12 อาหารไต้หวัน Street Food ห้ามพลาด! เมื่อได้ไปเยือน

12 อาหารไต้หวัน Street Food ห้ามพลาด! เมื่อได้ไปเยือน

ไต้หวันนับเป็นสวรรค์อีกแห่งของนักชิม เต็มไปด้วยเมนูสุดพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากมาย ความสนุกอย่างหนึ่งของการไปเที่ยวไต้หวันคือการเดินเที่ยวตลาดกลางคืนที่มีอยู่หลายสิบแห่งกระจายอยู่ทั่วเมือง เพื่อลิ้มลองอาหารอร่อยตามแผงขายอาหารริมถนนหรือที่เราเรียกว่าสตรีทฟู้ด อาหารไต้หวัน เป็นภาพสะท้อนของประวัติศาสตร์การอพยพและการล่าอาณานิคม ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากอาหารญี่ปุ่นและอาหารจีนตามภูมิภาคต่าง ๆ ส่วนใหญ่มาจากจังหวัดตอนกลางถึงตอนใต้ของจีน อาหารสไตล์ฝูเจี้ยนและอาหารแคะเป็นอาหารที่โดดเด่น เช่นเดียวกับอาหารจากภูมิภาคอื่น ๆ เช่น กวางตุ้ง เซี่ยงไฮ้ หูหนาน และเสฉวน นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลจากอาหารยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

อาหารไต้หวันส่วนใหญ่ถูกปากถูกใจนักท่องเที่ยวสายกินชาวไทยกันไม่น้อย ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งซึ่งมีแพลนไปไต้หวัน Allianz Travel จะพาคุณไปเบียดเสียดฝูงชน และเข้าแถวรอชิม 12 อาหารไต้หวัน สตรีทฟู้ดต้องลอง เมื่อไปเที่ยวไต้หวัน! มาดูไปพร้อมกับเลยค่ะ

1. อาหารไต้หวัน หอยทอดไต้หวัน (蚵仔煎 / เอ่อจื่อเจี้ยน)

ด้วยภูมิประเทศที่เป็นเกาะ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่อาหารทะเลเป็นส่วนสำคัญของอาหารท้องถิ่นในไต้หวัน หอยทอดไต้หวันเป็นอีกเมนูสตรีทฟู้ด อาหารไต้หวัน ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไทเป ซึ่งสำหรับคนไทยจะรู้สึกคุ้นเคยเพราะลักษณะคล้ายหอยทอดผสมกับออส่วนที่ใส่หอยนางรม อาหารจานนี้มีถิ่นกำเนิดจากภูมิภาคหมินหนาน มณฑลฝูเจี้ยน ในประเทศจีน ซึ่งเป็นบ้านเกิดบรรพบุรุษของชาวไต้หวันส่วนใหญ่

อาหารไต้หวัน หอยทอดไต้หวัน (蚵仔煎 / เอ่อจื่อเจี้ยน)

หอยทอดไต้หวันประกอบด้วยหอยนางรมสดและต้นหอมผสมแป้งมันเทศและแป้งข้าวโพด เน้นไข่เป็นส่วนผสมหลักแล้วนำไปทอด เวลาทานจะรู้สึกถึงความนุ่มจากไข่และความหอมหวานจากหอยนางรม ทานกับซอสพริกที่เป็นสูตรเฉพาะของแต่ละร้าน คุณสามารถหาทานได้จากตลาดกลางคืนทุกแห่งในไทเป แต่ร้านที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมจะอยู่ที่ตลาดกลางคืนซื่อหลิน (Shilin) ซึ่งเป็นตลาดกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดในไทเป และตลาดกลางคืนหนิงเซี่ย

2. อาหารไต้หวัน บะหมี่เนื้อตุ๋น (牛肉麵 / หงเชานิวโร่วเมี่ยน)

บะหมี่เนื้อตุ๋นถือเป็นราชาของอาหารไต้หวันเลยก็ได้ เกิดขึ้นครั้งแรกในไต้หวันโดยทหารผ่านศึกในกองทัพปฏิวัติแห่งชาติจีน (KMT) หลังจากที่พวกเขาแพ้สงครามกลางเมืองในจีนและหนีไปยังไต้หวัน พวกเขาดัดแปลงก๋วยเตี๋ยวแบบจีนด้วยการใส่ซีอิ๊วและส่วนผสมที่แตกต่างกันเล็กน้อย

อาหารไต้หวัน บะหมี่เนื้อตุ๋น (牛肉麵 / หงเชานิวโร่วเมี่ยน)

บะหมี่เนื้อตุ๋นสไตล์ไต้หวันจะใส่น้ำซุปที่มีรสชาติเผ็ดร้อนเล็กน้อยจากน้ำมันพริกที่ราดด้านบน และเนื้อตุ๋นชิ้นใหญ่พอดีคำ ทุกร้านมีการเคี่ยวน้ำซุปนานหลายชั่วโมง ตุ๋นเนื้อจนเปื่อยนุ่มแทบละลายในปาก ทานกับบะหมี่เส้นกลมเล็กเหนียวนุ่ม สิ่งเหล่านี้ทำให้เมนูบะหมี่เนื้อตุ๋นของไต้หวันได้รับความนิยมอย่างมากจากชาวไต้หวันเองและนักท่องเที่ยวทั่วโลก ถ้าอยากทานบะหมี่เนื้อตุ๋นสูตรต้นตำรับ ต้องมาทานที่ร้านบะหมี่เนื้อตุ๋นในไต้หวันเท่านั้น

3. อาหารไต้หวัน เต้าหู้เหม็น (臭豆腐 / โซ่วโต้วฝู่)

เต้าหู้เหม็นคือเต้าหู้หมักที่ถูกนำไปทำเป็นอาหารรับประทาน ซึ่งแม้จะมีกลิ่นเหม็นจากการหมัก แต่หากได้ลองทานตอนร้อน ๆ ความอร่อยของมันจะทำให้คุณลืมความเหม็นไปได้เลยทีเดียว

อาหารไต้หวัน เต้าหู้เหม็น (臭豆腐 / โซ่วโต้วฝู่)

เราสามารถรับประทานเต้าหู้เหม็นได้ 2 แบบ คือเต้าหู้ก้อนทอดกรอบที่เสิร์ฟพร้อมกะหล่ำปลีดอง และเต้าหู้เนื้อแน่นชิ้นโตที่ตุ๋นนานหลายชั่วโมงในน้ำซุปรสเผ็ด เต้าหู้เหม็นมีขายอยู่ทั่วไปในตลาดกลางคืนทุกแห่งในไทเป แต่หากต้องการสัมผัสประสบการณ์เต้าหู้เหม็นอย่างเต็มที่ ให้ไปที่ถนนโบราณเชงเคิง (Shenkeng Old Street , 深坑老街) หรือถนนแห่งเต้าหู้ ที่เมือง New Taipei ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเต้าตู้เลิศรสนานาชนิด อาทิ เต้าหู้ตุ๋น เต้าหู้ทอด เต้าหู้เหม็นย่าง เต้าหู้อบแห้ง เต้าหู้ยี้ เต้าหู้เผ็ดและอาหารที่มีวัตถุดิบจากเต้าหู้อีกมากมาย โดยเฉพาะการนำเอาเต้าหู้มาประยุกต์เป็นของหวานอย่างไอศกรีมเต้าหู้ที่มีรสชาติหวานหอมอร่อยและมีเอกลักษณ์อย่างที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น ๆ

4. แพนเค้กต้นหอม (蔥油餅 / ชงโหย่วปิ่ง)

แพนเค้กต้นหอมเป็นเมนูที่ชาวไต้หวันนิยมรับประทานทั้งมื้อเช้าและมื้อเที่ยง รวมถึงเป็นอาหารว่าง ทำจากแป้งคล้ายโรตีผสมต้นหอม แป้งบางมีความกรอบและหอม รับประทานกับซีอิ๊วหวานและซอสพริก นอกจากนี้บางร้านยังมีไส้อื่น ๆ อย่างเช่น ชีส หรือกิมจิ ให้เลือกชิมด้วย เป็นอาหารอีกประเภทที่มาจากประเทศจีนแล้วนำมาดัดแปลงให้เป็นรูปแบบไต้หวัน เชื่อกันว่าเป็นอาหารที่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองเซี่ยงไฮ้ ภายใต้อิทธิพลของประชากรอินเดียในเมือง

แพนเค้กต้นหอม (蔥油餅 / ชงโหย่วปิ่ง)

สิ่งที่ต่างจากเค้กต้นหอมในจีนก็คือคนไต้หวันจะนำเอาแป้งกลม ๆ แบน ๆ มาผัดกับไข่ ใบโหระพา แล้วราดด้วยซีอิ๊วหวาน โรยด้วยพริกไทยขาวและพริกน้ำส้ม บางร้านอาจมีโรยชีส หรือกิมจิด้วย คุณสามารถหาซื้อได้ในย่านถนนคนเดินซีเหมินติงหรือตลาดกลางคืนส่วนใหญ่ แต่หากทานเค้กต้นหอมที่ได้รางวัลมิชลิน บิบ กรูมองด์ ให้ไปที่ตลาดกลางคืนกงกวน (Gongguan Night Market)

5. ชาไข่มุก (珍珠奶茶 / เจินจูหน่ายฉา)

หากไปเที่ยวไต้หวันทั้งที แล้วไม่ได้กินชานมไข่มุกในไต้หวันถือว่าพลาดมาก ๆ เพราะไต้หวันเรียกได้ว่าเป็นต้นตำรับของชานมไข่มุกตั้งแต่ช่วงปี 1980 และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเรื่อยมา  และปัจจุบันมีหลายสูตรหลายรูปแบบที่อร่อยไม่แพ้กันให้เลือกอยู่มากมายหลายร้านแทบทุกมุมถนนเลยทีเดียว

ชาไข่มุก (珍珠奶茶 / เจินจูหน่ายฉา)

ชานมไข่มุกแบบคลาสสิกที่ทำจากชานมใส่ไข่มุกแบบเคี้ยวหนุบหนับยังคงเป็นที่นิยมมากที่สุด ชานมไข่มุกที่ไต้หวันนั้นนอกจากจะเลือกขนาดแก้วได้แล้ว ยังสามารถเลือกประเภทของชา ประเภทของไข่มุก ขนาดของไข่มุก จะไซส์ใหญ่หรือไซส์เล็กตามชอบ  เลือกระดับความหวาน รวมถึงเลือกระดับน้ำแข็งได้อีกด้วย

6. บัวลอยไต้หวัน (芋圆 / ยู่หยวน)

บัวลอยไต้หวันเป็นเมนูขนมหวานพื้นเมืองไต้หวันที่หาทานได้ง่ายทั่วทั้งไต้หวัน ไปร้านของหวานไต้หวัน ยังไงก็ต้องมีเมนูนี้ ชาวไต้หวันถือว่าเมนูนี้เป็นของหวานไต้หวันที่ดีต่อสุขภาพ

บัวลอยไต้หวัน (芋圆 / ยู่หยวน)

ถึงแม้ว่าจะเรียกว่าทาโร่บอลหรือบัวลอยเผือก แต่สิ่งที่นำมาใส่นอกจากเผือกแล้ว ยังมีฟักทอง มันส้ม มันม่วง ที่ถูกนำมาปอกเปลือกและนำไปต้ม จากนั้นนำไปผสมกับแป้งมันฝรั่งและหั่นออกมาเป็นชื้นเล็ก ๆ ขนาดเท่าลูกเต๋า แล้วจึงนำไปต้มในน้ำเดือดจนสุก ให้รสสัมผัสที่เหนียวนุ่มละมุนลิ้นเคี้ยวเพลิน และมีสีสันหลากหลายที่มาจากวัตถุดิบและธัญพืชต่าง ๆ อาทิเช่น เผือก งาดำ ใบเตย ถั่วเขียว และถั่วแดง และวัตถุดิบที่ถือว่าพิเศษสุด ๆ นั่นก็คือการนำไข่มุกมาใส่เพิ่มลงไปด้วย นอกจากนั้นเรายังสามารถเลือกทานแบบร้อนหรือเย็นก็ได้ตามใจชอบอีกด้วย ถ้าแบบร้อนจะทานกับน้ำขิง แต่ถ้าแบบเย็นก็จะใส่น้ำแข็งพร้อมน้ำเชื่อม ให้อารมณ์น้ำแข็งไสบ้านเรานั่นเอง สามารถเลือกทานแบบร้อนหรือเย็นก็ได้ นำไปปรุงขนมแบบร้อนหรือแบบเย็นก็ได้ เช่น น้ำแข็งไส บิงซู บัวลอย ท็อปปิ้งไอศกรีม หรือใส่ในชานมก็ได้เช่นกัน เมนูบัวลอยมีให้เลือกหลากหลายรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นรสต้นตำรับ รสชาเขียวและรสงา ซึ่งมาพร้อมกับสีสันสดใสและที่สำคัญรสชาติดีด้วย!

7. ไอศครีมถั่วตัด (花生捲冰淇淋 / ฮวาเซิงเจวี่ยนปิงฉีหลิน)

ไอศครีมถั่วตัด (花生捲冰淇淋 / ฮวาเซิงเจวี่ยนปิงฉีหลิน)

หนึ่งของหวานหน้าตาแปลกที่กำลังมาแรงและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยคือไอศครีมถั่วตัด เมนูดังเมืองจิ่วเฟิ่น ที่ประกอบด้วยไอศกรีมไต้หวันแบบดั้งเดิม 2-3 ลูก (ปกติจะเป็นรสเผือกหรือสับปะรด) โรยหน้าด้วยถั่วตัดขูด และผักชี ห่อด้วยแป้งแผ่นบางที่คล้ายกับแป้งโรตีสายไหมบ้านเรา เมื่อผสมผสานวัตถุดิบทุกอย่างเข้าด้วยกัน จะมีรสชาติแปลกใหม่แบบลงตัว ส่วนผสมอาจฟังดูแปลก แต่หากได้ลองชิม จะพบกับรสชาติที่อร่อยจนไม่น่าเชื่อ

8. เบอร์เกอร์สไตล์ไต้หวัน (割包 / กว้าเปา)

เบอร์เกอร์สไตล์ไต้หวัน (割包 / กว้าเปา)

สำหรับคนรักขนมปังและแป้งจะต้องถูกใจกับกว้าเปา (割包) หรือเบอร์เกอร์สไตล์ไต้หวัน ทำจากแป้งคล้ายแป้งซาลาเปาหรือหมั่นโถวมาผ่าแล้วใส่ไส้ต่าง ๆ มีหมูสามชั้นตุ๋นจนเปื่อยนุ่ม ใส่เครื่องเคียงต่าง ๆ ที่มีทั้งผักดอง ถั่วลิสง ผักชี รับประทานตอนร้อน ๆ อร่อยเหาะ รู้สึกถึงความหนาของแป้ง พร้อมรสชาติหวานกลมกล่อมของหมูสามชั้นตุ๋นที่นุ่มจนแทบละลายในปาก เหมาะสำหรับทานเป็นอาหารว่างหรืออาหารมื้อเช้า ที่ทานแล้วจะต้องอยากทานเพิ่มอีก

9. ข้าวหน้าหมูพะโล้ (滷肉飯 / หลูโล่วฟ่าน)

ข้าวหน้าหมูพะโล้ (滷肉飯 / หลูโล่วฟ่าน)

1 ใน 40 เมนูอาหารที่ CNN เคยแนะนำไว้ว่าห้ามพลาดหากได้ไปเที่ยวไต้หวัน และเป็นอีกหนึ่งเมนูยอดนิยมของชาวไต้หวันด้วย เมนูนี้ลักษณะคล้ายกับหมูพะโลของไทย แต่ของไต้หวันจะนำหมูสามชั้นมาตุ๋นจนเปื่อยนุ่ม และบางร้านจะใส่หมูสับลงไปด้วยเพื่อเพิ่มรสสัมผัสเวลาเคี้ยว โดยเคี่ยวกับเครื่องเทศจนเข้ากัน รสชาติหวานเค็มกลมกล่อมและหอมคล้ายพะโล้ รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ยิ่งอร่อย เป็นเมนูง่าย ๆ ที่มัดใจหลายคนได้อยู่หมัด กินกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยเหาะเหินเดินอากาศเลยทีเดียว

10. ไส้กรอกย่าง (烤香腸 / เข่าเซียงฉาง)

ไส้กรอกย่าง (烤香腸 / เข่าเซียงฉาง)

หากเราไปเดินเที่ยวตลาดกลางคืนในไต้หวัน เราจะเห็นร้านขายไส้กรอกย่างตั้งขายแทบจะทุกสิบเมตรเลยก็ว่าได้ รูปร่างคล้ายไส้กรอกอีสานของบ้านเรา มีทั้งแบบไส้ข้าวและไส้หมู แต่ที่ได้รับความนิยมที่สุดคงจะเป็นไส้กรอกหมูสีแดง รสชาติคล้ายกุนเชียง แต่มีความเข้มข้นของรสชาติมากกว่า ควรทานตอนย่างร้อน ๆ หนังกรอบ แต่เนื้อไส้กรอกจะมีความหวานแต่ไม่ได้หวานแบบกุนเชียง ย่างหอม ๆ กินกับกระเทียมคือดี พิกัดหากินง่ายมีทุกตลาดคนเดินของไต้หวันเลย

11. อาหารไต้หวัน ซุปหมี่ซั่วหอยนางรม (蚵仔麵線 เหอจื่อเมี่ยนเซี่ยน)

อาหารไต้หวัน ซุปหมี่ซั่วหอยนางรม (蚵仔麵線 เหอจื่อเมี่ยนเซี่ยน)

ซุปหมี่ซั่วหอยนางรมเป็นอาหารที่หาทานได้ทั่วใปในชีวิตประจำวันของคนไต้หวัน บางคนอาจบอกว่าคล้ายกระเพาะปลา หรือบางคนอาจบอกว่าเหมือนราดหน้า เพราะตัวน้ำซุปค่อนข้างข้นเลยทีเดียว วัตถุดิบที่สำคัญได้แก่ หอยนางรมและเส้นหมี่ซั่ว หอยนางรมจะต้องนำมาคลุกกับแป้งมันเสียก่อน และยังมีแบบที่ใส่ไส้หมูด้วย ซุปหมี่ซั่วหอยนางรมอร่อยหรือไม่นั้นวัดที่ขนาดและความสดใหม่ของหอยนางรม กระบวนการในการตุ๋นไส้หมู และอัตราส่วนของเส้นหมี่ในชาม ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงความอร่อยของซุปหมี่ซั่ว เวลารับประทาน ต้องทานกับซอสพริกปรุงพิเศษของทางร้าน และยังสามารถเติมซอสไก่งวง กระเทียมสดบด โรยหน้าด้วยผักชีเพื่อเพิ่มรสชาติอีกด้วย

12. อาหารไต้หวัน ซาลาเปาอบโอ่ง (胡椒餅 / หูเจียวปิง)

อาหารไต้หวัน ซาลาเปาอบโอ่ง (胡椒餅 / หูเจียวปิง)

ความโดดเด่นของเมนูนี้ที่ทำให้เราอยากลองก็คือการนำซาลาเปาลงไปอบอยู่ในโอ่งดินเผาเป็นเวลา 10-15 นาที จนผิวนอกกรอบ ส่งกลิ่นหอมขึ้นมา สำหรับไส้ด้านใน ประกอบด้วย หมูสับ พริกไทย และต้นหอม ซึ่งให้รสชาติชุ่มฉ่ำ และเผ็ดร้อนจัดจ้าน กลายเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของซาลาเปาอบโอ่ง ใครชอบกินซาลาเปา แนะนำให้ลองมาชิมเมนูนี้ดู เนื้อสัมผัสจะคล้าย ๆ กับการนำไปนึ่ง แต่จะหอมกว่าหากทานตอนร้อน ๆ คุณจะได้เพลิดเพลินกับความอร่อยของหมูฉ่ำ ๆ หอมกลิ่นพริกไทยดำกับงา ทำให้เมนูอร่อยสุด ๆ ควรค่าแก่การมาลิ้มลองด้วยตัวเองสักครั้งหนึ่ง

เชื่อว่าหลายคนที่อ่านมาถึงตอนนี้คงรู้สึกหิวและอยากลองชิมอาหารสตรีทฟู้ดไต้หวันกันแล้ว เนื่องจากไต้หวันเป็นเมืองแห่งอาหารรสเลิศ และเป็นสวรรค์ของนักชิมอาหารทุกคน ดังนั้น ไม่ว่าคุณวางแผนเที่ยวไต้หวันที่เมืองไหน หรือไปเยือนสถานที่ใด คุณก็จะได้พบกับอาหารไต้หวันสูตรต้นตำหรับคอยต้อนรับนักชิมทุกคนอยู่เสมอ นอกจากเตรียมตัวไปอร่อยแล้ว สิ่งสำคัญที่ Allianz Travel อยากแนะนำให้คุณมีติดตัวไปด้วยคือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่น ๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : nickkembel.com, chefdenise.com, travel.taipei

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

10 กิจกรรมที่ควรทำ เมื่อไปเที่ยวไต้หวัน

10 กิจกรรมที่ควรทำเมื่อไป เที่ยวไต้หวัน

ไต้หวัน เป็นอีกประเทศหนึ่งที่เดินทางไปง่าย และไม่ไกลจากประเทศไทยมากนัก ค่าเงินก็พอกับเงินบาทของเรา ท่องเที่ยวง่ายมีอะไรให้ดูเยอะ สำหรับคนที่ไป เที่ยวไต้หวัน เป็นครั้งแรก Allianz Travel อยากให้คุณได้สัมผัสกับความมีชีวิตชีวาของไทเป เมืองหลวงของไต้หวัน หนึ่งในเมืองที่น่าทึ่งที่สุดในเอเชีย มีสิ่งให้ทำมากมายไม่รู้จบ เมืองที่มีความหลากหลายและวุ่นวายที่ผสมผสานอิทธิพลต่างๆ แต่สนุกที่ได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการกินสตรีทฟู้ดอร่อยๆ ในตลาดกลางคืนแห่งใดแห่งหนึ่ง สำรวจวัดโบราณและชื่นชมทิวทัศน์จากจุดชมวิวต่างๆ ของไทเป Allianz Travel รวบรวม 10 กิจกรรมที่ควรทำเมื่อเที่ยวไทเป ให้คุณตามมาสำรวจไทเปกับเรากันเลย!

1. ชมวิวเมืองจากจุดชมวิวตึกไทเป 101

คุณไม่ควรพลาดที่จะไปเยือน ตึกไทเป 101(台北101)เมื่อไป เที่ยวไต้หวัน เป็นตึกที่สูงที่สุดในไต้หวัน สูง 508 เมตร มีทั้งหมด 101 ชั้น และเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลกอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 5 ปีซ้อน (ปี 2547-2553) ชั้น 1-5 จะเป็นส่วนของห้างสรรพสินค้า และชั้น 5 จะมีเคาน์เตอร์ขายตั๋วเพื่อขึ้นไปจุดชมวิวบนชั้น 89 โดยขึ้นลิฟท์ที่ได้รับการบันทึกสถิติว่าเร็วที่สุดในโลกโดยกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด ที่ความเร็ว 1,010 เมตรต่อนาที ภายในลิฟท์จะมีหน้าจอที่เพดานลิฟท์ทำเหมือนว่าเรากำลังพุ่งออกไปในอวกาศให้ชมระหว่างอยู่ในลิฟท์ด้วย ใช้เวลาเพียง 37 วินาทีก็ขึ้นมาถึงชั้น 89 ซึ่งเป็นชั้นชมวิวที่อยู่ในอาคาร เพื่อชมทัศนียภาพอันงดงามของเมืองจากหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน

ชมวิวเมืองจากจุดชมวิวตึกไทเป 101

คุณสามารถขึ้นบันไดไปที่ลานชมวิวกลางแจ้งที่ชั้น 91 หรือเดินลงไปที่ชั้น 88 เพื่อไปดูลูกตุ้มเหล็กยักษ์ (Wind Damper) ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกันกระแทกจากลมกระโชกแรงหรือแผ่นดินไหว ช่วยเรื่องการทรงตัวของตึกเมื่อรับมือกับแผ่นดินไหวและลมพายุ

คุณควรจองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าและเลือกเวลาที่คุณวางแผนจะไป เมื่อไปถึงตึกก็ไปรับตั๋วจริงที่ชั้น 5 จากนั้นรอคิวยาว และแวะถ่ายภาพหน้าจอสีเขียว ที่คุณจะได้รูปคู่กับภาพสำเร็จรูปของอาคารไทเป 101 ที่คุณสามารถซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้

2. ขึ้นเขาเซี่ยงซานหรือเขาช้าง

เมื่อไป เที่ยวไต้หวัน การขึ้นไปชมวิวบนยอดตึกที่สูงที่สุดในไต้หวันหมายความว่าคุณจะมองไม่เห็นตัวตึกไทเป 101 ที่โดดเด่นอยู่กลางเส้นขอบฟ้าของไทเป ดังนั้นคุณต้องมุ่งหน้าไปยังเขาเซี่ยงซานหรือเขาช้าง (象山) ทางฝั่งตะวันออกของแถบชานเมืองไทเป ที่อยู่ไม่ไกลจากตึกไทเป 101 นัก มีเส้นทางเดินขึ้นเขาที่สะดวกสบายอยู่หลายเส้นทาง ซึ่งคุณสามารถเดินขึ้นสู่ยอดเขาในเวลาประมาณ 20-30 นาที ที่ด้านบนสุดจะมีลานสำหรับฟิตเนสเล็กๆ สำหรับคนท้องถิ่นที่มาออกกำลังกายและจุดชมวิวเมืองไทเปยอดนิยมอีกจุดหนึ่งโดยเฉพาะที่จุดสูงสุดของภูเขา ทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาถ่ายรูปเมืองไทเปและตึกไทเป 101 กันมากมาย

ขึ้นเขาเซี่ยงซานหรือเขาช้าง

นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางเดินต่อไปที่ภูเขาอีก 3 ลูกที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งมีชื่อเรียกรวมกันว่า เทือกเขา 4 อสูร (4 beasts, 四獸山) ประกอบด้วย เขาช้าง เขาเสือ เขาสิงโต และเขาเสือดาว (Leopard Mountain) ซึ่งใช้เวลาในการปีนเขาทั้ง 4 ลูกนี้ประมาณ 2-4 ชั่วโมง

ข้อแนะนำ: หากคุณจะขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตก ควรพกยากันยุงไปด้วย เพราะยุงจำนวนมากจะออกมาเต็มที่ในตอนพลบค่ำ

3. สัมผัสวัฒนธรรมไต้หวันผ่านอาหารที่ตลาดกลางคืน

อาหารเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมไต้หวัน และไทเปก็เป็นหนึ่งในเมืองอาหารริมทางชั้นนำของโลก สิ่งนี้เห็นได้จากจำนวนตลาดกลางคืนที่กระจายอยู่ทั่วเมือง ที่เปิดตั้งแต่ช่วงบ่ายแก่ๆ และต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเช้าตรู่ คุณจะพบรถเข็นขายอาหาร แผงลอย และร้านอาหารเล็กๆ มากมายที่จำหน่ายอาหารหลากหลายชนิด เป็นการผสมผสานระหว่างอิทธิพลทางวัฒนธรรมหลายอย่าง ตั้งแต่ชาวไต้หวันพื้นเมือง ชาวจีน ไปจนถึงชาวญี่ปุ่น

คุณไม่เพียงแต่จะได้ทานอาหารอร่อยๆ เท่านั้น แต่ยังมีร้านค้าและแผงลอยที่ขายเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ของที่ระลึก และเครื่องประดับเล็ก ๆ อีกด้วย หากคุณรู้สึกอิ่มจากการลองชิมอาหารแล้ว ก็อาจไปเดินเล่นชอปปิ้ง เล่นเกม หรือแวะดูดวงก็ได้ ทริปไต้หวันของคุณจะไม่สมบูรณ์หากไม่ได้แวะไปตลาดกลางคืนไทเปที่อย่างน้อยหนึ่งแห่ง

สัมผัสวัฒนธรรมไต้หวันผ่านอาหารที่ตลาดกลางคืน

ตลาดแนะนำ

  • ตลาดกลางคืนซื่อหลิน (Shilin) ตลาดใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในไทเปที่มีแผงขายอาหารมากกว่า 500 ร้าน ประกอบด้วยสองส่วนใหญ่ๆ คือ สินค้าทั่วไปและอาหารท้องถิ่น เหมาะสำหรับผู้มาครั้งแรกที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ที่ดีที่สุดของตลาดกลางคืนในไต้หวัน อย่าลืมไปสำรวจชั้นใต้ดินภายในตลาดที่เรียกว่า ‘ศูนย์อาหารตลาดซื่อหลิน’ ซึ่งเป็นสวรรค์ของอาหารอีกแห่งหนึ่งที่อยู่: No. 101, Jihe Road, Shilin District, Taipei City, Taiwan 111
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (16.00 น.– 24.00 น.) เสาร์-อาทิตย์ (15.00 น.– 01.00 น.)
    อาหารแนะนำ: ไส้กรอกข้าวเหนียว ซาละเปาทอด ไก่ทอด ชานมไข่มุก
  • ตลาดกลางคืนเหราเหอ (Raohe) เป็นตลาดที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง อยู่บนถนนเส้นเดียวเป็นระยะทาง 600 เมตร มีแผงขายของเรียงรายทั้งสองด้านและมีแถวตรงกลาง เป็นขนาดที่เหมาะสำหรับการเดินสำรวจและลิ้มลองอาหารที่อยู่: Raohe St, Songshan District, Taipei City, Taiwan 105
    เวลาทำการ: จันทร์-อาทิตย์ (16.00 น.– 24.00 น.)
    อาหารแนะนำ: ซาละเปาหมูพริกไทยดำอบโอ่ง ปลาหมึกย่าง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ
  • ตลาดกลางคืนหลินเจียง (ถงหัว) หนึ่งในตลาดกลางคืนที่เล็กที่สุด อยู่ในตัวเมืองไทเป ไม่ไกลจากตึกไทเป 101 ขายอาหารต้นตำรับและอาหารสมัยเก่าที่เป็นที่นิยมในหมู่คนท้องถิ่น ตลาดมีพื้นที่ยาว 400 เมตรจากถนนจีหลงไปยังถนนอันเหอที่อยู่: No. 76, Lingjiang Street, Da’an District, Taipei City, Taiwan 106
    เวลาทำการ: จันทร์-พฤหัสบดี (17.00 น.– 24.00 น.) ศุกร์-เสาร์ (16.00 น.– 03.00 น.) อาทิตย์ (16.00 น.– 24.00 น.)
    อาหารแนะนำ: เต้าหู้เหม็น ของหวานแบบไต้หวัน
  • ตลาดกลางคืนหนิงเซี่ย (Ningxia) เป็นตลาดขนาดเล็กบนถนนหนิงเซี่ย แต่มีผู้คนพลุกพล่าน และแผงลอยขายอาหารที่ตั้งอยู่อย่างหนาแน่น คุณควรมาแต่เนิ่นๆ เพราะคนจะเต็มเร็วมาก อาหารที่นี่ราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับตลาดที่ใหญ่และเป็นที่นิยมมากกว่าที่อยู่: 103, Taiwan, Taipei City, Datong District, Ningxia Rd, 寧夏夜市
    เวลาทำการ: จันทร์-พฤหัสบดี (17.00 น.– 24.00 น.) ศุกร์-เสาร์ (16.00 น.– 03.00 น.) อาทิตย์ (16.00 น.– 24.00 น.)
    อาหารแนะนำ: ออส่วน เผือกทอด โมจิไต้หวัน
  • ตลาดกลางคืนนันจิชาง (Nanjichang) หนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในไทเปในการลองชิมอาหารท้องถิ่นของไต้หวัน ตั้งอยู่ในย่านประวัติศาสตร์ใจกลางเมืองและขึ้นชื่อเรื่องอาหารริมทางและบรรยากาศที่พลุกพล่าน มีแผงขายหลายร้อยร้านให้เลือก ขายทุกอย่างตั้งแต่อาหารไต้หวันดั้งเดิมไปจนถึงขนมและของหวานที่อยู่: Lane 307, Section 2, Zhonghua Rd, Zhongzheng District, Taipei City, Taiwan 100
    เวลาทำการ: จันทร์-อาทิตย์ (17.00 น.– 24.00 น.)
    อาหารแนะนำ: เต้าหู้เหม็น ไก่ย่างเสียบไม้ ปอเปี๊ยะทอด

4. เที่ยวไต้หวัน เรียนรู้วัฒนธรรมเก่าแก่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกู้กง

พิพิธภัณท์พระราชวังแห่งชาติกู้กง (National Palace Museum, 國立故宮博物院) เป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดของเมืองไทเป และไต้หวัน สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.2508 ในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบพระราชวังจีนโบราณ โดยมีผนังสีเหลืองและหลังคาเซรามิคสีเขียว สูง 4 ชั้น ชั้น 1-3 เป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ ชั้น 4 เป็นห้องน้ำชา “ซันซีถัง” ที่ใช้สำหรับพักผ่อนดื่มน้ำชา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เก็บรวบรวมสมบัติและงานศิลปะประจำชาติจีนไว้มากมายที่สุดในโลก มากกว่า 700,000 ชิ้น โบราณวัตถุต่างๆ ส่วนใหญ่ถูกนำมาจากในพระราชวังต้องห้าม (Forbidden City) ของเมืองปักกิ่ง ที่ขนย้ายมาในช่วงสงครามกลางเมืองจีน ตอนเจียงไคเชกแพ้สงครามแล้วล่าถอยมาอยู่ที่เกาะไต้หวันแห่งนี้ ซึ่งมีตั้งแต่วัตถุโบราณ 10,000 ปีก่อน ยุคหินใหม่ (Neolithic)  มาจนถึงยุคราชวงศ์ฉิง (Qing Dynasty) ที่เกือบจะครอบคลุมประวัติศาสตร์จีนที่มีอายุยาวนานถึง 5,000 ปีได้เกือบทั้งหมด จนทำให้พิพิธภัณฑ์กู้กงได้ชื่อว่า “คลังสมบัติทางวัฒนธรรมของจีน”

เรียนรู้วัฒนธรรมเก่าแก่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกู้กง

นอกจากนี้ที่ด้านข้างของพิพิธภัณท์พระราชแห่งชาติวังกู้กงจะมีสวนจื้อซั่น (Zhi Shan Garden) ซึ่งเป็นสวนที่ออกแบบและตกแต่งสไตล์จีนได้อย่างสวยงาม มีสระน้ำหลายสระ มีสะพานที่สวยงามข้ามสระน้ำ และศาลาสวยๆไว้นั่งพักชมวิว ซึ่งค่าเข้ารวมอยู่ในตั๋วเข้าชมพิพิธภัณท์แล้ว

*ด้านในพิพิธภัณท์จะห้ามถ่ายรูป และต้องฝากกระเป๋าเป้หรือกระเป๋าใบใหญ่ไว้ที่ตู้ล็อคเกอร์ด้านนอก

5. ตามรอย Spirited Away ที่จิ่วเฟิ่น

ถนนโบราณจิ่วเฟิ่น (Jiufen Old Street / 九份老街) ถนนสายวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของประเทศไต้หวันที่ปัจจุบันได้กลายเป็นตลาดโบราณที่ยังคงบรรยากาศสุดคลาสสิคของไต้หวันเมื่อ100 ปีที่แล้วไว้ได้เป็นอย่างดี ไฮไลท์ของที่นี่คือร้านน้ำชาที่ตั้งอยู่บริเวณฝั่งหน้าผา ให้นักท่องท่องเที่ยวที่มา เที่ยวไต้หวัน ได้มานั่งจิบชายามบ่าย ชมทัศนียภาพกว้างขวางของทะเลจีนตะวันออก หรือช่วงพระอาทิตย์ตกดิน และชมแสงไฟสวยๆ ในยามค่ำคืน มนต์เสน่ห์และเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใครทำให้โลเคชั่นของหมู่บ้านโบราณบนภูเขาเลียบชายฝั่งทะเลแห่งนี้ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง Spirited Away ของ Studio Ghibli ผู้ผลิตการ์ตูนยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอีกด้วย

ตามรอย Spirited Away ที่จิ่วเฟิ่น

นอกจากเป็นเมืองที่ถ่ายรูปสวยมากๆ บรรยากาศดีสุดๆ แล้ว ที่นี่ยังมีของกินอร่อยที่พลาดไม่ได้หลายเมนูด้วยกันนะ ทั้ง เต้าหู้เหม็น ไอศกรีมถั่วตัด เต้าฮวยบัวลอยเผือก ถนนคนเดินสายแห่งนี้มีร้านขายของที่ระลึกและอาหารริมทางที่น่าแวะชมและชิมเป็นอย่างมาก ดังนั้นควรเผื่อเวลาไว้เดินเล่นและชมของกระจุกกระจิกต่างๆ ไว้ด้วย

6. เที่ยวน้ำตกซือเฟิ่นและถนนคนเดินซือเฟิ่น

    • น้ำตกซือเฟิ่น (Shifen Waterfall / 十分瀑布) น้ำตกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในไต้หวัน อยู่ห่างจากเมืองไทเปเพียง 45 นาทีเท่านั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเขียวขจีในเขตผิงซี (Pingxi District) เมืองนิวไทเป (New Taipei City) ระหว่างสถานีต้าหัว (Dahua) และ สถานีซือเฟิ่น (Shifen) บนเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ผิงซี น้ำตกซือเฟิ่นเป็นน้ำตกขนาดกลางที่มีความสูงประมาณ 20 เมตร และความกว้าง 40 เมตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำจีหลง (Keelung River) ผาน้ำตกมีลักษณะโค้งคล้ายเกือกม้า พร้อมสายน้ำสีขาวที่เทกระหน่ำลงมาเป็นริ้วๆ ราวกับผ้าแพร เสียงของสายน้ำดังก้องกังวานไปทั่ว ไอน้ำฟุ้งกระจายต้องกับแสงแดดจนเกิดเป็นรุ้งกินน้ำ สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวอย่างไม่รู้ลืม ด้วยเหตุนี้เอง น้ำตกซือเฟิ่นจึงได้รับการขนานนามให้เป็น “ไนแองการาแห่งไต้หวัน” นั่นเองค่ะ
น้ำตกซือเฟิ่น
  • สถานีซือเฟิ่น (Shifen Station) สถานีรถไฟเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1918 โอบล้อมไปด้วยทิวทัศน์ของภูเขา น้ำตก ตลอดไปจนถึงวิวเมือง เดิมเคยใช้เป็นสถานที่ขนส่งถ่าน แต่หลังจากปี ค.ศ. 1992 ก็ได้พัฒนาให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เราสามารถไปเดินเล่นชมวิวที่สะพานแขวนจิ้งอัน สะพานแขวนโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ให้เป็นที่เที่ยวอันสำคัญของไต้หวัน
  • ถนนคนเดินซือเฟิ่น ชุมชนเล็กๆ เก่าแก่ริมทางรถไฟสายเก่าอย่างสายรถไฟผิงซี เมื่อก่อนเป็นเส้นทางลำเลียงถ่านหินสมัยที่ญี่ปุ่นยึดครองไต้หวัน ถ้ามองดูรอบๆ ก็อาจจะคล้ายๆ กับตลาดร่มหุบ ในไทยค่อนข้างมากเลยทีเดียว แต่มีความเป็นระเบียบอยู่มาก
  • ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวซือเฟิ่น ตั้งอยู่ในพื้นที่ชมวิวรุ่ยเฟิ่ง ล้อมรอบด้วยภูเขา น้ำตก และลุ่มแม่น้ำต้าหัวที่สวยงาม ใช้เวลาเดินเพียง 15 นาที จากสถานีสือเฟินไปถึงถนนโบราณ ไม่เพียงแต่เหมาะแก่การเดินเล่มชมวิวริมแม่น้ำเท่านั้น ที่นี่ยังมีกิจกรรมสอนการทำโคมลอยพื้นบ้าน ให้ได้เรียนรู้กันอีกด้วย

7. ไหว้พระขอพรที่วัดหลงซานเมื่อไป เที่ยวไต้หวัน

วัดหลงซานเป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 300 ปี สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1738 ตั้งอยู่ในแถบย่านเมืองเก่าของไทเป เป็นหนึ่งในวัดที่คนไต้หวันเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ทุกๆ วันจะมีทั้งคนไต้หวันและนักท่องเที่ยวต่างชาติแวะเวียนเข้ามามากมาย วัดหลงซานมีชื่อเสียงในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์และการขอพรด้านต่างๆ ทั้งการเรียน การงาน การเดินทางปลอดภัย และอื่นๆ เพราะภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าหลายองค์ โดยมาจากทั้งศาสนาพุทธ เต๋า และขงจื้อ ไม่ว่าจะเป็น เจ้าแม่กวนอิม เจ้าแม่ทับทิม เทพเจ้ากวนอู รวมถึงเทพที่มีชื่อเสียงเรื่องการขอพรความรัก นั่นก็คือ เทพเย่ว์เหล่า หรือ ผู้เฒ่าจันทรา นั่นเอง

ไหว้พระขอพรที่วัดหลงซาน

วัดหลงซานเคยเสียหายเป็นอย่างมากในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่องค์เจ้าแม่กวนอิมในพระตำหนักไม่ได้รับความเสียหายใดๆ สิ่งนี้ก็ยิ่งทำให้ชาวไต้หวันเกิดความเลื่อมใสและศรัทธามากขึ้นไปอีก รวมถึงได้มีการบูรณะวัดและสร้างใหม่จนสวยงามกว่าในสมัยก่อนมากๆ แนะนำว่าใครไปเที่ยวไทเป ต้องเข้าไปสักการะ วัดหลงซานให้ได้สักครั้งเลยค่ะ

ขั้นตอนการไหว้พระในวัดหลงซาน

  1. เริ่มจากเดินเข้าไปทางประตูมังกรที่อยู่ด้านเดียวกับน้ำตก แล้วรับธูปตรงด้านขวามือ (ธูปฟรี)
  2. อธิษฐานแล้วปักธูปที่กระถางธูปเจ้าแม่กวนอิมที่ตั้งอยู่กลางวัดเป็นอันดับแรก ตามด้วยกระถางธูปเทียนกง (สามารถขอพรได้ทุกเรื่อง)
  3. เข้าไปยังตำหนักหลัก เริ่มจากขวาไปซ้าย แล้วปักธูปที่กระถางหน้าศาล เจ้าเหวินชาง (ขวามือสุด) แล้วต่อด้วยกระถางธูปสุ่ยเซียนจุนหวัง กระถางธูปเจ้าแม่มาจู่ กระถางธูปเจ้าแม่จู้เซิง และกระถางธูปกวนอู
  4. เมื่อไหว้ถึงกระถางธูปกวนอูจะเจอกับเฒ่าจันทรา (เทพเยว่เหล่า) ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน ให้ไหว้อธิษฐานโดยบอกชื่อ-นามสกุล วันเกิด ที่อยู่ของตัวเอง แล้วบอกลักษณะนิสัย/รูปร่างของคนรักที่คาดหวังไว้
  5. อธิษฐานขอด้ายแดงของเฒ่าจันทราด้วยการโยนไม้เสี่ยงทายสองชิ้นพร้อมกัน ให้โยนจนกว่าจะออก “หงาย” และ “คว่ำ” อย่างละอัน ติดกัน 3 ครั้งรวด
  6. นำด้ายแดงไปวนขวา 3 รอบ ที่กระถางธูปเจ้าแม่กวนอิม (จุดที่ปักธูปครั้งแรก)
  7. กลับไปไหว้อีกครั้งที่หน้าตำหนักหลัก แล้วบอกชื่อ-นามสกุล วันเกิด ที่อยู่ของตัวเอง แล้วบอกลักษณะนิสัย/รูปร่างของคนรักที่คาดหวังตามที่อธิษฐานไว้ในครั้งแรก
  8. นำด้ายแดงใส่กระเป๋าติดตัว แล้วเดินออกทางประตูเสือ (อีกฝั่งของวัด)

8. ขึ้นกระเช้าเมาคงขึ้นไปยังไร่ชาเมื่อไป เที่ยวไต้หวัน

หากคุณต้องการเพลิดเพลินไปกับวิวเมืองที่สวยงามพร้อมกับนั่งจิบชาไต้หวันไปด้วย การนั่งกระเช้าเมาคงไปยังเมาคงคือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ กระเช้าลอยฟ้าเมาคงที่มีความยาวทั้งหมด 4.03 กิโลเมตร เป็นเส้นทางกระเช้าลอยฟ้าสายแรกของเมืองไทเป หนึ่งเที่ยวใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที มีสถานีให้ผู้โดยสารได้ขึ้น-ลงทั้งหมด 4 สถานีได้แก่ “สถานีสวนสัตว์” “สถานีภายในสวนสัตว์” “สถานีวัดจื่อหนานกง” และ “สถานีเมาคง”

ขึ้นกระเช้าเมาคงขึ้นไปยังไร่ชา

เมาคงตั้งอยู่บนภูเขาทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองไทเป การไปชมไร่ชาเมาคงเป็นอีกหนึ่งทริปยอดนิยมระหว่างวันจากไทเป เพื่อไปชมแหล่งผลิตชาบนเนินเขาที่มีร้านน้ำชา และวิวด้านล่างสุดลูกหูลูกตา ถ้านั่งกระเช้าลอยฟ้า ให้ลงสถานีเมาคงซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายของระบบ ไร่ชาส่วนใหญ่อยู่บนถนนสายหลักของภูเขา หลายแห่งมีชาและอาหารให้ลองชิมมากมาย ศูนย์ส่งเสริมชาไต้หวันจะมีการจัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการผลิตชา วิธีการชงที่ถูกต้อง วิธีเก็บรักษา แนะนำข้อมูลเกี่ยวกับการจำหน่ายชาไต้หวัน ศิลปะการชงชา รวมถึงสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาดินและน้ำอีกด้วย

ประชาชนจำนวนมากตั้งใจเดินทางมาที่เมาคงเพื่อมาดื่มชาโดยเฉพาะ หากคุณเดินทางมาที่เมาคง อย่าลืมแวะร้านชา ลิ้มรสชาชื่อดัง “ชามู่จ้าเถี่ยกวนอิน” และ “ชาเหวินซันเปาจ่ง” จากนั้นลองชิมอาหารเมนูจากใบชาสุดพิเศษแสนอร่อย พร้อมๆ กับการชมทัศนียภาพที่งดงามของเมืองไทเป ถึงจะไม่เสียเที่ยวที่เดินทางมาเยือนเมาคง

9. ชมพิธีเปลี่ยนเวรยามที่อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค

อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก(Chiang Kai-Shek Memorial Hall) เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของประเทศไต้หวัน และสถานที่ท่องเที่ยวหลักที่ต้องมาของเมืองไทเป สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1976 เพื่อเป็นการรำลึกถึงอดีตประธานาธิบดีเจียง ไคเชก เป็นอาคารสีขาวทั้ง 4 ด้านมีหลังคาทรง 8 เหลี่ยมสีน้ำเงินแบบสถาปัตยกรรมแบบจีน ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลางของจตุรัสเสรีภาพ(Freedom Square) มีบันไดด้านหน้า 89 ขั้นเท่ากับอายุของท่านประธานาธิบดี โดยภายในจะมีรูปปั้นทำจากทองสัมฤทธิ์ของท่านในท่านั่งขนาดใหญ่ที่มีใบหน้ายิ้มแย้มต่างจากรูปปั้นของท่านในที่อื่นๆ ซึ่งจะมีทหารยืนเฝ้าไว้ 2 นายตลอดเวลา และที่กำแพงด้านในหลังจะมีข้อความปรัชญาทางการเมืองการปกครองของท่านอยู่ 3 คำ คือ จริยธรรม ประชาธิปไตย และวิทยาศาสตร์

อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค

ไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาดในการมาเที่ยวชมอนุสรณ์สถานเจียงไคเชก คือพิธีเปลี่ยนเวรทหาร ซึ่งจะมีทุกๆต้นชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 10:00-16:00 ของทุกวัน นอกจากนี้ก็จะมีพิธีเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาในตอนเช้าตรู่และในตอนเย็นด้วย คือเวลา 06:00 และ 18:10 ในช่วงเดือนเมษายน-เดือนกันยายน อีกช่วงคือเวลา 06:30 และ 17:10 ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคม ซึ่งทหารที่ทำหน้าที่นี้จะผลัดเปลี่ยนกันมาจาก 3 เหล่าทัพซึ่งจะมีสีของชุดยูนิฟอร์มไม่เหมือนกัน โดยจะทำหน้าที่กันครั้งละ 4 เดือน

10. ย้อนวันวาน เที่ยวไต้หวัน ที่ย่านเมืองเก่าต้าเต้าเฉิง

ย่านเมืองเก่าต้าเต้าเฉิง Dadaocheng ตั้งอยู่บนถนนตี๋ฮว่า (Dihua) แหล่งชอปปิ้งสินค้าท้องถิ่นและสินค้าหลากหลายสไตล์ อาทิ เครื่องเซรามิคแบบโบราณ, ร้านชาบรรยากาศคลาสิกที่บ้างตั้งอยู่บนตึกหรือตามตรอกซอกซอย, ร้านสมุนไพรไต้หวันที่หาซื้อได้ยากจากที่อื่นๆ ลิ้มรสชาติอาหารไต้หวันจากร้านอาหารท้องถิ่นอยู่ตามริมถนนหรือตามตรอกต่างๆ บรรยากาศให้กลิ่นอายของยุคสมัยเก่า ร้านขนมไต้หวันที่ใช้วัตถุดิบหลักคืออัลมอนด์และเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ทางทิศใต้ของถนนมีสถานที่ยอดนิยมมาขอคู่ครองหรือลูกอย่างวัดเสียไห่ (Xia Hai) ถัดจากวัดคือตลาดผ้าหยงเล่อ (Yongle Fabric Market)ศูนย์รวมผ้าขนาดใหญ่ทั้งแบบทันสมัยและดั้งเดิม ถนนเรียงรายไปด้วยอาคารบ้านเรือนหลายร้อยหลังสะท้อนให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมแบบฝูเจี้ยนของจีนและบารอคของตะวักตกไว้อย่างลงตัวกลมกลืนไปกับยุคสมัยปัจจุบัน และยังเป็นจุดดึงดูนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

ย่านเมืองเก่าต้าเต้าเฉิง Dadaocheng

ไม่ว่าคุณจะเดินทางคนเดียว กับเพื่อนหรือกับครอบครัว การเดินทางท่องเที่ยวให้สนุกจะต้องมีการเตรียมตัวและเตรียมการหาข้อมูลล่วงหน้า รวมถึงเตรียมพร้อม หากเกิดเหตุฉุกเฉินที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อน จนต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณ เที่ยวต่างประเทศได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ก็คือ ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : What to Do in Taipei – Top 13 Must Dos | We Fun Taiwan 一起玩台灣, Taipei things to do | Taipei Travel

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

8 สิ่งที่ควรรู้ สำหรับการเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง

8 สิ่งที่ควรรู้ สำหรับ การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวหรือต้องเดินทางบ่อย ๆ กระเป๋าเดินทางเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ใช้บรรจุเสื้อผ้า ของใช้จำเป็น หรืออุปกรณ์เสริมสำหรับการเดินทาง การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง ดี ๆ ซักใบ จะช่วยให้การเดินทางของคุณสะดวกสบายเพิ่มขึ้นหลายสเต็ป ไม่ต้องเหนื่อยกับการลากกระเป๋าเดินทางหรือกังวลว่าจะขนย้ายกระเป๋านเดินทางยังไง ทำให้ทริปของคุณสนุก เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจตามที่วางแผนไว้ Allianz Travel อยากให้คุณเริ่มต้นเดินทางได้อย่างถูกต้อง โดยเริ่มจากการเลือกกระเป๋าเดินทางที่เหมาะสมกับการเดินทางของคุณ เรามาดูกันว่า 8 สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง มีอะไรบ้าง

1. การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง จากรูปแบบของกระเป๋าเดินทาง

นักท่องเที่ยวมีหลายสไตล์ ทั้งสายชิลล์ สายเที่ยวในเมือง นอนโรงแรม หรือสายธรรมชาติ ชอบกางเต็นท์หรือนอนโฮสเทล ดังนั้น การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง ก็ต้องเลือกให้เหมาะกับรูปแบบการท่องเที่ยวของตนเอง เพื่อความสะดวกสบายในการท่องเที่ยวมากที่สุด

หากจัดทริปแบบที่มีการเดินทางหลายรูปแบบ ก็ควรใช้กระเป๋าเดินทางที่มีน้ำหนักเบา สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย การยกเก็บไว้ในช่องเก็บสัมภาระบนเครื่องบิน บนรถไฟ รวมถึงบนรถบัสอีกด้วย และถ้าเป็นทริปที่มีการเดินเป็นส่วนมาก ควรเลือกกระเป๋าที่สามารถยกและเคลื่อนย้ายได้สะดวกในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินข้ามถนน การขึ้นบันได การขึ้นลิฟต์ การขึ้นรถเมล์ การขึ้นรถไฟ เป็นต้น จึงควรเลือกกระเป๋าเป้แบบสะพายหลัง หรือเพิ่มฟังก์ชั่นแบบมีล้อในตัว เพราะสามารถเลือกสะพายหรือใช้ล้อลากก็ได้

การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง - รูปแบบของกระเป๋าเดินทาง

หากเดินทางด้วยเครื่องบิน ก็ต้องเช็คเรื่องการจำกัดน้ำหนักของกระเป๋า ทั้งกระเป๋าที่โหลดลงใต้เครื่องและกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่อง จึงควรเลือกกระเป๋าเดินทางที่สามารถถือได้ด้วยตนเอง สามารถยกขึ้นรถ เดินทางไปสนามบิน และเช็คอินได้อย่างสะดวก รวมถึงกระเป๋าใบที่ถือขึ้นเครื่อง ควรยกขึ้นเก็บบนช่องเก็บสัมภาระเหนือหัวได้อย่างสะดวก

หากเดินทางด้วยเรือ กระเป๋ามักจะถูกกองรวมกันไว้ในท้องเรือ ฉะนั้นจึงควรเลือกกระเป๋าที่มีความแข็งแรง เมื่อถูกวางทับด้วยกระเป๋าใบอื่น ๆ กระเป๋าจะไม่เปลี่ยนรูปและช่วยป้องกันของภายในกระเป๋าไม่ให้รับน้ำหนักมากเกินไป จนเกิดความเสียหายได้

2. การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง จากขนาดของกระเป๋าเดินทาง

เลือกขนาดของกระเป๋าเดินทางให้เหมาะสมกับสิ่งของที่จะใส่และระยะเวลาที่เราจะไปเที่ยว ที่สำคัญคือคุณควรเลือกกระเป๋าเดินทางที่มีขนาดโดยรวมที่คุณสามารถรับมือกับมันได้ เพราะบางครั้งอาจไม่มีใครช่วยคุณยกขึ้นลงและลากไปไหนต่อไหน เราไม่อยากให้คุณต้องปวดหลังหรือปวดแขนระหว่างเดินทาง คุณควรตรวจสอบขนาดและน้ำหนักของสัมภาระที่สายการบินที่คุณจะเดินทางอนุญาตให้นำไปด้วย เพราะแต่ละสายการบินมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน

การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง - ขนาดของกระเป๋าเดินทาง
  • ขนาด 18-20” เป็นกระเป๋าขนาดมาตรฐานที่สามารถถือขึ้นเครื่องเมื่อเดินทางระหว่างประเทศ เหมาะอย่างยิ่งหากคุณต้องใช้บริการสายการบินยุโรปราคาประหยัด เช่น easyJet หรือ Ryanair ซึ่งมีกฎที่เข้มงวดมาก แต่สายการบินในประเทศสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้ใช้กระเป๋าขนาด 22 นิ้วขึ้นเครื่องได้ แต่ถ้าในทริปนั้น คุณวางแผนเดินทางขึ้นเครื่องเป็นหลักทั้งในประเทศและต่างประเทศ กระเป๋าใบเล็กอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
  • ขนาด 23-24” เป็นขนาดที่ต้องเริ่มโหลดลงใต้ท้องเครื่องบิน เหมาะสำหรับนักเดินทางที่เดินทาง 4-6 วัน และต้องการพื้นที่เพิ่มสำหรับซื้อของฝากหรือของที่ระลึก
  • ขนาด 25-27” กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ สำหรับเดินทางหลายวัน หรือต้องการเช็คอินกระเป๋าหนึ่งใบสำหรับสองคนหรือสำหรับครอบครัว คุณยังสามารถใส่สิ่งของของทุกคนลงในกระเป๋าเดินทางเหล่านี้หนึ่งหรือสองใบเพื่อให้หยิบจับได้ง่ายก็ได้ค่ะ
  • ขนาด 28-32” เป็นกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่มาก ซึ่งอาจดูใหญ่เทอะทะ และควบคุมยากเกินไปสำหรับการเดินทางแบบมาตรฐาน แต่ขอเตือนก่อนว่าอาจเกินข้อจำกัดด้านขนาดและน้ำหนักของสายการบิน ฉะนั้นอย่าลืมเช็คข้อกำหนดก่อนค่ะ

3. การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง จากวัสดุของกระเป๋าเดินทาง

กระเป๋าเดินทางแบบล้อลากโดยทั่วไปจะมีอยู่ 2 ชนิด แบบ Soft Case (แบบผ้า) กับแบบ Hard Case (แบบแข็งที่ทำจากพลาสติก ABS, PC, PP หรืออลูมิเนียม) เราจะมาเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของกระเป๋าทั้ง 2 แบบให้ดูกัน

3.1 กระเป๋าเดินทางแบบ Soft Case หรือแบบผ้า

การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง - กระเป๋าเดินทางแบบผ้า

ข้อดี: มีน้ำหนักเบากว่าและยืดหยุ่นต่อการใช้งาน ไม่เป็นรอยง่าย สามารถยัดใส่ช่องเก็บสัมภาระที่แคบและจำกัดได้ เหมาะสำหรับผู้ที่วางแผนไปช้อปปิ้งหรือมีเสื้อผ้าสิ่งของเยอะมาก เพราะกระเป๋าสามารถเพิ่มพื้นที่ความจุได้มากขึ้น นอกจากนี้บางรุ่นยังผลิตจากผ้าที่สามารถกันน้ำได้ด้วย

ข้อเสีย: ป้องกันการกระแทกได้น้อยกว่าแบบแข็ง หากถูกโยนหรือกระแทกแรง ๆ สัมภาระด้านในอาจเกิดการแตกหักได้ ถ้าถูกกดทับมาก ๆ รูปทรงกระเป๋าอาจเสียหายได้ง่าย หากฝนตกแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก นอกจากกระเป๋าจะเปียกโชกแล้ว ยังทำความสะอาดได้ยากอีกด้วย และอาจฉีกขาดได้หากทำมาจากวัสดุที่คุณภาพไม่ดีพอ บางรุ่นไม่สามารถกันน้ำได้

3.2 กระเป๋าเดินทางแบบ Hard Case ที่ผลิตจากวัสดุพลาสติก ABS, PC, PP หรืออลูมิเนียม

การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง - กระเป๋าเดินทางแบบ Hard Case

ข้อดี: รูปทรงสวยงาม ดีไซน์ได้หลายรูปแบบ มีความแข็งแรงทนทาน มีโครงสร้างกันกระแทก บางรุ่นอาจผลิตจากวัสดุพิเศษที่ทำให้กระเป๋ามีน้ำหนักเบาแต่ยังคงทนแข็งแรง มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขีดข่วนและแรงกระแทกได้ดีกว่ารุ่นก่อน ๆ ทำให้ของภายในไม่เสียทรงหรือเสียหาย หากเกิดแรงกดทับหรือการกระแทกแรง ๆ สามารถกันน้ำได้ และยังสามารถป้องกันขโมยได้ระดับหนึ่งเพราะกรีดเปิดได้ยาก

ข้อเสีย: ยากต่อการเก็บ เป็นรอยขีดข่วนได้ง่ายกว่าแบบผ้า นอกจากนี้หากกระเป๋าทำมาจากวัสดุที่คุณภาพไม่ดีหรือถูกมาก ๆ ก็อาจเกิดการแตกหักได้

3.3 กระเป๋าเป้แบ็คแพค

การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง - กระเป๋าเป้แบ็คแพค

ควรเลือกที่ทำจากผ้าที่ทนทานต่อการฉีกขาด มีรอยเย็บที่แข็งแรง น้ำหนักเบา แต่รับน้ำหนักได้ดี และมีโครงสร้างที่ซัพพอร์ตหลัง สะพายนาน ๆ แล้วไม่ปวดหลัง ไม่เมื่อย บางรุ่นกันน้ำกันฝนได้ ระบายอากาศได้ดี

4. ลักษณะของล้อลาก

กระเป๋าเดินทางแบบมีล้อลาก ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเคลื่อนย้ายกระเป๋า กระเป๋าเดินทางล้อลากรุ่นแรก ๆ มักมีสองล้อ แต่ปัจจุบันกระเป๋าหลายยี่ห้อทำแบบสี่ล้อ ที่ช่วยให้คุณมีทางเลือกในการเข็นและดึงกระเป๋าของคุณในหลายทิศทางได้อย่างง่ายดาย

4.1 กระเป๋าลากแบบ 2 ล้อ

ข้อดี: สะดวกมากหากต้องลากกระเป๋าไปบนทางที่ขรุขระไม่สม่ำเสมอ ควรเลือกล้อที่สามารถหมุนไปได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง นอกจากนี้เมื่อวางกระเป๋าตั้งตรง กระเป๋าจะไม่เลื่อนไหล มีประโยน์เมืองยืนอยู่บนทางลาดชัน 

ข้อเสีย: ต้องใช้กำลังแขนในการลากมากกว่าแบบ 4 ล้อ เพราะกระเป๋าต้องถูกลากอยู่ด้านหลังเท่านั้น ซึ่งหากกระเป๋าหนักมากและต้องลากเป็นเวลานานอาจทำให้ปวดข้อมือและไหล่ได้

4.2 กระเป๋าลากแบบ 4 ล้อ

ข้อดี: ประหยัดแรงในการลากกระเป๋า ไม่ทำให้ปวดข้อมือหรือไหล่ หากเป็นล้อที่สามารถหมุนได้ 360 องศา จะทำให้เคลื่นย้ายกระเป๋าได้ง่ายแม้ในพื้นที่ที่จำกัด เช่น บนรถไฟ บนทางเดินในเครื่องบิน และในลิฟต์

ข้อเสีย : ล้อลากที่ยื่นออกมานอกกระเป๋า อาจพังเสียหายได้ง่าย และด้วยความที่มี 4 ล้อ กระเป๋าจึงไม่สามารถวางบนทางลาดได้ นอกจากนี้การนำกระเป๋าขึ้นเครื่องบิน สายการบินจะวัดขนาดกระเป๋ารวมทั้งตัวกระเป๋าและล้อด้วย จึงควรที่จะตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระเป๋าของเราจะไม่มีขนาดที่ใหญ่เกิดข้อกำหนด

การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง - กระเป๋าเดินทางแบบมีล้อลาก

ข้อแนะนำเพิ่มเติม

  • ควรเลือกล้อที่เป็นยางทั้งลูก มีตลับลูกปืน ล้อที่ฝังอยู่ในกระเป๋าจะพังยากกว่าล้อที่ยื่นออกมานอกกระเป๋า และล้อแบบคู่จะแข็งแรงทนทานกว่า 
  • เมื่อลองใช้กระเป๋าล้อลากบนพื้นเรียบ ๆ ของร้าน  ก็ต้องจำไว้ว่าคุณอาจต้องการใช้บนพื้นขรุขระหรือก้อนกรวด ซึ่งมันจะแข็งพอสำหรับสิ่งนั้นด้วยหรือไม่
  • เลือกกระเป๋าที่ล้อหมุนได้แบบ 360 องศา ซึ่งสามารถหมุนได้ฟรีสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นเดินหน้า ถอยหลัง หรือการเลี้ยวซ้ายขวาก็จะสะดวกกว่าล้อแบบธรรมดา ยิ่งต้องลากเดินระยะทางไกล ๆ จะช่วยผ่อนแรงได้ดีมาก ๆ สามารถลากแบบแนบลำตัวหรือลากแบบ 2 ล้อก็ได้ เพื่อความสะดวกในการลากมากที่สุด

5. เช็คน้ำหนักของตัวกระเป๋า

น้ำหนักสัมภาระจำกัดโดยเฉลี่ยสำหรับเที่ยวบินระยะไกลชั้นประหยัดคือ 23 กก. และสายการบินเริ่มเข้มงวดมากขึ้นกับน้ำหนักสัมภาระที่คุณต้องการโหลดลงเครื่อง ดังนั้นน้ำหนักของตัวกระเป๋าจึงเป็นสิ่งสำคัญ  หากตัวกระเป๋าเดินทางของคุณมีน้ำหนักมาก นั่นหมายความว่าคุณสามารถนำสิ่งของติดตัวไปได้น้อยลง หรือคุณต้องจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อเพิ่มน้ำหนักของสัมภาระ ดังนั้นเมื่อคุณเลือกซื้อกระเป๋า นอกจากเรื่องความสวยงามถูกใจแล้ว ควรเช็คน้ำหนักของกระเป๋าเปล่าเพื่อประกอบการตัดสินใจด้วยค่ะ

6. ซิป หูหิ้วและคันชัก

อย่าลืมตรวจดูซิปกระเป๋าให้ดีว่ามีความแข็งแรง เปิดง่ายไม่กินเนื้อผ้า กระเป๋าบางรุ่นจะมีซิป 2 ทิศทางทำให้สะดวกต่อการเปิดใช้งานอีกด้วย ควรเลือกกระเป๋าเดินทางที่มีซิปแบบ 2 ชั้น ช่วยป้องกันการโดนกรีดหรือซิปแตก

หูหิ้วกระเป๋าต้องมีความแข็งแรงสุด ๆ เพราะมันเป็นส่วนที่รับน้ำหนักของกระเป๋าทั้งใบเวลายก หูหิ้วควรเป็นแบบยึดเกาะติดกับตัวกระเป๋า ยืดหดได้เป็นอย่างดี จับได้ถนัดมือ 

กระเป๋าลากจะมีหูคันชักเพื่อให้สะดวกต่อการลาก ควรเลือกแบบที่สามารถปรับระดับความยาวได้เหมาะกับความสูงของเรา ควรเป็นคันชักที่ติดตั้งอยู่ในกระเป๋าเพราะพังยากกว่า และมีความแข็งแรงทนทาน อย่าลืมทดลองจับและลาก หากกระเป๋ายังชนกับขาของเราแสดงว่าความยาวของคันชักยังไม่สัมพันธ์กับความสูง และต้องลองดึงขึ้น เก็บลงจนมั่นใจว่าแข็งแรง ไม่มีปัญหาว่าจะพังเสียหายได้ง่าย ๆ

การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง - คันชักของกระเป๋าเดินทาง

7. ตัวล็อก

เลือกกระเป๋าเดินทางที่มีตัวล็อก TSA ซึ่งเป็นการล็อกด้วยรหัส เป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกันไม่ให้ใครก็ตามเปิดกระเป๋าของเราได้ ป้องกันการขโมยหรือการเปิดกระเป๋าเดินทางของเราโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงปลอดภัยกว่ากระเป๋าที่ไม่มีตัวล็อกเลย แต่หากกระเป๋าเดินทางที่ใช้อยู่ไม่มีตัวล็อก ก็สามารถหาซื้อตัวล็อกกุญแจมาล็อกป้องกันได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ควรมีขนาดใหญ่หรือสะดุดตามมากจนเกินไป เนื่องจากจะล่อตาล่อใจเหล่ามิจฉาชีพซึ่งอาจคาดเดาไปว่าของในกระเป๋าน่าจะมีมูลค่ามากมาย และเสี่ยงต่อการถูกขโมยได้

การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง - ตัวล็อกของกระเป๋าเดินทาง

8. การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง จากสีของกระเป๋า

คุณเคยสังเกตไหมว่ากระเป๋าเดินทางเกือบทั้งหมดเป็นสีดำ เพราะเป็นสีที่ไม่เห็นคราบสกปรกมากเท่ากับสีอื่น ๆ แต่เนื่องจากเป็นสีที่คนนิยมใช้กันมาก จึงอาจทำให้สับสนกับกระเป๋าของคนอื่น แต่หากเลือกกระเป๋าที่สีที่โดดเด่นสะดุดตา (หรือแท็กกระเป๋าที่โดดเด่น) จะช่วยให้เรามองหากระเป๋าตัวเองได้ง่ายขึ้นเวลากระเป๋าอยู่รวมกับกระเป๋าใบอื่น ๆ บนสายพาน และยังช่วยให้ไม่ถูกหยิบสลับสับเปลี่ยนไป ป้องกันการถูกขโมยได้ระดับหนึ่ง

การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง - กระเป๋าเดินทางสีต่างๆ

เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับ การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง

  • เก็บของมีค่าและเอกสารการเดินทางไว้ในกระเป๋าถือที่คุณสามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา
  • ติดป้ายกันน้ำบนกระเป๋าแต่ละใบพร้อมข้อมูลติดต่อล่าสุดของคุณ หากกรณีที่กระเป๋าของคุณสูญหาย ก็จะมีโอกาสสูงที่คุณจะได้รับกระเป๋าคืนอย่างรวดเร็ว และอย่าลืมลบข้อมูลของทริปที่แล้วออกด้วย!
  • ตรวจเช็คกระเป๋าเดินทางของคุณทันทีที่คุณรับกระเป๋าลงจากสายพาน หากพบความเสียหาย ให้คุณถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน และติดต่อสายการบินหรือบริษัทประกันภัยของคุณ
  • ซื้อประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ ที่ครอบคลุมสัมภาระสูญหายหรือเสียหาย หรือสัมภาระล่าช้า
การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง - รับกระเป๋าเดินทางจากสายพาน

ถึงแม้ว่าเราจะสามารถเดินทางไปได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องกระเป๋าเดินทางแล้ว แต่เราก็ยังต้องเตรียมตัวและข้าวของจำเป็นให้พร้อมก่อนเดินทางเพื่อให้การเดินทางของเราราบรื่น เที่ยวสนุก ปลอดภัย และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติมจากที่วางแผนไว้ และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ การซื้อประกันการเดินทางต่างประเทศ ที่จะช่วยให้การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่น ๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่



*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : traveladdicts.net, travelfashiongirl.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

20 tourist attractions in iceland

20 ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ ดินแดนธรรมชาติอันงดงาม

ประเทศไอซ์แลนด์เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำของโลก ไม่เพียงแต่สำหรับนักผจญภัยที่แสวงหาความตื่นเต้นเร้าใจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้รักธรรมชาติที่มองหาสิ่งที่แตกต่างออกไปด้วย แหล่ง ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ คุณจะได้พบกับภูเขาไฟที่ยังไม่ดับและปะทุอยู่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก น้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน บ่อน้ำร้อนกลางแจ้ง ธารน้ำแข็ง ทุ่งน้ำแข็ง และฟยอร์ด 

เราสามารถ เที่ยวไอซ์แลนด์ ได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเช่ารถขับ หรือใช้บริการทัวร์ที่มีอยู่มากมาย อย่างเช่น ทัวร์ล่าแสงเหนือ ขี่รถ ATV เหนือทุ่งลาวา ทัวร์ไปเช้าเย็นกลับ เพื่อชมความงามทางธรรมชาติที่น่าทึ่งของไอซ์แลนด์ และเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการผจญภัยครั้งต่อไปของคุณ Allianz Travel ได้นำ 20 ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ ดินแดนอันงดงามของธรรมชาติมาใส่เพิ่มในแผนการเดินทางของคุณค่ะ

1. เมืองเรคยาวิก (Reykjavík)

เรคยาวิกเป็นเมืองหลวงของไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งใน ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ ที่คุณควรไปเยี่ยมชมเมื่อไปถึงไอซ์แลนด์ คุณควรใช้เวลาสัก 2-3 วันเพื่อเพลิดเพลินกับสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไอซ์แลนด์ ที่นี่พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่คุณคาดหวังได้จากเมืองหลวงของยุโรป เช่น พิพิธภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมและแหล่งช้อปปิ้งชั้นยอด โดยเริ่มต้นด้วยการชมเมืองมุมสูง 360 องศาจากโบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrímskirkja) โบสถ์คอนกรีตสีขาวที่มีดาดฟ้าสำหรับชมวิวในหอคอยสูง 74.5 เมตร เดินเล่นสำรวจรอบเมือง เยี่ยมชมอาคาร Harpa ในเขตท่าเรือเก่า ชมหอศิลป์สำคัญๆ แวะชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติไอซ์แลนด์ และผ่อนคลายแช่น้ำอุ่นตามสระว่ายน้ำสาธารณะที่มีอยู่หลายแห่งของเมือง

โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrímskirkja)
โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrímskirkja)

2. บลูลากูน (Blue Lagoon)

บลูลากูนเป็นสปาที่ใช้ความร้อนจากใต้พิภพ มีอุณหภูมิสูงถึง 37-39 องศาเซลเซียส และกล่าวกันว่ามีประโยชน์อย่างมากต่อทั้งสุขภาพและผิวพรรณ นอกจากการอาบน้ำในบรรยากาศที่ไม่เหมือนใครแล้ว ที่นี่ยังมีร้านขายผลิตภัณฑ์ดูแลผิว สปาทรีตเมนต์ต่างๆ และสถานที่กินและดื่มอีกด้วย คุณสามารถเดินทางไปเช้าเย็นกลับจากเมืองเรคยาวิก โดยใช้เวลาขับรถเพียง 40 นาที การจองตั๋วรถบัสไปยังบลูลากูนจากเรคยาวิกก็ทำได้ไม่ยาก และถ้าคุณต้องการเพิ่มการผจญภัยในไอซ์แลนด์ คุณสามารถจองการเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับด้วยรถเอทีวีที่จะพาคุณขับรถไปตามเส้นทางหินลาวา

บลูลากูน (Blue Lagoon)

หากคุณมีเวลาไม่มาก คุณอาจแวะแช่ตัวในน้ำสีฟ้าร้อนและโคลนสีฟ้าที่อุดมด้วยแร่ธาตุในสระอาบน้ำสัก 2-3 ชั่วโมงทันทีที่คุณบินมาถึงไอซ์แลนด์ หรือแม้แต่ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินออกจากประเทศ เพราะบลูลากูนตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติเคฟลาวิกเป็นอย่างมาก

3. คาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes)

อุทยานธรณีคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes) อยู่ห่างจากเมืองหลวงประมาณ 50 กิโลเมตร เป็นที่เดียวในโลกที่จะมีโอกาสได้เห็นทวีปอเมริกาเหนือกับทวีปยุโรปที่ปกติจะมีมหาสมุทรแอตแลนติกคั่นกลางในระยะทางนับพันกิโลเมตร แต่คุณสามารถเดินข้ามทวีปตรงรอยแยกระหว่างแผ่นเปลือกโลกยูเรเซียและอเมริกาเหนือในเวลาไม่ถึงนาที โดยผ่านสะพานข้ามทวีปบริเวณสีขาวที่มีชื่อเรียกว่า ‘Leif the Lucky’ ตั้งขึ้นเป็นเกียรติแก่นาย เลฟ เอริกสัน (Leif Erikson) นักสำรวจชาวไอซ์แลนด์ และเป็นชาวยุโรปคนแรกที่พิชิตทวีปอเมริกาเหนือสำเร็จเมื่อพันปีก่อน ตามตำนานของชาวไอซ์แลนด์

คาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes)

สำหรับผู้หลงใหลธรณีวิทยา คาบสมุทร Reykjanes แห่งนี้เปรียบเสมือนดินแดนที่จะย้อนเวลาให้คุณเข้าใจถึงการกำเนิดโลก ค้นพบเรื่องราวเกี่ยวกับภูเขาไฟ ทุ่งลาวา แผ่นดินไหว รอยแยก ชั้นหินต่าง ๆ น้ำพุร้อน และระบบความร้อนใต้พิภพได้เป็นอย่างดี

4. ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ บนเส้นทางวงกลมทองคำ (The Golden Circle)

เส้นทางวงกลมทองคำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ได้ความนิยมที่สุดของไอซ์แลนด์ มีระยะทางเมื่อขับรถวนรอบแค่ 240 กิโลเมตร และรวมสถานที่ที่ดีที่สุดที่ควรไปเยี่ยมชมในไอซ์แลนด์ไว้ถึง 3 แห่ง คุณสามารถขับรถเที่ยวจากเมืองเรคยาวิกวนเป็นวงกลมได้ใน 1 วัน โดยเริ่มจากอุทยานแห่งชาติ Thingvellir ซึ่งเป็นหุบเขาขนาดใหญ่ที่มีทั้งประวัติศาสตร์และทิวทัศน์ที่สวยงาม และยังเป็นบริเวณที่แผ่นเปลือกโลกของทวีปอเมริกาเหนือและทวีปยุโรปแยกออกจากกัน นอกจากนี้หากคุณกล้าท้าความหนาวเย็น คุณสามารถไปดำน้ำตื้นหรือดำน้ำลึกได้ที่รอยแยกใต้น้ำซิลฟรา (Silfra Fissure) ซึ่งเป็นรอยแยกแผ่นทวีปยูเรเชีย-อเมริกาเหนือ หลังจากนั้นให้ขับรถไปที่หุบเขาเฮาคาดาลูร์ Haukadalur ซึ่งคุณจะพบกับกีย์เซอร์หรือน้ำพุร้อนใต้ดินที่พุ่งสูงขึ้นไปในอากาศ และที่สุดท้ายคือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) น้ำตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์และเป็นน้ำตกที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุด

น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss)

5. น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) และสโกกาฟอสส์ (Skógafoss)

น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์และสโกกาฟอสส์ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งทางตอนใต้ไม่ไกลจากเมืองเรคยาวิก น้ำตกแห่งแรกที่คุณจะไปถึงคือน้ำตกเซลยาลันด์ฟอสส์ ซึ่งมีน้ำไหลลงมาจากหน้าผาสูงและเป็นทางเข้าสู่ถ้ำขนาดใหญ่ คุณสามารถเดินไปตามขอบถ้ำและเข้าไปด้านหลังน้ำตกเพื่อถ่ายภาพได้ เมื่อคุณขับรถต่อไปตามถนนอีกหน่อย คุณก็จะถึงน้ำตกสโกการ์ฟอสส์ ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ใต้เงาของภูเขาไฟเอยาฟยาลลาโจกุล (Eyjafjallajökull) อันเลื่องชื่อ ที่เพิ่งปะทุจนต้องหยุดการจราจรทางอากาศทั้งหมดในปี 2010

น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss)
น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss)
น้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skógafoss)
น้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skógafoss)

6. หมู่เกาะแวสต์มานาเอย์ยาร์ (Vestmannaeyjar)

หมู่เกาะแวสต์มานาเอย์ยาร์อยู่นอกชายฝั่งทางใต้ของไอซ์แลนด์ที่มียอดเขาสูงชัน คุณใช้เวลานั่งเรือข้ามฟากจากแผ่นดินใหญ่เพียง 30 นาที แต่บรรยากาศให้ความรู้สึกเหมือนออกไปไกลหลายสิบกิโลเมตร คุณจะได้ยินเสียงร้องของนกทะเล เห็นหน้าผาสูงตระหง่าน และภาพกระท่อมที่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่บนยอดเขา ประชากรกว่า 4,000 คนของเกาะอาศัยอยู่ที่เมือง Heimaey ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ และมีลาวาที่ไหลเป็นเส้นตรงผ่านใจกลางเมือง ที่นี่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์นกพัฟฟินที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และคุณสามารถไปกับทัวร์เรือชมหมู่เกาะเพื่อชมพวกมันได้

หมู่เกาะแวสต์มานาเอย์ยาร์ (Vestmannaeyjar)
หมู่เกาะแวสต์มานาเอย์ยาร์ (Vestmannaeyjar)
นกพัฟฟิน
นกพัฟฟิน

7. น้ำตกเฮงกิฟอสส์ (Hengifoss)

น้ำตกเฮนกิฟอสส์เป็นน้ำตกที่สูงเป็นอันดับสามของไอซ์แลนด์ด้วยความสูงที่ 128 เมตร เป็นน้ำตกที่สวยงามมาก มีความสูง 128 เมตร นับว่าสูงเป็นอันดับ 2 ของน้ำตกที่สูงที่สุดของไอซ์แลนด์ น้ำตกเฮงกิฟอสส์มีความโดดเด่นด้วยช่องเขาที่อยู่โดยรอบ ซึ่งมีส่วนประกอบของหินสีแดงที่เกิดจากการ oxidation ของแร่เหล็กในโคลน แทรกตัวอยู่ระหว่างชั้นของกินบะซอลล์อายุราว 5-6 ล้านปี ที่เรียงตัวซ้อนกันเป็นชั้นๆ สีปูนแดงซึ่งทำให้น้ำตกแห่งนี้ดูสวยงามยิ่งขึ้น คุณสามารถเดินขึ้นเขาจากลานจอดรถไปที่น้ำตกได้ในเวลาประมาณ 40-60 นาที ซึ่งมีม้านั่งให้พักชมวิวเป็นระยะ ระหว่างทางคุณจะเจอกับน้ำตกลิทลันเนสฟอสส์ (Litlanesfoss) หนึ่งในน้ำตกที่มีชื่อเสียงของไอซ์แลนด์มากที่สุด ไหลผ่านหินบะซอลต์รูปแท่ง (columnar basalt) ที่เกิดจากการเย็นตัวอย่างช้าๆ ของลาวาในช่วงไม่ถึง 20 ล้านปี

น้ำตกเฮงกิฟอสส์ (Hengifoss)
น้ำตกลิทลันเนสฟอสส์ (Litlanesfoss)

8. ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jokulsarlon)

ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอนเป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่ทางใต้ตรงปลายๆ ของธารน้ำแข็ง “วาตนาเยอคูตล์” (Vatnajökull) อยู่ระหว่างอุทยานแห่งชาติสเกฟตาลเฟลล์ (Skeftalfell National Park) และเมืองฮอฟน์ (Höfn) มีขนาดกว้างถึง 18 ตารางกิโลเมตร และลึกประมาณ 200 เมตร หากคุณต้องการใกล้ชิดกับภูเขาน้ำแข็ง คุณสามารถเลือกเดินทางไปกับทัวร์ทางเรือ ซึ่งคุณอาจได้เจอกับแมวน้ำมากมายที่กำลังว่ายน้ำอยู่ในทะเลสาบและตรงใกล้ชายฝั่งทะเล หรืออาจกำลังพักผ่อนอยู่เหนือภูเขาน้ำแข็งที่ลอยอยู่ในทะเลสาบ ทะเลสาบแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยฝูงนกอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูร้อน ที่คุณมีโอกาสได้ชมเหล่านกนางนวลและนกสายพันธุ์อื่นๆอีกด้วย

ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jokulsarlon)

9. ธารน้ำแข็งฟอลซาลอน (Fjallsarlon)

ธารน้ำแข็งฟอลซาลอนคือทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่มาก อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติวนาโจกูล (Vatnajokull) ลักษณะคล้ายกับทะเลสาบโจกุลซาลอนแต่มีหน้าหาดที่ใหญ่กว่าและคนน้อยกว่า ทะเลสาบ ฟอลซาลอนอยู่ตรงกลางระหว่างภูเขา ลักษณะเหมือนกำลังจะไหลลงมาแต่ถูกสกัดด้วยความเย็นจึงเกิดน้ำแข็งที่มีรูปร่างสวยงาม การมาถึงทะเลสาบแห่งนี้ก็เหมือนได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งความฝันที่มีสถานที่ท่องเที่ยวอันตระการตา คุณสามารถล่องเรือชมภูเขาน้ำแข็งและธารน้ำแข็งขนาดยักษ์ และสัมผัสทิวทัศน์ธรรมชาติอันน่าทึ่งได้

ธารน้ำแข็งฟอลซาลอน (Fjallsarlon)

10. อุทยานแห่งชาติสกัฟตาเฟล (Skaftafell National Park)

อุทยานแห่งชาติสกัฟตาเฟลล์เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ และเข้าถึงได้จากถนนวงแหวน (Ring Road) ประกอบด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ 3 แห่ง ได้แก่ น้ำตกสีดำ Svartifoss ที่ไหลลงมาเหนือเสาหินบะซอลต์สีดำ คุณยังสามารถเดินไปที่ขอบของสกัฟตาเฟลส์โจกุล Skaftafellsjökull ในช่วงฤดูร้อน หรือเข้าร่วมทัวร์พร้อมไกด์เพื่อเข้าไปในถ้ำน้ำแข็งของธารน้ำแข็ง ทิวทัศน์ที่น่าทึ่งที่สุดคือยอดเขา Hvannadalshnjúkur ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในไอซ์แลนด์ ที่สูงถึง 2,110 เมตร คุณสามารถปีนขึ้นไปได้ในช่วงฤดูร้อนพร้อมไกด์ที่มีประสบการณ์

น้ำตกสีดำ Svartifoss
น้ำตกสีดำ Svartifoss
สกัฟตาเฟลส์โจกุล Skaftafellsjökull
Skaftafellsjökull

11. ฟยาดราเกลยูเฟอร์ (Fjaðrárgljúfur)

หุบโตรกฟยาดราเกลยูเฟอร์ อีกจุดท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้อยู่ไม่ไกลจากกทางตะวันออกเฉียงใต้ของถนนวงแหวน มีลักษณะเป็นช่องเขาที่เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งโบราณที่พยายามกัดเซาะชั้นลาวาภูเขาไฟในบริเวณนี้ จนเกิดเป็นแนวช่องแคบยาวประมาณ 2 กิโลเมตร และลึก 100 เมตร เมื่อก่อนที่นี่มีนักท่องเที่ยวไม่มากนักเมื่อเทียบกับบริเวณชายฝั่งทางตอนใต้ จนกระทั่ง Justin Bieber มาถ่ายทำมิวสิควิดีโอบริเวณนี้!

ฟยาดราเกลยูเฟอร์ (Fjaðrárgljúfur)

12. ที่ราบสูงไอซ์แลนด์ (Icelandic Highlands)

ที่ราบสูงไอซ์แลนด์อยู่ทางตอนใต้ของประเทศ มีพื้นที่กว้างใหญ่แต่แทบไม่มีคนอาศัยอยู่ และไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาที่นี่ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายบริเวณโดยรอบถนนวงแหวน แต่คุณจะได้พบกับน้ำตก บ่อน้ำพุร้อน และทัศนียภาพอันงดงามของไอซ์แลนด์มากมาย ไฮไลท์หลักของที่นี่คือลานมันนาเลยการ์ (Landmannalaugar) ที่มีทั้งบ่อน้ำพุร้อน ภูเขาสูง และหุบเขากว้าง

ลานมันนาเลยการ์ (Landmannalaugar)

13. เมืองอคูเรย์รี่ (Akureyri)

เมืองอคูเรย์รี่เป็นเมืองหลวงทางตอนเหนือ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าแทบจะเป็นเมืองเดียวในไอซ์แลนด์ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือ เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีประชากรทั้งหมดประมาณ 18,000 คน และเป็นจุดตั้งต้นที่ดีในการสำรวจดินแดนทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์ เนื่องจากอยู่ใกล้กับทะเลสาบมิวาทน์ (Mývatn Lake) และทริปชมวาฬในฮูสาวิก (Húsavík) นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอย่างเช่น บ้านเลาฟาส( Laufás Turf Houses) และสวนพฤกษศาสตร์อาร์กติก รวมถึงพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นและโบสถ์ไอซ์แลนด์ที่สวยงามโดดเด่น ที่นี่ยังเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมที่คุณสามารถมาตามล่าแสงเหนือในฤดูหนาว

เมืองอคูเรย์รี่ (Akureyri)

14. ทะเลสาบมิวาทน์ (Lake Mývatn)

หากคุณมาเที่ยวเพื่อชมธรรมชาติในไอซ์แลนด์ ทะเลสาบมิวาท์นก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาด ทะเลสาบน้ำจืดแห่งนี้เป็นแลนด์มาร์คสำคัญอีกแห่งสำหรับการท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ในฤดูหนาว เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของบ่อน้ำพุร้อนจากลาวาภูเขาไฟจำนวนหลายแห่ง จัดว่าเป็นแหล่งทรัพยากรที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรณีวิทยา ได้รับการประกาศให้เป็นเขตอนุรักษ์ของไอซ์แลนด์  ในฤดูหนาวทะเลสาบใจกลางประเทศแห่งนี้จะมีหิมะปกคลุม น้ำในทะเลสาบแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง ดูสวยงามตระการตามาก และอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญที่พลาดไม่ได้ คือการมานอนแช่ออนเซ็นต์แบบไอซ์แลนด์ ที่ Myvatn Nature Baths  ซึ่งเป็นเขตอาบน้ำแร่ที่อุดมไปด้วยสิ่งที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ

ทะเลสาบมิวาทน์ (Mývatn Lake)
ทะเลสาบมิวาทน์ (Mývatn Lake)

15. น้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss)

ไอซ์แลนด์เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องน้ำตก แต่มีเพียงไม่กี่แห่งที่ทรงพลังเท่ากับน้ำตกเดตติฟอสส์ซึ่งมีขนาดที่สูงชันถึง 44 เมตร และปริมาณน้ำที่ไหลลงมาจากหน้าผาทุกวินาทีทำให้น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่ทรงพลังที่สุดเป็นอันดับสองของยุโรป ถึงแม้ว่าน้ำตกแห่งนี้จะไม่ใช่น้ำตกที่ถ่ายรูปออกมาสวยที่สุด แต่ก็ทำให้คุณเห็นสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติอันทรงพลังของไอซ์แลนด์ที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก

น้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss)

16. หุบเขาอัสบีร์กี (Ásbyrgi)

หุบเขาอัสบีร์กีตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่แปลกตาที่สุดแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์ หุบเขาแห่งนี้มีความยาว 3 กิโลเมตร และกว้าง 1 กิโลเมตร ในช่วงฤดูร้อน ด้านในของหุบเขาจะถูกแต่งแต้มด้วยสีเขียวสดจากต้นไม้และพืชพันธุ์ที่มีชีวิตชีวา ที่นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในไอซ์แลนด์ที่คุณจะได้เห็นต้นไม้มากมาย ทำให้ที่นี่เป็นจุดแวะที่ไม่เหมือนใครในแผนการเดินทางใดๆ หน้าผาของหุบเขาสูงขึ้นไป 100 เมตร ทำให้เพิ่มความเหนือจริงให้กับสถานที่มากขึ้นไปอีก

หุบเขาอัสบีร์กี (Ásbyrgi)

17. น้ำตกโกดาฟอสส์ (Goðafoss)

น้ำตกโกดาฟอสส์ (Goðafoss) เป็นอีกหนึ่งจุดใน ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ ที่สำคัญในเขตทะเลสาบมีวัทน์ (Myvatn Lake) โดย คำว่าโกดาฟอสส์นั้นแปลว่าน้ำตกแห่งพระเจ้า (Waterfall of God) ซึ่งดูนยิ่งใหญ่อลังการสมชื่อจริงๆ เพราะน้ำตกที่นี่มีความงดงามและใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศ ความงดงามของน้ำตกแห่งนี้เกิดจากสายน้ำตกของโกดาฟอสส์ที่มีลักษณะโค้งเป็นครึ่งวงกลมและไหลตกลงมายังแอ่งขนาดใหญ่ตรงกลาง ในฤดูหนาวเส้นทางจะปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน  น้ำในแอ่งบางส่วนจับตัวเป็นน้ำแข็งน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้มาเที่ยวไอซ์แลนด์ในหน้าหนาว

น้ำตกโกดาฟอสส์ (Goðafoss)
น้ำตกโกดาฟอสส์ (Goðafoss) และแสงเหนือ

18. เมืองฮูสาวิก (Húsavík)

สิ่งที่ดีที่สุดของไอซ์แลนด์ต้องรวมถึงเมืองฮูสาวิกอย่างแน่นอน ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ ทางชายฝั่งตอนเหนือ และที่เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการชมวาฬของประเทศไอซ์แลนด์ เมืองฮูสาวิกอยู่ไม่ไกลจากเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล และตลอดทั้งปี แหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ในอ่าวดึงดูดวาฬหลากหลายสายพันธุ์จำนวนมาก ในช่วงเวลาต่างๆ ของปี คุณสามารถเจอได้ทั้งวาฬออร์กา วาฬสีน้ำเงิน วาฬมิงค์ วาฬสเปิร์ม และวาฬหลังค่อม นอกจากนี้ยังมีปลาโลมา วาฬหัวทุย และอื่นๆ อีกมากมาย ก่อนเข้าร่วมทริปชมวาฬ คุณควรแวะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์วาฬฮูซาวิกเพื่อศึกษาเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตในบริเวณนี้

วาฬในฮูสาวิก (Húsavík)
วาฬในฮูสาวิก (Húsavík)

19. เวสท์ฟยอร์ด (Westfjords)

เวสท์ฟยอร์ด หรือฟยอร์ดตะวันตกเป็นคาบสมุทรขนาดใหญ่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากส่วนอื่นๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ความเป็นมาและลักษณะทางธรณีวิทยาที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ความน่าทึ่งของเวสท์ฟยอร์ด คือมีการก่อตัวของหินที่มีอายุมากถึง 14 ล้านปี ทำให้เวสท์ฟยอร์ดกลายเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดในไอซ์แลนด์ มีส่วนที่เป็นคอคอดขนาดกว้าง 7 กิโลเมตร และทางตะวันตกจะมีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงและเนินเขาสูงชัน ความโค้งเว้าของภูมิประเทศทำให้มีการคมนาคมทางบกที่ไม่สะดวก ทำให้ไม่ค่อยมีผู้คนอาศัยอยู่นัก แต่เป็นพื้นที่ที่มีสัตว์ประจำถิ่นทั้งนกอินทรี แกะ และสุนัขจิ้งจอกอาร์กติก ส่วนผู้คนมักจะอาศัยอยู่บริเวณหมู่บ้านชาวประมงที่ริมชายฝั่ง หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือน้ำตก Dynjandi ซึ่งสูงถึง 100 เมตร ไฮไลท์อีกแห่งหนึ่งของเวสท์ฟยอร์ดคือหาดเราดาซานดูร์ (Rauðasandur Beach) หาดทรายยาวที่มีทรายสีแดง

น้ำตก Dynjandi ที่เที่ยวไอซ์แลนด์
น้ำตก Dynjandi
 หาดเราดาซานดูร์ (Rauðasandur Beach) ที่เที่ยวไอซ์แลนด์
หาดเราดาซานดูร์ (Rauðasandur Beach)

20. คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes Peninsula)

คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสตั้งอยู่ระหว่างเมืองเรคยาวิกทางใต้และทางตอนเหนือของเวสท์ฟยอร์ด ภูเขา Kirkjufell ที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือน้ำตกเคิร์กจูแฟลส์ฟอสส์ (Kirkjufellsfoss) เกิดองค์ประกอบโดยรวมที่ดูสวยงามสมบูรณ์แบบสำหรับการถ่ายภาพลงอินสตราแกรมเป็นอย่างมาก ด้านปลายสุดทางตะวันตกของคาบสมุทรเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติสไนล์เฟลส์โจกุล (Snæfellsjökull National Park) คุณจะได้พบกับแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ปกคลุมภูเขาไฟ ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่คลาสสิกแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์!

ภูเขา Kirkjufell ที่เที่ยวไอซ์แลนด์

ประเทศไอซ์แลนด์เป็นดินแดนแห่งธรรมชาติอันงดงามแปลกตา มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจ และมีกิจกรรมให้คุณได้เลือกทำอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการขับรถชมทิวทัศน์ การเดินป่า ทัวร์ชมวาฬ ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนในฤดูร้อน และแสงเหนือในฤดูหนาว เป็นต้น แต่การเดินทางไป เที่ยวไอซ์แลนด์ ที่เราไม่คุ้นเคยทั้งสภาพอากาศ หรืออาหารการกิน ก็อาจทำให้เราเจ็บไข้ได้ป่วย หรือเกิดเหตุฉุกเฉินที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อน จนต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณ เที่ยวต่างประเทศได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : roadaffair.com, thecrazytourist.com, planetware.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

วิธีเที่ยวไอซ์แลนด์ในราคาประหยัด Allianz Travel

21 วิธี เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

ไอซ์แลนด์เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักเดินทางทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทางที่มีประสบการณ์การเดินทางมาหลากหลายประเทศ นักเดินทางคนเดียวเป็นครั้งแรก หรือครอบครัวที่รักการผจญภัย ไม่ว่าจะเป็นการขับรถเที่ยวรอบถนนวงแหวนของไอซ์แลนด์ ดำน้ำลึกตรงบริเวณแผ่นเปลื่อกโลกที่แยกตัวออกจากกัน ชิมอาหารทะเลท้องถิ่นในเรคยาวิก พักผ่อนในบลูลากูน และบ่อน้ำพุร้อนอื่นๆ รอบเกาะ เป็นเหตุผลที่คุณควรไปสัมผัสไอซ์แลนด์อย่างน้อยสักครั้งในชีวิต ทุกการเดินทางในไอซ์แลนด์จะนำสิ่งใหม่ๆ มาให้คุณเสมอ แต่ก็มีราคาแพงเช่นกัน Allianz Travel จึงได้รวบรวมเคล็ดลับการ เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด เริ่มตั้งแต่การวางแผนเที่ยว การหาข้อมูลการเดินทาง การจัดการค่าใช้จ่าย และการตั้งงบประมาณสำหรับการเดินทางของคุณ ที่รวมถึงเที่ยวบิน ที่พัก รถเช่า ร้านอาหาร การตั้งแคมป์ ซื้อของใช้จำเป็น การเติมน้ำมันรถ และการเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ในราคาถูก เรามีคำแนะนำที่ช่วยให้คุณใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด และนี่คือสิ่งที่เราเตรียมมาให้คุณ!

เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

1. เที่ยวไอซ์แลนด์นอกฤดูท่องเที่ยว

ฤดูร้อนเป็นช่วงที่วุ่นวายและแพงที่สุดในไอซ์แลนด์ เริ่มตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม โรงแรม กิจกรรม รถเช่า และบริการอื่นๆ มักจะมีราคาสูงขึ้นในช่วงเวลานี้ ถ้าคุณอยากจ่ายในราคาที่ถูกลงและเลี่ยงช่วงเวลาที่แออัดที่สุดในไอซ์แลนด์ คุณควรวางแผนเดินทางในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม

ที่เที่ยวไอซ์แลนด์

แต่ข้อดีของการไปเที่ยวในช่วงฤดูร้อนก็คือช่วงนี้ไอซ์แลนด์มีสภาพอากาศดีที่สุด สถานที่ท่องเที่ยวและบริการต่างๆ เปิดให้บริการมากที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ปลอดภัยที่สุดในแง่ของการขับรถ เดินป่า และตั้งแคมป์ และเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการชมสัตว์ป่าในไอซ์แลนด์ ดังนั้นคุณอาจต้องเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียก่อนที่จะตัดสินใจค่ะ

เที่ยวไอซ์แลนด์ฤดูร้อน

2. จองตั๋วเครื่องบินราคาถูก

หากวันเดินทางของคุณสามารถยืดหยุ่นได้ คุณก็จะได้เที่ยวบินในราคาที่ไม่แพง ตัวอย่างสายการบินราคาประหยัดไปยังไอซ์แลนด์ ได้แก่ Icelandair (สายการบินหลักของไอซ์แลนด์) และ Play (สายการบินที่เน้นราคาประหยัด) หากคุณไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศหรือใกล้เมืองที่ Icelandair หรือ Play ให้บริการ คุณอาจลองจองเที่ยวบินที่เชื่อมต่อไปยังเมืองเหล่านี้เพื่อใช้ประโยชน์จากค่าโดยสารราคาถูกก็ได้ค่ะ

สายการบิน IcelandAir

นอกจากนี้คุณควรอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับสัมภาระและสิ่งที่รวมอยู่ในค่าตั๋วเครื่องบินด้วย เนื่องจากสายการบินราคาประหยัดส่วนใหญ่มีข้อกำหนดน้ำหนักและสัมภาระที่เข้มงวด คุณอาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสัมภาระเพิ่มเติมจากค่าตั๋วของคุณ ตัวอย่างเช่น ตั๋ว Iceland Air Economy Light ไม่อนุญาตให้โหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่อง เป็นต้น

หากคุณมีสัมภาระเยอะ ให้ซื้อน้ำหนักเพิ่มพร้อมกับตั๋วของคุณ คุณควรวางแผนจัดเตรียมของที่จะนำไปด้วยไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ทราบน้ำหนักโดยประมาณ จะได้ทราบค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเพิ่มในส่วนนี้ มีหลายคนที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเป็นจำนวนมากสำหรับค่าธรรมเนียมสัมภาระเพิ่มเติมที่สนามบิน เนื่องจากไม่ได้ว่างแผนไว้และไม่ได้ชำระเงินล่วงหน้า

3. เปรียบเทียบที่พักหลายๆ ตัวเลือก

หากคุณจองที่พักเอง อย่าลืมเปรียบเทียบตัวเลือกและพิจารณาตัวเลือกอื่นนอกเหนือจากที่คุณจองตามปกติ คุณสามารถประหยัดเงินได้โดยการเปรียบเทียบตัวเลือกที่พักจากในเว็บไซต์ที่ให้บริการการเปรียบเทียบต่างๆ อย่างเช่น  Booking.com, Hostel World, Vrbo หรือตรวจสอบเว็บไซต์ของโรงแรมเพื่อดูว่ามีข้อเสนอที่ดีกว่าหรือไม่

จองที่พักกับ Booking.com
ขอบคุณรูปภาพจาก : Booking.com

ในไอซ์แลนด์มีที่พักให้เลือกมากมาย ตั้งแต่โฮสเทล เกสต์เฮ้าส์ อพาร์ตเมนต์ เบดแอนด์เบรกฟาสต์ ไปจนถึงโรงแรม เรคยาวิกมีที่พักให้เลือกตั้งแต่ราคาประหยัดไปจนถึงหรูหรา แต่หากไปในเมืองที่มีประชากรน้อยของประเทศก็จะมีตัวเลือกน้อยกว่า

4. จองที่พักล่วงหน้า

การจองที่พักล่วงหน้าไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณประหยัดเงิน แต่คุณมีโอกาสเลือกได้หลากหลาย และได้ห้องพักที่อยู่ในงบประมาณของคุณ การจองที่พักในนาทีสุดท้าย โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวอาจมีราคาแพงมาก และการขับรถวนหาที่พักไม่เคยสนุกเลย!

จองที่พักล่วงหน้า

แม้ว่าคุณจะยังไม่มั่นใจในแผนของคุณ 100% ก็ควรจองที่พักไว้ก่อน โดยเลือกจองในเว็บไซต์โรงแรมออนไลน์ที่ส่วนใหญ่อนุญาตให้คุณจองห้องพักในโรงแรม เกสต์เฮาส์ หรืออพาร์ตเมนต์ แล้วยกเลิกได้ เช่น Booking.com หากแผนของคุณเปลี่ยนแปลง คุณเพียงแค่ต้องยกเลิกภายในวันที่กำหนดตามที่ระบุไว้ในการจอง (โดยปกติจะแจ้งล่วงหน้า 24 ชั่วโมงถึง 1 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับที่พัก)

5. การตั้งแคมป์เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ราคาไม่แพง

การกางเต๊นท์ก็เป็นหนึ่งในที่พักที่มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ทำให้เราสามารถ เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด มากขึ้น ราคาจุดตั้งแคมป์อยู่ที่ประมาณ 250-650 บาทต่อคน/คืน บวกภาษีประมาณ 80 บาทต่อเต็นท์หรือรถตู้ และอาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการใช้บริการพิเศษ เช่น บริการซักรีด การกำจัดขยะ และห้องอาบน้ำ เป็นต้น

ที่ตั้งแคมป์ส่วนใหญ่ไม่รับจองล่วงหน้า และมักจะดำเนินการแบบมาก่อนได้ก่อน หากเดินทางในฤดูท่องเที่ยวที่คนเดินทางเยอะ ก็ไม่ควรไปถึงเย็นจนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีจำกัดบางอย่าง เช่น คาราวานขนาดใหญ่ที่ต้องการน้ำและไฟฟ้า ที่ตั้งแคมป์บางแห่งอนุญาตให้ลงทะเบียนและเช็คอินระหว่างเวลาที่กำหนดได้ สถานที่ตั้งแคมป์หลายแห่งในไอซ์แลนด์ปิดให้บริการในฤดูหนาว ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบวันเวลาทำการและรายละเอียดของที่ตั้งแคมป์โดยละเอียดก่อนออกเดินทาง

เที่ยวไอซ์แลนด์โดยการตั้งแคมป์

คุณสามารถหาข้อมูลที่ตั้งแคมป์ในไอซ์แลนด์ได้จากเว็บ Camping หรือเว็บ Utilegukortid แต่ยังมีที่ตั้งแคมป์ขนาดเล็กอีกหลายแห่งทั่วประเทศที่ไม่ได้อยู่ในเว็บไซต์นี้คุณสามารถสอบถามเพิ่มเคิมได้จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวในท้องถิ่นในพื้นที่เฉพาะของไอซ์แลนด์ หรือขอรายละเอียดและข้อมูลที่ตั้งแคมป์ได้จากบริษัทเช่ารถแคมป์ที่คุณเช่าในไอซ์แลนด์ 

หมายเหตุ: หากคุณมีบัตร Camping Card คุณสามารถพักค้างคืนที่จุดตั้งแคมป์กว่า 40 แห่ง แต่ละแห่งพักได้สูงสุด 4 วัน และใช้ได้นานถึง 28 คืน บัตร 1 ใบใช้ได้สำหรับผู้ใหญ่สูงสุด 2 คน รวมเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีสูงสุด 4 คน บัตรนี้จะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้อย่างมากหากคุณตั้งแคมป์เป็นเวลาหลายวัน

6. เปรียบเทียบวิธีท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ก่อนตัดสินใจ

การ เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด นอกจากเรื่องวิธีการเดินทางที่สามารถลดค่าใช้จ่ายของเราได้แล้ว การลดค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์ ยังขึ้นอยู่กับอีกหลายสิ่ง เช่น จำนวนคนในกลุ่มเดินทาง ช่วงเวลาของปี และจำนวนวันที่อยู่ในไอซ์แลนด์ เป็นต้น ถึงแม้ว่างบประมาณจะเป็นปัจจัยสำคัญ แต่คุณยังต้องคำนึงถึงความสะดวกสบายในการเดินทาง จำนวนวันในการเดินทาง ระยะเวลาในการวางแผน และปัจจัยสำคัญอื่นๆ ด้วย เรามีตัวเลือกสำหรับการวางแผนการท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ให้กับคุณค่ะ

เช่ารถขับเที่ยวในไอซ์แลนด์

เที่ยวกับทัวร์

ซื้อทัวร์พร้อมไกด์ไปยังสถานที่ที่คุณต้องการไป อย่างเช่น ทริปถนนวงแหวน 6 วัน หรือ 10 วัน คุณจะมีคนมาช่วยดูแลเรื่องกำหนดการเดินทาง โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว และวิธีการเดินทาง วิธีนี้จะช่วยให้คุณสะดวกสบาย และถึงแม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าการวางแผนทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่การซื้อทัวร์จะช่วยให้คุณประมาณการค่าใช้จ่ายหลักทั้งหมดได้ก่อนที่จะเริ่มการเดินทาง 

เที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับ

เริ่มจากไปหาที่พักที่เมืองใดเมืองหนึ่งก่อน แล้วเดินทางจากที่นั่น คุณสามารถเช่ารถและขับเองหรือจองทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับก็ได้ ตัวอย่างเช่น พักที่เรคยาวิก แล้วไปเที่ยวทางตะวันตกและทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์แบบไปเช้าเย็นกลับ หรือพักที่อาคูเรย์รี แล้วไปเก็บที่เที่ยวทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์

เช่ารถขับเอง

วางแผนการเดินทาง เลือกกิจกรรม จองที่พักเอง และควบคุมงบประมาณของคุณเอง

ขับรถเที่ยวเองในไอซ์แลนด์

แพ็คเกจขับรถเที่ยวเอง

หากคุณต้องการขับรถด้วยตัวเอง แต่ไม่อยากเหนื่อยวางแผน คุณสามารถจองแพ็คเกจขับเที่ยวเองที่ให้บริการจองรถเช่า โรงแรม และทัวร์ต่างๆ ไว้ให้คุณ โดยที่คุณแจ้งกำหนดการเดินทางที่คุณต้องการไปให้กับทางบริษัทจัดการไว้ให้ล่วงหน้า คลิกที่นี่ เพื่อดูไอเดียของแพคเกจทัวร์แบบนี้ค่ะ

7. เดินทางโดยใช้การขนส่งสาธารณะ

ผู้ที่ต้องการเดินทางรอบไอซ์แลนด์ เครือข่ายการขนส่งสาธารณะ จะเชื่อมต่อเมืองใหญ่ทุกเมือง เส้นทางรถประจำทางในเมืองเรคยาวิกและส่วนใหญ่ในประเทศให้บริการโดยบริษัท Strateo ที่มีเส้นทางครอบคลุมได้เป็นอย่างดี และราคาไม่แพงนักเมื่อเทียบกับแท็กซี่หรือรถเช่า เช็คราคาค่าโดยสารได้จากที่นี่ คุณสามารถตรวจสอบตารางเวลาและวางแผนเส้นทางได้ด้วยการดาวน์โหลดแอป straeto หรือถ้าคุณมี Reykjavik City Card คุณสามารถนำมาโช้เพื่อขึ้นรถเมล์ฟรีได้

เที่ยวโดยรถประจำทางในไอซ์แลนด์ Iceland

8. ซื้อตั๋วรถบัส Hop-on Hop-off

คุณสามารถทัวรไอซ์แลนด์ได้โดยขึ้นรถบัส Hop-On Hop-Off ตั๋วเหมาสุดคุ้มที่ใช้ได้แบบไม่จำกัดเที่ยว ให้บริการทั่วประเทศ รับและส่งผู้โดยสารที่จุดเดินป่ายอดนิยมและสถานที่ท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์ แวะสถานที่ที่คุณชื่นชอบและสำรวจสิ่งมหัศจรรย์ของไอซ์แลนด์ตามตารางเวลาของคุณเอง เป็นวิธีที่ดีและประหยัดที่สุดในการสำรวจไอซ์แลนด์อย่างเต็มที่ คุณสามารถเลือกเส้นทางที่คุณชอบและจัดกระเป๋าออกไปผจญภัยกันได้เลย!

นอกจากนี้ยังมีบริการบัตรโดยสารรถบัสสำหรับปีนเขาแบบพิเศษและบริการต่างๆ ที่นำเสนอผ่าน Trex และ Thule Travel ในช่วงฤดูร้อน หากคุณวางแผนที่จะเดินทางด้วยรถบัสหลายวันหรือมากกว่านั้น ตรวจสอบเส้นทางและตารางเวลาเพื่อดูว่าคุ้มค่าสำหรับการเดินทางของคุณหรือไม่ คุณสามารถซื้อบัตรโดยสารเหล่านี้ได้ทางออนไลน์หรือเมื่อคุณอยู่ในเรคยาวิก

9. เดินทางเป็นหมู่คณะ

การเดินทางเป็นกลุ่มเป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณต้องการประหยัดเงินในการเดินทาง เพราะคุณสามารถแชร์ค่าใช้จ่ายได้เกือบทุกอย่าง ตั้งแต่การทำอาหาร ที่พัก รถเช่า ไปจนถึงการซื้อทัวร์ส่วนตัวได้ในราคาถูกลง หากคุณยังหาคนร่วมเดินทางไปไม่ได้ และไม่รังเกียจที่จะเดินทางกับคนแปลกหน้า คุณอาจไปหาจากกลุ่มต่างๆ ที่พูดคุยกันเรื่องเที่ยวไอซ์แลนด์ เพื่อดูว่ามีใครกำลังมองหาเพื่อนเดินทางไปเที่ยวไอซ์แลนด์อยู่หรือไม่ โฮสเทลเป็นอีกสถานที่ที่เหมาะในการหาคนที่มีความสนใจเหมือนกีน และอยากแชร์ค่ารถเช่าหรือค่าที่พักด้วย

เดินทางเป็นหมู่คณะ เป็นกลุ่ม ท่องเที่ยวใน Iceland

หากคุณหาเพื่อนร่วมเดินทางที่ถูกใจไม่ได้ คุณอาจลองดูทัวร์รถบัสแบบกลุ่มที่อาจดูเหมือนแพงเกินงบประมาณของคุณ แต่ราคามักจะรวมค่าใช้จ่ายหลักเกือบทั้งหมดในการเดินทางของคุณ ซึ่งรวมถึงค่าเดินทาง ไกด์ ที่พัก การขนส่งกระเป๋า ค่าเที่ยวชมสถานที่ และอาหารเช้า สิ่งเหล่านี้อาจจบลงด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า (หรือประมาณราคาเดียวกัน) กว่าการทำเองทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเดินทางคนเดียว

หมายเหตุ: หากคุณเดินทางเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป คุณจะมีตัวเลือกที่จำกัดมากขึ้นทั้งในด้านการเดินทางและที่พัก สิ่งนี้สามารถเพิ่มค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่อคนได้

เที่ยวใน Iceland

10. หาข้อมูลเกี่ยวกับรถเช่า

หากคุณตัดสินใจว่าต้องการเช่ารถขับในไอซ์แลนด์ คุณสามารถประหยัดเงินได้โดยการเปรียบเทียบราคารถ จองรถล่วงหน้า ลดจำนวนวันเช่าโดยวางแผนใช้รถเฉพาะวันที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเลือกประกันรถยนต์ของคุณ และคุณต้องทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้รถของคุณเสียหาย เนื่องจากบริการและค่าซ่อมรถในไอซ์แลนด์มีราคาแพงมาก

นอกจากนี้คุณควรตรวจสอบสภาพอากาศในวันเดินทางเป็นประจำทุกวัน เนื่องจากอากาศในไอซ์แลนด์เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วและคาดเดาไม่ได้ สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยให้คุณปลอดภัยบนท้องถนนเท่านั้น แต่การหลีกเลี่ยงสภาพอากาศเลวร้ายและสภาพถนนที่ย่ำแย่สามารถป้องกันไม่ให้คุณสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อค่าเช่าของคุณ คุณสามารถเช็คได้จากเว็บ Safetravel.is หรือ road.is

11. แชร์ค่าใช้จ่ายแบบคาร์พูล

รถเช่าหรือรถบัสนำเที่ยวอาจแพงเกินกว่างบประมาณที่คุณตั้งไว้ แต่คุณสามารถใช้การเดินทางแบบ Car Pool โดยไปกับผู้ที่มีรถและกำลังมองหาผู้โดยสารคนอื่นเพิ่มเพื่อแชร์ค่าใช้จ่าย หรือคุณจะประกาศหาเพื่อนร่วมทางที่จะแชร์ค่าใช้จ่ายกับคุณก็ได้ คุณสามารถหาเพื่อนร่วมเดินทางแบบคาร์พูลได้จากเว็บไซต์ชื่อ Samferda โดยแจ้งขอโดยสารไปกับคนอื่น (คุณไม่มีรถยนต์แต่ต้องการเข้าร่วมคาร์พูล) หรือประกาศหาผู้ร่วมเดินทางไปสถานที่เดียวกันในไอซ์แลนด์ก็ได้ (คุณมีรถยนต์ แต่ต้องการผู้โดยสารไปกับคุณ) คุณควรคุยเรื่องค่าใช้จ่ายให้ชัดเจนว่าจะแชร์ค่าใช้จ่ายกันอย่างไรก่อนออกเดินทาง คุณอาจใช้ตัวเลือกนี้สำหรับการเดินทางครั้งเดียวสั้นๆ เช่นการไปสนามบิน หรือการเดินทางทั้งทริปก็ได้

12. เตรียมของไปให้พร้อมเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

การเตรียมของใช้ที่จำเป็นสำหรับการเดินทางไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณเตรียมพร้อมเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณประหยัดเงินอีกด้วย โดยคุณควรมีอุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น กระเป๋ากันความชื้นหรือผ้าคลุมกันน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ของราคาแพง เช่น กล้อง โทรศัพท์ เกิดความเสียหาย เสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาวคุณภาพสูง และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ เช่น กระติกน้ำ ผ้าขนหนู เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ตั้งแคมป์ และอื่นๆ เพราะของในไอซ์แลนด์มีราคาแพงกว่าประเทศอื่นๆ

สิ่งของที่ต้องเตรียมตัวก่อนไปเที่ยวต่างประเทศ, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

ผู้ที่เดินทางในฤดูหนาวจะต้องเตรียมพร้อมเป็นพิเศษสำหรับฝน หิมะ ลม และอากาศที่หนาวเย็น และถึงแม้ในฤดูร้อน โดยทั่วไปจะไม่หนาวจัด คุณจึงไม่ต้องการอุปกรณ์กันหนาวเต็มรูปแบบ แต่หากคุณไม่ชินกับอากาศหนาวก็อาจหนาวได้ ดังนั้นคุณยังคงต้องเตรียมพร้อมสำหรับสภาพอากาศหนาวเย็นที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ นอกจากนี้คุณจะต้องเตรียมแว่นกันแดด (หรือหมวก) และผ้าปิดตา เพราะพระอาทิตย์เที่ยงคืน (ที่ดวงอาทิตย์จะตกเพียงช่วงเวลาสั้นๆ) อาจทำให้นอนหลับยากในตอนกลางคืน 

ดังนั้นจึงควรวางแผนและหาข้อมูลล่วงหน้า เช่น ตรวจสอบสภาพอากาศ กิจกรรมที่คุณต้องการทำ เพื่อให้ทราบว่าคุณต้องเตรียมอะไรสำหรับการเดินทางไปบ้าง คุณคงไม่อยากเช่าหรือซื้อของ เช่น กล้องส่องทางไกล ถุงมือ ชุดว่ายน้ำ ไม้เท้าเดินป่า หรือแว่นตาเล่นสกี หากคุณมีอยู่แล้ว

13. หาร้านอาหารที่ราคาไม่แพง

ไอซ์แลนด์ไม่มีที่รับประทานอาหารที่เรียกได้ว่า “ราคาถูก” แต่คุณอาจหาที่ที่สามารถจ่ายเงินน้อยกว่าที่อื่นได้ ราคาอาหารเรียกน้ำย่อยและอาหารจานหลักมื้อค่ำสำหรับ 1 คนในร้านอาหารทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาท และยังไม่รวมเครื่องดื่ม

อาหารราคาถูกในไอซ์แลนด์หาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ต เช่น แซนวิช สลัด ขนมขบเคี้ยว ร้านฟาสต์ฟู้ด เช่น Subway ร้านอาหารท้องถิ่น และร้านอาหารในปั๊มน้ำมัน พิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งมีร้านกาแฟหรือร้านอาหาร ที่มีอาหารที่ราคาสมเหตุสมผล เช่น แซนด์วิช ซุป วาฟเฟิล และเค้ก

ร้านอาหารในปั๊มนำ้มัน Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

อาหาร 3 มื้อ / วัน / คนสำหรับงบประมาณที่ไม่จำกัดมากนักจะอยู่ที่ประมาณ 1,500-1,800 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการเดินทางอย่างไรและคุณชอบกินที่ไหน และแบบไหน

14. ทำอาหารทานเอง

ถ้าคุณจองที่พักที่มีส่วนที่ทำอาหารเองได้ คุณจะประหยัดเงินได้มากหากคุณไปซื้อของมาทำอาหารทานเองเมื่อเทียบกับการรับประทานอาหารที่ร้าน ซูเปอร์มาร์เก็ตในไอซ์แลนด์มีราคาแพงกว่าสถานที่ส่วนใหญ่ในยุโรป หากคุณอยากทราบราคาคร่าวๆ ของสินค้าพื้นฐานในเมืองเรคยาวิก เช่น กล้วย กางเกงยีนส์ น้ำมัน ราคาอาหารในร้านอาหาร ไวน์ เป็นต้น คุณสามารถตรวจสอบราคาสินค้าโดยเฉลี่ยได้จากเว็บไซต์ Numbeo

ทำอาหารทานเอง ระหว่างเดินทางท่องเที่ยว, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

ซูเปอร์มาร์เก็ตราคาประหยัดในไอซ์แลนด์ ได้แก่ Bónus, Nettó, Kronan ซึ่งมีแบรนด์ราคาประหยัดสำหรับของใช้จำเป็น เช่น มัสตาร์ด กาแฟ หรือกระดาษเช็ดมือ เช่น แบรนด์ราคาประหยัดของ Bónus คือ Euro Shopper และที่ Nettó คือแบรนด์ Coop และ X-tra

Supermarket ใน Iceland เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

15. เลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในไอซ์แลนด์มีราคาแพงมาก วิธีประหยัดเงินที่ดีที่สุดคือการไม่ดื่มเลย แต่ถ้านั่นไม่ใช่คำตอบของคุณ คุณก็อาจหาตัวเลือกการดื่มที่ถูกที่สุด อย่างเช่นซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินนานาชาติเคฟลาวิกเมื่อคุณมาถึง หรือหากคุณต้องการทานที่ร้าน ลองเช็คช่วง Happy Hours ที่อาจลดราคาได้ถึง 50% แต่ส่วนใหญ่มักจะมีในเมืองใหญ่ๆ เช่น Reykjavík หรือ Akureyri 

ท่องเที่ยว Iceland

16. ดื่มน้ำประปา

เราสามารถดื่มน้ำประปาได้ฟรีและปลอดภัยทั่วประเทศไอซ์แลนด์ น้ำดื่มในไอซ์แลนด์มีคุณภาพสูงมาก ในร้านกาแฟ ปั๊มน้ำมัน และร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดหลายแห่งมักมีเหยือกน้ำวางอยู่ในพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อให้ลูกค้าเทดื่ม หรือยกไปที่โต๊ะได้เอง แต่ถ้าไม่มีวางไว้ให้ คุณก็ขอได้ค่ะ

ดื่มน้ำประปาแทนการซื้อน้ำที่มีราคาแพง, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

คุณควรนำขวดน้ำที่ใช้ได้ซ้ำติดตัวไปด้วย เพื่อที่คุณจะได้นำไปเติมน้ำจากก๊อกได้ คุณจะไต้ไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องดื่มหรือซื้อน้ำดื่มบรรจุขวด 

เพิ่มเติม: น้ำร้อนบางแห่งในไอซ์แลนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรคยาวิก เป็นน้ำร้อนใต้พิภพที่สูบขึ้นมาจากพื้นดินโดยตรง ดังนั้นจึงมีกลิ่นและรสชาติของกำมะถัน คุณสามารถดื่มได้อย่างปลอดภัยแต่รสชาติไม่ดีนัก และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ดื่ม อย่างไรก็ตาม น้ำเย็นมาจากแหล่งอื่นและดื่มได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีกลิ่นหรือรสไม่ดี

17. ใช้บัตรส่วนลดสำหรับเติมน้ำมัน

หากคุณอยู่ในเมืองที่มีสถานีบริการน้ำมันหลายแห่ง คุณสามารถเลือกเติมน้ำมันที่ที่ราคาถูกกว่าที่อื่น แบรนด์หลักที่เห็นบ่อยในไอซ์แลนด์คือ Olis และ N1 แต่ก็มีแบรนด์อื่นๆ เช่น Shell, Skeljungur และ Orkan อย่างไรก็ตาม คุณมักจะไม่มีตัวเลือกมากนักในเมืองเล็กๆ

ปั๊มน้ำมันใน Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

อีกวิธีในการประหยัดเงินคือใช้บัตรส่วนลดสำหรับปั๊มน้ำมันที่มีหลายสาขา ถ้าคุณเช่ารถ กุญแจรถของคุณมักจะมาพร้อมกับบัตรส่วนลดของสถานีบริการน้ำมัน หากไม่มีก็สามารถรับได้ที่สถานีบริการน้ำมันเลย เช่น ที่ปั๊ม Olis คุณจะได้ส่วนลดน้ำมัน 3% และส่วนลดร้านอาหารสูงสุด 10% ส่วนลดใช้ได้กับเกือบทุกอย่างในปั๊มน้ำมัน ซึ่งมักจะมีของเล็กๆ น้อยๆ เช่น ขนม อุปกรณ์ตกแต่งรถ ของใช้ทั่วไป ของที่ระลึก อุปกรณ์การเดินทาง (แผนที่ หนังสือนำเที่ยว) และอาหาร 

เพิ่มเติม: ในเมืองเล็กๆ และนอกเวลาทำการปกติ ปั๊มน้ำมันหลายแห่งไม่มีพนักงาน ดังนั้นคุณต้องมีบัตรเครดิตที่มีรหัส PIN 4 หลัก หากคุณไม่มีบัตรเครดิตหรือไม่ได้ตั้งค่า PIN (แนะนำให้ทำก่อนการเดินทาง) บางปั๊มจะมีบัตรเติมเงินที่คุณสามารถเติมเงินไว้ก่อนได้ เช่น ปั๊ม N1

18. เข้าร่วมกิจกรรมที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมหลายแห่งของไอซ์แลนด์สามารถเข้าได้ฟรี เช่น น้ำตก ชายหาด สวน งานศิลปะสาธารณะ โบสถ์ อนุสาวรีย์ น้ำพุร้อน และทุ่งลาวา นอกจากนี้ ในเมืองเรคยาวิกก็มีกิจกรรมมากมายให้เข้าร่วมได้ฟรี ตัวอย่างเช่น ทัวร์เดินชมเมือง ชมโบสถ์ Hallgrímskirkja (เสียค่าธรรมเนียมขึ้นไปบนหอคอยโบสถ์อีกเล็กน้อย) ชมสวนพฤกษศาสตร์ เดินป่ารอบๆ เนินเขา Öskjuhlíð เที่ยวตลาดนัด Kolaportið ในวันหยุดสุดสัปดาห์ และเข้าใช้สระน้ำร้อนฟรีในฤดูร้อน

สถานที่ท่องเที่ยว น้ำตก Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

อย่าลืมเช็ควันเข้าชมพิพิธภัณฑ์ฟรี เทศกาล คอนเสิร์ต หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางของคุณ โดยเฉพาะในวันหยุดสุดสัปดาห์ฤดูร้อนในเมืองอย่างเรคยาวิกและอาคูเรย์รีที่มักจะมีกิจกรรมฟรีเกิดขึ้นเสมอ!

สถานที่ท่องเที่ยว ชายหาด Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

19. ใช้ประโยชน์จากบัตรส่วนลดและคูปอง

เช็คบัตรโดยสารลดราคา ข้อเสนอพิเศษ และคูปองต่างๆ ในเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางของคุณ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณซื้อตั๋วเข้าสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่ง คุณจะได้ส่วนลดสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงด้วย

ตัวอย่างบัตรส่วนลดและคูปองที่ควรเช็คดูในไอซ์แลนด์:

  • Reykjavík City Card – เข้าชมพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งภายในเมืองเรคยาวิกได้ฟรี รวมถึง Árbæjarsafn (พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง) สวนสัตว์และสวนสาธารณะเรคยาวิก พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไอซ์แลนด์ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะไอซ์แลนด์ นอกจากนี้ยังเข้าใช้บริการสระน้ำร้อนและซาวน่าสาธารณะของเมืองฟรี บริการรถบัสฟรีภายในเมือง รวมถึงส่วนลดร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยว คุณจะประหยัดเงินได้ไม่น้อย หากคุณวางแผนที่จะขึ้นรถบัสและเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในเมือง
Reykjavík City Card 24 hours, Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด
ขอบคุณรูปภาพจาก : reykjavikcityguide.is
Reykjavík City Card 48 hours, Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด
Reykjavík City Card 72 hours, Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด
  • คูปองไอซ์แลนด์ – คูปองที่มาเป็นเล่มหรือจะดาวน์โหลดจากแอพก็ได้ คุณจะได้ส่วนลดมากมายที่ใช้ได้กับสถานที่ท่องเที่ยวและบริการต่างๆ ในไอซ์แลนด์ รวมถึงร้านอาหาร บริการรถเช่า สปา บาร์ และทัวร์ คูปองเล่มละประมาณ 350 บาท ซึ่งบางครั้งใช้คูปองเพียงใบเดียวก็คุ้มค่าแล้ว ข้อดีคือคุณสามารถเช็ครายละเอียดคูปองทางออนไลน์ได้ก่อนที่จะซื้อ เพื่อดูว่าคุณจะประหยัดเงินได้หรือไม่
Icelandic Coupons, Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด
ขอบคุณรูปภาพจาก : coupons.is
Discount Coupon in Icelandic Coupons Application, Iceland
More Discount Coupon in Icelandic Coupons Application, Iceland
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะเรคยาวิก – ประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์ 3 แห่ง หากคุณซื้อบัตรเข้าชม 1 แห่ง คุณจะได้เข้าชมอีก 2 แห่งฟรี บัตรเข้าชมมีอายุ 24 ชั่วโมงสำหรับ Hafnarhús, Kjarvalsstaðir และพิพิธภัณฑ์ประติมากรรม Ásmundur Sveinsson ซึ่งเป็นราคาที่คุ้มค่าสำหรับคนรักศิลปะเลยค่ะ

20. ใช้เงินบ้างเพื่อประสบการณ์ที่น่าจดจำ

โชคดีที่มีสิ่งให้ทำฟรีมากมายในไอซ์แลนด์! แต่เราขอแนะนำให้คุณเลือกสิ่งพิเศษสักหนึ่งหรือสองอย่างเพื่อดื่มด่ำไปกับประสบการณ์พิเศษในขณะที่อยู่ในไอซ์แลนด์ ตัวอย่างเช่น ไปแช่น้ำร้อนที่บลูลากูน สปาที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก การปีนธารน้ำแข็ง การดำน้ำตื้นระหว่างแผ่นเปลือกทวีปโลก ซาฟารีกวางเรนเดียร์ ทัวร์ล่องเรือชมวาฬและนกพัฟฟิน ทัวร์ล่าแสงเหนือด้วยรถจี๊ป ทัวร์เดินดื่มเบียร์ หรือสำรวจถ้ำน้ำแข็ง หรืออาจจะเป็นวันสำรวจพิพิธภัณฑ์ในเรคยาวิก การแสดงยามเย็นที่ Harpa นอนค้างในกระสวยอวกาศที่ Galaxy Pod Hostel หรือออกไปรับประทานอาหารค่ำสุดหรูนอกบ้านสักมื้อหนึ่ง

Ice Cave in Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด
Northern Light in Iceland, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

21. เตรียมตัวให้พร้อม!

สุดท้ายนี้คือคุณต้องหาข้อมูล และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางของคุณ สิ่งที่ทำให้หลายคนต้องจ่ายเงินมากกว่าที่คาดไว้เพราะพวกเขาไม่ได้หาข้อมูลการเดินทางมากนักก่อนการเดินทาง ถ้าคุณวางแผน เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด คุณไม่จำเป็นต้องวางแผนการเดินทางทุกวัน แต่อย่างน้อยทำการบ้านสักเล็กน้อย เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของไอซ์แลนด์ไว้บ้าง รู้ว่าที่ไหนที่คุณอยากไปอย่างแน่นอน เข้าใจอัตราการแปลงสกุลเงินและราคาของสิ่งต่างๆ จองทัวร์ล่วงหน้า ตรวจสอบพยากรณ์อากาศและสภาพถนน และเตรียมของใช้จำเป็นไปด้วย จะช่วยให้คุณประหยัดเงินและท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ได้อย่างสนุกมากขึ้น

วางแผนการเดินทาง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง, เที่ยวไอซ์แลนด์ราคาประหยัด

การเดินทางไปในประเทศที่เราไม่คุ้นเคยทั้งสภาพอากาศ หรืออาหารการกิน ก็อาจทำให้เราเกิดการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือเกิดเหตุที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อน อาจทำให้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายจนทำให้งบประมาณของเราบานปลาย สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณ เที่ยวต่างประเทศได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : Independenttravelcats.com, lonelyplanet.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

10 Tourist Attractions in Winter EP.2

10 ที่เที่ยวฤดูหนาว ต่างประเทศ สวยตรึงใจ EP.2

ฤดูหนาวในประเทศเมืองหนาวที่แตกต่างจากประเทศไทยเป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ที่สุดของปีที่ควรไปสัมผัส จุดหมายปลายทางที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโปรยปราย ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น เป็นสิ่งที่ชาวเมืองร้อนอย่างเราอยากมีประสบการณ์ได้ไปสักครั้ง ในบทความที่แล้วเราได้ แนะนำ 10 ที่เที่ยวต่างประเทศฤดูหนาว สวยตรึงใจ EP.1 ไปแล้ว วันนี้ Allianz Travel ขอแนะนำ 10 ที่เที่ยวฤดูหนาว ในต่างประเทศที่สวยงามที่สุด EP.2 เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนเที่ยวฤดูหนาว พร้อมยกตัวอย่างกิจกรรมฤดูหนาวที่ห้ามพลาดของแต่ละเมืองมาให้คุณได้ค้นหาสิ่งที่คุณสนใจ มีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลย!

1. เมืองทรอมโซ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์

เมืองทรอมโซตั้งอยู่ห่างจากเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลไปทางเหนือมากกว่า 300 กิโลเมตร เป็นที่รู้จักในฐานะเมืองหลวงของอาร์กติก และมีผู้พูดถึงกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นจุดตั้งต้นในการชมแสงเหนือ และมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ในฤดูหนาว เรามักจะเห็นหิมะแรกในเดือนตุลาคม และหลังจากนั้นก็จะมืดลง (และเย็นลง) ทุกวัน ในช่วงก่อนที่เทศกาลคืนขั้วโลกจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้า คุณจะได้สัมผัสแสงสีมหัศจรรย์บนท้องฟ้าทั้งในตอนเช้าและตอนบ่าย ตั้งแต่สีส้ม ชมพู ไปจนถึงฟ้า เป็นประสบการณ์อันน่าทึ่งและเป็น ที่เที่ยวฤดูหนาว ที่ควรไปชื่นชมอย่างยิ่ง

ที่เที่ยวฤดูหนาว Tromsø, Tromso in Norway

กิจกรรมแนะนำ

  • เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของแสงเหนือหรือแสงออโรร่าผ่านท้องฟ้าอาร์กติกในช่วงเดือนกันยายนถึงเมษายน 
  • ดูวาฬในทะเลนอก Skjervøy ทางเหนือของ Tromsø ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม คุณอาจโชคดีได้พบกับวาฬออร์กา วาฬหลังค่อม และวาฬมิงก์
Whale in Tromso
  • นั่งเลื่อนที่ลากโดยสุนัขสัมผัสผ่านภูมิประเทศที่สวยงามรอบๆ ทรอมโซเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
  • สำรวจฟยอร์ดโดยเรือเพื่อชมภูมิทัศน์ของฟยอร์ดในพื้นที่ทางธรรมชาติที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
  • ท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตของชาวซามิ เช่น พักในกระโจมของชนเผ่าแบบเดิม ชมแสงเหนือ และสัมผัสกับกวางเรนเดียร์อย่างใกล้ชิด รวมถึงการชมนิทรรศการศิลปะของชาวซามิซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
Northern Light in Tromso

2. ควิเบ็กซิตี้ (Quebec City) ประเทศแคนาดา

ควิเบกเป็นสถานที่พักผ่อนในเมืองที่ยอดเยี่ยมในฤดูหนาว คุณจะได้เห็นสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป กำแพงหินอันยิ่งใหญ่ที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับศูนย์กลางประวัติศาสตร์ อาคารรัฐสภาจำลองตามพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์อันโด่งดังในกรุงปารีส เสียงพูดภาษาฝรั่งเศสลอยอยู่เหนือถนนที่ปูด้วยหินขณะที่ระฆังโบสถ์ส่งเสียงดังแว่วมาแต่ไกล และหิมะจำนวนมาก หากคุณมาถึงในเดือนธันวาคม คุณจะได้เดินชมตลาดคริสต์มาสที่มีแผงขายของตั้งแต่ขนมจากต้นเมเปิ้ลไปจนถึงของเล่นไม้ทำมือ นอกจากนี้ฤดูหนาวที่นี่มีเทศกาล งานอีเวนต์ และงานแสดงสินค้ามากมาย คุณจะเห็นว่าผู้คนในควิเบกซิตี้สนุกสนานกันอย่างมากเมื่ออุณหภูมิลดลง

ที่เที่ยวฤดูหนาว Quebec City, Canada

กิจกรรมแนะนำ

  • สไลด์แคร่เลื่อนหิมะที่อยู่ใจกลางเมือง พุ่งไปตามทางที่เป็นน้ำแข็งลงจากเนินเขาด้วยความเร็วสูงสุด 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • เยี่ยมชมหรือพักค้างคืนที่โรงแรมน้ำแข็ง Hotel de Glace หนึ่งในโรงแรมน้ำแข็งเพียงไม่กี่แห่งในโลก ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดทุกปีด้วยธีมที่แตกต่างกัน 
  • ชิม Maple Taffy ที่ทำจากเมเปิ้ลไซรัป น้ำเชื่อมจากต้นเมเปิ้ลที่อร่อยและขึ้นชื่อของประเทศแคนาดา ในช่วงเทศกาลฤดูหนาว ร้านค้าจะนำน้ำเชื่อมเมเปิ้ลราดลงบนน้ำแข็งเป็นทางยาว จากนั้นจึงนำไม้มาม้วนน้ำเชื่อมที่แข็งตัวเป็นลูกอมเมเปิ้ลแสนหวาน
Maple Taffy in Quebec City, Canada
  • หากคุณมาเที่ยวในเดือนธันวาคม อย่าพลาดการจัดงานคริสต์มาสที่ลาน Château Frontenac พร้อมด้วยต้นคริสต์มาสยักษ์และไฟประดับมากมาย
  • ตกปลาในน้ำแข็งที่หมู่บ้านนอร์ดิกแห่งท่าเรือควิเบก เพื่อสัมผัสประสบการณ์ฤดูหนาวในพื้นที่เมืองที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในฤดูหนาว
Activity in Quebec City, Canada

3. แลปแลนด์ (Lapland) ประเทศฟินแลนด์

แลปแลนด์ตั้งอยู่ทางเหนือของประเทศฟินแลนด์ มีภูมิอากาศแบบป่าสนหรือกึ่งอาร์กติก ฤดูหนาวในแลปแลนด์เป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ที่สุดของปีที่ควรไปเยือน จุดหมายปลายทางแห่งเทศกาลคริสต์มาสที่เราทุกคนใฝ่ฝันถึงตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก อีกทั้งยังเป็นบ้านเกิดของซานตาคลอสอีกด้วย คุณจะได้พบกับทิวทัศน์ฤดูหนาวอันสวยงามและวัฒนธรรมท้องถิ่นอันน่าหลงใหล ตามด้วยค่ำคืนแสนสบายข้างกองไฟหรือในกระท่อมน้ำแข็งใต้แสงเหนือ แลปแลนด์มีทั้งความโรแมนติกและการผจญภัย ดังนั้นจึงรับประกันความสนุกสำหรับทุกคนในครอบครัวเลยค่ะ

ที่เที่ยวฤดูหนาว Northern Light, Lapland

กิจกรรมแนะนำ

  • ตามล่าหาแสงเหนือสีสวยเรืองแสงบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
  • นั่งเลื่อนที่ลากด้วยกวางเรนเดียร์ หรือขับเคลื่อนด้วยสุนัขลากเลื่อน Husky Safari
Husky Safari, Lapland
  • ล่องเรือตัดน้ำแข็งอย่าง SAMPO Icebreaker ที่มีชื่อเสียงดังระดับโลก
  • เยี่ยมชมหมู่บ้านซานตาคลอส หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของแลปแลนด์ 
  • พักค้างคืนในโรงแรมน้ำแข็ง ทานอาหารในร้านอาหารหิมะ ดื่มเครื่องดื่มในบาร์น้ำแข็ง และแวะชมปราสาทหิมะ
Santa Claus Village, Lapland

4. ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) ประเทศญี่ปุ่น

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ เป็นหมู่บ้านโบราณเก่าแก่อายุกว่า 250-300 ปี ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกเมื่อปี พ.ศ.2538 ตั้งอยู่ในหุบเขาในเขตจังหวัดกิฟูและโทยาม่า (Gifu and Toyama Prefectures) ทางตอนกลางของเกาะฮอนชู ประกอบไปด้วยบ้านเรือนกระจายไปในแนวเหนือ-ใต้ ตามที่ราบแคบๆ ที่ขนานไปกับแม่น้ำโชกาวะ (Shokawa River) มีชื่อเสียงในเรื่องของการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมแบบ “กัสโซซึคุริ” อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ คำว่ากัสโชหมายถึง ‘มืออธิษฐาน’ ซึ่งหมายถึงหลังคามุมสูงของบ้านที่ดูเหมือนมือของพระสงฆ์ในการอธิษฐาน และสิ่งที่ทำให้น่าสนใจขึ้นไปอีกก็คือหลังคาที่สร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปูหรือวัสดุโลหะใดๆ โดยทั้งหมดทำจากฟางและไม้ที่มาจากป่ารอบๆ หมู่บ้าน เป็นหนึ่งใน ที่เที่ยวฤดูหนาว ที่หลายๆ คน อยากไปสัมผัสความงามสักครั้ง

ที่เที่ยวฤดูหนาว Shirakawago, Japan

กิจกรรมแนะนำ

  • พักในบ้านกัสโช เพื่อสัมผัสการใช้ชีวิตของผู้ที่อยู่อาศัยในชิราคาวาโกะ 
  • ชิมอาหารท้องถิ่น อย่างเช่น โคร็อกเกะเนื้อฮิดะ
  • ชมวิวที่จุดชมวิวเท็นชุคาคุ (Tenshukaku Observatory) เพื่อเก็บภาพมุมสูงแบบพาโนราม่าของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ
  • แช่ออนเซ็นกลางแจ้งที่ชิราคาวาโกะโนะยุออนเซ็น (Shirakawago no Yu) และชมวิวสวยๆของธรรมชาติรอบๆและแม่น้ำโชกาวะ
  • ชมงานประดับไฟยามเย็นที่จัดในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 

5. เมืองเบอร์เกน (Bergen) ประเทศนอร์เวย์

เบอร์เกนเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศนอร์เวย์รองลงมาจากกรุงออสโล ล้อมรอบด้วยภูเขาและตั้งอยู่ใกล้กับซองเนฟยอร์ด (Sognefjord) ฟยอร์ดที่ยาวและลึกที่สุดของนอร์เวย์ เบอร์เกนมีท่าเรือใหญ่เป็นอันดับต้นๆของนอร์เวย์ จึงทำให้เป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ และเป็นหนึ่งในเมืองที่ถูกยกย่องให้เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรป ปัจจุบันบ้านเรือนต่างๆ กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ และแกลลอรี่ โชว์งานศิลปะต่างๆ ด้วย

Bergen, Norway

กิจกรรมแนะนำ

  • เดินชมท่าเทียบเรือเก่า Bryggen ที่มีอายุเกือบ 300 ปี อาคารไม้สีพาสเทลสดใสเรียงรายตามถนนขนานไปกับริมน้ำ และปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก้ 
  • นั่งรถกระเช้าไฟฟ้า Fløibanen ไปยังยอดเขา Fløyen เพื่อชมทัศนียภาพอันงดงาม
  • ขึ้นเคเบิลคาร์ Ulriken เพื่อขึ้นไปจุดสูงสุดของ “ภูเขาทั้ง 7” ชมภูมิประเทศบนภูเขาสูง 643 เมตรเหนือถนนในเมือง
  • ล่องเรือชมฟยอร์ดที่สวยงามที่สุดของนอร์เวย์
  • เดินเขาท้าความสูงขึ้นไปบนหน้าผาโทรลล์ทุงก้า (Trolltunga) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก (ในฤดูหนาวต้องมีไกด์นำทาง)
Trolltunga in Bergen, Norway

6. กรุงปราก (Prague) สาธารณรัฐเช็ก

ปรากเป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยว ฤดูหนาวในปรากเป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ คุณจะได้เห็นเมืองที่สวยงามแห่งนี้ภายใต้หิมะที่โปรยปราย สถานที่ท่องเที่ยวจะแออัดน้อยกว่าช่วงฤดูท่องเที่ยว คุณจะได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่ดีที่สุดในปรากในฤดูหนาวโดยปราศจากฝูงชนที่มักจะเต็มท้องถนน!

Prague, Czech

กิจกรรมแนะนำ

  • เดินไปตามถนน เพื่อชื่นชมสถาปัตยกรรมยุคโกธิก บาโรก และอาคารสมัยใหม่ที่ผสมผสานกันอย่างน่าทึ่ง
  • สำรวจตลาดคริสต์มาส ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคม ดูแผงขายของประดับตกแต่งวันคริสต์มาส ของขวัญ ของที่ระลึก ตลอดจนอาหารและเครื่องดื่มอุ่นๆ อร่อยๆ
  • เล่นสเก็ตน้ำแข็งตามลานสเก็ตยอดนิยม เช่น Victory Square 
  • เยี่ยมชมปราสาทปราก และอย่าพลาดการเปลี่ยนเวรยามเวลา 12.00 น. ภายในประตูปราสาท
  • ถ่ายรูปยามเช้าที่สะพานชาร์ลส์ เพื่อสัมผัสความเงียบสงบและปกคลุมไปด้วยหิมะโปรยปราย
Christmas Market in Prague, Czech

7. เมืองเซโกเบีย (Segovia) ประเทศสเปน

เมืองเซโกเบีย เป็นหนึ่งในหลายๆ เมืองมรดกโลกของสเปนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาเกือบ 2 พันปี ตั้งอยู่ในแคว้น Castile and León ตั้งอยู่ที่เชิงเขา Guadarrama ห่างจากเมืองแมดริดไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือราว 70 กิโลเมตร ความพิเศษของเมืองนี้ก็คือระบบท่อส่งน้ำและสะพานส่งน้ำ (Aqueduct bridge) อันแสดงถึงความรุ่งเรืองของชาวโรมัน มีความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมแบบโรมันที่เรียกว่าอาร์กโค้งที่มีช่องโค้งทั้งหมด 166 ช่วง ยาวถึง 17 กิโลเมตรจากแม่น้ำ Acebeda ในเทือกเขา Sierra de Fuenfría โครงสร้างทางวิศวกรรมถูกสร้างขึ้นจากบล็อคหินแกรนิต 20,400 ชิ้น ถือว่าเป็น 1 ในแลนด์มาร์คของเซโกเวียที่หากมาถึงก็ต้องถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกแน่นอน

Segovia, Spain

กิจกรรมแนะนำ

  • ขึ้นไปบนจุดชมวิวข้างจัตุรัส Plaza Artillería เพื่อชมวิวสะพานส่งน้ำและตัวเมืองเก่า
  • เดินเล่นผ่าน Calle Juan Bravo ดูร้านขายงานศิลปะและงานฝีมือในท้องถิ่น 
  • ชมปราสาท Alcazar สถานที่ประทับของกษัตริย์และราชินีแห่งอาณาจักรคาสติล ว่ากันว่าเป็นปราสาทต้นแบบของปราสาทเจ้าหญิงนิทราในดีสนีย์แลนด์
  • ปีนขึ้นไปบนยอดหอคอย Torre de Juan II เพื่อชมพระอาทิตย์ตก
  • ลองชิม Ponche Segoviano เค้กสเปนแบบดั้งเดิมที่มีต้นกำเนิดจากเมืองเซโกเวีย

8. ทะเลสาบเบลด (Lake Bled) ประเทศสโลวีเนีย

ทะเลสาบเบลดมีความสวยงามตลอดทั้งปี แต่หิมะสีขาวปกคลุมทำให้ที่นี่มีมนต์ขลังมากยิ่งขึ้น! ภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะและแสงไฟคริสต์มาสทำให้เบลดกลายเป็นเทพนิยายในฤดูหนาวจริงๆ เบลดในฤดูหนาวจะมีนักท่องเที่ยวน้อยและราคาถูกกว่าช่วงไฮซีซั่นในฤดูร้อนมาก นอกจากนั้น คุณสามารถเลือกกีฬาฤดูหนาวและกิจกรรมฤดูหนาวมากมายเพื่อทำให้วันหยุดที่ทะเลสาบเบลดของคุณพิเศษยิ่งขึ้น เดือนธันวาคมมีมนต์ขลังเป็นพิเศษเนื่องจากมีการประดับประดาคริสต์มาส ตลาดคริสต์มาส และกิจกรรมรื่นเริงมากมาย

Lake Bled, Slovenia

กิจกรรมแนะนำ

  • เยี่ยมชมเกาะเบลดที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ด้วยการเช่าเรือพายไปเอง หรือนั่งเรือพายรับส่งแบบดั้งเดิมก็ได้
  • ชมพระอาทิตย์ตกจากปราสาทเบลด เพลิดเพลินกับการแสดงธรรมชาติที่เปลี่ยนสีเหนือทะเลสาบและภูเขาด้านหลัง 
  • เดินเล่นรอบทะเลสาบเบลดชมทัศนียภาพที่สมบูรณ์แบบของเกาะเบลดจากทุกมุม
  • ชิมครีมเค้ก Bled แบบดั้งเดิม 
  • ขึ้นบันได 99 ขั้นไปยังโบสถ์บนเกาะเบลด เพื่อไปตี “ระฆังขอพร” สามครั้ง แล้วคำอธิษฐานของคุณจะเป็นจริง แต่มีข้อแม้คือคุณสามารถขอพรได้เพียงข้อเดียวเท่านั้น

9. เมืองฮาร์บิน (Harbin) ประเทศจีน

เมืองฮาร์บินอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงฤดูหนาว ทุกเดือนมกราคมจะมีการจัดเทศกาลประติมากรรมน้ำแข็งและหิมะนานาชาติ ซึ่งเป็นเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีการสร้างหมู่บ้านน้ำแข็งอันวิจิตรงดงามพร้อมโคมไฟน้ำแข็งสำหรับเทศกาลที่ยาวนานถึงหนึ่งเดือน เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมคือในตอนเย็น เมื่อเมืองน้ำแข็งสว่างไสวด้วยแสงไฟหลากสีนับพันดวง งานประจำปีนี้เปลี่ยนพื้นที่หลายแห่งของเมืองให้กลายเป็นดินแดนมหัศจรรย์แห่งหิมะที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลก

Harbin, China

กิจกรรมแนะนำ

  • เพลิดเพลินไปกับดินแดนมหัศจรรย์แห่งน้ำแข็งและหิมะในเทศกาลน้ำแข็งและหิมะนานาชาติ ตื่นตาตื่นใจไปกับความงามของประติมากรรมกว่า 2,000 ชิ้นและตัวละครจากหิมะที่อาบแสงหลากสี
  • ดูคนท้องถิ่นรวมตัวกันในตอนเช้าที่แม่น้ำซงหัว (Songhua) เพื่อว่ายน้ำในฤดูหนาว!
  • เดินข้ามแม่น้ำซงหัวที่กลายเป็นน้ำแข็งกว้างประมาณ 100 เมตร โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์สกีพิเศษ 
  • ลองทานอาหารฮาร์บินที่ได้รับอิทธิพลมาจากอาหารรัสเซีย มองโกเลีย และจีนทางตอนเหนือ 
  • ดูเสือไซบีเรียอย่างใกล้ชิดที่สวนเสือไซบีเรีย แหล่งอนุรักษ์เสือไซบีเรียที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Siberian Tigers in Harbin, China

10. อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน สหรัฐอเมริกา

การเยี่ยมชมอุทยายแห่งชาติเยลโลว์สโตนในฤดูหนาวเป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ ป่าที่ปกคลุมด้วยหิมะมีความเงียบอันน่าพิศวง กลุ่มควันไอน้ำลอยขึ้นอย่างแผ่วเบารอบๆ บ่อน้ำพุร้อน อากาศแห่งความสันโดษแผ่ซ่านไปทั่วดินแดนมหัศจรรย์ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะอันบริสุทธิ์ สัมผัสความเงียบสงบของฤดูกาล คุณมีโอกาสผจญภัยและเชื่อมต่อกับธรรมชาติบนพรมแดนกว้างใหญ่ไพศาลที่รอการพิชิตจากนักสำรวจเช่นคุณ ถ้าคุณวางแผนการเดินทางไว้อย่างเหมาะสม เยลโลว์สโตนเป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่ดีที่สุดที่ควรไปเยี่ยมชมในเดือนธันวาคมและช่วงที่เหลือของฤดูหนาว การแช่น้ำพุร้อน เล่นสกีครอสคันทรีไปเล่นน้ำตก และชมสัตว์ป่าที่ลงมาจากภูเขาเป็นสิ่งที่ต้องทำในเยลโลว์สโตนในฤดูหนาว

Yellowstone in winter

กิจกรรมแนะนำ

  • เล่นสกีครอสคันทรี 
  • เดินลุยหิมะด้วยรองเท้าเดินบนหิมะไปยังจุดท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยม 
  • ไปทัวร์กับรถสโนว์โค้ช เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่สวยงามและสัตว์ป่า
  • ขี่สโนว์โมบิล สัมผัสสายลมที่พัดผ่านอย่างรวดเร็วผ่านภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยหิมะ
Drive in snow, Yellowstone
  • ทัวร์ชมสัตว์ป่ากับไกด์นักธรรมชาติวิทยา 
  • ตกปลาในน้ำแข็งที่ทะเลสาบ Hebgen ทางเหนือของ West Yellowstone
Snow in Yellowstone

หากคุณมีแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงฤดูหนาว ก็ควรจัดเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อม เช่น เสื้อกันหนาวที่เหมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศที่เราจะเดินทางไป ถุงมือ ถุงเท้า รองเท้า ที่ปิดหูเพื่อให้ความอบอุ่น เป็นต้น ถ้าเราเอาเสื้อผ้าหรือของใช้จำเป็นไปไม่เพียงพอก็อาจทำให้เกิดการเจ็บไข้ได้ป่วยจนหมดสนุก และสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณ เที่ยวต่างประเทศในช่วงฤดูหนาว ได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : wanderherway.com, planetware.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel