พยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น 2025

พยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น 2025 ล่าสุด! [ครั้งที่ 1 : 9 มกราคม 2025]

ช่วงเวลาของการชมดอกซากุระ ญี่ปุ่น ในปี 2025 ใกล้มาถึงแล้ว เป็นช่วงเวลาที่หลาย ๆ คน รอคอยที่จะได้ไปสัมผัสบรรยากาศที่สวยงาม ละมุนไปด้วยสีของดอกซากุระที่บานสะพรั่ง 🌸 ไปทั่วทุกสถานที่ ที่เป็นจุดชมดอกซากุระบานในญี่ปุ่น โดยเฉพาะเดือนมีนาคมและเมษายน ปีนี้ข้อมูล พยากรณ์ซากุระบาน ญี่ปุ่น ปี 2025 ถูกประกาศออกมาแล้ว โดยทาง JMC (Japan Meteorological Corporation) ได้เผยแพร่ข้อมูล พยากรณ์ ซากุระบาน ญี่ปุ่น 2025 ฉบับล่าสุด (ครั้งที่ 1) ของปี 2025 ออกมา เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2025 สำหรับเพื่อน ๆ คนไหน กำลังวางแผนเดินทางไปชมความสวยงามของดอกซากุระ เราขอแนะนำให้เพื่อน ๆ เช็คช่วงเวลาที่ดอกซากุระบาน จากตารางพยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น ในปี 2025 กันด้วยนะคะ เนื่องจากช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมดอกซากุระจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานที่และสภาพอากาศในแต่ละปี ทาง Allianz Travel จะอัพเดทข้อมูลการพยากรณ์ช่วงเวลาซากุระบานมาให้เพื่อน ๆ ได้คอยอัพเดทเพื่อใช้สำหรับวางแผนการเดินทาง ในบทความนี้นะคะ : )

ไปชม ซากุระ ญี่ปุ่น ช่วงเวลาไหนดี ?

ดอกซากุระในญี่ปุ่นมีช่วงเวลาที่บานเต็มที่ในแต่ละสถานที่คือประมาณหนึ่งสัปดาห์ และช่วงที่บานเต็มที่จะแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ ดอกซากุระจะเริ่มบานจากเขตอบอุ่นและจุดสุดท้ายคือในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศหนาวเย็น ตัวอย่างเช่น คุณจะเริ่มชมซากุระในภูมิภาคคิวชูตอนใต้ได้ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม และบานเต็มที่ในอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ต่อมา แต่ดอกซากุระในจังหวัดฮอกไกโดทางตอนเหนือสุดจะบานเต็มที่ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม

ในแต่ละปี ซากุระจะเริ่มบานในโตเกียวตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม และสามารถบานสะพรั่งได้ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างโอซาก้า เกียวโต และฮิโรชิม่า ก็เริ่มบานสะพรั่งในเวลาเดียวกัน ในภาคกลางของญี่ปุ่น ดอกซากุระเริ่มบานตั้งแต่ต้นถึงกลางเดือนเมษายน ภายในปลายเดือนเมษายน คุณจะเห็นดอกซากุระในโทโฮคุ และตั้งแต่เดือนพฤษภาคม คุณจะเห็นดอกซากุระที่ฮอกไกโดเช่นกัน

ซากุระ ญี่ปุ่น ช่วงต้นฤดูกาล (เดือนกุมภาพันธ์)

ซากุระมีมากมายหลากหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่สามารถพบเห็นได้มากที่สุดคือพันธุ์โซเมอิโยชิโนะ (Somei-yoshino) ที่บานตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมจนถึงต้นเดือนเมษายน และเวลาที่มีการพยากรณ์ซากุระบานในแต่ละปี ก็ยึดเอาพันธุ์โซเมอิโยชิโนะนี่แหละเป็นตัววัด ทำให้หลายคนอาจคิดว่าการชมซากุระในญี่ปุ่นมีเ)พาะช่วงเวลานี้เท่านั้น แต่ความจริงแล้วซากุระบางสายพันธุ์ก็บานเร็วกว่าพันธุ์ทั่วไปเล็กน้อย เราจะมาแนะนำสถานที่ที่สามารถไปชมซากุระได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธุ์เลยค่ะ

เมืองคาวาซุ (Kawazu) ของจังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka)

ห่างจากโตเกียวประมาณ 2.5 ชั่วโมง มีชื่อเสียงเรื่องดอกซากุระพันธุ์คาวาซุ ดอกใหญ่สีชมพูเข้ม ซึ่งบานเร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ และบานนานเกือบหนึ่งเดือนทำให้เมืองนี้กลายเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่เร็วที่สุดในละแวกโตเกียวและจังหวัดใกล้เคียง นอกจากนี้ ช่วงที่มีซากุระบานของทุกปียังมีการจัด เทศกาลคาวาซุซากุระ (Kawazu Cherry Blossom Festival) ที่สวยงามไปด้วยซากุระสีชมพูทั้งในเมืองและริมแม่น้ำ การประดับไฟยามค่ำคืน และร้านค้าริมทาง

ซากุระ ญี่ปุ่น : เมืองคาวาซุ (Kawazu) จังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka)

เมืองอาตามิ (Atami) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของคาบสมุทรอิซุ (Izu)

ห่างจากโตเกียวไปทางตะวันตกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงโดยรถไฟชินคันเซ็น บรรยากาศเหมือนเมืองตากอากาศ มีบ่อน้ำพุร้อนและเรียวกังมากมาย ที่นี่เป็นแหล่งชมซากุระพันธุ์อาตามิ เป็นพันธุ์สีชมพู ดอกพุ่มสวย ปกติจะบานช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เมื่อเริ่มบานแล้วจะอยู่ประมาณ 10 วันก็จะเริ่มร่วงโรยรา จุดชมซากุระอยู่ตรงทางเดินเลียบแม่น้ำ Itogawa ใช้เวลาเดินลงจากสถานี Atami ประมาณ 10 นาที ที่นี่คุณจะเห็นต้นซากุระประมาณ 58 ต้นที่ปลูกอยู่สองข้างทาง

ซากุระ ญี่ปุ่น : เมืองอาตามิ (Atami)

เมืองมิอุระ (Miura) จังหวัดคานางาวะ (Kanagawa)

มีดอกซากุระคาวาซุที่ผลิดอกช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ คุณจะได้เห็นต้นซากุระสายพันธุ์นี้ราว 1,000 ต้นเรียงรายตามเส้นทางรถไฟระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรจากสถานีมิอูระไคกัง (Miurakaigan) ไปยังสวนสาธารณะโคมัตสึไคเกะ (Komatsugaike) นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นหอมที่ลอยมาในอากาศจากทุ่งดอกมัสตาร์ดสีเหลืองนวลที่ออกดอกตามสองข้างทาง ตลอดฤดูกาล ตลาดแผงลอยหลายแห่งจะเปิดให้บริการที่หน้าสถานีมิอูระไคกัง ซึ่งท่านสามารถที่จะซื้อหาผักสดจากท้องถิ่นรวมทั้งสินค้าพิเศษของเมืองมิอุระได้

หากเพื่อนๆ ท่านไหนยังไม่รู้ว่าจะแพลนไปชมซากุระ ในญี่ปุ่น ที่ไหนดี Allianz Travel รวบรวมรายละเอียดสถานที่ ที่คุณสามารถวางแผนทริป เที่ยวญี่ปุ่น ชมดอกซากุระบาน ได้จากบทความด้านล่างนี้เลยค่ะ

สถานที่ชม ซากุระ ญี่ปุ่น

สถานที่ชม ซากุระ ญี่ปุ่น

รวมข้อมูลพิกัดสำหรับชม ซากุระ ญี่ปุ่น พร้อมรายชื่อสถานที่ที่ควรไปชมซากุระในแต่ละภูมิภาค ที่มีความสวยงามแตกต่างกันออกไป

10 จุดชมซากุระในโตเกียว

10 จุดชมซากุระโตเกียว

จุดชมซากุระ ที่ดีที่สุดของโตเกียว เตรียมเสื้อผ้าหน้าผมให้พร้อม รับรองว่าทริปนี้ต้องได้รูปสวยคู่กับซากุระอย่างแน่นอน

ตารางพยากรณ์ช่วงเวลา ซากุระบาน ในญี่ปุ่นปี 2025

ตารางพยากรณ์ช่วงดอกซากุระบานของญี่ปุ่นในปี 2025 ครั้งล่าสุด (พยากรณ์ครั้งที่ 1) ประกาศออกมาแล้ว เผยแพร่โดย Japan Meteorological Corporation เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2025 ซึ่งเพื่อนๆ สามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการวางแผนการเดินทางปี 2025 ได้ค่ะ

ประกาศพยากรณ์ดอกซากุระบานปี 2025 (พยากรณ์ครั้งที่ 1 : 9 มกราคม 2025)

พยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น 2025

ขอบคุณรูปภาพจาก: JMC (Jpan Meteorological Corporation)

สถานที่ช่วงเวลาที่ซากุระเริ่มบานช่วงเวลาที่ซากุระบานเต็มที่
โตเกียว – Tokyo24 มีนาคม31 มีนาคม
นาโงย่า – Nagoya24 มีนาคม3 เมษายน
เกียวโต – Kyoto27 มีนาคม4 เมษายน
โคจิ – Kochi22 มีนาคม29 มีนาคม
ฟุกุโอกะ – Fukuoka22 มีนาคม31 มีนาคม
โอซาก้า – Osaka27 มีนาคม3 เมษายน
ฮิโรชิมะ – Hiroshima24 มีนาคม3 เมษายน
วากายามะ – Wakayama26 มีนาคม2 เมษายน
คานาซาว่า – Kanazawa2 เมษายน8 เมษายน
นากาโน่ – Nagano11 เมษายน16 เมษายน
คาโกชิมะ – Kagoshima22 มีนาคม2 เมษายน
เซนได – Sendai7 เมษายน13 เมษายน
อาโอโมริ – Aomori21 เมษายน25 เมษายน
ซัปโปโร – Sapporo1 พฤษภาคม5 พฤษภาคม
ดอกซากุระบานหรือดอกซากุระบานเต็มที่แล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก: Release of 2025 Cherry Blossom Forecast (1st forecast) – JMC (Jpan Meteorological Corporation)

การวางแผนการเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงฤดูซากุระบาน

การเดินทางเพื่อไปชมดอกซากุระบานในญี่ปุ่นควรเริ่มวางแผนการท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิล่วงหน้าอย่างน้อย 3-5 เดือน เนื่องจากญี่ปุ่นในช่วงฤดูดอกซากุระบานเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิต ของนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศจำนวนมาก โรงแรมในโตเกียวและเกียวโตจะเต็มอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราจึงต้องรีบจองที่พักทันทีที่มีกำหนดวันเดินทาง และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : livejapan.com, jw-webmagazine.com, n-kishou.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

สถานที่ชม ซากุระ ญี่ปุ่น

สถานที่ชม ซากุระ ญี่ปุ่น

ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ของทุกปี จะเป็นช่วงที่สวยงามอีกช่วงหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น เพราะในสถานที่ต่าง ๆ ในแต่ละภูมิภาคของประเทศญี่ปุ่น จะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันของดอกซากุระ ที่ค่อย ๆ ผลิบาน จากดอกตูมไปจนบานสะพรั่ง 🌸 เต็มไปทั่วพื้นที่ สถานที่ต่าง ๆ จะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีชมพู ไล่จากชมพูเข้ม ชมพูอ่อน จนไปถึงสีขาว แตกต่างกันออกไปตามสายพันธุ์ของต้นซากุระ แน่นอนว่าหลาย ๆ คนอยากไปสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามในฤดูซากุระบานสักครั้งหนึ่ง ทำให้ในหลาย ๆ พื้นที่ ในช่วงดอกซากุระบาน จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ ต้องวางแผนการเดินทางให้ดี สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะไปชมซากุระที่ไหน เพราะพิกัดชม ซากุระ ญี่ปุ่น มีมากกว่า 1,000 แห่ง การเลือกพิกัดสถานที่ที่ดีที่สุดเพียงไม่กี่แห่งอาจเป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ยาก วันนี้ Allianz Travel ได้รวบรวมรายชื่อสถานที่ชมซากุระที่สวยงามตามภูมิภาคต่าง ๆ มาให้เพื่อน ๆ มีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

1. ภาคเหนือของญี่ปุ่น: ฮอกไกโด

  • สวนโมเอเรนุมะ (Moerenuma Park) เมืองซัปโปโร: สวนศิลปะแห่งนี้ออกแบบโดยประติมากรอิซามุ โนกุจิ มีประติมากรรมขนาดใหญ่ และเต็มไปด้วยดอกซากุระสีชมพูสดใสในฤดูใบไม้ผลิ

  • หอคอยและป้อมโกเรียวคาคุ (Goryokaku) เมืองฮาโกดาเตะ: ป้อมสไตล์ฝรั่งเศสรูปดาวแห่งนี้เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งชาติที่รายล้อมไปด้วยดอกซากุระค คุณสามารถขึ้นไปชมวิวความงามของดอกซากุระจากมุมสูงได้จากหอคอยที่มีความสูงถึง 107 เมตร
ซากุระ ญี่ปุ่น : หอคอยและป้อมโกเรียวคาคุ (Goryokaku)
  • สวนสาธารณะอาซาฮิกาโอกะ (Asahigaoka Park) เมืองฟุราโนะ: เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในร้อยทิวทัศน์ที่สวยงามของญี่ปุ่น นำเสนอทัศนียภาพอันงดงามของแอ่งน้ำฟุราโนะ ภูเขาโทคาจิ และต้นซากุระ 3,000 ต้น

  • ภูเขาเท็นกุ (Tengu) เมืองโอตารุ: คุณจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองโอตารุและทะเลญี่ปุ่น และต้นซากุระที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้เกิดภาพที่งดงามมาก

  • สวนอาซาฮิคาวะ (Asahikawa Park) เมืองอาซาฮิคาวะ: สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในฮอกไกโด และเป็นแหล่งรวมต้นซากุระประมาณ 3,500 ต้น ซึ่งช่วงกลางคืนจะมีการประดับไฟดอกซากุระตลอดทั้งฤดูกาล

2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น: ภูมิภาคโทโฮคุ

  • มิฮารุ ทากิซากุระ (Miharu Takizakura) เมืองฟุกุชิมะ: มิฮารุ ทากิซากุระ เป็นหนึ่งในสามของสถานที่ชมซากุระที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น ต้นซากุระอันงดงามที่ห้อยระย้าลงมาตลอดเส้นทางเดินมีอายุมากกว่า 1,000 ปี ที่รอต้อนรับผู้มาเยือน
ซากุระ ญี่ปุ่น : มิฮารุ ทากิซากุระ (Miharu Takizakura) เมืองฟุกุชิมะ
  • ฮิโตเมะเซ็นบงซากุระ (Hitome Senbonzakura) เมืองมิยางิ: คุณจะเห็นต้นซากุระเรียงรายไปกว่า 8 กิโลเมตรตามแม่น้ำชิโรอิชิ โดยมีเทือกเขาซาโอะที่ปกคลุมด้วยหิมะเป็นฉากหลัง
ซากุระ ญี่ปุ่น : ฮิโตเมะเซ็นบงซากุระ (Hitome Senbonzakura) เมืองมิยางิ
  • ซาสวนฮิโรซากิ (Hirosaki Park) เมืองอาโอโมริ: มีต้นซากุระ 52 สายพันธุ์ ราว 2,600 ต้น ซึ่งจะบานเต็มที่ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี คุณจะได้เห็นวิวสวยๆ ของปราสาทฮิโรซากิกับดอกซากุระ และภูเขาอิวากิพร้อมกัน ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมาก

  • คาคุโนะดาเตะ บูเคยาชิกิโดริ (Kakunodate Bukeyashiki-dori) เมืองอาคิตะ: ย่านซามูไรที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ประดับด้วยต้นซากุระสีชมพูตัดกับสีดำของรั้วบ้านซามูไรในช่วงปลายเดือนเมษายน
ซากุระ ญี่ปุ่น : คาคุโนะดาเตะ บูเคยาชิกิโดริ (Kakunodate Bukeyashiki-dori) เมืองอาคิตะ
  • ภูเขาอิวากิ (Mt. Iwaki) เมืองอาโอโมริ: ภูเขาอิวากิซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มีต้นซากุระประมาณ 6,500 ต้นตลอดเส้นทางระยะทาง 20 กม. ซึ่งจะบานสะพรั่งอย่างงดงามตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม

3. ภาคตะวันออกของญี่ปุ่น: ภูมิภาคคันโต-โคชิน

  • สวนสาธารณะแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen National Garden) เมืองโตเกียว: มีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในสวนญี่ปุ่นที่สวยที่สุด มีต้นซากุระประมาณ 1,000 ต้นจาก 65 สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน นำเสนอการภาพที่สวยงามน่าทึ่งในฤดูใบไม้ผลิ

  • สวนอุเอโนะ (Ueno Park) เมืองโตเกียว: มีต้นซากุระประมาณ 1,200 ต้น เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการชมดอกซากุระ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 2 ล้านคนในแต่ละฤดูใบไม้ผลิ โดยเฉพาะช่วงเย็นที่สวยงามด้วยแสงไฟตกแต่งส่องสว่างไปทั่ว
ซากุระ ญี่ปุ่น : สวนอุเอโนะ (Ueno Park) เมืองโตเกียว
  • แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River) เมืองโตเกียว: มีต้นซากุระประมาณ 800 ต้นบานสะพรั่งอย่างสวยงามไปตามริมแม่น้ำยาว 3.8 กิโลเมตร พร้อมด้วยร้านอาหารและเครื่องดื่มให้นั่งชมวิวในบริเวณใกล้เคียง
ซากุระ ญี่ปุ่น : แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River) เมืองโตเกียว
  • สวนสาธารณะโยโยกิ (Yoyoki Park) เมืองโตเกียว: สวนสาธารณะโยโยกิเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว ผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันภายใต้ดอกซากุระที่บานสะพรั่งเพื่อสังสรรค์กัน

  • สวนริคุงิเอน (Rikugien Gardens) เมืองโตเกียว: สวนภูมิทัศน์ญี่ปุ่นอันเงียบสงบและเก่าแก่แห่งนี้เป็นสถานที่พิเศษที่มีทัศนียภาพอันงดงามของต้นซากุระที่ผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ

4. ภาคกลางของญี่ปุ่น: ภูมิภาคโฮคุริคุและโทไก

  • ปราสาทอุเอดะ (Ueda Castle) เมืองนากาโนะ: ปราสาทอุเอดะสร้างขึ้นในปี 1583 ประดับด้วยต้นซากุระกว่า 1,000 ต้นที่สร้างปรากฏการณ์อันน่าทึ่งในแต่ละฤดูใบไม้ผลิ
ซากุระ ญี่ปุ่น : ปราสาทอุเอดะ (Ueda Castle) เมืองนากาโนะ
  • ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) เมืองนากาโนะ: ปราสาทมัตสึโมโต้ถือเป็นสถานที่ชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียงและมีนักท่องเที่ยวจากในประเทศและต่างประเทศเดินทางมาชมดอกซากุระกันอย่างเนืองแน่น และที่บริเวณสวนฮงมารุ ซึ่งอยู่ด้านในบริเวณปราสาทมัตสึโมโต้ จะมีการจัดงานชมดอกซากุระพร้อมจิบชายามค่ำคืน โดยจะมีการประดับไฟไลท์อัพที่ต้นซากุระและตัวปราสาท
ซากุระ ญี่ปุ่น : ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) เมืองนากาโนะ
  • อุทยานซากปราสาททาคาโตะ (Takato Castle Ruins Park) เมืองนากาโนะ: สวนแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งใน 100 จุดชมซากุระชั้นนำของญี่ปุ่น มีต้นซากุระประมาณ 1,500 ต้น

  • สวนเค็นโรคุเอ็น (Kenrokuen Garden) เมืองอิชิคาวะ: หนึ่งในสามสวนที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น มีพันธุ์ซากุระประมาณ 40 สายพันธุ์และต้นซากุระ 420 ต้น ซึ่งจะบานในช่วงกลางเดือนเมษายน นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 100 จุดชมซากุระที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : สวนเค็นโรคุเอ็น (Kenrokuen Garden) เมืองอิชิคาวะ
  • วัดเซนโกจิ (Shinshu Zenkoji) เมืองนากาโนะ: วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 642 ล้อมรอบด้วยต้นซากุระที่สวยงามและดอกซากุระบานสะพรั่ง ท่ามกลางหุบเขาอันร่มรื่น สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณจากผู้คนที่มีมาสักการะเป็นประจำตั้งแต่ 1,400 ปีก่อน

5. ภาคตะวันตกตอนกลางของญี่ปุ่น: ภูมิภาคคันไซ/คินกิ

  • ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) เมืองเฮียวโงะ: ปราสาทฮิเมจิมีชื่อเสียงในเรื่องต้นซากุระกว่า 1,000 ต้น เป็นประสบการณ์การชมดอกซากุระที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงการล่องเรือไปตามคูน้ำใต้กลีบสีชมพูในช่วงเทศกาลดอกซากุระ
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) เมืองเฮียวโงะ
  • วัดโทจิ (To-ji Temple) เมืองเกียวโต: วัดโทจิมีเจดีย์ไม้ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ล้อมรอบด้วยต้นซากุระที่สวยงามประมาณ 200 ต้น ทำให้เกิดเป็นฉากที่สวยงาม คุณสามารถเพลิดเพลินกับวิวดอกซากุระขณะรับประทานอาหารที่ร้านอาหารเกียวโตในบริเวณใกล้เคียง
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : วัดโทจิ (To-ji Temple) เมืองเกียวโต
  • วัดนินนาจิ (Ninna-ji Temple) เมืองเกียวโต: วัดนินนาจิมีชื่อเสียงจากต้นซากุระโอมูโระ ที่ออกดอกช้าหลากหลายพันธุ์ โดยมีเจดีย์ห้าชั้นตั้งอยู่ สถานที่งดงามราวภาพวาดแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามระดับชาติ และเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระ 100 อันดับแรกของญี่ปุ่น
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : วัดนินนาจิ (Ninna-ji Temple) เมืองเกียวโต
  • วัดโยชิมิเนะเดระ (Yoshimine-dera Temple) เมืองเกียวโต: วัดนี้ก่อตั้งในปี 1029 มีชื่อเสียงในเรื่องดอกซากุระบานสะพรั่งอย่างสวยงาม และตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาทางตะวันตกของเกียวโต

  • ภูเขาโยชิโนะ (Mount Yoshino) เมืองนารา: ภูเขาโยชิโนะมีต้นซากุระป่าสีขาวประมาณ 30,000 ต้นแผ่กระจายไปทั่วหุบเขาและสันเขา นำเสนอทิวทัศน์ดอกซากุระอันงดงามในฤดูใบไม้ผลิ
ซากุระ ญี่ปุ่น : ภูเขาโยชิโนะ (Mount Yoshino) เมืองนารา

6. ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น: ภูมิภาคชูโงะคุ และชิโกะคุ

  • ปราสาทมัตสึยามะ (Matsuyama Castle) เมืองเอฮิเมะ: 1 ใน 12 ปราสาทซึ่งสร้างขึ้นก่อนสมัยเอโดะที่ยังเหลืออยู่ปราสาทมัตสึยามะเป็นสถานที่งดงามสำหรับการชมดอกซากุระ ที่ประดับประดาอยู่จำนวนมาก เป็นการผสมผสานความงามตามธรรมชาติและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่สวยงาม
พยากรณ์ ซากุระ 2024 ญี่ปุ่น : ปราสาทมัตสึยามะ (Matsuyama Castle) เมืองเอฮิเมะ
  • สวนริตสึริน (Ruitsurin Garden) เมืองคากาวะ: ขึ้นชื่อในเรื่องความงดงามของภูมิทัศน์อันเงียบสงบ ทางเดินและสระน้ำที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และเสริมแต่งด้วยต้นซากุระที่บานสะพรั่ง ทำให้เกิดบรรยากาศอันเงียบสงบและงดงามสำหรับผู้มาเยือน

7. ภาคตะวันตกของญี่ปุ่น: ภูมิภาคคิวชู

ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle) เมืองคุมาโมโตะ: หนึ่งในปราสาทที่โดดเด่นที่สุดของญี่ปุ่น พื้นที่อันกว้างขวางของปราสาทเต็มไปด้วยต้นซากุระ ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางหลักสำหรับการสัมผัสกับความงามอันน่าทึ่งของดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิท่ามกลางสถาปัตยกรรมเก่าแก่

การเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงซากุระบาน เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่น่าประทับใจ สถานที่ต่าง ๆ ในญี่ปุ่นจะถูกแต่งแต้มไปด้วยดอกซากุระที่บานสะพรั่ง และงดงาม เพื่อไม่ให้พลาดกับช่วงเวลาพิเศษนี้ เราควรวางแผนการเดินทางล่วงหน้า และอัปเดตข้อมูลตาราง พยากรณ์ซากุระ ในแต่ละปี ให้ดี เพราะในแต่ละปี ซากุระอาจบานเร็ว หรือ ช้า ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละภูมิภาค และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลท์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : livejapan.com, jw-webmagazine.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น 2024 - Autumn Foliage Forecast in Japan 2024

พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น 2024 ล่าสุด! [ครั้งที่ 3 : 30 ตุลาคม 2024]

ฤดูกาลของการชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น ใกล้มาถึงแล้ว JMC (Japan Meteorological Corporation) ได้เผยแพร่ข้อมูล พยากรณ์ ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น 2024 ฉบับล่าสุด (ครั้งที่ 3) ของปี 2024 ออกมาแล้ว เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2024 เพื่อนๆ คนไหนที่วางแผนจะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ประเทศญี่ปุ่น สามารถใช้ข้อมูลจากการพยากรณ์ ใบไม้เปลี่ยนสี ในประเทศญี่ปุ่น ปี 2024 จาก JMC เป็นตัวช่วยในการวางแผนการเดินทางได้นะคะ เพื่อให้เพื่อนๆ ไม่พลาดที่จะได้ไปชมความสวยงามในสถานที่ต่างๆ ในญี่ปุ่น ที่เต็มไปด้วยสีสันของใบไม้หลากสีสันในช่วงฤดูใบไม้ร่วงกันค่ะ ทาง Allianz Travel จะอัพเดทข้อมูลการพยากรณ์ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสีมาให้เพื่อนๆ ได้คอยอัพเดทและใช้สำหรับการวางแผนการเดินทาง ในบทความนี้ค่ะ : )

หมายเหตุ: ข้อมูล พยากรณ์ ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ปี 2024 อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพอากาศ ฝน และลม ในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนสีของใบไม้ ซึ่งอาจทำให้ใบไม้เปลี่ยนสีเร็วขึ้นหรือช้าลงได้ ดังนั้นเราควรตรวจสอบข้อมูลการพยากรณ์ ใบไม้เปลี่ยนสีและอัพเดทข่าวสารเป็นระยะๆ เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจ ในการกำหนดช่วงเวลาของการเดินทางไปชมใบไม้เปลี่ยนสี ในประเทศญี่ปุ่น

ไปชม ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ช่วงเวลาไหนดี ?

Japan Meteorological Corporation ได้ทำการพยากรณ์ช่วงเวลาในการเริ่มชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่นตามเมืองและภูมิภาคต่างๆ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนธันวาคมจากเหนือจรดใต้ของประเทศญี่ปุ่น แต่ละสถานที่ จะมีช่วงเวลาที่ใบไม้มีสีสันสดใสประมาณ 2 สัปดาห์หรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในช่วงเวลานั้นๆ ในแต่ละปี ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนจะเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางไปชมใบไม้เปลี่ยนสี ในประเทศญี่ปุ่น มากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่จะได้สัมผัสกับสีสันความสวยงามของใบไม้ที่เปลี่ยนสีไปทั่วประเทศญี่ปุ่น

ใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น จะมี 2 ช่วงด้วยกัน ได้แก่ ใบไม้สีเหลือง (ต้นแปะก๊วย) ในช่วงปลายเดือนตุลาคม ตามมาด้วยใบไม้สีแดง (เมเปิ้ลญี่ปุ่น) ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน สีของใบไม้บนยอดเขาจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาค ซึ่งได้รับอิทธิพลจากระดับความสูงและสภาพอากาศของแต่ละพื้นที่ และในบางปีใบไม้เปลี่ยนสีอาจเกิดช้าไปจนถึงปลายเดือนพฤศจิกายนหรือต้นเดือนธันวาคมเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี

หากเพื่อนๆ ท่านไหนยังไม่รู้ว่าจะแพลนไปชมใบไม้เปลี่ยนสี ในญี่ปุ่น ที่ไหนดี Allianz Travel รวบรวมรายละเอียดสถานที่ ที่คุณสามารถวางแผนทริป เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสีของคุณโดยประมาณ ได้จากบทความด้านล่างนี้เลยค่ะ

25 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น พร้อมวิธีการเดินทาง

25 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น พร้อมวิธีการเดินทาง

ตารางพยากรณ์ช่วงเวลา ใบไม้เปลี่ยนสี ในญี่ปุ่นปี 2024

ตารางพยากรณ์ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่นในปี 2024 ครั้งล่าสุด (พยากรณ์ครั้งที่ 3) ประกาศออกมาแล้ว เผยแพร่โดย Japan Meteorological Corporation เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2024 ซึ่งเพื่อนๆ สามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการวางแผนการเดินทางไปชมใบไม้เปลี่ยนสี ปี 2024 ได้ค่ะ

ประกาศพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี ปี 2024 (พยากรณ์ครั้งที่ 3 : 30 ตุลาคม 2024)

แผนที่พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี “สีแดง”

แผนที่พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี "สีแดง"

แผนที่พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี “สีเหลือง”

แผนที่พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี "สีเหลือง"

ขอบคุณรูปภาพจาก: JMC (Jpan Meteorological Corporation)

สถานที่ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี “สีแดง”ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี “สีเหลือง”
ซัปโปโร – Sapporo8 พฤศจิกายน6 พฤศจิกายน
อาโอโมริ – Aomori18 พฤศจิกายน9 พฤศจิกายน
เซนได – Sendai1 ธันวาคม3 ธันวาคม
โตเกียว – Tokyo5 ธันวาคม29 พฤศจิกายน
คานาซาว่า – Kanazawa4 ธันวาคม15 พฤศจิกายน
นากาโน่ – Nagano28 พฤศจิกายน20 พฤศจิกายน
นาโงย่า – Nagoya8 ธันวาคม22 พฤศจิกายน
เกียวโต – Kyoto16 ธันวาคม2 ธันวาคม
โอซาก้า – Osaka8 ธันวาคม28 พฤศจิกายน
วากายามะ – Wakayama16 ธันวาคม30 พฤศจิกายน
ฮิโรชิม่า – Hiroshima3 ธันวาคม24 พฤศจิกายน
โคชิ – Kochi14 ธันวาคม20 พฤศจิกายน
ฟุกุโอกะ – Fukuoka13 ธันวาคม1 ธันวาคม
คาโกชิมะ – Kagoshima18 ธันวาคม2 ธันวาคม

ขอบคุณข้อมูลจาก: Release of 2024 Autumn Foliage Forecast (3rd forecast) – JMC (Jpan Meteorological Corporation)

การวางแผนการเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

การเดินทางเพื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เราควรเริ่มวางแผนการท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วงล่วงหน้าอย่างน้อย 3-5 เดือน เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ต้องการเดินทางเพื่อไปสัมผัสความสวยงามของสถานที่ต่างๆ ที่ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่พักตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จะเต็มอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราจึงต้องรีบวางแผนการเดินทางและจองที่พักตามสถานที่ ที่เราต้องการเดินทางไปให้พร้อม และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีติดตัวไว้ก็คือ ประกันภัยการเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : n-kishou.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

14 จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิในโตเกียวและบริเวณใกล้เคียง

14 จุดชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียวและบริเวณใกล้เคียง

ภูเขาไฟฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น เป็นสัญลักษณ์ของความงาม ความแข็งแกร่ง และความสงบมายาวนาน ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีความสูง 3,776 เมตร และได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับศิลปิน กวี และนักเดินทางมากมาย ภูเขาไฟฟูจิก็เป็นฉากหลังที่สวยงามตระการตาสำหรับช่างภาพและผู้ที่รักธรรมชาติเช่นเดียวกัน

หากคุณกำลังวางแผนเดินทางไปญี่ปุ่นและต้องการถ่ายภาพภูเขาฟูจิเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม การได้ไปที่จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่ดีที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณทะเลสาบที่เห็นเงาสะท้อนยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะของภูเขาไฟฟูจิ หรือด้านในหมู่บ้านแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม Allianz Travel พาคุณไปชม 14 จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิในโตเกียวและบริเวณใกล้เคียง โดยแต่ละจุดก็มีมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างภาพมืออาชีพ หรือแค่ชอบถ่ายภาพสวยๆ สถานที่เหล่านี้จะช่วยให้คุณถ่ายภาพภูเขาไฟฟูจิออกมาได้อย่างสวยงาม

ข้อควรรู้ก่อนวางแผนไปชม ภูเขาไฟฟูจิ

ภูเขาไฟฟูจิซ่อนตัวจากโตเกียวในฤดูร้อน

ถ้าคุณมีจุดหมายไปทางอยู่ที่โตเกียวในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนกันยายน คุณอาจจะไม่ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ เนื่องจากในช่วงเวลานี้จะมีความชื้นสูง และมีหมอกเยอะ ทำให้การชมภูเขาไฟฟูจิจากโตเกียวเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก คุณอาจแทบไม่เห็นเงาของภูเขาไฟฟูจิท่ามกลางหมอกเลย ยกเว้นในบางโอกาส อย่างเช่น หลังฝนตกหนักในฤดูร้อน เป็นต้น แต่อย่าทำให้เรื่องเหล่านี้ทำให้คุณผิดหวังจนล้มเลิกแผนการท่องเที่ยวญี่ปุ่น เพราะคุณสามารถเดินทางไปยังสถานที่อื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง และที่สำคัญ คุณจะไม่ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิไม่ว่าจะเป็นฤดูใดและไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เมื่ออากาศมีฝนตกและมีเมฆมาก

หิมะที่ปกคลุมภูเขาไฟฟูจิจะหายไปในฤดูร้อน

ถ้าคุณไปที่ยวญี่ปุ่นในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน คุณอาจจะผิดหวังกับภาพภูเขาไฟฟูจิที่คุณได้เห็น เนื่องจากภูเขาไฟฟูจิจะไม่มีหิมะปกคลุม ภาพภูเขาไฟฟูจิที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสวยงามที่เคยเห็นตามภาพโปสเตอร์ จะเปลี่ยเป็นสีน้ำตาลและดูแห้งแล้ง เนื่องจากหิมะสีขาวระยิบระยับส่วนใหญ่จะละลายในฤดูร้อน ยกเว้นบริเวณยอดเขาที่ยีงมีหิมะหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ก็น้อยมาก จนคุณไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนแม้จะอยู่ใกล้ๆ ก็ตาม

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว

1. อาคารรัฐบาลกรุงโตเกียว (ชินจูกุ)

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Tokyo Skyline

หนึ่งในจุดชมภูเขาไฟฟูจิที่ดีที่สุดคืออาคารรัฐบาลกรุงโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government Building) หรือเรียกย่อๆ ว่าโทโช (Tocho) อยู่ทางด้านตะวันตกของชินจูกุ เหตุผลที่หลายคนแนะนำว่าที่นี่เป็นสถานที่ชมภูเขาไฟฟูจิที่ดีที่สุดจากโตเกียวก็เพราะไม่เพียงแต่ได้ชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงาม แต่ยังเป็นเพราะเข้าชมได้ฟรีอีกด้วย 

ด้านบนของอาคารหลักของโทโชแยกออกเป็น 2 ทาวเวอร์ (ทาวเวอร์เหนือและทาวเวอร์ใต้) ซึ่งแยกกันทั้งแต่ชั้นที่ 33 ทั้งสองทาวเวอร์มี 48 ชั้น และชั้นชมวิวอยู่ที่ชั้นที่ 45 ที่ความสูง 202 เมตร แต่ทาวเวอร์เหนือปิดให้ขึ้นไปชมวิวตั้งแต่เดือนเมษายน 2023 ควรตรวจสอบวันทำการก่อนไป เพราะบางวันชั้นชมวิวปิดให้บริการเนื่องจากมีงานพิเศษ และทางอาคารโทโชขอให้ไม่ใช้ขาตั้งกล้องหรืออุปกรณ์ถ่ายภาพ

การขึ้นไปที่ชั้นชมวิว คุณต้องไปขึ้นลิฟต์สำหรับไปที่ชั้นชมวิวโดยเฉพาะ ซึ่งอยู่ที่ชั้น 1 ของอาคารหลัก หลังออกจากลิฟต์แล้ว ให้เดินไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นเป็นทิศที่คุณจะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิจากระยะไกลได้ คุณควรไปช่วงเช้าในวันที่อากาศแจ่มใส เพราะจะทำให้คุณมีโอกาสได้เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้ดีที่สุด

นอกจากชมวิวภูเขาไฟฟูจิแล้ว คุณจะได้เห็นทิวทัศน์ของเมืองโตเกียวจากที่กว้างใหญ่ไพศาลจากมุมสูง ตัวอย่างเช่น คุณจะมองเห็นโตเกียวสกายทรีทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และโตเกียวทาวเวอร์ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

วิธีการเดินทาง:
อาคารรัฐบาลกรุงโตเกียวอยู่ห่างจากสถานีชินจูกุโดยการเดินเท้า 10 นาที หรือเดินจากสถานีนิชิชินจูกุ (Nishi Shinjuku) บนสายมารุโนะอุจิ (Marunouchi Line) โดยใช้เวลาประมาณ 12 นาที

ที่อยู่: 2 Chome-8-1 Nishishinjuku, Shinjuku City, Tokyo

โทร: 0353207890

เวลาทำการ:
9.30-22.00 น. (ปิดวันอังคารที่ 1 และ 3 ของเดือน และช่วงวันหยุดปีใหม่ 29 ธันวาคมถึง 3 มกราคม)

ค่าเข้าชม: ฟรี

2. อาคารแครอท (Carrot Tower) ย่านซังเก็นจายะ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Carrot Tower

อาคารแครอท (Carrot Tower) ตั้งอยู่ในย่านซังเก็นจายะ (Sangenjaya) ที่อยู่ไม่ไกลจากย่านชิบูย่ามากนัก หากเดินทางด้วยรถไฟ แต่ก็ไม่ใช่จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามอาคารแครอทถือเป็นสถานที่แนะนำเนื่องจากสามารถขึ้นไปที่จุดชมวิว Sky Carrot Observation Deck ชั้น 26 ได้ฟรี แม้ว่าจะสูงแค่ 120 เมตร แต่ก็ไม่มีอาคารสูงอื่น ๆ ขวางทางชมวิว ซึ่งคุณจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์เส้นขอบฟ้าของโตเกียว โดยเฉพาะย่านชิบูย่า และรวมถึงภูเขาไฟฟูจิซึ่งเป็นจุดดึงดูดหลักด้วย

วิธีการเดินทาง:
การเดินทางไปยังซังเก็นจายะนั้นค่อนข้างง่ายโดยขึ้นรถบัสหรือรถไฟจากชิบูย่าสายเดนเอ็นโตชิ (Denentoshi Line) รถบัสใช้เวลาประมาณ 8 นาที ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร และรถไฟใช้เวลาประมาณ 4 นาที อาคารแครอททาวเวอร์อยู่ห่างจากสถานีซังเก็นจายะโดยการเดินเท้า 3 นาที ทั้งนี้ ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าอาคารไม่ได้ปิดให้บริการ เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบหรือซ่อมบำรุง

ที่อยู่: 4-1-1 Chome, Taishido, Setagaya City, Tokyo

เวลาทำการ: 9.30-23.00 น. (ปิดวันพุธที่ 2 ของเดือน และช่วงวันหยุดปีใหม่)

ค่าเข้าชม: ฟรี

3. ชิบูย่าสกาย ย่านชิบูย่า

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Shibuya Sky

สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ล่าสุดของย่านชิบูย่า กรุงโตเกียว คือชิบูย่าสกาย (Shibuya Sky) จุดชมวิวกลางแจ้งบนดาดฟ้าแบบเปิดโล่ง 360 องศา ที่มีความสูง 229 เมตร ตั้งอยู่บนชั้น 47 (ชั้นบนสุด) ของอาคารชิบุย่าสครัมเบิลสแควร์ (Shibuya Scramble Square) ที่นี่คือจุดชมวิวบนดาดฟ้ากลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นที่ทำให้คุณต้องร้องว้าว คุณจะได้ชมทิวทัศน์อันสวยงามตระการตาเหนือของกรุงโตเกียวแบบพาโนรามา นอกจากมองลงไปเห็นทางข้ามม้าลายยักษ์ห้าแยกชิบูย่า พระราชวังอิมพีเรียลที่ล้อมรอบด้วยป่าอันอุดมสมบูรณ์ โตเกียวสกายทรี และในวันที่อากาศแจ่มใส ที่นี่เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการชมทิวทัศน์และจุดถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียวอีกด้วย

ชิบุยะสกายยามค่ำคืนจะมีการแสดงแสงไฟ “CROSSING LIGHT” ทุก 30 นาทีตั้งแต่เวลา 19:00 น. ของทุกวัน และการแสดงจะแตกต่างกันไปตามฤดูกาล จุดถ่ายรูปยอดนิยมคือบันไดเลื่อนกระจกที่ขึ้นไปยังดาดฟ้า และมุมที่เรียกว่าสกายเอดจ์ก็เป็นจุดที่เหมาะสำหรับถ่ายรูปลงอินสตาแกรมเช่นกัน นอกจากนี้ สถานที่แห่งนี้ยังมีบริการถ่ายรูปโดยมืออาชีพอีกด้วย

ช่วงเวลาที่เหมาะที่จะไปเยือนชิบูย่าสกายน่าจะเป็นช่วง 30 นาทีก่อนพระอาทิตย์ตก แต่เนื่องจากเป็นช่วงเวลายอดนิยม ดังนั้นอย่าลืมเผื่อเวลาในการต่อคิวไว้ด้วย แนะนำให้จองตั๋วไปล่วงหน้า พระอาทิตย์ตกดินเร็วที่สุดในโตเกียวในช่วงต้นเดือนธันวาคม เวลาประมาณ 16:30 น. และตกดินช้าที่สุดในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม เวลาประมาณ 19:00 น.

วิธีการเดินทาง:
นั่งรถไฟลงสถานีชิบูย่า เดินอีก 1 นาที ตั้งอยู่ในตึก Shibuya Scramble Square

ที่อยู่: 2-24-12 Shibuya, Shibuya , Tokyo 150-0002

เวลาทำการ: 10.00-22.30 น. ต้องเข้าก่อน 21.20 น. (ปิดวันปีใหม่ และอาจมีเปลี่ยนแปลงเวลาได้)

ค่าเข้าชม:
ผู้ใหญ่ 2,500 เยน เด็กมัธยม 2,000 เยน
เด็กประถม 1,200 เยน (ซื้อหน้าเคาน์เตอร์ในวันเข้าชม)
เด็กอายุ 3-5 ขวบ 700 เยน (ซื้อหน้าเคาน์เตอร์ในวันเข้าชม)
เด็กอายุต่ำว่า 3 ขวบ ฟรี

เว็บไซต์: https://www.shibuya-scramble-square.com

4. อาคารซันไชน์ 60 ย่านอิเคบุคุโระ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Sunshine 60 Observatory Tembo Park

จุดชมวิวซันไชน์ 60 (Sunshine 60 Observatory Tembo Park) อยู่บนชั้น 60 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของอาคารซั้นไชน์ 60 (Sunshine 60) อยู่สูง 251 เมตร เหนือตัวเมือง ถูกออกแบบให้เป็นสวนธารณะในร่มที่ล้อมรอบไปด้วยท้องฟ้า ที่คุณสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี และทิวทัศน์จะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา ฤดูกาล และสภาพอากาศ พื้นที่หลักคือส่วนที่เรียกว่า เท็นโบ-โนะ-โอกะ (Tembo no Oka) ซึ่งเป็นภาษาญี่ปุ่นแปลว่าเนินชมวิว คุณสามารถปูเสื่อปิกนิกบนพื้นหญ้าเทียม หรือนั่งบนโซฟา เก้าอี้ หรือม้านั่ง และชมวิวที่อยู่ภายนอกหน้าต่างโดยรอบ ซึ่งคุณสามารถมองเห็นเมืองด้านล่างและภูเขาไฟฟูจิในระยะไกลได้ในวันที่อากาศแจ่มใส

อาคารซันไชน์ 60 อยู่ห่างจากสถานีอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro) โดยระยะเดิน 8 นาที ที่ทางออกจากสถานีใต้ดินจะมีป้ายบอกทางไปยังอาคารซันไชน์ 60 ทางออก 35 เป็นทางออกที่ใกล้ที่สุด หากคุณขึ้นสายยูราคุโจ (Yurakucho Line) ให้ลงที่สถานีฮิกาชิ-อิเคะบุคุโระ (Higashi Ikebukuro) จากนั้นเดินต่อประมาณ 3 นาทีก็จะถึงซันไชน์ซิตี้

วิธีการเดินทาง:
สถานี Higashi-Ikebukuro (สาย Yurakucho) ทางออก 6 หรือ 7; สถานี Ikebukuro ทางออกทิศตะวันออก

ที่อยู่: Sunshine 60 Bldg 60F, 3-1 Higashi-Ikebukuro, Toshima-ku, Tokyo

เวลาทำการ: 11.00-21.00 น. (เข้าก่อน 20.00 น.)

ค่าเข้าชม:
วันจันทร์-ศุกร์ ผู้ใหญ่ 700 เยน นักเรียนมัธยมต้นและประถมศึกษา 500 เยน
วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด ผู้ใหญ่ 900 เยน นักเรียนมัธยมต้นและประถมศึกษา 600 เยน

เว็บไซต์: https://sunshinecity.jp/en/observatory/ticket/

5. อาคารโมริทาวเวอร์ ย่านรปปงหงิ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Mori Tower - Roppongi

อีกหนึ่งจุดชมวิวยอดนิยมของกรุงโตเกียว คือจุดชมวิวบนอาคารโมริทาวเวอร์ (Mori Tower) อาคารสำนักงานรูปทรงทันสมัยในศูนย์การค้ารปปงหงิฮิลล์ (Roppongi Hills) ที่นี่มีจุดชมวิว 2 จุดที่คุณสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ คือบริเวณ Tokyo City View ชั้น 52 เป็นพื้นที่ชมวิวในร่มสูง 250 เมตร แต่หากต้องการชมวิวที่สูงกว่านั้น คุณสามารถขึ้นไปบน Sky Deck ซึ่งเป็นจุดชมวิวกลางแจ้งบนชั้นดาดฟ้าที่สูง 270 เมตร เนื่องจากบริเวณนี้เป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ทำให้สามารถมองเห็นเมืองและภูเขาไฟฟูจิแบบเปิดกว้าง 360 องศาในวันที่อากาศแจ่มใส 

หลังจากชมวิวแล้ว คุณอาจจะแวะชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริ (Mori Art Museum) ที่ชั้น 53 (ซื้อตั๋วเข้าชมเพิ่มเติม) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศิลปะร่วมสมัยของศิลปินต่างประเทศ รวมถึง ภาพวาด การออกแบบและสถาปัตยกรรม นิทรรศการภาพถ่าย เป็นต้น

วิธีการเดินทาง:

  • Tokyo Metro สาย Hibiya: สถานี Roppongi ทางออกที่ 1C (0 นาที)
  • Toei Oedo Line สถานี Roppongi: ทางออกที่ 3 (4 นาที)
  • Toei Oedo Line สถานี Azabu-juban: ทางออกที่ 7 (4 นาที)
  • Tokyo Metro Namboku Line สถานี Azabu-juban: ทางออกที่ 4 (7 นาที)
  • Tokyo Metro Chiyoda Line สถานี Nogizaka: ทางออกที่ 5 (8 นาที)

ที่อยู่: 6-10-1, Roppongi, Minato-ku, Tokyo

เวลาทำการ:
Tokyo City View ชั้น 52: 10.00-22.00 น. (เข้าก่อน 21.30 น.) 
Sky Deck: 11.00-20.00 น. (เข้าก่อน 19.30 น.) 
วันและเวลาทำการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

ค่าเข้าชม:
วันจันทร์-ศุกร์ ผู้ใหญ่ 1,800 เยน นักเรียน 1,300 เยน เด็ก 700 เยน ผู้สูงอายุ 1,500 เยน
วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด ผู้ใหญ่ 2,000 เยน นักเรียน 1,400 เยน เด็ก 800 เยน ผู้สูงอายุ 1,700 เยน

เว็บไซต์: https://tcv.roppongihills.com/en/

6. โตเกียวทาวเวอร์ ย่านมินาโตะ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Tokyo Tower

โตเกียวทาวเวอร์มีความสูง 333 เมตร สร้างเสร็จในปี 1958 นั้น เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นฟูโตเกียวหลังสงคราม ในยุคที่สร้างเสร็จใหม่ๆ ถือเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลกโดยสูงกว่าหอไอเฟลถึง 13 เมตร ปัจจุบัน ถึงแม้ว่าความสูงจะแพ้โตเกียวสกายทรี แต่ที่นี่ก็ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและจุดถ่ายรูปยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว โตเกียวทาวเวอร์แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือ Foot Town ศูนย์การค้า 4 ชั้นที่ตั้งอยู่ด้านล่างของหอคอย เป็นที่รวมแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และความบันเทิงต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลิน ส่วนที่ 2 คือ Main Deck เป็นจุดชมวิวสูง 150 เมตร ที่คุณสามารถชมความงดงามของทิวทัศน์รอบเมืองโตเกียว และมองลงไปเบื้องล่างผ่านพื้นกระจก Skywalk Windows และส่วนบนสุด Top deck จุดชมวิวพิเศษที่ความสูง 250 เมตร เพื่อชมทิวทัศน์แบบพาโนรามา และหากสภาพอากาศแจ่มใส คุณจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากจุดชมวิวทั้ง 2 ชั้นเลยค่ะ

วิธีการเดินทาง:

  • สถานี Onarimon (สาย Mita) สถานี Akabanebashi (สาย Oedo) สถานี Kamiyacho (สาย Hibiya) และเดินต่อประมาณ 5-10 นาที 
  • สถานี Daimon (สาย Asakusa) เดินต่อประมาณ 10 นาที
  • สถานี JR Hamamatsucho เดินต่อประมาณ 15 นาที 

ที่อยู่: 4 Chome-2-8 Shibakoen, Minato City, Tokyo

เวลาทำการ:
Main Deck 9.00-23.00 น. (เข้าก่อน 22.30 น.)
Top Deck 9.00-22.45 น. (ทัวร์รอบสุดท้าย 22.00-22.15 น.) 

เว็บไซต์: https://en.tokyotower.co.jp/

ค่าเข้าชม:

ประเภทผู้ใหญ่เด็กมัธยมปลายเด็กประถมและมัธยมต้นเด็ก (อายุ 4 ขวบขึ้นไป)
Main Desk (150 ม.)1,500 เยน1,200 เยน900 เยน600 เยน
Top Deck Tour (150 ม. และ 250 ม.) 3,300 เยน (เว็บ) 3,500 เยน (เคาน์เตอร์)3,100 เยน (เว็บ) 3,300 เยน (เคาน์เตอร์)2,100 เยน (เว็บ) 2,300 เยน (เคาน์เตอร์)1,500 เยน (เว็บ) 1,700 เยน (เคาน์เตอร์)
Tokyo Diamond Tour (150 ม. และ 250 ม.) (ทัวร์พิเศษทุกชั่วโมงตั้งแต่  12.00-18.00 น. ปิด 22.45 น.)7,000 เยน6,500 เยน4,700 เยน3,000 เยน

7. โตเกียวสกายทรี ย่านสุมิดะ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Tokyo Skytree

โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) หอส่งสัญญาณโทรทัศน์ที่มีความสูง 634 เมตร เป็นหอคอยที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น เปิดให้บริการในปี 2012 จากบนชั้นชมวิว คุณไม่เพียงแต่จะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ในวันที่อากาศแจ่มใสเท่านั้น แต่ยังสามารถมองเห็นภูมิภาคคันโตได้ทั้งหมดในทุกทิศทางอีกด้วย โตเกียวสกายทรีเปิดให้ขึ้นไปชมวิวได้อยู่ 2 ชั้น คือ Tembo Deck ที่ความสูง 350 เมตร ที่มีทั้งหน้าต่างชมวิว ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหาร และ Tembo Galleria ที่ความสูง 450 เมตร ซึ่งมีทางเดินวนที่คุณค่อยๆ เดินไปจนถึงความสูง 451.2 เมตร ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในการชมวิว

วิธีการเดินทาง:

  • สถานี Tokyo Skytree (สาย Tobu Skytree)
  • สถานี Oshiage (สาย Keisei หรือ Tokyo Metro Hanzomon หรือ Toei Asakusa)
  • สถานี Asakusa (สาย Tokyo Metro Ginza)
  • นั่ง Skytree Shuttle จาก สถานี Tokyo ย่าน Ueno-Asakusa สนามบิน Haneda และ Tokyo Disney resort

ที่อยู่: 1-chōme-1-2 Oshiage, Sumida City, Tokyo

เวลาทำการ: 10.00-22.00 น. ต้องเข้าก่อน 21.00 น.

ค่าเข้าชม:
Tembo Deck: ซื้อล่วงหน้า 2,100 เยน / ซื้อหน้างาน 2,400 เยน
Tembo Deck + Tembo Galleria: ซื้อล่วงหน้า 3,100 เยน / ซื้อหน้างาน 3,500 เยน

เว็บไซต์: https://www.tokyo-skytree.jp/en/

สถานที่ชมภูเขาไฟฟูจินอกเมืองโตเกียว

8. ทะเลสาบคาวากูจิ จังหวัดยามานาชิ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Lake Kawaguchi

ทะเลสาบคาวากูจิ (Lake Kawaguchi) เป็นหนึ่งในห้าทะเลสาบที่ล้อมรอบภูเขาไฟฟูจิ ที่สามารถชมความงดงามของภูเขาไฟฟูจิได้ตลอดทั้งปี ไฮไลท์ของการเที่ยวชมทะเลสาบคาวากูจิคือการชมภูเขาไฟฟูจิจากมุมต่างๆ ทั้งจากการนั่งกระเช้าลอยฟ้า หรือการนั่งเรือท่องเที่ยวในทะเลสาบ นอกจากชมทัศนียภาพอันตระการตาของภูเขาไฟฟูจิแล้ว คุณอาจเดินเล่นรอบทะเลสาบซึ่งมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารที่ให้บริการอาหารท้องถิ่น เช่น โฮโตะ (บะหมี่ถ้วยที่เสิร์ฟพร้อมเนื้อสัตว์และผัก เช่น สควอช ในน้ำซุปมิโซะ) นอกจากนี้ยังมีขนมหวานอีกหลายชนิด ชิงเงนโมจิเป็นเค้กข้าวชนิดหนึ่งที่นุ่มและเคี้ยวหนึบ โรยด้วยคินาโกะ (ผงถั่วเหลืองคั่ว) ที่ให้รสชาติเหมือนถั่ว และราดด้วยน้ำเชื่อมน้ำตาลทรายแดง ขนมหวานอีกชนิดที่ควรลองหากไปที่ทะเลสาบคาวากูจิคือไอศกรีมรสองุ่นที่มีรสชาติเหมือนองุ่นเคียวโฮอันเลื่องชื่อซึ่งเป็นสินค้าพิเศษอันทรงคุณค่าของภูมิภาคนี้

วิธีการเดินทาง:
การเดินทางไปกลับจากโตเกียวไปทะเลสาบคาวากูจิสะดวกและง่ายมาก โดยการนั่งรถบัสจากชินจูกุและชิบูย่า ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที หรือนักท่องเที่ยวที่ถือบัตร Japan Rail Pass สามารถนั่งรถไฟไปที่นั่นได้โดยไม่ต้องเสียค่าเดินทางเพิ่มเติม และหากคุณต้องการพักค้างคืน ที่นี่มีที่พักหลายแห่งที่มีบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้ง ซึ่งคุณสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ขณะแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อน และคุณสามารถตื่นนอนในช่วงเช้าเพื่อออกไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นสีชมพูของทั้งภูเขาและทะเลสาบได้

9. สวนสาธารณะอาราคุระยามะเซ็นเก็น จังหวัดยามานาชิ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Chureito Pagoda

คุณสามารถไปเที่ยวสวนสาธารณะอาราคุระยามะเซ็นเก็น (Arakurayama Sengen Park) ได้ตลอดทั้งปี คุณจะได้ชมภูเขาไฟฟูจิสีขาวโพลนพร้อมต้นไม้แผ่กิ่งก้านไร้ใบ โดยมีหิมะปกคลุมโดยรอบในช่วงฤดูหนาวในฤดูร้อน คุณสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิท่ามกลางต้นไม้เขียวขจีได้ในฤดูร้อน และชมภูเขาไฟฟูจิต้ดกับใบไม้สีแดงสด ในฤดูใบไม้ร่วง และเมื่อดอกซากุระจากต้นนับร้อยต้นบานสะพรั่ง ก็ไม่มีอะไรจะสื่อถึงความเป็นญี่ปุ่นได้ดีไปกว่าทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิที่รายล้อมไปด้วยซากุระสีชมพูในฤดูใบไม้ผลิอีกแล้ว

การเข้าชมสวนสาธารณะอาราคุระยามะเซ็นเก็นไม่เสียค่าธรรมเนียม คุณสามารถเดินขึ้นบันได 400 ขั้นไปชมศาลเจ้าและเจดีย์ชูเรโตะ (Chureito Pagoda) ซึ่งวิวที่เห็นด้านบนคุ้มค่ากับการออกแรงเป็นอย่างมาก หากเดินทางไปกลับจากจากโตเกียว ควรเผื่อเวลาไว้ทั้งวัน หรือเพื่อไม่ให้เหนื่อยจนเกินไป คุณอาจพักค้างคืนที่โรงแรมแถมทะเลสาบคาวากูจิก็ได้

วิธีการเดินทาง:
จากสถานีทะเลสาบคาวากูจิ ให้ขึ้นรถไฟ Fujikyu Railway* ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีไปยังสถานี Shimoyoshida ซึ่งเป็นทางเข้าสวนสาธารณะ อีกวิธีหนึ่งคือขึ้นรถไฟ JR Chuo Line ซึ่งเริ่มต้นจากสถานีโตเกียวไปยังสถานี Otsuki (สาย Chuo จะจอดระหว่างทางที่สถานีอื่นๆ เช่น Ochanomizu, Yotsuya และ Shinjuku) หลังจากนั้น เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟ Fujikyu Railway* ไปยังสถานี Shimoyoshida จากสถานี คุณสามารถเดินไปยังศาลเจ้าและเจดีย์ชูเรโตะได้ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที

*คุณไม่สามารถใช้ JR Rail Pass เพื่อโดยสารรถไฟสาย Fujikyu ได้

10. เกาะเอโนชิมะ จังหวัดคานากาวะ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Enoshima, Kanagawa

เกาะเอโนชิมะเป็นเกาะเล็กๆ ในพื้นที่ประมาณ 0.39 ตารางกิโลเมตร ที่เชื่อมต่อกับชายฝั่งทางแผนดินใหญ่ด้วยสะพานยาว 400 เมตร จากเกาะ คุณสามารถชมทิวทัศน์ที่สวยงาม ทั้งวิวทะเลและวิวภูเขาภูเขาไฟฟูจิอันงดงามจากชายหาด ฤดูกาลที่ดีที่สุดในการชมภูเขาไฟฟูจิจากเกาะเอโนะชิมะคือฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว เกาะเอโนชิมะมีลักษณะเป็นภูเขา หากจะไปชมวิวในมุมสูงต้องเดินขึ้นบันไดไปตามเส้นทาง ผ่านร้านค้า ผ่านศาลเจ้าเอโนชิมะ จนไปถึงหอชมวิว Enoshima Sea Candle สูง 100 เมตร ที่อยู่ใน Enoshima Samuel Cocking Garden (เปิดบริการ 09.00-20.00 น. ค่าเข้าสวน 200 เยน ค่าขึ้นหอชมวิว 300 เยน

วิธีการเดินทาง:
เกาะเอโนชิมะอยู่ใกล้กับโตเกียว เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ โดยนั่งรถไฟจากสถานีชินจูกุประมาณ 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีรถไฟสายสั้นๆ (รถไฟฟ้าเอโนชิมะ หรือเรียกสั้นๆ ว่า “เอโนเด็น”) ที่เชื่อมต่อคามาคุระกับเอโนชิมะโดยตรงในเวลา 24 นาที ชายหาดอยู่ห่างจากสถานี Enoshima โดยใช้เวลาเดิน 15 นาที มีสถานีที่ใกล้กว่าคือสถานี Katase-Enoshima ซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายของสาย Odakyū Enoshima ซึ่งสามารถเดินทางไปได้ตั้งแต่สถานีชินจูกุและเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Fujisawa ใช้เวลาเดินจากสถานี Katase Enoshima ไปยังบริเวณชายหาดประมาณ 5 นาที

11. ฮาโกเน่ จังหวัดคานากาวะ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Hokone, Kanagawa

ฮาโกเน่ (Hokone) มีชื่อเสียงในด้านการชมภูเขาไฟฟูจิ แต่ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวตลอดทั้งปีที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม บ่อน้ำพุร้อน พิพิธภัณฑ์ศิลปะ และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ที่นี่มีการชนส่งหลายรูปแบบให้คุณได้ชมวิวภูเขาไฟฟูจิจากมุมมองที่แตกต่างกัน เช่น การขึ้นกระเช้าลอยฟ้าซึ่งถือเป็นวิวที่ดีที่สุดในบริเวณนี้ เพราะคุณสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ตั้งแต่เชิงเขาถึงยอดเขา การนั่งกระเช้าลอยฟ้าใช้เวลาเพียง 9 นาทีเท่านั้น คุณต้องเตรียมกล้องหรือสมาร์ทโฟนให้พร้อมเพื่อไม่ให้พลาดการถ่ายภาพภูเขาอันสวยงาม การนั่งรถไฟ หรือทัวร์รถบัสก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก และการนั่งเรือโจรสลัดชมวิวในทะเลสาบอาชิ (Ashinoko) ก็ได้ภาพภูเขาไฟฟูจิที่สะท้อนอยูบนผืนน้ำที่งดงาม

วิธีการเดินทาง:
เริ่มจากสถานีชินจูกุ เดินทางด้วยรถไฟ Odakyu ที่ให้บริการรถด่วน Romance Car ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษและเป็นที่นิยมในหมู่นักเดินทางเนื่องจากมีที่นั่งที่สะดวกสบายและหน้าต่างแบบพาโนรามาที่ให้ทัศนียภาพอันงดงามของภูมิประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ การซื้อบัตร Hakone Free Pass ยังเป็นวิธีที่คุ้มค่ามาก เพราะครอบคลุมการเดินทางไม่จํากัดบนรถไฟฮาโกเน่โทซัง และรวมถึงการเข้าถึงกระเช้าลอยฟ้าฮาโกเน่และเคเบิลคาร์โทซัง หรือนั่งรถบัสฮาโกเน่โทซังในการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

12. ฟูจิมิเทอเรซ จังหวัดชิซูโอกะ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Fujimi Terrace

หนึ่งในจุดชมวิวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นคือฟูจิมิเทอเรซ (Fujimi Terrace) ที่อยู่ในบริเวณ Iz Panorama Park บนยอดเขาคัตสึรางิ (Mt. Katsuragi) จังหวัดชิซูโอกะ ห่างจากภูเขาไฟฟูจิ 70 กฺโลเมตรโดยประมาณ คาบสมุทรอิซุ (Izu Peninsula) คำว่า “ฟูจิมิ” แปลว่า “วิวฟูจิ” หากต้องการขึ้นไปที่ฟูจิมิเทอเรซ คุณจะต้องขึ้นกระเช้าลอยฟ้าระยะทาง 1,800 เมตร เป็นเวลาประมาณ 7 นาที เพื่อขึ้นไปที่ระดับความสูง 452 เมตร เหนือน้ำทะเล จากจุดชมวิว คุณจะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิและอ่าวซูการุ รวมถึงผืนป่าสีเขียว และเมืองที่อยู่ด้านล่างได้โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง บนนี้ยังมีพื้นที่นั่งเล่น ทั้งเลานจ์ระดับพรีเมียม พื้นที่โซฟา เคาน์เตอร์กลางแจ้ง เป็นต้น

วิธีการเดินทาง:
คุณสามารถเดินทางโดยรถไฟชินคันเซ็น Tokaido หรือรถไฟสาย JR Tokaido จากสถานี Tokyo ไปยังสถานี Mishima จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Izu Hakone Railway Sunzu Line และลงที่สถานี Izu-Nagaoka แล้วขึ้นรถบัส Izu Hakone Bus Nagaoka Onsen Loop หรือ Mito Sea Paradise ไปอีก 10 นาที เพื่อไปลงที่ศาลากลางเมืองอิซุโนะคุนิ (Izunokuni) แล้วเดินต่อไปอีก 1-2 นาที

13. สะพานแขวนมิชิมะสกายวอล์ค จังหวัดชิซูโอกะ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Mishima Skywalk, Shizuoka

อีกหนึ่งสถานที่ที่คนตามหาภูเขาไฟฟูจิห้ามพลาดก็คือสะพานแขวนมิชิมะสกายวอล์ค (Mishima Skywalk) เป็นสะพานแขวนขนาดใหญ่ที่มีความยาวรวม 400 ม. มีระดับสูงจากพื้นดิน 70 เมตร ถือได้ว่าเป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่นเลยล่ะ ช่วยให้คุณมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างใกล้ชิดเลยล่ะ เวลาที่ดีที่สุดในการชมภูเขาไฟฟูจิจากที่นี่คือช่วงประมาณเก้าโมงเช้าหรือบ่ายแก่ๆ ในช่วงพระอาทิตย์ตก ภูเขาไฟฟูจิและทิวทัศน์ของอ่าวซูรูกะจะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์

วิธีการเดินทาง:
นั่งรถไฟชินคันเซ็นสายโทไกโดจากสถานีโตเกียวไปยังสถานีมิชิมะ (55 นาที) จากนั้นขึ้นรถบัสรับส่งสีส้มสายโทไก (เส้นทาง N) จากป้ายรถบัสหมายเลข 5 ซึ่งอยู่ที่ทางออกด้านใต้ของสถานีมิชิมะ จุดหมายปลายทางของรถบัสคือท่าเรือโมโตฮาโกเนะ แต่ให้ลงที่ป้ายรถบัส Mishima Skywalk ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ทางเข้าอยู่ตรงหน้าป้ายรถบัสเลย

14. โกเทมบะ จังหวัดชิซูโอกะ

สถานที่ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ในโตเกียว: Gotemba, Shizuoka

โกเทมบะเป็นเมืองเล็กๆ ในจังหวัดชิซูโอกะ ตั้งอยาบริเวณเชิงภูเขาไฟฟูจิ และมีชื่อเสียงในหมู่นักชอปปิ้ง เพราะมีห้างสรรพสินค้าเอาท์เล็ตขนาดใหญ่ในเมืองอย่างโกเทมบะพรีเมียมเอาท์เลต (Gotemba Premium Outlet) ที่มีตั้งแต่ร้านอาหาร คาเฟ่ และสินค้าแบรนด์ต่างๆ ทั้งแบรนด์ญี่ปุ่นและต่างประเทศ ให้คุณได้ชอปปิ้งกันอย่างเต็มอิ่ม หากคุณไม่มีเวลามาก คุณสามารถรวมการซื้อของได้อย่างเพลินๆ และชมภูเขาไฟฟูจิอย่างใกล้ชิดไว้ในที่เดียวกันโดยการไปที่โกเทมบะ

วิธีการเดินทาง:
วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขึ้นรถบัสทางด่วนสายใดสายหนึ่งที่ออกจากสถานีต่างๆ ทั่วโตเกียว เช่น โตเกียว ชิบูย่า ชินจูกุ อิเคบุคุโระ และชินากาวะ รวมถึงจากโยโกฮาม่าด้วย วิธีที่เร็วที่สุดคือการขึ้นรถไฟ Romance Car สาย Odakyu จากสถานีชินจูกุไปยังสถานีโกเทมบะ ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 95 และจากสถานี Gotemba จะมีรถบัสรับส่งฟรีไปยังโกเทมบะพรีเมียมเอาท์เลต คุณสามารถนั่งรถบัสจากโกเทบะไปยังภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วย

การไปเที่ยวญี่ปุ่นจะไม่สมบูรณ์หากไม่ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ ไม่ว่าจะมองจากหน้าต่างรถไฟชินคันเซน ตึกระฟ้าในโตเกียว หรือสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่อยู่ใกล้เคียง แต่การที่จะให้แผนการเที่ยวของคุณเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ไม่ต้องกังวลกับเรื่องร้ายๆ กับค่าใช้จ่ายที่อาจงอกเพิ่มระหว่างการเดินทาง สิ่งที่เราควรมีติดตัวไว้ก็คือ ประกันภัยการเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้รับความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย เที่ยวบินดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : japantravel.navitime.com, gotokyo.org

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

25 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น พร้อมวิธีการเดินทาง

25 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น พร้อมวิธีการเดินทาง

ฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในฤดูที่สวยงามที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ใบไม้ใน จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น จะทยอยเปลี่ยนสี โดยเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกันยายนไปจนถึงต้นเดือนธันวาคม เป็นช่วงที่เปลี่ยนผ่านจากฤดูร้อนไปสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศจะเย็นลงและใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสี ทำให้เกิดทัศนียภาพอันน่าทึ่งของใบไม้สีแดง ส้ม และเหลืองสดใส ในสถานที่ต่างๆ ของประเทศ เพื่อนๆ คนไหนที่วางแผนจะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ประเทศญี่ปุ่น สามารถใช้ข้อมูล พยากรณ์ ใบไม้เปลี่ยนสี ในประเทศญี่ปุ่น ปี 2024 ไปใช้เป็นตัวช่วยในการวางแผนการเดินทางกันได้เลย สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังนึกไม่ออกว่าจะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น ที่ไหนดี วันนี้ Allianz Travel รวบรวม 25 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ในแต่ละภูมิภาค มาฝากเพื่อนๆ มีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ 🙂

หมายเหตุ: ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพอากาศ ฝน และลม ในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนสีของใบไม้ ซึ่งอาจทำให้ใบไม้เปลี่ยนสีเร็วขึ้นหรือช้าลงได้ ดังนั้นเราควรตรวจสอบข้อมูลการพยากรณ์ ใบไม้เปลี่ยนสี พยากรณ์ ใบไม้เปลี่ยนสี ในประเทศญี่ปุ่น ปี 2024 และอัพเดทข่าวสารเป็นระยะๆ เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการวางแผนการเดินทางค่ะ

1. ภูเขาอะซาอิดาเกะ (Mount Asahidake)

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น: ภูเขาอะซาอิดาเกะ (Mount Asahidake)

ภูเขาอะซาฮิดาเกะ (Mount Asahidake) เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในฮอกไกโด (สูง 2,290 เมตร) และอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง (Daisetsuzan National Park) อีกด้วย อาซาอิตาเกะ เป็น จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ที่แรกที่จะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่มีพืชพันธุ์หลายชนิดมากยิ่งช่วงใบไม้เปลี่ยนสียิ่งสวย สีสันตระการตาสุด นอกจากเดินป่าแล้วก็ยังมีนั่งกระเช้าลอยฟ้าชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีด้วย ใครสายเที่ยวธรรมชาติจัดเลย

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

กลางเดือนกันยายน

วิธีการเดินทาง:

นั่งรถบัสประจำทางจากสถานีรถไฟ Asahikawa 1,800 เยน (เที่ยวเดียว) หรือจากสนามบินอาซาฮิกาวะ (Asahikawa Airport) 1,270 เยน (เที่ยวเดียว) หรือเช่ารถจากสนามบินอาซาฮิกาวะ หรือเมืองบิเอะ (Biei) ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง

ที่อยู่/แผนที่:

Daisetsuzan, Higashikawa, Hokkaido, Japan
https://maps.app.goo.gl/VbzHZGvVrRwqSbRo9

2. น้ำตกฟุคุโรดะ (Fukuroda Falls)

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น: น้ำตกฟุคุโรดะ (Fukuroda Falls)

น้ำตกฟุคุโรดะ (Fukuroda Falls) ซ่อนตัวอยู่ในเนินเขาห่างไกลของเมืองไดโกะ (Daigo) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดอิบารากิ เป็นน้ำตกสูง 120 เมตรที่ไหลผ่านหน้าผาหินยักษ์ลงมา 4 ชั้น และเป็นหนึ่งในสามน้ำตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น และแต่ละฤดูกาล น้ำตกแห่งนี้ก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจไม่ซ้ำใคร จากทางเข้า นักท่องเที่ยวจะต้องเดินผ่านอุโมงค์ทางเดินยาว 276 เมตรที่นำไปสู่จุดชมวิวหลายชั้น ชั้นล่างจะเห็นน้ำตกได้อย่างใกล้ชิดจากฐานน้ำตก ในขณะที่ชั้นบนที่ต้องขึ้นลิฟต์ไปจะเห็นน้ำตกทั้ง 4 ชั้นแบบพาโนรามาจากความสูงประมาณ 50 เมตรเหนือพื้นดิน

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ต้นเดือนพฤศจิกายน

เวลาทำการ:

8.00-18.00 น. (พ.ย. – เม.ย. เวลา 9.00-17.00)

ค่าเข้าชม:

ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 150 เยน

วิธีการเดินทาง:

หากมาจากโตเกียว (สถานีอุเอโนะ โตเกียว หรือชินากาวะ) ให้ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษไปยังสถานีมิโตะ (70 นาที ขบวนละ 2 ขบวนต่อชั่วโมง) แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย JR Suigun ไปยังสถานีฟุคุโรดะ (70 นาที ขบวนละ 1-2 ชั่วโมง) หลังจากนั้นนั่งรถบัสอิบารากิโคจึไปลงป้ายทากิโมโตะ (Takimoto) (7 นาที) จากนั้นเดินต่ออีก 5-10 นาทีไปยังทางเข้าอุโมงค์ไปยังน้ำตก หรือเช่ารถจากสถานีมิโตะ ใช้เวลาประมาณ 75 นาที และมีที่จอดรถใกล้ทางเข้าน้ำตก

ที่อยู่/แผนที่:

Kuji District, Ibaraki, Japan
https://maps.app.goo.gl/RU8kSJv2KCLtjAkb7

3. กินซันออนเซ็น (Ginzan Onsen)

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น: กินซันออนเซ็น (Ginzan Onsen)

กินซันออนเซ็น (Ginzan Onsen) เป็นเมืองน้ำพุร้อนเล็กๆ ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในภูเขาของจังหวัดยามากาตะ (Yamagata) ในอดีต หมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นเหมืองเงินขนาดใหญ่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก แต่ปัจจุบัน ได้รับการพัฒนาเป็นเมืองน้ำพุร้อนที่มีเรียวกังเก่าแก่เรียงรายอยู่ริมแม่น้ำ เมื่อมองไปรอบๆ เราก็จะเห็นทิวทัศน์ของภูเขาที่โอบล้อมอย่างใกล้ชิด เข้ากับความเก่าแก่ของสถาปัตยกรรมภายในหมู่บ้านอย่างลงตัว

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน

วิธีเดินทาง

รถไฟ: นั่งรถไฟชินคันเซ็นสาย JR Yamagata จากโตเกียวไปยังสถานี Oishida (200 นาที) จากนั้นรถบัสจะออกทุกๆ สองชั่วโมงไปยังกินซันออนเซ็น (35 นาที) 

รถยนต์: เช่ารถจากสถานีรถไฟอย่างเช่น สถานีมูรายามะ (Murayama) ชินโจ (Shinjo) และยามากาตะ (Yamagata) รวมถึงที่สนามบินนามากาตะ มีที่จอดรถในลานจอดรถซึ่งเดินจากใจกลางเมืองออกไป 5-10 นาที เรียวกังหลายแห่งจะไปรับแขกที่ลานจอดรถ

เครื่องบิน: มีรถบัสรับส่งระหว่างสนามบินยามากาตะ และกินซันออนเซ็น 2 เที่ยวต่อวัน (75 นาที) โดยไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า

ที่อยู่/แผนที่:

Obanazawa, Yamagata, Japan
https://maps.app.goo.gl/wqzhDAccjmv6ocDL8

4. ศาลาว่าการเก่าเมืองฮอกไกโด (Hokkaido Government Office)

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น: ศาลาว่าการเก่าเมืองฮอกไกโด (Hokkaido Government Office)

ศาลาว่าการเก่าเมืองฮอกไกโดหลังเก่า (Hokkaido Government Office) หรือที่นิยมเรียกว่า ทำเนียบอิฐแดง (Red Brick Office) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองซัปโปโร (Sapporo) และยังเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการทางประวัติศาสตร์และงานศิลปะ ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะเต็มไปด้วยสีสันสดใสของใบเมเปิ้ลและใบแปะก๊วย เป็นอีก จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพสวย ๆ ของใบไม้เปลี่ยนสีพร้อมกับแลนด์มาร์คสำคัญ

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี: 

ปลายเดือนกันยายน – ต้นเดือนตุลาคม

วิธีการเดินทาง:

เดินเพียง 8 นาทีจากทางออกทิศตะวันตกของสถานีเจอาร์ซัปโปโร หรือจากทางออก 10 ของสถานีซัปโปโร บนสายรถไฟใต้ดินนัมโบกุ

ที่อยู่/แผนที่:

Sapporo, Hokkaido, Japan
https://maps.app.goo.gl/AyhnBq63nMuej8929

5. สะพานโจกาคุระ (Jogakura Bridge)

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น: สะพานโจกาคุระ (Jogakura Bridge)

สะพานโจกาคุระ (Jogakura Bridge) เป็นสะพานแขวนแห่งแรกในญี่ปุ่นที่ทอดยาวข้ามหุบเขาลึกของแม่น้ำโจกาคุระ ในจังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีขนาดกว้าง 11.5 เมตร ยาว 360 เมตร สูง 122 เมตร และมีส่วนโค้ง 255 เมตร ซึ่งถือได้ว่ายาวที่สุดในญี่ปุ่น และสะพานแห่งนี้ยังเป็นจุดเชื่อมโยงภูมิภาคสึการุ (Tsugaru) และนันบุ (Nanbu) เข้าไว้ด้วยกัน สะพานโจกาคุระขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ใบไม้หลากสีสันจะแต่งแต้มสีสันทอดยาวสุดสายตา บนสะพานมีจุดชมวิวหลายจุดให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปและเก็บความประทับใจ และจากสะพานนี้ยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของลำธารโจกากุระ-เคริว (Jyogakura-Keiryu) ซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะสถานที่สวยงามในอุทยานแห่งชาติโทวาดะ-ฮาจิมันไต (Towada-Hachimantai National Park) ได้อีกด้วย

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

กลางเดือนตุลาคม

วิธีการเดินทาง:

สะพานโจกาคุระอยู่ห่างจากสถานีรถไฟอาโอโมริ (Aomori) 56 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 1 ชั่วโมง

ที่อยู่/แผนที่:

Aomori, Japan
https://maps.app.goo.gl/LJviW3byDWfvkCBQ6

6. โจซังเคออนเซ็น (Jozankei Onsen)

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น: โจซังเคออนเซ็น (Jozankei Onsen)

โจซังเคอนเซ็น (Jozankei Onsen) เป็นเมืองน้ำพุร้อนที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด ณ อุทยานแห่งชาติชิโคสึ-โทยะ ที่มีโรงแรมเรียวกังกว่า 20 แห่ง และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของฮอกไกโด นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมที่มีใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง เมื่อต้นไม้ริมหุบเขาและหุบเขาข้างเคียงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและสีแดงสดใส

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

กลางเดือนตุลาคม

วิธีการเดินทาง:

1. จากสถานีขนส่งซัปโปโร ให้ขึ้นรถบัส Jotetsu หมายเลข 7 หรือ 8 ไปยังโจซังเคออนเซ็น รถบัสจะออกทุกชั่วโมง ใช้เวลาเดินทาง 75 นาที 

2. ขึ้นรถบัส Jotetsu หมายเลข 12 จากสถานี Makomanai ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของรถไฟใต้ดินสาย Namboku ของซัปโปโร จากสถานี Makomanai การเดินทางไปโจซังเคออนเซ็นใช้เวลา 50 นาที รถบัสจะออกทุกๆ 30-60 นาที

ที่อยู่/แผนที่:

Sapporo, Hokkaido, Japan
https://maps.app.goo.gl/9ag2crrshr2MkXop7

7. หมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate no Bukeyashiki)

หมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate no Bukeyashiki)

หมู่บ้านซามูไร Kakunodate เป็นแหล่งเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากในจังหวัด Akita ด้วยบรรยากาศย้อนยุคในหมู่บ้านที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยือน ถนนหนทางและอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ในหมู่บ้านที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เหมือนในอดีต รวมทั้งยังมีคฤหาสน์ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่พักอาศัยของเหล่าซามูไรหลงเหลืออยู่ ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้มีเสน่ห์สวยแบบมีมนต์ขลังจนถูกเลือกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครและภาพยนต์อยู่เนืองๆ

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ต้นเดือนพฤศจิกายน

วิธีการเดินทาง:

จากโตเกียวนั่ง Akita Shinkansen มาลงที่สถานี JR Kakunodate แล้วเดินไปหมู่บ้านซามูไรประมาณ 15 นาที หรือนั่งแท็กซี่ประมาณ 5 นาที

ที่อยู่/แผนที่:

Semboku, Akita, Japan
https://maps.app.goo.gl/ZkDPPNW4qzWqAGtC6

8. คามิโคจิ (Kamikochi)

คามิโคจิ (Kamikochi)

คามิโคจิ (Kamikochi) สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอยู่ในเขตจังหวัดนากาโน่ (Nagano) เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่เป็นจุดหมายในฝันของหลายคนที่ต้องหาโอกาสไปเยือนซักครั้ง คามิโคจิเปิดให้เข้าชมแค่เฉพาะวันที่ 17 เม.ย.-15 พ.ย. ของทุกปี ดังนั้นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจึงเป็นช่วงเวลาไฮไลท์ที่ห้ามพลาด กับบรรยากาศยอดภูเขาที่มีหิมะคลุมสลับกับต้นไม้สีส้มแดงและแม่น้ำสีฟ้า

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ต้นเดือนพฤศจิกายน

วิธีการเดินทาง:

หากนั่งรถบัสตรงมาจากโตเกียว (สถานีชินจูกุ สถานีโตเกียว และสถานีชิบูย่า) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-7 ชั่วโมง หรือนั่งรถไฟด่วนพิเศษอาซึสะ (Azusa) จากสถานีชินจูกุ มาลงที่สถานีมัตสึโมโตะ ใช้เวลา ประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที จากนั้นก็ต่อรถบัสเพื่อไปยังคามิโคจิโดยใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมง 50 นาที

ที่อยู่/แผนที่:

Matsumoto, Nagano, Japan
https://maps.app.goo.gl/WoUvcJ9D9SkvgaYD8

9. วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera Temple)

วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera Temple)

วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera Temple) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ วัดน้ำใส เป็นวัดเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก (UNESCO World Heritage Sites)  นอกจากการขอพรกับเทพศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่นแล้ว ที่นี่ยังมีน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ไหลผ่านตัววัด ที่สามารถดื่มและขอพรได้ สำหรับจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีจะอยู่ที่บริเวณอาคารไม้หลังใหญ่ของวัด เป็นจุดยอดนิยมที่ใครๆ ก็ต้องขอมาถ่ายภาพ และสามารถมองเห็นวิวเมืองเกียวโตท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีอีกด้วย ช่วงค่ำจะมีการเปิดไฟ Light up ตั้งแต่เวลา 18.00-21.00 น. ที่ให้บรรยากาศอีกแบหนึ่งด้วย

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ปลายเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนธันวาคม

วิธีการเดินทาง:

นั่งรถไฟมาลงสถานี Kiyomizu-Gojo Station เดินต่อประมาณ 20 นาที หรือนั่งรถบัสเมืองเกียวโตหมายเลข 100 หรือ 206 มาลงที่ป้าย Gojozaka หรือ Kiyomizu-michi จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที

ที่อยู่/แผนที่:

Higashiyama Ward, Kyoto, Japan
https://maps.app.goo.gl/bXjhEAs6dDHbK6Uz8

10. ทะเลสาบอะชิ หรือ อาชิ (Lake Ashinoko)

ทะเลสาบอะชิ หรือ อาชิ (Lake Ashinoko)

ทะเลสาบอะชิ (Lake Ashinoko) ตั้งอยู่ในพื้นที่ฮาโกเน่ (Hakone) จังหวัดคานางาวะ (kanagawa) เกิดจากหลุมปล่องภูเขาไฟที่ปะทุเมื่อง 3,000 ปีที่แล้ว ทะเลสาบนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในญี่ปุ่น ล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าไม้ มีความสวยงามที่ไม่เหมือนใครและมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากมุมมองต่างๆ ทะเลสาบและพื้นที่รอบๆ มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับการเดินป่าและสัมผัสธรรมชาติ

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ปลายเดือนตุลาคม-กลางเดือนพฤศจิกายน

วิธีการเดินทาง:

1. รถบัสจาก Odawara ไป Moto-hakone หรือ Hakone-machi ใช้เวลา 50 นาที
2. รถบัสจาก Hakone-Yumoto ไป Moto-hakone หรือ Hakone-machi ใช้เวลา 35 นาที
3. รถบัสจากสถานี Mishima ไป Moto-hakone หรือ Hakone-machi ใช้เวลา 50 นาที
4. รถบัสจาก Gotemba ไป Togendai ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
5. รถบัสจาก Atami ไป Hokone-machi ใช้เวลาประมาณ 60 นาที

ที่อยู่/แผนที่:

Hakone, Kanagawa, Japan
https://maps.app.goo.gl/G7P8tZ391zvtHDFb9

11. ทะเลสาบคาวากูจิ (Lake Kawaguchi)

ทะเลสาบคาวากูจิ (Lake Kawaguchi)

จากทะเลสาบทั้ง 5 แห่งใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ ทะเลสาบคาวากูจิ (Lake Kawaguchi) เป็นทะเลสาบที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุดจากโตเกียว ในวันที่อากาศแจ่มใสและเงียบสงบ คุณจะมองเห็นภาพสะท้อนของภูเขาไฟฟูจิในทะเลสาบได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทะเลสาบแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย และในช่วงฤดูใบไม้ร่วง จะมีเทศกาล Fuji Kawaguchiko Autumn Leaves Festival ซึ่งเป็นเทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ทุกคนต่างเฝ้ารอคอยกันในทุกปี ทีมีการจัดประดับไฟแสงสีสุดอลังการในช่วงกลางคืนอีกด้วย

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน

วิธีเดินทาง:

นั่งรถไฟจากสถานี JR Shinjuku ไปยังสถานี JR Otsuki สาย JR Chuo (ประมาณ 1 ชั่วโมง) จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นสาย Fuji Kyuko ไปยังสถานี Kawaguchiko (ไม่สามารถใช้ JR Rail Pass ได้) หรือนั่งรถบัส  Shinjuku Expressway ไปยังสถานี Kawaguchiko (ประมาณ 2 ชั่วโมง)

ที่อยู่/แผนที่:

FuliKewaguchiko, Yamanashi, Japan
https://maps.app.goo.gl/WFQMdJMNQLeiHrGK7

12. สวนเมจิจิงกูไกเอ็น (Meiji-jingu Gaien)

สวนเมจิจิงกูไกเอ็น (Meiji-jingu Gaien)

สวนเมจิจิงกูไกเอ็น (Meiji-jingu Gaien) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นและเป็นที่เลื่องลือในโตเกียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวถนนที่มีต้นแปะก๊วย (หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า กิงโกะ) เรียงรายเป็นแนวยาวกว่า 300 เมตร เป็นจุดที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ ผู้คนจะมาเดินเล่นกันเพื่อชื่นชมความงามของทิวแถวต้นแปะก๊วยสีเหลืองอร่าม ดูงดงามราวกับภาพวาด และตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงต้นเดือนธันวาคมก็จะมีการจัดงานเทศกาลชมต้นแปะก๊วยที่จิงกูไกเอ็น ซึ่งมีการออกร้านขายของที่ระลึกประเภทงานฝีมือและอาหารต่างๆมากมาย และมีผู้คนมาเที่ยวชมงานกันเนืองแน่นครึกครื้น

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

กลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม

วิธีการเดินทาง:

1. นั่ง Tokyo Metro Ginza ให้ลงสถานี Gaienmae และเดินต่อประมาณ 4 นาที
2. นั่งรถไฟใต้ดินโตเกียว สาย Hanzomon หรือ สาย Toei Oedo ให้ลงสถานี Aoyama Itchome ใช้เวลาเดินประมาณ 6 นาที
3. หากนั่งรถไฟ JR สาย Chuo/Sobu ลงสถานี Shinanomachi แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที

ที่อยู่/แผนที่:

Shiniuku City, Tokyo, Japan
https://maps.app.goo.gl/AgzR1zj5sPpiA3xr5

13. ภูเขาทาคาโอะ (Mount Takao)

ภูเขาทาคาโอะ (Mount Takao)

ภูเขาทาคาโอะ (Mount Takao) เหมาะกันการไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ได้ตลอดทั้งปี แต่ใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมจะทำให้การเดินทางครั้งนี้ของคุณคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง คุณสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามได้ตลอดทาง ตั้งแต่เชิงเขาไปจนถึงยอดเขา ขอแนะนำให้ขึ้นกระเช้าจากสถานี Kiyotaki ที่เชิงเขาไปยังสถานี Takaosan บนเชิงเขา ระหว่างทางขึ้นภูเขา มีจุดชมธรรมชาติที่สวยงามมากมายและอาหารอร่อยๆ ให้ลิ้มลอง ดังนั้นคุณจึงสามารถเพลิดเพลินกับการเดินป่าได้โดยไม่ต้องออกแรงมากเกินไป

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

กลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม

วิธีการเดินทาง:

สถานีที่ใกล้ที่สุดกับภูเขาทาคาโอะคือสถานี Takaosanguchi ของสาย Keio (จากสถานีชินจูกุใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง)

ที่อยู่/แผนที่:

Hachio, Tokyo, Japan
https://maps.app.goo.gl/MxHmphgLJ2ogju2A6

14. สวนสาธารณะนารา (Nara Park)

สวนสาธารณะนารา (Nara Park)

สวนสาธารณะนารา (Nara Park) ตั้งอยู่ในเมืองนารา ซึ่งเมืองนาราเป็นสถานที่ที่คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับความงามของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง เนื่องจากเมืองนี้ล้อมรอบไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า เช่น ศาลเจ้าคาสุกะไทฉะ วัดโคฟุกุจิ วัดโทไดจิ พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา สวนสาธารณะนารา และโชโซอิน เป็นต้น เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาถึง สวนสาธารณะแห่งนี้จะเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีสันสดใสที่ผสมผสานกับสถานที่สำคัญได้อย่างลงตัว

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

เดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายน

วิธีการเดินทาง:

ที่สะดวกที่สุดคือการนั่งรถไฟจากเมือง Osaka สถานี Osaka-Namba สาย Kintetsu Line ลงสถานีปลายทาง Kintetsu Nara ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที แล้วเดินด้วยเท้าต่ออีก 1.2 กิโลเมตร ก็จะถึงสวนสาสาธารณะ Nara

ที่อยู่/แผนที่:

Nara, Japan
https://maps.app.goo.gl/NdcXWb7AyHygURdj6

15. หุบเขานารุโกะ (Naruko Gorge), สะพานโอฟุคาซาว่า(Ofukazawa Bridge)

หุบเขานารุโกะ (Naruko Gorge), สะพานโอฟุคาซาว่า(Ofukazawa Bridge)

หุบเขานารูโกะ(Naruko Gorge) เป็นหนึ่งในหุบเขาที่สวยงามที่สุดของภูมิภาคโทโฮคุ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดมิยากิ ทุกปีในช่วงปลายเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนทั่วทั้งบริเวณหุบเขาจะงดงามด้วยสีสันของใบไม้ นับว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่นิยมมากที่สุดของภูมิภาคเลยทีเดียว หุบเขาแห่งนี้กินพื้นที่ยาว 2 กิโลเมตรจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก จุดชมธรรมชาติที่ดีที่สุดคือบริเวณศาลา Narukokyo Resthouse เรื่อยไปทางทิศตะวันตกของหุบเขา ทัศนียภาพที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งคือสะพานโอฟุคาซาว่า(Ofukazawa Bridge) ที่มองเห็นได้จากจุดชมวิวข้างศาลา

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ปลายเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน

วิธีการเดินทาง:

สถานีรถไฟที่ใกล้กับหุบเขานารุโกะที่สุดคือสถานี Nakayamadaira Onsen ซึ่งสามารถเดินไปยังหุบเขาได้ในเวลา 30 นาที หรืออีกวิธีหนึ่งคือนั่งแท็กซี่จากสถานี Naruko Onsen ไปยังหุบเขาได้ในเวลา 10 นาที และมีรถบัสให้บริการทุกชั่วโมงระหว่างสถานี Nakayamadaira Onsen และสถานี Naruko Onsen เฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน โดยระหว่างทางมีจอดที่ Narukokyo Resthouse และ Japan Kokeshi Museum (ใช้เวลาประมาณ 10 นาที)

ที่อยู่/แผนที่:

Naruko Gorge, Osaki, Miyagi, Japan
https://maps.app.goo.gl/81fERSxbwaBicMVu7

16. ซัปโปโร โคคุไซ สกีรีสอร์ท (Sapporo Kokusai Ski Resort)

ซัปโปโร โคคุไซ สกีรีสอร์ท (Sapporo Kokusai Ski Resort)

ซัปโปโร โคคุไซ สกีรีสอร์ท (Sapporo Kokusai Ski Resort) เป็นสกีรีสอร์ทที่ขนาดไม่ใหญ่นัก อยู่นอกเมืองซัปโปโร (Sapporo) เป็น จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วง ในช่วงที่หิมะยังไม่ตกจะมีกระเช้าลอยฟ้า Koyo Gondola วิ่งให้บริการเฉพาะช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสีเท่านั้น ซึ่งจะค่อยๆ แล่นไต่ระดับจากพื้นดินขึ้นไปถึงสถานีบนยอดเขา ที่คุณสามารถชื่อชมภูเขาที่แต่งแต้มไปด้วยสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีที่อยู่เบื้องล่างและมองเห็นทะเลที่อย่ไกลออกไป

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ปลายเดือนกันยายน-เดือนตุลาคม

วิธีการเดินทาง:

ขึ้นรถบัสจากสถานี Sapporo (Jotetsu Bus) ไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว Jozankei (60 นาที) และต่อรถ Kouyou Gondola Liner ไปที่รีสอร์ท (30 นาที)

ที่อยู่/แผนที่:

Sapporo, Hokkaido, Japan
https://maps.app.goo.gl/5en2eFLfZaufsoFe7

17. น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Falls)

น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Falls)

น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Falls) หนึ่งในน้ำตกที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาทางทิศตะวันตกของ ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) จังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka Prefecture) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากหิมะที่ละลายลงมาจากภูเขาไฟฟูจิ กลายเป็นม่านน้ำตกขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 150 เมตร และสูงประมาณ 20 เมตร สายที่ไหลลงมาดูพลิ้วไหวราวกับผ้าไหมสีขาว เมื่อกระทบสู่แอ่งน้ำด้านล่างก็เกิดเป็นละอองน้ำกระจายไปทั่วบริเวณ บรรยากาศสดชื่น ในช่วงฤดูใบไม่เปลี่ยนสี ต้นไม้ที่รายล้อมจะเปลี่ยนเป็นสีสันแดง เหลือง ส้ม ที่ดูงดงามราวกับภาพวาดเลยทีเดียว

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

เดือนพฤศจิกายน

วิธีการเดินทาง:

นั่งรถบัสจากสถานีต่างๆ เช่น สถานีชินฟูจิ (Shin-Fuji Station) สถานีฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya Station) และป้ายรถบัสทะเลสาบฟูจิทั้ง (5 Fuji Five Lakes) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะแวะจอดที่ป้ายบริเวณน้ำตกชิราอิโตะ จากนั้นให้เดินจากถนนไปต่ออีกประมาณ 5 นาที ก็จะถึงน้ำตก

ที่อยู่/แผนที่:

Fujinomiya, Shizuoka, Japan
https://maps.app.goo.gl/ateeBNFrnvTGRuyq6

18. หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) หมู่บ้านชาวนาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบสูงฮิดะ (Hida) ในจังหวัดกิฟุ (Gifu) หมู่บ้านแห่งนี้มีบรรยากาศญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่เกิดจากการอนุรักษ์สิ่งก่อสร้าง และบ้านโบราณต่างๆ ภายในพื้นที่ให้คงอยู่อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ที่นี่เป็น จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น ที่สวยและโรแมนติกแห่งหนึ่ง ต้นไม้ ใบไม้ต่างๆ จะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง สีน้ำตาลทั้งหมู่บ้าน และจุดที่ไม่ควรพลาดคือจุดชมวิวเท็นชุคาคุ (Tenshukaku Observatory) ที่อยู่มุมสูงมองเห็นหมู่บ้านได้ทั้งหมด

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ปลายเดือนตุลาคม-กลางเดือนพฤศจิกายน

วิธีการเดินทาง:

นั่งรถไฟจากเมืองโอซาก้า (Osaka) หรือเมืองนาโกย่า (Nagoya) มาลงที่เมืองคานาซาวา (Kanazawa) แล้วต่อรถบัสประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ก็จะถึงหมู่บ้าน หรือนั่งรถไฟจากเมืองนาโกย่า (Nagoya) เข้าเมืองทาคายาม่า (Takayama) แล้วต่อรถบัส Takayama Nohi Bus Center อีกประมาณ 50 นาที

ที่อยู่/แผนที่:

Gifu, Japan
https://maps.app.goo.gl/GzAUKZH5SEbAH3uL7

19. จุดชมวิวแม่น้ำทาดามิ (Tadami River Bridge View Point)

จุดชมวิวแม่น้ำทาดามิ (Tadami River Bridge View Point)

วิวใบไม้เปลี่ยนสีอันเลื่องชื่อเหนือแม่น้ำทาดามิจะอยู่บริเวณสะพานแม่น้ำทาดามิแห่งแรกเมื่อรถไฟออกจากอุโมงค์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงามในเมืองฟุกุชิมะ รถไฟ Tadami Line เป็นรถไฟท้องถิ่นของจังหวัด Fukushima วิ่งระหว่างสถานี Aizu-Wakamatsu กับสถานี Aizu-Kawaguchi (เลยไปจนถึงสถานีปลายทาง Koide ในจังหวัด Niigata) ในหนึ่งวันวิ่งเพียงหกขบวนสำหรับขาไปและอีกหกขบวนสำหรับขากลับ การเดินทางมาชมรถไฟ Tadami line แนะนำให้พักโรงแรมแถวสถานีต้นทาง Aizu-Wakamatsu

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน

วิธีการเดินทาง:

นั่งรถไฟ JR Tadami line จากสถานี Aizu-Wakamatsu (6.00 น.) ไปลงที่สถานี Aizu Miyashita (7.29 น.) จากนั้นนั่ง Micro-bus ต่ออีกประมาณ 5 นาทีไปลงที่จุดพักรถ (Michi no Eki Mishima Juku) ก่อนเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวบนเนินเขาใกล้ๆ จุดพักรถ

ที่อยู่/แผนที่:

Mishima, Fukushima, Japan
https://maps.app.goo.gl/LF7LrRHDNUSqkikT8

20. หุบเขาทาคาจิโฮ (Takachiho Gorge)

หุบเขาทาคาจิโฮ (Takachiho Gorge)

หุบเขาทาคาจิโฮ (Takachiho Gorge) เป็นหุบเขารูปตัววีที่เกิดจากแม่น้ำโกคาเสะ (Gakase River) กัดกร่อนลาวาที่ไหลออกมาจากการปะทุของภูเขาไฟอะโซ (Mount Aso) เป็นเวลานับหมื่นปี ภาพของหน้าผาซึ่งมีความสูงถึง 100 เมตรและสูงเฉลี่ย 80 เมตร ทอดยาวเป็นระยะทาง 7 กิโลเมตรนั้นงดงามตระการตาจนประเทศญี่ปุ่นกำหนดให้สถานที่แห่งนี้เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติและเป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพที่งดงาม จุดเด่นที่ใหญ่ที่สุดคือน้ำตกมานาอิ (Manai Falls) ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในน้ำตก 100 แห่งที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง พื้นที่รอบ ๆ น้ำตกก็จะเปลี่ยนสีไปด้วย ทำให้สามารถชมทิวทัศน์น้ำตกและใบไม้เปลี่ยนสีอันน่าทึ่งได้จากบนเรือ

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

กลางเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนธันวาคม

วิธีการเดินทาง:

ให้เริ่มต้นจากเมืองคุมาโมโตะ หรือเมืองมิยาซากิ แล้วนั่งรถบัสจากเมืองคุมาโมโตะไปที่ทาคาจิโฮ หรือขับรถจากเมืองมิยาซากิใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง

ที่อยู่/แผนที่:

Takachiho, Miyazaki, Japan
https://maps.app.goo.gl/EWM3m7k3jpMCX1sM8

21. สวนสาธารณะชิบะ (Shiba Park)

สวนสาธารณะชิบะ (Shiba Park)

สวนสาธาณะชิบะ (Shiba Park) เป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่โด่งดังอยู่ใกล้กับโตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) สวนนี้อยู่ล้อมรอบวัดโซโจ ซึ่งเป็นวัดประจำตระกูลโทกูงาวะ โชกุนที่มีตำแหน่งสูงสุดในนักรบซามุไรของญี่ปุ่นในสมัยก่อน เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิดให้ได้เพลิดเพลินกับช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม ทั้งต้นเมเปิ้ล (โมมิจิ) หรือต้นแปะก๊วย เป็นต้น คุณสามารถชมโตเกียวทาวเวอร์พร้อมกับชมใบไม้เปลี่ยนสีไปด้วย

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

กลางเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนธันวาคม

วิธีการเดินทาง:

หากมาจากสถานีชิบะโคเอ็น (Shibakoen) รถไฟโทะเอสายมิตะ ก็จะออกมาที่หน้าสวนเลย  หากมาจากสถานีไดมน (Daimon) รถไฟโทะเอสายอาซากุสะ จะต้องเดินไปสวนอีก 7 นาที

ที่อยู่/แผนที่:

Minato City, Tokyo, Japan
https://maps.app.goo.gl/fqa6DeuzihFQLij88

22. วัดยามาเดระ (Yamadera Temple)

วัดยามาเดระ (Yamadera Temple)

วัดยามาเดระ (Yamadera Temple) แปลตามตัวได้ว่า วัดภูเขา มีชื่ออย่างเป็นทางการคือวัดริชชะคุจิ (Risshakuji Temple) ตั้งอยู่บนเขาในเมืองยามากาตะ (Yamagata) ในภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) และเป็นที่เที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากด้วยความงดงามของทิวทัศน์และความเก่าแก่ของวัด โดยอาคารใหญ่ด้านหน้านั้นถูกกำหนดให้เป็นสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมแห่งชาติ นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีส่วนต่างๆ ที่สร้างเอาไว้ในพื้นที่บนเขา ดังนั้นจึงเป็นที่มาของคำว่าวัดภูเขา ในภาษาญี่ปุ่นนั่นเอง

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

เดือนพฤศจิกายน

วิธีเดินทาง:

ด้านล่างของวัดยามาเดระอยู่ห่างจากสถานี JR Yamadera โดยการเดิน 7 นาที หากขึ้นรถไฟชินคันเซ็น Hayabusa จากโตเกียวแล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Yamagata ที่เมืองเซนได คุณจะไปถึงสถานี Yamadera ในเวลาเพียง 3 ชั่วโมงเศษ

ที่อยู่/แผนที่:

Yamagata, Japan
https://maps.app.goo.gl/Q9cJmbHdsTP5MAM9A

23. สะพานชินยะมะบิโกะ (Shin-Yamabiko Bridge)

สะพานชินยะมะบิโกะ (Shin-Yamabiko Bridge)

สะพานชินยะมะบิโกะ (Shin-Yamabiko Bridge) คือสะพานสีแดงสด หากเดินทางโดยรถไฟโทะรกโกะ (Torokko Train) จากสถานีอุนะซุกิไม่ไกลนัก ก็จะผ่านสะพานที่ยาวที่สุดของบริเวณแม่น้ำคุโรเบะ โดยมีความยาวถึง 166 เมตร โดยเราสามารถมองเห็นสะพานชินยะมะบิโกะได้จากสถานีรถไฟ อุนะซุกิ (Unazuki Station), จุดชมวิวยามาบิโกะ (Yamabiko Observation Platform) และจากสะพานจุดอื่นๆ จุดที่แนะนำสำหรับการถ่ายภาพของสะพานนี้คือจุดชมวิวยะมะบิโกะ (Yamabiko Observation Platform) ใช้เวลาเดินเพียงสามนาทีจากสถานีรถไฟอุนะซุกิ (Unazuki Station) คุณก็จะพบกับจุดถ่ายภาพนี้ ซึ่งต้นไม้เปลี่ยนสีบริเวณนี้มีอยู่ด้วยกันหลากหลายชนิดจึงทำให้เป็นจุดที่สวยงาม ด้วยสีสันที่หลากหลายของใบไม้ มีทั้งสีแดง สีส้ม สีเหลือง ตัดกับสีน้ำเงินของแม่น้ำคุโรเบะและสีแดงสดของสะพาน

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

กลางเดือนตุลาคม – กลางเดือนพฤศจิกายน

วิธีการเดินทาง:

จากสถานี Toyama โดยสารรถไฟ JR Shinkansen ไปลงที่สถานี Kurobe Unazuki Onsen ใช้เวลา 10 นาที จากนั้นคุณสามารถเดินไปยังจุดหมายได้ทันที

ที่อยู่/แผนที่:

Kurobe Gorge, Toyama, Japan
https://maps.app.goo.gl/ZFCQq651nkT18r5c7

24. กระเช้าลอยฟ้านิกโกชิราเนะ (Nikko-Shirane Ropeway), ภูเขานิกโกชิราเนะ (Mount Nikko-Shirane)

กระเช้าลอยฟ้านิกโกชิราเนะ (Nikko-Shirane Ropeway), ภูเขานิกโกชิราเนะ (Mount Nikko-Shirane)

Nikko-Shirane Ropeway เป็นกระเช้าลอยฟ้าประเภทกอนโดล่า อยู่ใน Marunuma Kogen Ski Resort กระเช้าจะเดินทางครอบคลุมระยะทาง 2,500 เมตร โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที ระหว่างทางกระเช้าจะเคลื่อนตัวผ่านระหว่างภูเขา คุณจะได้พบกับวิวภูเขานิกโกชิราเนะ (Mount Nikko-Shirane) ซึ่งเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างเขตจังหวัดกุนมะและโทจิงิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคคันโต (2,578 เมตร) และธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีต้นไม้ ใบไม้ จะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันหลากสีสัน สีเหลือง สีส้ม สีแดง สีน้ำตาล เป็นภาพของธรรมชาติที่สวยงามมากๆ ด้านบนมีร้านอาหาร จุดชมวิว มีเส้นทางเดินป่า 1-2 ชั่วโมงเพื่อไปสักการะพระพุทธรูปหิน และแช่เท้าในน้ำพุร้อน ส่วนในฤดูหนาว Marunuma Kogen จะเปิดเป็นสกีรีสอร์ท กระเช้าลอยฟ้าภูเขานิกโกชิราเนะเปิดให้บริการตลอดทั้งปี คุณสามารถเดินทางมาด้วยรถไฟและรถประจำทาง หรือรถประจำทางแบบด่วนจากโตเกียวในช่วงฤดูหนาวได้

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ปลายเดือนกันยายน-กลางเดือนตุลาคม

วิธีการเดินทาง:

  • นั่งรถไฟ Joetsu Shinkansen จากสถานี Tokyo ไปถึงสถานี Jomo-Kogen โดยใช้เวลาประมาณ 70 นาที 
  • ที่สถานี Jomo-Kogen ซึ่งเป็นประตูสู่พื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของกุนมะ รถประจำทางจะจอดที่หน้าทางออกทิศตะวันออกของสถานี มีศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวใกล้ทางออกทิศตะวันออก รถประจำทางไปสถานี Numata และ Oze Tokura จะออกจากป้ายรถประจำทางหมายเลข 2 ที่หน้าสถานี 
  • แม้รถประจำทางที่ไป Oze Tokura บางส่วนจะเริ่มต้นจากสถานี Jomo-Kogen แต่ส่วนใหญ่จะออกจากสถานี Numata ขึ้นรถประจำทางสาย Sarugakyo (Kan-etsu Transportation) ไปยังสถานี Numata ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 25 นาที 
  • จากสถานี “Numata” บนสาย JR Joetsu Line นั่งรถบัสท้องถิ่น Kan-etsu Kotsu และลงที่ป้าย “Kamata” การเดินทางจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เวลาบนตารางเวลาบริการรถประจำทางอาจแตกต่างกันในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว 
  • จากนั้นขึ้นรถบัสที่มุ่งหน้าไปยัง Marunuma Kogen Ski Resort โดยขึ้นรถประจำทางKan-etsu Transportationที่มุ่งหน้าไปยังยุโมโตะ ออนเซ็นและลงที่ป้าย Mt. Nikko-Shirane Ropeway ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ปกติแล้วในวันที่กระเช้าลอยฟ้าเปิดให้บริการจะมีบริการรถรับส่งฟรีจากป้ายรถบัส Kamata รถรับส่งจะจอดรับผู้โดยสารบริเวณใกล้จุดจำหน่ายตั๋วกระเช้าลอยฟ้าภูเขานิกโกชิราเนะ

    คุณสามารถคลิกดูวิธีการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่นี่

ที่อยู่/แผนที่:

Gunma, Japan
https://maps.app.goo.gl/ibsEopnhMV6sUfw38

25. สะพานมัตสึมิ (Matsumi Bridge), มิคุนิพาส (Mikuni Pass)

สะพานมัตสึมิ (Matsumi Bridge), มิคุนิพาส (Mikuni Pass)

มิคุนิพาส (Mikuni Pass) คือสันเขาที่อยู่เลียบทางหลวงหมายเลข 273 ซึ่งเป็นถนนทางหลวงที่สูงที่สุดของเกาะฮอกไกโด (Hokkaido) โดยตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง (Daisetsusan National Park) เชื่อมระหว่างเมืองคามิคาวะ (Kamikawa) และเมืองโทคาชิ (Tokachi) เส้นทางขับรถเส้นนี้เป็นจุดชมวิวยอดนิยม มีวิวที่สวยงามตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ช่วงกลางเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม ต้นไม้โดยรอบพื้นที่จะถูกแต่งแต้มด้วยสีสันของใบไม้ที่มีหลากหลายสีสัน มีทั้งสีเหลือง สีส้ม สีแดง สีน้ำตาล สลับกันไป ทำให้ทัศนียภาพของพื้นที่โดยรอบสวยงามดุจดั่งภาพวาดอันน่าทึ่ง “สะพานมัตสึมิ (Matsumi Bridge)” เป็นสะพานสะพานสีแดงที่ทอดยาวเหนือผืนป่าที่เต็มไปด้วยสีสันของใบไม้ ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี หากมองจาก “สะพานเรียวคุชิน (Ryokushin Bridge)” คุณจะได้เห็นเห็นทิวทัศน์ของ สะพานมัตสึมิ (Matsumi Bridge) ที่ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติทั้งภูเขา ป่าไม้ ท้องฟ้า และก้อนเมฆ เป็นภาพที่งดงามและโรแมนติก

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี:

ช่วงปลายเดือนกันยายนถึงกลางเดือนตุลาคม

วิธีการเดินทาง:

1. จากโซอุนเคียว อนเซ็น (Sounkyo Onsen) แหล่งน้ำพุร้อนชื่อดัง ใช้เวลาขับรถประมาณ 30 นาทีก็ถึง Mikuni Pass 
2. จากตัวเมืองซัปโปโร (Sapporo) ขับรถยนต์ไปตามเส้นทางด่วน Hokkaido Expressway Pippu JCT ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที

ที่อยู่/แผนที่:

Hokkaido, Japan
https://maps.app.goo.gl/ZQ5VLWxsmgvzKNyr9

การเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เราควรวางแผนการท่องเที่ยวล่วงหน้า เนื่องจากในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวเพื่อชมความสวยงามของสถานที่ต่างๆ ที่ประเทศญี่ปุ่น ที่พักตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จะเต็มอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราจึงต้องรีบวางแผนการเดินทางและจองที่พักตามสถานที่ ที่เราต้องการเดินทางไปให้พร้อม และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีติดตัวไว้ก็คือ ประกันภัยการเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : facebook: ibaraki.thai, conomi.co, aomori-tourism.com, japan-guide.com, alpico.co.jp, japan.travel, en.japantravel.com, jnto.or.th, sapporo-kokusai.jp, visit.gunma.jp, whc.unesco.org

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

พยากรณ์ ซากุระ ญี่ปุ่น 2024

พยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น 2024 ล่าสุด! [ครั้งที่ 11 : 4 เมษายน 2024]

ได้เวลาเตรียมตัววางแผนการเดินทางเพื่อไปชม ซากุระ ญี่ปุ่น ในปี 2024 กันแล้ว การชมดอกซากุระที่บานสะพรั่งอย่างสวยงามหรือที่รู้จักกันในชื่อฮานามิหรือโอฮานามิในญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากในการเดินทางไปญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ผลิ โดยเฉพาะเดือนมีนาคมและเมษายน หากคุณวางแผนการเดินทางไปญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ผลิ ขอแนะนำอย่างยิ่งให้เช็คช่วงเวลาพยากรณ์ดอกซากุระบาน เนื่องจากช่วงเวลาที่ดีที่สุดจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานที่และสภาพอากาศในแต่ละปี Allianz Travel จะพาคุณไปเช็คจุดชมซากุระทั่วญี่ปุ่น ซึ่งตาราง พยากรณ์ ซากุระ ญี่ปุ่น ในปี 2024 อย่างเป็นทางการของ Japan Meteorological Corporation จะเริ่มขึ้นในเดือนมกราคม 2024 จนถึง ณ ตอนนี้ JMC ได้เผยแพร่ข้อมูลการพยากรณ์ซากุระบาน ในญี่ปุ่น ออกมาแล้วทั้งหมด 11 ครั้ง ซึ่งครั้งล่าสุดคือครั้งที่ 11 ถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ทาง Allianz Travel จะอัพเดทข้อมูลการพยากรณ์ช่วงเวลาซากุระบานมาให้เพื่อนๆ ได้คอยอัพเดทและใช้สำหรับการวางแผนการเดินทาง ในบทความนี้นะคะ 🙂

Update! เพื่อน ๆ สามารถตรวจสอบช่วงเวลาดอกซากุระบาน ในประเทศญี่ปุ่น ปี 2025 ได้ที่นี่ค่ะ: พยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น 2025 ล่าสุด!

ตารางพยากรณ์ช่วงเวลา ซากุระบาน ในญี่ปุ่นปี 2024

ตารางพยากรณ์ช่วงดอกซากุระบานของญี่ปุ่นในปี 2024 ครั้งล่าสุด (พยากรณ์ครั้งที่ 11) ประกาศออกมาแล้ว เผยแพร่โดย Japan Meteorological Corporation เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2024 ซึ่งเพื่อนๆ สามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการวางแผนการเดินทางปี 2024 ได้ค่ะ

ประกาศพยากรณ์ดอกซากุระบานปี 2024 (พยากรณ์ครั้งที่ 11 : 4 เมษายน 2024)

ขอบคุณรูปภาพจาก: JMC (Jpan Meteorological Corporation)

สถานที่ช่วงเวลาที่ซากุระเริ่มบานช่วงเวลาที่ซากุระบานเต็มที่
โตเกียว – Tokyo29 มีนาคม4 เมษายน
นาโงย่า – Nagoya28 มีนาคม7 เมษายน
เกียวโต – Kyoto29 มีนาคม5 เมษายน
โคจิ – Kochi23 มีนาคม31 มีนาคม
ฟุกุโอกะ – Fukuoka27 มีนาคม2 เมษายน
โอซาก้า – Osaka30 มีนาคม6 เมษายน
ฮิโรชิมะ – Hiroshima25 มีนาคม5 เมษายน
วากายามะ – Wakayama30 มีนาคม3 เมษายน
คานาซาว่า – Kanazawa1 เมษายน8 เมษายน
นากาโน่ – Nagano8 เมษายน10 เมษายน
คาโกชิมะ – Kagoshima29 มีนาคม7 เมษายน
เซนได – Sendai2 เมษายน9 เมษายน
อาโอโมริ – Aomori15 เมษายน18 เมษายน
ซัปโปโร – Sapporo27 เมษายน30 เมษายน
ดอกซากุระบานหรือดอกซากุระบานเต็มที่แล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก: Release of 2024 Cherry Blossom Forecast (11th forecast) – JMC (Jpan Meteorological Corporation)

สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการไปชื่นชมฤดูดอกซากุระบานในญี่ปุ่นควรเริ่มวางแผนการท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิล่วงหน้าอย่างน้อย 3-5 เดือน เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศเป็นจำนวนมาก โรงแรมในโตเกียวและเกียวโตจะเต็มอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราจึงต้องรีบจองที่พักทันทีที่มีกำหนดวันเดินทาง และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลท์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : n-kishou.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel