พาลูกขึ้นเครื่องบินอย่างไร ให้ราบรื่นตลอดทาง

เมื่อต้องเดินทางไกลไปต่างประเทศ การเดินทางด้วยเครื่องบินนับเป็นวิธีการเดินทางที่รวดเร็วและสะดวกที่สุด แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ต้องพาลูกน้อยขึ้นเครื่องบินด้วยแล้ว หลายท่านอาจเกิดความกังวลใจขึ้นมาว่าลูกน้อยจะสร้างความรำคาญให้แก่ผู้โดยสารคนอื่น ๆ แถมการเดินทางด้วยเครื่องบินอาจทำให้ลูกเหนื่อยล้าจากการเดินทาง และเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกด้วยค่ะ วันนี้ Allianz Travel มีเคล็ด (ไม่) ลับ ในการพาลูกขึ้นเครื่องบินให้ราบรื่นมาฝากค่ะ จะต้องเตรียมอะไรบ้าง มีขั้นตอนปฏิบัติอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ

ข้อควรรู้ก่อนพาลูกออกเดินทาง

ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าเด็กขึ้นเครื่องบินได้ตั้งแต่อายุกี่เดือน หรือกี่ขวบ และมีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง บางคนอาจเข้าใจผิดว่า ต้องรอให้ลูกอายุครบหนึ่งหรือสองขวบก่อน ถึงจะขึ้นเครื่องบินได้ ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว บางสายการบินอนุญาตให้เด็กทารกที่มีอายุตั้งแต่ 14 วันขึ้นไปสามารถขึ้นเครื่องบินได้ แต่บางสายการบินอาจอนุญาตให้เพียงแค่ 7 วัน ก็ขึ้นเครื่องบินได้แล้วค่ะ นอกจากนี้ ถ้าเด็กอายุยังไม่ถึง 2 ปีบริบูรณ์ ส่วนใหญ่แล้วสายการบินจะอนุญาตให้นั่งตักผู้โดยสารผู้ใหญ่ได้ โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อที่นั่งเพิ่มอีกที่ แต่อาจเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเล็กน้อย ขณะที่ถ้าเป็นเด็กอายุ 2 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป จะมีอัตราค่าโดยสารเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ หรือบางสายการบินก็จะคิดอัตราพิเศษค่ะ

เมื่อรู้แล้วว่าอายุเท่าไหร่ถึงขึ้นเครื่องบินได้ และต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มไหม ก็ถึงเวลามาดู 5 เคล็ด (ไม่) ลับพาลูกขึ้นเครื่องบินกันค่ะ

1.เลือกไฟลท์บินใกล้เคียงเวลานอนเด็ก

เคล็ดลับง่าย ๆ เลยสำหรับการพาลูกขึ้นเครื่องบินก็คือการเลือกไฟลท์บินให้ใกล้เคียงกับเวลานอนของลูกให้ได้มากที่สุด เช่น ถ้าปกติลูกนอนเวลาสามทุ่ม ก็ควรเลือกเที่ยวบินให้ใกล้เคียง อาจจะก่อนสามทุ่มเล็กน้อย เผื่อเวลาให้เครื่องบินผ่านการปรับความกดอากาศก่อน จะได้ไม่มีเสียงรบกวนหรือหูอื้อที่อาจทำให้ตื่นกลางคัน

2.เลือกที่นั่งให้เหมาะกับเด็ก

การเลือกที่นั่งบนเครื่องบินเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณพ่อคุณแม่มีโอกาสเลือกที่นั่งในช่วงการจองตั๋ว แนะนำให้เลือกที่นั่งติดริมทางเดิน ที่นั่งใกล้ห้องน้ำ หรือที่นั่งที่สามารถยืดขาได้และไม่มีเก้าอี้แถวด้านหน้า การเลือกที่นั่งเหล่านี้ จะไม่เป็นการรบกวนผู้โดยสารคนอื่น ๆ ถ้าหากต้องลุกมาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกน้อย หรือถ้าต้องลุกมาเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ นอกจากนี้ บางสายการบินจะมีที่นั่งแนะนำให้คุณแม่ที่เดินทางกับลูกน้อยโดยเฉพาะด้วยค่ะ

3.เตรียมของใช้ที่จำเป็น

เมื่ออยู่บนเครื่องบินแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับลูกน้อย สิ่งของเหล่านี้ต้องพกติดตัวขึ้นเครื่องบิน ไม่ควรโหลดใต้ท้องเครื่อง สิ่งของจำเป็นที่ต้องเตรียม อาทิ ขวดนม นมผง น้ำร้อน ผ้าอ้อม แพมเพิร์ส ทิชชู่เปียก และที่สำคัญคือ ถุงพลาสติก สำหรับเหตุฉุกเฉินเมื่อลูกเกิดการอาเจียนและอ้วกบนเครื่องบินเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศระหว่างเครื่องกำลังขึ้น นอกจากนี้ ควรพกพวกของเล่นเด็กไปด้วย เผื่อลูกไม่หลับ และเบื่อกับการนั่งเครื่องนาน ๆ อย่างน้อย การมีของเล่นสักชิ้น สองชิ้น ก็คลายเบื่อ และทำให้ลูกไม่งอแงได้แล้วค่ะ

4.เตรียมของกินไม่ให้เด็กหิว

อีกเคล็ดลับที่สำคัญมาก ๆ คือ อย่าปล่อยให้ลูกหิวเด็ดขาด เพราะถ้าหิวขึ้นมาแล้วละก็ งอแงและร้องลั่นเครื่องแน่ ๆ เราสามารถเตรียมพร้อมเรื่องนี้ได้ โดยการเตรียมนมและอาหารให้เพียงพอและตรงตามเวลาที่ลูกกินเป็นประจำ โดยของเหลวทั้งอาหารและนมของเด็ก สายการบินอนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องได้ค่ะ
เมื่อพูดถึงเรื่องกินแล้ว อีกเรื่องที่ควรระวังมาก ๆ คือ ไม่ควรให้เด็กกินอิ่มเกินไปก่อนขึ้นเครื่องหรือระหว่างอยู่บนเครื่อง เพราะอาจอาเจียนได้

5.เตรียมรับมือกับแรงกดอากาศ

เรื่องสุดท้ายที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ก็คือ อาการหูอื้อจากแรงกดอากาศขณะเครื่องบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและกำลังลงจอดบนรันเวย์ ขนาดผู้ใหญ่อย่างเรายังมีอาการหูอื้อเลย เพราะฉะนั้นแล้วเด็ก ๆ ต้องเตรียมการรับมือเป็นพิเศษ โดยวิธีป้องกันอาการหูอื้อมีด้วยกันหลายวิธี วิธีแรกคือการใช้ที่อุดหู (ตามร้านอุปกรณ์กีฬา) อีกวิธีคือการให้ เด็ก ๆ ดื่มน้ำ นม หรือทานอาหารระหว่างที่เครื่องบินขึ้นและลง ถ้าเด็กกินอาหารไม่ลง ก็ลองเปลี่ยนให้ทานขนมขบเคี้ยวดู เพราะการทานอาหาร ขนมหรือน้ำ ทำให้เด็กต้องกลืนน้ำลายซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการหูอื้อได้ค่ะ

เพื่อที่จะให้การเดินทางราบรื่นตลอดไฟล์ท การวางแผนพาลูกขึ้นเครื่องบินจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพียงทำตาม 5 เคล็ด (ไม่) ลับที่แนะนำไป แค่นี้ก็สามารถคลายกังวลได้แล้วค่ะ

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

เที่ยวประเทศยุโรป ฉบับคนงบน้อย

เที่ยวประเทศยุโรปฉบับคนงบน้อย (งบไม่เกิน 30,000 – 50,000 บาท)

“ทวีปยุโรป” เป็นทวีปยอดฮิตในฝันของใครหลาย ๆ คน ที่อยากไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต เพราะเต็มไปด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรม สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ผู้คน วัฒนธรรม อาหาร และสิ่งบันเทิงต่าง ๆ ที่รอให้ผู้คนได้ไปสัมผัส ท่องเที่ยว และซึมซับบรรยากาศเหล่านั้น แต่บางคนอาจส่ายหน้าหนีเมื่อนึกถึงการเดินทางไปยุโรป เพราะคิดว่าต้องมีเงินอย่างน้อยหลักแสน ทั้งๆ ที่หลายประเทศในยุโรป แค่ใช้งบเพียง 30,000 ถึง 50,000 บาท ก็เที่ยวได้แล้วค่ะ บทความนี้ Allianz Travel จึงขอพาผู้อ่านไปเที่ยว 6 ประเทศในยุโรปฉบับคนงบน้อยกัน จะมีประเทศไหนบ้าง และต้องเตรียมค่าใช้จ่ายกันเท่าไหร่ ไปดูกันค่ะ

1. ตุรกี

ประเทศตุรกีเป็นดินแดนที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินทั้งสองทวีปคือยุโรปและเอเชีย มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน คนตุรกีส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ดังนั้น สถาปัตยกรรม วัฒนธรรมและประเพณี จึงถูกสร้างและแวดล้อมด้วยศาสนาอิสลาม สำหรับการไปเที่ยวตุรกี มีงบเพียง 30,000 บาท ก็สามารถไปเที่ยวได้แล้ว โดยแบ่งค่าใช้จ่ายตามนี้

งบประมาณ : 30,000 บาท

ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ : 15,000 – 18,000 บาท

ค่าวีซ่า : ไม่ต้องขอวีซ่า

ค่าที่พักและค่าอาหาร : ค่าที่พักเริ่มต้น 500 บาท/คืน (สำหรับโฮสเทล) ค่าอาหาร 200 – 300 บาทต่อมื้อ

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ : ประมาณ 3,000 – 5,000 บาท อาทิ ค่าซื้อประกันภัยการเดินทาง ค่ารถบัสข้ามเมือง ค่ารถเมโทร ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ (ขึ้นอยู่กับว่าไปกี่สถานที่)

สถานที่แนะนำ:

  • สุเหร่าโซเฟีย เมืองอิสตันบูล – ถูกจัดให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหศัจรรย์ของโลกยุคกลาง สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 360 จุดเด่นคือมีโดมขนาดใหญ่กลางวิหารอายุกว่า 1,500 ปี
  • มัสยิดสีน้ำเงิน เมืองอิสตันบูล – สร้างขึ้นปี ค.ศ. 1606-1615 ข้างในมีการตกแต่งออกแบบภายในด้วยกระเบื้องอิซนิค บนกำแพงชั้นในสีฟ้าสดใสเป็นลายดอกไม้ ทั้งอาคาร มีหอมินาเร็ตหรือหอสวดมนต์ 7 หอ การจัดวางพื้นที่ของอาคารต่างๆ ถูกจัดวางเป็นรูปตัวยูได้อย่างสวยงาม
  • อุทยานแห่งชาติปามุคคาเล่ – สถานที่ยอดฮิตที่มี “บ่อน้ำพุร้อน” หรือแหล่งน้ำพุทางธรรมชาติเป็นจุดเด่น ชื่นชมกับทัศนียภาพของบ่อน้ำพุร้อนที่สวยงามจากการสะสมจนเกิดเป็นภูเขาเกลือขนาดใหญ่
  • พระราชวังทอปกาปี – สร้างขึ้นโดยสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 ใช้เป็นที่ประทับของสุลต่านหลายพระองค์ต่อเนื่องกันหลายทศวรรษ ปัจจุบันพระราชวังทอปกาปี เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงสมบัติล้ำค่าของสุลต่านองค์ต่าง ๆ รวมทั้งวัตถุโบราณอื่น ๆ อาทิเครื่องกระเบื้องของจีนกับญี่ปุ่นกว่า 12,000 ชิ้น
  • เมืองคัปปาโดเชีย – ทัวร์บอลลูนชมเมือง เที่ยวนครใต้ดิน ทัวร์พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ ต้องบอกว่ามาตุรกีแล้ว ห้ามพลาดมาเยือนคัปปาโดเชียเด็ดขาด เพราะนี้คือเมืองยอดฮิตที่มีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก
ตุรกี
Hot air balloon flying over rock landscape at Cappadocia Turkey

2. รัสเซีย

สำหรับนักท่องเที่ยวไทยที่อยากไปเที่ยวรัสเซีย ข่าวดีคือไม่ต้องทำวีซ่า ก็สามารถเที่ยวได้ถึง 30 วัน รัสเซียเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น วัฒนธรรมหลากหลาย สภาพอากาศก็เหมาะแก่การเที่ยว ไปเที่ยวรัสเซียใครว่าแพง แค่ 30,000 บาท ก็พอแล้วค่ะ

งบประมาณ : 30,000 บาท

ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ : 15,000 – 18,000 บาท

ค่าวีซ่า : ไม่ต้องขอวีซ่า

ค่าที่พักและค่าอาหาร : ค่าที่พักเริ่มต้น 400 บาท/คืน (ราคาโฮสเทล) ค่าอาหารเฉลี่ย 200 บาทต่อมื้อ

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ : ประมาณ 3,000 – 5,000 บาท อาทิ ค่าซื้อประกันภัยการเดินทาง ค่ารถบัสข้ามเมือง ค่ารถเมโทร และค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ (ขึ้นอยู่กับว่าไปกี่สถานที่)

สถานที่แนะนำ:

  • พระราชวังแคทเธอรีน เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก – หนึ่งในพระราชวังที่ห้ามพลาด ภายในพระราชวังมีห้องต่าง ๆ ให้ชมนับร้อย โดยเฉพาะห้องอำพัน ที่ถือว่าแป็นสุดยอดงานศิลป์ศตวรรษที่ 18 สร้างโดยช่างเยอรมัน ถวายให้แก่กษัตริย์ฟรีดริชที่ 1 แห่งปรัสเซีย
  • พระราชวังเครมลิน กรุงมอสโคว์ – มีอายุยืนยาวกว่า 850 ปี ตั้งอยู่บนเนินสูง ริมแม่น้ำมอสโคว์ ตัวพระราชวังถูกล้อมรอบด้วยกำแพงสีแดง ภายในมีพิพิธภัณฑ์อาร์เมอร์รี่ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของรัสเซีย ภายในจะมีการเก็บวัตถุโบราณและสมบัติของกษัตริย์รัสเซียไว้มากมาย อาทิ เครื่องเพชร ทองคำ และชุดฉลองพระองค์ เป็นต้น
  • มหาวิหารเซนต์เดอะซาเวียร์ กรุงมอสโคว์ – เป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียตั้งอยู่ใจกลางเมืองติดกับแม่น้ำมอสโคว์ รอบ ๆ วิหารจะมีภาพล่อโลหะเป็นรูปนักรบโบราณกับกษัตริย์ที่มีความสวยงามเสมือนจริง มหาวิหารนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1990 หลังจากได้ทุบของเดิมทิ้ง
  • มหาวิหารเซนต์บาซิล กรุงมอสโคว์ – ถือเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวมากที่สุด มหาวิหารเซนต์บาซิลเป็นสถาปัตยกรรมศิลปะแบบรัสเซียโบราณ ประกอบด้วยยอดโดม 9 ยอด ใครมาเที่ยวกรุงมอสโคว์ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะแค่มองโดมทั้ง 9 ยอด ก็จะเห็นถึงความงดงามและอลังการของสถาปัตยกรรมชิ้นนี้แล้ว
  • ทะเลสาบไบคาล – เป็นทะเลที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่บริเวณตอนใต้ของไซบีเรีย ช่วงหน้าหนาวทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด นักท่องเที่ยวนิยมขับรถเข้าไปถ่ายรูปที่เกาะ Olhkon ความสวยงามของทะเลสาบไบคาล อยู่ที่ปรากฏการณ์น้ำแข็งงอก น้ำแข็งย้อย ที่เกิดขึ้นในบริเวณถ้ำต่าง ๆ บริเวณรอบทะเลสาบ ดูแปลกตาและงดงามอย่างยิ่ง
รัสเซีย
Sunny autumn morning at St. Basil’s Cathedral on Red Square

3. อิตาลี

อิตาลี ประเทศในฝันของนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คน ที่เต็มไปความงดงามและความอลังการของศิลปะ ประติมากรรม อาคารโบราณ วิหาร และสถาปัตยกรรมอื่น ๆ ซึ่งบางอย่างมีอายุยาวนานมากกว่าพันปี อิตาลีมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เยอะมาก กระจายตัวอยู่ตามเมืองต่าง ๆ ถ้าใครไปเที่ยวแล้ว ก็ควรเก็บที่เที่ยวเหล่านี้ให้ครบนะคะ

งบประมาณ : 50,000 บาท

ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ : 16,000 – 20,000 บาท

ค่าวีซ่าเชงเก้น : ประมาณ 2,500 – 3,500 บาท

ค่าที่พักและค่าอาหาร : ค่าที่พักเริ่มต้น 800 บาท/คืน (ราคาโฮสเทล) ค่าอ่าหารเฉลี่ย 400 บาทต่อมื้อ

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ : ประมาณ 5,000 – 7,000 บาท อาทิ ค่าซื้อประกันเดินทาง ค่ารถบัสข้ามเมือง ค่ารถเมโทร ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ (ขึ้นอยู่กับว่าไปกี่สถานที่)

สถานที่แนะนำ:

  • Leaning Tower of Pisa – สถานที่ยอดฮิตที่ไม่ว่าใครมาเที่ยวอิตาลีก็ต้องมาถ่ายรูปทำท่าดันหอเอนปิซ่า เพราะหอเอนปิซ่า เป็นหอที่เอียงออกจาแนวดิ่งของฐานถึง 14 ฟุต แต่ไม่ล้ม และหอนี้ก็สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1173 และยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
  • Colosseum – หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 72 โคลอสเซียมเป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่ใหญ่โตมโหฬาร สามารถจุคนได้ถึง 80,000 คน ถ้าใครอยากชมความยิ่งใหญ่อลังการของสถาปัตยกรรมโบราณ ห้ามพลาดที่นี่เลยค่ะ
  • St Peter’s Basilica – มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ตั้งอยู่ในเขตนครรัฐวาติกัน เป็นผลงานออกแบบของ ไมเคิล แองเจโล สถาปนิกเลื่องชื่อในอดีต มหาวิหารนี้ถือเป็นศูนย์รวมใจหลักของคริสตชนและเป็นสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่และอลังการที่สุดในรัฐวาติกันและอิตาลี
  • Venice Grand Canal – การล่องเรือชมเมืองเวนิสเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด เพราะตลอดสองข้างทาง จะพบกับบ้านเรือนสวย ๆ สถานที่เที่ยวระดับโลก พระราชวัง และโบสถ์ที่เรียงรายอยู่ริมฝั่งคลอง
  • Pantheon – มหาวิหารแพนธีออนมีอายุกว่า 2,000 ปี แรกเริ่มสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นเทวสถานสำหรับเทพต่าง ๆ ในสมัยโรมันโบราณ โดยมหาวิหารแพนธีออนถือเป็นสถาปัตยกรรมจากสมัยโรมันที่คงสภาพสมบูรณ์ที่สุดในอิตาลี
อิตาลี
Grand Canal and Basilica Santa Maria della Salute in Venice

4. ออสเตรีย

ออสเตรีย ดินแดนสุดโรแมนติกที่รายล้อมไปด้วยขุนเขาและทะเลสาบ ออสเตรียจึงเป็นประเทศที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่อยากไปสัมผัสธรรมชาติอย่างเต็มปอด แต่ก็ใช่ว่าออสเตรียจะมีเพียงแค่ธรรมชาติเท่านั้น เพราะอาคารเก่าแก่และสถาปัตยกรรมอันงดงามก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลต์ของที่นี้เหมือนกัน เพียงแค่เดินชมเมืองก็จะหลงรักออสเตรียแล้วค่ะ

งบประมาณ : 50,000 บาท

ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ : 17,000 – 19,000 บาท

ค่าวีซ่าเชงเก้น : ประมาณ 2,500 – 3,500 บาท

ค่าที่พักและค่าอาหาร : ค่าที่พักเริ่มต้น 1,000 บาท/คืน (ราคาโฮสเทล) ค่าอาหารเฉลี่ย 400 บาทต่อมื้อ

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ : ประมาณ 5,000 – 7,000 บาท อาทิ ค่าซื้อประกันเดินทาง ค่ารถบัสข้ามเมือง ค่ารถเมโทร ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ (ขึ้นอยู่กับว่าไปกี่สถานที่)

สถานที่แนะนำ:

  • พระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) – เป็นแหล่งเช็กอินต้น ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวเมื่อมาเวียนนา พระราชวังเชินบรุนน์สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เป็นพระราชวังฤดูร้อนที่ได้รับต้นแบบมาจากพระราชวังแวร์ซายส์ในฝรั่งเศส ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
  • เมือง Hallstatt – ถ้าไม่มาเที่ยวเมือง Hallstatt เท่ากับว่ามาไม่ถึงออสเตรีย ! เพราะเมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองริมทะเลสาบที่มีวิวทัศน์สวยที่สุดในโลกเลย เสน่ห์ของเมือง Hallstatt คือบ้านเมืองที่เรียงรายกันอยู่ริมทะเลสาบ พร้อมวิวทัศน์ภูเขาสูงและทะเลสาบอยู่ด้านหลัง แค่เดินชมเมืองก็ถือว่าคุ้มที่ได้มาแล้วค่ะ
  • เมือง Salzburg – เมืองมรดกโลกที่มีประวัติศาสตร์อย่างยาวนาน สถานที่เที่ยวยอดฮิตในเมืองนี้ อาทิ สวนมิราเบลล์ ป้อมปราการ Hohensalzburg และ The Eisriesenwelt (ถ้ำน้ำแข็ง ยาว 42 กิโลเมตร) มหาวิหารนี้ถือเป็นศูนย์รวมใจหลักของคริสตชนและเป็นสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่และอลังการที่สุดในรัฐวาติกันและอิตาลี
  • เมือง Innsbruck – เมืองเล็ก ๆ ที่บรรยากาศเงียบสงบ อากาศดี เหมาะแก่การพักผ่อน เมืองอินส์บรุคส์ มีเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง พร้อมมีแม่น้ำอินส์ไหลผ่าน ภายในเมืองยังเป็นสวรรค์ของนักสกี เพราะมีภูเขาที่มีหิมะขาวโพลนปกคลุมตลอดทั้งปี เหมาะแก่การเล่นสกี และที่นี้ก็เคยได้จัดแข่งโอลิมปิคฤดูหนาวด้วยค่ะ
  • เมือง Zell Am See – อีกหนึ่งเมืองเล็ก ๆ ที่มีวิวทิวทัศน์เป็นภูเขาสูงและทะเลสาบ สำหรับเมืองนี้กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวมักมาทำ คือการเล่นสกีน้ำแข็งบนเนินเขาระหว่างภูเขา 3 ลูก ความยาวกว่า 138 กิโลเมตร หรือถ้าใครไม่ชอบเล่นสกี ก็มีบริการนั่งเคเบิลคาร์เพื่อชมวิวยอดเขา Schmittenhohe
ออสเตรีย
Historical quarters of Hallstatt with tall spire of Evangelical Church and wooden fishing boats’ garages in port on Hallstattersee lake, Salzkammergut, Austria.

5. กรีซ

กรีซ ประเทศแห่งเทพนิยายทางตอนใต้ของยุโรปที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ร้อยเรียงด้วยแหล่งอารยธรรมโบราณ สถาปัตยกรรม ศิลปะ ประติมากรรม และทะเลอันสวยงาม ทำให้กรีซเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและทั่วโลกให้ลองมาสัมผัสแหล่งอารยธรรมของโลก กรีซเป็นอีกหนึ่งประเทศที่งบไม่จำเป็นต้องเยอะ ก็ไปเที่ยวเองได้

งบประมาณ : 50,000 บาท

ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ : 20,000 บาท

ค่าวีซ่าเชงเก้น : ประมาณ 2,500 – 3,500 บาท

ค่าที่พักและค่าอาหาร : ค่าที่พักเริ่มต้น 800 บาท/คืน (ราคาโฮสเทล) ค่าอาหารเฉลี่ย 400 บาทต่อมื้อ

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ : ประมาณ 5,000 – 8,000 บาท อาทิ ค่าซื้อประกันเดินทาง ค่ารถบัส ค่า One Day Trip เกาะ ค่ารถเมโทร ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ (ขึ้นอยู่กับว่าไปกี่สถานที่)

สถานที่แนะนำ:

  • กรุงเอเธนส์ – เมืองเอเธนส์ เมืองโบราณที่มีอายุยืนยาวกว่า 2,000 ปี ภายในเมืองเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียง อาทิ วิหารพาเธนอน และอะโครโปลิส เป็นต้น
  • เกาะซานโตรินี – อยู่ทางตอนใต้ของทะเลอีเจียน เกาะซานโตรินีมีจุดเด่นน่าสนใจคือบ้านเรือนและสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นแปลกตาด้วยสีขาวโล้นเกือบทั้งเกาะ กิจกรรมน่าสนใจบนเกาะ อาทิ การชมพระอาทิตย์ตกที่หมู่บ้านเอีย (Oia)
  • ถ้ำสีน้ำเงิน (Blue Lagoon) – ถ้ำสีน้ำเงิน ถือเป็นหนึ่งความมหัศจรรย์ที่ต้องมาเยือนให้ได้ โดยด้านหน้าของถ้ำเกิดการกัดเซาะของน้ำทะเลจนเกิดเป็นรูปร่างซุ้มประตูที่สวยงาม เมื่อนั่งเรือลอดเข้ามาในถ้ำแล้ว ก็จะพบกับทะเลสีน้ำเงินใสสะอาด นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำ และดำน้ำดูปลาภายในถ้ำได้
  • เกาะซาคินทอส – เป็นเกาะที่อยู่นอกฝั่งตะวันตกของกรีซ มีชื่อเสียงด้านความงามของธรรมชาติ อุดมสมบรูณ์ไปด้วยสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ ซาคินทอสได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในทะเลที่สวยที่สุดในโลก นอกจากนี้ เมื่อมาถึงซาคินทอสแล้ว อย่าลืมแวะไปหาดนาวาจิโอ ซึ่งเป็นหาดซากเรือแตก และเคยถูกใช้เป็นฉากหลังถ่ายทำซีรีส์เกาหลีด้วยนะ!
  • เกาะมิโคนอส – มาต่อกันอีกเกาะ กับเกาะมิโคนอส ซึ่งขึ้นชื่อเสียงด้านความสวยงามของตัวอาคารที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ตัวบ้านจะมีสีขาว ตัดกับประตูหน้าต่างสีฟ้าสดใส บนเกาะมีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก อาทิ การดำน้ำลึก พายเรือ ขี่เจ็ตสกี เป็นต้น
กรีซ
Colorful panoramia of Oia town in Santorini, Greece

6. โปแลนด์

ประเทศสุดท้ายที่เราจะพาไปเที่ยวฉบับคนงบน้อยก็คือประเทศโปแลนด์ค่ะ โปแลนด์เป็นประเทศหนึ่งที่ค่าครองชีพไม่ได้สูง ทั้งค่าที่พักและอาหารต่อมื้อ ดังนั้นแล้ว ถ้าจัดการงบประมาณดี ๆ ไม่เกิน 50,000 บาทแน่นอนค่ะ

งบประมาณ : 50,000 บาท

ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ : 20,000 บาท

ค่าวีซ่าเชงเก้น : ประมาณ 2,500 – 3,500 บาท

ค่าที่พักและค่าอาหาร : ค่าที่พักเริ่มต้น 600 บาท/คืน (ราคาโฮสเทล) ค่าอาหารเฉลี่ย 300 บาทต่อมื้อ

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ : ประมาณ 2,000 – 4,000 บาท อาทิ ค่าซื้อประกันเดินทาง ค่ารถบัส ค่ารถเมโทร ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ (ขึ้นอยู่กับว่าไปกี่สถานที่)

สถานที่แนะนำ:

  • วอร์ซอ – เมืองหลวง และเมืองที่ใหญ่ที่สุดของโปแลนด์ มีสถานที่เที่ยวน่าสนใจจำนวนมาก แบ่งเป็นสามโซนหลักด้วยกันคือ 1. Old Town 2.Royal Route 3. New Town โดยโซน Old Town ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก ในย่านนี้ก็จะมีพระราชวังหลวงตั้งอยู่ด้วยค่ะ
  • มหาวิหารวาเวล – มหาวิหารที่เก่าแก่ในเมืองคราเคา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 มหาวิหารแห่งนี้เคยเป็นที่ประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกกษัตริย์ และเป็นที่ฝังพระศพกษัตริย์และขุนนางอีกด้วย มหาวิหารแห่งนี้ประกอบไปด้วยโบสถ์ ถึง 18 โบสถ์ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมความงดงาม
  • ค่ายกักกันเอาชวิทซ์ – เบียร์เคเนา – เป็นค่ายที่นาซีสร้างขึ้นในปี 1940 เพื่อกักกันชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกปี 1979 ภายในค่ายจะแสดงสิ่งของเครื่องใช้ของชาวยิวที่ถูกจับตัวมาในสมัยนั้น ภายในยังมีเปิดให้ชมห้องต่าง ๆ ทั้งห้องนอน ห้องน้ำ และห้องเผาศพ ถึงแม้ค่ายกักกันแห่งนี้จะไม่ใช่สถานที่ตื่นตาตื่นใจ แต่นับเป็นสถานที่ ที่ทำให้เราตระหนักถึงความโหดร้ายของสงครามได้เป็นอย่างดี
  • เหมืองเกลือวิเอลิคชกา – เหมืองเกลือที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ภายในเหมืองจะมีอุโมงค์ความยาวกว่า 300 กิโลเมตร และส่วนที่ลึกที่สุดของเหมืองแห่งนี้เทียบเท่ากับตึกสูง 40 ชั้นเลยทีเดียว!
  • ซาโกปาเน – เมืองแห่งขุนเขาและสวรรค์ของนักเล่นสกี นักท่องเที่ยวมักมาเที่ยวที่ซาโกปาเนในฤดูหนาว เพราะเมืองจะมีทิวทัศน์ที่สวยงามโอบล้อมด้วยภูเขาหิมะขาวโพลน
โปแลนด์
Aerial view over Grudziadz, Poland

เราไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายกับการท่องเที่ยวยุโรปอีกต่อไปแล้ว ถ้าเราวางแผนการท่องเที่ยว และคุมงบประมาณเป็นอย่างดี อีกทั้งปัจจุบันโปรโมชั่นที่พักและสายการบินก็มีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง 6 ประเทศที่เราแนะนำไป ถ้าวางแผนท่องเที่ยวและคุมงบอย่างดีแล้ว รับรองว่าเที่ยวได้อย่างสบายใจ ไม่เกินงบแน่นอนค่ะ (เผลอ ๆ ไม่ถึง 30,00 – 50,000 ด้วย)


สำหรับการท่องเที่ยวประเทศยุโรปแบบคนงบน้อย การเสียค่ารักษาพยาบาล เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด จะทำให้การท่องเที่ยวหมดสนุกไปทันที ดังนั้นการซื้อประกันภัยการเดินทาง ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย เพราะเบี้ยประกันแค่หลักร้อย ก็สามารถคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลหลักล้านได้แล้ว ที่ Allianz Travel เรามีประกันการเดินทางรายเที่ยวและรายปี ที่คุ้มครองครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล การพลาดการต่อเที่ยวบิน ความล่าช้าของสัมภาระ เอกสารสำคัญสูญหาย และกรณีอื่น ๆ เพียงเท่านี้ เราก็สามารถเที่ยวยุโรปได้อย่างสบายใจ มั่นใจ และไร้กังวลแล้วค่ะ

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

เที่ยวไหนก็อุ่นใจ ALLIANZ เคียงข้างคุณ

เที่ยวไหนก็อุ่นใจ ประกันการเดินทาง ALLIANZ เคียงข้างคุณ

ทุกครั้งที่เราวางแผนเดินทางท่องเที่ยวไม่ว่าจะเพื่อพักผ่อน หรือเพื่อให้รางวัลชีวิตกับตัวเอง เราต้องไม่ลืมวางแผนการเดินทางรอบคอบ นอกจากการจองโรงแรมดีๆ และที่กินอร่อยๆ การซื้อประกันการเดินทางก็ควรเป็นหนึ่งในแผนสำคัญก่อนออกเดินทางที่ห้ามลืมด้วยเช่นกัน การซื้อประกันการเดินทางนั้นเป็นการลงทุนเพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างทริปการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาคลาสสิคที่เจอกันประจำอย่างกระเป๋าเดินทางหาย และที่สำคัญคือการเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นในต่างแดน บางครั้งยังต้องมาปวดหัวเรื่องการสื่อสารอีก ที่ร้ายสุดกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ที่หลายๆ ประเทศมีอัตราค่ารักษาพยาบาลที่สูงมาก บางประเทศนั้นอาจสามารถตีเป็นเงินได้อีกทริปเลยทีเดียว แต่ประกันการเดินทางก็มีหลากหลายให้ตาลายเหลือเกิน ดังนั้น Allianz Travel ขอนำเสนอกลุ่มแผนประกันการเดินทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

แผนประกันการเดินทางกลุ่ม TRAVEL SENSE

ประกอบด้วย 6 แผนย่อยกับความคุ้มครองที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในการเดินทางที่แตกต่างกัน รวมไปถึงการให้ความคุ้มครองในรูปแบบ รายบุคคล และแบบครอบครัว ในแผนย่อย Common Sense และ Good Sense ประกอบกับช่วงระยะเวลาการเดินทางที่เลือกได้เพื่อให้เหมาะสมกับระยะเวลาเดินทางจริง ตั้งแต่ 1 วันจนถึงสูงสุด 180 วัน สำหรับแผนรายเที่ยว และแผนรายปี Perfect Sense สำหรับนักท่องเที่ยวตัวยง ที่มอบความยืดหยุ่นให้เดินทางได้ตามที่คุณต้องการ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ภายใน 1 ปี โดยมอบความคุ้มครองรวมถึงสิทธิประโยชน์ครอบคลุมการช่วยเหลือฉุกเฉิน และความล่าช้าของเที่ยวบิน

OVERSEAS STUDENT CARE PLAN

แผนประกันการเดินทางที่เหมาะสำหรับนักเรียน นิสิตนักศึกษา ที่เรียนต่อต่างประเทศ โดยมอบความคุ้มครองที่เหมาะสมกับการเรียนรู้และการใช้ชีวิต ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งอุบัติเหตุและสุขภาพเข้าได้ทุกโรงพยาบาล และเครือข่ายช่วยเหลือฉุกเฉินที่ให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที ทุกที่ ทุกเวลา พร้อมด้วยทีมแพทย์และพยาบาลที่สามารถสื่อสารได้หลายภาษา ที่พร้อมเป็นสื่อกลาง เพื่อความอุ่นใจของนักเรียนและผู้ปกครองในยามห่างไกล นอกจากนี้ยังมีผลประโยชน์อื่นๆ ที่เพิ่มเติมให้เพื่อความอุ่นใจที่มากขึ้นเช่น การสูญหายหรือความเสียหายของกระเป๋าเดินทางหรือทรัพย์สินส่วนตัวในระหว่างการใช้บริการของบริษัทขนส่งสาธารณะ

WORK AND HOLIDAY PLAN

แผนประกันการเดินทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานในต่างแดน ให้ความคุ้มครองครอบคลุมถึงเอกสารสำคัญต่างๆ นอกเหนือจากความคุ้มครองด้านชีวิตและความช่วยเหลือฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังมอบความคุ้มครองเพิ่มเติมด้านเงินชดเชยระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาลต่างประเทศในฐานะผู้ป่วยใน เพื่อให้คุณคลายความกังวลใจเรื่องรายได้ หากเกิดความเจ็บป่วยและต้องพักรักษาตัวจนไม่สามารถปฏิบัติงานได้

SUGOI JAPAN PLAN

แผนประกันการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ โดยแบ่งเป็น 3 รูปแบบสำหรับรายบุคคล ได้แก่แผน Sakura, Ume และ Yuri และพิเศษสำหรับแผน Ume ที่สามารถเลือกซื้อเพื่อความคุ้มครองสำหรับการเดินทางเป็นครอบครัวหรือหมู่คณะ ซึ่งมอบความคุ้มครองวงเงินสูง รวมถึงสิทธิประโยชน์ครอบคลุมการช่วยเหลือฉุกเฉิน และความล่าช้าของเที่ยวบิน และนอกจากนี้ยังเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้วยโครงการคุ้มครองพิเศษสำหรับบัตรโดยสารรถไฟประเทศญี่ปุ่น ที่ให้ความคุ้มครองบัตรโดยสารรถไฟในประเทศญี่ปุ่นในกรณีสูญหาย ไปจนถึงเอกสารสำคัญต่างๆ

นอกจากแผนประกันการเดินทางกลุ่มหลักที่กล่าวมานั้น Allianz Travel ยังมีแผนประกันอื่นๆที่สามารถตอบสนองความต้องการและรูปแบบการเดินทางที่หลากหลายวัตถุประสงค์ ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว หรือการเดินทางรูปแบบไหน คุณก็อุ่นใจได้เสมอเมื่อมีประกันเดินทางจาก Allianz Travel

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

ทริปยกเลิก ทำไงดี

ทริปยกเลิก ทำไงดี เคลมได้มั้ย

ช่วงนี้หลายๆคนคงเริ่มวางแผนเดินทางท่องเที่ยวประจำปีกันบ้างแล้วทั้งทริปสั้นทริปยาว หรือบางคนก็อาจกำลังทำแพลนการท่องเที่ยวต่างประเทศกันเลย วางแผนทั้งทีก็จะวุ่นวายกันหน่อย ไม่ว่า จะไปประเทศไหนดี เที่ยวที่ไหนบ้าง เดินทางยังไง งบประมาณเท่าไหร่ ต้องจองอะไรล่วงหน้าบ้างมั้ย เชื่อว่าคงมีแผนไว้ในหัวกันเรียบร้อยแล้ว ที่ต้องจองก็จองไป ที่ต้องจ่ายมัดจำก็จ่ายกันไป แต่อย่างไรก็ตาม อย่าลืมเตรียมการเรื่องความปลอดภัยเผื่อไว้ด้วยนะ โดยซื้อประกันเดินทางเอาไว้ เพื่อว่าหากเกิดกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินจะได้ไม่กังวล นอกจากนี้การซื้อประกันเดินทางก็มีข้อดีอีกหลายอย่างนอกเหนือจากเรื่องค่ารักษาพยาบาลและการช่วยเหลือฉุกเฉิน อย่างเช่นการเคลมกรณียกเลิกการเดินทาง ที่จะสามารถเคลมค่าใช้จ่ายคือได้หากว่ามีการยกเลิกการเดินทางตามข้อตกลงเงื่อนไขความคุ้มครอง วันนี้เราจะมาดูรายละเอียดข้อตกลงความคุ้มครอง โดยจะขอยกตัวอย่างจาก ข้อตกลงของ Allianz Travel เอง ว่ากรณีไหนที่สามารถเคลมได้บ้าง

ข้อตกลงคุ้มครองการยกเลิกการเดินทาง

กรมธรรม์ประกันภัย ให้ความคุ้มครองเมื่อการเดินทางของผู้เอาประกันภัยที่ได้รับการยืนยันแล้วถูกยกเลิกภายใน 30 วันก่อนเริ่มการเดินทาง เนื่องจากเหตุการณ์ไม่ได้คาดหมาย และอยู่เหนือการควบคุมของผู้เอาประกันภัย มีดังต่อไปนี้

  1. การเสียชีวิต การบาดเจ็บสาหัส การเจ็บป่วยรุนแรงของผู้เอาประกันภัย หรือญาติสนิท หรือผู้ใกล้ชิดทางธุรกิจ (“ผู้ใกล้ชิดทางธุรกิจ” หมายถึง บุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้เอาประกันภัยในการทำธุรกิจ ที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ต่อเนื่องกับ ผู้เอาประกันภัย และมีการพึ่งพาทางธุรกิจซึ่งกันและกันกับผู้เอาประกันภัย หรือบุคคลทางธุรกิจที่ร่วมเดินทางไปกับผู้เอาประกันภัยด้วยจุดหมายเดียวกันและจำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจของผู้เอาประกันภัย)
  2. การยกเลิกตารางเดินทางของผู้ขนส่งสาธารณะเนื่องจาก การจลาจล การนัดหยุดงาน การประท้วง การก่อความวุ่นวาย พายุหรือไต้ฝุ่น
  3. การถูกหมายเรียกเพื่อไปให้การเป็นพยานในศาลของผู้เอาประกันภัย

โดยระยะเวลานั้นอ้างอิงจากวันที่ระบุในเอกสารใบรับรองแพทย์ ซึ่งต้องอยู่ในระหว่างวันที่ซื้อประกันการท่องเที่ยว และภายใน 30 วันก่อนเริ่มการเดินทาง และถ้าหากสาเหตุการยกเลิกการเดินทางเข้าข่ายข้อใดข้อหนึ่งดังที่กล่าวไป เราจะสามารถทำเรื่องการเคลมเพื่อให้บริษัทพิจารณาอนุมัติได้ โดยบริษัทจะจ่ายคืนให้ผู้เอาประกันภัย สำหรับเงินมัดจำล่วงหน้าที่ถูกยึด สำหรับค่าตั๋วเครื่องบินที่ไม่ได้ใช้ ค่าที่พักและค่าจองการท่องเที่ยวที่จ่ายโดยผู้เอาประกัน หรือมีสัญญาว่า ผู้เอาประกันภัยจะต้องจ่ายและไม่สามารถเรียกคืนได้ ซึ่งทั้งนี้ต้องไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันที่ได้ระบุไว้ในหน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัย
นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขต่างๆ และในกรมธรรม์จะแสดงส่วนของข้อยกเว้นการคุ้มครองด้วย โดยเงื่อนไขที่ไม่คุ้มครอง การบาดเจ็บ ความสูญเสีย หรือความเสียหาย ขึ้นอยู่กันข้อตกลงคุ้มครองตามกรมธรรม์นั้นๆ และวงเงินความคุ้มครอง ดังนั้นเราควรอ่านและทำความเข้าใจรายละเอียดของกรมธรรม์ทุกครั้งด้วย แม้ว่าจะยาวหน่อยแต่ก็คุ้มค่ากับการเสียเวลาอ่าน

ไม่ว่าจะเที่ยวมือใหม่หรือเที่ยวมือเก๋า ต่อให้วางแผนไว้ดีขนาดไหน ก็มีโอกาสเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เสมอ ตั้งแต่การเจ็บป่วย จนถึงการยกเลิกการเดินทาง ดังนั้นการเตรียมพร้อมสำหรับเหตการณ์ที่อาจเกิดขึ้นไว้ก่อนย่อมดี และเป็นประโยชน์กว่า โดยเฉพาะการเลือกผู้ให้บริการที่มีความพร้อมและเครือข่ายเช่น Allianz Travel ที่ให้บริการความช่วยเหลือฉุกเฉินที่รวดเร็วและระบบเครือข่ายระดับโลก เพราะทุกวินาทีมีค่ายามฉุกเฉิน ดังนั้นเราจึงพัฒนาเพื่อให้มั่นใจได้ว่าคุณจะ “อุ่นใจทุกครั้งเมื่อเดินทาง”

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

การเตรียมชุดกันหนาวให้พร้อมสำหรับความหนาวเย็นในทริปต่างประเทศ

ผู้ที่รักในการท่องเที่ยวที่เลือกไปท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงฤดูหนาวเพราะต้องการสัมผัสอากาศหนาวแบบที่บ้านเราไม่มี และแน่นอน อยากสัมผัสหิมะที่เย็นยะเยือกสักครั้งรวมทั้งเตรียมตัวสำหรับกิจกรรมบนหิมะยกตัวอย่างเช่น การเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ด รวมไปถึงผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยในการเดินเขาหรือขึ้นเขาในแถบประเทศที่หนาวเย็นด้วย แน่นอนว่าอากาศที่นั่นต้องแตกต่างจากบ้านเราแน่นอนเพราะบ้านเรามีเพียงฤดูฝน ฤดูร้อนและฤดูร้อนมากเท่านั้นและไม่เคยมีหิมะตกเลยนี่สิ แล้วเราควรจะเตรียมเสื้อผ้าอย่างไรกันดีล่ะ

ก่อนอื่นต้องสำรวจก่อนว่าประเทศที่เราจะไปนั้นอยู่ในฤดูอะไร อุณหภูมิโดยประมาณเท่าไหร่ และนอกจากอากาศที่หนาวเย็นแล้วยังมีหิมะหรือลมฝนร่วมด้วยหรือไม่ เพื่อเตรียมเสื้อผ้าไปให้พร้อมกับทุกสถานการณ์เพราะถ้าป่วยขึ้นมาก็เที่ยวไม่สนุกกันพอดีน่ะสิจริงมั้ย

ประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นระดับเบเบี๋ (15-25 องศาเซลเซียส)

อุณหภูมิระดับนี้ก็ใกล้เคียงกับอากาศทางภาคเหนือของประเทศเราในหน้าหนาว ซึ่งอากาศแบบนี้จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของประเทศทางฝั่งยุโรปและประเทศในเอเชียอย่างญี่ปุ่น เกาหลี ก่อนจะเข้าสู่ฤดูหนาว การจัดกระเป๋าก็ไม่ยากเลย

  • ชุดชั้นใน เลือกชุดชั้นในที่ใส่ปกติหรือหนาสักนิดก็ใช้ได้
  • เสื้อผ้า เสื้อเลือกที่สวมใส่สบาย สาว ๆ อาจเลือกเลกกิ้งมาปกป้องเรียวขาจากอากาศเย็นแล้วสวมมินิสเกิร์ตทับส่วนหนุ่ม ๆ ใส่ยีนส์สักตัวก็เอาอยู่
  • เสื้อกันหนาว เลือกเสื้อกันหนาวที่ช่วยกันลมอย่าง เสื้อแจ็คเก็ต หรือเสื้อโค้ทที่ไม่หนามากนักเป็นสไตล์แฟชั่นมาใส่ก็ได้
  • รองเท้า สวมถุงเท้าหนากับรองเท้าหุ้มส้นหรือผ้าใบที่ใส่สบาย

ประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นระดับประถม (0-15 องศาเซลเซียส)

ยกระดับความหนาวเย็นขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง อุณหภูมิขนาดนี้เป็นช่วงฤดูหนาวของต่างประเทศซึ่งหนาวกว่าบ้านเรามาก ยิ่งกับผู้ที่เคยชินกับอากาศ 20 องศาปลาย ๆ ของภาคกลางแล้วล่ะก็อาจป่วยได้ ที่อุณหภูมิขนาดนี้ควรติดผ้าพันคอและเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ศีรษะของคุณด้วยหมวกไหมพรม สวมถุงมือไหมพรมเพื่อป้องกันลมช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับมือของคุณได้เป็นอย่างดี

  • ชุดชั้นใน จุดนี้ควรเลือกชุดชั้นในที่มีความหนาเพื่อช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายแล้วสวมลองจอนทับอีกชั้น
  • เสื้อผ้า แนะนำเป็นเสื้อวูล, เสื้อฮีทเทค หรือเป็นสเวตเตอร์ที่หนาสักนิดมีแขนยาวและปิดคอเพื่อเก็บความร้อนและให้ความอบอุ่น ส่วนท่อนล่างควรสวมลองจอนวูลเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ขาของคุณ และสวมกางเกงยีนส์หนา ๆ ทับอีกชั้น
  • เสื้อกันหนาว ควรเลือกเสื้อโค้ทที่มีความหนาและมีฮู้ดไว้ป้องกันความหนาวเย็นจากลมหากคุณต้องยืนตากลมนาน ๆ อาจทำให้รู้สึกไม่สบายได้ และเสื้อกันหนาวหรือโค้ทควรมีความยาวเลยสะโพกลงไปยิ่งถ้าได้เสื้อขนเป็ดก็จะดีมาก
  • รองเท้า ควรเตรียมถุงเท้าวูลและรองเท้าบูทไปด้วย

ประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นระดับมหาวิทยาลัย ( -15 ถึง -1 องศาเซลเซียส)

ความหนาวระดับนี้เป็นระดับที่มีหิมะตกนอกจากความหนาวเย็นแล้วคุณอาจต้องพบกับความชื้นของหิมะด้วย ต้องจัดเตรียมเสื้อผ้าที่สามารถระบายความชื้นได้ดี เก็บความอบอุ่นได้ดีและกันเปียก หากเสื้อโค้ทที่คุณเตรียมไปไม่มีฮู้ดควรเตรียมหมวกไหมพรมหนา ๆ ที่ปิดหูและถุงมือไหมพรมวูล รวมถึงถุงเท้าไหมพรมวูลไปด้วย

  • ชุดชั้นใน เลือกชุดชั้นในที่มีความหนาเพื่อรักษาความอบอุ่นแล้วสวมลองจอนทับอีกชั้นหนึ่ง ควรเลือกแบบที่ระบายความชื้นได้เร็วแล้วสวมไทต์เลกกิ้งหนาและแพนตี้โฮสด้านล่าง
  • เสื้อผ้า สวมแจ็คเกตบาง ๆ หรือเสวตเตอร์ผสมขนสัตว์เพิ่มความอบอุ่นแขนยาวไว้ด้านใน ท่อนล่างใส่ลองจอนวูลที่สามารถระบายความชื้นได้ดีหากคุณต้องเจอกับหิมะสวมยีนห์หนาที่มีเนื้อผ้าสามารถกันลมได้ดีหรือกางเกงผ้าร่มบุด้านในที่สามารถกันเปียกได้ดี
  • เสื้อกันหนาว เสื้อกันหนาวควรเลือกเป็นวูลขนเป็ดและผ้าด้านนอกกันเปียก หากเป็นโค้ทควรเลือกตัวยาว ยาวถึงเขาเลยยิ่งดี มีความหนามาก ๆ แต่แนะนำเป็นเสื้อวูลขนเป็ดที่มีความหนาแน่นมากดีกว่าเพื่อเก็บความอบอุ่นให้กับคุณ และหากคุณมั่นใจว่าต้องเจอหิมะแน่ ๆ ไม่ควรเลือก Down Jacket มาใส่เพราะถึงแม้จะเบาและอบอุ่นแต่โดนความชื้นเข้าไปแจ็คเก็ตจะเปียกและไม่อุ่นอีกต่อไปจ้า
  • รองเท้า ควรเตรียมถุงเท้าวูลและรองเท้าบูทที่ยาวถึงเข่าและสามารถเดินบนหิมะได้ไปด้วย

สำหรับจำนวนนั้นขึ้นอยู่กับระยะเวลาของทริปนี้ด้วยหากไปเพียง 2-3 วันเตรียมเสื้อกันหนาวไปตัวเดียวและชุดชั้นในและเสื้อผ้าตามจำนวนวันและรองเท้าบูทและผ้าใบอย่างละคู่ก็เพียงพอแล้วแต่หากไป 7 วันขึ้นไปควรตระเตรียมเสื้อหนาวไปเผื่ออีกสักหนึ่งตัวหรือไปซื้อเพิ่มที่ประเทศนั้น ๆ ก็ได้คุณจะได้เสื้อที่เหมาะเหม็งกับสภาพอากาศทีเดียวเชียว สำหรับผู้ที่ตั้งใจไปสกีหรือปีนเขาต้องเตรียมอุปกรณ์เซฟตี้แขนขา แว่นกันลมรวมถึงถุงมือที่เหมาะสำหรับปีนเขาและเล่นสกีไปด้วยนะ

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

ผู้ชนะ 10 TRIP … กับ 10 TIPS ในการเตรียมตัวไป TRIP ทัวร์ต่างประเทศ

เพื่อนๆ อาจเคยได้ยินประโยคเชิญชวนท่องเที่ยวที่ว่า “เที่ยวเมืองไทย ไม่ไป ไม่รู้” อย่าว่าแต่เมืองไทยเลย เราอยากบอกว่า เที่ยวเมืองนอกก็เช่นกัน แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ถ้าไปแบบไม่รู้ และไม่ได้เตรียมอะไรเลย ต้องแย่แน่ๆ เราจึงรวบรวมและหวังว่า 10 Tips ต่อไปนี้ อาจจะช่วยคุณได้

1. เครื่องแต่งกาย

เป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง คุณควรจะศึกษาสภาพอากาศของประเทศที่คุณจะเดินทางไป หนาวไหม ร้อนมากหรือเปล่า รวมถึงข้อห้ามในท้องถิ่นของเขา เช่น ประเทศแถบตะวันออกกลาง หรือ ประเทศที่มีข้อห้ามทางศาสนาในการแต่งตัวต่างๆ ศึกษาให้ดีๆ ในกระเป๋าเดินทางของคุณจะได้เต็มไปด้วยเครื่องแต่งกายที่พร้อมใส่ทุกสถานการณ์ไงล่ะ

2. ของใช้ส่วนตัว

เครื่องแต่งกายว่าสำคัญแล้ว ของใช้ส่วนตัวยิ่งสำคัญมากขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของเบสิคอย่าง แปรงสีฟัน ยาสีฟัน โฟมล้างหน้า ไปจนถึงที่โกนหนวด หรือครีมต่างๆ ขอแนะนำอีกนิดว่า คุณควรจะติดพวกทิชชู่เปียก ไม้จิ้มฟัน ชุดเข็มกับด้าย ไว้เผื่อเวลาฉุกเฉินด้วยนะ

3. GADGET

ในโลกยุคไซเบอร์นี้ คงไม่มีใครไม่พก Gadget ติดตัวแน่ๆ ที่ขาดไม่ได้เลยก็คงเป็นสมาร์ทโฟนที่สามารถบันทึกภาพความทรงจำดีๆ ของเราได้ แต่อย่าลืมอุปกรณ์ในการชาร์จเชียวนะ เพราะที่เมืองนอกน่ะ ปลั๊กไฟหรือกระแสไฟอาจจะไม่เหมือนที่บ้านเรา ฉะนั้นควรเตรียม “ที่แปลงหัวปลั๊กไฟ” ติดตัวไว้ด้วยเป็นดีที่สุด และไม่ควรมองข้ามเครื่องมือแปลภาษา ที่จะช่วยให้เราสื่อสารกับคนรอบข้างได้ ไม่ว่าจะเป็นพจนานุกรมหรืออุปกรณ์ในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีแอพลิเคชั่น ไว้ให้โหลดกันง่ายๆ บนโทรทัศท์มือถือแล้วด้วย

4. เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว

ระหว่างเดินทางอาจจะต้องมีท้องร้องกันบ้างแหละ หรือในมื้อแรกๆ อาจจะยังไม่คุ้นชินกับอาหารหน้าตาแปลกๆ ที่เราไม่เคยกินมาก่อน ยามนี้เราจึงควรหยิบเสบียงที่เตรียมไว้เล็กๆ น้อยๆ ในกระเป๋าออกมาประทัง เพื่อคลายความหิวกันสักนิด

5. ยาสามัญประจำบ้าน และยาโรคประจำตัว

ถ้าไม่อยากให้การท่องเที่ยวทริปนี้กลายเป็นทริปรักษาร่าง นอนป่วยอยู่แต่ที่โรงแรม จนไม่ได้ออกไปเที่ยวตามแพลนที่วางไว้ ก็แนะนำว่า อย่าได้ลืมยาสามัญประจำบ้าน และยาโรคประจำตัว ไว้ในกระเป๋าเดินทางด้วย รวมถึงพวกชุดปฐมพยาบาลก็ไม่ควรละเลยนะ เกิดอะไรขึ้นมาจะได้แก้ปัญหาได้ทันท่วงทีไงล่ะ

6. เงินสด และบัตรเครดิต

แม้ว่าปัจจุบัน การเบิกเงินในต่างแดนจะทำได้สะดวก แต่เราก็ควรเตรียมเงินสดติดกระเป๋าไว้สักนิด รวมถึงการแลกสกุลเงินที่ต้องใช้ไปก่อนเดินทางเลย เพื่อการใช้จ่ายที่ไม่สะดุดและป้องกันเหตุไม่คาดฝัน และที่ขาดไม่ได้คือบัตรเครดิต ที่สามารถใช้ได้ทุกมุมทั่วโลก เน้นว่าห้ามลืมข้อนี้เป็นอันขาด ไม่งั้นกลับบ้านไม่ได้ไม่รู้ด้วยนะ

7. เอกสารแสดงตน และเอกสารสำคัญอื่นๆ

จะเดินทางทั้งที มัวเตรียมแต่เครื่องแต่งกายจนลืมเอกสารแสดงตนหรือเอกสารสำคัญอื่นๆ คงหมดสนุกอยู่แค่สนามบินชัวร์!!! ถ้ายังงั้นลองเขียนเช็คลิสต์ในหมวดนี้ดูว่า นอกจากบัตรประชาชนและพาสปอร์ตแล้ว ยังมีอะไรต้องพกใส่กระเป๋าไปอีก เช่น นามบัตร เบอร์ติดต่อกรณีฉุกเฉิน ตั๋วเดินทาง แผนที่ แผนการเดินทาง สมุดบันทึก Hotel Reservation Travel insurance เห็นไหม นี่ถ้าไม่เช็คตามลิสต์นี้ กระเป๋าที่จัดมาคงต้องหอบกลับไปบ้านเหมือนเดิม

8. สนามบิน และการเช็คอินของสายการบิน

ก่อนเดินทางจริง เราแนะนำให้ตรวจสอบเส้นทางไปสนามบิน จะได้ไม่หลงทาง และในวันจริงควรเผื่อเวลาเดินทางแบบชิลล์ๆ ไปสนามบินด้วยนะ อย่างน้อยสัก 2 ชั่วโมง เผื่อมีอะไรผิดพลาด จะได้มีเวลาแก้ปัญหาได้ทัน อย่าลืม!!! ตรวจสอบการเช็คอินของสายการบินให้ละเอียดด้วยทั้งที่ตั้งของอาคาร หมายเลขเคาน์เตอร์ น้ำหนักของกระเป๋าเดินทาง พร้อมแทคกระเป๋า ตามจำนวนที่เราฝากลงท้องเครื่อง เพื่อเป็นหลักฐานในการเคลม เมื่อกระเป๋าของเราเกิดความผิดพลาดในการส่ง หรือเสียหายนั่นเอง

9. ตรวจสอบสถานที่ท่องเที่ยวของท้องถิ่น หรือ งานเทศกาลต่างๆ

หลายคนพลาดมากๆ ในข้อนี้ ถือว่าเราแนะนำเพิ่มเติมจากสถานที่ที่เป็นจุดแลนด์มาร์คที่สมควรจะไปอยู่แล้ว ว่าเราควรหาข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวของท้องถิ่นนั้นๆ หรืองานเทศกาลที่อาจจัดขึ้นในช่วงเวลาที่เราท่องเที่ยวอยู่ในบริเวณนั้น เพื่อเป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆ ความรู้สึกใหม่ๆ ให้กับตัวเองด้วย

10. หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง

ถ้าต้องประสบเหตุการณ์เสี่ยงตายในพื้นที่ไกลบ้าน คงเป็นความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน เรื่องแบบนี้เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงดีกว่า เช่น ไม่เข้าไปท่องเที่ยวในพื้นที่ที่มีสถานะการณ์ตึงเครียดทางการทหารจากการสู้รบ การโจมตี หรือด้านการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการเดินขบวนประท้วง และพื้นที่ที่มีปัญหาขัดแย้ง เป็นต้น พื้นที่เหล่านี้จะมีการควบคุมโดยกองกำลังความมั่นคงต่างๆ มากมาย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความล่าช้าหรือปัญหาอื่นๆ จากมาตราการที่มีความเข้มงวด หรือปฎิบัติการของกองกำลังเหล่านี้ และถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ควรมีเบอร์ของสถานทูต รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ เพื่อสามารถติดต่อได้ยามฉุกเฉินด้วย

เป็นไงบ้างเอ่ย กับ 10 ข้อด้านบนที่เราเอามาฝากกัน ถ้าเช็คลิตส์ครบถ้วนแล้ว ก็เตรียมแพ็คกระเป๋า เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับชีวิตกันได้เลย! แล้วอย่าลืมเก็บเกี่ยวประสบการณ์กลับมาให้ได้มากๆ ล่ะ เพื่อให้การเป็นนักเดินทางในครั้งนี้ คุ้มค่าตั๋วสุดๆ ให้สมกับเป็น “ผู้ชนะ 10 trip … กับ 10 Tips ในการเตรียมตัวไป trip ทัวร์ต่างประเทศ” เลย

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา