สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวหรือต้องเดินทางบ่อย ๆ กระเป๋าเดินทางเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ใช้บรรจุเสื้อผ้า ของใช้จำเป็น หรืออุปกรณ์เสริมสำหรับการเดินทาง การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง ดี ๆ ซักใบ จะช่วยให้การเดินทางของคุณสะดวกสบายเพิ่มขึ้นหลายสเต็ป ไม่ต้องเหนื่อยกับการลากกระเป๋าเดินทางหรือกังวลว่าจะขนย้ายกระเป๋านเดินทางยังไง ทำให้ทริปของคุณสนุก เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจตามที่วางแผนไว้ Allianz Travel อยากให้คุณเริ่มต้นเดินทางได้อย่างถูกต้อง โดยเริ่มจากการเลือกกระเป๋าเดินทางที่เหมาะสมกับการเดินทางของคุณ เรามาดูกันว่า 8 สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง มีอะไรบ้าง
1. การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง จากรูปแบบของกระเป๋าเดินทาง
นักท่องเที่ยวมีหลายสไตล์ ทั้งสายชิลล์ สายเที่ยวในเมือง นอนโรงแรม หรือสายธรรมชาติ ชอบกางเต็นท์หรือนอนโฮสเทล ดังนั้น การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง ก็ต้องเลือกให้เหมาะกับรูปแบบการท่องเที่ยวของตนเอง เพื่อความสะดวกสบายในการท่องเที่ยวมากที่สุด
หากจัดทริปแบบที่มีการเดินทางหลายรูปแบบ ก็ควรใช้กระเป๋าเดินทางที่มีน้ำหนักเบา สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย การยกเก็บไว้ในช่องเก็บสัมภาระบนเครื่องบิน บนรถไฟ รวมถึงบนรถบัสอีกด้วย และถ้าเป็นทริปที่มีการเดินเป็นส่วนมาก ควรเลือกกระเป๋าที่สามารถยกและเคลื่อนย้ายได้สะดวกในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินข้ามถนน การขึ้นบันได การขึ้นลิฟต์ การขึ้นรถเมล์ การขึ้นรถไฟ เป็นต้น จึงควรเลือกกระเป๋าเป้แบบสะพายหลัง หรือเพิ่มฟังก์ชั่นแบบมีล้อในตัว เพราะสามารถเลือกสะพายหรือใช้ล้อลากก็ได้
หากเดินทางด้วยเครื่องบิน ก็ต้องเช็คเรื่องการจำกัดน้ำหนักของกระเป๋า ทั้งกระเป๋าที่โหลดลงใต้เครื่องและกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่อง จึงควรเลือกกระเป๋าเดินทางที่สามารถถือได้ด้วยตนเอง สามารถยกขึ้นรถ เดินทางไปสนามบิน และเช็คอินได้อย่างสะดวก รวมถึงกระเป๋าใบที่ถือขึ้นเครื่อง ควรยกขึ้นเก็บบนช่องเก็บสัมภาระเหนือหัวได้อย่างสะดวก
หากเดินทางด้วยเรือ กระเป๋ามักจะถูกกองรวมกันไว้ในท้องเรือ ฉะนั้นจึงควรเลือกกระเป๋าที่มีความแข็งแรง เมื่อถูกวางทับด้วยกระเป๋าใบอื่น ๆ กระเป๋าจะไม่เปลี่ยนรูปและช่วยป้องกันของภายในกระเป๋าไม่ให้รับน้ำหนักมากเกินไป จนเกิดความเสียหายได้
2. การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง จากขนาดของกระเป๋าเดินทาง
เลือกขนาดของกระเป๋าเดินทางให้เหมาะสมกับสิ่งของที่จะใส่และระยะเวลาที่เราจะไปเที่ยว ที่สำคัญคือคุณควรเลือกกระเป๋าเดินทางที่มีขนาดโดยรวมที่คุณสามารถรับมือกับมันได้ เพราะบางครั้งอาจไม่มีใครช่วยคุณยกขึ้นลงและลากไปไหนต่อไหน เราไม่อยากให้คุณต้องปวดหลังหรือปวดแขนระหว่างเดินทาง คุณควรตรวจสอบขนาดและน้ำหนักของสัมภาระที่สายการบินที่คุณจะเดินทางอนุญาตให้นำไปด้วย เพราะแต่ละสายการบินมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน
- ขนาด 18-20” เป็นกระเป๋าขนาดมาตรฐานที่สามารถถือขึ้นเครื่องเมื่อเดินทางระหว่างประเทศ เหมาะอย่างยิ่งหากคุณต้องใช้บริการสายการบินยุโรปราคาประหยัด เช่น easyJet หรือ Ryanair ซึ่งมีกฎที่เข้มงวดมาก แต่สายการบินในประเทศสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้ใช้กระเป๋าขนาด 22 นิ้วขึ้นเครื่องได้ แต่ถ้าในทริปนั้น คุณวางแผนเดินทางขึ้นเครื่องเป็นหลักทั้งในประเทศและต่างประเทศ กระเป๋าใบเล็กอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
- ขนาด 23-24” เป็นขนาดที่ต้องเริ่มโหลดลงใต้ท้องเครื่องบิน เหมาะสำหรับนักเดินทางที่เดินทาง 4-6 วัน และต้องการพื้นที่เพิ่มสำหรับซื้อของฝากหรือของที่ระลึก
- ขนาด 25-27” กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ สำหรับเดินทางหลายวัน หรือต้องการเช็คอินกระเป๋าหนึ่งใบสำหรับสองคนหรือสำหรับครอบครัว คุณยังสามารถใส่สิ่งของของทุกคนลงในกระเป๋าเดินทางเหล่านี้หนึ่งหรือสองใบเพื่อให้หยิบจับได้ง่ายก็ได้ค่ะ
- ขนาด 28-32” เป็นกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่มาก ซึ่งอาจดูใหญ่เทอะทะ และควบคุมยากเกินไปสำหรับการเดินทางแบบมาตรฐาน แต่ขอเตือนก่อนว่าอาจเกินข้อจำกัดด้านขนาดและน้ำหนักของสายการบิน ฉะนั้นอย่าลืมเช็คข้อกำหนดก่อนค่ะ
3. การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง จากวัสดุของกระเป๋าเดินทาง
กระเป๋าเดินทางแบบล้อลากโดยทั่วไปจะมีอยู่ 2 ชนิด แบบ Soft Case (แบบผ้า) กับแบบ Hard Case (แบบแข็งที่ทำจากพลาสติก ABS, PC, PP หรืออลูมิเนียม) เราจะมาเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของกระเป๋าทั้ง 2 แบบให้ดูกัน
3.1 กระเป๋าเดินทางแบบ Soft Case หรือแบบผ้า
ข้อดี: มีน้ำหนักเบากว่าและยืดหยุ่นต่อการใช้งาน ไม่เป็นรอยง่าย สามารถยัดใส่ช่องเก็บสัมภาระที่แคบและจำกัดได้ เหมาะสำหรับผู้ที่วางแผนไปช้อปปิ้งหรือมีเสื้อผ้าสิ่งของเยอะมาก เพราะกระเป๋าสามารถเพิ่มพื้นที่ความจุได้มากขึ้น นอกจากนี้บางรุ่นยังผลิตจากผ้าที่สามารถกันน้ำได้ด้วย
ข้อเสีย: ป้องกันการกระแทกได้น้อยกว่าแบบแข็ง หากถูกโยนหรือกระแทกแรง ๆ สัมภาระด้านในอาจเกิดการแตกหักได้ ถ้าถูกกดทับมาก ๆ รูปทรงกระเป๋าอาจเสียหายได้ง่าย หากฝนตกแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก นอกจากกระเป๋าจะเปียกโชกแล้ว ยังทำความสะอาดได้ยากอีกด้วย และอาจฉีกขาดได้หากทำมาจากวัสดุที่คุณภาพไม่ดีพอ บางรุ่นไม่สามารถกันน้ำได้
3.2 กระเป๋าเดินทางแบบ Hard Case ที่ผลิตจากวัสดุพลาสติก ABS, PC, PP หรืออลูมิเนียม
ข้อดี: รูปทรงสวยงาม ดีไซน์ได้หลายรูปแบบ มีความแข็งแรงทนทาน มีโครงสร้างกันกระแทก บางรุ่นอาจผลิตจากวัสดุพิเศษที่ทำให้กระเป๋ามีน้ำหนักเบาแต่ยังคงทนแข็งแรง มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขีดข่วนและแรงกระแทกได้ดีกว่ารุ่นก่อน ๆ ทำให้ของภายในไม่เสียทรงหรือเสียหาย หากเกิดแรงกดทับหรือการกระแทกแรง ๆ สามารถกันน้ำได้ และยังสามารถป้องกันขโมยได้ระดับหนึ่งเพราะกรีดเปิดได้ยาก
ข้อเสีย: ยากต่อการเก็บ เป็นรอยขีดข่วนได้ง่ายกว่าแบบผ้า นอกจากนี้หากกระเป๋าทำมาจากวัสดุที่คุณภาพไม่ดีหรือถูกมาก ๆ ก็อาจเกิดการแตกหักได้
3.3 กระเป๋าเป้แบ็คแพค
ควรเลือกที่ทำจากผ้าที่ทนทานต่อการฉีกขาด มีรอยเย็บที่แข็งแรง น้ำหนักเบา แต่รับน้ำหนักได้ดี และมีโครงสร้างที่ซัพพอร์ตหลัง สะพายนาน ๆ แล้วไม่ปวดหลัง ไม่เมื่อย บางรุ่นกันน้ำกันฝนได้ ระบายอากาศได้ดี
4. ลักษณะของล้อลาก
กระเป๋าเดินทางแบบมีล้อลาก ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเคลื่อนย้ายกระเป๋า กระเป๋าเดินทางล้อลากรุ่นแรก ๆ มักมีสองล้อ แต่ปัจจุบันกระเป๋าหลายยี่ห้อทำแบบสี่ล้อ ที่ช่วยให้คุณมีทางเลือกในการเข็นและดึงกระเป๋าของคุณในหลายทิศทางได้อย่างง่ายดาย
4.1 กระเป๋าลากแบบ 2 ล้อ
ข้อดี: สะดวกมากหากต้องลากกระเป๋าไปบนทางที่ขรุขระไม่สม่ำเสมอ ควรเลือกล้อที่สามารถหมุนไปได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง นอกจากนี้เมื่อวางกระเป๋าตั้งตรง กระเป๋าจะไม่เลื่อนไหล มีประโยน์เมืองยืนอยู่บนทางลาดชัน
ข้อเสีย: ต้องใช้กำลังแขนในการลากมากกว่าแบบ 4 ล้อ เพราะกระเป๋าต้องถูกลากอยู่ด้านหลังเท่านั้น ซึ่งหากกระเป๋าหนักมากและต้องลากเป็นเวลานานอาจทำให้ปวดข้อมือและไหล่ได้
4.2 กระเป๋าลากแบบ 4 ล้อ
ข้อดี: ประหยัดแรงในการลากกระเป๋า ไม่ทำให้ปวดข้อมือหรือไหล่ หากเป็นล้อที่สามารถหมุนได้ 360 องศา จะทำให้เคลื่นย้ายกระเป๋าได้ง่ายแม้ในพื้นที่ที่จำกัด เช่น บนรถไฟ บนทางเดินในเครื่องบิน และในลิฟต์
ข้อเสีย : ล้อลากที่ยื่นออกมานอกกระเป๋า อาจพังเสียหายได้ง่าย และด้วยความที่มี 4 ล้อ กระเป๋าจึงไม่สามารถวางบนทางลาดได้ นอกจากนี้การนำกระเป๋าขึ้นเครื่องบิน สายการบินจะวัดขนาดกระเป๋ารวมทั้งตัวกระเป๋าและล้อด้วย จึงควรที่จะตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระเป๋าของเราจะไม่มีขนาดที่ใหญ่เกิดข้อกำหนด
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
- ควรเลือกล้อที่เป็นยางทั้งลูก มีตลับลูกปืน ล้อที่ฝังอยู่ในกระเป๋าจะพังยากกว่าล้อที่ยื่นออกมานอกกระเป๋า และล้อแบบคู่จะแข็งแรงทนทานกว่า
- เมื่อลองใช้กระเป๋าล้อลากบนพื้นเรียบ ๆ ของร้าน ก็ต้องจำไว้ว่าคุณอาจต้องการใช้บนพื้นขรุขระหรือก้อนกรวด ซึ่งมันจะแข็งพอสำหรับสิ่งนั้นด้วยหรือไม่
- เลือกกระเป๋าที่ล้อหมุนได้แบบ 360 องศา ซึ่งสามารถหมุนได้ฟรีสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นเดินหน้า ถอยหลัง หรือการเลี้ยวซ้ายขวาก็จะสะดวกกว่าล้อแบบธรรมดา ยิ่งต้องลากเดินระยะทางไกล ๆ จะช่วยผ่อนแรงได้ดีมาก ๆ สามารถลากแบบแนบลำตัวหรือลากแบบ 2 ล้อก็ได้ เพื่อความสะดวกในการลากมากที่สุด
5. เช็คน้ำหนักของตัวกระเป๋า
น้ำหนักสัมภาระจำกัดโดยเฉลี่ยสำหรับเที่ยวบินระยะไกลชั้นประหยัดคือ 23 กก. และสายการบินเริ่มเข้มงวดมากขึ้นกับน้ำหนักสัมภาระที่คุณต้องการโหลดลงเครื่อง ดังนั้นน้ำหนักของตัวกระเป๋าจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากตัวกระเป๋าเดินทางของคุณมีน้ำหนักมาก นั่นหมายความว่าคุณสามารถนำสิ่งของติดตัวไปได้น้อยลง หรือคุณต้องจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อเพิ่มน้ำหนักของสัมภาระ ดังนั้นเมื่อคุณเลือกซื้อกระเป๋า นอกจากเรื่องความสวยงามถูกใจแล้ว ควรเช็คน้ำหนักของกระเป๋าเปล่าเพื่อประกอบการตัดสินใจด้วยค่ะ
6. ซิป หูหิ้วและคันชัก
อย่าลืมตรวจดูซิปกระเป๋าให้ดีว่ามีความแข็งแรง เปิดง่ายไม่กินเนื้อผ้า กระเป๋าบางรุ่นจะมีซิป 2 ทิศทางทำให้สะดวกต่อการเปิดใช้งานอีกด้วย ควรเลือกกระเป๋าเดินทางที่มีซิปแบบ 2 ชั้น ช่วยป้องกันการโดนกรีดหรือซิปแตก
หูหิ้วกระเป๋าต้องมีความแข็งแรงสุด ๆ เพราะมันเป็นส่วนที่รับน้ำหนักของกระเป๋าทั้งใบเวลายก หูหิ้วควรเป็นแบบยึดเกาะติดกับตัวกระเป๋า ยืดหดได้เป็นอย่างดี จับได้ถนัดมือ
กระเป๋าลากจะมีหูคันชักเพื่อให้สะดวกต่อการลาก ควรเลือกแบบที่สามารถปรับระดับความยาวได้เหมาะกับความสูงของเรา ควรเป็นคันชักที่ติดตั้งอยู่ในกระเป๋าเพราะพังยากกว่า และมีความแข็งแรงทนทาน อย่าลืมทดลองจับและลาก หากกระเป๋ายังชนกับขาของเราแสดงว่าความยาวของคันชักยังไม่สัมพันธ์กับความสูง และต้องลองดึงขึ้น เก็บลงจนมั่นใจว่าแข็งแรง ไม่มีปัญหาว่าจะพังเสียหายได้ง่าย ๆ
7. ตัวล็อก
เลือกกระเป๋าเดินทางที่มีตัวล็อก TSA ซึ่งเป็นการล็อกด้วยรหัส เป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกันไม่ให้ใครก็ตามเปิดกระเป๋าของเราได้ ป้องกันการขโมยหรือการเปิดกระเป๋าเดินทางของเราโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงปลอดภัยกว่ากระเป๋าที่ไม่มีตัวล็อกเลย แต่หากกระเป๋าเดินทางที่ใช้อยู่ไม่มีตัวล็อก ก็สามารถหาซื้อตัวล็อกกุญแจมาล็อกป้องกันได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ควรมีขนาดใหญ่หรือสะดุดตามมากจนเกินไป เนื่องจากจะล่อตาล่อใจเหล่ามิจฉาชีพซึ่งอาจคาดเดาไปว่าของในกระเป๋าน่าจะมีมูลค่ามากมาย และเสี่ยงต่อการถูกขโมยได้
8. การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง จากสีของกระเป๋า
คุณเคยสังเกตไหมว่ากระเป๋าเดินทางเกือบทั้งหมดเป็นสีดำ เพราะเป็นสีที่ไม่เห็นคราบสกปรกมากเท่ากับสีอื่น ๆ แต่เนื่องจากเป็นสีที่คนนิยมใช้กันมาก จึงอาจทำให้สับสนกับกระเป๋าของคนอื่น แต่หากเลือกกระเป๋าที่สีที่โดดเด่นสะดุดตา (หรือแท็กกระเป๋าที่โดดเด่น) จะช่วยให้เรามองหากระเป๋าตัวเองได้ง่ายขึ้นเวลากระเป๋าอยู่รวมกับกระเป๋าใบอื่น ๆ บนสายพาน และยังช่วยให้ไม่ถูกหยิบสลับสับเปลี่ยนไป ป้องกันการถูกขโมยได้ระดับหนึ่ง
เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับ การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง
- เก็บของมีค่าและเอกสารการเดินทางไว้ในกระเป๋าถือที่คุณสามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา
- ติดป้ายกันน้ำบนกระเป๋าแต่ละใบพร้อมข้อมูลติดต่อล่าสุดของคุณ หากกรณีที่กระเป๋าของคุณสูญหาย ก็จะมีโอกาสสูงที่คุณจะได้รับกระเป๋าคืนอย่างรวดเร็ว และอย่าลืมลบข้อมูลของทริปที่แล้วออกด้วย!
- ตรวจเช็คกระเป๋าเดินทางของคุณทันทีที่คุณรับกระเป๋าลงจากสายพาน หากพบความเสียหาย ให้คุณถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน และติดต่อสายการบินหรือบริษัทประกันภัยของคุณ
- ซื้อประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ ที่ครอบคลุมสัมภาระสูญหายหรือเสียหาย หรือสัมภาระล่าช้า
ถึงแม้ว่าเราจะสามารถเดินทางไปได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องกระเป๋าเดินทางแล้ว แต่เราก็ยังต้องเตรียมตัวและข้าวของจำเป็นให้พร้อมก่อนเดินทางเพื่อให้การเดินทางของเราราบรื่น เที่ยวสนุก ปลอดภัย และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติมจากที่วางแผนไว้ และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ การซื้อประกันการเดินทางต่างประเทศ ที่จะช่วยให้การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่น ๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
ขอบคุณข้อมูลจาก : traveladdicts.net, travelfashiongirl.com
เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel