สาธารณรัฐตุรกี (Republic of Turkey) ได้ขอเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการเป็น Republic of Türkiye ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 โดยสำนักงานราชบัณฑิตยสภามีมติให้เขียนเป็นภาษาไทยว่า ‘สาธารณรัฐทูร์เคีย’ แต่ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ชื่อใดชื่อหนึ่งก็ได้ตามที่เห็นสมควร เนื่องจากชื่อแบบเดิมเป็นชื่อที่สาธารณชนไทยคุ้นเคย สาธารณรัฐทูร์เคียมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,500 ปีก่อนคริสตกาล และตั้งอยู่ในภูมิภาคที่มีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และเป็นประเทศที่มีพื้นที่เชื่อมต่อทั้งทวีปยุโรปและเอเชีย จนได้ฉายาว่า “ดินแดนสองทวีป” ที่เที่ยวตุรกี มีความงดงามทั้งทางด้านสถาปัตยกรรม วัฒนธรรมและอารยธรรม หากเราไปเที่ยวที่นี่ก็จะได้เที่ยว 2 ทวีปกันไปเลย นอกจากนี้ตุรกียังเป็นหนึ่งในประเทศที่คนไทยไม่ต้องขอวีซ่า และเที่ยวได้ถึง 30 วัน
Allianz Travel จะพาคุณไปเที่ยวตุรกี ที่เต็มไปด้วยสถานที่ที่งดงาม ทั้งทางประวัติศาสต์ สถาปัตยกรรมและโบราณสถานที่สะท้อนถึงอารยธรรมโบราณกว่าพันปี และธรรมชาติที่น่าสนใจ เราคัดมาแต่ที่เด็ดๆ ให้คุณได้ปักหมุด เช็คอิน และถ่ายรูปสวยไปลงรูปรัวๆ ในโซเชียลมีเดียได้ตลอดทั้งทริปเลยค่ะ
1. มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque) เมืองอิสตันบูล
มัสยิดสีน้ำเงิน หรือมัสยิดสุลต่านอาเหม็ด (Sultan Ahmed Mosque) เป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศตุรกี สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1609-1616 ในรัชสมัยของสุลต่านอาเหม็ดที่ 1 (Sultan Ahmed I) โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ประกอบด้วยหอคอยสูง 6 ต้นและโดมซึ่งมีระเบียงล้อมรอบตรงกลางมัสยิด เป็นสถาปัตยกรรมทางศาสนาที่สวยงาม ส่วนภายในมัสยิด ตกแต่งด้วยกระเบื้องและกระจกโทนสีน้ำเงินและฟ้าสลับกับสีสันต่างๆ จนเกิดเป็นลวดลายดอกไม้ต่างๆ เช่น ดอกทิวลิป ดอกคาร์เนชั่น ดอกกุหลาบ ทำให้เกิดการโปร่งแสง วิจิตรงดงามจนหาที่ติไม่ได้เลยค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
- มัสยิดสีน้ำเงินเปิดระหว่างเวลา 08:30-18:45 น. อย่างไรก็ตามจะมีการปิดไม่ให้เข้าในช่วงเวลาละหมาดระหว่างวันทั้งหมด 5 รอบด้วยกัน โดยแต่ละรอบจะใช้เวลา 90 นาที และจะปิด 2 ชั่วโมงในช่วงเที่ยงของวันศุกร์ ควรปิดแฟลชเมื่อคุณถ่ายภาพภายในมัสยิด และหลีกเลี่ยงการถ่ายภาพผู้คนที่กำลังสวดมนต์อยู่
- ผู้เข้าชมทั้งชายและหญิงไม่ได้รับอนุญาตให้สวมกางเกงขาสั้นหรือสวมเสื้อผ้าที่เปิดเผยให้เห็นผิวหนังมากเกินไป โดยผู้หญิงจะต้องใส่ผ้าคลุมศีรษะ ซึ่งหากไม่ได้เตรียมไปก็สามารถใช้ผ้าที่ทางมิสยิดจัดไว้ให้ก่อนจะเข้าไปด้านใน และต้องถอดรองเท้าฝากใส่ถุงไว้ ภายในก็จะมีป้ายบอกว่าให้รักษาความเงียบและงดเว้นจากการส่งเสียงดัง ผู้เข้าชมจะต้องอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดไว้เท่านั้น และห้ามสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด
- ช่วงพิธีรอมฎอน จะมีการสวดอย่างต่อเนื่องตลอด 1 เดือนเต็ม แนะนำให้หลีกเลี่ยงการไปท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว
วิธีเดินทาง
มัสยิดสีน้ำเงิน ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าอิสตันบูล (Old Istanbul) และอยู่ใกล้กับ ที่เที่ยวตุรกี ที่เป็นสถานที่ยอดนิยมอื่นๆ อย่างเช่น พิพิธภัณฑ์พระราชวังโทพคาปึ และฮาเกียโซเฟีย วิธีที่ดีที่สุดและง่ายที่สุดในการเดินทางคือนั่งรถรางสาย Bağcılar-Kabataş Tram T1 ลงที่สถานี Sultanahmet/ Blue Mosque
2. พิพิธภัณฑ์พระราชวังโทพคาปิ (Topkapi Palace) เมืองอิสตันบูล
พระราชวังริมน้ำเก่าแก่ซึ่งใช้เป็นที่พำนักขององค์สุลต่านในจักรวรรดิออตโตมันยาวนานกว่า 4 ศตวรรษ สร้างขึ้นตามความประสงค์ของสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 หลังจากตีกรุงคอนสแตนติโนเปิลแตกพ่าย ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ไว้จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของจักรวรรดิ โดยเฉพาะถ้วยโถโอชามและเพชรนิลจินดาทั้งหลาย นอกจากนี้ความโดดเด่นขงพระราชวังโทพคาปิยังอยู่ที่สถาปัตยกรรมที่เป็นกลุ่มอาคารหลังเล็กอยู่รวมกันคล้ายกระโจมของชาวเติร์กในอดีต ภายในตกแต่งเรียบง่ายด้วยกระเบื้องลวดลายธรรมชาติและเรขาคณิต โดยเฉพาะลายเถาไม้และดอกทิวลิป สัญลักษณ์ของประเทศตุรกี
ข้อมูลเพิ่มเติม
พิพิธภัณฑ์พระราชวังโทพคาปิเปิดทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร เวลา 9.00-18.00 น. ห้องขายตั๋วปิดก่อนเวลา 30 นาที และควรไปเยี่ยมชมแต่เช้าพื่อหลีกเลี่ยงฝูงชน นอกจากนี้จะปิดทำการในช่วงเช้าของวันแรกของวันหยุดอิสลามที่ใหญ่ที่สุด 2 วัน ได้แก่ Ramazan Bayramı (เทศกาลรอมฎอน) และ Kurban Bayramı (เทศกาลบูชายัญ)
3. ฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia) หรืออายาโซฟยา (Ayasofya) เมืองอิสตันบูล
โบราณสถานสำคัญที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองของจักรวรรดิโรมันและจักรวรรดิไบแซนไทน์แล้ว ยังได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง และเป็นโบสถ์ทรงโดมที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาเป็นเวลาเกือบพันปีเลยค่ะ แต่ถึงอย่างนั้น ศาสนสถานสุดยิ่งใหญ่แห่งนี้กลับต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางความเชื่อ ศิลปะวัฒนธรรม และสถานะอยู่หลายต่อหลายครั้ง ตั้งแต่เป็นโบสถ์ จากนั้นเป็นมัสยิด และปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ภายนอกของโบสถ์อาจดูธรรมดา แต่ภายในตกแต่งด้วยหินอ่อนที่คัดมาอย่างดี ปูพื้นและฉาบทั่วผนัง สลับกับหินแกรนิตสีเขียวลายดำที่ขัดจนเป็นมัน ภายในโถงกลาง โดมแห่งสรวงสวรรค์ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ปิดผิวพื้นด้วยโมเสกทองคำเคลือบแก้วต้องแสงระยิบระยับ ที่มุมทั้งสี่ของโดมรองรับด้วยแกนอิฐขนาดใหญ่ ประดับด้วยภาพเทวดาเซราฟิมที่มุมทั้งสี่ของโดม เพื่อป้องกันรัศมีที่แผ่ออกจากพระกายของพระเจ้าผู้ประทับอยู่กึ่งกลางโดม และเนื่องจากภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และผ่านมือของวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทั้งภายนอกและภายในสุเหร่าโซเฟียจึงเป็นส่วนผสมที่น่าทึ่งของสถาปัตยกรรมและศิลปะอิสลาม คาทอลิก เพแกนนิสต์ และออร์โธดอกซ์ นี่คือสิ่งที่ทำให้สุเหร่าโซเฟียมีความพิเศษ แตกต่างจากมัสยิดและโบสถ์อื่นๆ ทั้งหมดที่สามารถพบได้ในอิสตันบูล
ข้อมูลเพิ่มเติม
- ส่วนกลางของโบสถ์เป็นโดมครึ่งทรงกลมขนาดยักษ์เส้นผ่าศูนย์กลาง 32.5 เมตรในแกนเหนือ-ใต้ และกว้าง 31 เมตรในแกนตะวันออก-ตะวันตก อยู่สูงจากพื้นขึ้นไปประมาณ 56 เมตร เทียบได้กับตึกยุคใหม่สูง 20 ชั้นเลยทีเดียว
- หากเห็นเสาในห้องโถงที่มีนักท่องที่ยวต่อคิวเพื่อขอพร เสานี้เรียกว่า เสาขอพร (Wishing Column) หรือ เสาร่ำไห้ (Weeping Column) ที่เชื่อกันว่า มีพลังทางด้านการเยียวยารักษาที่มากับตำนานที่ให้เอานิ้วโป้งสอดเข้าไปในรูที่อยู่บนเสา แล้วหมุนข้อมือให้ครบรอบ ก็จะทำให้ความปรารถนาเป็นจริง (เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
4. ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar) เมืองอิสตันบูล
ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Kapalıçarşı ในภาษาตุรกี) เป็นหนึ่งในแหล่งช้อปปิ้งและตลาดในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่ 30,700 ตารางเมตร มีร้านค้าประมาณ 4,000 ร้าน รวมถึงมัสยิด ไปรษณีย์ ร้านอาหาร ธนาคาร และสถานีตำรวจของตลาด ทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองเล็กใจกลางเมือง ตลาดแห่งนี้เริ่มต้นขึ้นในปีค.ศ. 1461 และขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในตลอดหลายศตวรรษแห่งการปกครองของออตโตมัน การเยี่ยมชมที่นี่ไม่ใช่แค่การซื้อของที่ระลึกเท่านั้น ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมในอิสตันบูลเพื่อสัมผัสวิถีชีวิตของชาวออตโตมัน
เคล็ดลับการช้อปปิ้งในตลาดแกรนด์บาซาร์
- คุยและต่อรองราคากับคนขาย โดยเฉพาะสินค้าทำมือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น พรม งานฝีมือ งานศิลปะ ของเก่า และสินค้าอื่นๆ ที่ไม่มีราคามาตรฐาน
- ไม่ควรเร่งรีบ เพราะตลาดแกรนด์บาซาร์มีขนาดใหญ่และกว้างขวางและเต็มไปด้วยร้านค้าทางวัฒนธรรมที่หลากหลายไม่เหมือนที่อื่นในโลก อย่าซื้อจากผู้ขายรายแรกที่เจอ ควรใชเวลาเดินสำรวจสิ่งต่างๆ และค้นหาราคาที่ดีที่สุด
- วางแผนไว้ก่อนว่าคุณอยากซื้ออะไร จะช่วยจำกัดสถานที่ที่คุณต้องการไปให้แคบลง ดูแผนที่ของตลาดล่วงหน้าเพื่อตัดสินใจเลือกทางเข้าและถนนที่จะเข้าไป
- เลี่ยงการไปช่วงกลางวัน เพราะจะมีคนเยอะมาก ใช้เวลาช่วงเช้าหรือบ่ายจะดีที่สุด
- อย่ากลัวที่จะเดินจากไป
- หากคุณไม่สนใจสินค้าที่มีคนมาเสนอขาย หรือไม่ได้ราคาตามที่คุณต้องการ ให้รีบเดินออกไป
- ถ้าคุณชอบสินค้านั้นจริงๆ และได้ข้อเสนอดีๆ ให้ซื้อไว้เลย คุณจะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง
5. หุบเขาสีแดง (Red Valley) เมืองคัปปาโดเกีย
หุบเขาสีแดงตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเกอเรเม่ทางตอนกลางของตุรกี หนึ่งใน ที่เที่ยวตุรกี ที่มีชื่อเสียงในเรื่องหินสีแดง ปล่องไฟนางฟ้า สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟโบราณ และบอลลูนลมร้อน สารที่ทำให้บริเวณนี้มีสีแดงคือแร่เหล็กที่อยู่ในหินเถ้าภูเขาไฟ โดยพื้นที่หุบเขานี้จะเป็นสีชมพูในตอนกลางวัน และเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อพระอาทิตย์ตก คุณควรเริ่มเดินป่าจากหมู่บ้าน Cavusin อย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เพื่อให้ทันภาพหุบเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มยามพระอาทิตย์ตกดิน หุบเขาสีแดงยังอยู่บนเส้นทางยอดนิยมของการนั่งบอลลูนลมร้อนในคัปปาโดเกีย การขับรถเอทีวี ทัวร์ซาฟารีแบบออฟโรดบนรถที่ขับเคลื่อนแบบสี่ล้อ
6. พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ (Göreme Open-Air Museum) เมืองคัปปาโดเกีย
สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ไม่ควรพลาดในภูมิภาคคัปปาโดเกียกีคือพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ในหุบเขาเกอเรเม่ ใช้เวลาเดินเพียง 20 นาที (1.5 กม.) จากเมืองเกอเรเม่ ที่นี่เป็นโบสถ์น้อยใหญ่ที่เกิดจากการขุดเจาะกลุ่มหินปล่องไฟนางฟ้าจนกลายเป็นโพรงถ้ำต่างๆ สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 3 จนถึงศตวรรษที่ 12 ทำให้มีโบสถ์ถ้ำน้อยใหญ่เกิดขึ้นมากมาย ภายในโบสถ์มีภาพเขียนเฟรสโกที่บอกเล่าเรื่องราวของพระเยซู และอัครสาวก รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสมัยนั้น ภาพจิตรกรรมฝาผนังส่วนใหญ่ในโบสถ์ได้รับความเสียหายจากลม น้ำ สภาพอากาศ แผ่นดินไหว และคน แต่ความสวยงามและการตกแต่งของโบสถ์ยังคงปรากฏให้เห็นชัดเจน
ข้อมูลเพิ่มเติม
- ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดอยู่ในโบสถ์แห่งความมืด (Karanlık Kilise) ซึ่งต้องเสียค่าเข้าชมเพิ่มเติม (TL12) และโบสถ์ไม่มีคนพลุกพล่านนัก
- หากไปเที่ยวในฤดูร้อน ควรไปตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะตอนกลางวันจะร้อนจัด และคนเยอะมาก ทำให้เข้าไปแออัดในโบสถ์ขนาดเล็ก บางครั้งอาจบังแสงธรรมชาติซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแสงเดียวในโบสถ์ส่วนใหญ่
- โบสถ์ที่ใหญ่ที่สุด เด่นที่สุด และสวยที่สุดคือ โบสถ์ Buckle (Tokalı Kilise) อยู่นอกเขตหุบเขาหลัก ลงเนินไปทางเมือง Göreme เพียงไม่กี่ก้าวทางด้านขวามือ ภาพวาดภายในยังสมบูรณ์และงดงามไปด้วยเรื่องราวในศาสนาคริสต์ และรวมอยู่ในตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่แล้ว
- พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 08:30-19:00 น. ในช่วงฤดูหนาวจะปิดเร็วขึ้น (17.00 น.)
7. ปามุคคาเล่ (Pamukkale) เมืองเดนิซลี
ปามุคคาเล่ หรือปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ของตุรกีที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ด้วยภาพคุ้นตาคือน้ำสีฟ้าใสในแอ่งสีขาวที่ลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ สวยงาม ยาวประมาณ 2.7 กิโลเมตร สูง 160 เมตร ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งสปา” เนื่องจากมีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติจำนวนมากที่เกิดจากความดันความร้อนใต้พื้นดินที่ 35 – 36 องศาเซลเซียส ว่ากันว่าน้ำพุร้อนที่นี่มีอายุมากว่า 14,000 ปี โดยตะกอนที่ไหลมาได้ฝังตัวทับถมกันจนเป็นตะไคร่น้ำสีขาวและกลายเป็นปราสาทปุยฝ้ายเช่นที่ปรากฏ ส่วนน้ำสีฟ้าใสราวกับแสงตกกระทบกับกระเบื้องหินอ่อนนั้น เกิดจากน้ำร้อนที่ทำปฏิกิริยากับกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และสูญเสียความร้อน เมื่อก๊าซสัมผัสกับอากาศจึงทำให้แคลเซียมคาร์บอเนตตกตะกอน พื้นน้ำในบ่อน้ำพุร้อนเหล่านี้จึงมีสีฟ้าสดใส สวยงาม และเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถแช่น้ำแร่ธรรมชาติที่นี่ได้ด้วย ด้วยลักษณะทางธรรมชาติที่โดดเด่นไม่เหมือนที่ใดในโลก ปามุคคาเล่จึงได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1988
ข้อมูลเพิ่มเติม
ปามุคคาเล่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) และช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) จะเป็นช่วงที่น้ำเต็มทุกบ่อ เหมาะสำหรับการมาเที่ยวปามุคคาเล่ที่สุด ส่วนในช่วงฤดูร้อนนั้นน้ำจะค่อนข้างแห้งและอากาศร้อนอบอ้าว ส่วนฤดูหนาวก็หนาวเย็นจนเกินไป แต่ก็จะได้สัมผัสกับความสวยงามในอีกบรรยากาศหนึ่ง
วิธีเดินทาง (ถ้าไม่ได้เช่ารถ)
- นั่งเครื่องบินภายในประเทศมาลงที่สนามบินอิซเมียร์แล้วต่อรถบัส ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ www.pamukkale.com.tr
- นั่งเครื่องบินภายในประเทศมาลงที่สนามบินอิซเมียร์แล้วต่อรถไฟไปลงที่เมืองเดนิซลี จากนั้นค่อยต่อมินิบัสหรือแท็กซี่ไปที่ปามุคคาเล่อีกที รถไฟใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
- นั่งรถบัสจากอิสตันบูล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-11 ชั่วโมง ตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ www.kamilkoc.com.tr
8. เมืองโบราณเอฟิซัส (Ephesus)
เมืองเอฟิซัสเป็นเมืองท่ากรีกโบราณที่ตั้งอยู่ใกล้กับชายฝั่งตะวันตกของตุรกีสมัยใหม่ เป็นเมืองที่เคยรุ่งเรืองที่สุดในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และมีอายุเก่าแก่กว่า 2,500 ปี แหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศตุรกี สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือวิหารอาร์เทมิส สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ปัจจุบัน เหลือเพียงฐานรากและเสาเดียวของสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นวิหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนโบราณ หอสมุดเซลซุส (Library of Celcus) หอสมุดที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก แม้จะถูกทำลายไปหลายส่วน หลงเหลือเพียงสถาปัตยกรรมภายนอกเท่านั้น แต่ก็สะท้อนถึงศิลปะเฮลเลนนิสติก (Hellenistic) ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมี โรงละครกลางแจ้งเอฟิซัส (Great Theatre) ที่สามารถจุคนได้ถึง 30,000 คน มหาวิหารแห่งอาร์เทมิส (Temple of Artemis) และสถานที่อื่นๆ อีกมากมายที่น่าไปเยี่ยมชมค่ะ
9. หมู่บ้านโอลูเดนิซ (Ölüdeniz) เมืองเฟติเย (Fethiye)
หมู่บ้านโอลูเดนิซ (Ölüdeniz) หมู่บ้านเล็กๆ ริมทะเลอีเจียน อยู่ในเมืองเฟติเย (Fethiye) ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกี เป็นจุดหมายปลายทางชายฝั่งเทอร์ควอยส์ที่มีชื่อเรื่องบลูลากูนอันงดงามและเงียบสงบ ตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งชาติ เป็นสถานที่สำหรับ ว่ายน้ำ อาบแดด ดำน้ำตื้น หรือดำน้ำลึกเพื่อสำรวจผืนน้ำที่ใสดุจคริสตัลของทะเลสาบและแนวหินใต้น้ำที่น่าตื่นตาตื่นใจ และพาราไกลดิ้งจากยอดเขาใกล้เคียง หรือเพียงแค่พักผ่อนบนเลานจ์ริมชายหาดบนชายฝั่ง และเพลิดเพลินไปกับความอบอุ่นของแสงแดด ที่มีชายหาดที่ขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ใน 5 ชายหาดที่สวยที่สุดในโลก โดดเด่นด้วยหาดทรายสีขาวสะอาด ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าใสที่ค่อยๆ ไล่เฉดเป็นสีน้ำเงินเข้มตามความตื้นลึกของท้องทะเล โอบล้อมไปด้วยภูเขาอุดมสมบูรณ์ เป็นทั้งแหล่งพักผ่อน และจุดกระโดดร่มขึ้นชื่อ เรียกว่าตอบโจทย์ทั้งนักท่องเที่ยวสายชิล และสายลุยเลยค่ะ
ประกันการเดินทางต่างประเทศจำเป็นไหม
สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางอย่างอุ่นใจไร้กังวลก็คือประกันการเดินทาง เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย เที่ยวบินดีเลย์ เป็นต้น อย่าให้เงินที่เราตั้งใจจะประหยัดในการเดินทาง ต้องมาจ่ายให้กับเหตุการณ์ที่เราไม่คาดคิดดังกล่าว ประกันภัยการเดินทาง จะช่วยให้ทริปการเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด ด้วยค่าเบี้ยประกันเริ่มต้นเพียงหลักร้อย แต่ให้ความคุ้มครองสูงสุดหลักล้าน เพื่อนๆ สามารถเที่ยวได้อย่างอุ่นใจ หมดห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายและผู้ช่วยเหลือหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินในต่างประเทศไปได้เลยค่ะ
การไปเที่ยวต่างประเทศเพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม สิ่งสำคัญที่จะช่วยคุณรับมือหากเกิดเหตุฉุกเฉินที่เราไม่ได้คาดคิดระหว่างการเดินทาง ที่อาจทำให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ ก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
ขอบคุณข้อมูลจาก : turkeytravelplanner.com, cuddlynest.com, journalofnomads.com
เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel