พยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น 2025

พยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น 2025 ล่าสุด! [ครั้งที่ 12: 10 เมษายน 2025]

ช่วงเวลาของการชมดอกซากุระ ญี่ปุ่น ในปี 2025 ใกล้มาถึงแล้ว เป็นช่วงเวลาที่หลาย ๆ คน รอคอยที่จะได้ไปสัมผัสบรรยากาศที่สวยงาม ละมุนไปด้วยสีของดอกซากุระที่บานสะพรั่ง 🌸 ไปทั่วทุกสถานที่ ที่เป็นจุดชมดอกซากุระบานในญี่ปุ่น โดยเฉพาะเดือนมีนาคมและเมษายน ปีนี้ข้อมูล พยากรณ์ซากุระบาน ญี่ปุ่น ปี 2025 ถูกประกาศออกมาแล้ว โดยทาง JMC (Japan Meteorological Corporation) ได้เผยแพร่ข้อมูล พยากรณ์ ซากุระบาน ญี่ปุ่น 2025 ฉบับล่าสุด (ครั้งที่ 12) ของปี 2025 ออกมา เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2025 สำหรับเพื่อน ๆ คนไหน กำลังวางแผนเดินทางไปชมความสวยงามของดอกซากุระ เราขอแนะนำให้เพื่อน ๆ เช็คช่วงเวลาที่ดอกซากุระบาน จากตารางพยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น ในปี 2025 กันด้วยนะคะ เนื่องจากช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมดอกซากุระจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานที่และสภาพอากาศในแต่ละปี ทาง Allianz Travel จะอัพเดตข้อมูลการพยากรณ์ช่วงเวลาซากุระบานมาให้เพื่อน ๆ ได้คอยอัพเดตเพื่อใช้สำหรับวางแผนการเดินทาง ในบทความนี้นะคะ : )

ไปชม ซากุระ ญี่ปุ่น ช่วงเวลาไหนดี ?

ดอกซากุระในญี่ปุ่นมีช่วงเวลาที่บานเต็มที่ในแต่ละสถานที่คือประมาณหนึ่งสัปดาห์ และช่วงที่บานเต็มที่จะแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ ดอกซากุระจะเริ่มบานจากเขตอบอุ่นและจุดสุดท้ายคือในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศหนาวเย็น ตัวอย่างเช่น คุณจะเริ่มชมซากุระในภูมิภาคคิวชูตอนใต้ได้ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม และบานเต็มที่ในอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ต่อมา แต่ดอกซากุระในจังหวัดฮอกไกโดทางตอนเหนือสุดจะบานเต็มที่ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม

ในแต่ละปี ซากุระจะเริ่มบานในโตเกียวตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม และสามารถบานสะพรั่งได้ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างโอซาก้า เกียวโต และฮิโรชิม่า ก็เริ่มบานสะพรั่งในเวลาเดียวกัน ในภาคกลางของญี่ปุ่น ดอกซากุระเริ่มบานตั้งแต่ต้นถึงกลางเดือนเมษายน ภายในปลายเดือนเมษายน คุณจะเห็นดอกซากุระในโทโฮคุ และตั้งแต่เดือนพฤษภาคม คุณจะเห็นดอกซากุระที่ฮอกไกโดเช่นกัน

ซากุระ ญี่ปุ่น ช่วงต้นฤดูกาล (เดือนกุมภาพันธ์)

ซากุระมีมากมายหลากหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่สามารถพบเห็นได้มากที่สุดคือพันธุ์โซเมอิโยชิโนะ (Somei-yoshino) ที่บานตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมจนถึงต้นเดือนเมษายน และเวลาที่มีการพยากรณ์ซากุระบานในแต่ละปี ก็ยึดเอาพันธุ์โซเมอิโยชิโนะนี่แหละเป็นตัววัด ทำให้หลายคนอาจคิดว่าการชมซากุระในญี่ปุ่นมีเ)พาะช่วงเวลานี้เท่านั้น แต่ความจริงแล้วซากุระบางสายพันธุ์ก็บานเร็วกว่าพันธุ์ทั่วไปเล็กน้อย เราจะมาแนะนำสถานที่ที่สามารถไปชมซากุระได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธุ์เลยค่ะ

เมืองคาวาซุ (Kawazu) ของจังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka)

ห่างจากโตเกียวประมาณ 2.5 ชั่วโมง มีชื่อเสียงเรื่องดอกซากุระพันธุ์คาวาซุ ดอกใหญ่สีชมพูเข้ม ซึ่งบานเร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ และบานนานเกือบหนึ่งเดือนทำให้เมืองนี้กลายเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่เร็วที่สุดในละแวกโตเกียวและจังหวัดใกล้เคียง นอกจากนี้ ช่วงที่มีซากุระบานของทุกปียังมีการจัด เทศกาลคาวาซุซากุระ (Kawazu Cherry Blossom Festival) ที่สวยงามไปด้วยซากุระสีชมพูทั้งในเมืองและริมแม่น้ำ การประดับไฟยามค่ำคืน และร้านค้าริมทาง

ซากุระ ญี่ปุ่น : เมืองคาวาซุ (Kawazu) จังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka)

เมืองอาตามิ (Atami) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของคาบสมุทรอิซุ (Izu)

ห่างจากโตเกียวไปทางตะวันตกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงโดยรถไฟชินคันเซ็น บรรยากาศเหมือนเมืองตากอากาศ มีบ่อน้ำพุร้อนและเรียวกังมากมาย ที่นี่เป็นแหล่งชมซากุระพันธุ์อาตามิ เป็นพันธุ์สีชมพู ดอกพุ่มสวย ปกติจะบานช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เมื่อเริ่มบานแล้วจะอยู่ประมาณ 10 วันก็จะเริ่มร่วงโรยรา จุดชมซากุระอยู่ตรงทางเดินเลียบแม่น้ำ Itogawa ใช้เวลาเดินลงจากสถานี Atami ประมาณ 10 นาที ที่นี่คุณจะเห็นต้นซากุระประมาณ 58 ต้นที่ปลูกอยู่สองข้างทาง

ซากุระ ญี่ปุ่น : เมืองอาตามิ (Atami)

เมืองมิอุระ (Miura) จังหวัดคานางาวะ (Kanagawa)

มีดอกซากุระคาวาซุที่ผลิดอกช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ คุณจะได้เห็นต้นซากุระสายพันธุ์นี้ราว 1,000 ต้นเรียงรายตามเส้นทางรถไฟระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรจากสถานีมิอูระไคกัง (Miurakaigan) ไปยังสวนสาธารณะโคมัตสึไคเกะ (Komatsugaike) นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นหอมที่ลอยมาในอากาศจากทุ่งดอกมัสตาร์ดสีเหลืองนวลที่ออกดอกตามสองข้างทาง ตลอดฤดูกาล ตลาดแผงลอยหลายแห่งจะเปิดให้บริการที่หน้าสถานีมิอูระไคกัง ซึ่งท่านสามารถที่จะซื้อหาผักสดจากท้องถิ่นรวมทั้งสินค้าพิเศษของเมืองมิอุระได้

หากเพื่อนๆ ท่านไหนยังไม่รู้ว่าจะแพลนไปชมซากุระ ในญี่ปุ่น ที่ไหนดี Allianz Travel รวบรวมรายละเอียดสถานที่ ที่คุณสามารถวางแผนทริป เที่ยวญี่ปุ่น ชมดอกซากุระบาน ได้จากบทความด้านล่างนี้เลยค่ะ

สถานที่ชม ซากุระ ญี่ปุ่น

สถานที่ชม ซากุระ ญี่ปุ่น

รวมข้อมูลพิกัดสำหรับชม ซากุระ ญี่ปุ่น พร้อมรายชื่อสถานที่ที่ควรไปชมซากุระในแต่ละภูมิภาค ที่มีความสวยงามแตกต่างกันออกไป

10 จุดชมซากุระในโตเกียว

10 จุดชมซากุระโตเกียว

จุดชมซากุระ ที่ดีที่สุดของโตเกียว เตรียมเสื้อผ้าหน้าผมให้พร้อม รับรองว่าทริปนี้ต้องได้รูปสวยคู่กับซากุระอย่างแน่นอน

ตารางพยากรณ์ช่วงเวลา ซากุระบาน ในญี่ปุ่นปี 2025

ตารางพยากรณ์ช่วงดอกซากุระบานของญี่ปุ่นในปี 2025 ครั้งล่าสุด (พยากรณ์ซากุระครั้งที่ 12) ประกาศออกมาแล้ว เผยแพร่โดย Japan Meteorological Corporation เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2025 ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการวางแผนการเดินทางเพื่อไปชมดอกซากุระปี 2025 ได้ค่ะ

ประกาศพยากรณ์ดอกซากุระบานปี 2025 (พยากรณ์ครั้งที่ 12: 10 เมษายน 2025)

พยากรณ์ช่วงเวลา ซากุระบาน ในญี่ปุ่นปี 2025

ขอบคุณรูปภาพจาก: JMC (Jpan Meteorological Corporation)

สถานที่ช่วงเวลาที่ซากุระเริ่มบานช่วงเวลาที่ซากุระบานเต็มที่
โตเกียว – Tokyo24 มีนาคม30 มีนาคม
นาโงย่า – Nagoya26 มีนาคม4 เมษายน
เกียวโต – Kyoto27 มีนาคม5 เมษายน
โคจิ – Kochi23 มีนาคม28 มีนาคม
ฟุกุโอกะ – Fukuoka25 มีนาคม28 มีนาคม
โอซาก้า – Osaka27 มีนาคม4 เมษายน
ฮิโรชิมะ – Hiroshima26 มีนาคม2 เมษายน
วากายามะ – Wakayama26 มีนาคม30 มีนาคม
คานาซาว่า – Kanazawa29 มีนาคม6 เมษายน
นากาโน่ – Nagano8 เมษายน13 เมษายน
คาโกชิมะ – Kagoshima24 มีนาคม7 เมษายน
เซนได – Sendai4 เมษายน10 เมษายน
อาโอโมริ – Aomori19 เมษายน23 เมษายน
ซัปโปโร – Sapporo24 เมษายน28 เมษายน
ดอกซากุระบานหรือดอกซากุระบานเต็มที่แล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก: Release of 2025 Cherry Blossom Forecast (12th forecast) – JMC (Jpan Meteorological Corporation)

การวางแผนการเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงฤดูซากุระบาน

การเดินทางเพื่อไปชมดอกซากุระบานในญี่ปุ่นควรเริ่มวางแผนการท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิล่วงหน้าอย่างน้อย 3-5 เดือน เนื่องจากญี่ปุ่นในช่วงฤดูดอกซากุระบานเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิต ของนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศจำนวนมาก โรงแรมในโตเกียวและเกียวโตจะเต็มอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราจึงต้องรีบจองที่พักทันทีที่มีกำหนดวันเดินทาง และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : livejapan.com, jw-webmagazine.com, n-kishou.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

9 สายพันธุ์ซากุระยอดนิยม ความงดงามที่แตกต่างในญี่ปุ่น

9 สายพันธุ์ซากุระ ยอดนิยม ความงดงามที่แตกต่างในญี่ปุ่น

ซากุระเป็นสัญลักษณ์ความงดงามของประเทศญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เป็นช่วงเวลาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากทั่วโลกมาท่องเที่ยวชมความงามของดอกซากุระที่บานสะพรั่งในทั่วทุกพื้นที่ของญี่ปุ่นในทุก ๆ ปี ช่วงเวลาที่ซากุระพันธุ์หลัก ๆ เริ่มบานจะเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ – ต้นเดือนพฤษภาคม โดยช่วงเวลาที่ดอกซากุระบานจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับ สายพันธุ์ซากุระ และสภาพภูมิประเทศ และสภาพภูมิอากาศของแต่ละปี บางปีถ้าอากาศหนาวเป็นระยะเวลานาน ก็จะทำให้ดอกซากุระบานช้ากว่าปกติ วันนี้ Allianz Travel จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับ 9 สายพันธุ์ซากุระ ที่เป็นที่นิยมในประเทศญี่ปุ่น โดยแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างและมีความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง มีสายพันธุ์อะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ : )

1. โซเมโยชิโนะ (Somei Yoshino) – ซากุระยอดนิยมที่สุด

สายพันธุ์ซากุระ: โซเมโยชิโนะ (Somei Yoshino)

ลักษณะ:

ดอกสีชมพูอ่อนเกือบขาว บานเป็นช่อใหญ่บนกิ่งที่เปลือยเปล่า มีกลีบดอก 5 กลีบ มักออกดอกก่อนที่ใบจะงอก

ช่วงบาน:

ปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน

แหล่งกำเนิด:

พัฒนาจากการผสมพันธุ์โดยนักพฤกษศาสตร์ในสมัยเอโดะ

ความหมายทางวัฒนธรรม:

เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น และมักใช้เป็นตัวแทนของฤดูใบไม้ผลิ

สถานที่แนะนำ:

  • สวนอุเอโนะ (Ueno Park), โตเกียว
  • แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River), โตเกียว
  • ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle), อาโอโมริ

2. ยามะซากุระ (Yamazakura Zakura) – ซากุระป่าธรรมชาติ

สายพันธุ์ซากุระ: ยามะซากุระ (Yamazakura Zakura)

ลักษณะ:

ดอกสีชมพูอ่อนถึงขาว ใบอ่อนออกสีแดง บานพร้อมกับการแตกใบ

ช่วงบาน:

ต้นเดือนเมษายน – กลางเดือนเมษายน

แหล่งกำเนิด:

พบมากในป่าภูเขาของญี่ปุ่น เป็นซากุระสายพันธุ์ดั้งเดิม

ความหมายทางวัฒนธรรม:

เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นธรรมชาติและความสงบ

สถานที่แนะนำ:

ภูเขาโยชิโนะ (Mount Yoshino), นารา – ซากุระป่า 30,000 ต้นที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ

3. ชิดาเระซากุระ (Shidarezakura) – ซากุระกิ่ง

สายพันธุ์ซากุระ: ชิดาเระซากุระ (Shidarezakura)

ลักษณะ:

เป็นกิ่งโน้มต่ำ ห้อยเป็นระย้า ดอกสีชมพูสดใส หรือสีขาว มีกลีบดอก 5-20 กลีบ

ช่วงบาน:

ปลายเดือนมีนาคม – กลางเดือนเมษายน

แหล่งกำเนิด:

พบในหลายพื้นที่ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในวัดและสวน

ความหมายทางวัฒนธรรม:

มักถูกใช้เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในศาลเจ้า

สถานที่แนะนำ:

  • มิฮารุ ทากิซากุระ (Miharu Takizakura), ฟุกุชิมะ – ซากุระอายุกว่า 1,000 ปี
  • สวนมารุยามะ (Maruyama Park), เกียวโต

4. คาวาซุซากุระ (Kawazu Zakura) – ซากุระบานเร็ว

สายพันธุ์ซากุระ: คาวาซุซากุระ (Kawazu Zakura)

ลักษณะ:

ดอกสีชมพูสด ดอกใหญ่กว่าซากุระทั่วไป และมีกลีบดอก 5 กลีบ

ช่วงบาน:

เดือนกุมภาพันธ์ – เดือนมีนาคม

แหล่งกำเนิด:

พบครั้งแรกที่เมืองคาวาซุ จังหวัดชิซุโอกะ

สถานที่แนะนำ:

เทศกาลซากุระคาวาซุ (Kawazu Sakura Festival), ชิซุโอกะ

5. อิโจวซากุระ (Ichiyou Zakura) – ซากุระดอกซ้อน

สายพันธุ์ซากุระ: อิโจวซากุระ (Ichiyou Zakura)

ลักษณะ:

ดอกสีชมพูอ่อน กลีบดอกซ้อน 20-40 กลีบ ลักษณะดอกแน่นฟูและมักมีขนาดใหญ่กว่าซากุระทั่วไป

ช่วงบาน:

กลางเดือนเมษายน – ปลายเดือนเมษายน

แหล่งกำเนิด:

พบมากในสวนสาธารณะของญี่ปุ่น

ความหมายทางวัฒนธรรม:

เป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามและความมั่นคง

สถานที่แนะนำ:

สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen), โตเกียว

6. ฟุเก็นซากุระ (Fugenzo Zakura) – ซากุระสีชมพูอมม่วง

สายพันธุ์ซากุระ: ฟุเก็นซากุระ (Fugenzo Zakura)

ลักษณะ:

ดอกซ้อนสีชมพูอมม่วง มีกลีบดอก 30-40 กลีบ

ช่วงบาน:

กลางเดือนเมษายน – ปลายเดือนเมษายน

แหล่งกำเนิด:

พบมากในสวนพฤกษศาสตร์และวัด

สถานที่แนะนำ:

สวนอิมพีเรียล (Imperial Palace East Gardens), โตเกียว

7. คิคุซากุระ (Kikuzakura Zakura) – ซากุระดอกซ้อนคล้ายเบญจมาศ

คิคุซากุระ (Kikuzakura Zakura)

ลักษณะ:

ดอกซ้อนขนาดใหญ่สีขาว-ชมพู มีกลีบดอกมากถึง 100 กลีบ

ช่วงบาน:

ปลายเดือนเมษายน – เดือนพฤษภาคม

สถานที่แนะนำ:

สวนซากุระโมะริโอกะ (Morioka Sakura Park), อิวาเตะ

8. อุคง (Ukon Zakura) – ซากุระสีเหลือง

อุคง (Ukon Zakura)

ลักษณะ:

กลีบดอกสีเหลืองอ่อนที่หาได้ยาก มีกลีบดอกซ้อนกันหนาแน่น

ช่วงบาน:

กลางเดือนเมษายน – ปลายเดือนเมษายน

สถานที่แนะนำ:

สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen), โตเกียว

9. โชเง็ทสึซากุระ (Shōgetsu Zakura) – ซากุระสีขาวบริสุทธิ์

โชเกซากุระ (Shōgetsu Zakura)

ลักษณะ:

ดอกใหญ่สีขาวอมชมพูเล็กน้อย ซ้อนกัน 20-30 กลีบ

ช่วงบาน:

ปลายเดือนเมษายน – เดือนพฤษภาคม

สถานที่แนะนำ:

สวนพฤกษศาสตร์เกียวโต (Kyoto Botanical Gardens), เกียวโต

หากคุณกำลังวางแผน เที่ยวชมซากุระในญี่ปุ่น ควรศึกษาช่วงเวลาบานของพันธุ์ที่ต้องการชม รวมถึงสถานที่ยอดนิยม เช่น โตเกียว, เกียวโต และโอซาก้า เป็นต้น เพื่อให้คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์การชมซากุระที่ดีที่สุดได้! เพื่อน ๆ สามารถติดตามข้อมูลการพยากรณ์การบานของซากุระในปีนี้ได้ที่: พยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น 2025 ล่าสุด! และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก: japan.travel: The Different Varieties of Cherry Blossoms in Japan From Light Pink to Radiant Yellow, japan-guide.com: Cherry Tree Varieties

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

จุดชม ซากุระ คาวาซุ ซากุระสายพันธุ์บานเร็ว

จุดชม ซากุระ คาวาซุ (Kawazu) ซากุระสายพันธุ์บานเร็วในญี่ปุ่น

ถึงแม้ว่าฤดูใบไม้ผลิจะเป็นช่วงเวลายอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว ในการไปชมดอกซากุระบานในญี่ปุ่น ซึ่งดอกซากุระที่พบเห็นได้ทั่วไปในช่วงเวลานี้คือพันธุ์โซเมโยชิโนะ ซึ่งมักจะเริ่มบานในช่วงกลางถึงปลายเดือนมีนาคมในเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยซากุระโซเมโยชิโนะจะบานนานประมาณ 2 สัปดาห์ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าคุณสามารถไปชมดอกซากุระในช่วงฤดูหนาวได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จนถึงเดือนมีนาคม ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และสถานที่ เพราะมีซากุระสายพันธุ์พิเศษที่บานเร็วก่อนสายพันธุ์อื่น ๆ เป็นอีกหนึ่งในสายพันธุ์ซากุระที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงในญี่ปุ่น นั่นก็คือ ซากุระ คาวาซุ (Kawazu Sakura) 🌸 และที่สำคัญช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยเดินทางนักและราคาตั๋วเครื่องบินก็ยังไม่แพง!

Allianz Travel จะพาทุกคนไปสำรวจสถานที่ ที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับดอกซากุระปลายฤดูหนาวที่คุณไม่ควรพลาด จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ : )

ทำความรู้จักกับ ซากุระ คาวาซุ

ซากุระ คาวาซุ (河津桜) ตั้งชื่อตามเมืองคาวาซุในคาบสมุทรอิซุ จังหวัดชิซูโอกะ ซึ่งปลูกซากุระสายพันธุ์นี้เป็นแห่งแรก ลักษณะเด่นของซากุระคาวาซุ คือเป็นสายพันธุ์ที่บานเร็ว ถือเป็นสัญญาณแรก ๆ ของฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่น เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ และบานเต็มที่ตอนช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงต้นเดือนมีนาคม ซึ่งช่วงเวลาออกดอกอาจแตกต่างกันไปในแต่ละปี ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและสภาพอากาศ ดังนั้นคุณควรตรวจสอบพยากรณ์อากาศล่าสุดก่อนเดินทางเสมอ ซากุระคาวาซุจะมีกลีบดอกใหญ่ สีชมพูเข้ม และบานสะพรั่งให้นักท่องเที่ยวได้ชมเป็นระยะเวลานานประมาณ 1 เดือน ซึ่งแตกต่างจากซากุระสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมทั่วไป เช่น โซเมอิโยชิโนะ (Somei Yoshino) ชิดาเระซากุระ (Shidare Sakura) ที่มักจะบานในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน และจะบานในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 1-2 สัปดาห์เท่านั้น คุณสามารถชมซากุระคาวาซุ สีชมพูได้ทั่วโตเกียว หรือเดินทางไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับในจุดชมอื่น ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวโดยการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ

สถานที่ชม ซากุระ คาวาซุ ในโตเกียว

สถานที่ชมความงดงามของ ซากุร ะคาวาซุ มีอยู่มากมายทั้งในโตเกียวและพื้นที่โดยรอบโตเกียวที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับสีสันอันสวยงามของต้นคาวาซุ ซากุระ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ทั้งในสวนสาธารณะ ริมฝั่งแม่น้ำ และบริเวณวัดหลายแห่งในโตเกียว ที่จะเต็มไปด้วยต้นซากุระคาวาซุ ซากุระสีชมพูสดใส

1. สวนสาธารณะแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen National Garden)

จุดชมซากุระคาวาซุ: สวนสาธารณะแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen National Garden)

สวนสาธารณะแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็นก็เป็นจุดชมซากุระที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว สวนอันกว้างใหญ่ใจกลางโตเกียวแห่งนี้มีต้นซากุระมากกว่า 900 ต้น ซึ่งมีหลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงต้นซากุระ คาวาซุ ซึ่งเริ่มบานในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ด้วย นอกจากนี้ สวนชินจูกุเกียวเอ็นยังมีต้นซากุระที่บานช้าอย่างซากุระยาเอะซึ่งบานในเดือนเมษายน ในช่วงปลายของฤดูซากุระบานอีกด้วย

2. สวนอิโนะคาชิระ (Inokashira Park)

จุดชมซากุระคาวาซุ: สวนอิโนะคาชิระ (Inokashira Park)

สวนอิโนะคาชิระเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโตเกียว ตั้งอยู่ในย่านคิจิโจจิ ซึ่งเป็นย่านทันสมัยทางทิศตะวันตกของโตเกียว ใกล้กับพิพิธภัณฑ์จิบลิ สวนแห่งนี้ได้รับความนิยมตลอดทั้งปี และดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ผู้คนจะมาชื่นชมต้นซากุระหลากหลายพันธุ์ของสวนอิโนะคาชิระ รวมถึง ซากุระ คาวาซุ ด้วย ต้นซากุระส่วนใหญ่อยู่รอบสระน้ำขนาดใหญ่ของสวน และมีการประดับไฟสวยงามในเวลากลางคืน ผู้ที่ต้องการล่องเรือสามารถเช่าเรือเพื่อล่องไปในสระน้ำภายใต้ดอกซากุระสีชมพูสดใสได้

3. ศาลเจ้าโทโยคาวะอินาริ (Toyokawa Inari Betsuin)

จุดชมซากุระคาวาซุ: ศาลเจ้าโทโยคาวะอินาริ (Toyokawa Inari Betsuin)

ศาลเจ้าโทโยคาวะอินาริเป็นหนึ่งในสถานที่ทางศาสนาที่สวยงามดั่งภาพวาดของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ตรงข้ามกับพระราชวัง Akasaka ที่นี่มีรูปปั้นจิ้งจอกหินหนึ่งพันตัวซึ่งคล้องผ้ากันเปื้อนสีแดงสดตั้งอยู่ทั่วพื้นที่กว้างใหญ่ของศาลเจ้าแห่งนี้ อยู่ท่ามกลางต้น ซากุระคาวาซุ สีชมพูสดใสที่บานสะพรั่งในศาลเจ้าตลอดฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่คือวัดพุทธนิกายโซโตะ ก่อตั้งขึ้นในระหว่างช่วงที่มีการผสานความเชื่อทางศาสนา ซึ่งอยู่ระหว่างช่วงแรกเริ่มที่พุทธศาสนาได้ลงหลักปักฐานในญี่ปุ่นเรื่อยมาจนถึงช่วงการฟื้นฟูเมจิ

4. สวนโยโยกิ (Yoyogi Park)

จุดชมซากุระ คาวาซุ: สวนโยโยกิ (Yoyogi Park)

สวนโยโยกิเป็นจุดชมซากุระอีกแห่งที่มีชื่อเสียงในโตเกียว เนื่องจากมีต้นซากุระจำนวนมากกว่า 700 ต้น ที่นี่ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการปิกนิกและปิ้งบาร์บีคิวตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะเต็มไปด้วยสีชมพูสดใสของต้นซากุระที่ประดับประดาพื้นที่โดยรอบ สวนโยโยกิตั้งอยู่ระหว่างย่านชินจูกุและย่านชิบูย่า ไม่ไกลจากย่านฮาราจูกุ ถึงแม้ว่าต้นซากุระที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นต้นซากุระพันธุ์โซเมอิโยชิโนะ แต่สวนโยโยกิยังมีต้นซากุระ คาวาซุ อยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน

5. แม่น้ำคิวนาคากาวะ (Kyunaka River)

จุดชมซากุระคาวาซุ: แม่น้ำคิวนาคากาวะ (Kyunaka River)

แม่น้ำคิวนาคากาวะในฮิราอิ เขตเอโดกาวะ กรุงโตเกียว เป็นแม่น้ำที่ไหลคดเคี้ยวผ่านส่วนหนึ่งของโตเกียวตะวันออก และเป็นสถานที่ชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในเขตบริเวณริมฝั่งแม่น้ำที่อยู่ห่างจากสถานีฮิราอิไปประมาณ 10 นาที มีต้นซากุระ คาวาซุ กว่า 30 ต้นปลูกเรียงรายอยู่ และมีโตเกียวสกายทรีตั้งเด่นเป็นฉากหลังในระยะไกล แสดงถึงการผสมผสานระหว่างโตเกียวแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่ แถมพิเศษสำหรับคนรักรถไฟ เพราะมีสะพานทางรถไฟเหล็กไว้ให้ดูรถไฟยามแล่นข้ามแม่น้ำไปด้วย

สถานที่ชม ซากุระ คาวาซุ นอกเมืองโตเกียว

มีสถานที่ชม ซากุระ คาวาซุ นอกเมืองโตเกียวอยู่หลายแห่งที่เดินทางไปถึงได้โดยง่ายโดยรถไฟ ซึ่งคุณสามารถไปเยี่ยมชมได้แบบไปเช้าเย็นกลับจากโตเกียว ในขณะที่บางแห่งอาจต้องพักค้างคืน คานากาวะเป็นพื้นที่ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ ในขณะที่ชิซูโอกะอาจต้องพักค้างคืน

1. เมืองคาวาซุ จังหวัดชิซูโอกะ

จุดชม ซากุระ คาวาซุ ริมน้ำ: คาวาซุ ซากุระ เมืองคาวาซุ จังหวัดชิซูโอกะ

เมืองคาวาซุบนคาบสมุทรอิซุในจังหวัดชิซูโอกะซึ่งเป็นเมืองที่เป็นต้นกำเนิดของต้นซากุระ คาวาซุ อาจเป็นสถานที่ที่งดงามที่สุดในการชมต้นซากุระ คาวาซุ ซึ่งมีต้นซากุระพันธุ์ คาวาซุ อยู่ทั่วเมืองกว่า 8,000 ต้น คุณจะได้เห็นต้นซากุระ คาวาซุ สีชมพูสดใสเรียงรายอยู่ตามสองฝั่งของแม่น้ำคาวาซุที่ทอดยาวกว่า 4 กิโลเมตร ดอกซากุระ คาวาซุ เริ่มบานในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์และจะเผยให้เห็นทัศนียภาพอันน่าทึ่งร่วมกับดอกเรพซีดสีเหลืองริมฝั่งแม่น้ำ

จุดชม ซากุระ คาวาซุ : เมืองคาวาซุ จังหวัดชิซูโอกะ
จุดชมซากุระคาวาซุ ริมน้ำ: เมืองคาวาซุ จังหวัดชิซูโอกะ

ในช่วงฤดูกาลนี้ จะมีการจัดเทศกาลประจำปีเพื่อเฉลิมฉลองช่วงเวลาที่ ซากุระ คาวาซุ บานสะพรั่งที่เริ่มมาตั้งแต่ทศวรรษ 1980 โดยมีแผงขายอาหารมากมาย กิจกรรมสนุก ๆ และการประดับไฟต้นซากุระในตอนกลางคืน จุดเด่นอย่างหนึ่งของเทศกาล ซากุระคาวาซุ คือริมฝั่งแม่น้ำจะเปลี่ยนไปเป็นฉากที่งดงามที่ถูกประดับไปด้วยดอกไม้สีชมพูสดใสเต็มพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีดอกเรพซีดสีเหลืองที่บานอยู่ใต้ต้นซากุระ คาวาซุ ช่วยสร้างทัศนียภาพอันสวยงาม และมีการประดับไฟในตอนกลางคืนระหว่างเทศกาลตั้งแต่เวลา 18.00 น. ถึง 21.00 น.

จุดชมซากุระคาวาซุ: เมืองคาวาซุ (kawazu) จังหวัดชิซูโอกะ
จุดชมซากุระคาวาซุ : เมืองคาวาซุ จังหวัดชิซูโอกะ ตอนกลางคืน Light Up

เราสามารถตรวจสอบการบานของดอกซากุระคาวาซุหรือชมดอกซากุระคาวาซุ ที่เมืองคาวาซุ จังหวัดชิซูโอกะ แบบ Live ผ่านเว็บไซต์ skyliewebcams.com ได้ที่ลิงก์นี้นะคะ:
https://www.skylinewebcams.com/en/webcam/japan/prefecture-of-shizouka/kawazu/kawazu.html
https://www.skylinewebcams.com/en/webcam/japan/prefecture-of-shizouka/shizouka/izu.html

ช่วงเวลาเทศกาล: 1-28 กุมภาพันธ์ 2025

เว็บไซต์: https://kawazuzakura.jp/

2. เมืองมิอุระ จังหวัดคานากาวะ

จุดชม ซากุระ คาวาซุ : เมืองมิอุระ จังหวัดคานากาวะ

เมืองมิอุระ (Miura) ตั้งอยู่บนปลายสุดด้านใต้ของคาบสมุทรมิอุระ จังหวัดคานากาวะ (Kanagawa) หากเดินทางด้วยรถไฟจากโตเกียวจะใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง เป็นสถานที่จัดงานยอดนิยมอย่างเทศกาลซากุระบานมิอุระไคกัง (Miura Kaigan Cherry Blossom Festival) ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคมของทุกปี ต้นซากุระ คาวาซุ กว่า 1,000 ต้นเรียงรายไปตามทางรถไฟประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างสถานีมิอุระไคกัง (Miura-kaigan) ไปจนถึงสวนโคมัตสึไกเกะ (Komatsugaike) และในช่วงเทศกาลจะมีแผงขายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น อาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เช่น ยากิโทริ (ไก่เสียบไม้ย่าง) และไทยากิ (ขนมรูปปลา) หรือรอถ่ายภาพต้นซากุระประดับไฟตั้งแต่เวลา 17.00 น.

จุดชมซากุระคาวาซุ : คาวาซุ ซากุระ ริมทางรถไฟ เมืองมิอุระ จังหวัดคานากาวะ

จุดชมวิวแนะนำ: คุณสามารถเก็บภาพทิวทัศน์อันสวยงามของรถไฟที่วิ่งผ่านแถวต้นซากุระ ด้วยการขึ้นไปบนสะพานลอยใกล้สถานีมิอุระไคกัง คุณจะได้ภาพรถไฟสีแดง (หรือสีอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา) ตัดกับดอกซากุระสีชมพูอ่อน เป็นภาพที่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง รถไฟวิ่งค่อนข้างบ่อย ดังนั้นคุณจึงมีโอกาสมากมายที่จะถ่ายภาพสวย ๆ ได้

ช่วงเวลาเทศกาล: 5 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2025

เว็บไซต์: https://miurakawazuzakura.wixsite.com/index/en

3. เมืองมัตสึดะ จังหวัดคานากาวะ

จุดชม ซากุระคาวาซุ : คาวาซุ ซากุระ และวิวภูเขาไฟฟูจิ เมืองมัตสึดะ จังหวัดคานากาวะ

หากคุณอยากเห็นภาพดอกซากุระบานสะพรั่งและภูเขาไฟฟูจิไปพร้อมกัน ให้ไปที่เทศกาลซากุระมัตสึดะ (Matsuda Cherry Blossom Festival) ซึ่งจัดขึ้นที่สวนสมุนไพรมัตสึดายามะ (Matsudayama Herb Garden) ภายในสวนสาธารณะนิชิฮิราบาตาเกะ (Nishihirabatake Park) ในเมืองมัตสึดะ (Matsuda) จังหวัดคานากาวะ (Kanagawa)  คุณจะได้เห็นต้นซากุระคาวาซุสีชมพูประมาณ 360 ต้นพร้อมดอกเรพซีดสีเหลืองที่ตัดกันอย่างสวยงามบนไหล่เขา

จุดชม ซากุระ คาวาซุ : คาวาซุ ซากุระ และสไลเดอร์ เมืองมัตสึดะ จังหวัดคานากาวะ

นอกจากนี้ คุณยังสามารถสนุกสนานไปกับสไลเดอร์ท่ามกลางดอกซากุระอันงดงาม หรือนั่งรถไฟ Furusato ซึ่งเป็นรถไฟไอน้ำขนาดเล็กน่ารักที่วิ่งรอบสวน และในช่วงเทศกาล คุณยังจะพบกับแผงขายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่มีกลิ่นดอกซากุระ เช่น น้ำผึ้งหรือแยมดอกซากุระ โมจิซากุระ ดังโงะ และอื่น ๆ อีกมากมาย

ช่วงเวลาเทศกาล: 8 กุมภาพันธ์ถึง 9 มีนาคม 2025 (วันที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสถานการณ์การบานของดอกซากุระ)

ค่าเข้าชม: 300 เยน

เว็บไซต์: https://town.matsuda.kanagawa.jp/site/matsudasakura/

4. สวนนิชิฮิระบาตาเกะ จังหวัดคานากาว

จุดชม ซากุระ คาวาซุ : สวนนิชิฮิระบาตาเกะ เมืองคานากาวะ

สวนสาธารณะนิชิฮิระบาตาเกะ (Nishihirabatake Park) มีต้นซากุระ คาวาซุ มากกว่า 300 ต้น และในช่วงฤดูซากุระบาน คุณจะได้ดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันตระการตาของต้นซากุระ คาวาซุ ที่บานสะพรั่งในสวนสาธารณะโดยมีฉากหลังเป็นทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาไฟฟูจิที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ สวนสาธารณะนิชิฮิระบาตาเกะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับที่สะดวกมากหากเดินทางจากโตเกียว โดยใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษโดยรถไฟสายโอดะคิว

จุดชมซากุระคาวาซุ : คาวาซุ ซากุระ พร้อมวิวภูเขาไฟฟูจิ สวนนิชิฮิระบาตาเกะ เมืองคานากาวะ

ช่วงเวลาเทศกาล: 1 กุมภาพันธ์ – 10 มีนาคม 2025

เว็บไซต์: https://www.minami-izu.jp/

ช่วงฤดูกาลสำหรับชมดอกซากุระในญี่ปุ่น ในช่วงปลายเดือนมีนาคม-เมษายน จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ตั๋วเครื่องบินและที่พักจะมีราคาค่อนข้างแพง เพื่อน ๆ สามารถชมความสวยงามของดอกซากุระสายพันธุ์บานเร็ว อย่าง ซากุระ คาวาซุ ได้ในช่วงนอกฤดูกาลชมซากุระ การได้ไปชมความสวยงามของดอกซากุระที่บานสะพรั่ง เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความสวยงาม และบรรยากาศที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ สำหรับใครที่อยากชมซากุระในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิก่อนใคร อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมกับอากาศที่ยังหนาวอยู่ และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : thewanderingcam.com, japan.travel, tsunagujapan.com, jw-webmagazine.com, tokyocheapo.com, skyliewebcams.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

สถานที่ชม ซากุระ ญี่ปุ่น

สถานที่ชม ซากุระ ญี่ปุ่น

ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ของทุกปี จะเป็นช่วงที่สวยงามอีกช่วงหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น เพราะในสถานที่ต่าง ๆ ในแต่ละภูมิภาคของประเทศญี่ปุ่น จะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันของดอกซากุระ ที่ค่อย ๆ ผลิบาน จากดอกตูมไปจนบานสะพรั่ง 🌸 เต็มไปทั่วพื้นที่ สถานที่ต่าง ๆ จะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีชมพู ไล่จากชมพูเข้ม ชมพูอ่อน จนไปถึงสีขาว แตกต่างกันออกไปตามสายพันธุ์ของต้นซากุระ แน่นอนว่าหลาย ๆ คนอยากไปสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามในฤดูซากุระบานสักครั้งหนึ่ง ทำให้ในหลาย ๆ พื้นที่ ในช่วงดอกซากุระบาน จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ ต้องวางแผนการเดินทางให้ดี สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะไปชมซากุระที่ไหน เพราะพิกัดชม ซากุระ ญี่ปุ่น มีมากกว่า 1,000 แห่ง การเลือกพิกัดสถานที่ที่ดีที่สุดเพียงไม่กี่แห่งอาจเป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ยาก วันนี้ Allianz Travel ได้รวบรวมรายชื่อสถานที่ชมซากุระที่สวยงามตามภูมิภาคต่าง ๆ มาให้เพื่อน ๆ มีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

1. ภาคเหนือของญี่ปุ่น: ฮอกไกโด

  • สวนโมเอเรนุมะ (Moerenuma Park) เมืองซัปโปโร: สวนศิลปะแห่งนี้ออกแบบโดยประติมากรอิซามุ โนกุจิ มีประติมากรรมขนาดใหญ่ และเต็มไปด้วยดอกซากุระสีชมพูสดใสในฤดูใบไม้ผลิ

  • หอคอยและป้อมโกเรียวคาคุ (Goryokaku) เมืองฮาโกดาเตะ: ป้อมสไตล์ฝรั่งเศสรูปดาวแห่งนี้เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งชาติที่รายล้อมไปด้วยดอกซากุระค คุณสามารถขึ้นไปชมวิวความงามของดอกซากุระจากมุมสูงได้จากหอคอยที่มีความสูงถึง 107 เมตร
ซากุระ ญี่ปุ่น : หอคอยและป้อมโกเรียวคาคุ (Goryokaku)
  • สวนสาธารณะอาซาฮิกาโอกะ (Asahigaoka Park) เมืองฟุราโนะ: เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในร้อยทิวทัศน์ที่สวยงามของญี่ปุ่น นำเสนอทัศนียภาพอันงดงามของแอ่งน้ำฟุราโนะ ภูเขาโทคาจิ และต้นซากุระ 3,000 ต้น

  • ภูเขาเท็นกุ (Tengu) เมืองโอตารุ: คุณจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองโอตารุและทะเลญี่ปุ่น และต้นซากุระที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้เกิดภาพที่งดงามมาก

  • สวนอาซาฮิคาวะ (Asahikawa Park) เมืองอาซาฮิคาวะ: สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในฮอกไกโด และเป็นแหล่งรวมต้นซากุระประมาณ 3,500 ต้น ซึ่งช่วงกลางคืนจะมีการประดับไฟดอกซากุระตลอดทั้งฤดูกาล

2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น: ภูมิภาคโทโฮคุ

  • มิฮารุ ทากิซากุระ (Miharu Takizakura) เมืองฟุกุชิมะ: มิฮารุ ทากิซากุระ เป็นหนึ่งในสามของสถานที่ชมซากุระที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น ต้นซากุระอันงดงามที่ห้อยระย้าลงมาตลอดเส้นทางเดินมีอายุมากกว่า 1,000 ปี ที่รอต้อนรับผู้มาเยือน
ซากุระ ญี่ปุ่น : มิฮารุ ทากิซากุระ (Miharu Takizakura) เมืองฟุกุชิมะ
  • ฮิโตเมะเซ็นบงซากุระ (Hitome Senbonzakura) เมืองมิยางิ: คุณจะเห็นต้นซากุระเรียงรายไปกว่า 8 กิโลเมตรตามแม่น้ำชิโรอิชิ โดยมีเทือกเขาซาโอะที่ปกคลุมด้วยหิมะเป็นฉากหลัง
ซากุระ ญี่ปุ่น : ฮิโตเมะเซ็นบงซากุระ (Hitome Senbonzakura) เมืองมิยางิ
  • ซาสวนฮิโรซากิ (Hirosaki Park) เมืองอาโอโมริ: มีต้นซากุระ 52 สายพันธุ์ ราว 2,600 ต้น ซึ่งจะบานเต็มที่ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี คุณจะได้เห็นวิวสวยๆ ของปราสาทฮิโรซากิกับดอกซากุระ และภูเขาอิวากิพร้อมกัน ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมาก

  • คาคุโนะดาเตะ บูเคยาชิกิโดริ (Kakunodate Bukeyashiki-dori) เมืองอาคิตะ: ย่านซามูไรที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ประดับด้วยต้นซากุระสีชมพูตัดกับสีดำของรั้วบ้านซามูไรในช่วงปลายเดือนเมษายน
ซากุระ ญี่ปุ่น : คาคุโนะดาเตะ บูเคยาชิกิโดริ (Kakunodate Bukeyashiki-dori) เมืองอาคิตะ
  • ภูเขาอิวากิ (Mt. Iwaki) เมืองอาโอโมริ: ภูเขาอิวากิซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มีต้นซากุระประมาณ 6,500 ต้นตลอดเส้นทางระยะทาง 20 กม. ซึ่งจะบานสะพรั่งอย่างงดงามตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม

3. ภาคตะวันออกของญี่ปุ่น: ภูมิภาคคันโต-โคชิน

  • สวนสาธารณะแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen National Garden) เมืองโตเกียว: มีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในสวนญี่ปุ่นที่สวยที่สุด มีต้นซากุระประมาณ 1,000 ต้นจาก 65 สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน นำเสนอการภาพที่สวยงามน่าทึ่งในฤดูใบไม้ผลิ

  • สวนอุเอโนะ (Ueno Park) เมืองโตเกียว: มีต้นซากุระประมาณ 1,200 ต้น เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการชมดอกซากุระ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 2 ล้านคนในแต่ละฤดูใบไม้ผลิ โดยเฉพาะช่วงเย็นที่สวยงามด้วยแสงไฟตกแต่งส่องสว่างไปทั่ว
ซากุระ ญี่ปุ่น : สวนอุเอโนะ (Ueno Park) เมืองโตเกียว
  • แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River) เมืองโตเกียว: มีต้นซากุระประมาณ 800 ต้นบานสะพรั่งอย่างสวยงามไปตามริมแม่น้ำยาว 3.8 กิโลเมตร พร้อมด้วยร้านอาหารและเครื่องดื่มให้นั่งชมวิวในบริเวณใกล้เคียง
ซากุระ ญี่ปุ่น : แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River) เมืองโตเกียว
  • สวนสาธารณะโยโยกิ (Yoyoki Park) เมืองโตเกียว: สวนสาธารณะโยโยกิเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว ผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันภายใต้ดอกซากุระที่บานสะพรั่งเพื่อสังสรรค์กัน

  • สวนริคุงิเอน (Rikugien Gardens) เมืองโตเกียว: สวนภูมิทัศน์ญี่ปุ่นอันเงียบสงบและเก่าแก่แห่งนี้เป็นสถานที่พิเศษที่มีทัศนียภาพอันงดงามของต้นซากุระที่ผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ

4. ภาคกลางของญี่ปุ่น: ภูมิภาคโฮคุริคุและโทไก

  • ปราสาทอุเอดะ (Ueda Castle) เมืองนากาโนะ: ปราสาทอุเอดะสร้างขึ้นในปี 1583 ประดับด้วยต้นซากุระกว่า 1,000 ต้นที่สร้างปรากฏการณ์อันน่าทึ่งในแต่ละฤดูใบไม้ผลิ
ซากุระ ญี่ปุ่น : ปราสาทอุเอดะ (Ueda Castle) เมืองนากาโนะ
  • ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) เมืองนากาโนะ: ปราสาทมัตสึโมโต้ถือเป็นสถานที่ชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียงและมีนักท่องเที่ยวจากในประเทศและต่างประเทศเดินทางมาชมดอกซากุระกันอย่างเนืองแน่น และที่บริเวณสวนฮงมารุ ซึ่งอยู่ด้านในบริเวณปราสาทมัตสึโมโต้ จะมีการจัดงานชมดอกซากุระพร้อมจิบชายามค่ำคืน โดยจะมีการประดับไฟไลท์อัพที่ต้นซากุระและตัวปราสาท
ซากุระ ญี่ปุ่น : ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) เมืองนากาโนะ
  • อุทยานซากปราสาททาคาโตะ (Takato Castle Ruins Park) เมืองนากาโนะ: สวนแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งใน 100 จุดชมซากุระชั้นนำของญี่ปุ่น มีต้นซากุระประมาณ 1,500 ต้น

  • สวนเค็นโรคุเอ็น (Kenrokuen Garden) เมืองอิชิคาวะ: หนึ่งในสามสวนที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น มีพันธุ์ซากุระประมาณ 40 สายพันธุ์และต้นซากุระ 420 ต้น ซึ่งจะบานในช่วงกลางเดือนเมษายน นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 100 จุดชมซากุระที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : สวนเค็นโรคุเอ็น (Kenrokuen Garden) เมืองอิชิคาวะ
  • วัดเซนโกจิ (Shinshu Zenkoji) เมืองนากาโนะ: วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 642 ล้อมรอบด้วยต้นซากุระที่สวยงามและดอกซากุระบานสะพรั่ง ท่ามกลางหุบเขาอันร่มรื่น สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณจากผู้คนที่มีมาสักการะเป็นประจำตั้งแต่ 1,400 ปีก่อน

5. ภาคตะวันตกตอนกลางของญี่ปุ่น: ภูมิภาคคันไซ/คินกิ

  • ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) เมืองเฮียวโงะ: ปราสาทฮิเมจิมีชื่อเสียงในเรื่องต้นซากุระกว่า 1,000 ต้น เป็นประสบการณ์การชมดอกซากุระที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงการล่องเรือไปตามคูน้ำใต้กลีบสีชมพูในช่วงเทศกาลดอกซากุระ
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) เมืองเฮียวโงะ
  • วัดโทจิ (To-ji Temple) เมืองเกียวโต: วัดโทจิมีเจดีย์ไม้ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ล้อมรอบด้วยต้นซากุระที่สวยงามประมาณ 200 ต้น ทำให้เกิดเป็นฉากที่สวยงาม คุณสามารถเพลิดเพลินกับวิวดอกซากุระขณะรับประทานอาหารที่ร้านอาหารเกียวโตในบริเวณใกล้เคียง
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : วัดโทจิ (To-ji Temple) เมืองเกียวโต
  • วัดนินนาจิ (Ninna-ji Temple) เมืองเกียวโต: วัดนินนาจิมีชื่อเสียงจากต้นซากุระโอมูโระ ที่ออกดอกช้าหลากหลายพันธุ์ โดยมีเจดีย์ห้าชั้นตั้งอยู่ สถานที่งดงามราวภาพวาดแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามระดับชาติ และเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระ 100 อันดับแรกของญี่ปุ่น
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : วัดนินนาจิ (Ninna-ji Temple) เมืองเกียวโต
  • วัดโยชิมิเนะเดระ (Yoshimine-dera Temple) เมืองเกียวโต: วัดนี้ก่อตั้งในปี 1029 มีชื่อเสียงในเรื่องดอกซากุระบานสะพรั่งอย่างสวยงาม และตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาทางตะวันตกของเกียวโต

  • ภูเขาโยชิโนะ (Mount Yoshino) เมืองนารา: ภูเขาโยชิโนะมีต้นซากุระป่าสีขาวประมาณ 30,000 ต้นแผ่กระจายไปทั่วหุบเขาและสันเขา นำเสนอทิวทัศน์ดอกซากุระอันงดงามในฤดูใบไม้ผลิ
ซากุระ ญี่ปุ่น : ภูเขาโยชิโนะ (Mount Yoshino) เมืองนารา

6. ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น: ภูมิภาคชูโงะคุ และชิโกะคุ

  • ปราสาทมัตสึยามะ (Matsuyama Castle) เมืองเอฮิเมะ: 1 ใน 12 ปราสาทซึ่งสร้างขึ้นก่อนสมัยเอโดะที่ยังเหลืออยู่ปราสาทมัตสึยามะเป็นสถานที่งดงามสำหรับการชมดอกซากุระ ที่ประดับประดาอยู่จำนวนมาก เป็นการผสมผสานความงามตามธรรมชาติและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่สวยงาม
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : ปราสาทมัตสึยามะ (Matsuyama Castle) เมืองเอฮิเมะ
  • สวนริตสึริน (Ruitsurin Garden) เมืองคากาวะ: ขึ้นชื่อในเรื่องความงดงามของภูมิทัศน์อันเงียบสงบ ทางเดินและสระน้ำที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และเสริมแต่งด้วยต้นซากุระที่บานสะพรั่ง ทำให้เกิดบรรยากาศอันเงียบสงบและงดงามสำหรับผู้มาเยือน

7. ภาคตะวันตกของญี่ปุ่น: ภูมิภาคคิวชู

ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle) เมืองคุมาโมโตะ: หนึ่งในปราสาทที่โดดเด่นที่สุดของญี่ปุ่น พื้นที่อันกว้างขวางของปราสาทเต็มไปด้วยต้นซากุระ ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางหลักสำหรับการสัมผัสกับความงามอันน่าทึ่งของดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิท่ามกลางสถาปัตยกรรมเก่าแก่

การเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงซากุระบาน เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่น่าประทับใจ สถานที่ต่าง ๆ ในญี่ปุ่นจะถูกแต่งแต้มไปด้วยดอกซากุระที่บานสะพรั่ง และงดงาม เพื่อไม่ให้พลาดกับช่วงเวลาพิเศษนี้ เราควรวางแผนการเดินทางล่วงหน้า และอัปเดตข้อมูลตาราง พยากรณ์ซากุระ ในแต่ละปี ให้ดี เพราะในแต่ละปี ซากุระอาจบานเร็ว หรือ ช้า ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละภูมิภาค และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลท์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : livejapan.com, jw-webmagazine.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น 2024 - Autumn Foliage Forecast in Japan 2024

พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น 2024 ล่าสุด! [ครั้งที่ 3 : 30 ตุลาคม 2024]

ฤดูกาลของการชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น ใกล้มาถึงแล้ว JMC (Japan Meteorological Corporation) ได้เผยแพร่ข้อมูล พยากรณ์ ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น 2024 ฉบับล่าสุด (ครั้งที่ 3) ของปี 2024 ออกมาแล้ว เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2024 เพื่อนๆ คนไหนที่วางแผนจะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ประเทศญี่ปุ่น สามารถใช้ข้อมูลจากการพยากรณ์ ใบไม้เปลี่ยนสี ในประเทศญี่ปุ่น ปี 2024 จาก JMC เป็นตัวช่วยในการวางแผนการเดินทางได้นะคะ เพื่อให้เพื่อนๆ ไม่พลาดที่จะได้ไปชมความสวยงามในสถานที่ต่างๆ ในญี่ปุ่น ที่เต็มไปด้วยสีสันของใบไม้หลากสีสันในช่วงฤดูใบไม้ร่วงกันค่ะ ทาง Allianz Travel จะอัพเดทข้อมูลการพยากรณ์ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสีมาให้เพื่อนๆ ได้คอยอัพเดทและใช้สำหรับการวางแผนการเดินทาง ในบทความนี้ค่ะ : )

หมายเหตุ: ข้อมูล พยากรณ์ ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ปี 2024 อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพอากาศ ฝน และลม ในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนสีของใบไม้ ซึ่งอาจทำให้ใบไม้เปลี่ยนสีเร็วขึ้นหรือช้าลงได้ ดังนั้นเราควรตรวจสอบข้อมูลการพยากรณ์ ใบไม้เปลี่ยนสีและอัพเดทข่าวสารเป็นระยะๆ เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจ ในการกำหนดช่วงเวลาของการเดินทางไปชมใบไม้เปลี่ยนสี ในประเทศญี่ปุ่น

ไปชม ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ช่วงเวลาไหนดี ?

Japan Meteorological Corporation ได้ทำการพยากรณ์ช่วงเวลาในการเริ่มชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่นตามเมืองและภูมิภาคต่างๆ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนธันวาคมจากเหนือจรดใต้ของประเทศญี่ปุ่น แต่ละสถานที่ จะมีช่วงเวลาที่ใบไม้มีสีสันสดใสประมาณ 2 สัปดาห์หรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในช่วงเวลานั้นๆ ในแต่ละปี ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนจะเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางไปชมใบไม้เปลี่ยนสี ในประเทศญี่ปุ่น มากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่จะได้สัมผัสกับสีสันความสวยงามของใบไม้ที่เปลี่ยนสีไปทั่วประเทศญี่ปุ่น

ใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น จะมี 2 ช่วงด้วยกัน ได้แก่ ใบไม้สีเหลือง (ต้นแปะก๊วย) ในช่วงปลายเดือนตุลาคม ตามมาด้วยใบไม้สีแดง (เมเปิ้ลญี่ปุ่น) ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน สีของใบไม้บนยอดเขาจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาค ซึ่งได้รับอิทธิพลจากระดับความสูงและสภาพอากาศของแต่ละพื้นที่ และในบางปีใบไม้เปลี่ยนสีอาจเกิดช้าไปจนถึงปลายเดือนพฤศจิกายนหรือต้นเดือนธันวาคมเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี

หากเพื่อนๆ ท่านไหนยังไม่รู้ว่าจะแพลนไปชมใบไม้เปลี่ยนสี ในญี่ปุ่น ที่ไหนดี Allianz Travel รวบรวมรายละเอียดสถานที่ ที่คุณสามารถวางแผนทริป เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสีของคุณโดยประมาณ ได้จากบทความด้านล่างนี้เลยค่ะ

25 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น พร้อมวิธีการเดินทาง

25 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น พร้อมวิธีการเดินทาง

ตารางพยากรณ์ช่วงเวลา ใบไม้เปลี่ยนสี ในญี่ปุ่นปี 2024

ตารางพยากรณ์ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่นในปี 2024 ครั้งล่าสุด (พยากรณ์ครั้งที่ 3) ประกาศออกมาแล้ว เผยแพร่โดย Japan Meteorological Corporation เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2024 ซึ่งเพื่อนๆ สามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการวางแผนการเดินทางไปชมใบไม้เปลี่ยนสี ปี 2024 ได้ค่ะ

ประกาศพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี ปี 2024 (พยากรณ์ครั้งที่ 3 : 30 ตุลาคม 2024)

แผนที่พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี “สีแดง”

แผนที่พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี "สีแดง"

แผนที่พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี “สีเหลือง”

แผนที่พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี "สีเหลือง"

ขอบคุณรูปภาพจาก: JMC (Jpan Meteorological Corporation)

สถานที่ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี “สีแดง”ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี “สีเหลือง”
ซัปโปโร – Sapporo8 พฤศจิกายน6 พฤศจิกายน
อาโอโมริ – Aomori18 พฤศจิกายน9 พฤศจิกายน
เซนได – Sendai1 ธันวาคม3 ธันวาคม
โตเกียว – Tokyo5 ธันวาคม29 พฤศจิกายน
คานาซาว่า – Kanazawa4 ธันวาคม15 พฤศจิกายน
นากาโน่ – Nagano28 พฤศจิกายน20 พฤศจิกายน
นาโงย่า – Nagoya8 ธันวาคม22 พฤศจิกายน
เกียวโต – Kyoto16 ธันวาคม2 ธันวาคม
โอซาก้า – Osaka8 ธันวาคม28 พฤศจิกายน
วากายามะ – Wakayama16 ธันวาคม30 พฤศจิกายน
ฮิโรชิม่า – Hiroshima3 ธันวาคม24 พฤศจิกายน
โคชิ – Kochi14 ธันวาคม20 พฤศจิกายน
ฟุกุโอกะ – Fukuoka13 ธันวาคม1 ธันวาคม
คาโกชิมะ – Kagoshima18 ธันวาคม2 ธันวาคม

ขอบคุณข้อมูลจาก: Release of 2024 Autumn Foliage Forecast (3rd forecast) – JMC (Jpan Meteorological Corporation)

การวางแผนการเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

การเดินทางเพื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เราควรเริ่มวางแผนการท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วงล่วงหน้าอย่างน้อย 3-5 เดือน เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ต้องการเดินทางเพื่อไปสัมผัสความสวยงามของสถานที่ต่างๆ ที่ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่พักตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จะเต็มอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราจึงต้องรีบวางแผนการเดินทางและจองที่พักตามสถานที่ ที่เราต้องการเดินทางไปให้พร้อม และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีติดตัวไว้ก็คือ ประกันภัยการเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : n-kishou.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

14 จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิในโตเกียวและบริเวณใกล้เคียง

14 จุดชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียวและบริเวณใกล้เคียง

ภูเขาไฟฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น เป็นสัญลักษณ์ของความงาม ความแข็งแกร่ง และความสงบมายาวนาน ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีความสูง 3,776 เมตร และได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับศิลปิน กวี และนักเดินทางมากมาย ภูเขาไฟฟูจิก็เป็นฉากหลังที่สวยงามตระการตาสำหรับช่างภาพและผู้ที่รักธรรมชาติเช่นเดียวกัน

หากคุณกำลังวางแผนเดินทางไปญี่ปุ่นและต้องการถ่ายภาพภูเขาฟูจิเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม การได้ไปที่จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่ดีที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณทะเลสาบที่เห็นเงาสะท้อนยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะของภูเขาไฟฟูจิ หรือด้านในหมู่บ้านแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม Allianz Travel พาคุณไปชม 14 จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิในโตเกียวและบริเวณใกล้เคียง โดยแต่ละจุดก็มีมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างภาพมืออาชีพ หรือแค่ชอบถ่ายภาพสวยๆ สถานที่เหล่านี้จะช่วยให้คุณถ่ายภาพภูเขาไฟฟูจิออกมาได้อย่างสวยงาม

ข้อควรรู้ก่อนวางแผนไปชม ภูเขาไฟฟูจิ

ภูเขาไฟฟูจิซ่อนตัวจากโตเกียวในฤดูร้อน

ถ้าคุณมีจุดหมายไปทางอยู่ที่โตเกียวในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนกันยายน คุณอาจจะไม่ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ เนื่องจากในช่วงเวลานี้จะมีความชื้นสูง และมีหมอกเยอะ ทำให้การชมภูเขาไฟฟูจิจากโตเกียวเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก คุณอาจแทบไม่เห็นเงาของภูเขาไฟฟูจิท่ามกลางหมอกเลย ยกเว้นในบางโอกาส อย่างเช่น หลังฝนตกหนักในฤดูร้อน เป็นต้น แต่อย่าทำให้เรื่องเหล่านี้ทำให้คุณผิดหวังจนล้มเลิกแผนการท่องเที่ยวญี่ปุ่น เพราะคุณสามารถเดินทางไปยังสถานที่อื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง และที่สำคัญ คุณจะไม่ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิไม่ว่าจะเป็นฤดูใดและไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เมื่ออากาศมีฝนตกและมีเมฆมาก

หิมะที่ปกคลุมภูเขาไฟฟูจิจะหายไปในฤดูร้อน

ถ้าคุณไปที่ยวญี่ปุ่นในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน คุณอาจจะผิดหวังกับภาพภูเขาไฟฟูจิที่คุณได้เห็น เนื่องจากภูเขาไฟฟูจิจะไม่มีหิมะปกคลุม ภาพภูเขาไฟฟูจิที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสวยงามที่เคยเห็นตามภาพโปสเตอร์ จะเปลี่ยเป็นสีน้ำตาลและดูแห้งแล้ง เนื่องจากหิมะสีขาวระยิบระยับส่วนใหญ่จะละลายในฤดูร้อน ยกเว้นบริเวณยอดเขาที่ยีงมีหิมะหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ก็น้อยมาก จนคุณไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนแม้จะอยู่ใกล้ๆ ก็ตาม

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว

1. อาคารรัฐบาลกรุงโตเกียว (ชินจูกุ)

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Tokyo Skyline

หนึ่งในจุดชมภูเขาไฟฟูจิที่ดีที่สุดคืออาคารรัฐบาลกรุงโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government Building) หรือเรียกย่อๆ ว่าโทโช (Tocho) อยู่ทางด้านตะวันตกของชินจูกุ เหตุผลที่หลายคนแนะนำว่าที่นี่เป็นสถานที่ชมภูเขาไฟฟูจิที่ดีที่สุดจากโตเกียวก็เพราะไม่เพียงแต่ได้ชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงาม แต่ยังเป็นเพราะเข้าชมได้ฟรีอีกด้วย 

ด้านบนของอาคารหลักของโทโชแยกออกเป็น 2 ทาวเวอร์ (ทาวเวอร์เหนือและทาวเวอร์ใต้) ซึ่งแยกกันทั้งแต่ชั้นที่ 33 ทั้งสองทาวเวอร์มี 48 ชั้น และชั้นชมวิวอยู่ที่ชั้นที่ 45 ที่ความสูง 202 เมตร แต่ทาวเวอร์เหนือปิดให้ขึ้นไปชมวิวตั้งแต่เดือนเมษายน 2023 ควรตรวจสอบวันทำการก่อนไป เพราะบางวันชั้นชมวิวปิดให้บริการเนื่องจากมีงานพิเศษ และทางอาคารโทโชขอให้ไม่ใช้ขาตั้งกล้องหรืออุปกรณ์ถ่ายภาพ

การขึ้นไปที่ชั้นชมวิว คุณต้องไปขึ้นลิฟต์สำหรับไปที่ชั้นชมวิวโดยเฉพาะ ซึ่งอยู่ที่ชั้น 1 ของอาคารหลัก หลังออกจากลิฟต์แล้ว ให้เดินไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นเป็นทิศที่คุณจะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิจากระยะไกลได้ คุณควรไปช่วงเช้าในวันที่อากาศแจ่มใส เพราะจะทำให้คุณมีโอกาสได้เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้ดีที่สุด

นอกจากชมวิวภูเขาไฟฟูจิแล้ว คุณจะได้เห็นทิวทัศน์ของเมืองโตเกียวจากที่กว้างใหญ่ไพศาลจากมุมสูง ตัวอย่างเช่น คุณจะมองเห็นโตเกียวสกายทรีทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และโตเกียวทาวเวอร์ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

วิธีการเดินทาง:
อาคารรัฐบาลกรุงโตเกียวอยู่ห่างจากสถานีชินจูกุโดยการเดินเท้า 10 นาที หรือเดินจากสถานีนิชิชินจูกุ (Nishi Shinjuku) บนสายมารุโนะอุจิ (Marunouchi Line) โดยใช้เวลาประมาณ 12 นาที

ที่อยู่: 2 Chome-8-1 Nishishinjuku, Shinjuku City, Tokyo

โทร: 0353207890

เวลาทำการ:
9.30-22.00 น. (ปิดวันอังคารที่ 1 และ 3 ของเดือน และช่วงวันหยุดปีใหม่ 29 ธันวาคมถึง 3 มกราคม)

ค่าเข้าชม: ฟรี

2. อาคารแครอท (Carrot Tower) ย่านซังเก็นจายะ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Carrot Tower

อาคารแครอท (Carrot Tower) ตั้งอยู่ในย่านซังเก็นจายะ (Sangenjaya) ที่อยู่ไม่ไกลจากย่านชิบูย่ามากนัก หากเดินทางด้วยรถไฟ แต่ก็ไม่ใช่จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามอาคารแครอทถือเป็นสถานที่แนะนำเนื่องจากสามารถขึ้นไปที่จุดชมวิว Sky Carrot Observation Deck ชั้น 26 ได้ฟรี แม้ว่าจะสูงแค่ 120 เมตร แต่ก็ไม่มีอาคารสูงอื่น ๆ ขวางทางชมวิว ซึ่งคุณจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์เส้นขอบฟ้าของโตเกียว โดยเฉพาะย่านชิบูย่า และรวมถึงภูเขาไฟฟูจิซึ่งเป็นจุดดึงดูดหลักด้วย

วิธีการเดินทาง:
การเดินทางไปยังซังเก็นจายะนั้นค่อนข้างง่ายโดยขึ้นรถบัสหรือรถไฟจากชิบูย่าสายเดนเอ็นโตชิ (Denentoshi Line) รถบัสใช้เวลาประมาณ 8 นาที ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร และรถไฟใช้เวลาประมาณ 4 นาที อาคารแครอททาวเวอร์อยู่ห่างจากสถานีซังเก็นจายะโดยการเดินเท้า 3 นาที ทั้งนี้ ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าอาคารไม่ได้ปิดให้บริการ เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบหรือซ่อมบำรุง

ที่อยู่: 4-1-1 Chome, Taishido, Setagaya City, Tokyo

เวลาทำการ: 9.30-23.00 น. (ปิดวันพุธที่ 2 ของเดือน และช่วงวันหยุดปีใหม่)

ค่าเข้าชม: ฟรี

3. ชิบูย่าสกาย ย่านชิบูย่า

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Shibuya Sky

สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ล่าสุดของย่านชิบูย่า กรุงโตเกียว คือชิบูย่าสกาย (Shibuya Sky) จุดชมวิวกลางแจ้งบนดาดฟ้าแบบเปิดโล่ง 360 องศา ที่มีความสูง 229 เมตร ตั้งอยู่บนชั้น 47 (ชั้นบนสุด) ของอาคารชิบุย่าสครัมเบิลสแควร์ (Shibuya Scramble Square) ที่นี่คือจุดชมวิวบนดาดฟ้ากลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นที่ทำให้คุณต้องร้องว้าว คุณจะได้ชมทิวทัศน์อันสวยงามตระการตาเหนือของกรุงโตเกียวแบบพาโนรามา นอกจากมองลงไปเห็นทางข้ามม้าลายยักษ์ห้าแยกชิบูย่า พระราชวังอิมพีเรียลที่ล้อมรอบด้วยป่าอันอุดมสมบูรณ์ โตเกียวสกายทรี และในวันที่อากาศแจ่มใส ที่นี่เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการชมทิวทัศน์และจุดถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียวอีกด้วย

ชิบุยะสกายยามค่ำคืนจะมีการแสดงแสงไฟ “CROSSING LIGHT” ทุก 30 นาทีตั้งแต่เวลา 19:00 น. ของทุกวัน และการแสดงจะแตกต่างกันไปตามฤดูกาล จุดถ่ายรูปยอดนิยมคือบันไดเลื่อนกระจกที่ขึ้นไปยังดาดฟ้า และมุมที่เรียกว่าสกายเอดจ์ก็เป็นจุดที่เหมาะสำหรับถ่ายรูปลงอินสตาแกรมเช่นกัน นอกจากนี้ สถานที่แห่งนี้ยังมีบริการถ่ายรูปโดยมืออาชีพอีกด้วย

ช่วงเวลาที่เหมาะที่จะไปเยือนชิบูย่าสกายน่าจะเป็นช่วง 30 นาทีก่อนพระอาทิตย์ตก แต่เนื่องจากเป็นช่วงเวลายอดนิยม ดังนั้นอย่าลืมเผื่อเวลาในการต่อคิวไว้ด้วย แนะนำให้จองตั๋วไปล่วงหน้า พระอาทิตย์ตกดินเร็วที่สุดในโตเกียวในช่วงต้นเดือนธันวาคม เวลาประมาณ 16:30 น. และตกดินช้าที่สุดในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม เวลาประมาณ 19:00 น.

วิธีการเดินทาง:
นั่งรถไฟลงสถานีชิบูย่า เดินอีก 1 นาที ตั้งอยู่ในตึก Shibuya Scramble Square

ที่อยู่: 2-24-12 Shibuya, Shibuya , Tokyo 150-0002

เวลาทำการ: 10.00-22.30 น. ต้องเข้าก่อน 21.20 น. (ปิดวันปีใหม่ และอาจมีเปลี่ยนแปลงเวลาได้)

ค่าเข้าชม:
ผู้ใหญ่ 2,500 เยน เด็กมัธยม 2,000 เยน
เด็กประถม 1,200 เยน (ซื้อหน้าเคาน์เตอร์ในวันเข้าชม)
เด็กอายุ 3-5 ขวบ 700 เยน (ซื้อหน้าเคาน์เตอร์ในวันเข้าชม)
เด็กอายุต่ำว่า 3 ขวบ ฟรี

เว็บไซต์: https://www.shibuya-scramble-square.com

4. อาคารซันไชน์ 60 ย่านอิเคบุคุโระ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Sunshine 60 Observatory Tembo Park

จุดชมวิวซันไชน์ 60 (Sunshine 60 Observatory Tembo Park) อยู่บนชั้น 60 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของอาคารซั้นไชน์ 60 (Sunshine 60) อยู่สูง 251 เมตร เหนือตัวเมือง ถูกออกแบบให้เป็นสวนธารณะในร่มที่ล้อมรอบไปด้วยท้องฟ้า ที่คุณสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี และทิวทัศน์จะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา ฤดูกาล และสภาพอากาศ พื้นที่หลักคือส่วนที่เรียกว่า เท็นโบ-โนะ-โอกะ (Tembo no Oka) ซึ่งเป็นภาษาญี่ปุ่นแปลว่าเนินชมวิว คุณสามารถปูเสื่อปิกนิกบนพื้นหญ้าเทียม หรือนั่งบนโซฟา เก้าอี้ หรือม้านั่ง และชมวิวที่อยู่ภายนอกหน้าต่างโดยรอบ ซึ่งคุณสามารถมองเห็นเมืองด้านล่างและภูเขาไฟฟูจิในระยะไกลได้ในวันที่อากาศแจ่มใส

อาคารซันไชน์ 60 อยู่ห่างจากสถานีอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro) โดยระยะเดิน 8 นาที ที่ทางออกจากสถานีใต้ดินจะมีป้ายบอกทางไปยังอาคารซันไชน์ 60 ทางออก 35 เป็นทางออกที่ใกล้ที่สุด หากคุณขึ้นสายยูราคุโจ (Yurakucho Line) ให้ลงที่สถานีฮิกาชิ-อิเคะบุคุโระ (Higashi Ikebukuro) จากนั้นเดินต่อประมาณ 3 นาทีก็จะถึงซันไชน์ซิตี้

วิธีการเดินทาง:
สถานี Higashi-Ikebukuro (สาย Yurakucho) ทางออก 6 หรือ 7; สถานี Ikebukuro ทางออกทิศตะวันออก

ที่อยู่: Sunshine 60 Bldg 60F, 3-1 Higashi-Ikebukuro, Toshima-ku, Tokyo

เวลาทำการ: 11.00-21.00 น. (เข้าก่อน 20.00 น.)

ค่าเข้าชม:
วันจันทร์-ศุกร์ ผู้ใหญ่ 700 เยน นักเรียนมัธยมต้นและประถมศึกษา 500 เยน
วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด ผู้ใหญ่ 900 เยน นักเรียนมัธยมต้นและประถมศึกษา 600 เยน

เว็บไซต์: https://sunshinecity.jp/en/observatory/ticket/

5. อาคารโมริทาวเวอร์ ย่านรปปงหงิ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Mori Tower - Roppongi

อีกหนึ่งจุดชมวิวยอดนิยมของกรุงโตเกียว คือจุดชมวิวบนอาคารโมริทาวเวอร์ (Mori Tower) อาคารสำนักงานรูปทรงทันสมัยในศูนย์การค้ารปปงหงิฮิลล์ (Roppongi Hills) ที่นี่มีจุดชมวิว 2 จุดที่คุณสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ คือบริเวณ Tokyo City View ชั้น 52 เป็นพื้นที่ชมวิวในร่มสูง 250 เมตร แต่หากต้องการชมวิวที่สูงกว่านั้น คุณสามารถขึ้นไปบน Sky Deck ซึ่งเป็นจุดชมวิวกลางแจ้งบนชั้นดาดฟ้าที่สูง 270 เมตร เนื่องจากบริเวณนี้เป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ทำให้สามารถมองเห็นเมืองและภูเขาไฟฟูจิแบบเปิดกว้าง 360 องศาในวันที่อากาศแจ่มใส 

หลังจากชมวิวแล้ว คุณอาจจะแวะชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริ (Mori Art Museum) ที่ชั้น 53 (ซื้อตั๋วเข้าชมเพิ่มเติม) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศิลปะร่วมสมัยของศิลปินต่างประเทศ รวมถึง ภาพวาด การออกแบบและสถาปัตยกรรม นิทรรศการภาพถ่าย เป็นต้น

วิธีการเดินทาง:

  • Tokyo Metro สาย Hibiya: สถานี Roppongi ทางออกที่ 1C (0 นาที)
  • Toei Oedo Line สถานี Roppongi: ทางออกที่ 3 (4 นาที)
  • Toei Oedo Line สถานี Azabu-juban: ทางออกที่ 7 (4 นาที)
  • Tokyo Metro Namboku Line สถานี Azabu-juban: ทางออกที่ 4 (7 นาที)
  • Tokyo Metro Chiyoda Line สถานี Nogizaka: ทางออกที่ 5 (8 นาที)

ที่อยู่: 6-10-1, Roppongi, Minato-ku, Tokyo

เวลาทำการ:
Tokyo City View ชั้น 52: 10.00-22.00 น. (เข้าก่อน 21.30 น.) 
Sky Deck: 11.00-20.00 น. (เข้าก่อน 19.30 น.) 
วันและเวลาทำการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

ค่าเข้าชม:
วันจันทร์-ศุกร์ ผู้ใหญ่ 1,800 เยน นักเรียน 1,300 เยน เด็ก 700 เยน ผู้สูงอายุ 1,500 เยน
วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด ผู้ใหญ่ 2,000 เยน นักเรียน 1,400 เยน เด็ก 800 เยน ผู้สูงอายุ 1,700 เยน

เว็บไซต์: https://tcv.roppongihills.com/en/

6. โตเกียวทาวเวอร์ ย่านมินาโตะ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Tokyo Tower

โตเกียวทาวเวอร์มีความสูง 333 เมตร สร้างเสร็จในปี 1958 นั้น เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นฟูโตเกียวหลังสงคราม ในยุคที่สร้างเสร็จใหม่ๆ ถือเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลกโดยสูงกว่าหอไอเฟลถึง 13 เมตร ปัจจุบัน ถึงแม้ว่าความสูงจะแพ้โตเกียวสกายทรี แต่ที่นี่ก็ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและจุดถ่ายรูปยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว โตเกียวทาวเวอร์แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือ Foot Town ศูนย์การค้า 4 ชั้นที่ตั้งอยู่ด้านล่างของหอคอย เป็นที่รวมแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และความบันเทิงต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลิน ส่วนที่ 2 คือ Main Deck เป็นจุดชมวิวสูง 150 เมตร ที่คุณสามารถชมความงดงามของทิวทัศน์รอบเมืองโตเกียว และมองลงไปเบื้องล่างผ่านพื้นกระจก Skywalk Windows และส่วนบนสุด Top deck จุดชมวิวพิเศษที่ความสูง 250 เมตร เพื่อชมทิวทัศน์แบบพาโนรามา และหากสภาพอากาศแจ่มใส คุณจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากจุดชมวิวทั้ง 2 ชั้นเลยค่ะ

วิธีการเดินทาง:

  • สถานี Onarimon (สาย Mita) สถานี Akabanebashi (สาย Oedo) สถานี Kamiyacho (สาย Hibiya) และเดินต่อประมาณ 5-10 นาที 
  • สถานี Daimon (สาย Asakusa) เดินต่อประมาณ 10 นาที
  • สถานี JR Hamamatsucho เดินต่อประมาณ 15 นาที 

ที่อยู่: 4 Chome-2-8 Shibakoen, Minato City, Tokyo

เวลาทำการ:
Main Deck 9.00-23.00 น. (เข้าก่อน 22.30 น.)
Top Deck 9.00-22.45 น. (ทัวร์รอบสุดท้าย 22.00-22.15 น.) 

เว็บไซต์: https://en.tokyotower.co.jp/

ค่าเข้าชม:

ประเภทผู้ใหญ่เด็กมัธยมปลายเด็กประถมและมัธยมต้นเด็ก (อายุ 4 ขวบขึ้นไป)
Main Desk (150 ม.)1,500 เยน1,200 เยน900 เยน600 เยน
Top Deck Tour (150 ม. และ 250 ม.) 3,300 เยน (เว็บ) 3,500 เยน (เคาน์เตอร์)3,100 เยน (เว็บ) 3,300 เยน (เคาน์เตอร์)2,100 เยน (เว็บ) 2,300 เยน (เคาน์เตอร์)1,500 เยน (เว็บ) 1,700 เยน (เคาน์เตอร์)
Tokyo Diamond Tour (150 ม. และ 250 ม.) (ทัวร์พิเศษทุกชั่วโมงตั้งแต่  12.00-18.00 น. ปิด 22.45 น.)7,000 เยน6,500 เยน4,700 เยน3,000 เยน

7. โตเกียวสกายทรี ย่านสุมิดะ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Tokyo Skytree

โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) หอส่งสัญญาณโทรทัศน์ที่มีความสูง 634 เมตร เป็นหอคอยที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น เปิดให้บริการในปี 2012 จากบนชั้นชมวิว คุณไม่เพียงแต่จะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ในวันที่อากาศแจ่มใสเท่านั้น แต่ยังสามารถมองเห็นภูมิภาคคันโตได้ทั้งหมดในทุกทิศทางอีกด้วย โตเกียวสกายทรีเปิดให้ขึ้นไปชมวิวได้อยู่ 2 ชั้น คือ Tembo Deck ที่ความสูง 350 เมตร ที่มีทั้งหน้าต่างชมวิว ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหาร และ Tembo Galleria ที่ความสูง 450 เมตร ซึ่งมีทางเดินวนที่คุณค่อยๆ เดินไปจนถึงความสูง 451.2 เมตร ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในการชมวิว

วิธีการเดินทาง:

  • สถานี Tokyo Skytree (สาย Tobu Skytree)
  • สถานี Oshiage (สาย Keisei หรือ Tokyo Metro Hanzomon หรือ Toei Asakusa)
  • สถานี Asakusa (สาย Tokyo Metro Ginza)
  • นั่ง Skytree Shuttle จาก สถานี Tokyo ย่าน Ueno-Asakusa สนามบิน Haneda และ Tokyo Disney resort

ที่อยู่: 1-chōme-1-2 Oshiage, Sumida City, Tokyo

เวลาทำการ: 10.00-22.00 น. ต้องเข้าก่อน 21.00 น.

ค่าเข้าชม:
Tembo Deck: ซื้อล่วงหน้า 2,100 เยน / ซื้อหน้างาน 2,400 เยน
Tembo Deck + Tembo Galleria: ซื้อล่วงหน้า 3,100 เยน / ซื้อหน้างาน 3,500 เยน

เว็บไซต์: https://www.tokyo-skytree.jp/en/

สถานที่ชมภูเขาไฟฟูจินอกเมืองโตเกียว

8. ทะเลสาบคาวากูจิ จังหวัดยามานาชิ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Lake Kawaguchi

ทะเลสาบคาวากูจิ (Lake Kawaguchi) เป็นหนึ่งในห้าทะเลสาบที่ล้อมรอบภูเขาไฟฟูจิ ที่สามารถชมความงดงามของภูเขาไฟฟูจิได้ตลอดทั้งปี ไฮไลท์ของการเที่ยวชมทะเลสาบคาวากูจิคือการชมภูเขาไฟฟูจิจากมุมต่างๆ ทั้งจากการนั่งกระเช้าลอยฟ้า หรือการนั่งเรือท่องเที่ยวในทะเลสาบ นอกจากชมทัศนียภาพอันตระการตาของภูเขาไฟฟูจิแล้ว คุณอาจเดินเล่นรอบทะเลสาบซึ่งมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารที่ให้บริการอาหารท้องถิ่น เช่น โฮโตะ (บะหมี่ถ้วยที่เสิร์ฟพร้อมเนื้อสัตว์และผัก เช่น สควอช ในน้ำซุปมิโซะ) นอกจากนี้ยังมีขนมหวานอีกหลายชนิด ชิงเงนโมจิเป็นเค้กข้าวชนิดหนึ่งที่นุ่มและเคี้ยวหนึบ โรยด้วยคินาโกะ (ผงถั่วเหลืองคั่ว) ที่ให้รสชาติเหมือนถั่ว และราดด้วยน้ำเชื่อมน้ำตาลทรายแดง ขนมหวานอีกชนิดที่ควรลองหากไปที่ทะเลสาบคาวากูจิคือไอศกรีมรสองุ่นที่มีรสชาติเหมือนองุ่นเคียวโฮอันเลื่องชื่อซึ่งเป็นสินค้าพิเศษอันทรงคุณค่าของภูมิภาคนี้

วิธีการเดินทาง:
การเดินทางไปกลับจากโตเกียวไปทะเลสาบคาวากูจิสะดวกและง่ายมาก โดยการนั่งรถบัสจากชินจูกุและชิบูย่า ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที หรือนักท่องเที่ยวที่ถือบัตร Japan Rail Pass สามารถนั่งรถไฟไปที่นั่นได้โดยไม่ต้องเสียค่าเดินทางเพิ่มเติม และหากคุณต้องการพักค้างคืน ที่นี่มีที่พักหลายแห่งที่มีบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้ง ซึ่งคุณสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ขณะแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อน และคุณสามารถตื่นนอนในช่วงเช้าเพื่อออกไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นสีชมพูของทั้งภูเขาและทะเลสาบได้

9. สวนสาธารณะอาราคุระยามะเซ็นเก็น จังหวัดยามานาชิ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Chureito Pagoda

คุณสามารถไปเที่ยวสวนสาธารณะอาราคุระยามะเซ็นเก็น (Arakurayama Sengen Park) ได้ตลอดทั้งปี คุณจะได้ชมภูเขาไฟฟูจิสีขาวโพลนพร้อมต้นไม้แผ่กิ่งก้านไร้ใบ โดยมีหิมะปกคลุมโดยรอบในช่วงฤดูหนาวในฤดูร้อน คุณสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิท่ามกลางต้นไม้เขียวขจีได้ในฤดูร้อน และชมภูเขาไฟฟูจิต้ดกับใบไม้สีแดงสด ในฤดูใบไม้ร่วง และเมื่อดอกซากุระจากต้นนับร้อยต้นบานสะพรั่ง ก็ไม่มีอะไรจะสื่อถึงความเป็นญี่ปุ่นได้ดีไปกว่าทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิที่รายล้อมไปด้วยซากุระสีชมพูในฤดูใบไม้ผลิอีกแล้ว

การเข้าชมสวนสาธารณะอาราคุระยามะเซ็นเก็นไม่เสียค่าธรรมเนียม คุณสามารถเดินขึ้นบันได 400 ขั้นไปชมศาลเจ้าและเจดีย์ชูเรโตะ (Chureito Pagoda) ซึ่งวิวที่เห็นด้านบนคุ้มค่ากับการออกแรงเป็นอย่างมาก หากเดินทางไปกลับจากจากโตเกียว ควรเผื่อเวลาไว้ทั้งวัน หรือเพื่อไม่ให้เหนื่อยจนเกินไป คุณอาจพักค้างคืนที่โรงแรมแถมทะเลสาบคาวากูจิก็ได้

วิธีการเดินทาง:
จากสถานีทะเลสาบคาวากูจิ ให้ขึ้นรถไฟ Fujikyu Railway* ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีไปยังสถานี Shimoyoshida ซึ่งเป็นทางเข้าสวนสาธารณะ อีกวิธีหนึ่งคือขึ้นรถไฟ JR Chuo Line ซึ่งเริ่มต้นจากสถานีโตเกียวไปยังสถานี Otsuki (สาย Chuo จะจอดระหว่างทางที่สถานีอื่นๆ เช่น Ochanomizu, Yotsuya และ Shinjuku) หลังจากนั้น เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟ Fujikyu Railway* ไปยังสถานี Shimoyoshida จากสถานี คุณสามารถเดินไปยังศาลเจ้าและเจดีย์ชูเรโตะได้ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที

*คุณไม่สามารถใช้ JR Rail Pass เพื่อโดยสารรถไฟสาย Fujikyu ได้

10. เกาะเอโนชิมะ จังหวัดคานากาวะ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Enoshima, Kanagawa

เกาะเอโนชิมะเป็นเกาะเล็กๆ ในพื้นที่ประมาณ 0.39 ตารางกิโลเมตร ที่เชื่อมต่อกับชายฝั่งทางแผนดินใหญ่ด้วยสะพานยาว 400 เมตร จากเกาะ คุณสามารถชมทิวทัศน์ที่สวยงาม ทั้งวิวทะเลและวิวภูเขาภูเขาไฟฟูจิอันงดงามจากชายหาด ฤดูกาลที่ดีที่สุดในการชมภูเขาไฟฟูจิจากเกาะเอโนะชิมะคือฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว เกาะเอโนชิมะมีลักษณะเป็นภูเขา หากจะไปชมวิวในมุมสูงต้องเดินขึ้นบันไดไปตามเส้นทาง ผ่านร้านค้า ผ่านศาลเจ้าเอโนชิมะ จนไปถึงหอชมวิว Enoshima Sea Candle สูง 100 เมตร ที่อยู่ใน Enoshima Samuel Cocking Garden (เปิดบริการ 09.00-20.00 น. ค่าเข้าสวน 200 เยน ค่าขึ้นหอชมวิว 300 เยน

วิธีการเดินทาง:
เกาะเอโนชิมะอยู่ใกล้กับโตเกียว เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ โดยนั่งรถไฟจากสถานีชินจูกุประมาณ 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีรถไฟสายสั้นๆ (รถไฟฟ้าเอโนชิมะ หรือเรียกสั้นๆ ว่า “เอโนเด็น”) ที่เชื่อมต่อคามาคุระกับเอโนชิมะโดยตรงในเวลา 24 นาที ชายหาดอยู่ห่างจากสถานี Enoshima โดยใช้เวลาเดิน 15 นาที มีสถานีที่ใกล้กว่าคือสถานี Katase-Enoshima ซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายของสาย Odakyū Enoshima ซึ่งสามารถเดินทางไปได้ตั้งแต่สถานีชินจูกุและเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Fujisawa ใช้เวลาเดินจากสถานี Katase Enoshima ไปยังบริเวณชายหาดประมาณ 5 นาที

11. ฮาโกเน่ จังหวัดคานากาวะ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Hokone, Kanagawa

ฮาโกเน่ (Hokone) มีชื่อเสียงในด้านการชมภูเขาไฟฟูจิ แต่ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวตลอดทั้งปีที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม บ่อน้ำพุร้อน พิพิธภัณฑ์ศิลปะ และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ที่นี่มีการชนส่งหลายรูปแบบให้คุณได้ชมวิวภูเขาไฟฟูจิจากมุมมองที่แตกต่างกัน เช่น การขึ้นกระเช้าลอยฟ้าซึ่งถือเป็นวิวที่ดีที่สุดในบริเวณนี้ เพราะคุณสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ตั้งแต่เชิงเขาถึงยอดเขา การนั่งกระเช้าลอยฟ้าใช้เวลาเพียง 9 นาทีเท่านั้น คุณต้องเตรียมกล้องหรือสมาร์ทโฟนให้พร้อมเพื่อไม่ให้พลาดการถ่ายภาพภูเขาอันสวยงาม การนั่งรถไฟ หรือทัวร์รถบัสก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก และการนั่งเรือโจรสลัดชมวิวในทะเลสาบอาชิ (Ashinoko) ก็ได้ภาพภูเขาไฟฟูจิที่สะท้อนอยูบนผืนน้ำที่งดงาม

วิธีการเดินทาง:
เริ่มจากสถานีชินจูกุ เดินทางด้วยรถไฟ Odakyu ที่ให้บริการรถด่วน Romance Car ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษและเป็นที่นิยมในหมู่นักเดินทางเนื่องจากมีที่นั่งที่สะดวกสบายและหน้าต่างแบบพาโนรามาที่ให้ทัศนียภาพอันงดงามของภูมิประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ การซื้อบัตร Hakone Free Pass ยังเป็นวิธีที่คุ้มค่ามาก เพราะครอบคลุมการเดินทางไม่จํากัดบนรถไฟฮาโกเน่โทซัง และรวมถึงการเข้าถึงกระเช้าลอยฟ้าฮาโกเน่และเคเบิลคาร์โทซัง หรือนั่งรถบัสฮาโกเน่โทซังในการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

12. ฟูจิมิเทอเรซ จังหวัดชิซูโอกะ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Fujimi Terrace

หนึ่งในจุดชมวิวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นคือฟูจิมิเทอเรซ (Fujimi Terrace) ที่อยู่ในบริเวณ Iz Panorama Park บนยอดเขาคัตสึรางิ (Mt. Katsuragi) จังหวัดชิซูโอกะ ห่างจากภูเขาไฟฟูจิ 70 กฺโลเมตรโดยประมาณ คาบสมุทรอิซุ (Izu Peninsula) คำว่า “ฟูจิมิ” แปลว่า “วิวฟูจิ” หากต้องการขึ้นไปที่ฟูจิมิเทอเรซ คุณจะต้องขึ้นกระเช้าลอยฟ้าระยะทาง 1,800 เมตร เป็นเวลาประมาณ 7 นาที เพื่อขึ้นไปที่ระดับความสูง 452 เมตร เหนือน้ำทะเล จากจุดชมวิว คุณจะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิและอ่าวซูการุ รวมถึงผืนป่าสีเขียว และเมืองที่อยู่ด้านล่างได้โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง บนนี้ยังมีพื้นที่นั่งเล่น ทั้งเลานจ์ระดับพรีเมียม พื้นที่โซฟา เคาน์เตอร์กลางแจ้ง เป็นต้น

วิธีการเดินทาง:
คุณสามารถเดินทางโดยรถไฟชินคันเซ็น Tokaido หรือรถไฟสาย JR Tokaido จากสถานี Tokyo ไปยังสถานี Mishima จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Izu Hakone Railway Sunzu Line และลงที่สถานี Izu-Nagaoka แล้วขึ้นรถบัส Izu Hakone Bus Nagaoka Onsen Loop หรือ Mito Sea Paradise ไปอีก 10 นาที เพื่อไปลงที่ศาลากลางเมืองอิซุโนะคุนิ (Izunokuni) แล้วเดินต่อไปอีก 1-2 นาที

13. สะพานแขวนมิชิมะสกายวอล์ค จังหวัดชิซูโอกะ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Mishima Skywalk, Shizuoka

อีกหนึ่งสถานที่ที่คนตามหาภูเขาไฟฟูจิห้ามพลาดก็คือสะพานแขวนมิชิมะสกายวอล์ค (Mishima Skywalk) เป็นสะพานแขวนขนาดใหญ่ที่มีความยาวรวม 400 ม. มีระดับสูงจากพื้นดิน 70 เมตร ถือได้ว่าเป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่นเลยล่ะ ช่วยให้คุณมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างใกล้ชิดเลยล่ะ เวลาที่ดีที่สุดในการชมภูเขาไฟฟูจิจากที่นี่คือช่วงประมาณเก้าโมงเช้าหรือบ่ายแก่ๆ ในช่วงพระอาทิตย์ตก ภูเขาไฟฟูจิและทิวทัศน์ของอ่าวซูรูกะจะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์

วิธีการเดินทาง:
นั่งรถไฟชินคันเซ็นสายโทไกโดจากสถานีโตเกียวไปยังสถานีมิชิมะ (55 นาที) จากนั้นขึ้นรถบัสรับส่งสีส้มสายโทไก (เส้นทาง N) จากป้ายรถบัสหมายเลข 5 ซึ่งอยู่ที่ทางออกด้านใต้ของสถานีมิชิมะ จุดหมายปลายทางของรถบัสคือท่าเรือโมโตฮาโกเนะ แต่ให้ลงที่ป้ายรถบัส Mishima Skywalk ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ทางเข้าอยู่ตรงหน้าป้ายรถบัสเลย

14. โกเทมบะ จังหวัดชิซูโอกะ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Gotemba, Shizuoka

โกเทมบะเป็นเมืองเล็กๆ ในจังหวัดชิซูโอกะ ตั้งอยาบริเวณเชิงภูเขาไฟฟูจิ และมีชื่อเสียงในหมู่นักชอปปิ้ง เพราะมีห้างสรรพสินค้าเอาท์เล็ตขนาดใหญ่ในเมืองอย่างโกเทมบะพรีเมียมเอาท์เลต (Gotemba Premium Outlet) ที่มีตั้งแต่ร้านอาหาร คาเฟ่ และสินค้าแบรนด์ต่างๆ ทั้งแบรนด์ญี่ปุ่นและต่างประเทศ ให้คุณได้ชอปปิ้งกันอย่างเต็มอิ่ม หากคุณไม่มีเวลามาก คุณสามารถรวมการซื้อของได้อย่างเพลินๆ และชมภูเขาไฟฟูจิอย่างใกล้ชิดไว้ในที่เดียวกันโดยการไปที่โกเทมบะ

วิธีการเดินทาง:
วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขึ้นรถบัสทางด่วนสายใดสายหนึ่งที่ออกจากสถานีต่างๆ ทั่วโตเกียว เช่น โตเกียว ชิบูย่า ชินจูกุ อิเคบุคุโระ และชินากาวะ รวมถึงจากโยโกฮาม่าด้วย วิธีที่เร็วที่สุดคือการขึ้นรถไฟ Romance Car สาย Odakyu จากสถานีชินจูกุไปยังสถานีโกเทมบะ ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 95 และจากสถานี Gotemba จะมีรถบัสรับส่งฟรีไปยังโกเทมบะพรีเมียมเอาท์เลต คุณสามารถนั่งรถบัสจากโกเทบะไปยังภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วย

การไปเที่ยวญี่ปุ่นจะไม่สมบูรณ์หากไม่ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ ไม่ว่าจะมองจากหน้าต่างรถไฟชินคันเซน ตึกระฟ้าในโตเกียว หรือสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่อยู่ใกล้เคียง แต่การที่จะให้แผนการเที่ยวของคุณเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ไม่ต้องกังวลกับเรื่องร้ายๆ กับค่าใช้จ่ายที่อาจงอกเพิ่มระหว่างการเดินทาง สิ่งที่เราควรมีติดตัวไว้ก็คือ ประกันภัยการเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้รับความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย เที่ยวบินดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : japantravel.navitime.com, gotokyo.org

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel