Common tourist scams and how to avoid them

รู้ทันกลโกงมิจฉาชีพในสถานที่ท่องเที่ยว

การได้ไปเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศน่าจะเป็นอีกหนึ่งความฝันของใครหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นแถบยุโรป อเมริกา หรือแม้แต่ในเอเชียก็ตาม บางคนอุตส่าห์เตรียมตัวหาข้อมูลเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวไปอย่างดี เพื่อให้การเดินทางครั้งนั้นเป็นสิ่งที่น่าจดจำ แต่บางครั้งระหว่างที่เรากำลังประทับใจกับสถานที่นั้น ๆ ก็มี มิจฉาชีพในสถานที่ท่องเที่ยว เข้ามาร่วมซีน จนเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทริปนั้นกลายเป็นฝันร้ายได้ 

วันนี้ Allianz Travel นำกลโกงของ มิจฉาชีพในสถานที่ท่องเที่ยว มาบอกเล่าให้เพื่อน ๆ ได้อ่าน เพื่อให้ระวังตัว และเที่ยวได้อย่างปลอดภัย ซึ่งมิจฉาชีพจะเข้ามาหาเราในรูปแบบใดบ้างมาดูกันเลย

1. มิจฉาชีพที่มาในรูปแบบแก๊งบังคับซื้อ

ในสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยม จะมีกลุ่มคนที่คอยมองคนที่ไม่ทันระวังตัว และเดินตรงปรี่เข้ามาแบบไม่ให้เราตั้งตัว พร้อมกับยื่นของหรือยัดเยียดใส่มือเรา อย่างเช่น อาหารนกพิราบ ผ้า สิ่งของต่าง ๆ ถ้าเราเผลอรับไป ก็จะโดนเรียกให้จ่ายเงินทันที หากเราไม่จ่าย พวกเขาก็จะเริ่มโวยวาย และพยายามกันไม่ให้เราเดินหนี และอาจจะล้วงกระเป๋าเอาสิ่งของมีค่าไป ในจังหวะที่เรามัวแต่สนใจคนที่โวยวายอยู่ข้างหน้า ฉะนั้น หากเข้าไปในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคนเยอะ เราควรมองซ้ายมองขวา ถ้าเห็นใครเดินเข้ามายื่นของให้เรา เราควรรีบเดินหนีทันทีจะดีที่สุด

2. มิจฉาชีพที่มาในรูปแบบตำรวจปลอม

มิจฉาชีพที่มาในรูปแบบตำรวจปลอม

จะทำเป็นเข้ามาขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวของเรา เช่น พาสปอร์ต ซึ่งหากเราเป็นนักท่องเที่ยวที่อยู่ต่างถิ่น ก็อาจรู้สึกตกใจกลัว จนไม่ทันระวัง ตำรวจปลอมเหล่านี้ก็จะชิงกระเป๋าเราหนีไปทันที หรืออาจเข้ามาบอกว่ามีการแพร่ระบาดของธนบัตรปลอม และขอตรวจเงินที่เราพกอยู่ ถ้าเราหยิบกระเป๋าขึ้นมาก็อาจจะโดนฉกชิงไปเลย ดังนั้นหากเราเจอตำรวจเดินเข้ามาหา ก็ให้ระวังไว้สักหน่อย ขอตรวจสอบบัตรประจำตัว หรือสอบถามความผิดของเราให้ชัดเจนเสียก่อน

3. มิจฉาชีพที่มาในรูปแบบการแกล้งทำของหล่น

หากเราเดินเที่ยวอยู่ แล้วเจอคนทำของตก กระจัดกระจาย เราขอแนะนำให้เดินผ่านไปเลย เพราะหากเราเข้าไปช่วยเหลือเก็บของเหล่านั้น จะเป็นจังหวะที่เราไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง ซึ่งถือว่าเป็นจังหวะทองของมิจฉาชีพที่สามารถเอาของมีค่าไปจากเราได้ โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยทีเดียว

4. มิจฉาชีพที่มาในรูปแบบโจรในคราบนักบุญ

หากเราถือของเยอะ ถือกระเป๋าใบใหญ่ หรือแวะซื้อตั๋วรถไฟตามตู้กดอัตโนมัติ ก็อาจมีมิจฉาชีพเข้ามาแสดงตัวให้ความช่วยเหลือ หากเรายอมให้ช่วยยกของ หรือให้ช่วยซื้อตั๋วให้ ก็อาจเจอการขอค่าตอบแทนทันที ซึ่งหากเราไม่ให้ พวกเขาก็จะส่งเสียงโวยวายใหญ่โตใส่เรา ดังนั้นควรปฎิเสธความช่วยเหลือจากคนที่เราไม่รู้จักตั้งแต่แรกเลยจะดีที่สุด

5. มิจฉาชีพในสถานที่ท่องเที่ยว ที่มาในรูปแบบการสอบถามทาง “ฉันจะไปที่นี่ได้ยังไง?”

มิจฉาชีพในสถานที่ท่องเที่ยว ที่มาในรูปแบบการสอบถามทาง

มิจฉาชีพบางคนมาในรูปแบบถือแผนที่แผ่นใหญ่ๆ ทำตัวเหมือนเป็นนักท่องเที่ยว และเข้ามาถามทางกับเรา หากเราพยายามช่วย และใช้สมาธิไปกับการดูแผนที่ ทำให้มีจังหวะที่เราไม่ทันได้ระวังตัว ก็จะมีมิจฉาชีพอีกคนเข้ามาล้วงกระเป๋า หรือหยิบของของเราไปดื้อๆ ซึ่งหากพบเจอก็ให้เดินหนีไปเลยดีที่สุด

6. มิจฉาชีพในสถานที่ท่องเที่ยว ที่มาในรูปแบบการขอให้ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย

มิจฉาชีพในคราบนักท่องเที่ยวอีกประเภทหนึ่งจะเดินเข้ามายื่นกล้องให้คุณช่วยถ่ายรูปให้ หากคุณใจดีรับกล้องมาเพื่อที่จะถ่ายรูปให้ และในขณะที่ถ่ายอยู่ ก็จะไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่ว่าในจังหวะที่เราส่งกล้องคืนเท่านั้นแหละ มิจฉาชีพจะแกล้งทำกล้องตก แล้วโวยวายเสียงดัง เพื่อเรียกร้องให้เราจ่ายค่าเสียหาย

7. มิจฉาชีพที่มาในรูปแบบอาสาสมัครถ่ายรูปให้ไหม

มิจฉาชีพที่มาในรูปแบบอาสาสมัครถ่ายรูปให้

มิจฉาชีพบางคนจะแกล้งทำเป็นคนมีน้ำใจ เมื่อเห็นว่าเรากำลังถ่ายรูป ก็อาจเดินเข้ามาอาสาเป็นคนถ่ายรูปให้ และเมื่อถ่ายรูปให้เราเสร็จแล้ว มิจฉาชีพก็จะขอเงินค่าถ่ายรูปกับเราทันที หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือเอากล้องสุดรักของเราวิ่งหนีหายไปเลย

8. มิจฉาชีพในสถานที่ท่องเที่ยว ที่มาในรูปแบบของขอทานปลอม

มิจฉาชีพในสถานที่ท่องเที่ยว ที่มาในรูปแบบของขอทานปลอม

บางคนใช้ความขี้สงสารของคนเป็นเครื่องมือ แต่งตัวเหมือนขอทานมาขอเงินนักท่องเที่ยว หากเราหยิบกระเป๋าเงินออกมา ก็อาจจะถูกชิงไปจากมือแล้ววิ่งหนี หรือมีอีกกรณีคือหากเราส่งเงินไปให้ 1 คน ก็จะมีขอทานคนอื่นมารุมล้อม จนเราไม่สามารถเดินไปไหนได้จนกว่าจะให้เงิน และท้ายที่สุดก็อาศัยจังหวะชุลมุนล้วงกระเป๋าเราไปอีกด้วย

9. มิจฉาชีพที่มาในรูปแบบการขายตั๋วปลอม

สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งจะต้องมีการซื้อตั๋วเข้าชม ซึ่งจะมีมิจฉาชีพบางกลุ่มนำตั๋วปลอมมาขายในราคาที่ถูกจนน่าตกใจ ซึ่งหากเราหลงกลซื้อเพราะคิดว่าสามารถประหยัดเงินได้ แต่กลับกลายเป็นว่าตั๋วที่ได้มาเป็นของปลอมที่ไม่สามารถใช้งานได้ และจะต้องเสียเงินซื้อตั๋วใหม่อีกครั้ง

10. มิจฉาชีพที่มาในรูปแบบองค์กรช่วยเหลือสังคม

แก๊งมิจฉาชีพบางแก๊งจะทำตัวเหมือนเป็นองค์กรที่ช่วยเหลือสังคม เข้ามาโน้มน้าวพูดข้อมูลยาวเหยียด พร้อมให้ช่วยลงชื่อสนับสนุน ถ้าเรามัวแต่ให้ความสนใจไปกับเรื่องราวที่พวกนี้เล่าให้ฟัง ก็จะเป็นเป้าหมายให้มิจฉาชีพที่รออยู่เข้ามาล้วงกระเป๋า โดยที่เราไม่ทันรู้ตัวก็เป็นได้

11. มิจฉาชีพที่มาในรูปแบบการขอเงินทอนจากการซื้อตั๋วจากตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ

มิจฉาชีพที่มาในรูปแบบการขอเงินทอนจากการซื้อตั๋วจากตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ

มิจฉาชีพกลุ่มสุดท้ายจะรอจังหวะที่คุณซื้อตั๋วจากตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติตามที่ต่างๆ แล้วก็จะเข้ามาขอเงินคุณแบบไม่อายฟ้าอายดินกันเลยทีเดียว หากคุณไม่ยอมให้ ก็จะโวยวายเสียงดัง ทางทีดีหากพบเจอก็ให้เดินหนี หรือเปลี่ยนที่ซื้อตั๋วเลยจะเป็นการดีที่สุด

12. มิจฉาชีพในรูปแบบทำงานกันเป็นแก๊ง

มิจฉาชีพเหล่านี้มักจะวางแผนร่วมกันเป็นระบบ ทำงานกันเป็นทีม คนหนึ่งทำทีเดินชน/เบี่ยงเบนความสนใจ อีกคนแอบล้วงกระเป๋า หรือขโมยของ อีกคนทำหน้าที่คอยดูต้นทาง เป้าหมายหลักของมิจฉาชีพรูปแบบนี้คือ นักท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวมักจะไม่รู้เส้นทาง ไม่ระวังตัว พกเงินสดและของมีค่า รูปแบบที่พบบ่อยมีดังนี้:

มิจฉาชีพล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยว

1. ล้วงกระเป๋า: ใช้ความแออัด เช่น บนรถไฟใต้ดิน สถานีรถไฟ จุดแลนด์มาร์กตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เป็นต้น
2. ปลอมตัวเป็นนักสำรวจหรือผู้ขอเงิน: เดินเข้ามายื่น clipboard ให้เซ็นชื่อ แล้วขโมยของ
3. ทำทีว่าเจอของตก: ทำแหวนตก แล้วหลอกเอาเงิน
4. ทำให้สกปรกแล้วเสนอช่วยเช็ด: ใช้ของสกปรก ใช้ซอสหรือกาแฟพ่นใส่เสื้อ แล้วทำทีเข้ามาช่วย
5. กระชากกระเป๋า หรือของมีค่า: โดยเฉพาะในจุดเปลี่ยว หรือระหว่างนั่งรับประทานอาหารกลางแจ้ง
6. ขโมยในที่พัก หรือ โฮสเทล: บางคนแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกันแล้วเข้าไปขโมยของในที่พัก
7. ใช้เด็กหรือผู้หญิงเป็นเหยื่อล่อ: สร้างความน่าสงสาร เช่น อุ้มเด็กมาขอเงิน หรือมาขอความช่วยเหลือ

วิธีป้องกันตัวจากมิจฉาชีพ

1. อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า แม้จะดูเป็นมิตร
2. สะพายกระเป๋าไว้ข้างหน้า ไม่วางกระเป๋าไว้บนโต๊ะ/เก้าอี้
3. ระวังตัวเป็นพิเศษบนรถไฟใต้ดินและสถานีรถไฟ
4. ของมีค่า เช่น มือถือ พาสปอร์ต เงินสด ควรเก็บในกระเป๋าซ่อนไว้ข้างใน
5. ถ่ายรูปพาสปอร์ตเก็บไว้ และเก็บสำเนาแยกไว้ด้วย
6. หมั่นสังเกตคนรอบข้าง และอย่าหลงกลความวุ่นวายที่อยู่ดี ๆ ก็เกิดขึ้นมาเฉย ๆ

จะเห็นได้ว่ากลโกงที่เหล่ามิจฉาชีพใช้มักมาจากความเมตตาใจดีของนักท่องเที่ยว ฉะนั้น หากเราเดินทางท่องเที่ยวไม่ว่าจะไปคนเดียวหรือไปเป็นกลุ่ม เราก็ควรระมัดระวังตัวเองให้ดี ปิดกระเป๋าให้แน่นสนิทและเก็บไว้ใกล้ตัวตลอดเวลา และถึงแม้จะดูใจร้ายใจดำแต่การที่เราทำตัวไม่สนใจคนอื่น หรือไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์รอบข้างก็เป็นวิธีที่ทำให้เราปลอดภัยห่างไกลจากมิจฉาชีพได้ และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์ เป็นต้น ให้คุณเที่ยวต่างประเทศได้อย่างมั่นใจและไร้กังวล! Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่ 

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

เลือกแผนประกันการเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ แผนประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

วิธีขอวีซ่าเชงเก้น ไปเที่ยวยุโรป

วิธีขอ วีซ่าเชงเก้น ไปเที่ยวยุโรป

หลายคนกำลังเตรียมตัวออกไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งการเดินทางไปประเทศแถบยุโรปก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดฮิตของนักท่องเที่ยว เพราะมีทั้งธรรมขาติ และสถาปัตยกรรมที่งดงามที่ต้องมีใครที่เคยฝันอยากจะไปเที่ยวดูสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นออสเตรีย ฝรั่งเศส เยอรมนี สวิสเซอร์แลนด์ อิตาลี และอีกมากมาย และ “ วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) ” ก็คือใบเบิกทางสู่หลากประเทศที่ขอแค่รอบเดียวก็เที่ยวได้หลายประเทศในวีซ่าเดียว วันนี้ Allianz Travel มีรายละเอียด วิธีขอ วีซ่าเชงเก้น มาฝากทุกคนค่ะ

วีซ่าเชงเก้น ถือกำเนิดมาจากข้อตกลงระหว่างประเทศในทวีปยุโรปที่อนุญาตให้พลเมืองของประเทศสมาชิกสามารถเดินทางระหว่างกันได้โดยไม่ต้องถือหนังสือเดินทาง ซึ่งรวมไปถึงการอนุญาตให้เดินทางเป็นการชั่วคราวให้กับผู้ที่ถือวีซ่าเชงเก้นด้วย โดยปัจจุบันประเทศที่อยู่ในข้อตกลงเชงเก้นนั้นมี 29 ประเทศ ซึ่งมีทั้งประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) และประเทศที่ไม่ใช่สมาชิก กลุ่มประเทศเชงเก้นประกอบไปด้วยประเทศดังต่อไปนี้ค่ะ:

Austria

Austria (ออสเตรีย)

Belgium

Belgium (เบลเยี่ยม)

Croatia

Croatia (โครเอเชีย)

Czech Republic

Czech Republic (สาธารณรัฐเช็ก)

Denmark

Denmark (เดนมาร์ก)

Estonia

Estonia (เอสโตเนีย)

Finland

Finland (ฟินแลนด์)

France

France (ฝรั่งเศส)

Germany

Germany (เยอรมัน)

Greece

Greece (กรีซ)

Hungary

Hungary (ฮังการี)

Iceland

Iceland (ไอซ์แลนด์)

Italy

Italy (อิตาลี)

Latvia

Latvia (ลัตเวีย)

Liechtenstein

Liechtenstein (ลิกเตนสไตน์)

Lithuania

Lithuania (ลิทัวเนีย)

Luxembourg

Luxembourg (ลักเซมเบอร์ก)

Malta

Malta (มอลตา)

Netherlands

Netherlands (เนเธอร์แลนด์)

Norway

Norway (นอร์เวย์)

Poland

Poland (โปแลนด์)

Portugal

Portugal (โปรตุเกส)

Slovakia

Slovakia (สโลวาเกีย)

Slovenia

Slovenia (สโลวีเนีย)

Spain

Spain (สเปน)

Sweden

Sweden (สวีเดน)

Switzerland

Switzerland (สวิตเซอร์แลนด์)

Bulgaria

Bulgaria (บัลแกเรีย)

Romania

Romania (โรมาเนีย)

สิ่งสำคัญที่ควรทราบอย่างหนึ่งคือ วีซ่าเชงเก้นไม่สามารถใช้เข้าประเทศในกลุ่มสหราชอาณาจักร ซึ่งได้แก่ อังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์ได้

ขั้นตอนการขอวีซ่าเชงเก้น

ก่อนดำเนินการยื่นคำร้อง

  1. ก่อนทำการยื่นคำร้องขอวีซ่า คุณต้องมั่นใจแล้วว่า คุณเลือกประเทศที่ถูกต้องในการยื่นขอวีซ่าเชงเก้น เนื่องจากแต่ละประเทศมีวิธีและช่องทางการยื่นขอวีซ่าที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย และการยื่นขอวีซ่าเชงเก้นผิดประเทศตามที่เราอธิบายไว้ข้างต้น สถานทูตก็มีสิทธิ์ปฏิเสธการออกวีซ่าให้คุณได้ โดยกฏของการยื่นขอวีซ่าเชงเก้น (Schengen rules) มีดังต่อไปนี้

1.1. หากเดินทางท่องเที่ยวเพียงประเทศเดียว ให้ยื่นขอวีซ่าเชงเก้นไปยังสถานทูต / สถานกงสุล / ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าของประเทศเชงเก้นนั้น

1.2 หากเดินทางท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเชงเก้นมากกว่าสองประเทศ ให้ยื่นใบคำขอวีซ่าเชงเก้นดังนี้ :
– กรณีจำนวนวันที่จะพำนักในแต่ละประเทศ – ไม่เท่ากัน ให้ยื่นขอวีซ่าเชงเก้นไปยังสถานทูต / สถานกงสุล / ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าของประเทศเชงเก้นที่จะเข้าไปพำนักนานที่สุด
– กรณีจำนวนวันที่จะพำนักในแต่ละประเทศ – นานเท่ากัน ให้ยื่นขอวีซ่าเชงเก้นไปยังสถานทูต / สถานกงสุล / ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าของประเทศเชงเก้นที่จะเดินทางเข้าไปเป็นประเทศแรก

2. เมื่อได้ประเทศที่ต้องยื่นขอวีซ่าเชงเก้นแล้ว ก็ได้เวลาหาข้อมูลว่าประเทศที่คุณต้องขอวีซ่าเชงเก้นนั้น เขาใช้วิธีการใดในการยื่นขอวีซ่า ซึ่งโดยทั่วไปแต่ละประเทศจะมีช่องทางใดช่องทางหนึ่งในการให้บริการดังนี้

  • ยื่นคำร้องขอวีซ่าเชงเก้นผ่านสถานทูตโดยตรง ได้แก่ ประเทศกรีซ, ฮังการี, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, ลักเซ็มเบิร์ก, โปแลนด์, สโลวาเนีย
  • ยื่นคำร้องผ่านศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า VFS Global

ที่อยู่ : จามจุรีสแควร์ ชั้น 4 ห้อง 404-405 ถ.พญาไท ปทุมวัน กทม. 10330

เวลาทำการ : จันทร์ – ศุกร์ 08.30 – 16.00

โทร : 02-118-7015

ให้บริการยื่นวีซ่าสำหรับประเทศ ออสเตรีย, เบลเยี่ยม, สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก, เอสโตเนีย, ฟินแลนด์, เยอรมัน, ไอซ์แลนด์, อิตาลี, ลิคเทนสไตน์, มอลต้า, เนเธอร์แลนด์, สโลวีเนีย, สวีเดน และ สวิตเซอร์แลนด์

  • ยื่นคำร้องผ่านศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า TLS Contact

ที่อยู่ : สาทรซิตี้ทาวเวอร์ 175 ชั้นที่ 12 ถ.สาทรใต้ ทุ่งมหาเมฆ สาทร กทม. 10120

เวลาทำการ : จันทร์ – ศุกร์ 08.30 – 16.30

โทร : 02-838-6688

ให้บริการยื่นวีซ่าสำหรับประเทศ ฝรั่งเศส และ โปรตุเกส

  • ยื่นคำร้องผ่านศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า BLS International

ที่อยู่ : 399 อาคารอินเตอร์เชนจ์ชั้น B2 ห้อง A/1 ถ.สุขุมวิท คลองเตยเหนือ วัฒนา กทม. 10110
เวลาทำการ : จันทร์ – ศุกร์ 08.30 – 16.00
โทร : 02-258-3524
ให้บริการยื่นวีซ่าสำหรับประเทศ สเปน

3. การขอวีซ่าเชงเก้นทุกประเทศจะต้องมีการทำประกันการเดินทาง ที่มีวงเงินประกันไม่น้อยกว่า 30,000 ยูโรหรือ 1,500,000 บาท และแต่ละประเทศยังมีการกำหนดบริษัทประกันภัยที่ได้รับการยอมรับด้วย ซึ่งคุณจำเป็นต้องตรวจสอบรายชื่อและใช้บริการกับบริษัทประกันภัยที่ได้รับการยอมรับเท่านั้น

4. วีซ่าเชงเก้นสามารถยื่นคำร้องขอล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน แต่ต้องไม่น้อยกว่า 15 วันก่อนการเดินทาง

5. แต่ละช่องทางการยื่นคำร้องขอวีซ่าจะมีขั้นตอนอธิบายบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของแต่ละประเทศ คุณสามารถศึกษารายละเอียดทั้งหมดได้ด้วยตนเอง และโดยส่วนใหญ่จะมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกันคือ จองคิว > กรอกเอกสารและจัดเตรียมหลักฐาน > ยื่นเอกสารและเก็บข้อมูลชีวภาพ > เรียกสัมภาษณ์ (ถ้ามี) > รอฟังผลการพิจารณา > รับหนังสือเดินทางคืนพร้อมผลการขอวีซ่า

เมื่อดำเนินการยื่นคำร้อง

1. ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม Schengen Visa Application หรือกรอกข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ (ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ) โดยคุณจำเป็นต้องกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน

แบบฟอร์มจะมีรูปแบบเหมือนกันทุกประเทศ โดยให้กรอกให้ครบถ้วน อย่าเว้นว่างช่องคำถามใด หากคำถามไม่ตรงกับเคสของเราให้กรอกว่า NA (No Answer) แทน หลังจากที่กรอกเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ให้พิมพ์แบบฟอร์มออกมา 2 ชุด และอย่าลืมเซ็นชื่อให้เรียบร้อยทั้ง 2 ชุด

2. จองคิวนัดหมายกับสถานทูต (ถ้ามี) หรือศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า ซึ่งตัวแทนทั้งหมดจะใช้วิธีการจองคิวนัดหมายผ่านระบบออนไลน์ตามเวลาที่กำหนดอยู่แล้ว โดยศูนย์รับคำร้องข้อวีซ่าจะมีบริการอื่น ๆ เพิ่มเติมที่คุณสามารถเลือกหรือไม่เลือกก็ได้ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอาทิเช่น บริการจัดส่งเอกสารทางไปรษณีย์, บริการแจ้งผลการขอวีซ่าผ่าน SMS, บริการถ่ายรูป / ถ่ายเอกสาร เป็นต้น

3. เตรียมตัวเดินทางไปศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าหรือสถานทูตด้วยตนเอง และไม่สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นไปแทนได้ โดยคุณต้องถึงก่อนเวลานัดหมายอย่างน้อย 15 นาทีพร้อมเอกสารทั้งหมดที่จำเป็นทั้งฉบับจริงและสำเนา และหนังสือเดินทางที่ต้องมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า และมีอายุคงเหลือมากกว่า 3 เดือนนับจากวันที่เดินทางออกจากเขตประเทศเชงเก้น

4. ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าหรือสถานทูตจะเก็บข้อมูลทางชีวภาพของคุณได้แก่ลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว และถ่ายภาพเต็มหน้าของคุณตามข้อกำหนดของวีซ่าเชงเก้น โดยต้องเป็นภาพหน้าตรง พื้นหลังขาว ไม่มีแสงเงา ไม่สวมอุปกรณ์คลุมศีรษะแต่เหตุผลทางศาสนาหรือทางการแพทย์ (สวมใส่แว่นสายตาได้)

5. สำหรับการยื่นคำร้องขอวีซ่าเชงเก้นนั้นอาจมีการเรียกสัมภาษณ์คุณด้วย แต่โดยส่วนใหญ่การยื่นคำร้องกับศูนย์รับคำร้องขอวีซ่านั้นจะไม่มีการสัมภาษณ์ ทั้งนี้สถานทูตอาจจะเรียกสัมภาษณ์คุณในระหว่างการพิจารณา ดังนั้นเตรียมตัวไว้ก่อนเป็นดีที่สุด

6. ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าหรือสถานทูตรับเอกสารและเก็บข้อมูลชีวภาพเสร็จสิ้น (รวมทั้งการเรียกสัมภาษณ์) การยื่นขอวีซ่าเชงเก้นก็เป็นอันเรียบร้อย โดยปกติแล้วคุณจะทราบผลภายใน 15 วันทำการนับตั้งแต่วันยื่นเอกสาร และคุณสามารถรับเอกสารและหนังสือเดินทางคืนหลังรับทราบผลแล้วได้ที่ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า หรือบริการจัดส่งทางไปรษณีย์ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)

เอกสารการขอ วีซ่าเชงเก้น

หลักฐานสำคัญ

  1. เอกสารคำร้องขอ – เอกสารที่คุณต้องพิมพ์หรือกรอกเรียบร้อยแล้ว
  2. หนังสือเดินทาง – ต้องเป็นหนังสือเดินทางฉบับล่าสุด มีอายุคงเหลือมากกว่า 3 เดือนนับจากวันที่เดินทางออกจากเขตประเทศเชงเก้น และมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า กรณีที่มีหนังสือเดินทางเล่มก่อนหน้าให้นำไปด้วยทั้งหมด และถ่ายสำเนาหน้าแรกพร้อมกับหน้าที่เคยได้วีซ่า/เดินทางไปประเทศอื่นด้วย
  3. สำเนาเอกสารแสดงตัว – ได้แก่สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาอื่น ๆ ถ้ามี อาทิเช่น สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาทะเบียนหย่า สำเนาใบเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล เป็นต้น (พร้อมเอกสารฉบับจริง)
  4. รูปถ่ายหน้าตรง – ต้องใช้รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 ใบ โดยไม่ยิ้ม และไม่มีเส้นผมหรืออุปกรณ์ใด ๆ บดบังใบหน้าและดวงตา (ยกเว้นแว่นสายตา) โดยต้องเป็นรูปที่ถ่ายมาแล้วไม่เกิน 6 เดือน ทั้งนี้เราขอแนะนำให้คุณตรวจสอบเงื่อนไขการถ่ายภาพโดยละเอียด เนื่องจากบางประเทศมีกฎระเบียบที่เข้มงวดกว่าปกติ
  5. ประกันการเดินทาง – เพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันการประกันภัยระหว่างเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยต้องมีวงเงินประกันขั้นต่ำ 1,500,000 บาท (30,000 ยูโร) และต้องทำกับบริษัทประกันภัยที่สถานทูตให้การรับรองด้วย
  1. ใบยืนยันการจองตั๋วเครื่องบิน – ต้องเป็นตั๋วเครื่องบินที่เดินทางจากประเทศไทยไปยังประเทศสมาชิกเชงเก้น และเดินทางกลับถึงประเทศไทยภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น ค้นหาและจองตั๋วเครื่องบินไปยุโรป
  2. ใบยืนยันการจองโรงแรมที่พัก – ต้องเป็นโรงแรมภายในประเทศสมาชิกเชงเก้น และมีการเข้าพักในช่วงเวลาท่องเที่ยวที่ระบุไว้เท่านั้น ค้นหาและจองโรงแรมที่พักในยุโรป
  3. ใบยืนยันการจองตั๋วรถไฟ/รถเช่า (ถ้ามี) – เนื่องจากต้องใช้เป็นหลักฐานยืนยันการเดินทางท่องเที่ยวในยุโรปที่ใช้ระบบรถไฟเป็นหลัก หากไม่มีต้องอธิบายแผนการเดินทางเป็นลายลักษณ์อักษรได้ว่าคุณวางแผนการเดินทางอย่างไร ค้นหาและจองรถเช่าในยุโรป

หลักฐานสำคัญ กรณีมีรายได้เป็นของตนเอง

1. เอกสารรับรองการทำงาน

กรณีเป็นพนักงาน: ต้องใช้หนังสือรับรองการทำงานเป็นภาษาอังกฤษ โดยต้องมีข้อมูลชื่อองค์กรที่ทำงาน ตำแหน่งงาน เงินเดือน วันเริ่มงาน และควรมีการระบุจุดหมายปลายทาง ช่วงวันเดินทาง และวันที่จะกลับถึงประเทศไทยอย่างชัดเจน พร้อมลงนามและประทับตรา

กรณีเป็นเจ้าของกิจการ: ต้องใช้สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่มีอายุไม่เกิน 3 เดือน พร้อมทะเบียนการค้า หรือใบอนุญาตการประกอบธุรกิจ และเอกสารใด ๆ ที่เกี่ยวข้องและมีชื่อของคุณเป็นเจ้าของกิจการ

2. รายการเดินบัญชีเงินฝาก – สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากที่ปรับรายการเดินบัญชีถึงปัจจุบันถึงย้อนหลังไม่ต่ำกว่า 6 เดือน และควรมีเงินฝากที่เพียงพอต่อการแสดงให้เห็นว่าสามารถพำนักอยู่ในยุโรปได้อย่างไม่มีปัญหา (แนะนำว่าควรแสดงเงินฝากเกิน 50,000 บาทขึ้นไป) หรือขอรายการเดินบัญชีที่ได้รับตราประทับจากธนาคาร หรือขอเอกสารแสดงข้อมูลทางบัญชีที่การันตีเงินฝากของคุณเป็นภาษาอังกฤษก็ได้

3. สลิปเงินเดือน – กรณีมีรายได้ประจำ ให้แนบสลิปย้อนหลัง 6 เดือน โดยยอดเงินสุทธิในสลิปจะต้องสอดคล้องกับรายการเดินบัญชีเงินฝากด้วย

หลักฐานสำคัญ กรณีไม่มีรายได้เป็นของตนเอง

  1. หลักฐานแสดงรายได้ของคู่สมรส – กรณีเป็นคู่สมรสที่มีการจดทะเบียนกันอย่างถูกต้อง และต้องมีสำเนาเอกสารยืนยัน และถ้าคู่สมรสไม่ได้เดินทางไปด้วย ต้องมีสำเนาเอกสารแสดงตัวของคู่สมรสทั้งหมดแนบมาด้วย หรือถ้าไม่ได้จดทะเบียน ต้องมีหนังสือยืนยันการสมรสโดยไม่ได้จดทะเบียนและลงชื่อรับรองทั้ง 2 ฝ่าย
  2. หลักฐานแสดงรายได้ของญาติ – กรณีเดินทางกับญาติพี่น้องสามารถใช้ข้อมูลของญาติที่ร่วมเดินทางไปด้วยพร้อมหนังสือรับรองความเป็นญาติ หรือถ้าญาติเป็นเจ้าของกิจการหรือบุคคลที่รายได้แต่ไม่ได้เดินทางไปด้วย ก็สามารถใช้อ้างอิงแทนกันได้ ทั้งนี้ยอมรับเฉพาะญาติที่เป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง สามี หรือภรรยาเท่านั้น
  3. สูติบัตรและทะเบียนบ้าน – กรณีผู้เดินทางเป็นเด็กที่มีอายุไม่เกิน 20 ปีบริบูรณ์ ต้องมีหลักฐานแสดงถึงความสัมพันธ์ของพ่อและแม่ที่ร่วมเดินทางไปด้วย โดยใช้สูติบัตรร่วมกับทะเบียนบ้านที่อ้างอิงถึงชื่อบิดามารดา
  4. จดหมายยินยอมจากผู้ปกครอง – กรณีผู้เดินทางเป็นเด็กอายุไม่เกิน 20 ปีบริบูรณ์ และไม่ได้เดินทางพร้อมบิดามารดาร่วมกัน ผู้ปกครองที่เป็นบิดาหรือมารดาที่ไม่ได้ร่วมไปด้วยทั้งหมดต้องลงชื่อในจดหมายยินยอมที่ออกโดยที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขต
  5. เอกสารรับรองการศึกษา – กรณีเป็นนักเรียน/นักศึกษา ต้องใช้หนังสือรับรองจากสถานศึกษาที่สังกัดอยู่เป็นภาษาอังกฤษ

หลักฐานอื่น ๆ

  1. แผนการเดินทาง – แสดงแผนการเดินทางในช่วงที่อยู่ในประเทศอังกฤษเพื่อให้ทราบว่าในแต่ละวันจะเดินทางไปเที่ยวเมืองอะไร สถานที่ท่องเที่ยวไหน พักที่ใดบ้าง โดยแผนทั้งหมดต้องเป็นภาษาอังกฤษ
  2. ใบปะหน้า – เขียนใบปะหน้าเอกสารโดยสรุปของการยื่นขอวีซ่าเชงเก้น อาทิเช่นวันเวลาเดินทาง สถานที่ที่ต้องการเที่ยว และรายการหรืออธิบายสั้น ๆ ถึงเอกสารที่รวบรวมมาเพื่อประกอบการพิจารณา
  3. สัญญาเช่า/สัญญากู้บ้าน/ผ่อนรถ – เป็นเอกสารประกอบเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเจ้าของหรือเป็นผู้ที่มีภาระผูกพันกับฐานที่อยู่ในประเทศไทย ให้ทางสถานทูตมั่นใจได้ว่าคุณจะกลับมาอย่างแน่นอน

หลังจากที่เราเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเข้ารับการสัมภาษณ์ในการขอวีซ่าเชงเก้นตามวันนัดหมาย การสัมภาษณ์จะเป็นการถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว ที่อยู่ ที่ทำงาน วัตถุประสงค์ในการเดินทาง ข้อมูลการเดินทางอื่นๆ ซึ่งเราจะต้องตอบให้สอดคล้องกับรายละเอียดที่กรอกลงในแบบฟอร์มคำขอ และเอกสารที่ได้ยื่นไป โดยปกติขั้นตอนการสัมภาษณ์นี้จะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 10-15 นาที

หลังจากนั้นก็รอผลในการขอวีซ่า ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 15 วันทำการ แต่ในบางกรณีอาจจะนานถึง 45 วันทำการเลยทีเดียว หากผลของวีซ่าออกมาผ่านก็เตรียมตัวไปเที่ยวยุโรปตามแผนที่วางเอาไว้ได้เลย แต่ถ้าใครที่ถูกปฎิเสธก็ไม่ต้องเสียใจไป เราสามารถนำเหตุผลในการปฎิเสธครั้งนี้ไปปรับปรุงเพื่อใช้ในการยื่นวีซ่ารอบถัดไปได้ และหากใครซื้อประกันการเดินทางของ Allianz Travel ก็สามารถทำเรื่องขอคืนเงินด้วยเหตุผลว่ายื่นวีซ่าไม่ผ่านได้ค่ะ*

ทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลและวิธีการขอ วีซ่าเชงเก้น สำหรับเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศต่าง ๆ ในยุโรปที่อยู่ในลิสต์ประเทศที่สามารถเดินทางไปเยือนได้ด้วยวีซ่าเชงเก้น ซึ่งหากเราทำตามขั้นตอน และเตรียมเอกสารให้พร้อมเพื่อให้สถานทูตมั่นใจว่าเราต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวจริง ๆ  โอกาสที่เราจะได้วีซ่าก็จะสูง สามารถเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ ได้ตามแผนที่วางไว้ ส่วนใครที่อยากเดินทางไปแต่ยังเกรง ๆ กับขั้นตอนการขอวีซ่าเชงเก้นอยู่ Allianz Travel ขอส่งกำลังใจให้คุณยื่นขอวีซ่าเชงเก้นได้สำเร็จนะคะ

และการขอวีซ่าเชงเก้นทุกประเทศจะต้องมีการทำประกันการเดินทาง ที่มีวงเงินประกันไม่น้อยกว่า 30,000 ยูโรหรือประมาณ 1,500,000 บาท และต้องทำกับบริษัทประกันภัยที่สถานทูตให้การรับรองด้วย นอกจากนี้ประกันเดินทางเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์ เป็นต้น ให้คุณเที่ยวยุโรปได้อย่างมั่นใจและไร้กังวล! Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

Thailand Passport Office in Bangkok and Metropolitan Region

8 สถานที่ทำพาสปอร์ต ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ช่วงนี้หลายคนเริ่มวางแผนสำหรับการเดินทางไปต่างประเทศกันแล้ว แต่อย่าลืม!! ตรวจสอบวันหมดอายุของพาสปอร์ต (Passport) กันด้วยนะคะ ถ้าพาสปอร์ตหมดอายุ หรือมีอายุเหลือไม่ถึง 6 เดือน เราต้องดำเนินการทำพาสปอร์ตใหม่ แล้วถ้าเราต้องการทำพาสปอร์ตในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเราจะสามารถทำได้ที่ไหนบ้าง? วันนี้ Allianz Travel ได้นำข้อมูล สถานที่ทำพาสปอร์ต (Passport) หรือ หนังสือเดินทางในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มาฝากทุกคนกันค่ะ ไปดูกันเลยว่ามีที่ไหนกันบ้าง

1. กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 08.30 – 16.30 น.)

ที่อยู่ : 123 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210

โทรศัพท์ : Call Center 02 572 8442 หรือ 02 203 5000 กด 1 เพื่อติดต่อกรมการกงสุล

Google Map : https://maps.app.goo.gl/YT4WgiB77qDm6Wfg6

2. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว บางนา – ศรีนครินทร์

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 08.30 – 16.30 น.)

ที่อยู่ : ศูนย์การค้าธัญญาพาร์คศรีนครินทร์ (อาคาร C) ชั้น 1 เลขที่ 735 735/1-8 ถนนศรีนครินทร์ แขวงพัฒนาการ เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250

โทรศัพท์ : 02 136 3800, 02 136 3802 และ 093 010 5246

Google Map : https://maps.app.goo.gl/wCsTJTXgFvpMZVQF6

3. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว สายใต้ใหม่ – ตลิ่งชัน

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 08.30 – 16.30 น.)

ที่อยู่ : อาคาร SC Plaza สถานีขนส่งกรุงเทพ (สายใต้ใหม่) เลขที่ 24/6 หมู่ 8 ถนนบรมราชชนนี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170

โทรศัพท์ : 02 422 3431

Google Map : https://maps.app.goo.gl/w4vBaErdqPD7TbBy6

4. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว มีนบุรี

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 08.30 – 16.30 น.)

ที่อยู่ : ศูนย์การค้าบิ๊กซี สาขาสุวินทวงศ์ ชั้น 2 เลขที่ 29 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร 10510

โทรศัพท์ : 02 024 8362 ถึง 4

Google Map : https://maps.app.goo.gl/EksQjJgmwfX7MeMe7

5. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว MRT คลองเตย

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 08.30 – 16.30 น.)

ที่อยู่ : สถานีรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) คลองเตย ถนนพระราม 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110

โทรศัพท์ : 02 024 8896 และ 093 010 5247

Google Map : https://maps.app.goo.gl/1b5jFGbR6LFJfmvK8

6. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ปทุมวัน

วันทำการ : เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ – อาทิตย์ (เวลา 10.00 – 18.00 น.)

ที่อยู่ : ศูนย์การค้าเอ็มบีเคเซ็นเตอร์ (ฝั่งโตคิว) ชั้น 5 เลขที่ 444 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330

โทรศัพท์ : 02 126 7612

Google Map : https://maps.app.goo.gl/xQHbEoZBPS4GaoU79

7. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ธัญบุรี

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – ศุกร์ (เวลา 10.00 – 18.00 น.)

ที่อยู่ : ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต (ฝั่งเซ็นทรัล) ชั้น 3 เลขที่ 94 ถนนพหลโยธิน เขตธัญบุรี ปทุมธานี 12130

Google Map : https://maps.app.goo.gl/TV36eTBYxwTejhzV7

8. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว บางใหญ่

วันทำการ : เปิดบริการจันทร์ – อาทิตย์ (เวลา 11.00 – 18.00 น.)

ที่อยู่ : ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า เวสต์เกต ชั้น G เลขที่ 199, 199/1 แขวงเสาธงหิน เขตบางใหญ่ นนทบุรี 11140

Google Map : https://maps.app.goo.gl/Cz9Mz5qCTTyD2HZN7

โดยการทำพาสปอร์ตสามารถจองคิวผ่านระบบออนไลน์ล่วงหน้าสำหรับการทำหนังสือเดินทางได้ที่เว็บไซต์ : www.qpassport.in.th

: ข้อมูล ณ​ วันที่ 3 เมษายน 2568

นอกจากการเตรียมตัวเรื่องพาสปอร์ต (Passport) หรือ หนังสือเดินทางให้พร้อมแล้ว ก่อนเดินทางควรศึกษาข้อมูลการเดินทางของประเทศที่เราต้องการเดินทางไป พร้อมกับเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

9 สายพันธุ์ซากุระยอดนิยม ความงดงามที่แตกต่างในญี่ปุ่น

9 สายพันธุ์ซากุระ ยอดนิยม ความงดงามที่แตกต่างในญี่ปุ่น

ซากุระเป็นสัญลักษณ์ความงดงามของประเทศญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เป็นช่วงเวลาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากทั่วโลกมาท่องเที่ยวชมความงามของดอกซากุระที่บานสะพรั่งในทั่วทุกพื้นที่ของญี่ปุ่นในทุก ๆ ปี ช่วงเวลาที่ซากุระพันธุ์หลัก ๆ เริ่มบานจะเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ – ต้นเดือนพฤษภาคม โดยช่วงเวลาที่ดอกซากุระบานจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับ สายพันธุ์ซากุระ และสภาพภูมิประเทศ และสภาพภูมิอากาศของแต่ละปี บางปีถ้าอากาศหนาวเป็นระยะเวลานาน ก็จะทำให้ดอกซากุระบานช้ากว่าปกติ วันนี้ Allianz Travel จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับ 9 สายพันธุ์ซากุระ ที่เป็นที่นิยมในประเทศญี่ปุ่น โดยแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างและมีความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง มีสายพันธุ์อะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ : )

1. โซเมโยชิโนะ (Somei Yoshino) – ซากุระยอดนิยมที่สุด

สายพันธุ์ซากุระ: โซเมโยชิโนะ (Somei Yoshino)

ลักษณะ:

ดอกสีชมพูอ่อนเกือบขาว บานเป็นช่อใหญ่บนกิ่งที่เปลือยเปล่า มีกลีบดอก 5 กลีบ มักออกดอกก่อนที่ใบจะงอก

ช่วงบาน:

ปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน

แหล่งกำเนิด:

พัฒนาจากการผสมพันธุ์โดยนักพฤกษศาสตร์ในสมัยเอโดะ

ความหมายทางวัฒนธรรม:

เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น และมักใช้เป็นตัวแทนของฤดูใบไม้ผลิ

สถานที่แนะนำ:

  • สวนอุเอโนะ (Ueno Park), โตเกียว
  • แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River), โตเกียว
  • ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle), อาโอโมริ

2. ยามะซากุระ (Yamazakura Zakura) – ซากุระป่าธรรมชาติ

สายพันธุ์ซากุระ: ยามะซากุระ (Yamazakura Zakura)

ลักษณะ:

ดอกสีชมพูอ่อนถึงขาว ใบอ่อนออกสีแดง บานพร้อมกับการแตกใบ

ช่วงบาน:

ต้นเดือนเมษายน – กลางเดือนเมษายน

แหล่งกำเนิด:

พบมากในป่าภูเขาของญี่ปุ่น เป็นซากุระสายพันธุ์ดั้งเดิม

ความหมายทางวัฒนธรรม:

เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นธรรมชาติและความสงบ

สถานที่แนะนำ:

ภูเขาโยชิโนะ (Mount Yoshino), นารา – ซากุระป่า 30,000 ต้นที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ

3. ชิดาเระซากุระ (Shidarezakura) – ซากุระกิ่ง

สายพันธุ์ซากุระ: ชิดาเระซากุระ (Shidarezakura)

ลักษณะ:

เป็นกิ่งโน้มต่ำ ห้อยเป็นระย้า ดอกสีชมพูสดใส หรือสีขาว มีกลีบดอก 5-20 กลีบ

ช่วงบาน:

ปลายเดือนมีนาคม – กลางเดือนเมษายน

แหล่งกำเนิด:

พบในหลายพื้นที่ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในวัดและสวน

ความหมายทางวัฒนธรรม:

มักถูกใช้เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในศาลเจ้า

สถานที่แนะนำ:

  • มิฮารุ ทากิซากุระ (Miharu Takizakura), ฟุกุชิมะ – ซากุระอายุกว่า 1,000 ปี
  • สวนมารุยามะ (Maruyama Park), เกียวโต

4. คาวาซุซากุระ (Kawazu Zakura) – ซากุระบานเร็ว

สายพันธุ์ซากุระ: คาวาซุซากุระ (Kawazu Zakura)

ลักษณะ:

ดอกสีชมพูสด ดอกใหญ่กว่าซากุระทั่วไป และมีกลีบดอก 5 กลีบ

ช่วงบาน:

เดือนกุมภาพันธ์ – เดือนมีนาคม

แหล่งกำเนิด:

พบครั้งแรกที่เมืองคาวาซุ จังหวัดชิซุโอกะ

สถานที่แนะนำ:

เทศกาลซากุระคาวาซุ (Kawazu Sakura Festival), ชิซุโอกะ

5. อิโจวซากุระ (Ichiyou Zakura) – ซากุระดอกซ้อน

สายพันธุ์ซากุระ: อิโจวซากุระ (Ichiyou Zakura)

ลักษณะ:

ดอกสีชมพูอ่อน กลีบดอกซ้อน 20-40 กลีบ ลักษณะดอกแน่นฟูและมักมีขนาดใหญ่กว่าซากุระทั่วไป

ช่วงบาน:

กลางเดือนเมษายน – ปลายเดือนเมษายน

แหล่งกำเนิด:

พบมากในสวนสาธารณะของญี่ปุ่น

ความหมายทางวัฒนธรรม:

เป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามและความมั่นคง

สถานที่แนะนำ:

สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen), โตเกียว

6. ฟุเก็นซากุระ (Fugenzo Zakura) – ซากุระสีชมพูอมม่วง

สายพันธุ์ซากุระ: ฟุเก็นซากุระ (Fugenzo Zakura)

ลักษณะ:

ดอกซ้อนสีชมพูอมม่วง มีกลีบดอก 30-40 กลีบ

ช่วงบาน:

กลางเดือนเมษายน – ปลายเดือนเมษายน

แหล่งกำเนิด:

พบมากในสวนพฤกษศาสตร์และวัด

สถานที่แนะนำ:

สวนอิมพีเรียล (Imperial Palace East Gardens), โตเกียว

7. คิคุซากุระ (Kikuzakura Zakura) – ซากุระดอกซ้อนคล้ายเบญจมาศ

คิคุซากุระ (Kikuzakura Zakura)

ลักษณะ:

ดอกซ้อนขนาดใหญ่สีขาว-ชมพู มีกลีบดอกมากถึง 100 กลีบ

ช่วงบาน:

ปลายเดือนเมษายน – เดือนพฤษภาคม

สถานที่แนะนำ:

สวนซากุระโมะริโอกะ (Morioka Sakura Park), อิวาเตะ

8. อุคง (Ukon Zakura) – ซากุระสีเหลือง

อุคง (Ukon Zakura)

ลักษณะ:

กลีบดอกสีเหลืองอ่อนที่หาได้ยาก มีกลีบดอกซ้อนกันหนาแน่น

ช่วงบาน:

กลางเดือนเมษายน – ปลายเดือนเมษายน

สถานที่แนะนำ:

สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen), โตเกียว

9. โชเง็ทสึซากุระ (Shōgetsu Zakura) – ซากุระสีขาวบริสุทธิ์

โชเกซากุระ (Shōgetsu Zakura)

ลักษณะ:

ดอกใหญ่สีขาวอมชมพูเล็กน้อย ซ้อนกัน 20-30 กลีบ

ช่วงบาน:

ปลายเดือนเมษายน – เดือนพฤษภาคม

สถานที่แนะนำ:

สวนพฤกษศาสตร์เกียวโต (Kyoto Botanical Gardens), เกียวโต

หากคุณกำลังวางแผน เที่ยวชมซากุระในญี่ปุ่น ควรศึกษาช่วงเวลาบานของพันธุ์ที่ต้องการชม รวมถึงสถานที่ยอดนิยม เช่น โตเกียว, เกียวโต และโอซาก้า เป็นต้น เพื่อให้คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์การชมซากุระที่ดีที่สุดได้! เพื่อน ๆ สามารถติดตามข้อมูลการพยากรณ์การบานของซากุระในปีนี้ได้ที่: พยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น 2025 ล่าสุด! และทุกครั้งที่เดินทางออกนอกประเทศ สิ่งที่ควรมีพร้อมติดตัวไว้คือประกันเดินทาง สิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก: japan.travel: The Different Varieties of Cherry Blossoms in Japan From Light Pink to Radiant Yellow, japan-guide.com: Cherry Tree Varieties

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

เที่ยวหน้าหนาวต่างประเทศ ต้องเตรียมอะไรบ้าง

เที่ยวหน้าหนาว ต่างประเทศ ต้องเตรียมอะไรบ้าง

ผู้ที่รักในการท่องเที่ยวที่เลือกไปท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงฤดูหนาวเพราะต้องการสัมผัสอากาศหนาวแบบที่บ้านเราไม่มี และแน่นอน อยากสัมผัสหิมะที่เย็นยะเยือกสักครั้งรวมทั้งเตรียมตัวสำหรับกิจกรรมบนหิมะยกตัวอย่างเช่น การเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ด รวมไปถึงผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยในการเดินเขาหรือขึ้นเขาในแถบประเทศที่หนาวเย็นด้วย แน่นอนว่าอากาศที่นั่นต้องแตกต่างจากบ้านเราแน่นอนเพราะบ้านเรามีเพียงฤดูฝน ฤดูร้อนและฤดูร้อนมากเท่านั้น และไม่เคยมีหิมะตกเลยนี่สิ แล้วการเดินทางไป เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไรบ้าง เราควรจะเตรียมเสื้อผ้า และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับเที่ยวในฤดูหนาวอย่างไรกันดีล่ะ วันนี้ Allianz Travel รวมลิสต์สิ่งของที่จำเป็นที่เราควรจัดเตรียมไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง สำหรับการท่องเที่ยวในฤดูหนาว เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ : )

1. เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย

ก่อนอื่นต้องสำรวจก่อนว่าประเทศที่เราจะไปนั้นอยู่ในฤดูอะไร อุณหภูมิโดยประมาณเท่าไหร่ และนอกจากอากาศที่หนาวเย็นแล้วยังมีหิมะหรือลมฝนร่วมด้วยหรือไม่ เพื่อเตรียมเสื้อผ้าไปให้พร้อมกับทุกสถานการณ์เพราะถ้าป่วยขึ้นมาก็จะทำให้ทริปที่เตรียมไว้สะดุด เที่ยวไม่สนุกไปเลยค่ะ

เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายในฤดูหนาว

ประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นระดับเบบี๋ (15-25 องศาเซลเซียส)

อุณหภูมิระดับนี้ก็ใกล้เคียงกับอากาศทางภาคเหนือของประเทศเราในหน้าหนาว ซึ่งอากาศแบบนี้จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของประเทศทางฝั่งยุโรปและประเทศในเอเชียอย่างญี่ปุ่น เกาหลี ก่อนจะเข้าสู่ฤดูหนาว การจัดกระเป๋าก็ไม่ยากเลย

  • ชุดชั้นใน เลือกชุดชั้นในที่ใส่ปกติหรือหนาสักนิดก็ใช้ได้
  • เสื้อผ้า เสื้อเลือกที่สวมใส่สบาย สาว ๆ อาจเลือกเลกกิ้งมาปกป้องเรียวขาจากอากาศเย็นแล้วสวมมินิสเกิร์ตทับส่วนหนุ่ม ๆ ใส่ยีนส์สักตัวก็เอาอยู่
  • เสื้อกันหนาว เลือกเสื้อกันหนาวที่ช่วยกันลมอย่าง เสื้อแจ็คเก็ต หรือเสื้อโค้ทที่ไม่หนามากนักเป็นสไตล์แฟชั่นมาใส่ก็ได้
  • รองเท้า สวมถุงเท้าหนากับรองเท้าหุ้มส้นหรือผ้าใบที่ใส่สบาย
เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย รองเท้า

ประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นระดับประถม (0-15 องศาเซลเซียส)

ยกระดับความหนาวเย็นขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง อุณหภูมิขนาดนี้เป็นช่วงฤดูหนาวของต่างประเทศซึ่งหนาวกว่าบ้านเรามาก ยิ่งกับผู้ที่เคยชินกับอากาศ 20 องศาปลาย ๆ ของภาคกลางแล้วล่ะก็อาจป่วยได้ ที่อุณหภูมิขนาดนี้ควรติดผ้าพันคอและเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ศีรษะของคุณด้วยหมวกไหมพรม สวมถุงมือไหมพรมเพื่อป้องกันลมช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับมือของคุณได้เป็นอย่างดี

  • ชุดชั้นใน จุดนี้ควรเลือกชุดชั้นในที่มีความหนาเพื่อช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายแล้วสวมลองจอนทับอีกชั้น
  • เสื้อผ้า แนะนำเป็นเสื้อวูล, เสื้อฮีทเทค หรือเป็นสเวตเตอร์ที่หนาสักนิดมีแขนยาวและปิดคอเพื่อเก็บความร้อนและให้ความอบอุ่น ส่วนท่อนล่างควรสวมลองจอนวูลเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ขาของคุณ และสวมกางเกงยีนส์หนา ๆ ทับอีกชั้น
  • เสื้อกันหนาว ควรเลือกเสื้อโค้ทที่มีความหนาและมีฮู้ดไว้ป้องกันความหนาวเย็นจากลมหากคุณต้องยืนตากลมนาน ๆ อาจทำให้รู้สึกไม่สบายได้ และเสื้อกันหนาวหรือโค้ทควรมีความยาวเลยสะโพกลงไปยิ่งถ้าได้เสื้อขนเป็ดก็จะดีมาก
  • รองเท้า ควรเตรียมถุงเท้าวูลและรองเท้าบูทไปด้วย
เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย

ประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นระดับมหาวิทยาลัย ( -15 ถึง -1 องศาเซลเซียส)

ความหนาวระดับนี้เป็นระดับที่มีหิมะตกนอกจากความหนาวเย็นแล้วคุณอาจต้องพบกับความชื้นของหิมะด้วย ต้องจัดเตรียมเสื้อผ้าที่สามารถระบายความชื้นได้ดี เก็บความอบอุ่นได้ดีและกันเปียก หากเสื้อโค้ทที่คุณเตรียมไปไม่มีฮู้ดควรเตรียมหมวกไหมพรมหนา ๆ ที่ปิดหูและถุงมือไหมพรมวูล รวมถึงถุงเท้าไหมพรมวูลไปด้วย

  • ชุดชั้นใน เลือกชุดชั้นในที่มีความหนาเพื่อรักษาความอบอุ่นแล้วสวมลองจอนทับอีกชั้นหนึ่ง ควรเลือกแบบที่ระบายความชื้นได้เร็วแล้วสวมไทต์เลกกิ้งหนาและแพนตี้โฮสด้านล่าง
  • เสื้อผ้า สวมแจ็คเกตบาง ๆ หรือเสวตเตอร์ผสมขนสัตว์เพิ่มความอบอุ่นแขนยาวไว้ด้านใน ท่อนล่างใส่ลองจอนวูลที่สามารถระบายความชื้นได้ดีหากคุณต้องเจอกับหิมะสวมยีนห์หนาที่มีเนื้อผ้าสามารถกันลมได้ดีหรือกางเกงผ้าร่มบุด้านในที่สามารถกันเปียกได้ดี
  • เสื้อกันหนาว เสื้อกันหนาวควรเลือกเป็นวูลขนเป็ดและผ้าด้านนอกกันเปียก หากเป็นโค้ทควรเลือกตัวยาว ยาวถึงเขาเลยยิ่งดี มีความหนามาก ๆ แต่แนะนำเป็นเสื้อวูลขนเป็ดที่มีความหนาแน่นมากดีกว่าเพื่อเก็บความอบอุ่นให้กับคุณ และหากคุณมั่นใจว่าต้องเจอหิมะแน่ ๆ ไม่ควรเลือก Down Jacket มาใส่เพราะถึงแม้จะเบาและอบอุ่นแต่โดนความชื้นเข้าไปแจ็คเก็ตจะเปียกและไม่อุ่นอีกต่อไปจ้า
  • รองเท้า ควรเตรียมถุงเท้าวูลและรองเท้าบูทที่ยาวถึงเข่าและสามารถเดินบนหิมะได้ไปด้วย

สำหรับจำนวนนั้นขึ้นอยู่กับระยะเวลาของทริปนี้ด้วยหากไปเพียง 2-3 วันเตรียมเสื้อกันหนาวไปตัวเดียวและชุดชั้นในและเสื้อผ้าตามจำนวนวันและรองเท้าบูทและผ้าใบอย่างละคู่ก็เพียงพอแล้วแต่หากไป 7 วันขึ้นไปควรตระเตรียมเสื้อหนาวไปเผื่ออีกสักหนึ่งตัวหรือไปซื้อเพิ่มที่ประเทศนั้น ๆ ก็ได้คุณจะได้เสื้อที่เหมาะเหม็งกับสภาพอากาศทีเดียวเชียว สำหรับผู้ที่ตั้งใจไปสกีหรือปีนเขาต้องเตรียมอุปกรณ์เซฟตี้แขนขา แว่นกันลมรวมถึงถุงมือที่เหมาะสำหรับปีนเขาและเล่นสกีไปด้วยนะ

2. ครีมบำรุงผิว หรือ ครีมทาผิว ครีมกันแดด ลิปมัน

สิ่งสำคัญที่จำเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ต้องใส่ไว้ในลิสต์ เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไรบ้าง นั่นก็คือ ครีมทาผิว และลิปมัน ในฤดูหนาว อากาศจะหนาวเย็น ทำให้ผิวหนัง และปากของเราแห้ง แตก ลอก ทำให้ครีมทาผิว และลิปมันเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรพกติดตัวไปด้วยค่ะ การเลือกครีมทาผิว ควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวของเรา และเลือกครีมทาผิว หรือ ครีมบำรุงผิว ที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวที่แตกแห้งที่เราต้องพบเจอขณะเดินทางท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็น และอีกหนึ่งไอเท็มที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ ครีมกันแดด ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหน ครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต่อผิวของเรา ซึ่งแดดในฤดูหนาวจะค่อนข้างแรง เพราะฉะนั้นอย่าลืมทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกเดินทางกันนะคะ

เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : ครีมบำรุงผิว ครีมทาผิว

3. ยารักษาโรคประจำตัว และยาสามัญประจำบ้าน

การเดินทางไปในสถานที่ที่มีอากาศหนาว ถ้าเราเตรียมตัวไม่พร้อม หรือใส่เสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นกับร่างกายไม่เพียงพอ ก็อาจจะทำให้เราต้องเจ็บป่วยได้ เราควรเตรียมยารักษาโรคประจำตัว และยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาลดไข้ ยาแก้หวัด ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ ยาแก้ปวดหัว และยาแก้แพ้ ติดกระเป๋าไปด้วย เพราะหากเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นมา ยาที่เราเตรียมไปจะช่วยบรรเทาอาการของเราให้ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ราคายาในต่างประเทศส่วนใหญ่จะมีราคาแพงกว่าราคายาในประเทศไทย เพราะฉะนั้นเตรียมติดตัวไปด้วยดีที่สุดค่ะ ทริปของเราจะได้ไม่สะดุดค่ะ

*หมายเหตุ: ควรตรวจสอบยาที่เราจะจัดเตรียมไปด้วยว่า มีส่วนประกอบของสารต้องห้ามที่ห้ามนำเข้าไปในประเทศจุดหมายปลายททางหรือไม่

เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : ยารักษาโรคประจำตัว และยาสามัญประจำบ้าน

4. อุปกรณ์กล้อง แบตเตอรี่สำรอง หรือ พาวเวอร์แบงค์ (Power Bank)

หากถามว่า เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร สิ่งที่เราต้องเตรียมไปและขาดไม่ได้ในการเดินทางไปต่างประเทศ นั่นก็คือ กล้อง และแบตเตอรี่สำรอง หรือ พาวเวอร์แบงค์ สำหรับชาร์จโทรศัพท์มือถือ เพราะโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเดินทาง และเราต้องใช้มือถือตลอดเวลาในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูป ดูแผนที่ ดูข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ หาข้อมูลร้านอาหาร และข้อมูลต่าง ๆ เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมแบตเตอรี่สำรอง หรือพาวเวอร์แบงค์ติดตัวไปด้วย และการไปเที่ยวต่างประเทศเราก็อยากได้ภาพสวย ๆ เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ กล้องจึงเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับใช้เก็บภาพความประทับใจตามสถานที่ต่าง ๆ รูปถ่ายเป็นเหมือนสิ่งที่ทำให้เรานึกถึงเหตุการณ์และความประทับใจเหล่านั้นได้เป็นอย่างดีค่ะ

เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : แบตเตอรี่สำรอง พาวเวอร์แบงค์ (Power Bank)

5. หนังสือเดินทาง (Passport)

หนังสือเดินทาง (Passport) เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องพกติดตัวไปด้วย ในการเดินทางไปต่างประเทศ เปรียบเสมือนเป็นบัตรประจำตัวประชาชนสากลเพื่อใช้สำหรับระบุตัวตนของเราระหว่างที่อยู่ในต่างประเทศ ก่อนการเดินทางต้องตรวจสอบวันหมดอายุของหนังสือเดินทางให้ดี เพราะในการเดินทางไปต่างประเทศหนังสือเดินทางของเราควรมีอายุมากกว่า 180 วัน นับจากวันที่เดินทางออกนอกประเทศไทย เพื่อความแน่ใจหากหนังสือเดินทางของใกล้หมดอายุแล้ว ควรไปดำเนินการต่ออายุหนังสือเดินทางก่อนวันเดินทาง ซึ่งเราสามารถทำการจองคิวผ่านระบบจองคิวเพื่อขอทำหนังสือเดินทาง ของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ผ่านออนไลน์ได้ที่นี่ค่ะ: ระบบจองคิวเพื่อขอทำหนังสือเดินทาง

เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : หนังสือเดินทาง (Passport)

6. ประกันการเดินทางต่างประเทศ

การเดินทางไปต่างประเทศทุกครั้ง สิ่งที่เราควรมีติดตัวไปด้วยเสมอก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ เพราะระหว่างการเดินทางอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ ประกันการเดินทางเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเราเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหาย เที่ยวบินล่าช้า และอื่น ๆ อีกมากมาย การที่เราเตรียมความพร้อมไว้ก่อนย่อมเป็นเรื่องที่ดี เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เราจะได้รับมือกับเหตุการณ์เหล่านั้นได้ค่ะ

เที่ยวหน้าหนาว ต้องเตรียมอะไร : ประกันการเดินทางต่างประเทศ

หากคุณมีแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงฤดูหนาว ก็ควรตรวจสอบสภาพอากาศของประเทศจุดหมายปลายทางให้เรียบร้อย เพื่อที่จะได้จัดเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อม ถ้าเราเอาเสื้อผ้าหรือของใช้จำเป็นไปไม่เพียงพอก็อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยจนหมดสนุก และสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณ เที่ยวต่างประเทศในช่วงฤดูหนาว ได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล ก็คือ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด กับความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากเกือบทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย และอื่นๆ อีกมากมาย* อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ขอบคุณข้อมูลจาก:  กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ, Winter Packing List: Light Essentials for Cold-Weather Travel

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

ขั้นตอนและวิธีการทำใบขับขี่สากล

การทำใบขับขี่สากล ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ (IDP)

หลายคนมีแผนที่จะขับรถเที่ยวสำหรับทริปในต่างประเทศ การขับรถเที่ยวเป็นเรื่องน่าสนุก เพราะมันช่วยให้คุณมีอิสระในการสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ ตามต้องการ คุณอาจได้เจอกับสถานที่ใหม่ๆ ที่เข้าถึงยากหากต้องเดินทางด้วยการขนส่งสาธารณะ และคุณอาจจะได้พบกับการผจญภัยเล็กๆ ที่รอคุณอยู่ข้างหน้า แต่ก่อนที่คุณจะออกเดินทาง คุณรู้ไหมว่าคุณต้องมี ใบขับขี่สากล หรือ ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ หากต้องขับรถในบางประเทศ Allianz Travel จะมาแนะนำให้คุณรู้จักกับใบขับขี่สากล หรือ ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ ขั้นตอนการทำ การเตรียมเอกสาร และสถานที่ทำใบขับขี่สากล ทำได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ 🙂

อัปเดท! เราสามารถทำใบขับขี่สากล หรือ ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ ออนไลน์ ผ่านแอปเป๋าตัง ได้แล้ววันนี้! ดูรายละเอียดขั้นตอนวิธีการทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ ผ่านแอปเป๋าตังได้ที่บทความนี้เลยค่ะ: วิธีทำใบขับขี่สากล ออนไลน์ ผ่านแอปเป๋าตัง

ทำความรู้จัก ใบขับขี่สากล หรือ ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ (IDP)

ใบขับขี่สากล หรือ ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ (IDP)

ใบขับขี่สากล หรือชื่อทางการคือ ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ (International Driving Permit หรือ IDP) เป็นเอกสารทางกฎหมายที่ใช้ในการยืนยันตัวตนเพื่อให้ผู้ถือสามารถขับขี่ได้ในประเทศ หรือดินแดนที่ไม่ใช่ประเทศบ้านเกิด ผู้ที่ขับขี่รถจะต้องแสดงใบขับขี่สากลพร้อมกับใบขับขี่จากประเทศบ้านเกิดต่อเจ้าหน้าที่ในแต่ละประเทศ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถขับรถออกนอกประเทศได้อย่างถูกกฎหมาย

ใบขับขี่สากล ที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการจราจรทางถนน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามอนุสัญญา 2 ฉบับ ได้แก่

1. อนุสัญญาว่าด้วยการจราจรทางถนน ณ นครเจนีวา ค.ศ. 1949 หรือ อนุสัญญาเจนีวา 1949

สามารถนำไปใช้ได้ใน 102 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เป็นต้น ใบขับขี่สากลภายใต้อนุสัญญานี้จะมีอายุการใช้งาน 1 ปี

2. อนุสัญญาว่าด้วยการจราจรทางถนน ณ กรุงเวียนนา ค.ศ. 1968 หรือ อนุสัญญาเวียนนา 1968

สามารถนำไปใช้ได้ใน 86 ประเทศ เช่น บาห์เรน บราซิล เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น ซึ่งบางประเทศเป็นประเทศที่ไม่ได้เป็นภาคีในอนุสัญญาเจนีวา ทำให้ใบขับขี่สากลภายใต้อนุสัญญานี้สามารถเป็นตัวเลือกให้กับคนที่กำลังจะเดินทางไปในประเทศที่อนุสัญญาเจนีวาอาจไม่ครอบคลุม มีอายุ 3 ปี นับแต่วันออกใบขับขี่สากล หรือเท่ากับอายุของใบขับขี่ภายในประเทศที่ผู้ถือมีอยู่

Road Trip in Switzerland

หมายเหตุ

  • ประเทศที่เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาทั้งสองฉบับ เช่น ออสเตรีย เบลเยี่ยม เดนมาร์ก สหราชอาณาจักร อิตาลี ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ ตุรกี สวีเดน รวมถึงประเทศไทย สามารถใช้ใบขับขี่สากลที่ออกตามอนุสัญญาเวียนนา 1968 เพียงฉบับเดียวได้
  • ผู้ที่ต้องการขอรับใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ สามารถแจ้งรายชื่อประเทศที่ต้องการนำใบอนุญาตขับรถไปใช้ต่อเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบความเกี่ยวข้องในการร่วมเป็นภาคีตามอนุสัญญา และออกใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศให้ได้อย่างถูกต้องตามแบบที่กำหนด

หลักฐานที่ต้องใช้ในการขอรับ ใบขับขี่สากล

1. หนังสือเดินทาง (ฉบับจริง) ซึ่งยังไม่สิ้นอายุ
2. บัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับจริง) ซึ่งยังไม่สิ้นอายุ
3. ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล ชนิด 5 ปี หรือตลอดชีพ (ฉบับจริง) ซึ่งยังไม่สิ้นอายุ
4. รูปถ่าย ขนาด 2 นิ้ว 2 รูป ไม่เคลือบมัน (รูปถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)
5. สำเนาหลักฐานการแก้ไขชื่อ – สกุล พร้อมสำเนาที่เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง (ถ้ามี)
6. สำเนาทะเบียนสมรสหรือใบหย่าพร้อมสำเนาที่เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง (ถ้ามี)
7. ค่าธรรมเนียมทำใบขับขี่สากล 505 บาท

กรณีไม่สามารถดำเนินการด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำแทนได้ โดยเตรียมเอกสารเพิ่มเติม คือ

  • หนังสือมอบอำนาจฉบับจริง โดยระบุประเทศที่จะเดินทาง พร้อมติดอากรแสตมป์
  • บัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ (ฉบับจริงพร้อมสำเนา)
  • เอกสารของผู้มอบอำนาจที่จะใช้ในการขอรับใบขับขี่สากล (สำเนาพร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง)

ขั้นตอนการทำ ใบขับขี่สากล

1. ลงทะเบียนจองคิวล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue บน App Store และ Play Store หรือเว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th/login ตามขั้นตอนดังนี้

  • กดปุ่มลงทะเบียน (Register) กรอกข้อมูลส่วนตัวและกำหนดรหัสผ่าน หากเคยลงทะเบียนไว้แล้ว สามารถเข้าสู่ระบบด้วยเลขบัตรประชาชนได้เลย
  • เมื่อลงทะเบียนสำเร็จแล้ว เลือกสำนักงานที่ต้องการเข้าไปทำใบขับขี่
  • หัวข้อประเภทบริการ เลือกไปที่ “งานใบอนุญาต”
  • หัวข้อประเภทใบอนุญาตขับรถ เลือกไปที่ “ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล”
  • หัวข้อประเภทเข้ารับบริการ เลือกไปที่ “ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ”
  • หัวข้อประเภทยานพาหนะ ให้เลือกยานพาหนะที่เราจะใช้
  • หัวข้อประเภทงาน เลือกไปที่ “ใบอนุญาตส่วนบุคคล: ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ”
  • เลือกวันและเวลาที่ต้องการใช้บริการ โดยวันที่ว่างจะขึ้นเป็นสีเขียว ส่วนวันที่คิวเต็มนั้นจะขึ้นคำว่า “เต็ม” เป็นตัวหนังสือสีแดง
  • หลังจากเลือกวันและเวลาที่ต้องการเข้าใช้บริการเรียบร้อยแล้ว ให้กด “ยืนยันการจอง” ถือเป็นอันเสร็จสิ้นการจองคิว

2. เตรียมเอกสารต่าง ๆ ตามรายการ และไปติดต่อขอรับบริการได้ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 และสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ เปิดบริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-15.30 น. หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.1584 
3. ยื่นคำขอ ตรวจสอบเอกสารและคุณสมบัติเบื้องต้น > จัดทำคำขอ > ผู้ขอลงนามคำขอ
4. เมื่อตรวจสอบเอกสารผ่าน > ชำระเงิน > ออกใบเสร็จ > จัดทำใบอนุญาต > นายทะเบียนลงนาม > จ่ายใบอนุญาตขับรถ

Road Trip Travel : ทริปขับรถท่องเที่ยวต่างประเทศ

หลังจากที่คุณได้รับ ใบขับขี่สากล เพื่อนำไปใช้ขับขี่ระหว่างทริปท่องเที่ยวต่างประเทศของคุณแล้ว คุณก็ควรศึกษาและทำความเข้าใจกฎจราจรของประเทศนั้น ๆ และศึกษาเส้นทางก่อนออกเดินทางเสมอ เพื่อให้คุณขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ป้องกันปัญหาอื่นที่อาจตามมากวนใจคุณในอนาคต นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่คุณควรมีติดตัวไว้ก่อนออกเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ก็คือ ประกันภัยการเดินทาง ที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลท์ดีเลย์ เป็นต้น Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไข ความคุ้มครอง และข้อยกเว้นเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย ผู้ขอเอาประกันภัยควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง จำนวนความคุ้มครองและผลประโยชน์ขึ้นอยู่กับแผนประกันภัย

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานสวัสดิภาพการขนส่งทางบก (สนภ.) กรมการขนส่งทางบก

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel