อีกหนึ่งความสำเร็จคือการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสหราชอาณาจักร โดยเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่ได้จัดตั้งภาควิชาปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligent) รวมถึงยังมีสถาบันด้านบริหารธุรกิจอย่าง University of Edinburgh Business School ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและติดอันดับต้นๆของโลก และสถาบัน Edinburgh Law School ถือเป็น โรงเรียนกฎหมาย ที่เก่าแก่เป็นอันดับ 3 ในสก็อตแลนด์ถัดจาก University of Glasgow และ University of Aberdeen โดยมีอายุกว่า 300 ปี และที่มหาวิทยาลัยเอดินบะระนี้ก็มีทุนให้กับนักศึกษาต่างชาติที่สนใจไปศึกษาต่อทุกปีอีกด้วยนะคะ ปีละหลายอัตราเลยค่ะ
7. คิง คอลเลจ ลอนดอน (KING’S COLLEGE LONDON (KCL))
แห่งที่ 7 คิงส์ คอลเลจ ลอนดอน ก่อตั้งขึ้นในปี 1829 โดย พระเจ้าจอร์จที่ 4 แห่งสหราชอาณาจักร และ ดุค ออฟ เวลลิงตัน เป็นสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดอันดับสี่ของอังกฤษ ในปี 1836 คิงส์กลายเป็นหนึ่งในสองผู้ก่อตั้งวิทยาลัยมหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางมหานครลอนดอน และเป็นสถาบัน Top 10 ของสหราชอาณาจักร (จากการจัดอันดับโดย QS World University Rankings 2018) คิงส์ คอลเลจ ลอนดอน เป็นสมาชิกของ Russell Group กลุ่มสถาบันอุดมศึกษาระดับโลกที่มุ่งเน้นไปที่การทำงานวิจัยแบบเข้มข้น คิงส์ คอลเลจ มีวิทยาเขตทั้งหมด 4 แห่ง กระจายตัวอยู่ในลอนดอนบริเวณริมแม่น้ำเทมส์ เวสท์มินสเตอร์ และย่านใจกลางเมือง โดยอีกหนึ่งวิทยาเขตอยู่ทางตอนใต้ของลอนดอน
ดูโบรฟนิก ไข่มุกแห่งทะเลอเดรียติค เมืองเก่าแก่ติดชายทะเลทางตอนใต้ของโครเอเชียที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจากนักท่องเที่ยว ด้วยการเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ Game of Thrones ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันจำนวนมากค่ะ
เมื่อมาถึงซาราเยโวแล้ว พลาดไม่ได้เลยที่จะต้องไปดู Kovaci Memorial Cemetery สุสานขนาดใหญ่สำหรับฝังศพชาวบอสเนียที่ทำการสู้รบกับชาวเซิรบ์ในสงครามกลางเมืองเมื่อทศวรรษ 1990 รวมไปถึงการเยี่ยมชม Sarajevo Tunnel Museum พิพิธภัณฑ์ที่ครั้งหนึ่งชาวบอสเนียเคยใช้เป็นอุโมงค์เพื่อหลบหนีออกไปนอกเมือง และใช้เป็นที่ส่งเสบียงอาหารเข้ามายังภายในเมือง สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ Gazi Husrev-beg Mosque, Latin Bridge, Jewish Museum, Sarajevo Town Hall เป็นต้น
17. PRAGUE, CZECH REPUBLIC
ปราก เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐเช็ก ปรากได้รับฉายาว่า “The City of a Hundred Spires” หรือ “เมืองแห่งหนึ่งร้อยยอด” เนื่องจากทั้งเมืองเต็มไปด้วยความสวยงามและเงียบสงบท่ามกลางขุนเขา อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางอาณาจักรโบราณมาเนิ่นนานตั้งแต่ 200 ปีก่อนคริสตกาล เมืองปรากจึงเต็มไปด้วยเรื่องราว เรื่องเล่า และสถาปัตยกรรมเก่าแก่จำนวนมาก จนทำให้ปรากได้รับการประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลกจากยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1992 และนับเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกด้วยค่ะ
3. PACIFIC COAST HIGHWAY: SAN FRANCISCO TO LOS ANGELES
Pacific Coast Highway เส้นทางเลียบชายฝั่งทะเลตะวันตกจากเหนือสู่ใต้สุดของมลรัฐแคลิฟอร์เนีย รวมระยะทาง 200 กิโลเมตร เส้นทางเริ่มต้นที่ San Francisco และขับรถลงทางใต้ผ่านเมืองประวัติศาสตร์อย่าง Monterey และชมศิลปะโคโลเนียลที่ Carmel by the Sea ไฮไลต์สำคัญของเส้นทางนี้คือการขับรถบนสะพานข้ามหุบผาเลียบชายฝั่งทะเล ที่จะเห็นวิวทิวทัศน์สวยงามทั้งภูเขา หุบผาสูงชัน และท้องทะเลค่ะ
สำหรับใครที่ไม่ได้รีบไปไหน ตลอดเส้นทาง มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแวะชมคฤหาสน์ตากอากาศ Hearst Castle, แวะชม Bis Sur State Park, เล่นน้ำและถ่ายรูปกับเหล่าแมวน้ำช้างบนชายหาด และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมายค่ะ
4. ROUTE 66: ST. LOUIS TO AMARILLO, TEXAS
Route 66 เส้นทางที่ใครหลายคนคงเคยได้ยินชื่อกันมาบ้างแล้ว “Route 66” เส้นทางสายประวัติศาสตร์ที่ทอดยาวกว่า 3,940 กิโลเมตร ตัดผ่านถนนถึง 8 มลรัฐด้วยกัน จาก East Coast มายัง West Coast โดยเริ่มต้นที่ Chicago และจบเส้นทางลงที่ California
5. THE BLUE RIDGE PARKWAY: AFTON, VIRGINIA, TO CHEROKEE, NORTH CALIFORNIA
The Blue Ridge Parkway เส้นทางธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยขุนเขาและป่าไม้เขียวขจี เส้นทางเริ่มจากรัฐ Virginia ไปยัง North Carolina ขับผ่านหุบเขา Blue Ridge Mountains ซึ่งเชื่อมกันกับอุทยานแห่งชาติ Shenandoah & Great Smoky Mountains ใน North Carolina รวมระยะทางกว่า 804 กิโลเมตร
เส้นทาง The Blue Ridge Parkway มีไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การขับผ่านขุนเขาและป่าไม้ตลอดสองข้างทาง โดยตลอดเส้นทาง ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับเป็นอย่างสูง เนื่องจากเส้นทางมีความลาดชันของหุบเขาเป็นระยะ และยังมีหมอกหนาแน่นตลอดทาง โดยปกติแล้วจะจำกัดความเร็วกันอยู่แค่ที่ 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้นค่ะ
6. GREAT RIVER ROAD: MEMPHIS TO NEW ORLEANS
อีกหนึ่งเส้นทางประวัติศาสตร์ที่ทอดยาวผ่าน 10 รัฐ กับ Great River Road เส้นทางเลียบแม่น้ำ Mississippi ที่มีระยะทางรวมกว่า 3,400 กิโลเมตร Great River Road มีจุดเริ่มต้นที่รัฐ Minnesota และไปจบที่ New Orleans เช่นเดียวกับ Route 66 ที่เราไม่จำเป็นต้องขับทั้งเส้นทาง สามารถเลือกขับแค่บางช่วงได้ โดยช่วงถนนที่เราแนะนำคือ ตั้งแต่เมือง Memphis ไปถึง New Orleans รวมระยะทาง 822 กิโลเมตร ซึ่งตลอดเส้นทางมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ Elvis Presley, พิพิธภัณฑ์ Coca-Cola, พิพิธภัณฑ์ Civil War, พิพิธภัณฑ์ Black History, และ Antebellum House
7. OREGON COAST HIGHWAY 101: SEASIDE TO BROOKINGS, OREGON
Oregon Coast Highway 101 เส้นทางเลียบชายฝั่งทะเลที่เริ่มต้นจากเมือง Seaside ไปจบลงที่เมือง Brookings ติดเขตแดน California รวมระยะทาง 584 กิโลเมตร สำหรับสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจระหว่างทางคือ ป่าไม้อายุหลายร้อยปีที่อุทยาน Oswald West State Park และสะพานเก่าแก่ McCullough รวมไปถึงชายหาดทะเลอีกหลายหาดให้นักท่องเที่ยวได้จอดรถแวะเล่นน้ำกันค่ะ
8. ROAD TO HANA: KAHULUI TO HANA, HAWAII
เปลี่ยนบรรยากาศจากบนฝั่ง มาขับรถเที่ยวบนเกาะกันบ้างค่ะกับเส้นทาง Road to Hana บนเกาะฮาวาย ซึ่งเป็นเส้นทางเลียบชายฝั่งทะเลตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮาวายมุ่งสู่ทางใต้ของเกาะที่เมือง Hana รวมระยะทางเพียงแค่ 104 กิโลเมตรเท่านั้น
สำหรับเส้นทาง Road to Hana ตลอดสองข้างทางจะพบกับวิวทิวทัศน์ทั้งภูเขาและชายหาดตัดสลับกันไปอย่างสวยงาม และยังมีอุทยานป่าไม้หลายจุดให้พักรถแวะชม รวมไปถึงใครที่ชื่นชอบการถ่ายรูป บนเกาะก็มีจุดพักรถถ่ายรูปสวย ๆ วิวทะเลจากมุมสูงด้วยค่ะ และปิดท้ายทริปด้วยการเดินเล่นชายหาด Black Sand Beach หาดทรายสีดำอันเลื่องชื่อของเกาะฮาวาย
All content provided on this blog is for informational purposes only. The content of this blog neither makes representations as to the accuracy or completeness of any information on this site, nor is construed as Allianz Travel’s offering of travel insurance, unless explicitly stated. Details of benefits, limits, policy exclusions, terms and conditions of
Allianz Travel insurance can be found under Allianz Travel
Policy Wording.