พยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น 2025

พยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น 2025 ล่าสุด! [ครั้งที่ 1 : 9 มกราคม 2025]

ช่วงเวลาของการชมดอกซากุระ ญี่ปุ่น ในปี 2025 ใกล้มาถึงแล้ว เป็นช่วงเวลาที่หลาย ๆ คน รอคอยที่จะได้ไปสัมผัสบรรยากาศที่สวยงาม ละมุนไปด้วยสีของดอกซากุระที่บานสะพรั่ง 🌸 ไปทั่วทุกสถานที่ ที่เป็นจุดชมดอกซากุระบานในญี่ปุ่น โดยเฉพาะเดือนมีนาคมและเมษายน ปีนี้ข้อมูล พยากรณ์ซากุระบาน ญี่ปุ่น ปี 2025 ถูกประกาศออกมาแล้ว โดยทาง JMC (Japan Meteorological Corporation) ได้เผยแพร่ข้อมูล พยากรณ์ ซากุระบาน ญี่ปุ่น 2025 ฉบับล่าสุด (ครั้งที่ 1) ของปี 2025 ออกมา เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2025 สำหรับเพื่อน ๆ คนไหน กำลังวางแผนเดินทางไปชมความสวยงามของดอกซากุระ เราขอแนะนำให้เพื่อน ๆ เช็คช่วงเวลาที่ดอกซากุระบาน จากตารางพยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น ในปี 2025 กันด้วยนะคะ เนื่องจากช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมดอกซากุระจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานที่และสภาพอากาศในแต่ละปี ทาง Allianz Travel จะอัพเดทข้อมูลการพยากรณ์ช่วงเวลาซากุระบานมาให้เพื่อน ๆ ได้คอยอัพเดทเพื่อใช้สำหรับวางแผนการเดินทาง ในบทความนี้นะคะ : )

ไปชม ซากุระ ญี่ปุ่น ช่วงเวลาไหนดี ?

ดอกซากุระในญี่ปุ่นมีช่วงเวลาที่บานเต็มที่ในแต่ละสถานที่คือประมาณหนึ่งสัปดาห์ และช่วงที่บานเต็มที่จะแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ ดอกซากุระจะเริ่มบานจากเขตอบอุ่นและจุดสุดท้ายคือในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศหนาวเย็น ตัวอย่างเช่น คุณจะเริ่มชมซากุระในภูมิภาคคิวชูตอนใต้ได้ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม และบานเต็มที่ในอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ต่อมา แต่ดอกซากุระในจังหวัดฮอกไกโดทางตอนเหนือสุดจะบานเต็มที่ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม

ในแต่ละปี ซากุระจะเริ่มบานในโตเกียวตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม และสามารถบานสะพรั่งได้ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างโอซาก้า เกียวโต และฮิโรชิม่า ก็เริ่มบานสะพรั่งในเวลาเดียวกัน ในภาคกลางของญี่ปุ่น ดอกซากุระเริ่มบานตั้งแต่ต้นถึงกลางเดือนเมษายน ภายในปลายเดือนเมษายน คุณจะเห็นดอกซากุระในโทโฮคุ และตั้งแต่เดือนพฤษภาคม คุณจะเห็นดอกซากุระที่ฮอกไกโดเช่นกัน

ซากุระ ญี่ปุ่น ช่วงต้นฤดูกาล (เดือนกุมภาพันธ์)

ซากุระมีมากมายหลากหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่สามารถพบเห็นได้มากที่สุดคือพันธุ์โซเมอิโยชิโนะ (Somei-yoshino) ที่บานตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมจนถึงต้นเดือนเมษายน และเวลาที่มีการพยากรณ์ซากุระบานในแต่ละปี ก็ยึดเอาพันธุ์โซเมอิโยชิโนะนี่แหละเป็นตัววัด ทำให้หลายคนอาจคิดว่าการชมซากุระในญี่ปุ่นมีเ)พาะช่วงเวลานี้เท่านั้น แต่ความจริงแล้วซากุระบางสายพันธุ์ก็บานเร็วกว่าพันธุ์ทั่วไปเล็กน้อย เราจะมาแนะนำสถานที่ที่สามารถไปชมซากุระได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธุ์เลยค่ะ

เมืองคาวาซุ (Kawazu) ของจังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka)

ห่างจากโตเกียวประมาณ 2.5 ชั่วโมง มีชื่อเสียงเรื่องดอกซากุระพันธุ์คาวาซุ ดอกใหญ่สีชมพูเข้ม ซึ่งบานเร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ และบานนานเกือบหนึ่งเดือนทำให้เมืองนี้กลายเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่เร็วที่สุดในละแวกโตเกียวและจังหวัดใกล้เคียง นอกจากนี้ ช่วงที่มีซากุระบานของทุกปียังมีการจัด เทศกาลคาวาซุซากุระ (Kawazu Cherry Blossom Festival) ที่สวยงามไปด้วยซากุระสีชมพูทั้งในเมืองและริมแม่น้ำ การประดับไฟยามค่ำคืน และร้านค้าริมทาง

ซากุระ ญี่ปุ่น : เมืองคาวาซุ (Kawazu) จังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka)

เมืองอาตามิ (Atami) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของคาบสมุทรอิซุ (Izu)

ห่างจากโตเกียวไปทางตะวันตกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงโดยรถไฟชินคันเซ็น บรรยากาศเหมือนเมืองตากอากาศ มีบ่อน้ำพุร้อนและเรียวกังมากมาย ที่นี่เป็นแหล่งชมซากุระพันธุ์อาตามิ เป็นพันธุ์สีชมพู ดอกพุ่มสวย ปกติจะบานช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เมื่อเริ่มบานแล้วจะอยู่ประมาณ 10 วันก็จะเริ่มร่วงโรยรา จุดชมซากุระอยู่ตรงทางเดินเลียบแม่น้ำ Itogawa ใช้เวลาเดินลงจากสถานี Atami ประมาณ 10 นาที ที่นี่คุณจะเห็นต้นซากุระประมาณ 58 ต้นที่ปลูกอยู่สองข้างทาง

ซากุระ ญี่ปุ่น : เมืองอาตามิ (Atami)

เมืองมิอุระ (Miura) จังหวัดคานางาวะ (Kanagawa)

มีดอกซากุระคาวาซุที่ผลิดอกช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ คุณจะได้เห็นต้นซากุระสายพันธุ์นี้ราว 1,000 ต้นเรียงรายตามเส้นทางรถไฟระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรจากสถานีมิอูระไคกัง (Miurakaigan) ไปยังสวนสาธารณะโคมัตสึไคเกะ (Komatsugaike) นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นหอมที่ลอยมาในอากาศจากทุ่งดอกมัสตาร์ดสีเหลืองนวลที่ออกดอกตามสองข้างทาง ตลอดฤดูกาล ตลาดแผงลอยหลายแห่งจะเปิดให้บริการที่หน้าสถานีมิอูระไคกัง ซึ่งท่านสามารถที่จะซื้อหาผักสดจากท้องถิ่นรวมทั้งสินค้าพิเศษของเมืองมิอุระได้

หากเพื่อนๆ ท่านไหนยังไม่รู้ว่าจะแพลนไปชมซากุระ ในญี่ปุ่น ที่ไหนดี Allianz Travel รวบรวมรายละเอียดสถานที่ ที่คุณสามารถวางแผนทริป เที่ยวญี่ปุ่น ชมดอกซากุระบาน ได้จากบทความด้านล่างนี้เลยค่ะ

สถานที่ชม ซากุระ ญี่ปุ่น

สถานที่ชม ซากุระ ญี่ปุ่น

รวมข้อมูลพิกัดสำหรับชม ซากุระ ญี่ปุ่น พร้อมรายชื่อสถานที่ที่ควรไปชมซากุระในแต่ละภูมิภาค ที่มีความสวยงามแตกต่างกันออกไป

10 จุดชมซากุระในโตเกียว

10 จุดชมซากุระโตเกียว

จุดชมซากุระ ที่ดีที่สุดของโตเกียว เตรียมเสื้อผ้าหน้าผมให้พร้อม รับรองว่าทริปนี้ต้องได้รูปสวยคู่กับซากุระอย่างแน่นอน

ตารางพยากรณ์ช่วงเวลา ซากุระบาน ในญี่ปุ่นปี 2025

ตารางพยากรณ์ช่วงดอกซากุระบานของญี่ปุ่นในปี 2025 ครั้งล่าสุด (พยากรณ์ครั้งที่ 1) ประกาศออกมาแล้ว เผยแพร่โดย Japan Meteorological Corporation เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2025 ซึ่งเพื่อนๆ สามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการวางแผนการเดินทางปี 2025 ได้ค่ะ

ประกาศพยากรณ์ดอกซากุระบานปี 2025 (พยากรณ์ครั้งที่ 1 : 9 มกราคม 2025)

พยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น 2025

ขอบคุณรูปภาพจาก: JMC (Jpan Meteorological Corporation)

สถานที่ช่วงเวลาที่ซากุระเริ่มบานช่วงเวลาที่ซากุระบานเต็มที่
โตเกียว – Tokyo24 มีนาคม31 มีนาคม
นาโงย่า – Nagoya24 มีนาคม3 เมษายน
เกียวโต – Kyoto27 มีนาคม4 เมษายน
โคจิ – Kochi22 มีนาคม29 มีนาคม
ฟุกุโอกะ – Fukuoka22 มีนาคม31 มีนาคม
โอซาก้า – Osaka27 มีนาคม3 เมษายน
ฮิโรชิมะ – Hiroshima24 มีนาคม3 เมษายน
วากายามะ – Wakayama26 มีนาคม2 เมษายน
คานาซาว่า – Kanazawa2 เมษายน8 เมษายน
นากาโน่ – Nagano11 เมษายน16 เมษายน
คาโกชิมะ – Kagoshima22 มีนาคม2 เมษายน
เซนได – Sendai7 เมษายน13 เมษายน
อาโอโมริ – Aomori21 เมษายน25 เมษายน
ซัปโปโร – Sapporo1 พฤษภาคม5 พฤษภาคม
ดอกซากุระบานหรือดอกซากุระบานเต็มที่แล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก: Release of 2025 Cherry Blossom Forecast (1st forecast) – JMC (Jpan Meteorological Corporation)

การวางแผนการเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงฤดูซากุระบาน

การเดินทางเพื่อไปชมดอกซากุระบานในญี่ปุ่นควรเริ่มวางแผนการท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิล่วงหน้าอย่างน้อย 3-5 เดือน เนื่องจากญี่ปุ่นในช่วงฤดูดอกซากุระบานเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิต ของนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศจำนวนมาก โรงแรมในโตเกียวและเกียวโตจะเต็มอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราจึงต้องรีบจองที่พักทันทีที่มีกำหนดวันเดินทาง และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : livejapan.com, jw-webmagazine.com, n-kishou.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

สถานที่ชม ซากุระ ญี่ปุ่น

สถานที่ชม ซากุระ ญี่ปุ่น

ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ของทุกปี จะเป็นช่วงที่สวยงามอีกช่วงหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น เพราะในสถานที่ต่าง ๆ ในแต่ละภูมิภาคของประเทศญี่ปุ่น จะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันของดอกซากุระ ที่ค่อย ๆ ผลิบาน จากดอกตูมไปจนบานสะพรั่ง 🌸 เต็มไปทั่วพื้นที่ สถานที่ต่าง ๆ จะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีชมพู ไล่จากชมพูเข้ม ชมพูอ่อน จนไปถึงสีขาว แตกต่างกันออกไปตามสายพันธุ์ของต้นซากุระ แน่นอนว่าหลาย ๆ คนอยากไปสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามในฤดูซากุระบานสักครั้งหนึ่ง ทำให้ในหลาย ๆ พื้นที่ ในช่วงดอกซากุระบาน จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ ต้องวางแผนการเดินทางให้ดี สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะไปชมซากุระที่ไหน เพราะพิกัดชม ซากุระ ญี่ปุ่น มีมากกว่า 1,000 แห่ง การเลือกพิกัดสถานที่ที่ดีที่สุดเพียงไม่กี่แห่งอาจเป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ยาก วันนี้ Allianz Travel ได้รวบรวมรายชื่อสถานที่ชมซากุระที่สวยงามตามภูมิภาคต่าง ๆ มาให้เพื่อน ๆ มีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

1. ภาคเหนือของญี่ปุ่น: ฮอกไกโด

  • สวนโมเอเรนุมะ (Moerenuma Park) เมืองซัปโปโร: สวนศิลปะแห่งนี้ออกแบบโดยประติมากรอิซามุ โนกุจิ มีประติมากรรมขนาดใหญ่ และเต็มไปด้วยดอกซากุระสีชมพูสดใสในฤดูใบไม้ผลิ

  • หอคอยและป้อมโกเรียวคาคุ (Goryokaku) เมืองฮาโกดาเตะ: ป้อมสไตล์ฝรั่งเศสรูปดาวแห่งนี้เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งชาติที่รายล้อมไปด้วยดอกซากุระค คุณสามารถขึ้นไปชมวิวความงามของดอกซากุระจากมุมสูงได้จากหอคอยที่มีความสูงถึง 107 เมตร
ซากุระ ญี่ปุ่น : หอคอยและป้อมโกเรียวคาคุ (Goryokaku)
  • สวนสาธารณะอาซาฮิกาโอกะ (Asahigaoka Park) เมืองฟุราโนะ: เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในร้อยทิวทัศน์ที่สวยงามของญี่ปุ่น นำเสนอทัศนียภาพอันงดงามของแอ่งน้ำฟุราโนะ ภูเขาโทคาจิ และต้นซากุระ 3,000 ต้น

  • ภูเขาเท็นกุ (Tengu) เมืองโอตารุ: คุณจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองโอตารุและทะเลญี่ปุ่น และต้นซากุระที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้เกิดภาพที่งดงามมาก

  • สวนอาซาฮิคาวะ (Asahikawa Park) เมืองอาซาฮิคาวะ: สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในฮอกไกโด และเป็นแหล่งรวมต้นซากุระประมาณ 3,500 ต้น ซึ่งช่วงกลางคืนจะมีการประดับไฟดอกซากุระตลอดทั้งฤดูกาล

2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น: ภูมิภาคโทโฮคุ

  • มิฮารุ ทากิซากุระ (Miharu Takizakura) เมืองฟุกุชิมะ: มิฮารุ ทากิซากุระ เป็นหนึ่งในสามของสถานที่ชมซากุระที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น ต้นซากุระอันงดงามที่ห้อยระย้าลงมาตลอดเส้นทางเดินมีอายุมากกว่า 1,000 ปี ที่รอต้อนรับผู้มาเยือน
ซากุระ ญี่ปุ่น : มิฮารุ ทากิซากุระ (Miharu Takizakura) เมืองฟุกุชิมะ
  • ฮิโตเมะเซ็นบงซากุระ (Hitome Senbonzakura) เมืองมิยางิ: คุณจะเห็นต้นซากุระเรียงรายไปกว่า 8 กิโลเมตรตามแม่น้ำชิโรอิชิ โดยมีเทือกเขาซาโอะที่ปกคลุมด้วยหิมะเป็นฉากหลัง
ซากุระ ญี่ปุ่น : ฮิโตเมะเซ็นบงซากุระ (Hitome Senbonzakura) เมืองมิยางิ
  • ซาสวนฮิโรซากิ (Hirosaki Park) เมืองอาโอโมริ: มีต้นซากุระ 52 สายพันธุ์ ราว 2,600 ต้น ซึ่งจะบานเต็มที่ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี คุณจะได้เห็นวิวสวยๆ ของปราสาทฮิโรซากิกับดอกซากุระ และภูเขาอิวากิพร้อมกัน ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมาก

  • คาคุโนะดาเตะ บูเคยาชิกิโดริ (Kakunodate Bukeyashiki-dori) เมืองอาคิตะ: ย่านซามูไรที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ประดับด้วยต้นซากุระสีชมพูตัดกับสีดำของรั้วบ้านซามูไรในช่วงปลายเดือนเมษายน
ซากุระ ญี่ปุ่น : คาคุโนะดาเตะ บูเคยาชิกิโดริ (Kakunodate Bukeyashiki-dori) เมืองอาคิตะ
  • ภูเขาอิวากิ (Mt. Iwaki) เมืองอาโอโมริ: ภูเขาอิวากิซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มีต้นซากุระประมาณ 6,500 ต้นตลอดเส้นทางระยะทาง 20 กม. ซึ่งจะบานสะพรั่งอย่างงดงามตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม

3. ภาคตะวันออกของญี่ปุ่น: ภูมิภาคคันโต-โคชิน

  • สวนสาธารณะแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen National Garden) เมืองโตเกียว: มีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในสวนญี่ปุ่นที่สวยที่สุด มีต้นซากุระประมาณ 1,000 ต้นจาก 65 สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน นำเสนอการภาพที่สวยงามน่าทึ่งในฤดูใบไม้ผลิ

  • สวนอุเอโนะ (Ueno Park) เมืองโตเกียว: มีต้นซากุระประมาณ 1,200 ต้น เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการชมดอกซากุระ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 2 ล้านคนในแต่ละฤดูใบไม้ผลิ โดยเฉพาะช่วงเย็นที่สวยงามด้วยแสงไฟตกแต่งส่องสว่างไปทั่ว
ซากุระ ญี่ปุ่น : สวนอุเอโนะ (Ueno Park) เมืองโตเกียว
  • แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River) เมืองโตเกียว: มีต้นซากุระประมาณ 800 ต้นบานสะพรั่งอย่างสวยงามไปตามริมแม่น้ำยาว 3.8 กิโลเมตร พร้อมด้วยร้านอาหารและเครื่องดื่มให้นั่งชมวิวในบริเวณใกล้เคียง
ซากุระ ญี่ปุ่น : แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River) เมืองโตเกียว
  • สวนสาธารณะโยโยกิ (Yoyoki Park) เมืองโตเกียว: สวนสาธารณะโยโยกิเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว ผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันภายใต้ดอกซากุระที่บานสะพรั่งเพื่อสังสรรค์กัน

  • สวนริคุงิเอน (Rikugien Gardens) เมืองโตเกียว: สวนภูมิทัศน์ญี่ปุ่นอันเงียบสงบและเก่าแก่แห่งนี้เป็นสถานที่พิเศษที่มีทัศนียภาพอันงดงามของต้นซากุระที่ผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ

4. ภาคกลางของญี่ปุ่น: ภูมิภาคโฮคุริคุและโทไก

  • ปราสาทอุเอดะ (Ueda Castle) เมืองนากาโนะ: ปราสาทอุเอดะสร้างขึ้นในปี 1583 ประดับด้วยต้นซากุระกว่า 1,000 ต้นที่สร้างปรากฏการณ์อันน่าทึ่งในแต่ละฤดูใบไม้ผลิ
ซากุระ ญี่ปุ่น : ปราสาทอุเอดะ (Ueda Castle) เมืองนากาโนะ
  • ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) เมืองนากาโนะ: ปราสาทมัตสึโมโต้ถือเป็นสถานที่ชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียงและมีนักท่องเที่ยวจากในประเทศและต่างประเทศเดินทางมาชมดอกซากุระกันอย่างเนืองแน่น และที่บริเวณสวนฮงมารุ ซึ่งอยู่ด้านในบริเวณปราสาทมัตสึโมโต้ จะมีการจัดงานชมดอกซากุระพร้อมจิบชายามค่ำคืน โดยจะมีการประดับไฟไลท์อัพที่ต้นซากุระและตัวปราสาท
ซากุระ ญี่ปุ่น : ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) เมืองนากาโนะ
  • อุทยานซากปราสาททาคาโตะ (Takato Castle Ruins Park) เมืองนากาโนะ: สวนแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งใน 100 จุดชมซากุระชั้นนำของญี่ปุ่น มีต้นซากุระประมาณ 1,500 ต้น

  • สวนเค็นโรคุเอ็น (Kenrokuen Garden) เมืองอิชิคาวะ: หนึ่งในสามสวนที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น มีพันธุ์ซากุระประมาณ 40 สายพันธุ์และต้นซากุระ 420 ต้น ซึ่งจะบานในช่วงกลางเดือนเมษายน นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 100 จุดชมซากุระที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : สวนเค็นโรคุเอ็น (Kenrokuen Garden) เมืองอิชิคาวะ
  • วัดเซนโกจิ (Shinshu Zenkoji) เมืองนากาโนะ: วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 642 ล้อมรอบด้วยต้นซากุระที่สวยงามและดอกซากุระบานสะพรั่ง ท่ามกลางหุบเขาอันร่มรื่น สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณจากผู้คนที่มีมาสักการะเป็นประจำตั้งแต่ 1,400 ปีก่อน

5. ภาคตะวันตกตอนกลางของญี่ปุ่น: ภูมิภาคคันไซ/คินกิ

  • ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) เมืองเฮียวโงะ: ปราสาทฮิเมจิมีชื่อเสียงในเรื่องต้นซากุระกว่า 1,000 ต้น เป็นประสบการณ์การชมดอกซากุระที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงการล่องเรือไปตามคูน้ำใต้กลีบสีชมพูในช่วงเทศกาลดอกซากุระ
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) เมืองเฮียวโงะ
  • วัดโทจิ (To-ji Temple) เมืองเกียวโต: วัดโทจิมีเจดีย์ไม้ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ล้อมรอบด้วยต้นซากุระที่สวยงามประมาณ 200 ต้น ทำให้เกิดเป็นฉากที่สวยงาม คุณสามารถเพลิดเพลินกับวิวดอกซากุระขณะรับประทานอาหารที่ร้านอาหารเกียวโตในบริเวณใกล้เคียง
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : วัดโทจิ (To-ji Temple) เมืองเกียวโต
  • วัดนินนาจิ (Ninna-ji Temple) เมืองเกียวโต: วัดนินนาจิมีชื่อเสียงจากต้นซากุระโอมูโระ ที่ออกดอกช้าหลากหลายพันธุ์ โดยมีเจดีย์ห้าชั้นตั้งอยู่ สถานที่งดงามราวภาพวาดแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามระดับชาติ และเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระ 100 อันดับแรกของญี่ปุ่น
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : วัดนินนาจิ (Ninna-ji Temple) เมืองเกียวโต
  • วัดโยชิมิเนะเดระ (Yoshimine-dera Temple) เมืองเกียวโต: วัดนี้ก่อตั้งในปี 1029 มีชื่อเสียงในเรื่องดอกซากุระบานสะพรั่งอย่างสวยงาม และตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาทางตะวันตกของเกียวโต

  • ภูเขาโยชิโนะ (Mount Yoshino) เมืองนารา: ภูเขาโยชิโนะมีต้นซากุระป่าสีขาวประมาณ 30,000 ต้นแผ่กระจายไปทั่วหุบเขาและสันเขา นำเสนอทิวทัศน์ดอกซากุระอันงดงามในฤดูใบไม้ผลิ
ซากุระ ญี่ปุ่น : ภูเขาโยชิโนะ (Mount Yoshino) เมืองนารา

6. ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น: ภูมิภาคชูโงะคุ และชิโกะคุ

  • ปราสาทมัตสึยามะ (Matsuyama Castle) เมืองเอฮิเมะ: 1 ใน 12 ปราสาทซึ่งสร้างขึ้นก่อนสมัยเอโดะที่ยังเหลืออยู่ปราสาทมัตสึยามะเป็นสถานที่งดงามสำหรับการชมดอกซากุระ ที่ประดับประดาอยู่จำนวนมาก เป็นการผสมผสานความงามตามธรรมชาติและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่สวยงาม
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : ปราสาทมัตสึยามะ (Matsuyama Castle) เมืองเอฮิเมะ
  • สวนริตสึริน (Ruitsurin Garden) เมืองคากาวะ: ขึ้นชื่อในเรื่องความงดงามของภูมิทัศน์อันเงียบสงบ ทางเดินและสระน้ำที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และเสริมแต่งด้วยต้นซากุระที่บานสะพรั่ง ทำให้เกิดบรรยากาศอันเงียบสงบและงดงามสำหรับผู้มาเยือน

7. ภาคตะวันตกของญี่ปุ่น: ภูมิภาคคิวชู

ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle) เมืองคุมาโมโตะ: หนึ่งในปราสาทที่โดดเด่นที่สุดของญี่ปุ่น พื้นที่อันกว้างขวางของปราสาทเต็มไปด้วยต้นซากุระ ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางหลักสำหรับการสัมผัสกับความงามอันน่าทึ่งของดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิท่ามกลางสถาปัตยกรรมเก่าแก่

การเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงซากุระบาน เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่น่าประทับใจ สถานที่ต่าง ๆ ในญี่ปุ่นจะถูกแต่งแต้มไปด้วยดอกซากุระที่บานสะพรั่ง และงดงาม เพื่อไม่ให้พลาดกับช่วงเวลาพิเศษนี้ เราควรวางแผนการเดินทางล่วงหน้า และอัปเดตข้อมูลตาราง พยากรณ์ซากุระ ในแต่ละปี ให้ดี เพราะในแต่ละปี ซากุระอาจบานเร็ว หรือ ช้า ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละภูมิภาค และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลท์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : livejapan.com, jw-webmagazine.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

เที่ยวหน้าหนาวต่างประเทศ ต้องเตรียมอะไรบ้าง

เที่ยวหน้าหนาว ต่างประเทศ ต้องเตรียมอะไรบ้าง

ผู้ที่รักในการท่องเที่ยวที่เลือกไปท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงฤดูหนาวเพราะต้องการสัมผัสอากาศหนาวแบบที่บ้านเราไม่มี และแน่นอน อยากสัมผัสหิมะที่เย็นยะเยือกสักครั้งรวมทั้งเตรียมตัวสำหรับกิจกรรมบนหิมะยกตัวอย่างเช่น การเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ด รวมไปถึงผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยในการเดินเขาหรือขึ้นเขาในแถบประเทศที่หนาวเย็นด้วย แน่นอนว่าอากาศที่นั่นต้องแตกต่างจากบ้านเราแน่นอนเพราะบ้านเรามีเพียงฤดูฝน ฤดูร้อนและฤดูร้อนมากเท่านั้น และไม่เคยมีหิมะตกเลยนี่สิ แล้วการเดินทางไป เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไรบ้าง เราควรจะเตรียมเสื้อผ้า และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับเที่ยวในฤดูหนาวอย่างไรกันดีล่ะ วันนี้ Allianz Travel รวมลิสต์สิ่งของที่จำเป็นที่เราควรจัดเตรียมไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง สำหรับการท่องเที่ยวในฤดูหนาว เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ : )

1. เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย

ก่อนอื่นต้องสำรวจก่อนว่าประเทศที่เราจะไปนั้นอยู่ในฤดูอะไร อุณหภูมิโดยประมาณเท่าไหร่ และนอกจากอากาศที่หนาวเย็นแล้วยังมีหิมะหรือลมฝนร่วมด้วยหรือไม่ เพื่อเตรียมเสื้อผ้าไปให้พร้อมกับทุกสถานการณ์เพราะถ้าป่วยขึ้นมาก็จะทำให้ทริปที่เตรียมไว้สะดุด เที่ยวไม่สนุกไปเลยค่ะ

เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายในฤดูหนาว

ประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นระดับเบบี๋ (15-25 องศาเซลเซียส)

อุณหภูมิระดับนี้ก็ใกล้เคียงกับอากาศทางภาคเหนือของประเทศเราในหน้าหนาว ซึ่งอากาศแบบนี้จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของประเทศทางฝั่งยุโรปและประเทศในเอเชียอย่างญี่ปุ่น เกาหลี ก่อนจะเข้าสู่ฤดูหนาว การจัดกระเป๋าก็ไม่ยากเลย

  • ชุดชั้นใน เลือกชุดชั้นในที่ใส่ปกติหรือหนาสักนิดก็ใช้ได้
  • เสื้อผ้า เสื้อเลือกที่สวมใส่สบาย สาว ๆ อาจเลือกเลกกิ้งมาปกป้องเรียวขาจากอากาศเย็นแล้วสวมมินิสเกิร์ตทับส่วนหนุ่ม ๆ ใส่ยีนส์สักตัวก็เอาอยู่
  • เสื้อกันหนาว เลือกเสื้อกันหนาวที่ช่วยกันลมอย่าง เสื้อแจ็คเก็ต หรือเสื้อโค้ทที่ไม่หนามากนักเป็นสไตล์แฟชั่นมาใส่ก็ได้
  • รองเท้า สวมถุงเท้าหนากับรองเท้าหุ้มส้นหรือผ้าใบที่ใส่สบาย
เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย รองเท้า

ประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นระดับประถม (0-15 องศาเซลเซียส)

ยกระดับความหนาวเย็นขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง อุณหภูมิขนาดนี้เป็นช่วงฤดูหนาวของต่างประเทศซึ่งหนาวกว่าบ้านเรามาก ยิ่งกับผู้ที่เคยชินกับอากาศ 20 องศาปลาย ๆ ของภาคกลางแล้วล่ะก็อาจป่วยได้ ที่อุณหภูมิขนาดนี้ควรติดผ้าพันคอและเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ศีรษะของคุณด้วยหมวกไหมพรม สวมถุงมือไหมพรมเพื่อป้องกันลมช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับมือของคุณได้เป็นอย่างดี

  • ชุดชั้นใน จุดนี้ควรเลือกชุดชั้นในที่มีความหนาเพื่อช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายแล้วสวมลองจอนทับอีกชั้น
  • เสื้อผ้า แนะนำเป็นเสื้อวูล, เสื้อฮีทเทค หรือเป็นสเวตเตอร์ที่หนาสักนิดมีแขนยาวและปิดคอเพื่อเก็บความร้อนและให้ความอบอุ่น ส่วนท่อนล่างควรสวมลองจอนวูลเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ขาของคุณ และสวมกางเกงยีนส์หนา ๆ ทับอีกชั้น
  • เสื้อกันหนาว ควรเลือกเสื้อโค้ทที่มีความหนาและมีฮู้ดไว้ป้องกันความหนาวเย็นจากลมหากคุณต้องยืนตากลมนาน ๆ อาจทำให้รู้สึกไม่สบายได้ และเสื้อกันหนาวหรือโค้ทควรมีความยาวเลยสะโพกลงไปยิ่งถ้าได้เสื้อขนเป็ดก็จะดีมาก
  • รองเท้า ควรเตรียมถุงเท้าวูลและรองเท้าบูทไปด้วย
เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย

ประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นระดับมหาวิทยาลัย ( -15 ถึง -1 องศาเซลเซียส)

ความหนาวระดับนี้เป็นระดับที่มีหิมะตกนอกจากความหนาวเย็นแล้วคุณอาจต้องพบกับความชื้นของหิมะด้วย ต้องจัดเตรียมเสื้อผ้าที่สามารถระบายความชื้นได้ดี เก็บความอบอุ่นได้ดีและกันเปียก หากเสื้อโค้ทที่คุณเตรียมไปไม่มีฮู้ดควรเตรียมหมวกไหมพรมหนา ๆ ที่ปิดหูและถุงมือไหมพรมวูล รวมถึงถุงเท้าไหมพรมวูลไปด้วย

  • ชุดชั้นใน เลือกชุดชั้นในที่มีความหนาเพื่อรักษาความอบอุ่นแล้วสวมลองจอนทับอีกชั้นหนึ่ง ควรเลือกแบบที่ระบายความชื้นได้เร็วแล้วสวมไทต์เลกกิ้งหนาและแพนตี้โฮสด้านล่าง
  • เสื้อผ้า สวมแจ็คเกตบาง ๆ หรือเสวตเตอร์ผสมขนสัตว์เพิ่มความอบอุ่นแขนยาวไว้ด้านใน ท่อนล่างใส่ลองจอนวูลที่สามารถระบายความชื้นได้ดีหากคุณต้องเจอกับหิมะสวมยีนห์หนาที่มีเนื้อผ้าสามารถกันลมได้ดีหรือกางเกงผ้าร่มบุด้านในที่สามารถกันเปียกได้ดี
  • เสื้อกันหนาว เสื้อกันหนาวควรเลือกเป็นวูลขนเป็ดและผ้าด้านนอกกันเปียก หากเป็นโค้ทควรเลือกตัวยาว ยาวถึงเขาเลยยิ่งดี มีความหนามาก ๆ แต่แนะนำเป็นเสื้อวูลขนเป็ดที่มีความหนาแน่นมากดีกว่าเพื่อเก็บความอบอุ่นให้กับคุณ และหากคุณมั่นใจว่าต้องเจอหิมะแน่ ๆ ไม่ควรเลือก Down Jacket มาใส่เพราะถึงแม้จะเบาและอบอุ่นแต่โดนความชื้นเข้าไปแจ็คเก็ตจะเปียกและไม่อุ่นอีกต่อไปจ้า
  • รองเท้า ควรเตรียมถุงเท้าวูลและรองเท้าบูทที่ยาวถึงเข่าและสามารถเดินบนหิมะได้ไปด้วย

สำหรับจำนวนนั้นขึ้นอยู่กับระยะเวลาของทริปนี้ด้วยหากไปเพียง 2-3 วันเตรียมเสื้อกันหนาวไปตัวเดียวและชุดชั้นในและเสื้อผ้าตามจำนวนวันและรองเท้าบูทและผ้าใบอย่างละคู่ก็เพียงพอแล้วแต่หากไป 7 วันขึ้นไปควรตระเตรียมเสื้อหนาวไปเผื่ออีกสักหนึ่งตัวหรือไปซื้อเพิ่มที่ประเทศนั้น ๆ ก็ได้คุณจะได้เสื้อที่เหมาะเหม็งกับสภาพอากาศทีเดียวเชียว สำหรับผู้ที่ตั้งใจไปสกีหรือปีนเขาต้องเตรียมอุปกรณ์เซฟตี้แขนขา แว่นกันลมรวมถึงถุงมือที่เหมาะสำหรับปีนเขาและเล่นสกีไปด้วยนะ

2. ครีมบำรุงผิว หรือ ครีมทาผิว ครีมกันแดด ลิปมัน

สิ่งสำคัญที่จำเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ต้องใส่ไว้ในลิสต์ เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไรบ้าง นั่นก็คือ ครีมทาผิว และลิปมัน ในฤดูหนาว อากาศจะหนาวเย็น ทำให้ผิวหนัง และปากของเราแห้ง แตก ลอก ทำให้ครีมทาผิว และลิปมันเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรพกติดตัวไปด้วยค่ะ การเลือกครีมทาผิว ควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวของเรา และเลือกครีมทาผิว หรือ ครีมบำรุงผิว ที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวที่แตกแห้งที่เราต้องพบเจอขณะเดินทางท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็น และอีกหนึ่งไอเท็มที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ ครีมกันแดด ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหน ครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต่อผิวของเรา ซึ่งแดดในฤดูหนาวจะค่อนข้างแรง เพราะฉะนั้นอย่าลืมทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกเดินทางกันนะคะ

เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : ครีมบำรุงผิว ครีมทาผิว

3. ยารักษาโรคประจำตัว และยาสามัญประจำบ้าน

การเดินทางไปในสถานที่ที่มีอากาศหนาว ถ้าเราเตรียมตัวไม่พร้อม หรือใส่เสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นกับร่างกายไม่เพียงพอ ก็อาจจะทำให้เราต้องเจ็บป่วยได้ เราควรเตรียมยารักษาโรคประจำตัว และยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาลดไข้ ยาแก้หวัด ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ ยาแก้ปวดหัว และยาแก้แพ้ ติดกระเป๋าไปด้วย เพราะหากเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นมา ยาที่เราเตรียมไปจะช่วยบรรเทาอาการของเราให้ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ราคายาในต่างประเทศส่วนใหญ่จะมีราคาแพงกว่าราคายาในประเทศไทย เพราะฉะนั้นเตรียมติดตัวไปด้วยดีที่สุดค่ะ ทริปของเราจะได้ไม่สะดุดค่ะ

*หมายเหตุ: ควรตรวจสอบยาที่เราจะจัดเตรียมไปด้วยว่า มีส่วนประกอบของสารต้องห้ามที่ห้ามนำเข้าไปในประเทศจุดหมายปลายททางหรือไม่

เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : ยารักษาโรคประจำตัว และยาสามัญประจำบ้าน

4. อุปกรณ์กล้อง แบตเตอรี่สำรอง หรือ พาวเวอร์แบงค์ (Power Bank)

หากถามว่า เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร สิ่งที่เราต้องเตรียมไปและขาดไม่ได้ในการเดินทางไปต่างประเทศ นั่นก็คือ กล้อง และแบตเตอรี่สำรอง หรือ พาวเวอร์แบงค์ สำหรับชาร์จโทรศัพท์มือถือ เพราะโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเดินทาง และเราต้องใช้มือถือตลอดเวลาในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูป ดูแผนที่ ดูข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ หาข้อมูลร้านอาหาร และข้อมูลต่าง ๆ เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมแบตเตอรี่สำรอง หรือพาวเวอร์แบงค์ติดตัวไปด้วย และการไปเที่ยวต่างประเทศเราก็อยากได้ภาพสวย ๆ เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ กล้องจึงเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับใช้เก็บภาพความประทับใจตามสถานที่ต่าง ๆ รูปถ่ายเป็นเหมือนสิ่งที่ทำให้เรานึกถึงเหตุการณ์และความประทับใจเหล่านั้นได้เป็นอย่างดีค่ะ

เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : แบตเตอรี่สำรอง พาวเวอร์แบงค์ (Power Bank)

5. หนังสือเดินทาง (Passport)

หนังสือเดินทาง (Passport) เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องพกติดตัวไปด้วย ในการเดินทางไปต่างประเทศ เปรียบเสมือนเป็นบัตรประจำตัวประชาชนสากลเพื่อใช้สำหรับระบุตัวตนของเราระหว่างที่อยู่ในต่างประเทศ ก่อนการเดินทางต้องตรวจสอบวันหมดอายุของหนังสือเดินทางให้ดี เพราะในการเดินทางไปต่างประเทศหนังสือเดินทางของเราควรมีอายุมากกว่า 180 วัน นับจากวันที่เดินทางออกนอกประเทศไทย เพื่อความแน่ใจหากหนังสือเดินทางของใกล้หมดอายุแล้ว ควรไปดำเนินการต่ออายุหนังสือเดินทางก่อนวันเดินทาง ซึ่งเราสามารถทำการจองคิวผ่านระบบจองคิวเพื่อขอทำหนังสือเดินทาง ของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ผ่านออนไลน์ได้ที่นี่ค่ะ: ระบบจองคิวเพื่อขอทำหนังสือเดินทาง

เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : หนังสือเดินทาง (Passport)

6. ประกันการเดินทางต่างประเทศ

การเดินทางไปต่างประเทศทุกครั้ง สิ่งที่เราควรมีติดตัวไปด้วยเสมอก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ เพราะระหว่างการเดินทางอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ ประกันการเดินทางเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเราเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหาย เที่ยวบินล่าช้า และอื่น ๆ อีกมากมาย การที่เราเตรียมความพร้อมไว้ก่อนย่อมเป็นเรื่องที่ดี เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เราจะได้รับมือกับเหตุการณ์เหล่านั้นได้ค่ะ

เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : ประกันการเดินทางต่างประเทศ

หากคุณมีแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงฤดูหนาว ก็ควรตรวจสอบสภาพอากาศของประเทศจุดหมายปลายทางให้เรียบร้อย เพื่อที่จะได้จัดเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อม ถ้าเราเอาเสื้อผ้าหรือของใช้จำเป็นไปไม่เพียงพอก็อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยจนหมดสนุก และสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณ เที่ยวต่างประเทศในช่วงฤดูหนาว ได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก:  กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ, Winter Packing List: Light Essentials for Cold-Weather Travel

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

ขั้นตอนและวิธีการทำใบขับขี่สากล

การทำใบขับขี่สากล ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ (IDP)

หลายคนมีแผนที่จะขับรถเที่ยวสำหรับทริปในต่างประเทศ การขับรถเที่ยวเป็นเรื่องน่าสนุก เพราะมันช่วยให้คุณมีอิสระในการสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ ตามต้องการ คุณอาจได้เจอกับสถานที่ใหม่ๆ ที่เข้าถึงยากหากต้องเดินทางด้วยการขนส่งสาธารณะ และคุณอาจจะได้พบกับการผจญภัยเล็กๆ ที่รอคุณอยู่ข้างหน้า แต่ก่อนที่คุณจะออกเดินทาง คุณรู้ไหมว่าคุณต้องมี ใบขับขี่สากล หรือ ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ หากต้องขับรถในบางประเทศ Allianz Travel จะมาแนะนำให้คุณรู้จักกับใบขับขี่สากล หรือ ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ ขั้นตอนการทำ การเตรียมเอกสาร และสถานที่ทำใบขับขี่สากล ทำได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ 🙂

อัปเดท! เราสามารถทำใบขับขี่สากล หรือ ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ ออนไลน์ ผ่านแอปเป๋าตัง ได้แล้ววันนี้! ดูรายละเอียดขั้นตอนวิธีการทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ ผ่านแอปเป๋าตังได้ที่บทความนี้เลยค่ะ: วิธีทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ ผ่านแอปเป๋าตัง

ทำความรู้จัก ใบขับขี่สากล หรือ ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ (IDP)

ใบขับขี่สากล หรือ ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ (IDP)

ใบขับขี่สากล หรือชื่อทางการคือ ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ (International Driving Permit หรือ IDP) เป็นเอกสารทางกฎหมายที่ใช้ในการยืนยันตัวตนเพื่อให้ผู้ถือสามารถขับขี่ได้ในประเทศ หรือดินแดนที่ไม่ใช่ประเทศบ้านเกิด ผู้ที่ขับขี่รถจะต้องแสดงใบขับขี่สากลพร้อมกับใบขับขี่จากประเทศบ้านเกิดต่อเจ้าหน้าที่ในแต่ละประเทศ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถขับรถออกนอกประเทศได้อย่างถูกกฎหมาย

ใบขับขี่สากล ที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการจราจรทางถนน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามอนุสัญญา 2 ฉบับ ได้แก่

1. อนุสัญญาว่าด้วยการจราจรทางถนน ณ นครเจนีวา ค.ศ. 1949 หรือ อนุสัญญาเจนีวา 1949

สามารถนำไปใช้ได้ใน 102 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เป็นต้น ใบขับขี่สากลภายใต้อนุสัญญานี้จะมีอายุการใช้งาน 1 ปี

2. อนุสัญญาว่าด้วยการจราจรทางถนน ณ กรุงเวียนนา ค.ศ. 1968 หรือ อนุสัญญาเวียนนา 1968

สามารถนำไปใช้ได้ใน 86 ประเทศ เช่น บาห์เรน บราซิล เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น ซึ่งบางประเทศเป็นประเทศที่ไม่ได้เป็นภาคีในอนุสัญญาเจนีวา ทำให้ใบขับขี่สากลภายใต้อนุสัญญานี้สามารถเป็นตัวเลือกให้กับคนที่กำลังจะเดินทางไปในประเทศที่อนุสัญญาเจนีวาอาจไม่ครอบคลุม มีอายุ 3 ปี นับแต่วันออกใบขับขี่สากล หรือเท่ากับอายุของใบขับขี่ภายในประเทศที่ผู้ถือมีอยู่

Road Trip in Switzerland

หมายเหตุ

  • ประเทศที่เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาทั้งสองฉบับ เช่น ออสเตรีย เบลเยี่ยม เดนมาร์ก สหราชอาณาจักร อิตาลี ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ ตุรกี สวีเดน รวมถึงประเทศไทย สามารถใช้ใบขับขี่สากลที่ออกตามอนุสัญญาเวียนนา 1968 เพียงฉบับเดียวได้
  • ผู้ที่ต้องการขอรับใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ สามารถแจ้งรายชื่อประเทศที่ต้องการนำใบอนุญาตขับรถไปใช้ต่อเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบความเกี่ยวข้องในการร่วมเป็นภาคีตามอนุสัญญา และออกใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศให้ได้อย่างถูกต้องตามแบบที่กำหนด

หลักฐานที่ต้องใช้ในการขอรับ ใบขับขี่สากล

1. หนังสือเดินทาง (ฉบับจริง) ซึ่งยังไม่สิ้นอายุ
2. บัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับจริง) ซึ่งยังไม่สิ้นอายุ
3. ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล ชนิด 5 ปี หรือตลอดชีพ (ฉบับจริง) ซึ่งยังไม่สิ้นอายุ
4. รูปถ่าย ขนาด 2 นิ้ว 2 รูป ไม่เคลือบมัน (รูปถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)
5. สำเนาหลักฐานการแก้ไขชื่อ – สกุล พร้อมสำเนาที่เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง (ถ้ามี)
6. สำเนาทะเบียนสมรสหรือใบหย่าพร้อมสำเนาที่เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง (ถ้ามี)
7. ค่าธรรมเนียมทำใบขับขี่สากล 505 บาท

กรณีไม่สามารถดำเนินการด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำแทนได้ โดยเตรียมเอกสารเพิ่มเติม คือ

  • หนังสือมอบอำนาจฉบับจริง โดยระบุประเทศที่จะเดินทาง พร้อมติดอากรแสตมป์
  • บัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ (ฉบับจริงพร้อมสำเนา)
  • เอกสารของผู้มอบอำนาจที่จะใช้ในการขอรับใบขับขี่สากล (สำเนาพร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง)

ขั้นตอนการทำ ใบขับขี่สากล

1. ลงทะเบียนจองคิวล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue บน App Store และ Play Store หรือเว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th/login ตามขั้นตอนดังนี้

  • กดปุ่มลงทะเบียน (Register) กรอกข้อมูลส่วนตัวและกำหนดรหัสผ่าน หากเคยลงทะเบียนไว้แล้ว สามารถเข้าสู่ระบบด้วยเลขบัตรประชาชนได้เลย
  • เมื่อลงทะเบียนสำเร็จแล้ว เลือกสำนักงานที่ต้องการเข้าไปทำใบขับขี่
  • หัวข้อประเภทบริการ เลือกไปที่ “งานใบอนุญาต”
  • หัวข้อประเภทใบอนุญาตขับรถ เลือกไปที่ “ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล”
  • หัวข้อประเภทเข้ารับบริการ เลือกไปที่ “ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ”
  • หัวข้อประเภทยานพาหนะ ให้เลือกยานพาหนะที่เราจะใช้
  • หัวข้อประเภทงาน เลือกไปที่ “ใบอนุญาตส่วนบุคคล: ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ”
  • เลือกวันและเวลาที่ต้องการใช้บริการ โดยวันที่ว่างจะขึ้นเป็นสีเขียว ส่วนวันที่คิวเต็มนั้นจะขึ้นคำว่า “เต็ม” เป็นตัวหนังสือสีแดง
  • หลังจากเลือกวันและเวลาที่ต้องการเข้าใช้บริการเรียบร้อยแล้ว ให้กด “ยืนยันการจอง” ถือเป็นอันเสร็จสิ้นการจองคิว

2. เตรียมเอกสารต่าง ๆ ตามรายการ และไปติดต่อขอรับบริการได้ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 และสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ เปิดบริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-15.30 น. หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.1584 
3. ยื่นคำขอ ตรวจสอบเอกสารและคุณสมบัติเบื้องต้น > จัดทำคำขอ > ผู้ขอลงนามคำขอ
4. เมื่อตรวจสอบเอกสารผ่าน > ชำระเงิน > ออกใบเสร็จ > จัดทำใบอนุญาต > นายทะเบียนลงนาม > จ่ายใบอนุญาตขับรถ

Road Trip Travel : ทริปขับรถท่องเที่ยวต่างประเทศ

หลังจากที่คุณได้รับ ใบขับขี่สากล เพื่อนำไปใช้ขับขี่ระหว่างทริปท่องเที่ยวต่างประเทศของคุณแล้ว คุณก็ควรศึกษาและทำความเข้าใจกฎจราจรของประเทศนั้น ๆ และศึกษาเส้นทางก่อนออกเดินทางเสมอ เพื่อให้คุณขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ป้องกันปัญหาอื่นที่อาจตามมากวนใจคุณในอนาคต นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่คุณควรมีติดตัวไว้ก่อนออกเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ก็คือ ประกันภัยการเดินทาง ที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลท์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไข ความคุ้มครอง และข้อยกเว้นเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย ผู้ขอเอาประกันภัยควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง จำนวนความคุ้มครองและผลประโยชน์ขึ้นอยู่กับแผนประกันภัย

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานสวัสดิภาพการขนส่งทางบก (สนภ.) กรมการขนส่งทางบก

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

วิธีทำใบขับขี่สากลออนไลน์ ผ่านแอปเป๋าตัง

วิธีทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ ผ่านแอปเป๋าตัง

ข่าวดีสำหรับเพื่อน ๆ ที่มีแพลนขับรถเที่ยวในต่างประเทศ แล้วต้องเตรียมตัวไปทำใบขับขี่สากล วันนี้แอปพลิเคชัน เป๋าตัง ได้ร่วมมือกับ กรมขนส่งทางบก ให้เราสามารถ ทำใบขับขี่สากลออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน เป๋าตัง ได้แล้ววันนี้ ซึ่งขั้นตอนในการ ทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ ผ่านแอป เป๋าตัง สามารถทำได้ง่าย ๆ สะดวก ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็สามารถนั่งรอใบขับขี่สากลที่บ้านได้เลยค่ะ วันนี้ Allianz Travel มีขั้นตอนการขอใบขับขี่สากล ออนไลน์ ผ่านเป๋าตัง มาฝากเพื่อน ๆ มีเอกสารที่ต้องเตรียม เงื่อนไข และขั้นตอนในการขออย่างไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ 🙂

เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับ ทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ ผ่านแอป เป๋าตัง

1. รูปหน้าตรง ครึ่งตัว ที่ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน แต่งกายสุภาพ สวมแว่นสายตาได้
2. ขนาดไฟล์ไม่เกิน 5 MB
3. พื้นหลังของรูปเป็นสีขาว ไม่มีเงาตกกระทบ

คำแนะนำ:
– ต้องเห็นตา จมูก ปาก ชัดเจน และไม่เห็นฟัน
– พยายามลืมตาให้กว้าง ไม่ขมวดคิ้ว
– ไม่ใช้รูปภาพที่ถ่ายด้วยกล้องหน้า (เซลฟี่)
– ไม่สวมหมวก แว่นตาสีเข้ม ผ้าคลุมใบหน้าหรือผ้าโพกศรีษะ ยกเว้นผู้มีความจำเป็นทางศาสนา

เงื่อนไขการทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ ผ่านแอป เป๋าตัง

1. หนังสือเดินทางมีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
2. ใบอนุญาตขับรถมีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 3 เดือน และไม่เป็นใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลชั่วคราว

ขั้นตอนการทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ ผ่านแอป เป๋าตัง

1. เปิดแอปพลิเคชัน เป๋าตัง (เวอร์ชันอัปเดตล่าสุด)
2. เลือกเมนูบริการ ตรงแถบเมนูด้านล่างของหน้าจอแอป

การทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ - เลือกเมนูบริการ

3. แอปแสดงหน้าบริการ หลังจากนั้น เลือก กรมการขนส่งทางบก

การทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ - เลือกกรมการขนส่งทางบก

4. แอปแสดงหน้าขอรับใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ พร้อมกับข้อมูลเอกสารที่ต้องเตรียม และเงื่อนไขเอกสาร หลังจากนั้นกดถัดไป

การทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ - หน้าขอรับใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ

5. แอปแสดงหน้าเลือกประเภทใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ ขั้นตอนนี้ให้เราเลือกประเภทใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศให้ตรงกับประเทศที่เราเดินทางไป โดยตรวจสอบรายชื่อประเทศที่อยู่ในแต่ละอนุสัญญา โดยกดเลือก ดูรายชื่อประเทศ ที่อยู่ในแต่ละอนุสัญญา โดยมีรายละเอียดดังนี้

การทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ - หน้าเลือกประเภทใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ

5.1 อนุสัญญาเจนีวา 1949 (ประเภท 1 ปี 102 ประเทศ)
ใบอนุญาตมีอายุ: 1 ปี
ประเภทของรถ: รถยนต์และรถจักรยานยนต์
ค่าบริการ: 505 บาท
จำนวนประเทศ: 102 ประเทศ

5.2 อนุสัญญาเวียนนา 1968 (ประเภทไม่เกิน 3 ปี 91 ประเทศ)
ใบอนุญาตมีอายุ: ไม่เกิน3 ปี
ประเภทของรถ: รถยนต์
ค่าบริการ: 505 บาท
จำนวนประเทศ: 91 ประเทศ

หลังจากเลือกประเภทใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศเรียบร้อยแล้ว ให้กดถัดไปค่ะ

หมายเหตุ: หากประเทศที่ต้องการไปไม่อยู่ในอนุสัญญาเดียวกัน กรุณาขอรับใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศอนุสัญญาอื่นเพิ่มเติม

6. แอปแสดงหน้าข้อมูลบัตรประชาชน กรอกข้อมูลรหัสหลังบัตรประชาชน 12 หลัก  หลังจากนั้นกดถัดไป

การทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ - หน้าข้อมูลบัตรประชาชน


7. แอปแสดงหน้าสแกนใบหน้า เพื่อทำการยืนยันตัวตน กดสแกนใบหน้า

การทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ - หน้าสแกนใบหน้า


8. หลังจากสแกนใบหน้า แอปจะแสดงหน้าอัปโหลดรูปภาพติดใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ โดยรูปภาพที่ใช้ต้องเป็นไปตามรายละเอียดที่ระบุไว้ ตามรายละเอียดในหัวข้อ เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ ผ่านแอป เป๋าตัง ข้างต้นค่ะ (แนะนำให้เตรียมรูปไว้ให้เรียบร้อยก่อนสมัคร อัปโหลดรูปได้ไม่เกิน 5 รอบ) หลังจากนั้นทำการอัปโหลดรูปภาพที่เราเตรียมไว้ และกดถัดไปค่ะ

การทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ - หน้าอัปโหลดรูปภาพติดใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ
การทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ - หน้าอนุญาตการเข้าถึงคลังรูปภาพ
การทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ - หน้าอัปโหลดรูปภาพสำเร็จ

9. แอปแสดงหน้าที่อยู่สำหรับจัดส่ง กรอกข้อมูลที่อยู่สำหรับจัดส่งเอกสารใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ เบอร์โทรศัพท์ และอีเมลสำหรับจัดส่งใบเสร็จ (ถ้ามี) หลังจากนั้นกดถัดไป

การทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ - หน้าที่อยู่สำหรับจัดส่ง


10. แอปแสดงหน้าตรวจสอบข้อมูล ทำการตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดการขอรับใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ ที่อยู่สำหรับการจัดส่ง และรูปภาพติดใบอนุญาตอีกครั้ง หลังจากตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้วให้กดถัดไปค่ะ

การทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ - หน้าตรวจสอบข้อมูล

11. ทำการชำระเงิน โดยราคาค่าบริการในการขอใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ รวมค่าจัดส่งอยู่ที่ 565 บาท ชำระเงินผ่านแอป เป๋าตัง หลังจากนั้นรอรับ ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ หรือ ใบขับขี่สากล ที่จะถูกจัดส่งผ่านทางไปรษณีย์มาที่บ้านได้เลยค่ะ : )

การทำใบขับขี่สากลออนไลน์ ทำให้หลาย ๆ คน สะดวกมากขึ้น ลดระยะเวลาในการเตรียมเอกสารต่าง ๆ การจองคิว และการเดินทางไปทำใบขับขี่สากล เพียงไม่กี่ขั้นตอน ในระยะเวลาไม่กี่นาที เราก็สามารถทำใบขับขี่สากล และรอรับที่บ้านได้เลย เพียงเท่านี้เราก็สามารถมีใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ หรือ ใบขับขี่สากล เพื่อขับรถท่องเที่ยวในต่างประเทศได้แล้ว แต่การเดินทางโดยการขับรถท่องเที่ยวในต่างประเทศ เราจะต้องศึกษากฎจราจรของประเทศนั้น ๆ เพราะแต่ละประเทศจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป และที่สำคัญสิ่งที่จะขาดไม่ได้ก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้รับความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย เที่ยวบินดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก: dlt.go.th (กรมการขนส่งทางบก), safedrivedlt.com (สำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก (สนภ.) กรมการขนส่งทางบก), แอปพลิเคชั่นเป๋าตัง

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

35 ประเทศไม่ต้องขอวีซ่า สำหรับนักท่องเที่ยวไทย 2567

อัปเดต! 35 ประเทศ ไม่ต้องขอวีซ่า สำหรับคนไทย ปี 2567

(อัปเดต 1 สิงหาคม 2567) สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการขอวีซ่าที่ยุ่งยาก และต้องใช้เวลาเตรียมการล่วงหน้านานพอสมควร Allianz Travel ขอนำลิสต์อัปเดท 35 ประเทศที่ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางของประเทศไทยสามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า มาเป็นทางเลือกให้เพื่อนๆ ได้ไปเที่ยวกันแบบชิลๆ เพียงแค่เก็บกระเป๋า ซื้อตั๋วเครื่องบิน และไปเที่ยวได้เลย มีประเทศไหนบ้าง มาดูกันเลย

อัพเดท 35 ประเทศ คนไทยไม่ต้องขอวีซ่า 2567

ข้อควรรู้ก่อนการเดินทาง

ถึงแม้ว่าเราไม่ต้องขอวีซ่าในการเดินทางเข้าประเทศเหล่านั่น แต่เราก็ควรเตรียมเอกสารติดตัวไปให้พร้อม กรณีที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศปลายทางเรียกตรวจสอบ เราก็ต้องแสดงหลักฐานให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเราเดินทางมาท่องเที่ยว โดยไม่มีเจตนาอื่นที่ผิดกฎหมาย Allianz Travel ขอแนะนำให้เตรียมเอกสารดังต่อไปนี้ติดตัวไปด้วย

  • หลักฐานการทำงาน เช่น หนังสือรับรองการทำงาน บัตรพนักงาน หรือถ้าเป็น Freelance ก็แสดงผลงานของเรา หรือถ้ายังเป็นนักเรียน นักศึกษาก็แสดง สถานะการเรียน หรือใบรับรองการศึกษา
  • สมุดบัญชีที่มีการเคลื่อนไหว
  • ตั๋วโดยสารเครื่องบินทั้งขาไป และขากลับ
  • หลักฐานการจองที่พัก
  • แผนการเดินทางอย่างละเอียด

ประเทศ ไม่ต้องขอวีซ่า ที่อนุญาตให้อยู่ได้ 14 วัน

• กัมพูชา

• เมียนมา (พม่า) (*เฉพาะท่าอากาศยานนานาชาติ)

• ไต้หวัน (สิ้นสุด 31 ก.ค. 2568) (สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไต้หวันได้ที่บทความ: 10 กิจกรรมที่ควรทำเมื่อไป เที่ยวไต้หวัน)

• บรูไน

ประเทศ ไม่ต้องขอวีซ่า ที่อนุญาตให้อยู่ได้ 15 วัน

• ญี่ปุ่น (สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้ที่บทความ: เที่ยวญี่ปุ่น ไปได้ทั้งปี สัมผัสความงามได้ทุกฤดู)

ประเทศ ไม่ต้องขอวีซ่า ที่อนุญาตให้อยู่ได้  30 วัน

• จีน (สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวจีนได้ที่บทความ:เที่ยวจีน ต้อนรับฟรีวีซ่า กับ 8 เมืองท่องเที่ยวยอดนิยม)

• ฮ่องกง

• อินโดนีเซีย

• ลาว

• มาเก๊า

• มองโกเลีย

• ทาจิกิสถาน

• มาเลเซีย

• มัลดีฟส์

• ฟิลิปปินส์

• กาตาร์

• รัสเซีย

• หมู่เกาะเซเชลส์

• มณฑลไห่หนาน

• สิงคโปร์ (สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวสิงคโปร์ได้ที่บทความ: 10 ที่เที่ยวสิงคโปร์ สุดฮิต 2022 ที่ไม่ควรพลาด!)

• แอฟริกาใต้

• ตุรกี

• วานูอาตู

• เวียดนาม (สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเวียดนามได้ที่บทความ: 12 ที่เที่ยวเวียดนาม 2022 ที่ควรเก็บไว้ในลิสต์)

ประเทศ ไม่ต้องขอวีซ่า ที่อนุญาตให้อยู่ได้  60 วัน

• คีร์กีซ หรือ คีร์กีซสถาน (สิ้นสุด 31 ธ.ค. 2568)

ประเทศ ไม่ต้องขอวีซ่า ที่อนุญาตให้อยู่ได้  90 วัน

• อาร์เจนตินา

• บราซิล

• ชิลี

• เอกวาดอร์

• เปรู

• แอลเบเนีย (สิ้นสุด 31 ธ.ค. 2567)

• เกาหลีใต้ (สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ได้ที่บทความ: 10 ที่เที่ยวเกาหลี 2022 ไม่ควรพลาด)

ประเทศ ไม่ต้องขอวีซ่า ที่อนุญาตให้อยู่ได้  180 วัน

• ปานามา

ประเทศ ไม่ต้องขอวีซ่า ที่อนุญาตให้อยู่ได้  365 วัน

• จอร์เจีย (สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวจอร์เจียได้ที่บทความ: 13 ที่เที่ยวจอร์เจีย ธรรมชาติอันงดงามบนเทือกเขาคอเคซัส)

หมายเหตุ: เนื่องจากเป็นการอนุญาตของประเทศปลายทางซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ กรุณาตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งก่อนเดินทางที่สถานทูตของประเทศปลายทางที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย หรือที่กระทรวงการต่างประเทศดังนี้

  • กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ 02 643 5128
  • กรมยุโรป 02 643 5138
  • กรมเอเชียตะวันออก 02 643 5194
  • กรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา 02 643 5062

ประเทศและดินแดนที่ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าล่วงหน้า แต่สามารถขอ Visa on Arrival (VOA) ได้

นอกจากประเทศที่เราสามารถเดินทางไปได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าแล้ว ยังมีอีก 11 ประเทศที่อนุญาตให้ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางสัญชาติไทยสามารถขอ Visa on Arrival หรือ VOA ได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศนั้นๆ ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้

ประเทศ/ดินแดนพำนักได้ไม่เกินอัตราค่าธรรมเนียม
บาร์เรน14 วัน 5 ดีนาร์บาร์เรน (สำหรับหนังสือเดินทางธรรมดา ที่ด่านท่าอากาศยานนานาชาติและสะพานข้ามแดนซาอุฯ – บาร์เรน)
โบลิเวีย30 วัน 135 เหรียญสหรัฐ (เฉพาะวีซ่าประเภทท่องเที่ยว)
ฟิจิ4 เดือนไม่มีค่าธรรมเนียม
จอร์แดน30 วัน40 ดีนาร์จอร์แดน
คีร์กีซสถาน15 วัน/1 เดือน50 เหรียญสหรัฐ/60 เหรียญสหรัฐ (สำหรับหนังสือเดินทางธรรมดา)
เนปาล15 วัน25 เหรียญสหรัฐ
30 วัน40 เหรียญสหรัฐ
90 วัน100 เหรียญสหรัฐ
นิการากัว30 วัน10 เหรียญสหรัฐ
นีอูเอ30 วันไม่มีค่าธรรมเนียม
โอมาน30 วัน20 เรียลโอมาน
หมู่เกาะโซโลมอน3 เดือนไม่มีค่าธรรมเนียม
ติมอร์-เลสเต30 วัน30 เหรียญสหรัฐ

หมายเหตุ: การขอ Visa on Arrival อาจมีค่าธรรมเนียมตามแต่ละประเทศ และข้อมูลต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ กรุณาตรวจสอบกับประเทศปลายทางให้แน่ชัดอีกครั้งก่อนเดินทาง ***

ถึงแม้ว่าเราจะสามารถเดินทางไปได้โดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องวีซ่าแล้ว แต่เราก็ยังต้องเตรียมตัวและข้าวของจำเป็นให้พร้อมก่อนเดินทางเพื่อให้การเดินทางของเราราบรื่น เที่ยวสนุก ปลอดภัย และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติมจากที่วางแผนไว้ และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ การซื้อประกันการเดินทางต่างประเทศ ที่จะช่วยให้การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ข้อมูลปรับปรุง: 1 สิงหาคม 2567

ขอบคุณข้อมูลจาก : mfa.go.th

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel