อาหารญี่ปุ่นที่ต้องลอง

อาหารท้องถิ่นญี่ปุ่น ไปถึงที่ต้องห้ามพลาด!

ไปเที่ยวญี่ปุ่นกันทั้งที นอกจากเที่ยวกับช๊อป ก็ต้องกินนี่แหละจะได้ครบสูตร ยิ่งญี่ปุ่นแล้วด้วยอาหารการกินก็ดูน่ากินไปซะทุกอย่างจนอยากจัดทริป “ตะลอนกิน” กันเลยทีเดียว แต่จะจัดทั้งทีก็ต้องจัดแบบที่เรียกได้ว่า “ถึง” ที่จริงๆ วันนี้ Allianz Travel จะมาแนะนำเมนูประจำท้องถิ่น ที่เรียกได้ว่าต้องลองเลยหากว่าได้ไปแต่ละภูมิภาค

ภูมิภาคฮอกไกโด (HOKKAIDO)

อาหารทะเล ทั้งปลาสดและอาหารทะเลแปรรูปหลากหลายชนิดเช่น ปู หอยเชลล์ หอยเม่นทะเล ไข่ปลาแซลมอน ปลาแซลมอน ปลาค็อด ปลาหมึกยักษ์ กุ้ง หอยเป๋าฮื้อ หอยปีกนก และผลิตภัณฑ์จากอาหารทะเลอื่นๆ จัดเป็นอาหารทะเลชั้นหนึ่ง โดยเฉพาะปูที่มีขนาดใหญ่และรสหวาน ไม่ว่าจะนำไปต้มในน้ำเกลือหรือทำเป็นซาชิมิ ไม่ว่าจะเป็นปูราชินี ปูขน หรือปูอลาสก้า และซาชิมิหอยเม่นที่คุณควรจะต้องไปลองสักครั้งในชีวิต

เจงกีสข่าน “เจงกีสข่าน นาเบะ” เป็นคำเรียกถึงตัวของหม้อหรือกระทะที่นำมาใช้ประกอบเมนูนี้ ซึ่งเป็นกระทะทรงหมวกที่ทำจากเหล็กหล่อ นอกจากนี้ยังหมายถึงอาหารที่นำเนื้อแกะสไลด์บางและผักต่างๆ (ถั่วงอก กะหล่ำปลี และฝักทอง) มาทาน้ำมันและย่าง ร้านอาหารหลายแห่งในฮอกไกโดเชี่ยวชาญในการทำเจงกีสข่าน นาเบะ บอกได้เลยว่าเมนูนี้สายดื่มต้องไม่พลาด

ภูมิภาคโทโฮคุ (TOHOKU)

ซาซาคามะโบโกะ ของขึ้นชื่อของจังหวัดมิยะงิที่นิยมซื้อเป็นของขวัญหรือของฝาก ทำจากเนื้อปลาและมีรูปร่างลักษณะเหมือนใบไม้ไผ่ (ซาซา) จากรอยที่เกิดจากการย่าง ซาซาคามะโบโกะที่มีชื่อเสียงที่สุดมาจากเมืองเซ็นไดซึ่งมีร้านทำซาซาคามะโบโกะ แบบโฮมเมดมาเป็นเวลานาน โดยทำจากเนื้อปลาลิ้นหมาที่จับได้ตามฤดูกาลเพื่อเป็นการถนอมอาหาร โดยการนำไปสับและนวดด้วยมือจนเหนียว แล้วนำไปย่าง

คิริทัมโปะ แห่งจังหวัดอะคิตะ ที่ทำมาจากข้าวปรุงร่วมกับส่วนผสมเฉพาะตามสูตรของท้องถิ่นในกระทะ หลังจากนั้นนวดเข้าด้วยกัน และนำไปเสียบไม้ย่างเพื่อเพิ่มความหอม โดยช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการไปลิ้มลองคือ ช่วงกลางเดือนกันยายนถึงเดือนมีนาคม โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายน รสชาติเฉพาะแบบนี้ต้องไปเองที่อะคิตะ

ภูมิภาคคันโต (KANTO)

นาเมะโร อาหารท้องถิ่นของชาวประมงในแถบชายฝั่งของแหลมโบโซ-ฮันโตทางตอนใต้ของจังหวะจิบะ ส่วนผสมหลักคือปลาต่างๆ โดยหั่นปลาเป็นชิ้นเล็กๆ และสับรวมกับมิโสะ ต้นหอม ขิง และใบโหระพา ให้ละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน ต้นหอมและขิงจะเป็นตัวดับกลิ่นคาวปลา นาเมะโรมี 2 แบบ คือย่างและผสมน้ำส้มสายชู โดยแบบย่างจะเรียกว่าซังกะยะกิ และแบบที่ผสมน้ำส้มสายชูจะเรียกว่าสึนาเมะโร

ฟุคะงะวะเมะชิ อาหารยอดนิยมแห่งโตเกียว ทำจากหอยแกะเปลือกและต้นหอมนำไปผัดกับมิโสะ เสิร์ฟพร้อมข้าวและซุปเป็นชุด โดยใช้หอยตัวใหญ่ และน้ำจากหอยที่ผสมกับมิโสะจะสร้างรสชาติที่อร่อยโดดเด่นขึ้นมา

ภูมิภาคจูบุ/โตไก (CHUBU/TOHKAI)

อุนางิ หรือปลาไหล จังหวัดชิซุโอะกะ มีแหล่งเพาะเลี้ยงปลาไหลที่มีคุณภาพสูงและมีชื่อเสียง โดยปลาไหลนั้นมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และญี่ปุ่นนิยมกินปลาไหลในฤดูร้อนซึ่งอากาศร้อน และความชื้นทำให้คนไม่อยากอาหาร โดยวิธีที่นิยมนำปลาไหลมาทำอาหารที่สุดคือการย่างถ่าน หรือคะบะยะกิ โดยในแถบคันโตจะนำชิ้นเนื้อปลาไหลมาย่างบนเตาถ่าน แล้วนำไปนึ่ง จากนั้นก็นำมาย่างด้วยความร้อนปานกลางอีกครั้ง และทาน้ำมันขณะที่ย่างด้วย ส่วนในแถบคันไซจะนำปลาไหลทั้งตัว ควักไส้ออก แล้วนำไปเสียบไม้ย่างและทาน้ำมันไปด้วยขณะย่าง

มิโสะคัตสึ “ทงคัตสึ” หรือหมูชิ้นทองราดซอสเป็นเมนูที่นิยมทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น แต่สำหรับจังหวัดไอจินั้นมีเมนูทงคัตสึที่แตกต่างออกไป โดยจะใช้ซอสที่ทำจากมิโสะ ซึ่งเป็นสูตรต้นตำรับที่ทำจากน้ำซุปปลาโอและน้ำตาล และเรียกเมนูนี้ว่า “มิโสะคัตสึ” ซึ่งเป็นอาหารยอดฮิตในจังหวัดไอจิเลยทีเดียว

ภูมิภาคโฮคุริคุ (HOKURIKU)

โฮตะรุอิกะ แห่งจังหวัดโทะยะมะ หรือปลาหมึกหิ่งห้อย ซึ่งเป็นปลาหมึกพันธุ์เล็กที่พบในอ่าวโทะยะมะ สามารถทานเป็นแบบซาชิมิ หรือแบบชาบู ก็ได้ หรือหากนำไปตากแห้งแล้วย่างเล็กน้อยก็เหมาะกับเป็นกับแกล้มเวลาดื่มได้เช่นกัน ชื่อปลาหมึกหิ่งห้อยมาจากลักษณะเรืองแสงของผิวปลาหมึกสีขาวอมฟ้าคล้ายหิ่งห้อย

จิบุนิ อาหารพื้นเมืองของคะนะซะวะ ทำจากเนื้อเป็ดหั่นบางๆ ชุบแป้งหรือแป้งมัน แล้วนำไปต้ม เห็ดชิตาเกะ หน่อไม้ และผักชีญี่ปุ่นในน้ำซุปที่ทำจากน้ำสต็อก มิริน (เหล้าหวานสำหรับปรุงอาหาร) น้ำตาล เกลือ โชยุ และสาเก โดยแป้งหรือแป้งมันที่อยู่ด้านนอกจะช่วยรักษารสชาติของเนื้อและทำให้น้ำสต็อกข้นขึ้น ใช้วาซาบิเพื่อเพิ่มรสชาติ

ภูมิภาคคันไซ (KANSAI)

ยุโดฟุ หรือเต้าหู้ต้ม ยอดนิยมในฤดูหนาวแห่งเกียวโต เมนูที่จะทำให้คุณรู้สึกอุ่นขึ้น ด้วยรสชาติเบาๆ และผิวสัมผัสที่เรียบเนียนของเต้าหู้ ทำให้ทุกรสสัมผัสที่ได้รับนั้นรู้สึกอบอุ่นเป็นพิเศษ โดยเมนูนี้ทำจากการนำเต้าหู้ทำมือมาต้มกับซุปสาหร่าย และทานด้วยการจิ้มในเครื่องปรุงรส วิธีการทำดูธรรมดา แต่รสชาติที่ได้มานั้นล้ำลึกอย่างยิ่ง

ทะโกะยะกิ หรือ ขนมครกไส้ปลาหมึก ต้นตำรับจากโอซาก้า แบบกรอบนอกนุ่มใน จากการทำด้วยกระทะแบบหลุม ที่มีหลายๆหลุม จากนั้นทำให้เป็นลูกกลมๆโดยการหมุนไปมาให้สุก ที่ดูเหมือนจะทำได้ง่ายๆ แต่บอกเลยว่ายากมาก นอกจากรูปลักษณ์แล้ว รสชาติต้นตำรับที่ไม่เหมือนใครและเครื่องโรยหน้า พร้อมจิ้มกับมายองเนสอีก บอกได้เลยว่า เคยลองที่ไหนมา รับรองได้ว่าไม่ฟินเท่าต้นตำรับแน่นอน

ภูมิภาคชูโงะคุ (CHUGOKU)

ฟุกุ หรืออาหารจากปลาปักเป้า (จังหวัดยะมะงุจิ) นิยมทานแบบซาชิมิหรือเรียกว่า “ฟุกุซาชิมิ” ที่แล่จนบางบากจนมองทะลุผ่านได้ และจัดเรียงอย่างงดงาม แต่ไม่ได้มีเพียงความสวยงามเท่านั้น รสชาติแห่งความสดของเนื้อปลาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน นอกจากนั้นปลาปักเป้ายังสามารถนำมาทำเมนูหม้อไฟได้อีกด้วย ซึ่งถือว่าเด็ด แต่อย่างไรก็ตามเมนูจากปลาปักเป้านั้น ก็มีอันตรายมากหากไม่ได้รับการปรุงที่ถูกต้อง เพราะว่าปลาปักเป้าบางชนิดนั้นมีพิษถึงตายได้ ซึ่งพ่อครัวที่จะปรุงเมนูปลาปักเป้าได้นั้น จะต้องมีใบอนุญาติพิเศษซึ่งได้รับการอบรมวิธีการกำจัดส่วนที่มีพิษออกอย่างระมัดระวัง

หอยนางรม ถือได้ว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีรสชาติเป็นเลิศ และในประเทศญี่ปุ่นนั้น จังหวัดฮิโรชิม่าเป็นแหล่งผลิตหอยนางรมชั้นนำ ด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงแบบพิเศษที่ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ได้หอยตัวใหญ่ เนื้อนุ่ม จนอาจทำให้ลืมหอยนางรมจากที่อื่นได้เลย

ภูมิภาคชิโกะคุ (SHIKOKU)

ซะนุกิ-อุด้ง หรืออุด้งที่ใช้เส้นแป้งสาลี แห่งจังหวัดคะงะวะ ซึ่งเป็นที่รู้จักว่า เป็น “อาณาจักรอุด้ง” เพราะมีผู้ผลิตและร้านอาหารอุด้งที่ใช้เส้นแป้งสาลีจำนวนมาก มีจุดเด่นที่ความแข็งและเนื้อเรียบเนียน วิธีรับประทานคือเทซุปสาหร่ายที่ปรุงรสด้วยโชยุเล็กน้อยลงไปบนเส้น ใส่ต้นหอม ขิง ไข่ หรืองาตามชอบ และโรยด้วยเครื่องโรยที่มีให้เลือกหลายรูปแบบ ทำให้เกิดรสชาติหลายรูปแบบจนไม่น่าเบื่อเลยทีเดียว

ภูมิภาคคิวชู (KYUSHU)

มิซุทะกิ หรือไก่ต้มไม่ปรุงรส แห่งจังหวัดฟุกุโอะกะ มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยเมจิ จากซุปใสของตะวันตกและอาหารประเภทไก่ของจีน ทานกับน้ำจิ้มพอนสุ และเติมเครื่องปรุงรส นอกจากนี้อาจสามารถใส่ข้าวลงไปหลังทานไก่และผักหมดแล้วเพื่อเพิ่มความอิ่มท้องก็ยังได้

ฮิยะจิรุ อาหารท้องถิ่นของจังหวัดมิยะซะกิ เป็นการนำน้ำซุปที่แช่เย็นราดลงบนข้าวร้อนๆ ทานคู่กับผัก และเครื่องเคียง โดยน้ำซุปนั้นทำมาจากปลาแห้งต้มและปรุงรสด้วยมิโสะ ทำให้ได้เพลิดเพลินกับรสชาติและความสดชื่นจากผักฤดูร้อน เชื่อกันว่าเมนูนี้เกิดขึ้นจากเกษตรกรในมิยะซะกิเพื่อไม่ต้องเสียเวลาเตรียมอาหารในระหว่างทำงานในไร่

นอกจากเมนูท้องถิ่นที่แนะนำไปนั้น ประเทศญี่ปุ่นยังมีอีกหลายเมนูที่รอให้ไปลองลิ้นชิมรสอีกมากมายในแต่ละภูมิภาค แต่อย่างไรก็ตามอาหารแต่ละท้องที่นั้นก็มีความเฉพาะแตกต่างกันไปในเรื่องของส่วนผสม ซึ่งบางอย่างอาจไม่คุ้นชินกับคนไทย และอาจทำให้เกิดความเจ็บป่วยได้ ดังนั้นแล้วหากวางแผนทริปตะลอนกิน เราคงต้องคิดถึงเรื่องความเจ็บป่วยไว้ด้วยการทำประกันการเดินทางที่มีความคุ้มครองที่ครอบคลุมความเจ็บป่วยจากการทานอาหารด้วย จะได้ Enjoy Eating กันได้อย่างเต็มที่กันเลย!

ที่มา : https://www.jnto.or.th

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

5 ข้อ เตรียมพร้อมก่อน ROAD TRIP

เตรียมพร้อมก่อน ROAD TRIP

ถ้าหากว่า ความสวยงามของการเดินทางคือการค้นหาความหมายระหว่างทาง และปลายทางคือความสำเร็จ จึงทำให้การเช่ารถขับเที่ยวในต่างประเทศหรือ Road Trip นั้นได้รับความนิยมมากขึ้น ตอนนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ของนักเดินทางที่กำลังได้รับความนิยม หากใครยังไม่เคยออกไปลอง นี่ถือเป็นการท่องเที่ยวที่แตกต่างอีกรูปแบบหนึ่งที่ต้องลองสักครั้ง เพราะนอกจากเรื่องความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัว ยังสามารถแวะเที่ยวตามทางที่เราต้องการไปเรื่อยๆจนถึงจุดหมายได้ ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวสวยๆเพื่อลง social แบบไม่ซ้ำใคร หรือร้านอาหารที่น่าสนใจนอกเหนือรายการรีวิว และที่สำคัญยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ผู้ร่วมทริปได้อีกจากการช่วยกันแก้ปัญหา ลองผิดลองถูก เพราะไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะเจออะไรระหว่างทางบ้าง ถ้าตัดสินใจกันแล้วก็มาเตรียมตัวกับ “5 เตรียม” ที่ Allianz Travel ขอแนะนำกันเลย

  1. เตรียมตัว นอกจากเตรียมร่างกายให้พร้อมเนื่องจากการขับรถเที่ยวนั้นสิ่งสำคัญคือสุขภาพของผู้ขับ ซึ่งต้องแข็งแรงเพราะการขับรถเป็นระยะเวลานานอาจส่งผลให้เกิดความเหนื่อล้า หรือถ้าหากมีอาการเจ็บป่วยก่อนการเดินทางก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ และเกิดอันตรายต่อผู้ร่วมทางได้นั่นเอง ดังนั้นควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก่อนการเดินทาง เพื่อไม่ให้เกิดการเหนื่อยล้าหรือหลับในขณะขับรถ และขับขี่รถด้วยความระมัดระวัง ไม่ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด แต่ถ้าหากเกิดอาการเหนื่อยล้า ก็แวะพักชมวิวขยับแข้งขา หรือจะถ่ายรูปสวยๆชิคๆโพสต์ลงโซเชียลแก้ความเมื่อยล้าก็ได้ นอกแผนนิดหน่อยได้ไม่ว่ากัน
  2. เตรียมใจ เพราะเหตุการณ์ฉุกเฉินนั้นอาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลาโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ดังนั้นการเตรียมใจเผื่อไว้ ดึงสติไว้ให้มั่น เพื่อรับมือเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เช่นอุบัติเหตุ หลงทาง น้ำมันหมด หรืออื่นๆที่อาจเกิดขึ้นได้ ข้อแนะนำคือ การเตรียมเบอร์โทรฉุกเฉินของแต่ละประเทศที่เราเดินทางไปไว้ด้วย เผื่อไว้ในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝันระหว่างการขับรถเที่ยว เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าอันตรายในการขับขี่หรืออุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่เราจะสามารถสบายใจได้มากขึ้น และอาจกลายมาเป็นความทรงจำดีๆที่ต้องเล่าต่อได้เลย
  3. เตรียมรถ ส่วนประกอบสำคัญที่สุดของการเดินทางแบบ Road Trip หลังจากการเช่ารถแล้ว ก่อนออกเดินทางเราควรตรวจเช็คความพร้อมของรถก่อนด้วยว่าระบบต่างๆสามารถใช้งานได้อย่างปกติ เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ต่างๆนั้นจะพร้อมใช้งานเมื่อถึงเวลา นอกจากสภาพของตัวรถเองนั้น เราควรตรวจสอบเรื่องอุปกรณ์และอะไหล่สำหรับเหตุฉุกเฉิน เช่น ยางอะไหล่ ไฟฉาย แม่แรง ประแจ เครื่องสูบยางรถยนต์ ไขควง น้ำมันสำรอง สายพ่วงแบตเตอรี่ หรือชุดปฐมพยาบาลกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เพื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เมื่อจำเป็น แต่หากเป็นสาวๆ ก็แนะนำว่าให้โทรหาเบอร์ฉุกเฉินที่เตรียมไว้ตามข้อ 2 แล้วนั่งรออยู่ในรถจะเหมาะกว่า ^^
  4. เตรียมแวะ วางแผนขับรถเที่ยวเองทั้งที ต้องศึกษาเส้นทางการเดินทางกันหน่อย นอกจากเรื่องระยะทาง ระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทาง หรือเส้นทางที่จะต้องใช้ ที่แน่นอนว่าเราต้องเช็คให้เรียบร้อยก่อนการเดินทาง เราขอแนะนำอีกหน่อยเพื่อความอภิรมย์ในการเดินทาง คือ… มองหาที่เที่ยว หรือจุดที่น่าสนใจระหว่างเส้นทาง เราอาจจะได้พบ Unseen บางจุดให้ถ่ายรูปเก๋ๆ หรือร้านอร่อยที่ยังไม่มีใครเคยเจอ เอาไว้แชร์กับแคปชั่นเด็ดแนว Explorer กันหน่อย ดังนั้น กล้องต้องพร้อม พรอพต้องได้ แต่ยังไงก็ตาม อย่ามัวแต่มองหาจุดแวะจนลืมว่าเราต้องไปให้ถึงจุดหมายกันด้วยล่ะ
  5. เตรียมเอกสาร เพื่อให้ Road Trip ของเรานั้นไม่สะดุดหรือต้องยกเลิก เราควรเตรียมพร้อมเรื่องเอกสารต่างๆที่จำเป็นต้องเตรียมพร้อมจากประเทศเราด้วย เช่นใบขับขี่สากล ซึ่งสามารถทำได้ที่ กรมการขนส่งทางบกจังหวัด และเอกสารที่จำเป็นตามข้อกำหนดแต่ละประเทศ ซึ่งอาจมีความต้องการแตกต่างกันไปในบางอย่าง นอกจากนั้น เราควรคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยด้วยและหากว่าเราเช่ารถจากผู้ให้บริการ ก็ควรเตรียมเอกสารการจองและศึกษาเงื่อนไงและข้อกำหนดในสัญญาเช่าให้ละเอียดเรียบร้อยด้วย

นอกจากการเตรียมพร้อมทั้งหมดที่กล่าวมา การขับรถไปในเส้นทางที่เราไม่คุ้นชินนั้น เรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ต้องระวังอย่างยิ่ง และค่าใช้จ่ายระหว่างทางก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงด้วย โดยเฉพาะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดทำให้ต้องเสียเงินเพิ่มไปกับปัญหาหรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บป่วยที่อาจเกิดจากอากาศ อาหารการกิน หรือกับรถที่เช่ามา ดังนั้นการเตรียมพร้อมที่ดีและมีประกันที่ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไว้ย่อมดีกว่า เช่นความคุ้มครองประกันภัยการเดินทาง โดย Allianz Travel Thailand ที่มอบคุ้มครองที่ครอบคลุมถึงเรื่องการชดเชยความรับผิดชอบส่วนแรกสำหรับรถเช่ากรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน นอกเหนือจากความเจ็บป่วยและความช่วยเหลือฉุกเฉิน เพื่อช่วยผ่อนหนักเป็นเบา และลดภาระค่าใช้จ่ายที่เพิมขึ้นโดยไม่คาดคิด เพื่อให้คุณได้เดินทางท่องเที่ยวอย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลให้ทริปหมดสนุก

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

ทริปยกเลิก ทำไงดี

ทริปยกเลิก ทำไงดี เคลมได้มั้ย

ช่วงนี้หลายๆคนคงเริ่มวางแผนเดินทางท่องเที่ยวประจำปีกันบ้างแล้วทั้งทริปสั้นทริปยาว หรือบางคนก็อาจกำลังทำแพลนการท่องเที่ยวต่างประเทศกันเลย วางแผนทั้งทีก็จะวุ่นวายกันหน่อย ไม่ว่า จะไปประเทศไหนดี เที่ยวที่ไหนบ้าง เดินทางยังไง งบประมาณเท่าไหร่ ต้องจองอะไรล่วงหน้าบ้างมั้ย เชื่อว่าคงมีแผนไว้ในหัวกันเรียบร้อยแล้ว ที่ต้องจองก็จองไป ที่ต้องจ่ายมัดจำก็จ่ายกันไป แต่อย่างไรก็ตาม อย่าลืมเตรียมการเรื่องความปลอดภัยเผื่อไว้ด้วยนะ โดยซื้อประกันเดินทางเอาไว้ เพื่อว่าหากเกิดกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินจะได้ไม่กังวล นอกจากนี้การซื้อประกันเดินทางก็มีข้อดีอีกหลายอย่างนอกเหนือจากเรื่องค่ารักษาพยาบาลและการช่วยเหลือฉุกเฉิน อย่างเช่นการเคลมกรณียกเลิกการเดินทาง ที่จะสามารถเคลมค่าใช้จ่ายคือได้หากว่ามีการยกเลิกการเดินทางตามข้อตกลงเงื่อนไขความคุ้มครอง วันนี้เราจะมาดูรายละเอียดข้อตกลงความคุ้มครอง โดยจะขอยกตัวอย่างจาก ข้อตกลงของ Allianz Travel เอง ว่ากรณีไหนที่สามารถเคลมได้บ้าง

ข้อตกลงคุ้มครองการยกเลิกการเดินทาง

กรมธรรม์ประกันภัย ให้ความคุ้มครองเมื่อการเดินทางของผู้เอาประกันภัยที่ได้รับการยืนยันแล้วถูกยกเลิกภายใน 30 วันก่อนเริ่มการเดินทาง เนื่องจากเหตุการณ์ไม่ได้คาดหมาย และอยู่เหนือการควบคุมของผู้เอาประกันภัย มีดังต่อไปนี้

  1. การเสียชีวิต การบาดเจ็บสาหัส การเจ็บป่วยรุนแรงของผู้เอาประกันภัย หรือญาติสนิท หรือผู้ใกล้ชิดทางธุรกิจ (“ผู้ใกล้ชิดทางธุรกิจ” หมายถึง บุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้เอาประกันภัยในการทำธุรกิจ ที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ต่อเนื่องกับ ผู้เอาประกันภัย และมีการพึ่งพาทางธุรกิจซึ่งกันและกันกับผู้เอาประกันภัย หรือบุคคลทางธุรกิจที่ร่วมเดินทางไปกับผู้เอาประกันภัยด้วยจุดหมายเดียวกันและจำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจของผู้เอาประกันภัย)
  2. การยกเลิกตารางเดินทางของผู้ขนส่งสาธารณะเนื่องจาก การจลาจล การนัดหยุดงาน การประท้วง การก่อความวุ่นวาย พายุหรือไต้ฝุ่น
  3. การถูกหมายเรียกเพื่อไปให้การเป็นพยานในศาลของผู้เอาประกันภัย

โดยระยะเวลานั้นอ้างอิงจากวันที่ระบุในเอกสารใบรับรองแพทย์ ซึ่งต้องอยู่ในระหว่างวันที่ซื้อประกันการท่องเที่ยว และภายใน 30 วันก่อนเริ่มการเดินทาง และถ้าหากสาเหตุการยกเลิกการเดินทางเข้าข่ายข้อใดข้อหนึ่งดังที่กล่าวไป เราจะสามารถทำเรื่องการเคลมเพื่อให้บริษัทพิจารณาอนุมัติได้ โดยบริษัทจะจ่ายคืนให้ผู้เอาประกันภัย สำหรับเงินมัดจำล่วงหน้าที่ถูกยึด สำหรับค่าตั๋วเครื่องบินที่ไม่ได้ใช้ ค่าที่พักและค่าจองการท่องเที่ยวที่จ่ายโดยผู้เอาประกัน หรือมีสัญญาว่า ผู้เอาประกันภัยจะต้องจ่ายและไม่สามารถเรียกคืนได้ ซึ่งทั้งนี้ต้องไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันที่ได้ระบุไว้ในหน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัย
นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขต่างๆ และในกรมธรรม์จะแสดงส่วนของข้อยกเว้นการคุ้มครองด้วย โดยเงื่อนไขที่ไม่คุ้มครอง การบาดเจ็บ ความสูญเสีย หรือความเสียหาย ขึ้นอยู่กันข้อตกลงคุ้มครองตามกรมธรรม์นั้นๆ และวงเงินความคุ้มครอง ดังนั้นเราควรอ่านและทำความเข้าใจรายละเอียดของกรมธรรม์ทุกครั้งด้วย แม้ว่าจะยาวหน่อยแต่ก็คุ้มค่ากับการเสียเวลาอ่าน

ไม่ว่าจะเที่ยวมือใหม่หรือเที่ยวมือเก๋า ต่อให้วางแผนไว้ดีขนาดไหน ก็มีโอกาสเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เสมอ ตั้งแต่การเจ็บป่วย จนถึงการยกเลิกการเดินทาง ดังนั้นการเตรียมพร้อมสำหรับเหตการณ์ที่อาจเกิดขึ้นไว้ก่อนย่อมดี และเป็นประโยชน์กว่า โดยเฉพาะการเลือกผู้ให้บริการที่มีความพร้อมและเครือข่ายเช่น Allianz Travel ที่ให้บริการความช่วยเหลือฉุกเฉินที่รวดเร็วและระบบเครือข่ายระดับโลก เพราะทุกวินาทีมีค่ายามฉุกเฉิน ดังนั้นเราจึงพัฒนาเพื่อให้มั่นใจได้ว่าคุณจะ “อุ่นใจทุกครั้งเมื่อเดินทาง”

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

เจ็บป่วยที่ญี่ปุ่น เคลมประกันการเดินทางอย่างไร

ความเจ็บป่วยเกิดได้เสมอ ไม่เลือกที่ เลือกเวลา ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้ว่าความเจ็บป่วยจะมาเยือนเราตอนไหน ถ้าแวะมาช่วงอยู่บ้านรึทำงาน เราก็คงไม่รู้สึกอะไรมาก แต่ถ้าแวะมาช่วงกำลังเที่ยวสนุกๆ นี่สิ โดยเฉพาะถ้าเป็นประเทศญี่ปุ่น ประเทศในฝันของหลายๆคน เงินที่เตรียมไว้สำหรับแผนเที่ยวที่ตั้งใจไว้ว่าจะไป กิจกรรมที่จะทำ อาหารที่อยากลอง ถ่ายรูปชิคๆ อาจต้องสะดุด หมดสนุกอย่างแน่นอน แล้วไปเสียให้กับ ค่ารักษา ค่ายา ค่าบริการ และหากว่าป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลก็จะมี ค่าห้องพัก รวมอีก จ่ายไปจ่ายมาอาจมีเสียเงินมากกว่าค่าเครื่องบินอีก ลองดูค่าใช้จ่ายในการรักษา ประเทศญี่ปุ่น หากเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้น เราจะหมดกังวลได้หากเราเตรียมพร้อมรับมือไว้แล้ว โดยการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล และมีประกันการเดินทางที่คุ้มครองที่จะช่วยด้านการประสานงานและค่ารักษาได้

หากรู้สึกไม่สบายระหว่างอยู่ที่ญี่ปุ่น ทำอย่างไร

  1. สังเกตุอาการที่เกิดขึ้นว่าเป็นอะไรบ้าง เพื่อจะสามรถบอกอาการแก่แพทย์ เพื่อวินิจฉัยเบื้องต้นและรักษาได้ตรงกับอาการ คือเรารู้สึกเจ็บตรงไหน เจ็บแบบไหน บอกให้หมดเพื่อเป็นข้อมูลให้แพทย์ได้วิเคราะห์หาสาเหตุและรักษาได้ถูกต้องตรงจุด
  2. ค้นหาโรงพยาบาลที่รักษาสำหรับชาวต่างชาติในญี่ปุ่น โดยค้นหาจากเว็บไซต์ขององค์กร Medical Excellence Japan ได้จากอาการที่เป็นอยู่ บางคนอาจคิดว่าจำเป็นต้องละเอียดขนาดนั้นเลย แต่เราควรจะทราบด้วยว่าระบบการรักษาพยาบาลในญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างเฉพาะทางในแต่ละโรงพยาบาลหรือแม้แต่คลีนิค และการสื่อสารก็อาจทำได้ยาก ดังนั้นหากเลือกโรงพยาบาลที่มีบริการรักษาชาวต่างชาติด้วยย่อมสะดวกมากกว่า
  3. การรับยา สำหรับประเทศญี่ปุ่น การรับยาหลังการรักษาจะแตกต่างจากบ้านเราอยู่บ้าง โดยสถานพยาบาลบางแห่งนั้นก็สามารถรอรับยาได้เลย แต่บางแห่งก็ไม่สามารถทำได้ และจะต้องรับใบสั่งยาที่ออกให้โดยแพทย์ไปซื้อที่ร้านขายยา

หากเกิดกรณีเจ็บป่วยแบบฉุกเฉินที่ญี่ปุ่นทำอย่างไร

ในประเทศญี่ปุ่นนั้นจะมีบริการฉุกเฉิน ที่รวมทั้งการเรียกรถพยาบาลและเรียกรถดับเพลิงด้วยกัน หากว่าเกิดเหตุฉุกเฉินเราสามารถเรียกบริการได้ที่เบอร์ 119 และเนื่องจากเบอร์นี้ใช้เรียกทั้งรถพยาบาลและรถดับเพลิง เราต้องแจ้งให้ชัดเจนด้วยว่าต้องการรถพยาบาล ซึ่งบริการฉุกเฉินนี้เราไม่สามารถเลือกโรงพยาบาลได้ ต้องไปตามความเห็นของรถพยาบาลเท่านั้น และการสื่อสารนั้นจะเป็นภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก ดังนั้นหากเรามีเพื่อนที่สามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในระหว่างการรักษาพยาบาล

นอกจากนี้ หากว่าเราได้ซื้อประกันการเดินทางที่มีผลประโยชน์ครอบคลุมการช่วยเหลือฉุกเฉินด้วย ก็สามารถใช้บริการได้เช่นกัน โดยทางศูนย์บริการจะคอยช่วยเหลือประสานงานให้ และตรงข้อนี้เราสามารถตัดปัญหาเรื่องภาษาในการสื่อสารได้อีกด้วย

การจัดการค่าใช้จ่ายหลังการรักษา

หลังจากการรักษาเสร็จสิ้น เรื่องค่ารักษาพยาบาลอาจทำให้เป็นกังวล ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น การประสานงาน หรือขั้นตอน ที่ไม่รู้ว่าเหมือนการเคลมประกันสุขภาพในประเทศหรือไม่ แต่หากเราได้ทำประกันการเดินทางไว้ก่อนเดินทางแล้ว ก็จะช่วยจัดการความกังวลใจนี้ไปได้ เพราะประกันการเดินทางที่เราได้ทำไว้นั้นจะช่วยดูแลในส่วนนี้ โดยขอยกตัวอย่างขั้นตอนที่ทำได้กรณีทำประกันการเดินทางกับ Allianz Travel Thailand ก่อนเดินทาง โดยเราสามารถปฏิบัติได้ดังนี้

  1. ติดต่อบริษัทประกันที่เราซื้อไว้ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ช่วยประสานงานให้ จนถึงการชำระค่ารักษาพยาบาล ซึ่งจะได้รับความสะดวกสบายมากกว่า และไม่ติดปัญหาเรื่องการสื่อสาร แต่อย่างไรก็ตามวิธีนี้อาจจำเป็นต้องใช้เวลาในการดำเนินการในแต่ละขั้นตอน ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้ที่สามารถรอได้ หรือการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูง
  2. สำรองจ่ายก่อนและกลับมาเคลม วิธีนี้จะรวดเร็วกว่า และสามารถไปทำตามแผนท่องเที่ยวต่อได้ ซึ่งวิธีการเคลมเมื่อกลับมาถึงประเทศไทยก็ทำได้ไม่ยาก โดยติดต่อบริษัทที่เราซื้อประกันไว้ ในกรณีนี้คือ Allianz Travel แจ้งเลขที่เอกสารกรมธรรม์ และส่งเอกสารประกอบ รอการอนุมัติและรับเงินเคลม ดังนั้นเราควรเก็บรวบรวมเอกสารที่จำเป็นดังนี้เพื่อนำไปประกอบการยื่อของเคลมประกันการเดินทาง
    • ตั๋วเครื่องบิน หรือ Boarding pass
    • Passport
    • ใบเสร็จรับเงิน (ตัวจริง)
    • ใบรับรองแพทย์ (ตัวจริง)

พร้อมแล้วก็เดินทางได้อย่างอุ่นใจ

ตอนนี้เราก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างมั่นใจแล้ว เมื่อเรารู้ว่าจะปฏิบัติตัวอย่างไรเมือเจ็บป่วยหรือเกิดเหตุฉุกเฉินระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่น นอกจากนี้เราจะยังคลายความกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นหากเราเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้าด้วยประกันการเดินทางก่อนการเดินทาง หากยังเลือกไม่ถูกว่าจะเลือกซื้อของที่ไหน เราขอแนะนำแผนประกันการเดินทาง Sugoi Japan ของ Allianz Travel ที่ออกแบบมาเพื่อการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ที่มอบความคุ้มครองมากกว่าแค่เรื่องการรักษาพยาบาล แต่ยังมอบผลประโยชน์อื่นๆที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นอีกด้วย

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

เจ็บป่วยที่ญี่ปุ่นทำอย่างไร เสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?

สำหรับคนที่กำลังจะเดินทางหรือกำลังวางแผนไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเพื่อเที่ยว ทำงาน เรียนต่อ หรือวัตถุประสงค์อะไรก็ตามแต่ เรื่องสุขภาพนั้นจะต้องเป็นเรื่องที่กำลังกังวลใจอยู่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาพยาบาลในประเทศนั้นๆ ดังนั้นวันนี้เราจะมาคุยเรื่องเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลในประเทศญี่ปุ่นให้เป็นตัวอย่าง เพราะว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นเป้าหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับคนไทยอย่างมาก ดังนั้นรู้ไว้ย่อมมีประโยชน์กว่า

ระบบสาธารณสุขของญี่ปุ่น

ก่อนอื่นเราขออธิบายเกี่ยวกับระบบสาธารณสุขและรูปแบบการรักษาพยาบาลในประเทศญี่ปุ่นกันก่อน ซึ่งระบบสาธารณสุขและการรักษาพยาบาลในญี่ปุ่นนั้น ได้ถูกจัดอันดับ ในปี 2559 โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ให้ติด 1 ใน 10 จาก 190 ประเทศทั่วโลกในด้านการรักษาพยาบาล ซึ่งถือได้ว่าต้องมีความพร้อมและน่าเชื่อถือสุดๆ แต่อย่างไรก็ตามระบบการรักษาพยาบาลหรือเข้ารับการรักษาในประเทศญี่ปุ่นก็มีความแตกต่างจากบ้านเราพอสมควรที่เราควรรู้ไว้ด้วยเช่นกันจะได้ไม่เสียเวลาหรือค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น สำหรับกรณีเจ็บป่วยเล็กน้อยหรือไม่สบายที่ญี่ปุ่น เราสามารถซื้อยาจากร้านขายยา โดยร้านขายยาในประเทศญี่ปุ่นนั้นจะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ

1. ร้านขายยาทั่วไป เป็นร้านขายยาที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งยาจากแพทย์ ที่จะขายยาพื้นฐานหรือที่เราเรียกว่า ยาสามัญประจำบ้าน ซึ่งจะเป็นร้านขายยาทั่วไปและอาจมีขายเครื่องสำอางค์ร่วมด้วย อันนี้ปกติธรรมดาเหมือบ้านเรา
2. ร้านขายยาจริงๆ ที่ต้องมีใบสั่งยาโดยแพทย์ประกอบด้วย ซึ่งค่อนข้างจะเข้มงวดกว่าร้านขายยาทั่วไปอย่างมาก

นอกจากนี้แล้วคนญี่ปุ่นมักนิยมเข้า คลีนิค ที่จะเป็นคลินิกเฉพาะทางในการรักษาโรคนั้น ๆ เท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากบ้านเราที่คลีนิคจะสามารถให้บริการได้หลายโรค ดังนั้นแล้ว หากเลือกที่จะเข้ารักษากับคลีนิคที่ประเทศญี่ปุ่นก็ควรดูให้ดีก่อนว่าคลีนิคที่เราจะเข้ารับบริการนั้นเป็นคลีนิคเฉพาะทางกับความเจ็บป่วยที่เราเป็นหรือไม่ มิเช่นนั้นอาจถูกปฏิเสธการรักษาแล้วจะทำให้รำคาญใจได้ ดังนั้นเราอาจศึกษาเตรียมตัวก่อนการเดินทางโดยศึกษาจาก คู่มือการการใช้บรการหน่วยงานทางการแพทย์ ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งออกโดย องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (JNTO)

ค่าใช้จ่ายประมาณการในการรักษาพยาบาลที่ประเทศญี่ปุ่น

อย่างที่ทราบกันว่าประเทศญี่ปุ่น ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศชาตินิยมและเคารพสิทธิมนุษยชนของส่วนรวมมากๆ ดังนั้นเรื่องค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่ประชาชนเจ็บป่วย ทางรัฐจะช่วยดูแลสนับสนุนและให้ผ่อนจ่ายได้ โดยถือว่าเป็นระบบสวัสดิการประกันสุขภาพรูปแบบหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น โดยประชาชนญี่ปุ่นทุกคนจะต้องเข้าระบบประกันการรักษาพยาบาลจากรัฐ และรวมถึงชาวต่างชาติที่ไปอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นนานกว่า 3 เดือน ก็ต้องเข้าระบบประกันนี้ด้วย เพราะฉะนั้น คนที่เดินทางไปเรียน หรือไปทำงาน ซึ่งอยู่เกิน 3 เดือนขึ้นไป จะสามารถได้รับสวัสดิการการรักษาพยาบาลเช่นเดียวกับคนญี่ปุ่นเช่นกัน เพราะได้จ่ายค่าประกันสุขภาพแก่ประกันสุขภาพแห่งชาติของญี่ปุ่นไป ส่วนของค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ที่เข้าระบบประกันสุขภาพของญี่ปุ่นนั้น ผู้เอาประกันจะจ่ายเพียงบางส่วน 10-30% ตามอายุ และส่วนที่เหลือรัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบ คือ

1) ประชาชนจ่าย 30% ของยอดชำระ และที่เหลือประกันสุขภาพแห่งชาติของญี่ปุ่นรับผิดชอบ
2) ประชาชนจ่าย 20% หากเป็นพลเมืองญี่ปุ่นที่อายุ 70 ปี ขึ้นไป และไม่ได้ทำงาน
3) ประชาชนจ่าย 10% หากเป็นพลเมืองญี่ปุ่นที่อายุ 75 ปี ขึ้นไป

จะเป็นว่าผู้ที่อยู่ในระบบประกันสุขภาพนั้นจะเสียค่าใช้จ่ายน้อยมากหากเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ชาวต่างชาติที่ไม่ได้อยู่ในระบบ หรือนักท่องเที่ยวที่โดยปกติอัตราค่ารักษาพยาบาลระหว่างพลเมืองญี่ปุ่นกับชาวต่างชาติก็ต่างกันอยู่แล้ว ด้านล่างนี้ค่าค่าใช้จ่ายประมาณการสำหรับการรักษาพยาบาลในประเทศญี่ปุ่นสำหรับชาวต่างชาติ ที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดกับนักท่องเที่ยว โดยเรทการคำนวนเป็นเงินบาท อ้างอิงจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย วันที่ 10 มกราคม 2563 (28.01 บาท / 100 เยน)

1. พบหมอต่อครั้ง ค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 10,000 – 50,000 เยน หรือ 2,800 – 14,000 บาท
2. นอนโรงพยาบาล 1 คืน เริ่มต้นที่ 100,000 เยน หรือ 28,000 บาท
3. หกล้ม ข้อเท้าพลิก ข้อเท้าหัก ค่าใช้จ่ายระหว่าง 10,000 – 50,000 เยน หรือ 2,800 – 14,000 บาท
4. CT Scan เริ่มต้นที่ 30,000 เยน หรือ 8,400 บาท
5. ถอนฟัน 20,000 เยน หรือ 5,600 บาท
6. เคลื่อนย้ายฉุกเฉินระหว่างเมือง สามารถมีค่าใช้จ่ายสูงสุดถึง 5 ล้านเยน หรือ 1.4 ล้านบาท

โดยที่ค่ารักษาพยาบาลที่ญี่ปุ่น บางรายการอาจราคาถูกกว่าที่ประเทศไทย แต่บางรายการก็แพงกว่า โดยค่ารักษาพยาบาลโดยประมาณในประเทศญี่ปุ่นนั้น โดยทั่วไปจะมีค่าที่ปรึกษาครั้งแรกสำหรับคลินิกท้องถิ่น ซึ่งจะอยู่ระหว่าง 3,000 ถึง 5,000 เยน และค่าใช่จ่ายสำหรับการนัดติดตามผลอยู่ที่ประมาณ 600 เยนต่อครั้ง หมายความว่าจำเป็นต้องจ่ายค่าที่ปรึกษารวมกับค่าธรรมเนียมสำหรับการนัดติดตามผลในครั้งแรก และหลังจากนั้นก็จะเป็นครั้งละ 600 เยนต่อครั้ง แต่อันนี้ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายสำหรับชาวต่างชาติแต่เป็นสำหรับพลเมืองญี่ปุ่น หากเป็นคลินิกสำหรับชาวต่างชาติ ค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้น โดยอาจมีค่าที่ปรึกษาครั้งแรกถึง 10,000 เยนเป็นต้นไปได้เลยทีเดียว และอาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมปรึกษาใหม่ทุกครั้งเมื่อพบหมอคนใหม่ ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าหากว่าเราจะพบแพทย์คนเดิมที่เราเคยหามาก่อน จะเห็นได้ว่าแค่มองคร่าวๆ ค่าใช้จ่ายสำหรับรักษาพยาบาลสำหรับพลเมืองและนักท่องเที่ยวนั้นแตกต่างกันค่อนข้างมากเกือบเท่าตัว

นอกจากเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่ต้องคำนึงถึง ประเทศญี่ปุ่นยังมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ดังนั้นหากเดินทางไปท่องเที่ยวในเขตจังหวัดที่มีความเสี่ยงแล้วประสบอุบัติเหตุก็จะต้องมีค่ารักษาพยาบาลด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย แต่ก็ถือว่าเป็นความเสี่ยงที่ไม่ควรประมาท ดังนั้นการทำประกันการเดินทางเอาไว้กับการเดินทางออกนอกประเทศทุกกรณี เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเสียเงินกับค่ารักษาพยาบาลสูงๆ ก็เป็นสิ่งที่ควรทำไว้ด้วย เพื่อว่าหากเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นจะได้ไม่ต้องกังวล แม้อาจจะมองว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและอาจจะไม่ได้ใช้ แต่หลายๆเหตุการณ์อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ดังนั้น ไม่ว่าเป็นการเดินทางไปในประเทศไหนๆ จะสั้นหรือจะยาว ก็อย่าได้ประมาทและทำประกันเดินทางไว้ล่วงหน้าเพื่อความสบายใจกันดีกว่า ท่องเอาไว้ “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย”

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

จู่ๆต้องยกเลิกทริปที่จ่ายแล้ว ประกันภัยการเดินทางคุ้มครองการเดินทาง

ทำอย่างไรดีเมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยจนเดินทางไม่ได้ ประกันภัยการเดินทางคุ้มครองไหม?

กระเป๋าเดินทางพร้อม วีซ่าพร้อม อีกไม่กี่วันก่อนเดินทางต้องมาเกิดเหตุลื่นตกบันไดขาหัก หมอสั่งให้นอนนิ่งๆ 2 อาทิตย์ ทำยังไงดีกับเงินที่จ่ายไปแล้ว ทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พักที่จ่ายเงินล่วงหน้าไปบางส่วน ค่าแพคเกจทัวร์ระยะสั้นที่จองไว้ล่วงหน้า ขอคืนไม่ได้เสียด้วย โอ๊ย อดไปเที่ยว แล้วต้องเสียเงินก้อนไปอีกหรือนี่

แต่ช้าก่อน เราซื้อประกันภัยการเดินทางของ Allianz Travel ไว้แล้วนี่ รีบไปเปิดกรมธรรม์เช็คความคุ้มครอง โชคดีจริงๆ เพราะ Allianz Travel ประกันภัยการเดินทางคุ้มครองเมื่อผู้เอาประกันภัยเกิดเหตุไม่ได้คาดหมาย ที่อยู่เหนือการควบคุม จนต้องแจ้งยกเลิกการเดินทางภายใน 30 วันก่อนเริ่มการเดินทาง บริษัทจะจ่ายเงินคืนให้เราทั้งเงินมัดจำล่วงหน้าที่ถูกยึดสำหรับค่าตั๋วเครื่องบินที่ไม่ได้ใช้ ค่าที่พักและค่าการท่องเที่ยวที่ไม่สามารถเรียกคืนได้ ทั้งนี้ต้องไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ได้ระบุไว้ในหน้าตารางกรมธรรม์นะ

นอกจากเรื่องบาดเจ็บจนต้องเข้าพักรักษาตัวโรงพยาบาลจนเดินทางไปเที่ยวไม่ได้แล้ว ALLIANZ TRAVEL ยังคุ้มครองไปถึงเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เราเดินทางไม่ได้ อย่างเช่น

1. การเสียชีวิต การบาดเจ็บสาหัส การป่วยรุนแรงของคุณเอง หรือญาติสนิท หรือผู้ใกล้ชิดทางธุรกิจ หรือ
2. การยกเลิกตารางการเดินทางของผู้ขนส่งสาธารณะ เนื่องจากการจลาจล การนัดหยุดงาน การประท้วง การก่อความวุ่นวาย พายุหรือใต้ฝุ่น หรือ
3. การถูกเรียกเพื่อไปให้การเป็นพยานในศาล

คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม จ่ายค่าเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 270 บาท แต่ได้รับการคุ้มครองกรณียกเลิกการเดินทางสูงสุดถึง 50,000 บาท

ซื้อเลยตอนนี้

ดู Infographic พร้อมคำอธิบายเอกสารที่ต้องจัดเตรียมในการเคลมกรณีบอกเลิกการเดินทาง

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา