10 ที่เที่ยวหมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) ดินแดนมหัศจรรย์แห่งมหาสมุทรแอตแลนติก

10 ที่เที่ยวหมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) ดินแดนมหัศจรรย์แห่งมหาสมุทรแอตแลนติก

ถ้าหากคุณชอบสำรวจธรรมชาติ คุณจะต้องชอบหมู่เกาะแฟโรอย่างแน่นอน Allianz Travel จะพาคุณไปชม 10 ที่เที่ยวหมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) ที่คุณห้ามพลาดเมื่อไปเยือน สถานที่แต่ละแห่งบนเกาะล้วนมีความงดงามและความมหัศจรรย์ในแบบของตัวเอง เราแนะนำให้คุณได้ใช้เวลาดื่มด่ำกับสถานที่และสถาปัตยกรรมอันงดงามในแต่ละแห่งให้เต็มที่ เพราะสิ่งต่างๆ บนเกาะจะทำให้คุณตกหลุมรัก หมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) ได้อย่างแน่นอน!

หมู่เกาะแฟโรเป็นหมู่เกาะในทวีปยุโรป ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก ระหว่างสกอตแลนด์ นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ เป็นเขตการปกตรองตนเองของประเทศเดนมาร์ก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 มีอำนาจในการปกตรองตัวเองทุกด้าน ยกเว้นด้านการต่างประเทศและการทหาร ทางด้านภูมิศาสตร์ประกอบด้วยเกาะ 18 เกาะและเกาะเล็กเกาะน้อยมากกว่า 750 เกาะ

หมู่เกาะแฟโรมีประชากรเพียง 50,000 คน เป็นหนึ่งในที่ที่มีประชากรหนาแน่นน้อยที่สุดในยุโรป ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่โดยรอบและในเมืองทอร์สเฮาน์ (Tórshavn) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของหมู่เกาะแฟโร ชาวเกาะเหล่านี้สืบเชื้อสายมาจากชาวไวกิ้ง และภาษาที่ใช้โดยทั่วไปบนหมู่เกาะจะเป็น ภาษาแฟโร แต่ภาษาราชการจะใช้ ภาษาเดนมาร์กค่ะ

ทัศนียภาพบนหมู่เกาะแฟโร Faroe Islands

แม้ว่าหมู่เกาะแฟโรจะมีขนาดเล็ก แต่ก็มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนาน ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมบนผืนดินและท้องทะเลอย่างเต็มที่ พวกเขาจึงมีความรู้สึกผูกพันกับชุมชนและประเพณีอย่างแน่นแฟ้น และเป็นความเชื่อที่สะท้อนออกมาในชีวิตประจำวันของพวกเขา

ถึงแม้ว่าหมู่เกาะแฟโรจะมีประชากรน้อย แต่มีแกะอยู่ถึง 80,000 ตัว ซึ่งมีบทบาทสำคัญในวิถีชีวิตและเศรษฐกิจของชาวแฟโร ที่นำไปใช้เป็นเนื้อ นม และขนสัตว์ แกะเหล่านี้มักจะเดินเตร่ไปมาอย่างอิสระทั่วเกาะและสามารถปีนหน้าผาสูงชันและเดินบนพื้นที่แคบๆ ได้อย่างง่ายดายด้วย

เที่ยวหมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) ช่วงไหนดี

หมู่เกาะแฟโรมีสภาพอากาศที่คาดเดาได้ยาก บางครั้งก็แดดออก บางครั้งก็ฝนตกหนัก บางครั้งที่ตอนเช้าเริ่มต้นด้วยหมอกหนาทึบ ก่อนจะกลายเป็นวันแดดจัดที่สวยงาม และตอนเย็นก็มีฝนตก สภาพอากาศโดยทั่วไปค่อนข้างอบอุ่น ฤดูร้อนจะเย็นสบายและฤดูหนาวที่ไม่หนาวรุนแรงนัก

ช่วงฤดูหนาว

ในช่วงฤดูหนาวจะมีลมแรงและฝนตกหนัก และอาจตามด้วยช่วงที่อากาศสงบ ช่วงเวลานี้อาจทำให้เดินทางไปหมู่เกาะแฟโรได้ยาก แต่ก็มีโอกาสที่จะได้เห็นแสงเหนือ

ช่วงฤดูใบไม้ผลิ

ช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีอุณหภูมิที่อบอุ่นและกลางวันยาวขึ้น ในเดือนมีนาคมยังคงมีหิมะตกอยู่ และหิมะจะลดลงเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นหิมะในเดือนเมษายนหรือแม้แต่ในเดือนพฤษภาคม

ช่วงฤดูร้อน

ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม เป็นช่วงเวลาที่นิยมมาเยี่ยมชมหมู่เกาะแฟโรมากที่สุด นี่คือช่วงที่สภาพอากาศดีที่สุดและเป็นช่วงที่อากาศแห้งแล้งที่สุดในหมู่เกาะแฟโรอีกด้วย อุณหภูมิสูงสุดอยู่ระหว่าง 15-21 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ ในช่วงกลางฤดูร้อนหรือกลางเดือนมิถุนายน ดวงอาทิตย์จะไม่ตกดิน ทำให้คุณสามารถเที่ยวชมสถานที่และทำกิจกรรมต่างๆ ได้มากขึ้น

ช่วงฤดูใบไม้ร่วง

ช่วงฤดูใบไม้ร่วงโดยทั่วไปจะมีสภาพอากาศที่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงนัก มีอุณหภูมิที่อบอุ่นและฝนตกเป็นครั้งคราว และมีสีสันที่สดใสสวยงามของฤดูใบไม้ร่วงปกคลุมทั่วเนินหญ้า

การเดินทางไปหมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands)

การเดินทาง ทางอากาศ

มีสายการบิน 3 สายที่บินไปยังหมู่เกาะแฟโร ได้แก่ Atlantic Airways, Scandinavian Airlines และ Widerøe AS คุณสามารถบินตรงไปยังหมู่เกาะแฟโรได้จากหลายเมืองในหลายประเทศ เช่น โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ก), ปารีส (ฝรั่งเศส), เรคยาวิก (ไอซ์แลนด์), เอดินบะระ (สกอตแลนด์), ออสโล (นอร์เวย์), และเบอร์เกน (นอร์เวย์) นอกจากนี้ยังมีเที่ยวบินตามฤดูกาลจากสถานที่ต่างๆ เช่น บาร์เซโลนา หมู่เกาะกรานคานารี และมายอร์กา เที่ยวบินใช้เวลาเดินทางตั้งแต่ 1-3 ชั่วโมง เที่ยวบินของ Atlantic Airways เป็นเที่ยวบินที่บินบ่อยที่สุดและไปยังเมืองต่างๆ หลายแห่งทั่วทั้งยุโรป

การเดินทาง ทางเรือ

คุณสามารถโดยสารเรือเฟอร์รี่จากเดนมาร์กและไอซ์แลนด์กับบริษัท Smyril Line ไปยังหมู่เกาะแฟโร ใช้เวลาประมาณ 24-36 ชั่วโมง คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพที่สวยงามระหว่างทาง และบนเรื่อยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ร้านอาหาร ร้านค้า โรงภาพยนตร์ และแม้แต่อ่างน้ำร้อนบนดาดฟ้า

ที่เที่ยวหมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands)

1. น้ำตก Múlafossur

ที่เที่ยวหมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) หนึ่งในแลนด์มาร์คชื่อดังบนเกาะ Vagar ของหมู่เกาะแฟโรที่คุณไม่ควรพลาด และต้องเก็บไว้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเดินทางของคุณก็คือน้ำตก Múlafossur ที่คุณจะได้ชมวิวสุดอลังการของน้ำตกที่ไหลลงสู่มหาสมุทรจากหน้าผาสูง 60 เมตร และบริเวณริมหน้าผายังเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อว่า Gásadalur ที่คุณสามารถชมทิวทัศน์ของเทือกเขา Arnafjall ได้แบบพาโนรามา และคุณสามารถมองเห็นเกาะ Mykines ที่มีชื่อเสียงซึ่งเป็นแหล่งทำรังของนกพัฟฟินได้ในระยะไกลในวันที่อากาศแจ่มใส

ที่เที่ยวหมู่เกาะแฟโร Faroe Islands - น้ำตก Múlafossur

ในอดีต วิธีเดียวที่จะไปยังหมู่บ้าน Gásadalur และน้ำตก Múlafossur ได้คือเดินตามเส้นทางเดินป่าที่ลาดชันผ่านภูเขาสูงที่เรียกได้ว่าแทบจะตัดขาดจากโลกภายนอก แต่ปัจจุบัน (ตื้งแต่ปี พ.ศ. 2547) มีอุโมงค์รถยนต์เชื่อมเส้นทางนี้กับถนนจากสนามบิน Vágar โดยใช้เวลาขับรถไม่ถึง 20 นาที ทำให้ที่นี่เป็นจุดแวะพักแรกหรือจุดสุดท้ายของการเดินทางของใครหลายๆ คน

2. เมือง Tórshavn

ที่เที่ยวหมู่เกาะแฟโร Faroe Islands - เมือง Tórshavn

เมืองหลวงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะแฟโร ภาพบ้านไม้สีดำ แดง เขียว เหลือ ที่มีการปลูกหญ้าไม่บนหลังคาเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองนี้ ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ก็คือย่าน Tinganes ย่านเก่าแก่และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของ Tórshavn ที่ผสมผสานความเก่าแก่และความทันสมัยได้อย่างลงตัว คุณจะได้เห็นอาคารรัฐสภาดั้งเดิมสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 อยู่ใกล้กับตึกสูงทันสมัย เพลิดเพลินไปกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ท่าเรือสีสันสดใน ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารระดับ 5 ดาว คาเฟ่ สถานบันเทิงยามค่ำคืน บาร์ และแหล่งชอปปิ้ง สถานที่จัดคอนเสิร์ต และอื่นๆ อีกมากมาย เมืองนี้ยังเป็นจุดขึ้นเรือเฟอร์รี่และเรือที่จะข้ามไปยังเกาะอื่นๆ เช่น เกาะ Mykines เกาะ Skúvoy เกาะ Nólsoy และเกาะ Suduroy เป็นต้น

3. เมือง Tjørnuvík

เมือง Tjørnuvík เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ทางตอนเหนือของเกาะ Streymoy ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาที่มีน้ำตกมากมายและหาดทรายสีดำที่ทอดยาวอยู่ด้านหน้าที่คุณสามารถมองเห็นเสาหินตั้งอยู่ในทะเล มีเรื่องเล่ากันว่าเสาหินเหล่านี้เคยเป็นยักษ์ใหญ่ 2 ตนที่มีชื่อว่า Risin และ Kellingin (ยักษ์และแม่มด) ที่พยายามย้ายหมู่เกาะแฟโรกลับไปทางไอซ์แลนด์ และเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น พวกเขาก็กลายเป็นหินให้ยามเช้า และคงอยู่บนหมู่เกาะแฟโรตลอดไป

ที่เที่ยวหมู่เกาะแฟโร Faroe Islands - เมือง Tjørnuvík

หากคุณเดินเที่ยว คุณจะได้พบกับของเก่าแก่และกระดูกวาฬในร้านค้าท้องถิ่น ตรงปลายแหลมเป็นที่ที่เหมาะกับการนั่งจิบกาแฟกับเค้กแครอท หรือวาฟเฟิลตามคาเฟ่ และกาแฟในคาเฟ่ ในช่วงฤดูร้อน ผู้คนมักจะมานั่งเล่นบนชายหาดหรือเล่นจานร่อน แม้ว่าอากาศจะหนาวเย็นและมีลมแรงก็ตาม และในหน้าหนาว เมือง Tjørnuvík เป็นอีกสถานที่หนึ่งในไม่กี่แห่งบนเกาะที่จะได้สัมผัสกับความมืดตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากมีภูเขาสูงตระหง่านอยู่ด้านหลัง ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นฉากหลังของละครประวัติศาสตร์อันมืดมิดหรือหนังรักแบบหักมุม

4. หมู่บ้าน Saksun

หมู่บ้าน Saksun เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่ได้รับความนิยมมากที่สุดบนเกาะแฟโร ตั้งอยู่บริเวณปลายฟยอร์ดแคบๆ ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง ทางชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ Streymoy สิ่งที่โดดเด่นที่สุดที่นี่คือบ้านซึ่งมีหลังคาที่ปกคลุมด้วยหญ้าสวยงามซึ่งดูราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย การขับรถเพื่อไปเที่ยวแค่ตัวหมู่บ้านเพียงอย่างเดียวก็คุ้มแล้ว คุณสามารถเดินเล่นไปตามถนนแคบๆ ที่มีจุดจอดรถมากมาย เพื่อชมธารน้ำแข็งที่ไหลลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ นอกจากนี้ คุณจะได้เจอกับนกนางนวลได้ง่ายตามลำธาร โดยเฉพาะในฤดูผสมพันธุ์ของพวกมันในฤดูร้อน

ที่เที่ยวหมู่เกาะแฟโร Faroe Islands - หมู่บ้าน Saksun

หากคุณมีเวลาพอ คุณควรไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นชื่อ Dúvugarðar และชมทิวทัศน์ที่สวยงามโดยรอบได้ และจากที่นี่ คุณสามารถเดินป่าขึ้นไปยังยอดฟยอร์ดได้ ซึ่งมีน้ำตกขนาดใหญ่ตลอดทาง เพื่อชมทิวทัศน์ที่สวยงามจากด้านบน คุณยังสามารถเดินป่าจากหมู่บ้าน Saksun ไปยังเมือง Tjornuvik ได้ในเวลา 2-3 ชั่วโมง แต่คุณควรเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่อาจเปลี่ยนไปกระทันหันขณะที่อยู่บนเนินเขาสูง และทำการจองรถบัสเพื่อกลับไปที่รถของคุณ

5. Trælanípa

Trælanípa หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Slave Cliff เป็นหน้าผาสูงชันบนเกาะ Vágar ในหมู่เกาะแฟโรที่ยังไม่มีใครสำรวจ หน้าผาแห่งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของหมู่เกาะแฟโร คุณจะมองเห็นทัศนียภาพของทะเลสาบน้ำจืด Leitisvatn ที่ดูราวกับว่าลอยอยู่เหนือมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือที่มีน้ำเค็ม นับเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ

ที่เที่ยวหมู่เกาะแฟโร Faroe Islands - Trælanípa

หลังจากนั้น หากคุณ​เดินเลยไปอีกหน่อย คุณจะพบกับ Geituskorardrangur ซึ่งเป็นกลุ่มเสาหินทะเลสูงตระหง่านเหนือมหาสมุทรถึง 116 เมตร คุณจะได้ชมทัศนียภาพอันสวยงามของท้องทะเลจากสถานที่ท่องเที่ยวริมชายฝั่งแห่งนี้ และคุณได้เห็นลำธารที่กลายเป็นน้ำตก Bøsdalafossur อีกด้วย หากคุณต้องการสัมผัสประสบการณ์พิเศษ สามารถเช่าเรือคายัคที่ทะเลสาบ Sørvágsvatn แล้วพายไปจนถึงชายทะเล เมื่อขึ้นบก คุณจะอยู่ห่างจากสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าทึ่งเหล่านี้เพียงไม่กี่นาที

6. เกาะ Mykines

หากคุณเป็นคนที่สนใจอยากชมนกอย่างใกล้ชิด การเดินทางไปยังเกาะ Mykines (ออกเสียงว่า Me-chin-es) ควรอยู่ในรายการลำดับต้นๆ ของคุณ ในช่วงฤดูร้อน นกที่จะมาทำรังบนเกาะ Mykines อยู่เป็นหมื่นๆ ตัว

ที่เที่ยวหมู่เกาะแฟโร Faroe Islands - เกาะ Mykines

คุณสามารถโดยสารเรือเฟอร์รี่ขนาดเล็กซึ่งมีวันละ 2 เที่ยวจากหมู่บ้าน Sørvágur บนเกาะ Vágar ไปยังเกาะ Mykines ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน โดยเรือเฟอร์รี่จะเปิดให้บริการเฉพาะวันที่ 1 พฤษภาคมถึง 31 สิงหาคมเท่านั้น นอกจากนี้ผู้เยี่ยมชมจะต้องชำระค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวก่อนขึ้นเกาะ และจะต้องมีไกด์พาชมใน ‘พื้นที่จำกัดการเข้าชม’ ซึ่งคุณควรจองไกด์ล่วงหน้า เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีและปลอดภัยในสภาพอากาศเลวร้าย

ที่เที่ยวหมู่เกาะแฟโร Faroe Islands - นกพัฟฟิน (Puffin)

การเข้าถึง ‘พื้นที่จำกัดการเข้าชม’ จะต้องปีนขึ้นไปบนเนินหญ้าสูงชัน จากนั้นลงบันไดหินชันหลายขั้น เพื่อไปยังทุ่งหญ้าริมหน้าผาที่ยื่นออกไปสู่ท้องทะเล เป็นจุดที่คุณจะได้เห็นนกกาเน็ตบนโขดหิน นกพัฟฟินที่บินเข้าและออกจากรัง นกนางนวลอาร์กติกที่ร่อนลงมาขโมยปลาจากนกพัฟฟิน และนกทะเลชนิดอื่นๆ หลายพันตัวทำรังอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร

7. Drangarnir

Drangarnir แปลว่า ‘กองหินทะเล’ เป็นกลุ่มหินบะซอลต์รูปร่างแปลกตาอยู่บริเวณนอกเกาะ Vágar ใกล้กับเกาะ Tindholmur ซึ่งเป็นเกาะเล็กเกาะน้อยที่มีทัศนียภาพสวยงาม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับการสำรวจในหมู่เกาะนี้ หินนี้สูงประมาณ 70 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ หินก้อนที่ใหญ่ที่สุดเรียกว่า Stóri Drangur หรือ ‘หินทะเลขนาดใหญ่’ ส่วนก้อนที่เล็กกว่าเรียกว่า Lítli Drangur หรือ ‘หินทะเลขนาดเล็ก’ เป็นที่อยู่อาศัยของนกทะเลในช่วงฤดูร้อนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน

ที่เที่ยวหมู่เกาะแฟโร Faroe Islands - Drangarnir

วิธีที่ดีที่สุดในการชมกลุ่มหิน Drangarnir คือการล่องเรือออกไปจนสุดฟยอร์ด Sørvágsfjørður หรือเดินทางโดยเรือเฟอร์รี่ไปยังเกาะพัฟฟินยอดนิยมอย่าง Mykines และขากลับจะผ่านกลุ่มหิน Drangarnir นี้ ทำให้คุณได้ไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวสองแห่งในที่เดียว หากสภาพอากาศเอื้ออำนวย คุณอาจเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในโลกที่ล่องเรือผ่านซุ้มด้านล่างของหินนี้ 🙂

8. Hvíthamar

Hvíthamar เป็นจุดชมวิวเหนือหมู่บ้าน Funningur อันสวยงาม ตั้งอยู่บนเกาะ Eysturoy คุณจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเหลือเชื่อเมื่อเดินขึ้นเขาไปเพียงเล็กน้อยจากช่องเขา Gjáarskarð ดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามของฟยอร์ด Funningsfjørður และภูเขาโดยรอบเมื่อยืนอยู่บนสันเขา นอกจากนี้ยังมีวิวอันน่าทึ่งทางทิศเหนือไปยังเกาะ Kalsoy อีกด้วย ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส คุณจะเห็นยอดเขา Slættaratindur ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดอีกด้วย จุดชมวิว Hvíthamar เข้าถึงได้ง่ายด้วยการเดินเท้า

ที่เที่ยวหมู่เกาะแฟโร Faroe Islands - Slættaratindur, Hvíthamar

ทิวทัศน์ในฤดูหนาวที่มองจากจุดชมวิวนี้เป็นประสบการณ์ที่มหัศจรรย์ ถ้าคุณมาเที่ยวที่นี่ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม ยอดเขาที่อยู่ใกล้เคียงจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ Hvíthamar เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการมาเยี่ยมชมเมื่อคุณต้องการสัมผัสกับธรรมชาติโดยไม่ต้องเบียดเสียดกับผู้คน

9. หมู่บ้าน Gjógv

หมู่บ้านชาวประมง Gjógv อยู่เหนือสุดบนเกาะ Eysturoy ชื่อ Gjógv มาจากหุบเขาที่โอบล้อมน้ำทะเลสวยงามยาว 200 เมตร ซึ่งชาวบ้านใช้เป็นท่าเรือธรรมชาติมานานหลายศตวรรษ มีบันไดลงไปยังหุบเขาตลอดทาง นักท่องเที่ยวสามารถยืนชมวิวและเพลิดเพลินไปกับเสียงธรรมชาติของท้องทะเล

ที่เที่ยวหมู่เกาะแฟโร Faroe Islands - หมู่บ้าน Gjógv

ปัจจุบันหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้มีบ้านสีขาวที่มีหลังคาหญ้าไม่เกิน 100 หลัง มีโบสถ์เล็กๆ และชาวบ้านเพียงไม่กี่คน หากคุณเดินลงไปในหุบเขา คุณจะได้เห็นหมู่เกาะสีเข้มอยู่บนขอบฟ้าและนกที่ทำรังบนหน้าผาในช่วงฤดูร้อน นอกจากนี้ยังมีเก้าอี้ที่วางอยู่บนยอดผาที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงการมาเยือนของมกุฏราชกุมารีแมรี ซึ่งปัจจุบันคือสมเด็จพระราชินีแมรีแห่งเดนมาร์กในปี 2548

10. Klaksvík

เมือง Klaksvík เป็นเมืองที่ใหญ่อันดับสองของหมู่เกาะแฟโร ตั้งอยู่บนเกาะ Borðoy ที่ประชากรส่วนใหญ่ทำอาชีพประมง ปัจจุบันคุณสามารถเดินทางไปยังเมือง Klaksvík ได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากมีอุโมงค์ใต้น้ำ Norðoyartunnilin ที่เชื่อมเกาะ Borðoy กับเกาะ Eysturoy และคุณสามารถเดินทางต่อไปยังเกาะ Kunoy และเกาะ Viðoy ได้อีกด้วย เนื่องจากเกาะทั้งสองนี้เชื่อมต่อกับเกาะ Borðoy ด้วยเขื่อนกั้นน้ำ

ที่เที่ยวหมู่เกาะแฟโร Faroe Islands - เมือง Klaksvík

คุณสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามของภูเขา Kunoyarnakki ที่มีรูปร่างเหมือนปิรามิดจากเมือง Klaksvík หรือไปที่ Klakkur จุดชมวิวแบบพาโนรามาที่อยู่เหนือตัวเมือง ที่ต้องเดินพอสมควรเพื่อไปยังจุดที่สวยงามแห่งนี้ นอกจากนี้ ระหว่างที่คุณท่องเที่ยวอยู่ในตัวเมือง Klaksvík คุณจะสนุกกับการซื้อของท้องถิ่นและของที่ระลึกอื่นๆ นั่งจิบกาแฟชมวิว และหากคุณต้องการเรียนรู้วิถีชีวิตของที่นี่ ให้เข้าร่วมทัวร์ชิมอาหาร เพื่อลิ้มรสอาหารท้องถิ่นอย่าง Skerpikjøt ซึ่งเป็นอาหารอันโอชะทำจากแกะที่ขึ้นชื่อในเรื่องของรสชาติที่โดดเด่น

หมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) มีความปลอดภัยสูง แต่ก็อาจเกิดอุบัติเหตุที่เราไม่ได้คาดฝันขึ้นได้ หากคุณเกิดเหตุใดๆ ระหว่างการเดินทาง ให้โทรไปที่หมายเลขฉุกเฉินของเกาะที่เบอร์ 112 โรงพยาบาลในเมือง Tórshavn และอีก 2 แห่งในประเทศมีบริการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และที่สำคัญ เราขอแนะนำให้คุณทำประกันเดินทางติดตัวไว้ด้วยค่ะ เพราะหากคุณเกิดเรื่องราวที่คุณไม่คาดคิดระหว่างเดินทาง คุณอาจต้องเสียทั้งเงินและเวลา ประกันการเดินทาง จะช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลท์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไข ความคุ้มครอง และข้อยกเว้นเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย ผู้ขอเอาประกันภัยควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง จำนวนความคุ้มครองและผลประโยชน์ขึ้นอยู่กับแผนประกันภัย

ขอบคุณข้อมูลจาก :
The 11 Best Attractions in the Faroe Islands
8 of the best places to visit in the Faroe Islands
Top 12 Places you Must Visit in the Faroe Islands
BEST THINGS TO DO IN THE FAROE ISLANDS

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

Comments