นลูกอมเมเปิ้ลแสนหวาน
Maple Taffy in Quebec City, Canada
  • หากคุณมาเที่ยวในเดือนธันวาคม อย่าพลาดการจัดงานคริสต์มาสที่ลาน Château Frontenac พร้อมด้วยต้นคริสต์มาสยักษ์และไฟประดับมากมาย
  • ตกปลาในน้ำแข็งที่หมู่บ้านนอร์ดิกแห่งท่าเรือควิเบก เพื่อสัมผัสประสบการณ์ฤดูหนาวในพื้นที่เมืองที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในฤดูหนาว
Activity in Quebec City, Canada

3. แลปแลนด์ (Lapland) ประเทศฟินแลนด์

แลปแลนด์ตั้งอยู่ทางเหนือของประเทศฟินแลนด์ มีภูมิอากาศแบบป่าสนหรือกึ่งอาร์กติก ฤดูหนาวในแลปแลนด์เป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ที่สุดของปีที่ควรไปเยือน จุดหมายปลายทางแห่งเทศกาลคริสต์มาสที่เราทุกคนใฝ่ฝันถึงตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก อีกทั้งยังเป็นบ้านเกิดของซานตาคลอสอีกด้วย คุณจะได้พบกับทิวทัศน์ฤดูหนาวอันสวยงามและวัฒนธรรมท้องถิ่นอันน่าหลงใหล ตามด้วยค่ำคืนแสนสบายข้างกองไฟหรือในกระท่อมน้ำแข็งใต้แสงเหนือ แลปแลนด์มีทั้งความโรแมนติกและการผจญภัย ดังนั้นจึงรับประกันความสนุกสำหรับทุกคนในครอบครัวเลยค่ะ

ที่เที่ยวฤดูหนาว Northern Light, Lapland

กิจกรรมแนะนำ

  • ตามล่าหาแสงเหนือสีสวยเรืองแสงบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
  • นั่งเลื่อนที่ลากด้วยกวางเรนเดียร์ หรือขับเคลื่อนด้วยสุนัขลากเลื่อน Husky Safari
Husky Safari, Lapland
  • ล่องเรือตัดน้ำแข็งอย่าง SAMPO Icebreaker ที่มีชื่อเสียงดังระดับโลก
  • เยี่ยมชมหมู่บ้านซานตาคลอส หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของแลปแลนด์ 
  • พักค้างคืนในโรงแรมน้ำแข็ง ทานอาหารในร้านอาหารหิมะ ดื่มเครื่องดื่มในบาร์น้ำแข็ง และแวะชมปราสาทหิมะ
Santa Claus Village, Lapland

4. ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) ประเทศญี่ปุ่น

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ เป็นหมู่บ้านโบราณเก่าแก่อายุกว่า 250-300 ปี ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกเมื่อปี พ.ศ.2538 ตั้งอยู่ในหุบเขาในเขตจังหวัดกิฟูและโทยาม่า (Gifu and Toyama Prefectures) ทางตอนกลางของเกาะฮอนชู ประกอบไปด้วยบ้านเรือนกระจายไปในแนวเหนือ-ใต้ ตามที่ราบแคบๆ ที่ขนานไปกับแม่น้ำโชกาวะ (Shokawa River) มีชื่อเสียงในเรื่องของการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมแบบ “กัสโซซึคุริ” อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ คำว่ากัสโชหมายถึง ‘มืออธิษฐาน’ ซึ่งหมายถึงหลังคามุมสูงของบ้านที่ดูเหมือนมือของพระสงฆ์ในการอธิษฐาน และสิ่งที่ทำให้น่าสนใจขึ้นไปอีกก็คือหลังคาที่สร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปูหรือวัสดุโลหะใดๆ โดยทั้งหมดทำจากฟางและไม้ที่มาจากป่ารอบๆ หมู่บ้าน เป็นหนึ่งใน ที่เที่ยวฤดูหนาว ที่หลายๆ คน อยากไปสัมผัสความงามสักครั้ง

ที่เที่ยวฤดูหนาว Shirakawago, Japan

กิจกรรมแนะนำ

  • พักในบ้านกัสโช เพื่อสัมผัสการใช้ชีวิตของผู้ที่อยู่อาศัยในชิราคาวาโกะ 
  • ชิมอาหารท้องถิ่น อย่างเช่น โคร็อกเกะเนื้อฮิดะ
  • ชมวิวที่จุดชมวิวเท็นชุคาคุ (Tenshukaku Observatory) เพื่อเก็บภาพมุมสูงแบบพาโนราม่าของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ
  • แช่ออนเซ็นกลางแจ้งที่ชิราคาวาโกะโนะยุออนเซ็น (Shirakawago no Yu) และชมวิวสวยๆของธรรมชาติรอบๆและแม่น้ำโชกาวะ
  • ชมงานประดับไฟยามเย็นที่จัดในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 

5. เมืองเบอร์เกน (Bergen) ประเทศนอร์เวย์

เบอร์เกนเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศนอร์เวย์รองลงมาจากกรุงออสโล ล้อมรอบด้วยภูเขาและตั้งอยู่ใกล้กับซองเนฟยอร์ด (Sognefjord) ฟยอร์ดที่ยาวและลึกที่สุดของนอร์เวย์ เบอร์เกนมีท่าเรือใหญ่เป็นอันดับต้นๆของนอร์เวย์ จึงทำให้เป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ และเป็นหนึ่งในเมืองที่ถูกยกย่องให้เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรป ปัจจุบันบ้านเรือนต่างๆ กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ และแกลลอรี่ โชว์งานศิลปะต่างๆ ด้วย

Bergen, Norway

กิจกรรมแนะนำ

  • เดินชมท่าเทียบเรือเก่า Bryggen ที่มีอายุเกือบ 300 ปี อาคารไม้สีพาสเทลสดใสเรียงรายตามถนนขนานไปกับริมน้ำ และปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก้ 
  • นั่งรถกระเช้าไฟฟ้า Fløibanen ไปยังยอดเขา Fløyen เพื่อชมทัศนียภาพอันงดงาม
  • ขึ้นเคเบิลคาร์ Ulriken เพื่อขึ้นไปจุดสูงสุดของ “ภูเขาทั้ง 7” ชมภูมิประเทศบนภูเขาสูง 643 เมตรเหนือถนนในเมือง
  • ล่องเรือชมฟยอร์ดที่สวยงามที่สุดของนอร์เวย์
  • เดินเขาท้าความสูงขึ้นไปบนหน้าผาโทรลล์ทุงก้า (Trolltunga) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก (ในฤดูหนาวต้องมีไกด์นำทาง)
Trolltunga in Bergen, Norway

6. กรุงปราก (Prague) สาธารณรัฐเช็ก

ปรากเป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยว ฤดูหนาวในปรากเป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ คุณจะได้เห็นเมืองที่สวยงามแห่งนี้ภายใต้หิมะที่โปรยปราย สถานที่ท่องเที่ยวจะแออัดน้อยกว่าช่วงฤดูท่องเที่ยว คุณจะได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่ดีที่สุดในปรากในฤดูหนาวโดยปราศจากฝูงชนที่มักจะเต็มท้องถนน!

Prague, Czech

กิจกรรมแนะนำ

  • เดินไปตามถนน เพื่อชื่นชมสถาปัตยกรรมยุคโกธิก บาโรก และอาคารสมัยใหม่ที่ผสมผสานกันอย่างน่าทึ่ง
  • สำรวจตลาดคริสต์มาส ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคม ดูแผงขายของประดับตกแต่งวันคริสต์มาส ของขวัญ ของที่ระลึก ตลอดจนอาหารและเครื่องดื่มอุ่นๆ อร่อยๆ
  • เล่นสเก็ตน้ำแข็งตามลานสเก็ตยอดนิยม เช่น Victory Square 
  • เยี่ยมชมปราสาทปราก และอย่าพลาดการเปลี่ยนเวรยามเวลา 12.00 น. ภายในประตูปราสาท
  • ถ่ายรูปยามเช้าที่สะพานชาร์ลส์ เพื่อสัมผัสความเงียบสงบและปกคลุมไปด้วยหิมะโปรยปราย
Christmas Market in Prague, Czech

7. เมืองเซโกเบีย (Segovia) ประเทศสเปน

เมืองเซโกเบีย เป็นหนึ่งในหลายๆ เมืองมรดกโลกของสเปนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาเกือบ 2 พันปี ตั้งอยู่ในแคว้น Castile and León ตั้งอยู่ที่เชิงเขา Guadarrama ห่างจากเมืองแมดริดไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือราว 70 กิโลเมตร ความพิเศษของเมืองนี้ก็คือระบบท่อส่งน้ำและสะพานส่งน้ำ (Aqueduct bridge) อันแสดงถึงความรุ่งเรืองของชาวโรมัน มีความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมแบบโรมันที่เรียกว่าอาร์กโค้งที่มีช่องโค้งทั้งหมด 166 ช่วง ยาวถึง 17 กิโลเมตรจากแม่น้ำ Acebeda ในเทือกเขา Sierra de Fuenfría โครงสร้างทางวิศวกรรมถูกสร้างขึ้นจากบล็อคหินแกรนิต 20,400 ชิ้น ถือว่าเป็น 1 ในแลนด์มาร์คของเซโกเวียที่หากมาถึงก็ต้องถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกแน่นอน

Segovia, Spain

กิจกรรมแนะนำ

  • ขึ้นไปบนจุดชมวิวข้างจัตุรัส Plaza Artillería เพื่อชมวิวสะพานส่งน้ำและตัวเมืองเก่า
  • เดินเล่นผ่าน Calle Juan Bravo ดูร้านขายงานศิลปะและงานฝีมือในท้องถิ่น 
  • ชมปราสาท Alcazar สถานที่ประทับของกษัตริย์และราชินีแห่งอาณาจักรคาสติล ว่ากันว่าเป็นปราสาทต้นแบบของปราสาทเจ้าหญิงนิทราในดีสนีย์แลนด์
  • ปีนขึ้นไปบนยอดหอคอย Torre de Juan II เพื่อชมพระอาทิตย์ตก
  • ลองชิม Ponche Segoviano เค้กสเปนแบบดั้งเดิมที่มีต้นกำเนิดจากเมืองเซโกเวีย

8. ทะเลสาบเบลด (Lake Bled) ประเทศสโลวีเนีย

ทะเลสาบเบลดมีความสวยงามตลอดทั้งปี แต่หิมะสีขาวปกคลุมทำให้ที่นี่มีมนต์ขลังมากยิ่งขึ้น! ภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะและแสงไฟคริสต์มาสทำให้เบลดกลายเป็นเทพนิยายในฤดูหนาวจริงๆ เบลดในฤดูหนาวจะมีนักท่องเที่ยวน้อยและราคาถูกกว่าช่วงไฮซีซั่นในฤดูร้อนมาก นอกจากนั้น คุณสามารถเลือกกีฬาฤดูหนาวและกิจกรรมฤดูหนาวมากมายเพื่อทำให้วันหยุดที่ทะเลสาบเบลดของคุณพิเศษยิ่งขึ้น เดือนธันวาคมมีมนต์ขลังเป็นพิเศษเนื่องจากมีการประดับประดาคริสต์มาส ตลาดคริสต์มาส และกิจกรรมรื่นเริงมากมาย

Lake Bled, Slovenia

กิจกรรมแนะนำ

  • เยี่ยมชมเกาะเบลดที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ด้วยการเช่าเรือพายไปเอง หรือนั่งเรือพายรับส่งแบบดั้งเดิมก็ได้
  • ชมพระอาทิตย์ตกจากปราสาทเบลด เพลิดเพลินกับการแสดงธรรมชาติที่เปลี่ยนสีเหนือทะเลสาบและภูเขาด้านหลัง 
  • เดินเล่นรอบทะเลสาบเบลดชมทัศนียภาพที่สมบูรณ์แบบของเกาะเบลดจากทุกมุม
  • ชิมครีมเค้ก Bled แบบดั้งเดิม 
  • ขึ้นบันได 99 ขั้นไปยังโบสถ์บนเกาะเบลด เพื่อไปตี “ระฆังขอพร” สามครั้ง แล้วคำอธิษฐานของคุณจะเป็นจริง แต่มีข้อแม้คือคุณสามารถขอพรได้เพียงข้อเดียวเท่านั้น

9. เมืองฮาร์บิน (Harbin) ประเทศจีน

เมืองฮาร์บินอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงฤดูหนาว ทุกเดือนมกราคมจะมีการจัดเทศกาลประติมากรรมน้ำแข็งและหิมะนานาชาติ ซึ่งเป็นเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีการสร้างหมู่บ้านน้ำแข็งอันวิจิตรงดงามพร้อมโคมไฟน้ำแข็งสำหรับเทศกาลที่ยาวนานถึงหนึ่งเดือน เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมคือในตอนเย็น เมื่อเมืองน้ำแข็งสว่างไสวด้วยแสงไฟหลากสีนับพันดวง งานประจำปีนี้เปลี่ยนพื้นที่หลายแห่งของเมืองให้กลายเป็นดินแดนมหัศจรรย์แห่งหิมะที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลก

Harbin, China

กิจกรรมแนะนำ

  • เพลิดเพลินไปกับดินแดนมหัศจรรย์แห่งน้ำแข็งและหิมะในเทศกาลน้ำแข็งและหิมะนานาชาติ ตื่นตาตื่นใจไปกับความงามของประติมากรรมกว่า 2,000 ชิ้นและตัวละครจากหิมะที่อาบแสงหลากสี
  • ดูคนท้องถิ่นรวมตัวกันในตอนเช้าที่แม่น้ำซงหัว (Songhua) เพื่อว่ายน้ำในฤดูหนาว!
  • เดินข้ามแม่น้ำซงหัวที่กลายเป็นน้ำแข็งกว้างประมาณ 100 เมตร โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์สกีพิเศษ 
  • ลองทานอาหารฮาร์บินที่ได้รับอิทธิพลมาจากอาหารรัสเซีย มองโกเลีย และจีนทางตอนเหนือ 
  • ดูเสือไซบีเรียอย่างใกล้ชิดที่สวนเสือไซบีเรีย แหล่งอนุรักษ์เสือไซบีเรียที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Siberian Tigers in Harbin, China

10. อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน สหรัฐอเมริกา

การเยี่ยมชมอุทยายแห่งชาติเยลโลว์สโตนในฤดูหนาวเป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ ป่าที่ปกคลุมด้วยหิมะมีความเงียบอันน่าพิศวง กลุ่มควันไอน้ำลอยขึ้นอย่างแผ่วเบารอบๆ บ่อน้ำพุร้อน อากาศแห่งความสันโดษแผ่ซ่านไปทั่วดินแดนมหัศจรรย์ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะอันบริสุทธิ์ สัมผัสความเงียบสงบของฤดูกาล คุณมีโอกาสผจญภัยและเชื่อมต่อกับธรรมชาติบนพรมแดนกว้างใหญ่ไพศาลที่รอการพิชิตจากนักสำรวจเช่นคุณ ถ้าคุณวางแผนการเดินทางไว้อย่างเหมาะสม เยลโลว์สโตนเป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่ดีที่สุดที่ควรไปเยี่ยมชมในเดือนธันวาคมและช่วงที่เหลือของฤดูหนาว การแช่น้ำพุร้อน เล่นสกีครอสคันทรีไปเล่นน้ำตก และชมสัตว์ป่าที่ลงมาจากภูเขาเป็นสิ่งที่ต้องทำในเยลโลว์สโตนในฤดูหนาว

Yellowstone in winter

กิจกรรมแนะนำ

  • เล่นสกีครอสคันทรี 
  • เดินลุยหิมะด้วยรองเท้าเดินบนหิมะไปยังจุดท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยม 
  • ไปทัวร์กับรถสโนว์โค้ช เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่สวยงามและสัตว์ป่า
  • ขี่สโนว์โมบิล สัมผัสสายลมที่พัดผ่านอย่างรวดเร็วผ่านภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยหิมะ
Drive in snow, Yellowstone
  • ทัวร์ชมสัตว์ป่ากับไกด์นักธรรมชาติวิทยา 
  • ตกปลาในน้ำแข็งที่ทะเลสาบ Hebgen ทางเหนือของ West Yellowstone
Snow in Yellowstone

หากคุณมีแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงฤดูหนาว ก็ควรจัดเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อม เช่น เสื้อกันหนาวที่เหมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศที่เราจะเดินทางไป ถุงมือ ถุงเท้า รองเท้า ที่ปิดหูเพื่อให้ความอบอุ่น เป็นต้น ถ้าเราเอาเสื้อผ้าหรือของใช้จำเป็นไปไม่เพียงพอก็อาจทำให้เกิดการเจ็บไข้ได้ป่วยจนหมดสนุก และสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณ เที่ยวต่างประเทศในช่วงฤดูหนาว ได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : wanderherway.com, planetware.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

Allianz Travel : 10 ที่เที่ยวต่างประเทศฤดูหนาว สวยตรึงใจ

10 ที่เที่ยวต่างประเทศฤดูหนาว สวยตรึงใจ EP.1

ช่วงฤดูหนาวเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับการไปท่องเที่ยวชมธรรมชาติที่แตกต่างไปจากประเทศไทย อย่างเช่น ภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทะเลสาบน้ำแข็ง ท้องฟ้าสีฟ้าสดใสท่ามกลางอากาศเย็น เพราะเราจะได้เจอกับสิ่งที่แปลกใหม่ บรรยากาศแปลกใหม่ สถานที่แปลกใหม่ และผู้คนก็แปลกใหม่ Allianz Travel ขอแนะนำ 10 ที่เที่ยวต่างประเทศฤดูหนาว ที่สวยงามที่สุด เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเป็นข้อมูลให้กับทริปฤดูหนาวของคุณ มาค้นหาสถานที่ท่องเที่ยววันหยุดฤดูหนาวที่ดีที่สุดท่ามกลางหิมะทั่วโลกกันเถอะ

1. เมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา

ชิคาโก้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางฤดูหนาวที่สวยงามแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่มีลมพัดแรงตลอดทั้งปี จนถูกขนานนามว่า Windy City เดือนมกราคมและกุมภาพันธ์จะเป็นช่วงเดือนที่หนาวที่สุด หากคุณโชคดีและไปเยี่ยมเยียนในช่วงฤดูหนาวที่หนาวจัด คุณอาจเห็นทะเลสาบมิชิแกนกลายเป็นน้ำแข็ง และเล่นเลื่อนหิมะ หรือเดินบนหิมะท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยงาม นอกจากนี้ฤดูหนาวในชิคาโกเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะเดินทางผ่านแสงไฟในวันหยุดที่ส่องแสงระยิบระยับ เดินดูลานสเก็ตน้ำแข็งกลางแจ้งหลายแห่งในเมือง หรือนั่งสบายๆ ในคาเฟ่ของพิพิธภัณฑ์ และที่สำคัญการได้ดื่มช็อกโกแลตร้อนๆ ขณะที่เดินไปตามถนนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะก็นับเป็นประสบการณ์ที่ควรอยู่ในลิสต์เลยค่ะ!

Chicago USA

กิจกรรมแนะนำ

  • ชมต้นคริสต์มาสประดับไฟสวยงามที่สวนสาธารณะ Millennium Park 
  • จิบ Glühwein หรือไวน์ร้อน เลือกซื้อของขวัญทำมือ เพลิดเพลินกับอาหารและเครื่องดื่มสไตล์เยอรมันใต้เกล็ดหิมะและแสงไฟระยิบระยับ ที่ตลาดไครสต์คินเดิล (Christkindle market) ตลาดประจำปีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประเทศเยอรมนี 
  • เล่นสเก็ตน้ำแข็งที่ Maggie Daley Park สัมผัสประสบการณ์ “เทือกเขาแอลป์ในเมือง” บนแถบน้ำแข็งที่คดเคี้ยวโค้งขึ้นและลงรอบๆ กำแพงสูง 40 ฟุต โดยมีเส้นขอบฟ้าที่สวยงามของเมืองเป็นฉากหลัง
  • ขึ้นรถไฟและรถประจำทางของ Chicago Transit Authority ที่ตกแต่งภายในและภายนอกด้วยของประดับตกแต่งตามเทศกาลและไฟนับพันดวงเพื่อให้ส่องแสงระยิบระยับขณะร่อนและระยิบระยับไปรอบๆ เมืองชิคาโก
Chicago USA Winter

2. เมืองทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย

เมืองทาลลินน์ในเอสโตเนียมาพร้อมกับมนต์เสน่ห์แห่งฤดูหนาว คุณจะได้เห็นเมืองเก่าในยุคกลางปกคลุมไปด้วยหิมะ หนาเป็นชั้นๆ และเกล็ดหิมะเล็กๆ โปรยปรายอยู่เหนือหอคอยโบสถ์สไตล์โกธิคและป้อมปราการของปราสาท การมาถึงทาลลินน์ก็เหมือนกับการเดินเข้าไปในเทพนิยายในฤดูหนาว เมืองในยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดของยุโรป มีความงดงามในช่วงเวลาต่างๆ ของปี แต่ในช่วงวันที่หนาวเย็นของฤดูหนาว หิมะจะเพิ่มความมหัศจรรย์เป็นพิเศษ

Tallinn in Estonia

กิจกรรมแนะนำ

  • เดินเล่นที่ Old Town Square ในเดือนธันวาคม กินอาหารสำหรบเทศกาลคริสต์มาส และถ่ายรูกับต้นคริสต์มาสยักษ์ที่ประดับด้วยไฟระยิบระยับ
  • ดื่ม Glögi หรือ Hõõgwein ไวน์แดงที่ผสมกับบรั่นดี รัม หรือวอดก้า ต้มกับเครื่องเทศ เช่น กานพลู อบเชย ขิง กระวาน และลูกจันทน์เทศ เวลาดื่มก็ต้องดื่มแบบอุ่นหรือร้อนๆ
  • เล่นสเก็ตที่ Uisuplats Ice Rink บนถนน Harju ถัดจากโบสถ์ St Nicholas โดยมีฉากหลังเป็นอาคารยุคกลางที่สวยงาม 
  • ขึ้นไปชมวิวบนเนินเขา Toompea จากจุดชมวิว Kohtuotsa และ Patkuli ที่มองเห็นทิวทัศน์พาโนรามาของหลังคาบ้านเรือนที่ปกคลุมด้วยหิมะ ป้อมปราการที่ปูด้วยกระเบื้องสีแดง และโบสถ์ที่มียอดแหลม
Winter in Tallinn, Estonia

3. อุทยานแห่งชาติ Plitvice Lakes ประเทศโครเอเชีย

อุทยานแห่งชาติ Plitvice Lakes ตั้งอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ที่สวยงามโครเอเชีย ประกอบด้วยหุบเขาหินปูน ป่าไม้ ทะเลสาบ 16 แห่งที่เชื่อมต่อถึงกัน น้ำตก 90 แห่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ และมีทิวทัศน์อันน่าทึ่งจากทุกมุม นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาเยี่ยมชมที่นี่ในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้ก็คือในฤดูหนาว Plitvice จะกลายเป็นดินแดนมหัศจรรย์ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวบริสุทธิ์

Plitvice Lakes, Croatia

กิจกรรมแนะนำ

  • ชมความงดงามของทะเลสาบพลิทวิเซ่ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวทุกหนทุกแห่งจากมุมสูง และชมน้ำตกขนาดใหญ่ที่น้ำไหลลงบนธารน้ำแข็ง
  • เดินตามทางเดินริมทะเลสาบตอนล่างและลัดเลาะชมทิวทัศน์ของป่าที่เต็มไปด้วยหิมะ
  • สำหรับผู้ที่รักการเล่นสกี คุณสามารถฝึกกีฬานี้ได้จากทางเข้าใกล้กับหมู่บ้าน Mukinje ซึ่งมีทางลาดที่ง่ายกว่าเหมาะสำหรับเด็กและสำหรับผู้ที่ต้องการเล่นเลื่อนหิมะ
  • สำรวจและเรียนรู้ระบบนิเวศทางธรรมชาติของอุทยานบน 8 เส้นทาง
Winter in Plitvice Lakes, Croatia

4. สวนลิงจิโกคุดานิ (Jigokudani Monkey Park) ประเทศญี่ปุ่น

สวนลิงป่าจิโกคุดานิตั้งอยู่ในหุบเขาที่เงียบสงบทางตะวันออกของเมืองนากาโนะ เป็นที่อยู่อาศัยของฝูงลิงแสมญี่ปุ่นหรือเรียกกันว่าลิงหิมะจำนวนมากที่ลงมาจากภูเขาเพื่อรับความอบอุ่นจากน้ำพุร้อน โดยนั่งแช่น้ำอุ่นในออนเซ็น (น้ำพุร้อนของญี่ปุ่น) อยู่กันเต็มบ่อ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า พวกมันอาบน้ำในฤดูหนาวเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นและลดระดับความเครียด และสวนแห่งนี้ก็เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้เห็นสิ่งมีชีวิตที่หาตัวได้ยากนี้อย่างใกล้ชิด พวกลิงมาที่บ่อน้ำตลอดปี แต่มักจะใช้เวลาอยู่ในบ่อนานๆ ในช่วงฤดูที่มีอากาศหนาว ดังนั้น ช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมคือช่วงที่ดีที่สุดในการมาเยี่ยมชมที่นี่

Jigokudani Monkey Park, Japan

กิจกรรมแนะนำ

  • ทางเดินยาว 2 กิโลเมตรที่เริ่มจากคังบายาชิอนเซ็นตัดผ่านป่าที่เงียบสงบ ในฤดูหนาวทางเดินนี้สวยงามเป็นพิเศษ คุณน่าจะเพลิดเพลินไปกับการเดินมากพอๆ กับการได้พบฝูงลิง ป้ายต่างๆ ตามทางเดินผ่านป่าไปจนถึงบ่อน้ำจะให้ข้อมูลแก่ผู้มาเยือนเกี่ยวกับลำดับชั้นทางสังคม พฤติกรรม และการเลี้ยงลูกของลิงกัง
  • สังเกตทุกอากัปกิริยาของเหล่าลิงรอบๆ บ่อน้ำ พวกมันคุ้นเคยกับการมีมนุษย์รายล้อม ดังนั้นคุณสามารถถ่ายรูปได้ แต่มักจะไม่ได้รับความสนใจจากพวกมันเลย
  • มองหาลูกลิงกังที่แสนซนและน่ารัก
Winter in Jigokudani Monkey Park, Japan

5. อุทยานแห่งชาติแบมฟ์ (Banff National Park) ประเทศแคนาดา

อุทยานแห่งชาติแบมฟ์ (Banff National Park) เป็นอุทยานที่เก่าแก่ที่สุดของแคนาดาและเป็นศูนย์กลางของสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม ทั้งทะเลสาบ ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ และน้ำพุร้อน มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ และสัตว์ต่างๆ เช่น อินทรีย์สีทอง หมีกริซซ์ลี และ หมีดำ กวางมูส แพะภูเขา

Banff National Park, Canada

อุทยานแห่งชาติแบมฟ์จะเปลี่ยนเป็นดินแดนมหัศจรรย์แห่งฤดูหนาวในช่วงเดือนธันวาคมถึงมีนาคม เมื่อน้ำในทะเลสาบหลุยส์และทะเลสาบโมเรนใสที่สุด แบมฟ์ยังเป็นที่ตั้งของหุบเขาสิบยอด (Valley of the Ten Peaks) ดังนั้นคุณจะได้เห็นยอดเขาทั้งสิยที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมมากมายให้คุณเลือก เพียงเตรียมอุปกรณ์กันหนาวที่เหมาะสมเพื่อให้คุณอบอุ่นและสบายตลอดทั้งวัน!

Valley of the Ten Peaks in Banff National Park, Canada

กิจกรรมแนะนำ

  • เดินป่าในฤดูหนาว คุณจะรู้สึกเหมือนได้เข้าสู่ดินแดนมหัศจรรย์ในฤดูหนาวท่ามกลางต้นไม้ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ 
  • เล่นสเก็ตบนทะเลสาบน้ำแข็ง ล้อมรอบด้วยยอดเขาสูงตระหง่าน
  • ปั่นจักรยานล้อโต (Fat Bike) เพื่อสำรวจอุทยานแห่งชาติแบมฟ์
  • เช่ารองเท้าลุยหิมะออกไปสำรวจเส้นทางแถบทะเลสาบหลุยส์ หรือเข้าร่วมทัวร์ชมสีสันอันน่าทึ่งของ Marble Canyon ซึ่งเป็นช่องเขาหินปูนลึก 40 เมตร 
Train in Banff National Park, Canada

6. เมืองฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) ประเทศออสเตรีย

เมืองฮัลล์สตัทท์ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) World Heritage Site ประเภท Cultural Landscape ภาพของหมู่บ้านที่มีเทือกเขาเป็นองค์ประกอบอยู่ด้านหลังแห่งนี้เป็นภาพคุ้นตาชาวโลกที่ถูกเผยแพร่มากที่สุด และจะสวยงามเป็นพิเศษในฤดูหนาว ดังนั้นคุณควรไปเยี่ยมชมเพื่อชื่นชมสถาปัตยกรรมที่มีรายละเอียดสวยงามและภูเขาซาลซ์บูร์กที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ

Hallstatt, Austria

กิจกรรมแนะนำ

  • สำรวจถนนในเมืองฮัลล์สตัทท์ เดินเล่นไปตามถนนที่ขนาบข้างด้วยบ้านสีพาสเทลแบบดั้งเดิมพร้อมระเบียงที่สวยงาม ชมวิวริมทะเลสาบและภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะโดยรอบ 
  • แวะชมจตุรัสตลาดเก่าแก่ Central Square Marktplatz ที่คึกคักด้วยการตกแต่งที่สวยงาม ตลาดคริสต์มาส ดนตรี และกิจกรรมรื่นเริง 
  • ตื่นตาไปกับโบสถ์ประวัติศาสตร์ที่สวยงามหลายแห่ง เช่น โบสถ์คาทอลิกแห่งฮัลล์สตัทท์ สมัยศตวรรษที่ 15 ซึ่งมีแท่นบูชาสไตล์โกธิคที่งดงาม จิตรกรรมฝาผนังแบบโกธิก ภาพวาดล้ำค่า และงานศิลปะ 
  • ชมเมืองฮัลล์สตัทท์จากมุมสูงจากจุดชมวิว Hallstatt Skywalk ที่อยู่สูงเหนือเมือง 350 เมตร ดื่มด่ำกับทัศนียภาพแบบพาโนรามาของทะเลสาบ และชมทิวทัศน์ภูเขาที่รวมถึงยอดเขาอัลไพน์ด้วย

7. ริชมอนด์พาร์ค สหราชอาณาจักร

ริชมอนด์พาร์ค (Richmond Park) เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในลอนดอนบนพื้นที่ 2,500 เอเคอร์ เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม เป็นสวนสาธารณะที่มีพื้นที่โล่งกว้าง มีทุ่งหญ้า คุณสามารถเห็นสัตว์มากมายหลากหลายชนิด เช่น กวาง กระรอกน้ํา ซึ่งเป็นสัตว์ที่พบบ่อยที่สุดที่นี่ สวนแห่งนี้ยังเป็นแหล่งปลูกต้นไม้ชั้นนำของสหราชอาณาจักร ทั้งพันธุ์ไม้หายากและดอกไม้ป่าอีกหลายชนิด หากคุณแวะมาเยี่ยมชมสวนริชมอนด์ในฤดูหนาว คุณจะได้สัมผัสความสงบ ความงามที่ปฏิเสธไม่ได้

Richmond Park, United Kingdom

กิจกรรมแนะนำ

  • นั่งรถม้าชมรอบสวนท่ามกลางความงามของฤดูหนาว เพลิดเพลินไปกับเสียงฝีเท้าม้าและระฆัง สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ และชมสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิด 
  • เดินป่าบนเส้นทาง Tamsin Trail (11.8 กม.) ที่นิตยสาร Country Living ประกาศให้เป็นเส้นทางเดินเล่นตามฤดูกาลที่มีทิวทัศน์สวยงามที่สุดของสหราชอาณาจักร
  • ขึ้นไปบนเนิน King Henry’s Mound เพื่อชมทัศนียภาพอันงดงามของหุบเขาเทมส์ทางทิศตะวันตก และวิวของ St. Paul’s Cathedral ทางทิศตะวันออก และมองลงไปดูวิวสวยๆ ของเมือง
  • ขับรถไปยังส่วนตะวันตกของสวนเพื่อพบกับ Pembroke Lodge คฤหาสน์แบบจอร์เจียนท่ามกลางสวนภูมิทัศน์สวยงาม เพลิดเพลินกับชาและเค้กภายในห้องหรูของบ้าน
A Deer in Richmond Park, United Kingdom

8. ทะเลทรายโกบี ประเทศมองโกเลีย

ทะเลทรายโกบีเป็น 1 ใน 5 ทะเลทรายที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อระหว่างประเทศมองโกเลียตอนใต้ กับเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ทางตอนเหนือของประเทศจีน ทะเลทรายโกบีในมองโกเลียเป็นจุดหมายปลายทางฤดูหนาวที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสทิวทัศน์อันน่าทึ่งและความงามตามธรรมชาติ  และเรียนรู้วัฒนธรรมที่น่าสนใจและวิถีชีวิตเร่ร่อนที่ปฏิบัติที่นี่มานับพันปี การท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวในทะเลทรายโกบีเหมาะสำหรับนักเดินทางแนวผจญภัย แม้ว่าโกบีจะอุ่นกว่าทางตอนเหนือของมองโกเลีย แต่ก็ยังเป็นทะเลทรายที่หนาวที่สุดในโลก และอุณหภูมิในช่วงกลางฤดูหนาวก็ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง และบางครั้งก็ลดลงต่ำกว่านั้น แต่ฤดูหนาวในทะเลทรายโกบีมีสิ่งที่น่าสนใจมากมายให้เราได้ไปสัมผัส

Kobee, Mongolia

ในการแสวงหาความสวยงามในฤดูหนาว ควรมุ่งหน้าไปยังทะเลทรายโกบีในมองโกเลียในวันที่ 6 และ 7 มีนาคม เนื่องจากเป็นวันที่มีเทศกาลอูฐ 1,000 ตัวที่ Dalanzadgad งานประจำปีของที่นี่เป็นที่รู้จักจากการแข่งขันโปโลอูฐและการประกวดอูฐ หากไปถึงโกบีแล้วลองทัวร์ชมอูฐกึ่งทะเลทรายโกบีพร้อมไกด์ท้องถิ่น

กิจกรรมแนะนำ

  • ทัวร์ทะเลทรายในฤดูหนาวด้วยรถจี๊ป
  • พักค้างคืนในเกอ เต็นท์แบบดั้งเดิมของผู้เลี้ยงปศุสัตว์เร่ร่อนชาวมองโกเลีย
  • ชิมอาหารพื้นเมืองของผู้เลี้ยงปศุสัตว์มองโกเลียที่ปรุงจากเนื้อสัตว์และนมเป็นหลัก
  • ขี่อูฐ Bactrian ชมทะเลทราย
  • เดินป่าสำรวจเส้นทางกับไกด์ท้องถิ่นที่เพื่อชมความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของทะเลทราย

9. เมืองบรูจส์ (Bruges) ประเทศเบลเยียม

เมืองบรูจส์เป็นหนึ่งในเมืองในยุโรปยุคกลางที่โดดเด่นและได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีและมีเสน่ห์ให้แวะเยี่ยมชมได้ทุกฤดูกาล แต่เมืองบรูจส์ในฤดูหนาวจะมีมนต์ขลังเป็นพิเศษ ไม่ว่าคุณจะเดินเล่นไปตามถนนที่ปูด้วยหินแปลกตา ดื่มด่ำกับช็อกโกแลตและเบียร์อันงดงามของภูมิภาค หรือชื่นชมสถาปัตยกรรมในยุคอดีต และคลองที่กลายเป็นน้ำแข็ง ร้านช็อกโกแลต โรงแรมบรรยากาศสบาย ๆ และร้านอาหารที่แปลกตา หาเวลาไปเที่ยวชมปราสาทท้องถิ่นสักแห่งจากทั้งหมด 470 แห่ง คุณจะต้องหลงไหลไปกับมนต์เสน่ห์ของเมืองในเทพนิยายในฤดูหนาวแห่งนี้อย่างแน่นอน

Bruges, Belgium

กิจกรรมแนะนำ

  • นั่งรถม้าสุดโรแมนติกที่ Market Square
  • เล่นสเก็ตน้ำแข็งที่ Minnewater Lake 
  • นั่งเรือชมคลองเพื่อชมทัศนียภาพอันงดงาม ซึ่งรวมถึงจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงที่สุดของบรูจส์ นั่นคือท่าเรือโรซารี
  • อย่าพลาดโอกาสในการดื่มด่ำกับช็อกโกแลตร้อนของเบลเยียม 
  • ปีนบันได 366 ขั้นสู่ยอดหอระฆัง Bell Tower เพื่อชมวิวเมืองแบบ 360 องศา 
Market Square in Bruges, Belgium

10. ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Schloss Neuschwanstein) ประเทศเยอรมนี

ปราสาทนอยชวานสไตน์เป็นหนึ่งในปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก เนื่องจากมีความสวยงามจนน่าทึ่งและลักษณะสถาปัตยกรรมที่เหมือนเทพนิยาย ตัวปราสาทมีมนต์ขลังมากจนแม้แต่ดิสนีย์ก็ตัดสินใจใช้การออกแบบของปราสาทนอยชวานสไตน์เป็นต้นแบบในการออกแบบปราสาทของเจ้าหญิงนิทรา ในช่วงฤดูหนาวปราสาทนอยชวานสไตน์จะกลายเป็นปราสาทคริสต์มาสในเทพนิยาย เมื่อหิมะปกคลุมหอคอยและภูเขาบาวาเรียโดยรอบ เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมปราสาทและสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งฤดูหนาว

Schloss Neuschwanstein in Winter, Germany

กิจกรรมแนะนำ

  • การถ่ายภาพฤดูหนาวที่ปราสาทนอยชวานสไตน์ ที่นี่เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบในการถ่ายภาพที่สวยงามที่สุด คุณจะได้สัมผัสความมหัศจรรย์ของปราสาท และหิมะที่ตกบนเทือกเขา Bavarian Alps ทำให้ปราสาทแห่งนี้กลายเป็นเหมือนภาพความฝันในฤดูหนาว
  • แวะชมเมือง Fussen ที่อยู่ใกล้เคียง และเพลิดเพลินกับตลาดคริสต์มาสที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ งานฝีมือ ศิลปะ กลิ่นหอม และอาหารอร่อย 
Schloss Neuschwanstein, Germany

เมื่อหา ที่เที่ยวต่างประเทศฤดูหนาว ได้แล้ว ก่อนจะออกเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์การเที่ยวในช่วงฤดูหนาว สัมผัสความหนาวกับบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก และบรรยากาศความสดใสของเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งเอกสาร เสื้อผ้า ยาประจำตัว และสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณ เที่ยวต่างประเทศในช่วงฤดูหนาว ได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : roughguides.com, happy.rentals

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

ทำความรู้จักกับซูชิ อาหารญี่ปุ่น ยอดนิยม

ทำความรู้จักกับซูชิ อาหารญี่ปุ่น ยอดนิยม

เมื่อพูดถึงอาหารญี่ปุ่น เกือบจะทุกคนต้องนึกถึงซูชิมาก่อนเป็นอันดับแรกๆ นอกจากเป็นที่ชื่นชอบของคนญี่ปุ่นมานานหลายศตวรรษแล้ว ซูชิยังเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมสำหรับคนไทยและอีกหลาย ๆ ชาติทั่วโลก 

ซูชิเป็นอาหารที่มีไขมันต่ำ แต่มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และกรดโอเมก้าสูง การทำซูชิเกือบจะเหมือนกับงานศิลปะที่ผ่านการฝึกฝนมาหลายทศวรรษ วันนี้ Allianz Travel จะพาไปรู้จักกับซูชิกันให้มากขึ้น ทั้งประเภทของซูชิ รวมถึงเคล็ดลับและมารยาทในการรับประทานซูชิที่ถูกต้องด้วย เพื่อให้คุณได้ทั้งความอร่อยและอิ่มเอมกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นไปพร้อม ๆ กัน

ประวัติของซูชิ

ต้นกำเนิดของ “ซูชิ” มาจากความต้องการที่จะถนอมอาหารของคนญี่ปุ่น เริ่มจากรูปแบบของการเก็บรักษาปลาที่นำเข้ามาในญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 8 จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการห่อปลาที่ควักไส้ออกหมดในข้าวหมัก ทำให้สามารถเก็บปลาไว้ได้นานหลายเดือน และภายหลังก็ได้มีการพัฒนารูปแบบมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นซูชิที่มีลักษณะและรูปแบบที่หลากหลายตามวัฒนธรรมและรูปแบบการทำอาหารของแต่ละภูมิภาคในประเทศญี่ปุ่น

อาหารญี่ปุ่น ซูชิ แซลมอน

ประเภทของซูชิ

ซูชิในญี่ปุ่นมีหลากหลายประเภทจนยากที่จะบอกจำนวนที่แน่ชัดได้ เพราะมีวิธีการปรุงซูชิที่แตกต่างกันมากมาย และยังมีซูชิระดับภูมิภาคทั่วประเทศที่ใช้อาหารพื้นเมืองมาใส่ประกอบกันด้วย เช่น อาหารทะเลบางชนิดที่มีอยู่แค่ในบางพื้นที่

1. นิงิริซูชิ (Nigiri Sushi)

นิงิริซูชิ เป็นซูชิหน้าตามาตรฐานที่คนส่วนใหญ่รู้จัก มีความหมายว่า “ซูชิแบบใช้มือปั้น” นิงิริซูชิทําจากข้าวปั้นก้อนเล็กๆ โปะหน้าด้วยปลาดิบที่โชว์สีสันสดใสน่าทาน นอกจากใช้ปลาหลากหลายชนิดแล้ว ยังใช้วัตถุดิบอื่นๆ อย่างเช่น กุ้ง ปลาหมึก ไข่หวานญี่ปุ่น (ทามาโกะยากิ) เนื้อดิบหรือเนื้อที่จี่พอสุก และอาจป้ายวาซาบิไว้ระหว่างข้าวและหน้าที่โปะอยู่ด้านบนเพื่อเพิ่มรสชาติเข้าไปด้วยก็ได้ นิงิริซูชิทีดีนั้นจะมีสมดุลย์ของปริมาณข้าว รสชาติของข้าว วาซาบิ และปริมาณเนื้อปลา เป็นศาสตร์อาหารที่ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างเข้มงวด นิงิริซูชิที่เป็นที่นิยมได้แก่

• แซลมอนนิงิริ ประกอบด้วยปลาแซลมอนดิบชิ้นหนาโปะบนข้าวที่ปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชู หรือคนที่ไม่ชอบกินเนื้อปลาดิบ ก็อาจรับประทานในรูปแบบ “อาบูริ” ที่เอาปลาแซลมอนไปย่างไฟเร็วๆ ก่อนเสิร์ฟ 

• มากุโระนิงิริ หรือ ปลาทูน่านิงิริ เป็นหนึ่งในปลาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีหลายประเภทตามสายพันธุ์และเนื้อปลาส่วนต่างๆ ทําให้ปลาทูน่านิงิริมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่หลากหลาย เช่น ปลาทูน่านิกิริที่ผอมที่สุดเรียกว่า “อาคามิ” ซึ่งโดยทั่วไปจะมีสีแดงและเนื้อสัมผัสเหนียว “Chutoro” เป็นปลาทูน่าที่อ้วนกว่าและมีสีอ่อนกว่าเล็กน้อย การตัดไขมันที่สุดเรียกว่า “otoro” ซึ่งมักจะเป็นสีชมพูอ่อนและนุ่มพอที่จะละลายในปาก

อาหารญี่ปุ่น : นิงิริซูชิ (Nigiri Sushi)

2. มากิซูชิ (Maki Sushi)

มากิซูชิหมายถึง “ซูชิม้วน” หรือ “Sushi Roll” ซึ่งเรียกจากวิธีที่ทำซูชิชนิดนี้ โดยเริ่มจากการวางส่วนผสมต่างๆ จัดเรียงบนข้าวปั้นซูชิและชั้นล่างสุดเป็นสาหร่ายแผ่นที่เรียกว่า “โนริ” วางบนเสื่อไม้ไผ่ จากนั้นก็ม้วนให้เป็นแท่งยาวๆ แล้วหั่นเป็นชิ้นเท่าๆ กัน ปัจจุบันมากิซูชิมีหลากหลายประเภท เราจะยกตัวอย่างแบบที่เป็นที่นิยมค่ะ

ฟุโตมากิ (Futomaki) มีความหมายว่า “ซูชิที่ม้วนหนา” และ.ใส่ไส้รวมหลากหลายชนิด โดยปกติจะใส่แตงกวา หัวไชเท้าดอง ไข่ม้วน และเห็ดหอม ฟุโตมากิเป็นที่นิยมในญี่ปุ่น ที่มักจะนำไปรับประทานในงานเทศกาล หรือเป็นส่วนหนึ่งของอาหารในกล่องเบนโตะ

อาหารญี่ปุ่น : Futomaki

โฮโซมากิ (Hosomaki) มีความหมายว่า “ซูชิที่ม้วนบาง” มีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของฟุโตมากิ ถือเป็นมากิซูชิแบบพื้นฐานที่สุดที่ใส่ไส้เพียงแค่ 1-2 อย่าง อย่างเช่น แตงกวา ปลาแซลมอน ปลาทูน่า หรือปูอัด เป็นมากิซูชิที่ขนาดเล็กที่สุดและเรียบง่ายที่สุด

อาหารญี่ปุ่น : มากิซูชิ (Maki Sushi) - โฮโซมากิ (Hosomaki)

3. อุรามากิซูชิ (Uramaki Sushi)

อุรามากิซูชิมีความคล้ายมากิซูชิหลายอย่าง แต่ความแตกต่างที่สำคัญคืออุรามากิจะม้วนด้านในออกด้านนอก โดยมีข้าวอยู่ด้านนอก ตามด้วยแผ่นโนริและซูชิไส้ตรงกลาง อุรามากิมีให้เลือกหลากหลายไส้ ตั้งแต่อาหารทะเลปรุงสุกและดิบ ผัก และบางครั้งก็อาจมีอะไรพิเศษวางประดับอยู่ด้านบนด้วย

อาหารญี่ปุ่น : อุรามากิซูชิ (Uramaki Sushi)

4. เทมากิซูชิ (Temaki Sushi)

เทมากิ มีความหมายว่า “ม้วนด้วมือ” ในภาษาญี่ปุ่น สามารถทำได้ง่ายมาก ด้วยการใส่ข้าวบนแผ่นโนริ แล้วใส่อาหารทะเล 1-2 ประเภท เช่น ปลาแซลมอนหรือทูน่า รวมทั้งผักอย่างอะโวคาโด แตงกวา และใบผักกาดหอม จากนั้นนำแผ่นโนริมาม้วนด้วยมือโดยไม่ต้องใช้เสื่อมากิสุให้เป็นรูปทรงกรวยและรับประทานได้เลย โดยทั่วไปแล้วหลังจากทำเทมากิเสร็จ ควรจะรับประทานในทันที

อาหารญี่ปุ่น : เทมากิซูชิ (Temaki Sushi)

5. กุงกังมากิซูชิ (Gunkanmaki Sushi)

กุงกัง แปลว่า ‘เรือ’ ในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเปรียบเหมือนลักษณะของซูชิประเภทนี้ที่คล้ายกับเรือรบ กุงกังมากิเป็นซูชิที่ใช้สาหร่ายห่อข้าวที่วางเป็นฐานไว้ แล้วโรยหน้าด้านบนด้วยหน้าที่ไม่สามารถวางบนนิงิริซูชิได้ อย่างเช่น ไข่หอยเม่น (อุนิ) ไข่ปลาแซลมอน (อิคุระ) ปลาทูน่าปรุงรส หรือสลัดต่าง ๆ

อาหารญี่ปุ่น : กุงกังมากิซูชิ (Gunkanmaki Sushi)

6. ชิราชิซูชิ (Chirashi-zushi)

ชิราชิซูชิ แปลตรงตัวว่า ‘ซูชิที่กระจัดกระจาย’ ประกอบด้วยชามซูชิที่มีข้าวคลุกน้ำส้มสายชู ปลาดิบและส่วนผสมอื่นๆ ด้านบน ชนิดของปลาดิบที่ใช้แตกต่างกันไปและที่นิยมมากที่สุดคือปลาแซลมอนและปลาทูน่า นอกจากนี้มักจะโรยหน้าด้วยไข่ฝอย โนริ และไข่ปลาแซลมอนด้านบน เพื่อรสชาติที่ชวนน้ำลายสอและมีสีสัน อาหารจานนี้ง่ายต่อการเตรียมและเป็นที่นิยมในฐานะอาหารสำหรับงานปาร์ตี้ เนื่องจากสามารถทำจานใหญ่และแชร์ได้ง่าย เราแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการลองปลาหลากหลายชนิดหรือหลายชนิดในราคาถูก

อาหารญี่ปุ่น : ชิราชิซูชิ (Chirashi-zushi)

7. อินาริซูชิ (Inari Sushi)

แทนที่จะห่อซูชิด้วยแผ่นสาหร่ายหรือโนริ อินาริซูชิทำจากเต้าหู้ทอดแผ่นบางหรือที่เรียกว่าอาบูเระอาเกะ ปรุงรสด้วยมิริน เกลือ น้ำตาล และดาชิ แล้วยัดไส้ซูชิเข้าไป ซึ่งมีทั้งข้าว ปลาดิบและผัก บางที่ก็นำไข่บางๆ มาทำเป็นตัวห่อแทนแผ่นเต้าหู้ แต่รสชาติจะหวานกว่า ในร้านอาหารญี่ปุ่นบางแห่ง อินาริซูชิจะทำจากอาบุระอาเกะยัดไส้ด้วยชิราชิซูชิเป็นอาหารสั่งกลับบ้าน ที่น่าสนใจคืออินาริซูชิเป็นที่รู้จักกันในชื่อต่างๆ ในพื้นที่ต่างๆ ของญี่ปุ่น ขึ้นอยู่กับรูปร่างและประเภทของส่วนผสมที่ใช้

อาหารญี่ปุ่น : อินาริซูชิ (Inari Sushi)

8. นาเระซูชิ (Nare Sushi)

นาเระซูชิ เป็นซูชิแบบโบราณที่เกิดจากการถนอมอาหารเพื่อให้เก็บไว้ได้เป็นเวลานาน เกิดขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 ถือเป็นต้นกำเนิดของซูชิ โดยการหมักปลากับข้าวและเกลือเป็นเวลาหลายเดือนถึงหลายปีจนมีรสเปรี้ยว (คล้ายกับการทำปลาส้ม) ก่อนที่จะนำออกมารับประทาน สมัยก่อนเมื่อดองเสร็จจะทิ้งข้าวไป และบริโภคแต่ปลาเท่านั้น ปัจจุบัน นาเระซูชิมักไม่ค่อยได้รับความนิยมเนื่องจากมีรสชาติที่พิเศษมาก อย่างไรก็ตามฟูนะซูชิ (Funazushi) ของจังหวัดชิงะยังคงได้รับความนิยม ซึ่งทำจากปลานิโกโรบุนะจากทะเลสาบบิวะที่อยู่ใกล้เคียง หมักด้วยเทคนิคการแปรรูปอาหารที่ซับซ้อนมาช้านาน และใช้เวลาถึง 5 ปี แม้จะมีกลิ่นเหม็นมาก แต่ถือเป็นอาหารหรู ราคาต่อจานมีราคาแพง

อาหารญี่ปุ่น : นาเระซูชิ (Nare Sushi)
ขอบคุณรูปภาพจาก : thefirstultimate.com

9. โอชิซูชิ (Oshi-zushi)

คำว่าโอชิ (押し) แปลว่า กดหรืออัด ซึ่งเรียกตามกรรมวิธีที่ใช้ทำซูชิชนิดนี้ โดยการนำเอาข้าวผสมน้ำส้มสายชูอัดลงในกล่องทรงสี่เหลี่ยม วางด้านบนด้วยเนื้อปลาแล้วกดให้แน่นติดกัน มีลักษณะตามทรงของกล่องที่อัดข้าวลงไป ก่อนรับประทานจะตัดเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำตามรูปทรงที่ต้องการ เช่น ตัดเป็นสี่เหลี่ยม หรือสามเหลี่ยม โอชิซูชิมีหลายประเภท เช่น โคเคระซูชิ (Kokera sushi) ของแถบจังหวัดโคจิ จะใส่ปลา แครอทและเห็ดหอมซ้อนกันหลายชั้นแล้วตัดเป็นชิ้นเล็กทีละชั้น หรือฮาโกะซูชิ (Hako sushi) ของแถบโอซาก้าที่นำมาซ้อนกัน 2-4 ชั้น เป็นต้น

อาหารญี่ปุ่น : โอชิซูชิ (Oshi-zushi)

วิธีรับประทานซูชิที่ถูกต้อง

เราสามารถรับประทานซูชิได้ 2 แบบ คือการใช้ตะเกียบหรือรับประทางด้วยมือ

• วิธีรับประทานซูชิด้วยตะเกียบ

จับตะเกียบสบายๆ เหมือนจับดินสอ แล้วพลิกด้านบนที่เป็นเนื้อปลาลงไปจิ้มโชยุ โดยใช้ตะเกียบคีบซูชิจากตรงกลาง แล้วพลิกด้านข้างก่อนจะนำลงไปจิ้มบนโชยุประมาณหนึ่งในสามหรือครึ่งหนึ่งของชิ้นปลา

• วิธีรับประทานซูชิด้วยมือ

การพลิกซูชิด้วยตะเกียบจะค่อนข้างยากสำหรับผู้เริ่มต้น สำหรับผู้ที่ยังไม่เชี่ยวชาญการใช้ตะเกียบ คุณสามารถใช้มือได้หยิบซูชิได้ ด้วยการพลิกซูชิด้วยนิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลางเพื่อให้ส่วนของปลาสัมผัสกับลิ้นของคุณ

สิ่งที่มาคู่กับซูชิ

ซูชิมักจะมากับเครื่องเคียง 3 อย่างดังนี้

โชยุ – ซูชิเกือบทุกประเภทรับประทานกับโชยุ หรือซอสถั่วเหลือง เราควรเทโชบุลงในจานกลมเล็กๆ ก่อน แล้วค่อยคีบซูชิมาจิ้มก่อนรับประทาน
วาซาบิ – นิกิริซูชิส่วนใหญ่มาพร้อมกับวาซาบิ เพื่อช่วยเพิ่มความอร่อยของซูชิโดยใส่ลงไปเล็กน้อย และเป็นการช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาหารเป็นพิษด้วย บางครั้งคนที่ไม่คุ้นชินเมื่อรับประทานวาซาบิเข้าไปก็อาจทำให้ฉุนขึ้นจมูกเลยก็ได้ค่ะ
ขิงดอง – ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าโชกะหรือวาการิ ทำจากขิงหั่นบาง ๆ ดองในน้ำส้มสายชูหวาน มีรสเปรี้ยวอมหวาน มันจะช่วยล้างรสชาติของสิ่งที่คุณรับประทานไปล่าสุด เพื่อให้ต่อมรับรสในปากของคุณพร้อมรับรับรสชาติใหม่จากซูชิชิ้นต่อไป คุณสามารถรับประทางซูชิกับขิงดองจิ้มโชยุให้คำเดียวกันก็ได้ นอกจากนี้ขิงดองยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อและช่วยป้องกันอาหารเป็นพิษ โดยปกติแล้วจะเสิร์ฟมาพร้อมกับซูชิด้วย

เคล็ดลับและมารยาทในการรับประทานซูชิ

• อย่าใส่น้ำหอมมากเกินไป เพราะจะทำให้รสชาติของซูชิเพี้ยนไป
• เราสามารถรับประทานซูชิโดยใช้มือหรือตะเกียบก็ได้ ยกเว้นซาซิมิที่ใช้เฉพาะตะเกียบคีบเท่านั้น
• เพื่อให้การรับประทานซูชิมีอรรถรสขึ้น จะต้องเรียงลำดับจากปลารสอ่อนไปยังรสจัด โดยสามารถเรียงจากสีปลาที่อ่อนสุดไปจนเข้มสุด จากนั้นจึงตามด้วยซูชิหน้าไข่ปลา หรือไข่หอยต่าง ๆ ต่อด้วยของย่าง และจบที่ไข่หวาน
• การรับประทานซูชิหน้าปลาหมึกหรือทาโกะซูชิให้ไม่เสียรสชาติ เราจะไม่นำไปจิ้มกับโชยุ แต่จะบีบมะนาว แล้วจิ้มเกลือแทน เพื่อรสชาติที่กลมกล่อม
• หลายคนมักเจอปัญหาการจิ้มซูชิหน้าไข่ปลา (Gunkan sushi) บนโชยุ เพราะไข่ปลามักจะตกลงในโชยุ เราควรใช้ขิงดองจิ้มโชยุ แล้วนำมาทาบนซูชิไข่ปลาก่อนรับประทาน
• ดื่มชาหรือโชกะเพื่อทำความสะอาดเพดานปากและทำให้ปากสดชื่น ซึ่งชายังทำหน้าที่เป็นสารต้านแบคทีเรียด้วย
• ควรรับประทานซูชิให้หมดในคำเดียว เพื่อรับรสชาติที่กลมกล่อมของข้าวและส่วนผสมไปพร้อมกัน ถ้าคิดว่าไม่สามารถทานในคำเดียวได้ ให้แจ้งพนักงานเพื่อขอข้าวน้อยลงได้ ไม่ควรรับประทานปลาและข้าวแยกกัน
• ควรรับประทานซูชิทันทีที่เสิร์ฟ เพื่อรักษารสชาติใหม่สดไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูชิที่มีสาหร่าย
• ถ้าคุณไม่ชอบวาซาบิ ควรแจ้งเชฟไว้ล่วงหน้า เพราะซูชิเกือบทุกชิ้นจะแต้มวาซาบิไว้ระหว่างข้าวกับปลา และในทางกลับกัน หากคุณชอบวาซาบิจริงๆ คุณสามารถขอเพิ่มได้
• อย่าลืมพูดว่า “อิตาดากิมัส (ขอรับประทานแล้วนะ)” ก่อนรับประทานอาหาร และพูดว่า “โกะจิโซซามะ (ขอบคุณสำหรับมื้ออาหาร) หลังรับประทานอาหารด้วย

หากเดินทางไปญี่ปุ่น ซูชิเป็นเมนูที่ต้องลองเป็นอย่างยิ่ง เป็นหนึ่งในสิ่งที่ควรมีอยู่ในลิสต์สิ่งที่ควรทำเมื่อไปถึงญี่ปุ่น คุณไม่จำเป็นต้องกังวลกับกฎและพิธีการมากเกินไป แค่สนุกกับการลองเข้าไปอยู่ในวัฒนธรรมการรับประทานอาหารที่แตกต่างไปจากประเทศไทย สัมผัสกับบรรยากาศและให้รางวัลตัวเองด้วยซูชิที่น่าตื่นตาตื่นใจและสนุกไปกับมัน

ใครที่วางแผน เที่ยวญี่ปุ่น ก็ควรเตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่นๆ นะคะ และสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณเดินทางอย่างอุ่นใจ ไร้กังวลก็คือการมี ประกันการเดินทางต่างประเทศ ติดตัวไว้ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : livejapan.com, byfood.com, masterclass.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

ทำความรู้จัก JR Pass ตัวช่วยการเดินทางเที่ยวญี่ปุ่น

ทำความรู้จัก JR Pass ตัวช่วย การเดินทางเที่ยวญี่ปุ่น

ใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่น คงวุ่นวายกับการวางแผนการเดินทางเพื่อเก็บให้ได้ทุกเมืองที่อยากไปและประหยัดค่าใช้จ่ายมากที่สุด แต่ค่าเดินทางในประเทศญี่ปุ่นมีราคาค่อนข้างสูง ดังนั้นใครที่อยากไปครั้งเดียวเที่ยวให้ครบจบทุกไฮไลท์ ก็อาจจะต้องเสียค่าตั๋วรถไฟจนกระเป๋าฉีกแน่ สิ่งที่จะมาช่วยเราเรื่อง การเดินทางเที่ยวญี่ปุ่น ได้ก็คือเจ้าตั๋ว JR Pass หรือชื่อเต็มคือ Japan Rail Pass ซึ่งเป็นตั๋วรถไฟแบบเหมาจ่ายสำหรับการเดินทางโดยรถไฟ JR ซึ่งไปได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น รวมถึงรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น (Shinkansen) ด้วย

Allianz Travel รวบรวมเรื่องควรรู้ก่อนซื้อตั๋ว JR Pass เพื่อให้ การเดินทางเที่ยวญี่ปุ่น ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด และหากคุณไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มตรงไหนดี ลองอ่านดูเลยค่ะ!

Shinkansen

JR Pass คืออะไร

JR Pass หรือชื่อเต็มคือ Japan Rail Pass เป็นบัตรโดยสารรถไฟที่คุ้มค่ามากสำหรับการเดินทางโดยรถไฟทางไกลในญี่ปุ่น และใช้ได้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต้อง การเดินทางเที่ยวญี่ปุ่น ไม่เกิน 3 เดือนเท่านั้น ผู้ถือ JR Pass สามารถใช้บริการบริษัทรถไฟในเครือ JR ได้ถึง 6 แห่ง (JR ฮอกไกโด, JR ตะวันออก, JR ส่วนกลาง, JR ตะวันตก, JR ชิโคคุ และ JR คิวชู) สามารถใช้โดยสารรถไฟ JR รวมถึงรถไฟชินคันเซ็น และที่นั่งแบบจองล่วงหน้า (Reserved Seat) ในรถไฟด่วนพิเศษ รถบัสประจำทาง และเรือเฟอร์รี่ได้เกือบทั้งหมดทั่วญี่ปุ่นโดยไม่จำกัดเที่ยว ยิ่งเราเดินทางด้วยรถไฟของ JR เยอะ เราก็จะยิ่งประหยัดค่าเดินทางได้มากในราคาที่คนญี่ปุ่นเองต้องอิจฉา

JR Pass ใช้กับการเดินทางประเภทไหนบ้าง

คุณสามารถใช้ JR Pass ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่จำกัดจำนวนครั้งบนเครือข่ายต่อไปนี้:

รถไฟในเครือ JRรถไฟในเครือข่าย JR (การรถไฟญี่ปุ่น) ทั่วประเทศรถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen) เกือบทุกขบวน (ไม่รวมขบวน Nozomi และ Mizuho) รถด่วนพิเศษ (Limited Express) รถด่วน (Express) รถเร็ว (Rapid) และรถไฟธรรมดา (Local)
โตเกียวโมโนเรล (Tokyo Monorail)เดินทางไปกลับระหว่างสนามบินฮาเนดะกับโตเกียว
เรือเฟอร์รี่ JR Miyajimaนั่งเรือข้ามฟากไปยังเกาะมิยาจิมะ
รถไฟบางขบวนที่ไม่ใช่ของ JR(เพื่อเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟ JR)ผู้ถือบัตร JR Pass สามารถขึ้นรถไฟที่ไม่ใช่ของ JR บางสายเพื่อไปเปลี่ยนขบวนเป็นรถไฟ JR เท่านั้น ได้แก่
– รถไฟสาย Aoimori เมื่อขึ้นที่ Aomori, Noheji และ Hachinohe เท่านั้น เพื่อไปต่อ JR Ominato ไปยังคาบสมุทร Shimokita
– รถไฟสาย IR Ishikawa ที่วิ่งระหว่าง Kanazawa และ Tsubata เพื่อไปต่อสาย JR Nanao ไปยังคาบสมุทร Noto
– รถไฟสาย Ainokaze Toyama ที่วิ่งระหว่าง Toyama และ Takaoka เพื่อไปต่อสาย JR Himi Line และ JR Johana Line
รถบัสประจำทาง JRรถบัสประจำทางที่ดำเนินการโดยบริษัท JRดังต่อไปนี้:
– ยามากุจิ – ฮางิ
– สถานีเกียวโต – เรียวอันจิ – ทาคาโอะ
– สถานีคานาซาว่า – เค็นโรคุเอ็น
– สถานีโตเกียว – ศูนย์นิทรรศการนานาชาติโตเกียว (Tokyo International Exhibition Center)
– รถบัส JR ไปทะเลสาบโทวาดะ
– รถบัสท่องเที่ยว JR ในฮิโรชิมา
– รถบัส JR ที่วิ่งรอบซัปโปโร
– รถบัสประจำทาง JR ไปคุซัตสึ ออนเซ็น (Kusatsu Onsen) ในจังหวัดกุนมะ

JR Pass มีแบบไหนบ้าง

JR Pass มีหลากหลายประเภท ตั้งแต่เดินทางเดินทางไม่จำกัดได้ทั่วประเทศ ในบางพื้นที่ หรือในภูมิภาคที่กำหนด นอกจากนี้ยังแยกประเภทออกตามจำนวนวันและคลาสที่นั่งอีกด้วย ตารางด้านล่างเป็นราคาสำหรับ JR Pass ที่เดินทางได้ทั่วประเทศ

จำนวนวันเดินทางOrdinaryGreen Car
ผู้ใหญ่เด็กผู้ใหญ่เด็ก
7 วัน29,650 เยน14,820 เยน39,600 เยน19,800 เยน
14 วัน47,250 เยน23,620 เยน64,120 เยน32,060 เยน
21 วัน60,450 เยน30,220 เยน83,390 เยน41,690 เยน

ตามตารางจะเห็นได้ว่า JR Pass แบบ All Area จะแบ่งตัวออกเป็น 2 ประเภท คือแบบ Green และ Ordinary โดยแบบ Green จะเปรียบเสมือนที่นั่ง First Class ที่อำนวยความสะดวกให้มากกว่า รวมถึงขนาดที่นั่งใหญ่กว่า ระยะห่างระหว่างขาเพิ่มขึ้น ความแออัดบนขบวนน้อยลง และมีที่ชาร์จ USB ในแต่ละที่นั่ง และมี 3 ช่วงเวลาเดินทางให้เลือก (7 วัน, 14 วัน, 21 วัน)

ซื้อ JR Pass ยังไง

1. ซื้อผ่านเว็บไซต์ของ JR

  • เวลาทำการของเว็บไซต์คือตั้งแต่ 04:00 น. ถึง 23:30 น. (เวลาท้องถิ่นญี่ปุ่น UTC+9:00)
  • ชำระเงินด้วยบัตรเครดิตเท่านั้น โดยชื่อบนบัตรเครดิตจะต้องตรงกับชื่อผู้ซื้อ สำหรับผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิต สามารถซื้อ JR Pass ได้หากกำหนดการเดินทางเหมือนกับของผู้ชำระเงิน
  • คุณสามารถซื้อ JR Pass สำหรับผู้เดินทางพร้อมกับผู้ซื้อได้สูงสุด 6 คน โดยกรอกชื่อ อีเมล และหมายเลขหนังสือเดินทางของแต่ละคน
  • หลังจากซื้อ JR Pass แล้ว คุณสามารถจองที่นั่งสำหรับชินคันเซ็นและรถไฟด่วนพิเศษในเว็บ JR ได้เลย
  • ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่นอกประเทศญี่ปุ่นไม่สามารถซื้อ JR Pass  ได้

2. ซื้อกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย

การซื้อ JR Pass กับตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยจะมีราคาถูกกว่าการซื้อผ่านเว็บไซต์ของ JR หรือซื้อที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วในประเทศญี่ปุ่น คลิกที่นี่ เพื่อเช็คที่อยู่และเบอร์ติดต่อตัวแทนจำหน่าย JR Pass ในประเทศไทย ตัวแทนจำหน่ายบางเจ้าสามารถซื้อออนไลน์ได้ หรือบางครั้งก็มีส่วนลดเพิ่มเติมให้อีกด้วย

3. ซื้อที่สำนักงานขายตั๋ว JR ในประเทศญี่ปุ่น

JR Pass มีจำหน่ายที่สำนักงานขายบางแห่งในญี่ปุ่นจนถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2566 อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ซื้อตั๋ว JR Pass จะต้องเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นเท่านั้น (ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่นอกประเทศญี่ปุ่นไม่สามารถใช้ได้) และราคาของ JR Pass ที่ซื้อในประเทศญี่ปุ่นจะแพงกว่าซือจากตัวแทนในต่างประเทศ

วิธีรับ JR Pass เมื่อไปถึงญี่ปุ่น

คนที่ซื้อ JR Pass ล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ หรือซื้อกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย คุณจะได้รับ Exchange Order (เวาเชอร์) ซึ่งคุณจะต้องนำไปแลกเป็น JR Rail Pass ตัวจริงเมื่อไปถึงญี่ปุ่น ที่สำนักงานขายตั๋ว JR ที่สถานี JR เท่านั้น และต้องแสดงหนังสือเดินทางด้วย

  • คุณไม่สามารถรับ JR Pass ได้ หากชื่อในหนังสือเดินทางไม่ตรงกับ Exchange Order
  • คุณไม่สามารถรับ JR Pass ได้ หากคุณไม่มีหนังสือเดินทางมายืนยันตัวตน (ใช้สำเนาไม่ได้) หรือมีคุณสมบัติไม่ตรงตามที่กำหนด
  • คุณไม่สามารถใช้ Exchange Order แทนบัตร JR Pass เมื่อคุณเดินทางด้วยรถไฟ JR 
  • เวลาทำการของสำนักงานตั๋ว JR (รับตั๋ว/เปลี่ยนตั๋ว/ซื้อตั๋ว) ในญี่ปุ่นตั้งแต่ 4.30 น. – 23.30 น. (เวลาท้องถิ่นญี่ปุ่น UTC+9:00)
  • ตรวจสอบเวลาทำการและวันหยุดของสำนักงานตั๋ว JR ได้ที่นี่
  • ประเภทของตั๋วที่ระบุใน Exchange Order ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
  • หาก Exchange Order สูญหาย จะไม่สามารถออก JR Pass ได้
  • คุณจะต้องเปลี่ยน Exchange Order เป็น JR Pass ภายในสามเดือนนับจากวันที่ออกใบสั่งซื้อ
  • ควรเผื่อเวลาไว้เมื่อต้องไปเปลี่ยน Exchange Order เป็น JR Pass เพราะบางครั้งเคาน์เตอร์ที่ให้บริการอาจมีคนหนาแน่น
japanese subway system passenger information display screen

ข้อควรรู้เกี่ยวกับ JR Pass

  • วันที่รับและวันที่เริ่มต้นใช้ JR Pass ไม่จำเป็นต้องเป็นวันเดียวกัน คุณสามารถเริ่มต้นใช้ JR Pass ได้นานถึง 30 วันหลังจากการแลกเวาเชอร์
  • บัตร JR Pass สามารถใช้เป็นตั๋วขึ้นได้ทุกขบวนตามที่กำหนดไว้ข้างต้น ยกเว้นเมื่อคุณสำรองที่นั่ง คุณจะต้องไปรับตั๋วแบบระบุหมายเลขที่นั่งที่เครื่องจำหน่ายตั๋ว หรือที่เคาน์เตอร์ให้บริการก่อนโดยสารขบวนรถไฟ (ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการสำรองที่นั่ง) 
  • รถไฟ JR ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องจองที่นั่ง แต่ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนและช่วงการเดินทางที่คับคั่ง ขอแนะนำให้จองที่นั่งเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดินทางเป็นกลุ่มและต้องการนั่งด้วยกัน
  • รถไฟ JR บางขบวนมีเฉพาะที่นั่งแบบที่ต้องจอง ได้แก่ขบวนด้งต่อไปนี้:
  • Narita Express (โตเกียว – สนามบินนาริตะ)
  • รถไฟ Hayabusa และ Hayate สาย Tohoku/Hokkaido Shinkansen
  • รถไฟ Komachi สาย Akita Shinkansen
  • รถไฟ Tsubasa สาย Yamagata Shinkansen
  • รถไฟ Kagayaki สาย Hokuriku Shinkansen
  • รถไฟกลางคืน Sunrise Seto และ Sunrise Izumo
  • หากไม่สามารถขึ้นรถไฟที่จองที่นั่งไว้แล้ว ควรรีบแจ้งยกเลิกการจองที่สำนักงานขายตั๋ว เพื่อให้สิทธิ์กับผู้โดยสารคนอื่น จากนั้นคุณสามารถขึ้นรถไฟขบวนอื่นได้แบบที่ไม่ต้องจองล่วงหน้า หรือเพื่อความอุ่นใจ คุณสามารถจองที่นั่งขบวนใหม่ได้
  • คุณควรเลือกซื้อจำนวนวันเดินทางของ JR Pass ให้ครอบคลุมเฉพาะระยะเวลาที่คุณกำลังเดินทางบนรถไฟจริงๆ ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้เวลา 17 วันในญี่ปุ่นแต่ต้องพักในโตเกียวเป็นเวลาสามวัน คุณก็ไม่จำเป็นต้องใช้ JR Pass สำหรับการเดินทางในโตเกียว ดังนั้น การซื้อบัตร 14 วันจะดีกว่าตัวเลือก 21 วันที่แพงกว่า

คำแนะนำสำหรับ การเดินทางเที่ยวญี่ปุ่น ด้วยถไฟ JR

  • สถานี JR หลายแห่งใช้ประตูทางเข้าอัตโนมัติ เมื่อจะเข้าสถานี ให้ใส่ JR Pass เข้าไปในช่องใส่ตั๋ว และพอผ่านประตูเข้าไปแล้ว สังเกตให้ดีถ้าประตูทางเข้าระบุว่า “IC เท่านั้น” แสดงว่าคุณไม่สามารถใช้ JR Pass ผ่านประตูนี้ได้

วิธีใส่ตั๋วในประตูทางเข้าอัตโนมัติ

ขอบคุณรูปภาพจาก : japanrailpass.net
  • เมื่อนำสัมภาระที่มีขนาดใหญ่กว่าขนาดที่กำหนดขึ้นรถไฟชินคันเซ็นสาย Tokaido, Sanyo และ Kyushu (เส้นทาง: โตเกียว – นาโกย่า – เกียวโต – ชิน – โอซาก้า – ฮิโรชิมา – ฮากาตะ – คาโกชิม่า – ชูโอะ) ผู้โดยสารจะต้องจองที่นั่งและพื้นที่วางสัมภาระล่วงหน้า อ่านละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่
ขอบคุณรูปภาพจาก : japanrailpass.net
  • สถานี JR จะมีชื่อสถานีทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษบนชานชาลา ชื่อสถานีที่จะอยู่ด้านบนตรงกลางป้ายด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ และชื่อสถานีก่อนหน้าและสถานีถัดไปจะอยู่ที่ด้านล่างของป้ายด้วยตัวอักษรขนาดเล็ก
ขอบคุณรูปภาพจาก : japanrailpass.net
  • ตู้ล็อคเกอร์สำหรับฝากกระเป๋าแบบหยอดเหรียญมีอยู่ทั่วไป หากไม่ต้องการถือของไปเยอะเกินไป ก็ควรเตรียมเหรียญร้อยเยนไว้สำหรับหยอดตู้ฝากกระเป๋าด้วย
ขอบคุณรูปภาพจาก : japanrailpass.net
  • มีบริการ WiFi ฟรีในบริเวณสถานี JR
ขอบคุณรูปภาพจาก : japanrailpass.net
  • บนรถไฟชินคันเซ็น รถด่วนพิเศษ และรถไฟสายอื่นๆ ของ JR มีขายอาหารกลางวันแบบกล่องหรือ “เอกิเบ็น” (มักเป็นอาหารญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อในท้องถิ่น) รวมทั้งของว่างและเครื่องดื่มด้วย นอกจากนี้คุณยังสามารถหาซื้อได้ที่ซุ้มจำหน่ายอาหารและร้านค้าที่สถานี ซึ่งบางสถานีอาจมีทั้งร้านอาหารและเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ
ขอบคุณรูปภาพจาก : japanrailpass.net
  • หากเดินทางในเมืองใหญ่ ควรหลีกเลี่ยงชั่วโมงเร่งด่วนในช่วงเช้าและเย็น (ระหว่าง 7:30-9:30 น. และ 17:00-20:00 น.) เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่คนหนาแน่นและเร่งรีบ
ขอบคุณรูปภาพจาก : japanrailpass.net

ซื้อ JR Pass สำหรับ การเดินทางเที่ยวญี่ปุ่น คุ้มไหม

หากถามว่าซื้อ JR Pass คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือไม่ คำตอบคือความคุ้มหรือไม่คุ้มขึ้นอยู่กับแผน การเดินทางเที่ยวญี่ปุ่น ของคุณ! ถ้าคุณเที่ยวแค่ในเมืองไม่คุ้มแน่นอนค่ะ แต่ถ้าวางแผนเดินทางไกลไปหลายเมืองแบบข้ามภูมิภาค อย่างเช่น วางแผนเที่ยวทั้งโตเกียวและโอซาก้าในทริปเดียวกัน บอกเลยว่าคุ้มมาก เพราะต้องใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงและขึ้นรถไฟหลายสาย 

การใช้ JR Pass นอกจากประหยัดเงินค่าเดินทางได้เยอะแล้ว ยังสะดวกและสามารถยืดหยุ่นได้ตามแผนเดินทางค่ะ ตัวอย่างเช่น คนที่มี JR Pass ไม่จำเป็นต้องซื้อตั๋วรถไฟทุกครั้งที่เดินทาง และสามารถแวะเที่ยวระหว่างทางได้โดยไม่ต้องซื้อตั๋วเพิ่มอีกด้วย นอกจากนี้ ทั้ง 2 เมืองยังมีบริการรถไฟ JR ครอบคลุมไปทั่วเมืองด้วย อย่างเช่น เมืองโตเกียวมี JR สาย Yamanote หรือเมืองโอซาก้ามี JR สาย Loop ตั๋ว JR Pass ก็ยิ่งดับเบิลมูลค่าขึ้นไปอีก และในทางกลับกัน ถ้าไปเมืองอื่น อย่างเช่น เกียวโต ซึ่งใช้รถไฟของบริษัทอื่นที่ไม่ใช่ของ JR หรือรถไฟใต้ดิน หรือรถประจำทางสะดวกกว่า ทำให้ไม่สามารถใช้บัตร JR Pass ได้

loop line train morinomiya station osaka japan

คุณสามารถลองคำนวณค่าตั๋วรายเที่ยวโดยประมาณ เพื่อนำมาเปรียบเที่ยบกับราคาของ JR Pass ว่าคุ้มไหมได้จาก Ekispert หรือ Jorudan

ตัวอย่างเปรียบเทียบการซื้อตั๋วแบบรายเที่ยวกับการเดินทางด้วยบัตร JR Pass แบบ 7 วัน และเดินทางเที่ยวข้ามเมือง 3 ทริป

ทริป 1 โตเกียว – เกียวโต – ฮิโรชิมา/มิยาจิมะ – ฮิเมจิ – เกียวโต – ชินโอซาก้า

ทริป 2 ฮาชิโมโตะ – นารา – ทาคายามะ

ทริป 3 ทานาซาว่า – โตเกียว

เส้นทางOrdinary CarGreen Car
สนามบินนาริตะ – เกียวโต15,660 เยน23,010 เยน
เกียวโต – ฮิโรชิมา – เกียวโต21,140 เยน30,000 เยน
เกียวโต – ชินโอซาก้า1,420 เยน3,780 เยน
ฮาชิโมโตะ – นารา1,140 เยน1,140 เยน
นารา – ทาคายามา9,820 เยน15,530 เยน
ทานาซาว่า – โตเกียว13,600 เยน26,970 เยน
รวมค่าตั๋วรถไฟรายเที่ยว52,960 เยน84,900 เยน
ราคา JR Pass 7 วัน29,110 เยน38,880 เยน
ค่าตั๋วที่ประหยัดได้23,850 เยน46,020 เยน

การเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นให้สนุก และประหยัดค่าใช้จ่าย ต้องเริ่มจากการวางแผนล่วงหน้าให้ดี ถ้าเรารู้ว่าจะเดินทางไปที่ไหน ไปยังไง เราก็สามารถคำนวณวัน เวลา จัดเตรียมแผนการใช้บัตร JR Pass ให้คุ้มที่สุดได้ แต่ความเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันอื่นๆ อย่างเช่น กระเป๋าหาย หรือเที่ยวบินดีเลย์ เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า และสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณเดินทางอย่างอุ่นใจ ไร้กังวลก็คือการมี ประกันการเดินทางต่างประเทศ ติดตัวไว้ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : japan-guide.com, japanrailpass.net

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel