9 ที่เที่ยวตุรกี ดินแดนสองทวีป แหล่งอารยธรรมและมรดกโลก

9 ที่เที่ยวตุรกี ดินแดนสองทวีป แหล่งอารยธรรมและมรดกโลก

สาธารณรัฐตุรกี (Republic of Turkey) ได้ขอเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการเป็น Republic of Türkiye ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 โดยสำนักงานราชบัณฑิตยสภามีมติให้เขียนเป็นภาษาไทยว่า ‘สาธารณรัฐทูร์เคีย’ แต่ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ชื่อใดชื่อหนึ่งก็ได้ตามที่เห็นสมควร เนื่องจากชื่อแบบเดิมเป็นชื่อที่สาธารณชนไทยคุ้นเคย สาธารณรัฐทูร์เคียมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,500 ปีก่อนคริสตกาล และตั้งอยู่ในภูมิภาคที่มีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และเป็นประเทศที่มีพื้นที่เชื่อมต่อทั้งทวีปยุโรปและเอเชีย จนได้ฉายาว่า “ดินแดนสองทวีป” ที่เที่ยวตุรกี มีความงดงามทั้งทางด้านสถาปัตยกรรม วัฒนธรรมและอารยธรรม หากเราไปเที่ยวที่นี่ก็จะได้เที่ยว 2 ทวีปกันไปเลย นอกจากนี้ตุรกียังเป็นหนึ่งในประเทศที่คนไทยไม่ต้องขอวีซ่า และเที่ยวได้ถึง 30 วัน

Allianz Travel จะพาคุณไปเที่ยวตุรกี ที่เต็มไปด้วยสถานที่ที่งดงาม ทั้งทางประวัติศาสต์ สถาปัตยกรรมและโบราณสถานที่สะท้อนถึงอารยธรรมโบราณกว่าพันปี และธรรมชาติที่น่าสนใจ เราคัดมาแต่ที่เด็ดๆ ให้คุณได้ปักหมุด เช็คอิน และถ่ายรูปสวยไปลงรูปรัวๆ ในโซเชียลมีเดียได้ตลอดทั้งทริปเลยค่ะ

1. มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque) เมืองอิสตันบูล

มัสยิดสีน้ำเงิน หรือมัสยิดสุลต่านอาเหม็ด (Sultan Ahmed Mosque) เป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศตุรกี สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1609-1616 ในรัชสมัยของสุลต่านอาเหม็ดที่ 1 (Sultan Ahmed I) โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ประกอบด้วยหอคอยสูง 6 ต้นและโดมซึ่งมีระเบียงล้อมรอบตรงกลางมัสยิด เป็นสถาปัตยกรรมทางศาสนาที่สวยงาม ส่วนภายในมัสยิด ตกแต่งด้วยกระเบื้องและกระจกโทนสีน้ำเงินและฟ้าสลับกับสีสันต่างๆ จนเกิดเป็นลวดลายดอกไม้ต่างๆ เช่น ดอกทิวลิป ดอกคาร์เนชั่น ดอกกุหลาบ ทำให้เกิดการโปร่งแสง วิจิตรงดงามจนหาที่ติไม่ได้เลยค่ะ

เที่ยวตุรกี มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque) เมืองอิสตันบูล

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • มัสยิดสีน้ำเงินเปิดระหว่างเวลา 08:30-18:45 น. อย่างไรก็ตามจะมีการปิดไม่ให้เข้าในช่วงเวลาละหมาดระหว่างวันทั้งหมด 5 รอบด้วยกัน โดยแต่ละรอบจะใช้เวลา 90 นาที และจะปิด 2 ชั่วโมงในช่วงเที่ยงของวันศุกร์ ควรปิดแฟลชเมื่อคุณถ่ายภาพภายในมัสยิด และหลีกเลี่ยงการถ่ายภาพผู้คนที่กำลังสวดมนต์อยู่
  • ผู้เข้าชมทั้งชายและหญิงไม่ได้รับอนุญาตให้สวมกางเกงขาสั้นหรือสวมเสื้อผ้าที่เปิดเผยให้เห็นผิวหนังมากเกินไป โดยผู้หญิงจะต้องใส่ผ้าคลุมศีรษะ ซึ่งหากไม่ได้เตรียมไปก็สามารถใช้ผ้าที่ทางมิสยิดจัดไว้ให้ก่อนจะเข้าไปด้านใน และต้องถอดรองเท้าฝากใส่ถุงไว้ ภายในก็จะมีป้ายบอกว่าให้รักษาความเงียบและงดเว้นจากการส่งเสียงดัง ผู้เข้าชมจะต้องอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดไว้เท่านั้น และห้ามสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด
  • ช่วงพิธีรอมฎอน จะมีการสวดอย่างต่อเนื่องตลอด 1 เดือนเต็ม แนะนำให้หลีกเลี่ยงการไปท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว

วิธีเดินทาง

มัสยิดสีน้ำเงิน ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าอิสตันบูล (Old Istanbul) และอยู่ใกล้กับ ที่เที่ยวตุรกี ที่เป็นสถานที่ยอดนิยมอื่นๆ อย่างเช่น พิพิธภัณฑ์พระราชวังโทพคาปึ และฮาเกียโซเฟีย วิธีที่ดีที่สุดและง่ายที่สุดในการเดินทางคือนั่งรถรางสาย Bağcılar-Kabataş Tram T1 ลงที่สถานี Sultanahmet/ Blue Mosque

2. พิพิธภัณฑ์พระราชวังโทพคาปิ (Topkapi Palace) เมืองอิสตันบูล

พระราชวังริมน้ำเก่าแก่ซึ่งใช้เป็นที่พำนักขององค์สุลต่านในจักรวรรดิออตโตมันยาวนานกว่า 4 ศตวรรษ สร้างขึ้นตามความประสงค์ของสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 หลังจากตีกรุงคอนสแตนติโนเปิลแตกพ่าย ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ไว้จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของจักรวรรดิ โดยเฉพาะถ้วยโถโอชามและเพชรนิลจินดาทั้งหลาย นอกจากนี้ความโดดเด่นขงพระราชวังโทพคาปิยังอยู่ที่สถาปัตยกรรมที่เป็นกลุ่มอาคารหลังเล็กอยู่รวมกันคล้ายกระโจมของชาวเติร์กในอดีต ภายในตกแต่งเรียบง่ายด้วยกระเบื้องลวดลายธรรมชาติและเรขาคณิต โดยเฉพาะลายเถาไม้และดอกทิวลิป สัญลักษณ์ของประเทศตุรกี

เที่ยวตุรกี พิพิธภัณฑ์พระราชวังโทพคาปึ (Topkapi Palace) เมืองอิสตันบูล

ข้อมูลเพิ่มเติม

พิพิธภัณฑ์พระราชวังโทพคาปิเปิดทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร เวลา 9.00-18.00 น. ห้องขายตั๋วปิดก่อนเวลา 30 นาที และควรไปเยี่ยมชมแต่เช้าพื่อหลีกเลี่ยงฝูงชน นอกจากนี้จะปิดทำการในช่วงเช้าของวันแรกของวันหยุดอิสลามที่ใหญ่ที่สุด 2 วัน ได้แก่ Ramazan Bayramı (เทศกาลรอมฎอน) และ Kurban Bayramı (เทศกาลบูชายัญ)

3. ฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia) หรืออายาโซฟยา (Ayasofya) เมืองอิสตันบูล

โบราณสถานสำคัญที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองของจักรวรรดิโรมันและจักรวรรดิไบแซนไทน์แล้ว ยังได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง และเป็นโบสถ์ทรงโดมที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาเป็นเวลาเกือบพันปีเลยค่ะ แต่ถึงอย่างนั้น ศาสนสถานสุดยิ่งใหญ่แห่งนี้กลับต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางความเชื่อ ศิลปะวัฒนธรรม และสถานะอยู่หลายต่อหลายครั้ง ตั้งแต่เป็นโบสถ์ จากนั้นเป็นมัสยิด และปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ภายนอกของโบสถ์อาจดูธรรมดา แต่ภายในตกแต่งด้วยหินอ่อนที่คัดมาอย่างดี ปูพื้นและฉาบทั่วผนัง สลับกับหินแกรนิตสีเขียวลายดำที่ขัดจนเป็นมัน ภายในโถงกลาง โดมแห่งสรวงสวรรค์ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ปิดผิวพื้นด้วยโมเสกทองคำเคลือบแก้วต้องแสงระยิบระยับ ที่มุมทั้งสี่ของโดมรองรับด้วยแกนอิฐขนาดใหญ่ ประดับด้วยภาพเทวดาเซราฟิมที่มุมทั้งสี่ของโดม เพื่อป้องกันรัศมีที่แผ่ออกจากพระกายของพระเจ้าผู้ประทับอยู่กึ่งกลางโดม และเนื่องจากภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และผ่านมือของวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทั้งภายนอกและภายในสุเหร่าโซเฟียจึงเป็นส่วนผสมที่น่าทึ่งของสถาปัตยกรรมและศิลปะอิสลาม คาทอลิก เพแกนนิสต์ และออร์โธดอกซ์ นี่คือสิ่งที่ทำให้สุเหร่าโซเฟียมีความพิเศษ แตกต่างจากมัสยิดและโบสถ์อื่นๆ ทั้งหมดที่สามารถพบได้ในอิสตันบูล

เที่ยวตุรกี ฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia) หรืออายาโซฟยา (Ayasofya) เมืองอิสตันบูล

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ส่วนกลางของโบสถ์เป็นโดมครึ่งทรงกลมขนาดยักษ์เส้นผ่าศูนย์กลาง 32.5 เมตรในแกนเหนือ-ใต้ และกว้าง 31 เมตรในแกนตะวันออก-ตะวันตก อยู่สูงจากพื้นขึ้นไปประมาณ 56 เมตร เทียบได้กับตึกยุคใหม่สูง 20 ชั้นเลยทีเดียว
  • หากเห็นเสาในห้องโถงที่มีนักท่องที่ยวต่อคิวเพื่อขอพร เสานี้เรียกว่า เสาขอพร (Wishing Column) หรือ เสาร่ำไห้ (Weeping Column) ที่เชื่อกันว่า มีพลังทางด้านการเยียวยารักษาที่มากับตำนานที่ให้เอานิ้วโป้งสอดเข้าไปในรูที่อยู่บนเสา แล้วหมุนข้อมือให้ครบรอบ ก็จะทำให้ความปรารถนาเป็นจริง (เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

4. ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar) เมืองอิสตันบูล

ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Kapalıçarşı ในภาษาตุรกี) เป็นหนึ่งในแหล่งช้อปปิ้งและตลาดในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่ 30,700 ตารางเมตร มีร้านค้าประมาณ 4,000 ร้าน รวมถึงมัสยิด ไปรษณีย์ ร้านอาหาร ธนาคาร และสถานีตำรวจของตลาด ทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองเล็กใจกลางเมือง ตลาดแห่งนี้เริ่มต้นขึ้นในปีค.ศ. 1461 และขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในตลอดหลายศตวรรษแห่งการปกครองของออตโตมัน การเยี่ยมชมที่นี่ไม่ใช่แค่การซื้อของที่ระลึกเท่านั้น ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมในอิสตันบูลเพื่อสัมผัสวิถีชีวิตของชาวออตโตมัน

เที่ยวตุรกี ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar) เมืองอิสตันบูล

เคล็ดลับการช้อปปิ้งในตลาดแกรนด์บาซาร์

  • คุยและต่อรองราคากับคนขาย โดยเฉพาะสินค้าทำมือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น พรม งานฝีมือ งานศิลปะ ของเก่า และสินค้าอื่นๆ ที่ไม่มีราคามาตรฐาน
  • ไม่ควรเร่งรีบ เพราะตลาดแกรนด์บาซาร์มีขนาดใหญ่และกว้างขวางและเต็มไปด้วยร้านค้าทางวัฒนธรรมที่หลากหลายไม่เหมือนที่อื่นในโลก อย่าซื้อจากผู้ขายรายแรกที่เจอ ควรใชเวลาเดินสำรวจสิ่งต่างๆ และค้นหาราคาที่ดีที่สุด
  • วางแผนไว้ก่อนว่าคุณอยากซื้ออะไร จะช่วยจำกัดสถานที่ที่คุณต้องการไปให้แคบลง ดูแผนที่ของตลาดล่วงหน้าเพื่อตัดสินใจเลือกทางเข้าและถนนที่จะเข้าไป
  • เลี่ยงการไปช่วงกลางวัน เพราะจะมีคนเยอะมาก ใช้เวลาช่วงเช้าหรือบ่ายจะดีที่สุด
  • อย่ากลัวที่จะเดินจากไป
  • หากคุณไม่สนใจสินค้าที่มีคนมาเสนอขาย หรือไม่ได้ราคาตามที่คุณต้องการ ให้รีบเดินออกไป
  • ถ้าคุณชอบสินค้านั้นจริงๆ และได้ข้อเสนอดีๆ ให้ซื้อไว้เลย คุณจะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง

5. หุบเขาสีแดง (Red Valley) เมืองคัปปาโดเกีย

เที่ยวตุรกี หุบเขาสีแดง (Red Valley) เมืองคัปปาโดเกีย
หุบเขาสีแดง (Red Valley) เมืองคัปปาโดเกีย

หุบเขาสีแดงตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเกอเรเม่ทางตอนกลางของตุรกี หนึ่งใน ที่เที่ยวตุรกี ที่มีชื่อเสียงในเรื่องหินสีแดง ปล่องไฟนางฟ้า สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟโบราณ และบอลลูนลมร้อน สารที่ทำให้บริเวณนี้มีสีแดงคือแร่เหล็กที่อยู่ในหินเถ้าภูเขาไฟ โดยพื้นที่หุบเขานี้จะเป็นสีชมพูในตอนกลางวัน และเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อพระอาทิตย์ตก คุณควรเริ่มเดินป่าจากหมู่บ้าน Cavusin อย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เพื่อให้ทันภาพหุบเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มยามพระอาทิตย์ตกดิน หุบเขาสีแดงยังอยู่บนเส้นทางยอดนิยมของการนั่งบอลลูนลมร้อนในคัปปาโดเกีย การขับรถเอทีวี ทัวร์ซาฟารีแบบออฟโรดบนรถที่ขับเคลื่อนแบบสี่ล้อ

6. พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ (Göreme Open-Air Museum) เมืองคัปปาโดเกีย

สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ไม่ควรพลาดในภูมิภาคคัปปาโดเกียกีคือพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ในหุบเขาเกอเรเม่ ใช้เวลาเดินเพียง 20 นาที (1.5 กม.) จากเมืองเกอเรเม่ ที่นี่เป็นโบสถ์น้อยใหญ่ที่เกิดจากการขุดเจาะกลุ่มหินปล่องไฟนางฟ้าจนกลายเป็นโพรงถ้ำต่างๆ สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 3 จนถึงศตวรรษที่ 12 ทำให้มีโบสถ์ถ้ำน้อยใหญ่เกิดขึ้นมากมาย ภายในโบสถ์มีภาพเขียนเฟรสโกที่บอกเล่าเรื่องราวของพระเยซู และอัครสาวก รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสมัยนั้น ภาพจิตรกรรมฝาผนังส่วนใหญ่ในโบสถ์ได้รับความเสียหายจากลม น้ำ สภาพอากาศ แผ่นดินไหว และคน แต่ความสวยงามและการตกแต่งของโบสถ์ยังคงปรากฏให้เห็นชัดเจน

เที่ยวตุรกี พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ (Göreme Open-Air Museum) เมืองคัปปาโดเกีย

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดอยู่ในโบสถ์แห่งความมืด (Karanlık Kilise) ซึ่งต้องเสียค่าเข้าชมเพิ่มเติม (TL12) และโบสถ์ไม่มีคนพลุกพล่านนัก
  • หากไปเที่ยวในฤดูร้อน ควรไปตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะตอนกลางวันจะร้อนจัด และคนเยอะมาก ทำให้เข้าไปแออัดในโบสถ์ขนาดเล็ก บางครั้งอาจบังแสงธรรมชาติซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแสงเดียวในโบสถ์ส่วนใหญ่
  • โบสถ์ที่ใหญ่ที่สุด เด่นที่สุด และสวยที่สุดคือ โบสถ์ Buckle (Tokalı Kilise) อยู่นอกเขตหุบเขาหลัก ลงเนินไปทางเมือง Göreme เพียงไม่กี่ก้าวทางด้านขวามือ ภาพวาดภายในยังสมบูรณ์และงดงามไปด้วยเรื่องราวในศาสนาคริสต์ และรวมอยู่ในตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่แล้ว
  • พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 08:30-19:00 น. ในช่วงฤดูหนาวจะปิดเร็วขึ้น (17.00 น.)

7. ปามุคคาเล่ (Pamukkale) เมืองเดนิซลี

ปามุคคาเล่ หรือปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ของตุรกีที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ด้วยภาพคุ้นตาคือน้ำสีฟ้าใสในแอ่งสีขาวที่ลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ สวยงาม ยาวประมาณ 2.7 กิโลเมตร สูง 160 เมตร ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งสปา” เนื่องจากมีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติจำนวนมากที่เกิดจากความดันความร้อนใต้พื้นดินที่ 35 – 36 องศาเซลเซียส ว่ากันว่าน้ำพุร้อนที่นี่มีอายุมากว่า 14,000 ปี โดยตะกอนที่ไหลมาได้ฝังตัวทับถมกันจนเป็นตะไคร่น้ำสีขาวและกลายเป็นปราสาทปุยฝ้ายเช่นที่ปรากฏ ส่วนน้ำสีฟ้าใสราวกับแสงตกกระทบกับกระเบื้องหินอ่อนนั้น เกิดจากน้ำร้อนที่ทำปฏิกิริยากับกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และสูญเสียความร้อน เมื่อก๊าซสัมผัสกับอากาศจึงทำให้แคลเซียมคาร์บอเนตตกตะกอน พื้นน้ำในบ่อน้ำพุร้อนเหล่านี้จึงมีสีฟ้าสดใส สวยงาม และเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถแช่น้ำแร่ธรรมชาติที่นี่ได้ด้วย ด้วยลักษณะทางธรรมชาติที่โดดเด่นไม่เหมือนที่ใดในโลก ปามุคคาเล่จึงได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1988

เที่ยวตุรกี ปามุคคาเล่ (Pamukkale) เมืองเดนิซลี

ข้อมูลเพิ่มเติม

ปามุคคาเล่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) และช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) จะเป็นช่วงที่น้ำเต็มทุกบ่อ เหมาะสำหรับการมาเที่ยวปามุคคาเล่ที่สุด ส่วนในช่วงฤดูร้อนนั้นน้ำจะค่อนข้างแห้งและอากาศร้อนอบอ้าว ส่วนฤดูหนาวก็หนาวเย็นจนเกินไป แต่ก็จะได้สัมผัสกับความสวยงามในอีกบรรยากาศหนึ่ง

ปามุคคาเล่ (Pamukkale) เมืองเดนิซลี

วิธีเดินทาง (ถ้าไม่ได้เช่ารถ)

  • นั่งเครื่องบินภายในประเทศมาลงที่สนามบินอิซเมียร์แล้วต่อรถบัส ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ www.pamukkale.com.tr
  • นั่งเครื่องบินภายในประเทศมาลงที่สนามบินอิซเมียร์แล้วต่อรถไฟไปลงที่เมืองเดนิซลี จากนั้นค่อยต่อมินิบัสหรือแท็กซี่ไปที่ปามุคคาเล่อีกที รถไฟใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
  • นั่งรถบัสจากอิสตันบูล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-11 ชั่วโมง ตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ www.kamilkoc.com.tr

8. เมืองโบราณเอฟิซัส (Ephesus)

เที่ยวตุรกี เมืองโบราณเอฟิซัส (Ephesus)

เมืองเอฟิซัสเป็นเมืองท่ากรีกโบราณที่ตั้งอยู่ใกล้กับชายฝั่งตะวันตกของตุรกีสมัยใหม่ เป็นเมืองที่เคยรุ่งเรืองที่สุดในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และมีอายุเก่าแก่กว่า 2,500 ปี แหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศตุรกี สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือวิหารอาร์เทมิส สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ปัจจุบัน เหลือเพียงฐานรากและเสาเดียวของสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นวิหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนโบราณ หอสมุดเซลซุส (Library of Celcus) หอสมุดที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก แม้จะถูกทำลายไปหลายส่วน หลงเหลือเพียงสถาปัตยกรรมภายนอกเท่านั้น แต่ก็สะท้อนถึงศิลปะเฮลเลนนิสติก (Hellenistic) ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมี โรงละครกลางแจ้งเอฟิซัส (Great Theatre) ที่สามารถจุคนได้ถึง 30,000 คน มหาวิหารแห่งอาร์เทมิส (Temple of Artemis) และสถานที่อื่นๆ อีกมากมายที่น่าไปเยี่ยมชมค่ะ

เมืองโบราณเอฟิซัส (Ephesus)

9. หมู่บ้านโอลูเดนิซ (Ölüdeniz) เมืองเฟติเย (Fethiye)

หมู่บ้านโอลูเดนิซ (Ölüdeniz) หมู่บ้านเล็กๆ ริมทะเลอีเจียน อยู่ในเมืองเฟติเย (Fethiye) ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกี เป็นจุดหมายปลายทางชายฝั่งเทอร์ควอยส์ที่มีชื่อเรื่องบลูลากูนอันงดงามและเงียบสงบ ตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งชาติ เป็นสถานที่สำหรับ ว่ายน้ำ อาบแดด ดำน้ำตื้น หรือดำน้ำลึกเพื่อสำรวจผืนน้ำที่ใสดุจคริสตัลของทะเลสาบและแนวหินใต้น้ำที่น่าตื่นตาตื่นใจ และพาราไกลดิ้งจากยอดเขาใกล้เคียง หรือเพียงแค่พักผ่อนบนเลานจ์ริมชายหาดบนชายฝั่ง และเพลิดเพลินไปกับความอบอุ่นของแสงแดด ที่มีชายหาดที่ขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ใน 5 ชายหาดที่สวยที่สุดในโลก โดดเด่นด้วยหาดทรายสีขาวสะอาด ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าใสที่ค่อยๆ ไล่เฉดเป็นสีน้ำเงินเข้มตามความตื้นลึกของท้องทะเล โอบล้อมไปด้วยภูเขาอุดมสมบูรณ์ เป็นทั้งแหล่งพักผ่อน และจุดกระโดดร่มขึ้นชื่อ เรียกว่าตอบโจทย์ทั้งนักท่องเที่ยวสายชิล และสายลุยเลยค่ะ

เที่ยวตุรกี หมู่บ้านโอลูเดนิซ (Ölüdeniz) เมืองเฟติเย (Fethiye)

ประกันการเดินทางต่างประเทศจำเป็นไหม

สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางอย่างอุ่นใจไร้กังวลก็คือประกันการเดินทาง เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย เที่ยวบินดีเลย์ เป็นต้น อย่าให้เงินที่เราตั้งใจจะประหยัดในการเดินทาง ต้องมาจ่ายให้กับเหตุการณ์ที่เราไม่คาดคิดดังกล่าว ประกันภัยการเดินทาง จะช่วยให้ทริปการเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด ด้วยค่าเบี้ยประกันเริ่มต้นเพียงหลักร้อย แต่ให้ความคุ้มครองสูงสุดหลักล้าน เพื่อนๆ สามารถเที่ยวได้อย่างอุ่นใจ หมดห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายและผู้ช่วยเหลือหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินในต่างประเทศไปได้เลยค่ะ

การไปเที่ยวต่างประเทศเพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม สิ่งสำคัญที่จะช่วยคุณรับมือหากเกิดเหตุฉุกเฉินที่เราไม่ได้คาดคิดระหว่างการเดินทาง ที่อาจทำให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ ก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : turkeytravelplanner.com, cuddlynest.com, journalofnomads.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

9 สิ่งที่คุณควรรู้ ในการ เตรียมตัวศึกษาต่อต่างประเทศ

9 สิ่งที่คุณควรรู้ การเตรียมตัว ศึกษาต่อต่างประเทศ

การศึกษาต่อต่างประเทศ เป็นหนึ่งในการเดินทางออกไปผจญภัยครั้งสำคัญในชีวิต เมื่อคุณสมัครเข้าเรียนในโปรแกรมที่ตรงกับความต้องการหรือเป้าหมายของคุณแล้ว ก็ถึงเวลาเริ่มเตรียมตัวสำหรับการเดินทางครั้งใหญ่ของคุณ คุณเริ่มมีคำถามมากมาย อย่างเช่น ต้องเตรียมอะไรบ้าง ต้องมีประกันภัยการเดินทางหรือไม่ ควรจัดการกับเงินและโทรศัพท์อย่างไรขณะอยู่ต่างประเทศ Allianz Travel พร้อมให้ความช่วยเหลือและแนะนำแนวทางเบื้องต้น อ่าน 9 สิ่งที่คุณต้องรู้ ในการเตรียมตัว ศึกษาต่อต่างประเทศ เพื่อให้คุณเดินทางได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้นค่ะ

1. ทำหนังสือเดินทางและขอวีซ่า

คุณต้องมีหนังสือเดินทางเพื่อเดินทางและศึกษาต่อต่างประเทศ หากคุณมีอยู่แล้ว ตรวจเช็คว่าหมดอายุหรือยัง และถ้ายังไม่หมดอายุ ก็ควรมีอายุมากกว่า 6 เดือนก่อนวันที่ออกเดินทาง นอกจากนี้ หากคุณเคยเดินทางไปต่างประเทศบ่อย คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีหน้าว่างในหนังสือเดินทางของคุณ ดูสถานที่ทำพาสปอร์ตในกรุงเทพและปริมณฑลได้ที่นี่

การเตรียมตัวเรียนต่อต่างประเทศ - ทำหนังสือเดินทางและขอวีซ่า

นอกจากหนังสือเดินทางแล้ว คุณอาจต้องขอวีซ่าเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศ แต่ละประเทศมีข้อกำหนดในการขอวีซ่าที่แตกต่างกัน อ่านระเบียบข้อบังคับของประเทศที่คุณต้องการไปศึกษาจากเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศหรือสถานทูตของประเทศนั้นๆ หรือติดต่อขอข้อมูลเกี่ยวกับข้อกำหนดของวีซ่าและข้อจำกัดการเดินทางจากสถานทูตหรือสถานกงสุลที่ใกล้ที่สุดของประเทศที่คุณวางแผนจะไป การยื่นคำร้องขอวีซ่าอาจใช้เวลาหลายวันไปจนถึงหลายเดือนในการดำเนินการ ดังนั้นอย่ารอช้า! คุณอาจจำเป็นต้องตรวจร่างกายและประวัติ ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละประเทศ

2. ไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ

วางแผนไปพบแพทย์และตรวจร่างกายก่อนออกเดินทาง เพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีสุขภาพที่ดี นำประวัติทางการแพทย์ของคุณติดตัวไปด้วยเผื่อเกิดเจ็บป่วยฉุกเฉินในต่างประเทศ เช็คข้อกำหนดการฉีดวัคซีนของประเทศปลายทาง และจองเวลาฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะแจ้งประเภทของวัคซีนที่คุณต้องฉีดมาให้คุณทราบล่วงหน้า (ถ้ามี) แต่หากคุณอยากได้ข้อมูลล่าสุด คุณอาจต้องติดต่อศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค

การเตรียมตัวเรียนต่อต่างประเทศ - ไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ

ถ้าคุณมีโรคประจำตัวที่ต้องทานยาตามใบสั่งแพทย์เป็นประจำ คุณต้องการนำยาติดตัวไปให้เพียงพอสำหรับการอยู่ต่างประเทศตลอดระยะเวลาที่ศึกษาต่อ (ถ้าเป็นไปได้) ยาที่นำติดตัวไปต้องบรรจุในภาชนะที่มีฉลากถูกต้อง เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดว่าเป็นยาที่ผิดกฎหมาย คุณควรนำใบสั่งยาหรือบันทึกที่ลงนามโดยแพทย์ของคุณมาด้วย

3. ดูเว็บไซต์เปรียบเทียบราคาเพื่อหาตั๋วเครื่องบินราคาไม่แพง

ปัจจุบัน การหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกจะเป็นเรื้องของช่วงเวลาและโชคช่วย ค่าตั๋วอาจมีราคาแตกต่างกันมากขึ้นอยู่กับวันและเวลาที่คุณต้องการบินและสถานที่ที่คุณซื้อตั๋ว เข้าเว็บไซต์เปรียบเทียบราคาเพื่อหาเที่ยวบินที่ราคาถูกที่สุดสำหรับวันที่คุณต้องการ นอกจากนี้ คุณอาจสอบถามจากตัวแทนที่จัดการเรื่องการศึกษาต่อต่างประเทศ เพราะพวกเขาสามารถจัดหาตั๋วที่มีความยืดหยุ่นและราคาไม่แพงสำหรับนักเรียนที่ไปศึกษาต่อต่างประเทศให้ได้

การเตรียมตัวเรียนต่อต่างประเทศ - ดูเว็บไซต์เปรียบเทียบราคาเพื่อหาตั๋วเครื่องบินราคาไม่แพง

ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ สอบถามไว้ก่อนว่าตั๋วสามารถเปลี่ยนแปลงวันเดินทางได้หรือไม่ เพราะคุณคงไม่อยากซื้อตั๋วใหม่ทั้งใบ หากคุณตัดสินใจที่จะอยู่ต่างประเทศนานขึ้นอีกหน่อย! สายการบินส่วนใหญ่จะมีค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนวันเดินทางบวกกับส่วนต่างของราคา แต่ตั๋วบางประเภทสามารถเปลี่ยนวันได้โดยไม่ต้องสียค่าใช้จ่าย

เราขอแนะนำให้คุณเดินทางไปถึงล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 วันก่อนวันเปิดเทอม เพื่อช่วยให้คุณปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่หรืออาการเจ็ทแล็ก

4. ศึกษาประเพณีท้องถิ่นของประเทศจุดหมายปลายทาง

การเตรียมตัวเรียนต่อต่างประเทศ - ศึกษาประเพณีท้องถิ่นของประเทศจุดหมายปลายทาง

ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ ใช้เวลาศึกษาทำความคุ้นเคยกับประเทศปลายทางของคุณให้ดียิ่งขึ้น อย่างเช่น เรื่องวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ รัฐบาล และสิ่งอื่นๆ พูดคุยกับคนอื่นๆ ที่เคยอยู่ที่นั่นและหาโอกาสชมภาพยนตร์และอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเทศและวัฒนธรรมของประเทศนั้น เรียนรู้สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ

5. ฝึกฝนทักษะทางภาษาของคุณ

ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศไหน หากไม่ใช่ประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ คุณควรเรียนรู้คำพูดหรือวลีพื้นฐานที่ใช้กันทั่วไปในภาษาของประเทศนั้น ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณสื่อสารกับเพื่อนนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังช่วยให้คุณสำรวจสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ง่ายขึ้น ความพยายามที่จะสื่อสารกับใครสักคนในภาษาของพวกเขา แสดงว่าคุณกำลังให้ความสนใจกับวัฒนธรรมของพวกเขา และช่วยสร้างความสัมพันธ์ได้ในระยะยาว

การเตรียมตัวเรียนต่อต่างประเทศ - ฝึกฝนทักษะทางภาษาของคุณ

ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดง่ายๆ ยังช่วยให้คุณเอาตัวรอดในสถานการณ์ประจำวัน เช่น การสั่งอาหารหรือการสอบถามเส้นทาง ช่วยให้คุณรู้สึกสบายใจและมั่นใจในสิ่งรอบตัว เนื่องจากคุณจะสามารถพูดจาโต้ตอบง่ายๆ ได้มากขึ้น

คุณอาจเตรียมพร้อมสำหรับประสบการณ์การเรียนในต่างประเทศด้วยการลงทะเบียนเรียนภาษา ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่พูดภาษานั้นๆ ได้ ดาวน์โหลดแอปภาษา เพื่อใช้ในการพูดคุยในชีวิตประจำวันของคุณ เป็นต้น

6. เตรียมการเงินของคุณสำหรับการไป ศึกษาต่อต่างประเทศ

การเตรียมตัวเรียนต่อต่างประเทศ - เตรียมการเงินของคุณ

ตั้งค่าบัญชีออนไลน์

จัดการเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์และตั้งค่าให้เรียบร้อย เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการจัดการเงินของคุณในขณะที่อยู่ต่างประเทศ ส่วนใหญ่คุณสามารถใช้บัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต เพื่อกดเงินสดในสกุลเงินท้องถิ่น นอกจากนี้ สอบถามให้แน่ใจว่าบัตรเครดิตของคุณไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ มิฉะนั่นคุณต้องเสียเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก หากคุณใช้บัตรเครดิตในการซื้อสินค้ารายวัน

แจ้งธนาคารและผู้ให้บริการบัตรของคุณว่าคุณจะไป ศึกษาต่อต่างประเทศ

คุณต้องแจ้งธนาคารและผู้ให้บริการบัตรเครดิตของคุณเกี่ยวกับแผนการศึกษาต่อในต่างประเทศ มิฉะนั้น คุณอาจเสี่ยงที่จะถูกล็อคบัญชีของคุณขณะอยู่ต่างประเทศได้ เพราะพวกเขาอาจตั้งค่าสถานะว่าเป็นการฉ้อโกง

นำเงินสดสำรองไปด้วย

นำเงินสดสำรองไปใช้สำหรับ 2-3 วันแรก และในกรณีฉุกเฉิน แลกเงินในสกุลเงินของประเทศปลายทางของคุณประมาณ 5,000-10,000 บาท หากคุณไม่สามารถแลกสกุลเงินนั้นๆ ได้ที่ประเทศไทย ให้นำดอลลาร์สหรัฐติดตัวไปหรือกดถอนเงินสดที่ตู้ ATM ในสนามบินปลายทางทันทีที่คุณมาถึง

7. การจัดเตรียมของที่จะนำไปด้วย

พยายามนำของไปให้น้อยที่สุด สอบถามสายการบินเรื่องน้ำหนักสัมภาระที่อนุญาตให้โหลดใต้ท้องเครื่องและถือขึ้นเครื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมของสัมภาระที่น้ำหนักเกิน สายการบินส่วนใหญ่จะอนุญาตจำนวนสัมภาระดังต่อไปนี้:

  • กระเป๋าใบใหญ่ที่โหลดใต้ท้องเครื่องไม่เกิน 2 ใบ
  • กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง เช่น เป้สะพายหลัง 1 ใบ
  • กระเป๋าใส่ของใช้ส่วนตัว เช่น กระเป๋าเงิน  1 ใบ

เคล็ดลับการจัดกระเป๋าสำหรับการไป ศึกษาต่อต่างประเทศ

  • นำอุปกรณ์อาบน้ำขนาดพกพาติดตัวไปด้วยเพื่อใช้ในช่วงสองสัปดาห์แรกของคุณ
  • ทิ้งผ้าเช็ดตัวหรือผ้าปูที่นอนไว้ที่บ้าน เพราะจะทำให้เปลืองพื้นที่ในกระเป๋า ควรไปหาซื้อที่ประเทศปลายทาง
  • นำรองเท้ามาสัก 3-4 คู่ (ถ้าจำเป็น)
  • นำหัวแปลงปลั๊กไฟสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของคุณติดไปด้วย
  • นำภาพถ่ายครอบครัวหรือภาพความทรงจำของครอบครัมมาด้วยเพื่อช่วยแก้อาการคิดถึงบ้าน
  • หากคุณสวมแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ อย่าลืมนำแว่นสำรองติดตัวไปด้วย
การเตรียมตัวเรียนต่อต่างประเทศ - การจัดเตรียมของที่จะนำไปด้วย

ขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลนักเรียนหรือนักศึกษาต่างประเทศว่าควรนำของใช้จำเป็นอะไรไปบ้าง ซึ่งของบางอย่างสามารถหาซื้อได้ในต่างประเทศและราคาไม่แพง ศึกษาสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง ถ้าคุณกำลังเดินทางไปประเทศที่อยู่ทางใต้ของเส้นศูนย์สูตรในเดือนมกราคม คุณก็ไม่จำเป็นต้องเตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วย

อย่าลืมนำรูปถ่าย สูตรอาหาร และของที่ระลึกจากที่บ้านมาด้วย เพราะของเหล่านี้เป็นสิ่งที่ช่วยได้ในช่วงเวลาที่คิดถึงบ้าน นำสมุดบันทึกมาจดประสบการณ์การศึกษาต่อในต่างประเทศของคุณ นอกจากนี้ ของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ จากประเทศไทย ยังเป็นของขวัญที่ดีสำหรับเพื่อนใหม่หรือครอบครัวอุปถัมภ์

8. หาข้อมูลแพคเกจผู้ให้บริการโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต

การเตรียมตัวเรียนต่อต่างประเทศ - หาข้อมูลแพคเกจผู้ให้บริการโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต

การใช้โทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งเมื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศ คุณอาจต้องโทรติดต่อคนที่มารับที่สนามบิน ค้นหาสถานที่สำคัญหรือดูเส้นทางการเดินทางผ่าน Google Maps หาข้อมูลรถรับส่งก่อนที่คุณจะเดินทาง ใช้แอปหรือโซเชียลมีเดียเพื่อโทรและส่งข้อความถึงคนที่บ้านได้โดยไม่เสียค่าบริการระหว่างประเทศ ก่อนซื้อแพคเกจการใช้งานอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์ระหว่างประเทศจากผู้ให้บริการในประเทศไทย คุณควรศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบกับราคาแพคเกจโทรศัพท์มือถือในประเทศปลายทาง นอกจากนี้ หากเป็นไปได้ ให้เตรียมโทรศัพท์สำรองราคาถูกไว้ด้วย เผื่อมีเหตุเกิดขึ้นกับโทรศัพท์ของคุณ!

9. ทำประกันภัยการเดินทางสำหรับ ศึกษาต่อต่างประเทศ

การมีประกันสุขภาพและอุบัติเหตุที่เชื่อถือได้ในขณะที่คุณกำลังศึกษาในต่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงความคุ้มครองสำหรับการเคลื่อนย้ายฉุกเฉินและการส่งตัวกลับประเทศ (แต่หวังว่าจะไม่เกิดเหตุเช่นนั้น!) ประกันสุขภาพของคุณอาจคุ้มครองคุณในต่างประเทศ แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมสิทธิประโยชน์อื่นๆ* ที่คุณจะได้รับเพิ่มเติมจากประกันภัยสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น:

  • เที่ยวบินล่าช้า
  • กระเป๋าเดินทางหรือทรัพย์สินส่วนตัวสูญหาย
  • การพลาดการต่อเที่ยวบิน
  • ความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก
  • ค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทย เมื่อเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านชั่วคราว

ดังนั้น สิ่งสำคัญที่เราควรมีติดตัวไว้ระหว่าง ศึกษาต่อต่างประเทศ คือ ประกันภัยสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ ที่จะช่วยให้คุณและครอบครัวอุ่นใจ ยามที่คุณต้องอยู่ไกลบ้าน ให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายจากการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน หรือเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นขณะไปท่องเที่ยวช่วงวันหยุด หรือค่าใช้จ่ายเมื่อเจ็บป่วยขณะกลับมาเยี่ยมบ้าน อ่านรายละเอียดความคุ้มครองของ ประกันภัยสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ Allianz Travel ได้ที่นี่*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : Preparing for Study Abroad: 9 Things You Need to Know | Go Overseas

เลือกแผนประกันเรียนต่อต่างประเทศที่ใช่สำหรับคุณ ประกันเรียนต่อต่างประเทศ Overseas Student Care จาก Allianz Travel

เที่ยวสกอตแลนด์ 9 ที่เที่ยวบนเกาะสกาย

เที่ยวสกอตแลนด์ กับ 9 สถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะสกาย มงกุฎเพชรแห่งสกอตแลนด์

เกาะสกายหรือ The Isle of Skye เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองของสกอตแลนด์ เป็นที่ เที่ยวสกอตแลนด์ และเกาะที่สวยงามที่อยู่ในลิสต์สถานที่ที่ต้องไปของนักท่องเที่ยวมากมาย ทั้งเนินหญ้ากว้างใหญ่ที่ดูลึกลับ ยอดเขารูปทรงแปลกประหลาด ทะเลสาบ และหน้าผาริมทะเลสูงตระหง่าน เป็นภาพวิวทิวทัศน์ที่ไม่ธรรมดา เหมือนกับหลุดออกไปอยู่ที่โลกอื่น ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมภาพยนตร์เรื่อง เกาะที่เป็นสถานที่ในฝันของช่างภาพสายแลนด์สเคปทั่วโลก และเป็นสถานที่ถ่ายทำของภาพยนต์ดังมากมาย เช่น Transformer, James Bond หลายภาค, Snow White and the Huntsman, Prometheus, Made of Honour, 47 Ronin และ Harry Potter

การเข้าถึงเกาะสกายสะดวกมาก ไม่ว่าจะเป็นการเช่ารถขับมาจากแผ่นดินใหญ่ของสกอตแลนด์ เรือข้ามฟากก็เป็นตัวเลือกยอดนิยม หรือขึ้นรถไฟแล้วต่อรถประจำทางจากเมืองใกล้เคียงก็ได้ 

Allianz Travel จะพาคุณไปสัมผัสกับความสวยงามน่ามหัศจรรย์ของ 9 สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของเกาะสกาย: มงกุฎเพชรแห่งสกอตแลนด์! ไม่ว่าคุณจะใช้เวลาไม่กี่วัน หรืออยู่นานเป็นสัปดาห์ คุณจะหลงเสน่ห์ความงดงามของเกาะสกายอย่างแน่นอน

1. Old Man of Storr

หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของเกาะสกายที่นักปีนป่ายห้ามพลาดกันเลยก็คือ Old Man of Storr ซึ่งเป็นภูเขาที่มีแท่งหินตั้งตระหง่านโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินด้านบนของภูเขา ตั้งอยู่ท่ามกลางภูมิประเทศของคาบสมุทร Trotternish ถือเป็นแลนด์มาร์กที่ดังที่สุดบนเกาะนี้ที่มีคนแวะมาถ่ายรูปกันมากที่สุดเลยก็ว่าได้ สถานที่นี้ถูกใช้เป็นฉากหลังของภาพยนตร์หลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือภาพยนตร์ชื่อดังที่เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คนคือภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter รวมถึงภาพยนตร์ไซไฟระทึกขวัญเรื่อง Prometheus

เที่ยวสกอตแลนด์ Old Man of Storr

หากอยากได้มุมมองที่ดีที่สุด ก็ต้องใช้แรงเดินขึ้นเขากันมากสักหน่อย โดยเริ่มเดินจากที่จอดรถของ Old Man of Storr ไต่ขึ้นเนินไปเรื่อย ๆ หลังจากผ่านไปประมาณ 20 นาที คุณจะเห็นแท่งหิน Old Man of Storr โผล่ขึ้นมาต่อหน้าคุณ แต่จุดชมวิวหลักที่สวยที่สุดนั้นต้องเดินต่อไปอีกเล็กน้อย เดินผ่าน Old Man ไปเรื่อย ๆ จนถึงลานหินสูงที่อยู่สูงขึ้นไปบนเนินเขา ซึ่งอยู่ห่างจากที่จอดรถประมาณ 2.1 กิโลเมตร และใช้เวลาประมาณ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง คุณจะได้เห็นความงดงามของ Old Man of Storr ที่มีทะเลเป็นฉากหลัง เป็นภาพที่คุ้มค่ากับการเดินขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง

หากคุณไม่อยากเดินไกล คุณสามารถแวะชมความงามของ Old Man of Storr จากทะเลสาบฟาดา (Loch Fada) ซึ่งอยู่ริมถนน ห่างจากที่จอดรถของ Old Man of Storr ไปประมาณ 5 กิโลเมตร

2. Portree

เที่ยวสกอตแลนด์ เกาะสกาย Portree

เมืองพอร์ทรี (Portree) เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของเกาะสกายและตั้งอยู่ในอ่าวทางฝั่งตะวันออกของเกาะ หมู่บ้านชาวประมงสีสันสดใสแห่งนี้มีมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 ปัจจุบันได้กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเกาะสกายที่มีท่าเรือที่พลุกพล่านทั้งเรือประมงและเรือท่องเที่ยว และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมในสกอตแลนด์ ในเมืองเต็มไปด้วยร้านกาแฟเล็กๆ ผับ ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้า และอื่นๆ อีกมากมาย เป็นสถานที่ที่เหมาะในการแวะซื้อเสบียง ดื่มกาแฟ รับประทานอาหารกลางวัน และเพลิดเพลินกับบ้านหลากสีสันก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ

3. Quiraing

Quiraing อยู่เหนือสุดของ เทือกเขา Trotternish Ridge ซึ่งเกิดจากแผ่นดินถล่มหลายครั้ง เป็นพื้นที่หุบเขาติดกับมหาสมุทรซึ่งมีลมแรงลอดเวลา Quiraing เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปเยือนบนเกาะสกาย คุณจะได้เห็นหินรูปร่างแปลกตาคดเคี้ยวไปตามเนินหญ้าที่เป็นลูกคลื่น มีแท่งหินรูปทรงบิดเบี้ยวโปล่ขึ้นมาตามเส้นทาง วิธีที่ดีที่สุดในการชม Quiraing คือการเดินที่มีความยากระดับปานกลางไปตามทางเดินที่ยาว 6.5 กิโลเมตร แบ่งออกเป็นเจ็ดช่วง ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง (ในหน้าร้อน) คุณจะได้เห็นภูมิประเทศที่น่าทึ่ง ภาพพาโนรามาทางธรณีวิทยาที่สวยงาม และถึงแม้ว่าคุณไม่อยากเดินไปตามเส้นทางทั้งหมด เพียงแค่เดินจากที่จอดรถไปไม่กี่ร้อยเมตร คุณก็จะได้เห็นภาพวิวจากมุมมองที่เปิดกว่าขึ้น

เที่ยวสกอตแลนด์ เกาะสกาย Quiraing

แต่หากคุณไม่มีเวลาเพียงพอ ให้ขับรถไปที่จุดชมวิวที่อยู่ติดกับที่จอดรถหลัก คุณก็สามารถชมทัศนียภาพอันงดงามเหนือพื้นที่ลาดชัด เพื่อชมทิวทัศน์ที่แปลกตาของ Quiraing ที่ดีที่สุดและง่ายที่สุดแห่งหนึ่ง

4. Kilt Rock & Mealt Falls

คุณจะได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามที่สุดสองแห่งที่สามารถมองเห็นได้จากจุดชมวิวเดียวกัน ประกอบด้วยน้ำตกมีลท์ (Mealt Falls) สูง 55 เมตรที่มีน้ำจากทะเลสาบมีลท์ (Loch Mealt) ไหลลงมาเหนือคิลท์ร็อค (Kilt Rock) ซึ่งเป็นหน้าผาสูงชันที่ก่อตัวขึ้นจากเสาหินบะซอลต์บนยอดหินทราย มีลักษณะเป็นแท่งๆ ต่อกันเหมือนระลอกคลื่นที่คล้ายกับรอยพับของกระโปรงคิลต์แบบดั้งเดิม ซึ่งความพิเศษของน้ำตกนี้คือเป็นน้ำตกที่ไหลลงไปในทะเล เป็นการผสมผสานกันระหว่างน้ำตกและหน้าผาสูงชันที่ทอดตัวยาวตามแนวชายทะเล กลายเป็นภาพที่สวยงามเป็นอย่างมาก

เที่ยวสกอตแลนด์ เกาะสกาย Kilt Rock & Mealt Falls

คุณสามารถขับรถมาชมน้ำตกมีลท์ได้อย่างสะดวก มีที่จอดรถที่มีป้ายบอกทางเห็นได้อย่างชัดเจน และเดินเข้าถึงพื้นที่ชมวิวได้อย่างสะดวก นอกจากนี้บริเวณชายฝั่ยยังทำหนหน้าที่เป็นแหล่งวางไข่ของนกทะเลจำนวนมาก ทำให้บริเวณโดยรอบเป็นเขตห้ามใช้โดรนในช่วงฤดูนกทำรังในเดือนกุมภาพันธ์ – เดือนกรกฎาคม

5. Fairy Glen

Fairy Glen หรือหุบเขานางฟ้าเป็นพื้นที่ที่มีการก่อตัวของหินตามธรรมชาติ รายล้อมไปด้วยโขดหิน ทุงหญ้ากว้างใหญ่ หุบเขา แอ่งน้ำใหญ่ ราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย เส้นทางเดินที่คดเคี้ยวเข้าและออกจากเนินหญ้าและสระน้ำเล็กๆ และมีทางเดินหลายเส้นทางให้คุณออกไปสำรวจตามพื้นที่ต่างๆ จุดเด่นของหุบเขานี้อยู่ที่ภูเขาหินขนาดเล้กที่มีหน้าตาคล้ายปราสาท หรือรู้จักกันในชื่อปราสาทอีเวน (Castle Ewen) นักท่องเที่ยวนิยมปีนขึ้นไปด้านบนเพื่อชมทิวทัศน์ที่สวยงามของพื้นที่

เที่ยวสกอตแลนด์ เกาะสกาย Fairy Glen

บางคนบอกว่า Fairy Glen เปรียบเสมือนเป็น Quiraing ขนาดเล็ก เพราะรูปร่างหน้าตาของภูเขานั้นคล้ายกัน แต่มีขนาดย่อส่วนลงมามากในระยะที่เราเดินเล่นได้หมดภายในเวลาไม่นานนัก

6. Sligachan

เที่ยวสกอตแลนด์ เกาะสกาย Sligachan

สลิกัคฮัน (Sligachan) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ที่เชิงเขา Black Cuillin และเป็นศูนย์กลางสำหรับนักปีนเขาและผู้ที่เดินทางมาสู่เกาะสกายตั้งแต่ปี 1830 ก่อนที่จะแยกไปยังส่วนอื่นๆ ของเกาะ สะพานหินเก่าแก่ที่หมู่บ้านสลิกัคฮันไม่ได้ให้รถขับผ่าน ดังนั้นเราสามารถเดินเล่นชมวิว ถ่ายรูปกับเทือกเขาสวยงามที่อยู่ด้านหลังได้อย่างสบายใจ และจุดนี้น่าจะเป็นจุดที่มีคนมาแวะถ่ายรูปมากที่สุดบนเกาะสกาย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีตำนานเล่าว่าน้ำเย็นที่อยู่ใต้สะพานมอบความงามอันเป็นนิรันดร์ให้กับใครก็ตามที่จุ่มหน้าลงไปในเวลา 7 วินาที และปล่อยให้แห้งโดยที่ไม่ต้องเช็ด ใครที่เป็นสายมูก็สามารถลองทำกันได้เลยค่ะ

7. Fairy Pools

เที่ยวสกอตแลนด์ เกาะสกาย Fairy Pools

แฟรี่พูลส์ (Fairy Pools) หรือสระนางฟ้า เป็นแอ่งน้ำตกที่ตั้งอยู่ในหุบเขา Glen Brittle ทางใต้ของเกาะสกาย เป็นสระน้ำธรรมชาติที่สวยงามดุจดังในเทพนิยาย ธารน้ำที่มีความต่างระดับกัน ทำให้น้ำใสสะอาดเหมือนคริสตัวไหลเป็นน้ำตกเตี้ยๆ ลงมาสู่แอ่งด้านล่าง ก่อนจะถูกบีบให้กลายเป็นลำธารสายเล็กๆ สีฟ้าสดใส ที่นี่เป็นหนึ่งในสระว่ายน้ำที่มีผู้คนเยี่ยมชมมากที่สุดในเกาะสกาย ภูมิทัศน์ส่วนใหญ่เป็นหินโดยมีพื้นที่เป็นที่ลุ่ม หากคุณอยากลงไปว่ายน้ำ คุณสามารถกระโดดลงไปตรงไหนก็ได้ แต่ให้เตรียมใจรับมือกับน้ำที่เย็นจัดเนื่องจากเป็นน้ำที่ไหลผ่านภูเขา นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางจากที่จอดรถลงมาที่แพรี่พูลส์ได้ผ่านทางเดินเท้าที่โรยด้วยหินกรวด หญ้า ไม้พุ่ม ระยะทางไปยังน้ำตกหลักและแอ่งน้ำคือ 2.4 กิโลเมตร เฉลี่ยเวลาในการเดินคือ 40 นาที (โดยไม่มีการหยุดพัก) คนส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการเดินขึ้นไปตามแม่น้ำจากน้ำตกในการสำรวจแอ่งน้ำต่างๆ

8. Neist Point

เที่ยวสกอตแลนด์ เกาะสกาย Neist Point

นีสท์พอยท์ (Neist Point) ตั้งอยู่ริมขอบปลายสุดทางด้านซ้ายของเกาะสกาย เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายภาพที่ดีที่สุดบนเกาะ ถ้าหากได้ไป เที่ยวสกอตแลนด์ แล้วห้ามพลาด! ประภาคารซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนีสพอยท์ตั้งอยู่ที่ปลายหน้าผาสูงชัน ตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเล เมื่อพระเอาทิตย์ตกดิน วิวจะงดงามยิ่งขึ้น คุณสามารถเดินลงไปที่ประภาคารตามเส้นทางที่จัดไว้ให้เป็นเส้นทางเดียวกันทั้งขาไปและขากลับ ครอบคลุมระยะทาง 2.2 กม. ใช้เวลาเดินโดยไม่หยุดเลยประมาณ 45 นาที ดังนั้นหากอยากเดินลงไปสำรวจประภาคาร ควรเผื่อเวลาไว้ขณะเดินกลับด้วย เพราะต้องเดินกลับขึ้นไปบนเส้นทางที่สูงชัน ที่อาจต้องหยุดพักระหว่างทาง

9. Dunvegan Castle

อีกสถานที่ท่อง เที่ยวสกอตแลนด์ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยี่ยมชมเกาะสกายก็คือปราสาทดันเวแกน (Dunvegan Castle) ที่ตั้งอยู่บนเนินหินบะซอลท์ริมทะเลสาบดันเวแกน ที่นี่เป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในสกอตแลนด์ที่ยังมีคนอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องของครอบครัวหัวหน้าแคลน แมคลาวด์ (Chiefs of Clan MacLeod) ตระกูลไฮแลนด์ที่มีชื่อเสียงนานกว่า 800 ปี สิ่งปลูกสร้างปัจจุบันส่วนมากเป็นผลมาจากการพัฒนาและฟื้นฟูมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ถึง 19 ภายในปราสาทมีภาพวาดที่สวยงามและมรดกตกทอดที่สำคัญอยู่มากมาย

เที่ยวสกอตแลนด์ เกาะสกาย Dunvegan Castle

หนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมที่ปราสาทดันวีแกนคือการนั่งเรือออกไปดูแมวน้ำในทะเลสาบ เป็นทริปที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว การนั่งเรือ 25 นาทีจะทำให้คุณได้ใกล้ชิดกับฝูงแมวน้ำ และถ้าคุณโชคดี คุณก็อาจได้เห็นนกกระสาทำรังหรือนกอินทรีหางขาว (นกอินทรีทะเล) ซึ่งเป็นนกล่าเหยื่อที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร การเดินทางมีค่าใช้จ่าย 12 ปอนด์ (พร้อมตั๋วปราสาท) และไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า

การไปเที่ยวต่างประเทศเพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม สิ่งสำคัญที่จะช่วยคุณรับมือหากเกิดเหตุฉุกเฉินที่เราไม่ได้คาดคิดระหว่างการเดินทาง ที่อาจทำให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ ก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : anywhereweroam.com, inspiredbymaps.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

ประกันเดินทางสำหรับเรียนต่อต่างประเทศ จำเป็นหรือไม่?

ประกันเดินทางสำหรับเรียนต่อต่างประเทศ จำเป็นหรือไม่

นักเรียนหรือนักศึกษาที่กำลังจะเริ่มต้นผจญภัยครั้งใหม่กับการเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ ต้องเตรียมตัวรับมือกับวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย และบางครั้งอาจทำอะไรไม่ถูก หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเมื่ออยู่ไกลบ้าน อย่างเช่น เจ็บป่วยกะทันหันจนต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล ประสบอุบัติเหตุ ปัญหาทรัพย์สินหรือกระเป๋าเดินทางสูญหายหรือเสียหายระหว่างเดินทางกับขนส่งสาธารณะ เที่ยวบินเกิดการล่าช้าและต้องติดอยู่ที่สนามบินเป็นเวลานาน เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้เสียเงินจำนวนไม่น้อยทีเดียว ดังนั้นเพื่อความอุ่นใจ และมั่นใจได้ว่าจะมีตัวช่วยยามเกิดปัญหา สิ่งหนึ่งที่จำเป็นและควรเตรียมพร้อมไปจากเมืองไทยก็คือประกันภัยสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ ที่ช่วยคุ้มครองครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากเหตุดังกล่าว

ความแตกต่างระหว่างประกันภัยการเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศและประกันสุขภาพสำหรับนักเรียนต่างชาติ

ประกันการเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ Allianz Travel ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมตั้งแต่วินาทีที่เดินทางออกจากประเทศไทยสูงสุด 2 ปี นอกจากความคุ้มครองขณะที่กำลังเรียนอยู่ต่างประเทศ ยังให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินขณะกลับประเทศไทยเป็นการชั่วคราวกรณีศึกษาระยะยาวมากกว่า 1 ปี ซึ่งแตกต่างกับประกันสุขภาพนักเรียนต่างชาติที่คุ้มครองคุณเฉพาะในช่วงเวลาระหว่างการศึกษาในต่างประเทศเท่านั้น

ประกันการเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศประกันสุขภาพสำหรับนักเรียนต่างชาติ
ให้ความคุ้มครองตั้งเริ่มต้นออกเดินทางจากประเทศไทยจนถึงช่วงระหว่างการศึกษา และยังมีความคุ้มครองรวมถึงค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทย กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินขณะกลับประเทศไทยเป็นการชั่วคราว และต้องเดินทางกลับไปศึกษาต่อให้ความคุ้มครองในช่วงเวลาระหว่างศึกษาต่อและสามารถต่ออายุได้ตลอดการศึกษาในต่างประเทศ
ต้องทำประกันภัยศึกษาต่อต่างประเทศก่อนเดินทางจากประเทศไทยสามารถทำประกันสุขภาพนักเรียนต่างชาติได้ทั้งก่อนออกเดินทางจากประเทศไทยหรือหลังจากเดินทางไปถึงต่างประเทศ
คุ้มครองการสูญเสียค่าเล่าเรียน หากเกิดเหตุที่ไม่สามารถศึกษาต่อได้ในภาคเรียนที่จ่ายเงินไปแล้วไม่คุ้มครองการสูญเสียค่าเล่าเรียน
คุ้มครองการสูญหาย หรือความเสียหายของกระเป๋าเดินทางหรือทรัพย์สินส่วนตัวไม่คุ้มครองการสูญหาย การโจรกรรม หรือความเสียหายของกระเป๋าเดินทางหรือทรัพย์สินส่วนตัว
คุ้มครองการเคลื่อนย้ายเพื่อการรักษาพยาบาลฉุกเฉินและการส่งกลับประเทศคุ้มครองการเคลื่อนย้ายเพื่อการรักษาพยาบาลฉุกเฉินและการส่งกลับประเทศ
เหมาะสำหรับนักเรียนหรือนักศึกษาที่เดินทางไปศึกษาต่อระยะสั้นและต้องการความคุ้มครองระหว่างช่วงเวลาการเดินทางเหมาะสำหรับนักเรียนและนักศึกษาที่จะพำนักอยู่ต่างประเทศเป็นระยะเวลานานเกินกว่า 24 เดือน

ประกันเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ เหมาะสำหรับใครบ้าง?

  • นักเรียนหรือนักศึกษาที่เรียนคอร์สภาษาระยะสั้น
  • นักเรียนหรือนักศึกษาที่เดินทางไปศึกษาต่อในหลักสูตรระยะยาวกับโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ
  • เดินทางเพื่อทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ

หมายเหตุ:

ข้อกำหนดคุณสมบัติของผู้เอาประกันภัยขึ้นอยู่กับบริษัทที่คุณซื้อประกัน ดูรายละเอียดประกันภัยศึกษาต่อต่างประเทศ Allianz Travel

ประกันเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ ครอบคลุมอะไรบ้าง?

ประกันเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ Overseas Student Care ของ Allianz Travel ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทางและช่วงเวลาที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงค่ารักษาพยาบาลสำหรับอุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วยกะทันหัน การเคลื่อนย้ายเพื่อการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน การสูญเสียหรือเสียหายของกระเป๋าเดินทางหรือทรัพย์สินระหว่างใช้บริการขนส่งสาธารณะ เป็นต้น

ตัวอย่างความคุ้มครอง*

  • ชดเชยค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุสูงสุด 5,500,000 บาท
    • ค่าแพทย์ ค่ายา ค่ารถพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน ค่าห้องพักผู้ป่วยหนัก
    • ค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทย กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินขณะกลับประเทศไทยเป็นการชั่วคราว และต้องเดินทางกลับไปศึกษาต่อ
    • ค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องในประเทศไทย หากมีความจำเป็นต้องได้รับการติดตามผลการรักษาต่อเนื่อง
  • ชดเชยการสูญเสียค่าเล่าเรียนสูงสุด 300,000 บาท หากเกิดเหตุที่ไม่สามารถศึกษาต่อได้ในภาคเรียนที่จ่ายเงินไปแล้ว
  • ค่าเดินทาง ค่าที่พัก และค่าอาหาร เพื่อให้ญาติสนิทเดินทางไปเยี่ยมผู้เอาประกันภัย กรณีผู้เอาประกันภัยต้องเข้ารับการรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในขณะอยู่ต่างประเทศนานกว่า 5 วัน ในการเดินทางกลับประเทศไทย เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตหรือต้องเคลื่อนย้ายเพื่อการรักษาพยาบาลฉุกเฉินกลับประเทศไทย
  • ค่าเคลื่อนย้ายเพื่อการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน กรณีผู้เอาประกันภัยได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยกระทันหัน รวมถึงการเคลื่อนย้ายเพื่อนำผู้เอาประกันภัยกลับสู่ประเทศไทย
  • คุ้มครองความสูญเสียหรือเสียหายอันเกิดจากการบาดเจ็บทางร่างกายโดยอุบัติเหตุ จนทำให้ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สูญเสียการมองเห็นหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง
  • ชดเชยการสูญหายหรือเสียหายของกระเป๋าเดินทางหรือทรัพย์สินส่วนตัว ขณะเดินทางด้วยการขนส่งสาธารณะ
  • ประกันความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก โดยบริษัทจะให้ความคุ้มครองสำหรับความรับผิดตามกฎหมายที่ผู้เอาประกันภัยต้องชดใช้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างเดินทางในต่างประเทศ 

เลือกประกันเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ แผนไหนดี?

ประกันภัยศึกษาต่อต่างประเทศแต่ละแผนมีความคุ้มครองและวงเงินผลประโยชน์ความคุ้มครองที่มากน้อยแตกต่างกัน ควรอ่านและทำความเข้าใจเงื่อนไข ข้อกำหนด เงื่อนไขการใช้สิทธิ์ และรายละเอียดกรมธรรม์อย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อประกันภัย

ขั้นตอนการซื้อประกันสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ

Allianz Travel นำเสนอประกันภัยศึกษาต่อต่างประเทศผ่านทางหน้าเว็บไซต์ ซึ่งคุณสามารถซื้อได้อย่างสะดวกและง่ายดาย เพียงเลือกประเทศจุดหมายปลายทาง ระยะเวลาในการเดินทางนับตั้งแต่วันที่ออกเดินทางไปจนถึงวันที่เดินทางกลับ หลังจากนั้นคุณจะได้เห็นตัวเลือกของแต่ละแผนที่มีสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองที่แตกต่างกัน อ่านและทำความเข้ารายละเอียดและเงื่อนไขความคุ้มครองก่อนทำการชำระเงิน เพียงแค่ไม่กี่นาที คุณก็จะได้รับกรมธรรม์ประกันภัยทางที่อยู่อีเมลที่คุณแจ้งไว้

ข้อควรทราบก่อนซื้อประกันเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ

  • ไม่ควรซื้อแผนที่ถูกที่สุด ถึงแม้ว่ามันจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายตอนซื้อ แต่แผนประกันภัยการเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศที่ราคาถูกอาจไม่ได้ให้ความคุ้มครองครบในสิ่งที่คุณต้องการในยามฉุกเฉิน
  • เลือกแผนประกันที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในระดับที่เหมาะสม เหมาะกับค่าใช้จ่ายในประเทศที่กำลังจะไปศึกษา
  • อ่านเงื่อนไขกรมธรรม์อย่างละเอียด ดูว่าสิทธิประโยชน์ที่คุณจะได้รับครอบคลุมอะไรบ้าง และมีเงื่อนไขเพิ่มเติมหรือข้อยกเว้นอะไรบ้าง
  • ตรวจเช็คว่าแผนที่คุณเลือกเป็นไปตามข้อกำหนดของโรงเรียนหรือข้อกำหนดของวีซ่านักเรียนหรือไม่
  • ศึกษาวิธีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน หากเกิดเหตุฉุกเฉิน จะได้เตรียมเอกสารและดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว
  • เลือกบริษัทที่มีเบอร์โทรติดต่อ และให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง 

ประกันเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ มีระยะเวลาคุ้มครองนานแค่ไหน?

ประกันสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศของ Allianz Travel สามารถเลือกระยะเวลาความคุ้มครองให้ตรงตามระยะเวลาที่คุณจะเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศได้ตั้งแต่ 3 เดือนจนถึง 24 เดือน และความคุ้มครองจะเริ่มต้นตั้งแต่วินาทีที่คุณเดินทางออกจากประเทศไทย

ควรทำประกันเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ ตอนไหน?

เงื่อนไขสำคัญของการทำประกันภัยการเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศคือคุณจะต้องซื้อก่อนออกเดินทางจากประเทศไทยอย่างน้อย 2 ชั่วโมง หากคุณเดินทางออกจากประเทศไทยไปแล้ว คุณจะไม่สามารถซื้อประกันภัยศึกษาต่อต่างประเทศจากบริษัทในประเทศไทยได้ แต่ในบางกรณี คุณอาจต้องซื้อประกันภัยศึกษาต่อต่างประเทศล่วงหน้าเพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบในการยื่นขอวีซ่า หรือแสดงต่อสถาบันการศึกษาที่คุณสมัครตามข้อกำหนด เพื่อให้ได้เอกสารยืนยันการรับคุณเข้าเรียน

ประกันการเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ มีค่าใช้จ่ายเท่าไร?

ราคาของประกันภัยสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศขึ้นอยู่กับ:

  • ระยะเวลาที่คุณต้องการความคุ้มครอง หากคุณเดินทางนาน ค่าเบี้ยก็จะสูงขึ้น
  • วงเงินผลประโยชน์ความคุ้มครอง หากคุณเลือกแผนประกันที่มีวงเงินสูง คุณจะต้องจ่ายค่าเบี้ยในราคาที่แพงขึ้น

ประกันภัยการเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ เป็นข้อบังคับหรือไม่?

ในกระบวนการขอวีซ่าสำหรับบางประเทศ อาจมีข้อกำหนดให้ยื่นประกันภัยการเดินทางหรือประกันภัยการเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศสำหรับนักเรียนที่กำลังจะไปศึกษาต่อต่างประเทศร่วมกับการขอวีซ่านักเรียน เพื่อแสดงให้สถานทูตเห็นว่าคุณมีประกันภัยการเดินทางเพียงพอสำหรับช่วงเริ่มต้นของการศึกษา แต่ถึงแม้ว่าคุณจะไปศึกษาในประเทศที่ไม่ได้กำหนดให้ต้องมีประกันภัยการเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ ก็ไม่ควรประมาท การซื้อประกันการเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศไว้จะช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจไร้กังวลหากต้องเจอกับประสบการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ระหว่างเดินทางอยู่ต่างประเทศ เช่น การเจ็บป่วยหรือการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งการมีประกันภัยศึกษาต่อต่างประเทศไว้ ช่วยให้คุณและครอบครัวอุ่นใจ แม้ยามที่คุณต้องอยู่ไกลบ้าน อ่านรายละเอียดความคุ้มครองของประกันภัยการเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ Allianz Travel ได้ที่นี่*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด


เลือกแผนประกันเรียนต่อต่างประเทศที่ใช่สำหรับคุณ ประกันเรียนต่อต่างประเทศ Overseas Student Care จาก Allianz Travel

วิธีสมัคร eTA แคนาดา ทำได้ง่ายด้วยตนเอง

วิธีสมัคร eTA แคนาดา ทำได้ง่ายด้วยตนเอง

นักท่องเที่ยวชาวไทยที่อยากไป เที่ยวแคนาดา สามารถเดินทางได้ง่ายขึ้นแล้ว เมื่อรัฐบาลแคนาดาปรับเงื่อนใขในการเข้าประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวจาก 13 ประเทศ ที่รวมถึงประเทศไทยด้วย สามารถเดินทางเข้าแคนาดาได้โดยไม่ขอวีซ่าและพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน เพียงแค่สมัครขออนุมัติการเดินทางทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ eTA ซึ่งสามารถทำออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบายและไม่ยากเลยค่ะ Allianz Travel จะนำ วิธีสมัคร eTA แคนาดา ทำได้ง่ายด้วยตนเอง มาแนะนำแบบทุกขั้นตอนเพื่อให้เป็นแนวทางกันค่ะ

เงื่อนไขในการลงทะเบียน eTA แคนาดา

eTA ของแคนาดา หรือ Electronic Travel Authorization คือเอกสารอนุมัติการเดินทางเข้าประเทศผ่านระบบออนไลน์ เป็นข้อกำหนดสำหรับชาวต่างชาติที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า และมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  1. เคยมีวีซ่าแคนาดาในช่วงไม่เกิน 10 ปีที่ผ่านมา หรือเป็นผู้ถือวีซ่าชั่วคราวของสหรัฐอเมริกาที่ยังไม่หมดอายุ
  2. มีวัตถุประสงค์ในการเดินทางไปแคนาดาเพื่อการท่องเที่ยวหรือธุรกิจไม่เกิน 6 เดือน
  3. เดินทางเข้าแคนาดาทางเครื่องบินหรือเปลี่ยนเครื่องที่แคนาดา โดยถือพาสปอร์ตที่ยังไม่หมดอายุของประเทศที่สามารถลงทะเบียน eTA ได้

*หากไม่มีคุณสมบัติดังกล่าวจะต้องยื่นขอวีซ่านักท่องเที่ยวเพื่อเดินทางไปแคนาดาตามปกติ

สิ่งที่ต้องใช้สำหรับการสมัคร eTA แคนาดา

ผู้สมัคร eTA แคนาดาจะต้องเตรียมข้อมูลในการกรอกใบสมัครดังนี้

  • เลขที่หนังสือเดินทาง วันที่ออก วันหมดอายุ (หนังสือเดินทางควรมีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือน)
  • ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ สถานที่เกิด วันเดือนปีเกิด
  • อีเมล (ผลการสมัคร eTA แจ้งผ่านทางอีเมล)
  • บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตสำหรับชำระค่าธรรมเนียม 7 ดอลล่าร์แคนาดา

หมายเหตุ

  • คุณสามารถสมัครและชำระเงินได้ครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น หากคุณต้องการสมัครให้สมาชิกในครอบครัวหรือบุคคลอื่น คุณจะต้องกรอกและส่งแบบฟอร์มทีละคน
  • คุณมีเวลาจำกัดในการกรอกแบบฟอร์ม และระบบไม่สามารถบันทึกข้อมูลของคุณเพื่อกรอกในภายหลังได้ แต่คุณสามารถขยายระยะเวลาได้ หากต้องการเวลาเพิ่มอีก เมื่อคุณเห็นข้อความ ‘Session timeout warning (คำเตือนการหมดเวลา)’ ปรากฏขึ้น ให้คลิกปุ่ม ‘Continue session (ดำเนินการต่อ)’ เพื่อขยายเวลาเพิ่ม
วิธีลงทะเบียน eTA แคนาดา

การกรอกใบสมัคร eTA ออนไลน์

  1. เริ่มสมัครโดยเข้าเว็บไซต์ https://onlineservices-servicesenligne.cic.gc.ca/eta/welcome
  2. เข้าสู่หน้า การสมัครขออนุมัติการเดินทางทางอิเล็กทรอนิกส์ (eTA)
  3. คุณสมัครในนามบุคคลอื่นหรือไม่

ในบทความนี้จะแนะนำวิธีลงทะเบียนสำหรับผู้ที่สมัครด้วยตนเอง ดังนั้นสำหรับคำถามนี้ จะต้องตอบ No (ไม่ใช่) หากคุณเป็นพ่อแม่/ผู้ปกครอง หรือตัวแทนที่สมัครขอ eTA ให้กับบุคคลอื่น คุณต้องตอบ ใช่ (Yes) และต้องกรอกรายละเอียดเพิ่มเติม

วิธีลงทะเบียน eTA แคนาดา - สิ่งที่ต้องใช้สำหรับการสมัคร eTA แคนาดา
  1. เริ่มกรอกใบสมัคร คุณต้องกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนและถูกต้อง ถ้าข้อมูลไม่ตรงตามหนังสือเดินทางคุณจะไม่สามารถเดินทางได้ ใบสมัครมีแค่ภาษาอังกฤษกับภาษาฝรั่งเศสเท่านั้น 
  2. คุณใช้เอกสารเดินทางอะไรในการเดินทางไปแคนาดา – ให้เลือกประเภทหนังสือเดินทางของคุณ
วิธีลงทะเบียน eTA แคนาดา - เริ่มกรอกใบสมัคร
  1. เลือกรหัสประเทศในหนังสือเดินทาง – สำหรับหนังสือเดินทางไทยให้เลือก THA (Thailand)
  2. คุณเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรโดยชอบด้วยกฎหมายของสหรัฐอเมริกา โดยมีหมายเลขประประจำตัวที่แสดงสัญชาติและการตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐอเมริกา (USCIS) ที่ถูกต้องหรือไม่
  • ถ้ามี ตอบ ใช่  – ไม่จำเป็นต้องสมัคร  eTA เมื่อเดินทางเข้าแคนาดา สามารถใช้แสดงเอกสารยืนยันการมีถิ่นที่อยู่ถาวรในสหรัฐอเมริกาได
  • ถ้าไม่มี ตอบ ไม่ใช่ และกรอกข้อมูลต่อ
  1. เลือกสัญชาติที่ระบุไว้ในหนังสือเดินทาง – สัญชาติไทยเลือก Thailand
วิธีลงทะเบียน eTA แคนาดา - กรอกข้อมูลรหัสประเทศ, ข้อมูลถิ่นที่อยู่ถาวรโดยชอบด้วยกฎหมายของสหรัฐอเมริกา (USCIS) และสัญชาติ
  1. คุณเดินทางไปแคนาดาทางเครื่องบินหรือไม่

คุณต้องเดินทางไปแคนาดาทางเครื่องบินเท่านั้น ถึงสามารถสมัคร eTA ได้ หากเดินทางด้วยวิธีการอื่น คุณไม่สามารถสมัคร eTA และต้องไปขอวีซ่าเข้าประเทศแคนาดาตามปกติ

  1. ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คุณเคยมีวีซ่าแคนาดาแบบพำนักชั่วคราวหรือไม่ – ถ้าเคยมี ตอบ ใช่  ถ้าไม่เคยมี ตอบ ไม่ใช่
  2. ปัจจุบันคุณมีวีซ่าชั่วคราวของสหรัฐอเมริกาหรือไม่
  • ถ้าคุณไม่มีวีซ่าชั่วคราวของสหรัฐอเมริกา และไม่เคยมีวีซ่าแคนาดาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา  คุณไม่สามารถสมัคร eTA ได้
  • ถ้าคุณไม่มีวีซ่าชั่วคราวของสหรัฐอเมริกา แต่เคยมีวีซ่าแคนาดาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คุณสามารถสมัคร eTA ได้
วิธีลงทะเบียน eTA แคนาดา - กรอกข้อมูลรหัสประเทศ, ข้อมูลถิ่นที่อยู่ถาวรโดยชอบด้วยกฎหมายของสหรัฐอเมริกา (USCIS) และสัญชาติ

12. ถ้ามีวีซ่าสหรัฐอเมริกา กรอกรายละเอียดเพิ่มเติม – หมายเลขวีซ่าของสหรัฐอเมริกา และวันหมดอายุ

วิธีลงทะเบียน eTA แคนาดา - กรอกรายละเอียดเพิ่มเติม ถ้ามีวีซ่าสหรัฐอเมริกา

13. ข้อมูลหนังสือเดินทาง – หมายเลขหนังสือเดินทาง ชื่อ-นามสกุล วันเกิด เพศ ประเทศเกิด เมืองเกิดวันที่ออกหนังสือเดินทาง วันที่หนังสือเดินทางหมดอายุ

กรอกข้อมูลหนังสือเดินทางของผู้สมัคร
  1. ข้อมูลส่วนตัวของผู้สมัคร
  • สัญชาติ – เลือกประเทศที่คุณเป็นพลเมืองอยู่
  • คุณเคยยื่นขอวีซ่าหรือมีวีซ่า/eTA หรือมีใบอนุญาตให้ไปเยี่ยมเยียน อยู่อาศัย ทำงาน หรือศึกษาในแคนาดาหรือไม่
  1. ข้อมูลการติดต่อ
  • เลือกภาษาที่ต้องการใช้ในการติดต่อ – อังกฤษ/ฝรั่งเศส
  • อีเมล – ใส่อีเมลที่สามารถติดต่อได้ อีเมลนี้จะใช้ในการแจ้งผลการสมัคร
กรอกข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลการติดต่อ
  1. รายละเอียดที่อยู่ – ใส่ที่อยู่ถาวรเท่านั้น ห้ามใส่ที่อยู่ชั่วคราวหรือตู้ไปรษณีย์
  2. รายละเอียดการเดินทาง
  • ถ้าทราบว่าจะเดินทางไปแคนาดาเมื่อไหร่ ตอบ Yes
  • ถ้ายังไม่ทราบตอบ No
กรอกรายละเอียดที่อยู่ และรายละเอียดการเดินทาง

18. การยืนยันของผู้สมัคร – อ่านคำประกาศหรือยืนยันว่ากรอกข้อมูลตามความเป็นจริง คลิกยอมรับ และพิมพ์ชื่อให้ตรงกับหนังสือเดินทาง

ทำการให้คำยินยอมและการยืนยันข้อมูลการลงทะเบียน
  1. หลังจากลงชื่อเรียบร้อยแล้วให้คลิก Proceed to Payment เพื่อดำเนินการจ่ายค่าธรรมเนียมการสมัคร
  2. พิมพ์ใบเสร็จค่าธรรมเนียมทันทีที่สมัครเสร็จ คุณจะไม่สามารถพิมพ์หรือขอสำเนาใหม่ในภายหลังได้
  3. คุณจะได้รับอีเมลยืนยันการสมัคร eTA ทางอีเมล หากไม่ได้รับอีเมล ให้ตรวจสอบโฟลเดอร์ Junk Mail ของคุณด้วย
  4. เมื่อได้รับอีเมลยืนยัน คุณสามารถตรวจสอบสถานะการสมัครได้ที่ https://onlineservices-servicesenligne.cic.gc.ca/eta/applicationQuery โดยกรอกหมายเลขใบสมัครที่ขึ้นต้นด้วยตัว V ดูจากอีเมลที่คุณได้รับหลังจากส่งใบสมัครแล้ว และกรอกหมายเลขหนังสือเดินทาง ประเทศที่ออกหนังสือเดินทาง

วันออกหนังสือเดินทาง และวันที่หนังสือเดินทางหมดอายุให้ตรงกับที่คุณกรอกในใบสมัคร

หลังจากชำระค่าธรรมเนียม ผู้ลงทะเบียนจะได้รับอีเมลยืนยัน
  1. เมื่อใบสมัครได้รับอนุมัติ คุณจะได้รับแจ้งผลทางอีเมล

**คุณควรตรวจสอบชื่อ นามสกุล และหมายเลขหนังสือเดินทางให้ตรงตามหนังสือเดินทางของคุณทันทีที่คุณได้รับอีเมลแจ้งผลอนุมัติ หากรายละเอียดดังกล่าวไม่ถูกต้อง คุณจะไม่สามารถเดินทางไปแคนาดาได้ ดังนั้นคุณจะต้องดำเนินการสมัครและขำระเงินใหม่ นอกจากนี้ถ้าคุณสมัครในเวลากระชั้นชิด คุณอาจไม่ได้รับอนุมัติ eTA ได้ทัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของคุณ

เมื่อใบสมัครได้รับการอนุมัติ ผู้ลงทะเบียนจะได้รับแจ้งทางอีเมล

eTA แคนาดาใช้เวลาในการพิจารณานานแค่ไหน

การสมัคร eTA เป็นการกรอกข้อมูลออนไลน์ ผู้สมัครส่วนใหญ่ได้รับการอนุมัติ eTA (ทางอีเมล) ในเวลาไม่นาน แต่บางกรณี อาจใช้เวลาดำเนินการหลายวัน ซึ่งจะมีอีเมลแจ้งให้ทราบถึงขึ้นตอนต่อไปที่คุณต้องดำเนินการต่อ ดังนั้น คุณควรรีบสมัคร eTA ทันทีที่คุณทราบกำหนดการเดินทาง และควรรอให้ได้รับอนุมัติก่อนที่จะจองเที่ยวบินไปแคนาดา

หลังจากคุณได้รับการอนุมัติแล้ว ข้อมูลหนังสือเดินทางของคุณจะถูกบันทึกอยู่ในระบบ และ eTA มีอายุ 5 ปี หรือจนกว่าหนังสือเดินทางจะหมดอายุ แล้วแต่ว่าอย่างหนึ่งอย่างใดถึงก่อน คุณสามารถเดินทางเข้าประเทศแคนาดาได้ตลอดเวลาภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ระยะเวลาที่อยู่ในแคนาดาแต่ละครั้งต้องไม่เกิน 6 เดือน และหากคุณต้องทำหนังสือเดินทางใหม่ คุณจะต้องดำเนินการสมัครขออนุมัติ eTA ใหม่

เราหวังว่า วิธีสมัคร eTA แคนาดา ทำได้ง่ายด้วยตนเอง แบบละเอียดทุกขั้นตอน  จะเป็นประโยชน์และเป็นแนวทางให้กับผู้ที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวแคนาดา อย่าลืมตรวจสอบเงื่อนไขการสมัครก่อนนะคะ หากมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข ก็สามารถดำเนินการสมัครได้เลยค่ะ ขอให้ทุกท่านผ่านการอนุมัติและเดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ

สิ่งสำคัญที่ควรมีในการเดินทางท่องเที่ยวไปในสถานที่ที่เราไม่คุ้นเคยทั้งสภาพอากาศ หรืออาหารการกิน อาจทำให้เราเจ็บไข้ได้ป่วย หรือเกิดเหตุฉุกเฉินที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อน จนต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณ เที่ยวต่างประเทศได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : Electronic Travel Authorization (eTA) – Canada.ca, Final Instructions Apply eTA – Canada.ca

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

12 ที่เที่ยวแคนาดา ดินแดนแห่งความงดงามของธรรมชาติ

12 ที่เที่ยวแคนาดา ดินแดนแห่งความงดงามของธรรมชาติ

ประเทศแคนาดาเป็นหนึ่งในประเทศที่หลายคนอยากไปเยือน ด้วยเป็นประเทศที่กว้างใหญ่อันดับที่ 2 ของโลก มีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ ให้ได้ผจญภัยได้หลากหลายรูปแบบ ที่เที่ยวแคนาดาหลายแห่งก็ติดอันดับที่เที่ยวที่สวยที่สุดในโลก หากใครกำลังมองหาที่เที่ยวต่างประเทศที่คุ้มค่าต่อการไปเยือน การไปเที่ยวแคนาดาจะทำให้คุณประทับใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการชมธรรมชาติอันงดงาม สัตว์ป่า วัฒนธรรม และอาหาร Allianz Travel จะพาคุณไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ กับ 12 ที่เที่ยวแคนาดา ต้องมาสักครั้งในชีวิต

1. เทือกเขาร็อกกี้ของแคนาดา (The Canadian Rockies)

หากคุณอยากเห็นวิวภูเขาที่สวยงามที่สุด เทือกเขาร็อกกี้ของแคนาดาเป็นเทือกเขาที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่มากที่สุดในประเทศแคนาดา ทอดตัวเป็นแนวพรมแดนตั้งแต่ทางด้านเหนือสุดของรัฐบริติชโคลัมเบีย (British Columbia) ประเทศแคนาดา ยาวไปจนถึงรัฐนิวเม็กซิโก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวชมเทือกเขาร็อกกี เมาน์เทน จะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ (Banff National Park) และอุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ (Jasper National Park) รัฐแอลเบอร์ตา (Alberta) ซึ่งมีเส้นทางขับรถชมยอดเขาที่สวยงามมาก ๆ โดยเฉพาะบนเส้นทาง Icefields Parkway และ Trans-Canada Highway ช่วงเมืองแจสเปอร์

ที่เที่ยวแคนาดา เทือกเขาร็อกกี้ของแคนาดา (The Canadian Rockies)

ในเขตอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ คุณจะได้สัมผัสผืนป่าเขียวขจีผ่านเส้นทางเดินเขา (Sulphur Mountain Boardwalk) ที่ทำจากไม้กระดานทอดเป็นบันไดยาวสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 2,281 เมตร เพื่อชมวิวของอุทยาน ชมเมืองแบมฟ์จากมุมสูง รวมถึงทะเลสาบ Minnewanka กันอย่างจุใจ หรือเลือกขึ้นกระเช้าไฟฟ้า (Gondola) ไปยังจุดชมวิวด้านบนยอดเขา Sulphur Mountain หากคุณชอบเล่นสกี หรือกิจกรรมฤดูหนาว ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมในแคนาดา แต่ก็มีการผจญภัยกลางแจ้งมากมายในช่วงฤดูร้อนเช่นกัน

ที่เที่ยวแคนาดา เทือกเขาร็อกกี้ของแคนาดา

ข้อแนะนำเพิ่มเติม:

ถ้าคุณอยากชื่นชมธรรมชาติแบบสโลว์ไลฟ์ คุณสามารถเลือกขึ้นรถไฟ และสัมผัสความยิ่งใหญ่จากหน้าต่างเปิดกว้างชมวิวพาโนราม่าบนที่นั่งแสนสบายของคุณ ขณะที่เจ้ารถเหล็กเคลื่อนตัวผ่านภูเขา ป่ากว้าง และแม่น้ำระหว่างทาง นอกจากนี้คุณอาจมีโอกาสได้เห็นหมีดำกริซลี่ เหยี่ยว นกอินทรีสีทอง กวางเอลค์ และแม้แต่เสือคูการ์ในขณะที่คุณเดินทางด้วยความเร็ว 35 ไมล์ต่อชั่วโมงอีกด้วย

2. เมืองแวนคูเวอร์ (Vancouver)

เมืองแวนคูเวอร์เป็น ที่เที่ยวแคนาดา แห่งหนึ่ง ที่คุณจะได้เห็นเมืองและธรรมชาติอยู่ด้วยกันอย่างสวยงามและลงตัว คุณจะเห็นความงามของน้ำทะเลจรดท้องฟ้าล้อมรอบมหานครใหญ่ ทั้งภูเขาที่เล่นสกีได้ในบริเวณรอบนอก ชายหาดริมชายฝั่ง และต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีอายุนับ 100 ปีในสวนสาธารณะสแตนลีย์ (Stanley Park) ที่มีพื้นที่กว้างขวางถึง 4 ตารางกิโลเมตร เป็นแหล่งพักผ่อนยอดนิยมของชาวเมืองและเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์และนกหลายชนิด เพียงไม่กี่ก้าวจากตึกสูงในย่านดาวน์ทาวน์

ที่เที่ยวแคนาดา เมืองแวนคูเวอร์ (Vancouver)

นอกจากธรรมชาติอันหลากหลายของแวนคูเวอร์ เมืองชายฝั่งแห่งนี้ยังมีอาหารและวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และกับย่านต่างๆ ที่ทำให้เมืองนี้มีเสน่ห์ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นประตูสู่การผจญภัยกลางแจ้งด้วย การเดินป่า ขี่จักรยาน และพายเรือ สามารถเข้าถึงได้ง่ายจากใจกลางเมือง หากสภาพอากาศเป็นใจ นักท่องเที่ยวสามารถจับจ่ายซื้อของ เล่นสกี และว่ายน้ำได้ในวันเดียว

ข้อแนะนำเพิ่มเติม:

เกาะแวนคูเวอร์เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในแคนาดาที่ควรไปเยี่ยมชมในช่วงฤดูร้อน ด้วยสภาพอากาศที่อบอุ่นและชายหาดที่สวยงาม คุณสามารถซื้ออาหารและเครื่องดื่มเย็นๆ ไปนั่งปิกนิกที่สวนสาธารณะสักแห่งในเมือง หรือเดินเล่นช้อปปิ้งเมือง คุณอาจพบเห็นคนดังระหว่างทาง เพราะแวนคูเวอร์เป็นที่รู้จักในนาม “ฮอลลีวูดเหนือ” ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์หลายเรื่องที่ถ่ายทำตลอดทั้งปี

3. เกาะมานิทูลิน (Manitoulin Island)

เกาะมานิทูลินมีพื้นที่ 2,766 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยุ่บนอ่าวจอร์เจียกลางทะเลสาบฮูรอน เป็นเกาะน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในเกาะยังมีทะเลสาบน้ำจืดอีก 108 แห่ง ที่ใหญ่ที่สุดคือทะเลสาบ Manitou ทะเลสาบ Kagawong และทะเลสาบ Mindemoya ที่ล้วนแต่มีเกาะเป็นของตัวเองเช่นกัน คุณสามารถพายเรือเล่นในทะเลสาบหรือแม่น้ำ ชมความงามของน้ำตกไบรดัลเวล (Bridal Veil) ไหลลดหลั่นลงมาเหนือหุบเขาใกล้ทะเลสาบ Kagawong

ที่เที่ยวแคนาดา เกาะมานิทูลิน (Manitoulin Island)

นอกจากนี้เกาะมานิทูลินยังเป็นที่ตั้งถิ่นฐานแห่งแรกของของชาวยุโรปในแคนาดาอีกด้วย บนเกาะมีเขตอนุรักษ์ของชนพื้นเมือง 6 แห่ง และเต็มไปด้วยหลักฐานทางโบราณคดีที่ย้อนไปได้ถึง 2,000 ปี ก่อนคริสตกาล ไฮไลท์คือการที่คุณได้ใช้เวลากับชนพื้นเมือง ผ่านการเรียนรู้ทางวัฒนธรรมและมรดกของพวกเขา อย่างเช่น พักกับคนในท้องถิ่น ชิมอาหาร ผจญภัยเชิงอนุรักษ์ (พายเรือแคนู ขี่ม้า เดินป่า) เข้าเวิร์คชอปทำคบเพลิงหรือกลอง หรือชมการแสดงดนตรีและการเต้นรำแบบดั้งเดิม

ข้อแนะนำเพิ่มเติม:

ฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการตกปลา เดินป่า พายเรือ และเล่นบนชายหาด  หากคุณชอบการเดินป่าที่เงียบสงบและสีสันสวยงามของฤดูใบไม้ร่วง ช่วงสุด cideries สัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคมจะเป็นวันหยุดยาวที่ชาวเมืองเฉลิมฉลองเทศกาล Haweater คุณจะได้พบกับงานหัตถกรรม ขบวนพาเหรด การเต้นรำตามท้องถนน ล่องเรือรถคลาสสิก การแข่งขันในชนบทแบบเก่า เช่น การดึงม้า และดอกไม้ไฟ ฤดูหนาวจะเป็นช่วงเวลาชมแสงเหนือเต้นรำบนท้องฟ้ายามค่ำคืน เล่นสกีแบบครอสคันทรี หรือตกปลาในน้ำแข็ง

4. เกาะแวนคูเวอร์ (Vancouver Island)

ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาเพียง 90 นาทีนั่งเรือข้ามฟากจากเมืองแวนคูเวอร์อันวุ่นวายมาสู่เมืองวิคตอเรีย เมืองหลวงของบริติชโคลัมเบียที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ อยู่บนปลายสุดทางตอนใต้ของเกาะแวนคูเวอร์ คุณจะรู้สึกราวกับย้อนไปสู่ยุคอาณานิคมอังกฤษตั้งแต่ทศวรรษที่ 1840 คุณจะได้เห็นบบรยากาศที่แปลกตาออกไป มีร้านค้าสไตล์โบฮีเมียน บาร์กาแฟที่ปูพื้นด้วยไม้ และวัฒนธรรมแบบอังกฤษ อย่างเช่น การดื่มชายามบ่าย สวนอังกฤษที่ตกแต่งอย่างสวยงาม

ที่เที่ยวแคนาดา เกาะแวนคูเวอร์ (Vancouver Island)

เกาะแวนคูเวอร์ทอดยาวเป็นระยะทาง 460 กิโลเมตร นอกจากเมืองวิคตอเรีย ยังมีเมืองอื่นหรือกิจกรรมอื่นที่น่าสนใจ อย่างเช่น เมือง Sooke และชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ หุบเขาโควิชาน (Cowichan) หรือสำรวจหมู่เกาะในอ่าว ชมพื้นที่ชายฝั่งที่มีระบบนิเวศน์ที่หลากหลายทีสุดแห่งหนึ่งของโลกทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ เขตสงวนอุทยานแห่งชาติแปซิฟิกริม (Pacific Rim) ส้มผัสประสบการณ์การดูวาฬ ดูนก ตกปลา เล่นกระดานโต้คลื่น หรือผ่อนคลายไปกับวิวทะเลของมหาสมุทรแปซิฟิก

ข้อแนะนำเพิ่มเติม:

หากคุณเป็นนักชิม ให้มุ่งหน้าไปที่โควิชาน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนทางทะเลเพียงแห่งเดียวของแคนาดา และเป็นที่ที่มีอุณหภูมิอบอุ่นที่สุดตลอดทั้งปี ดังนัน เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่โควิชานผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่มีรสชาติดีเยี่ยมจากฟาร์ม โรงบ่มไวน์ โรงงานผลิตเครื่องดื่มไซเดอร์ และโรงกลั่น นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเทศกาลและกิจกรรมกลางแจ้งสนุกๆ อีกมากมายตลอดทั้งปี เช่น ขี่จักรยาน เดินป่า ตกปลา พายเรือคายัค และอื่นๆ

5. เมืองวิสต์เลอร์ (Whistler)

เมืองวิสต์เลอร์ (Whistler) ในรัฐบริติชโคลัมเบียอยู่ห่างจากใจกลางเมืองแวนคูเวอร์เพียง 90 นาทีโดยรถยนต์ ที่เที่ยวแคนาดา แห่งนี้มีภูมิทัศน์ที่สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ ทำให้เมืองแห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าประทับใจตลอดทั้งปี หมู่บ้านบนเทือกเขาแห่งนี้เป็นสถานที่จัดงานโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2010 เป็นหนึ่งในสกีรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุด มีอุปกรณ์ครบครันและเป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีทางสกีว่า 200 เส้นทางที่คดเคี้ยวไปตามภูเขาสูงตระหง่านสองลูก ได้แก่ ภูเขาวิสต์เลอร์และภูเขาแบล็คคอมบ์

ที่เที่ยวแคนาดา เมืองวิสต์เลอร์ (Whistler)

จุดหมายปลายทางแห่งนี้คือสวรรค์สำหรับนักเล่นสกีและกีฬาฤดูหนาวทุกระดับ แต่ที่นี่ก็เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อนเช่นกัน ทั้งปั่นจักรยานเสือภูเขา เล่นแพดเดิลบอร์ด และการเดินป่า นอกเหนือจากกิจกรรมกลางแจ้ง เมืองวิสต์เลอร์ยังมีเทศกาลต่างๆ สปา ร้านอาหาร และบาร์มากมาย ปัจจุบันวิสต์เลอร์ได้พัฒนาสถานที่ทางศิลปะและวัฒนธรรมให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยมีไฮไลท์อย่างพิพิธภัณฑ์ศิลปะออแด็ง (Audain Art Museum) และศูนย์วัฒนธรรมสควอมิช ลิลวัต (Squamish Li’lwat Cultural Centre) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่แพ้กิจกรรมอื่นๆ

6. เกาะแบฟฟิน (Baffin Island)

เกาะแบฟฟิน เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศแคนาดา และเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ของโลก อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะกรีนแลนด์ ติดกับอ่าวแบฟฟิน คาบสมุทรคัมเบอร์แลนด์ ช่องแคบฮัดสันและช่องแคบเดวิส มีหิมะอยู่ทางเหนือของเกาะ และทางใต้ที่ติดกับอ่าวฟรอบิสเซอร์ มีเมืองสำคัญคืออีคาลูต (Iqaluit) เมืองหลวงของดินแดนนูนาวุต (Nunavut) ที่ประชากรกว่าครึ่งของเกาะแบฟฟินอาศัยอยู่ที่นั่น

ที่เที่ยวแคนาดา เกาะแบฟฟิน (Baffin Island)

ภูมิประเทศของเกาะแบฟฟินเป็นที่ตั้งของภูเขาที่มียอดสูงชัน ธารน้ำแข็งรูปทรงประหลาด มีหมู่บ้านชาวพื้นเมืองอยู่ตามแนวชายฝั่งเบียดกันอยู่บนหน้าผาเหนือแผ่นน้ำแข็งที่ลอยละล่อง ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการท่องซาฟารีในอาร์กติก ซึ่งคุณจะได้เห็นนาร์วาฬ เบลูกา และหมีในที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของพวกมัน ไฮไลต์สำคัญของเกาะนี้คืออุทยานแห่งชาติโอยูวีทูค (Auyuittuq National Park) ซึ่งชื่อมีความหมายว่า “ดินแดนที่ไม่มีวันละลาย” ที่มีธารน้ำแข็ง ฟยอร์ด และหน้าผาสูงชันเติมเต็มพื้นที่ทางทิศตะวันออก ที่นี่เป็นเป้าหมายของนักเดินป่าและนักปีนเขาแบบฮาร์ดคอร์ 

เกาะแบฟฟินยังเป็นศูนย์กลางของศิลปะชาวเอสกิโม สตูดิโอสำหรับการแกะสลัก ภาพพิมพ์ และการทอผ้าคุณภาพสูงสามารถพบได้ในเมืองเล็กๆ หลายแห่งที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่

7. เมืองมอนทรีออล (Montréal)

มอนทรีออล เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของแคนาดา ตั้งอยู่ในเขตตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐควิเบค และเป็นเมืองที่ผู้คนพูดภาษาฝรั่งเศสมากที่สุดในโลกอีกด้วย (นอกเหนือจากประเทศฝรั่งเศสเอง) สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองที่มีความหลากหลายแห่งนี้ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ระดับโลก และตลาดที่เต็มไปด้วยผู้คน เริ่มต้นทัวร์ของคุณไปตามถนนหินโบราณในเมืองเก่ามอนทรีออล (Vieux-Montréal) เดินสำรวจอาสนวิหารเก่าแก่ หรือจิบคาปูชิโน่ที่ร้านกาแฟสไตล์ฝรั่งเศสแบบดั้งเดิมบนถนน Boulevard Saint-Laurent หากประวัติศาสตร์ไม่ทำให้คุณตื่นเต้น ให้มุ่งหน้าไปยังย่านดาวน์ทาวน์ที่พลุกพล่านเพื่อช้อปปิ้งในช่วงบ่าย หรือไปเดินป่าชื่นชมธรรมชาติที่ Parc du Mont-Royal

ที่เที่ยวแคนาดา เมืองมอนทรีออล (Montréal)

อีกอย่างที่พลาดไม่ได้เลยคือการแวะเข้าร้านอาหารเล็กๆ น่ารัก แล้วลองชิม Poutine (มันฝรั่งทอดราดชีสและเกรวี่) ที่เป็นอาหารท้องถิ่นที่เป็นที่นิยมของที่นี่ หรือเบเกิลอบร้อนๆ จากเตาถ่านแบบดั้งเดิม มอนทรีออลยังมีอาหารให้เลือกชมและชิมอีกมากมาย เพราะเป็นแหล่งรวมร้านอาหาร ร้านขนม และบาร์แบบฮิปสเตอร์ของแคนาดาเลยทีเดียว

มอนทรีออลมักจะมีการจัดเทศกาลกว่า 100 ครั้งต่อปี เพราะคนที่นี่รักศิลปะและวัฒนธรรมเป็นชีวิตจิตใจ ถ้าชอบเทศกาลหรือกิจกรรม ก็ให้ลองแวะไปแถวๆ Plateau Mont-Royal เพื่อชมร้านค้าและคาเฟ่ต่างๆ ที่มักจะมีสิ่งแปลกใหม่มาให้เรารู้สึกตื่นตาตื่นใจเสมอ หรือเดินทางเข้าเมืองไปยัง Golden Square Mile ที่เป็นแหล่งรวมสถาปัตยกรรมและสถานที่แสดงศิลปะจำนวนมากของเมือง อย่างเช่น Montreal Museum of Fine Art เป็นต้น

8. ย่านเมืองเก่าควิเบก (Old Québec City)

รัฐควิเบก (คนท้องถิ่นเรียกตามภาษาฝรั่งเศสว่าเกแบ็ก) ค้นพบครั้งแรกโดยนักสำรวจชาวฝรั่งเศส และถูกสร้างเป็นอาณานิคมฝรั่งเศสใหม่ คนส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาตั้งรกรากเมื่อ 400 ปีก่อน ดังนั้นผู้คนที่นี่จะใช้ภาษาฝรั่งเศสในการสื่อสาร เมืองควิเบกซิตี้เป็นเมืองหลวงของรัฐควิเบก และเป็นหนึ่งในการตั้งพิ่นฐานของชาวยุโรปที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกาเหนือ ใจกลางเมืองควิเบกเป็นย่านประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันในชื่อย่านเมืองเก่าควิเบก (Old Quebec หรือ Vieux-Québec) และเป็นมรดกโลกของ UNESCO ที่นำเสนอการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของเสน่ห์และความมีชีวิตชีวาของชุมชนสไตล์ยุโรปยุคเก่าที่เป็นมิตร และวัฒนธรรมของแคนาดาเข้าไว้ด้วยกัน

ย่านเมืองเก่าควิเบก (Old Québec City)

ย่านเมืองเก่าควิเบกเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากอาคารเก่าแก่สไตล์ยุโรป อาคารหินสีเทา และถนนที่ปูด้วยหิน บ้านและอาคารหลายหลังที่คุณเห็นมีอายุย้อนไปถึงช่วงต้นทศวรรษ 1600 ถนนแคบๆ ของเมืองเก่าส่วนใหญ่ยังคงปูด้วยหิน คุณจะได้เห็นกำแพงหินโบราณ ป้อมปราการแห่งควิเบก วิหารที่มียอดแหลม และคาเฟ่ที่มีเสียงดนตรีแจ๊ส อบอวลไปด้วยบรรยากาศความโรแมนติก วิธีที่ดีที่สุดในการสัมผัสประสบการณ์ของเมืองเก่าควิเบกคือการเดินไปตามตรอกซอกซอย และชมการแสดงของนักแสดงข้างถนน และชมความงามของโรงแรมขนาดเล็กที่มีอยู่มากมาย

ข้อแนะนำเพิ่มเติม:

คุณสามารถขับรถไปตามเส้นทางถนนชมวิวหมายเลข 132 ที่วิ่งคดเคี้ยวเลียบชายฝั่งทางใต้ของแม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ ไปตามคาบสมุทรแกสเป (Gaspé) ชมวิวทะเลและภูเขา รวมถึงหมู่บ้านสวยงามน่ารักที่อยู่ริมข้างทาง

9. เมืองโตรอนโต (Toronto)

เมืองโทรอนโตเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในแคนาดา มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว ภายในเมืองเต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า และอาคารสุดทันสมัย มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติต่างแวะเวียนมาอยู่อาศัยและเที่ยวชม ตัวเมืองอยู่ติดกับทะเลสาบออนแทรีโอ (Lake Ontario) ที่นี่จึงมีบรรยากาศที่น่าหลงใหล ไม่ว่าใครได้มาเยือนก็ต้องหลงรักเมืองโตรอนโต คุณจะตื่นตาตื่นใจกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมในเมืองใหญ่ ลิ้มรสอาหารหลากหลายเชื้อชาติ ชมแกลเลอรีศิลปะยุคใหม่ โรงละครชั้นนำ ห้องแสดงดนตรีร็อค และความคลั่งไคล้ในกีฬาฮอกกี้ที่ช่วยเพิ่มความยิ่งใหญ่ให้กับมหานครแห่งนี้

ที่เที่ยวแคนาดา เมืองโตรอนโต (Toronto)

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในโตรอนโต ได้แก่ CN Tower พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ พิพิธภัณฑ์ Ripley’s แห่งแคนาดา พิพิธภัณฑ์ Royal Ontario และสวนสัตว์โตรอนโต ระหว่างที่คุณอยู่ในเมือง อย่าลืมไปสำรวจตลาดเซนต์ลอว์เรนซ์ ตลาดสดที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของแคนาดา เป็นหนึ่งในสถานที่สำหรับอาหารอร่อยในโตรอนโต

10. อุทยานไดโนเสาร์แห่งรัฐ (Dinosaur Provincial Park)

อุทยานไดโนเสาร์แห่งรัฐ เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่สำคัญมากของแคนาดา จนได้รับการคัดเลือกจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ตั้งอยู่ในหุบเขา Red Deer River ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐอัลเบอร์ตา เป็นดินแดนซากฟอสซิลในพื้นที่กว่า 73 ตารางกิโลเมตร หรือ 45,625 ไร่ มีทัศนียภาพทางธรรมชาติที่สวยงาม  เป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งรวบรวมฟอสซิลที่มีชื่อเสียงและมีคอลเล็กชันฟอสซิลไดโนเสาร์ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก คุณจะได้เห็นดินและหินรูปร่างแปลกๆ ที่เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งเมื่อหลายสิบล้านปีก่อน ได้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในยุคดำดำบรรพ์

อุทยานไดโนเสาร์แห่งรัฐ (Dinosaur Provincial Park)

ที่นี่มีการค้นพบไดโนเสาร์กว่า 58 สายพันธุ์ โครงกระดูกไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์กว่า 150 ตัว นอกจากนี้ยังมีการขุดพบซากกระดูกรวมถึงซากดึกดำบรรพ์สิ่งมีชีวิตอีก 450 ชนิด รวมทั้งสัตว์มีกระดูสันหลังน้ำจืดหลากหลายกลุ่ม เช่น ฉลาม กบ ซาลาแมนเดอร์ สัตว์เลื้อยคลานอื่นๆ ฟอสซิลสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และฟอสซิลพืช เช่น เฟิร์น ใบไม้ เกสรดอกไม้ และสปอร์ของพืช เป็นต้น นอกจากนี้ตัวอย่างมากกว่า 500 ตัวอย่างที่ค้นพบที่นี่ได้ถูกนำออกไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก

ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบประวัติศาสตร์ ซากดึกดำบรรพ์หรือธรณีวิทยา หรือเป็นเพียงกลุ่มนักล่าฟอสซิล การเดินทางไปเที่ยวอุทยานไดโนเสาร์แห่งรัฐ ก็คุ้มค่ากับการเดินทางเป็นอย่างมาก

11. น้ำตกไนแองการ่า (Niagara Falls)

น้ำตกไนแองการ่าอาจไม่ได้สูงจนติดอันดับความสูง 500 อันดับแรกของโลก แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในน้ำตกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ระหว่างชายแดนรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และรัฐออนตาริโอ ประเทศแคนาดา ซึ่งน้ำตกแห่งนี้จะประกอบด้วย 3 น้ำตกด้วยกัน คือน้ำตกเกือกม้า (Horseshoe Falls) อยู่ทางฝั่งแคนาดา, น้ำตกอเมริกา (American Falls) อยู่ทางฝั่งสหรัฐอเมริกา และน้ำตก Bridal Veil อยู่ทางฝั่งอเมริกาเช่นกัน

น้ำตกไนแองการ่า (Niagara Falls)

ถ้าอยากเห็นน้ำตกทั้ง 3 แห่งในมุมสูง สามารถที่จะขึ้นหอคอยชมวิวได้จากทางฝั่งแคนาดา และทางฝั่งนี้ยังสามารถมองเห็นน้ำตกไนแอการาในวิวพาโนรามาได้แบบสวยสุด ๆ อีกด้วย หากใครมาเที่ยวชมในช่วงหน้าหนาว ก็จะเห็นน้ำตกกลายเป็นน้ำแข็ง ยามค่ำคืนจะมีการแสดงแสงไฟที่สวยงามส่องไปที่น้ำตก ถือได้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ห้ามพลาดของแคนาดา นอกจากนี้หากคุณอยากใกล้ชิดน้ำตกมากยิ่งขึ้น คุณสามารถนั่งเรือเข้สาไปใกล้น้ำตกเพื่อสัมผัสกับละอองน้ำที่กระเซ็นมาจากน้ำตกอย่างใกล้ชิด เป็นภาพที่สวยงามตระการตาและสร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก 

นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงน้ำตกไนแอการา ยังมีไร่องุ่นและโรงบ่มไวน์ให้เข้าไปเยี่ยมชมหลายแห่ง โดยไร่องุ่นส่วนใหญ่จะพาชมไร่องุ่น กระบวนการผลิต โรงเก็บไวน์ใต้ดิน และการชิมไวน์ เป็นกิจกรรมยอดฮิตที่ต้องบอกว่าห้ามพลาดเลยทีเดียว หรือผจญภัยด้วยจักรยานไปตามเส้นทาง Greater Niagara Circle หรือไปที่เครื่องเล่น Wildplay Zipline to the Falls ซึ่งเป็นเครื่องเล่นที่ทำให้คุณใจเต้นแรง และเห็นทัศนียภาพของน้ำตกเบื้องล่างจากมุมสูงขณะที่พุ่งตัวไปข้างหน้า

12. เมืองเชอร์ชิลล์ (Churchill)

เมืองเชอร์ชิล เป็นเมืองเล็กๆ ของแคนาดาที่อยู่ติดกับอ่าวฮัดสัน อยู่ในรัฐมานิโตบา ตอนกลางของประเทศ เมืองนี้เดิมเคยเป็นเมืองท่าขนส่งในอ่าวฮัดสัน แต่ปัจจุบันหมีขาวขั้วโลกได้นำนักท่องเที่ยวมาที่นี่จนกลายเป็นกึ่งเมืองท่องเที่ยวของแคนาดา จนเมืองเชอร์ชิลล์ได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงของหมีขั้วโลก หมีขั้วโลกจะอาศัยอยู่ละแวกอ่าวฮัดสันซึ่งจับตัวเป็นน้ำแข็งในช่วงหน้าหนาว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงราวเดือนมิถุนายน เพื่อจับแมวน้ำกินเป็นอาหารหลัก แต่พอเข้าหน้าร้อนอ่าวฮัดสันจะละลาย พวกมันก็เลยต้องกลับมาขึ้นฝั่ง ซึ่งเป็นช่วงที่เราจะมีโอกาสได้เจอกับหมีขั้วโลกเหล่านี้

ที่เที่ยวแคนาดา เมืองเชอร์ชิลล์ (Churchill)

เดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่เหมาะที่สุดในการไปดูหมีขั้วโลก คุณควรจองทัวร์ล่วงหน้า เพราะเป็นช่วง Polar Bear Season ซึ่งนักท่องเที่ยวจะมาเป็นจำนวนมาก และทัวร์เต็มเร็วมาก

หมีที่เมืองเชอร์ชิลล์ (Churchill)

สิ่งที่คุณควรทราบก่อนวางแผนเที่ยวแคนาดา

1) แคนาดาเป็นประเทศที่ใหญ่มาก

ถ้าคุณมีเวลาไปเที่ยวเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ คุณควรเลือก 2-3 เมืองที่คุณสนใจ และวางแผนเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเหล่านั้น

2) เตรียมพร้อมสำหรับสภาพอากาศ

สภาพอากาศของแคนาดาไม่ได้หนาวจัดตลอดเวลา ส่วนใหญ่ของประเทศอาจมีหน้าร้อนที่เราต้องเผชิญกับอากาศที่ร้อนแผดเผา สภาพอากาศและอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดีงนั้นเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเยี่ยมชมพื้นที่ที่คุณสนใจ

3) ศึกษาข้อกำหนดและข้อยกเว้นการเดินทาง

ปัจจุบันรัฐบาลแคนาดาประกาศให้นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถยื่นขอใบอนุญาตการเดินทางทางอิเล็กทรอนิกส์ (eTA) แทนการขอวีซ่าได้ ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยในการช่วยลดขั้นตอนความยุ่งยากในการขอวีซ่าเข้าแคนาดา และมีโอกาสเดินทางไปแคนาดาได้ง่ายขึ้น อ่านรายละเอียดที่นี่

ตอนนี้คุณรู้จัก 12 ที่เที่ยวแคนาดา กันแล้ว เตรียมตัวจัดกระเป๋าและวางแผนการเดินทางไปแคนาดาเพื่อชมสถานที่ ที่ยิ่งใหญ่และความงดงามของธรรมชาติในแต่ละแห่ง แต่การเดินทางไป เที่ยวแคนาดา การที่เราไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศ หรืออาหารการกิน อาจทำให้เราเจ็บไข้ได้ป่วย หรือเกิดเหตุฉุกเฉินที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อน จนต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณ เที่ยวต่างประเทศได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : lonelyplanet.com, travel.destinationcanada.com

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel