7 มหาวิทยาลัยยอดนิยมในอังกฤษ ที่ใครก็อยากไปศึกษาต่อ

มหาวิทยาลัยในอังกฤษถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกต้น ๆ สำหรับนักศึกษาที่อยากศึกษาต่อต่างประเทศ เนื่องด้วยความมีชื่อเสียงทางด้านวิชาการ ประวัติศาสตร์อันยาวนาน วัฒนธรรมเก่าแก่ รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่มีให้อย่างครบครัน ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยในอังกฤษมีมากกว่า 100 แห่ง ทั้งของรัฐบาลและเอกชน บทความนี้ Allianz Travel จึงขอพาผู้อ่านไปทำความรู้จักกับ 7 มหาวิทยาลัยยอดนิยมในอังกฤษ ที่หลายคนสนใจอยากสมัครไปศึกษาต่อ จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

1.UNIVERSITY OF OXFORD

ปีก่อตั้ง : 1096

สาขาที่มีชื่อเสียง : แพทยศาสตร์, นิติศาสตร์, วรรณกรรม, ปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์

มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดนับเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เริ่มก่อตั้งและทำการสอนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1096 มหาวิทยาออกซ์ฟอร์ดมีวิทยาลัยย่อยถึง 44 วิทยาลัย เปิดสอนนักศึกษาระดับปริญญาตรี โท และเอก รวมกันประมาณ 24,000 คน และในแต่ละปี มีผู้สมัครสอบระดับปริญญาตรีราว 21,500 คน ขณะที่จำนวนรับเพียง 3,330 คนเท่านั้น

ในด้านสิ่งอำนวยความสะดวก มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดมีห้องสมุดให้นักศึกษาเข้ามาใช้งานมากกว่า 100 ห้องสมุด และห้องสมุดที่เก่าแก่ที่สุดของมหาวิทยาลัย ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1602 ภายในมหาวิทยาลัย ยังมีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์ ซึ่งจัดแสดงกระดานดำที่ใช้โดยอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
ปัจจุบัน ผู้นำโลกมากกว่า 30 คน นายกรัฐมนตรีอังกฤษมากกว่า 27 คน และผู้ได้รับรางวัลโนเบลอีก 50 คน เคยศึกษาที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ผลงานทางวิชาการ ประวัติศาสตร์อันยาวนาน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด กลายเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของโลก และอันดับหนึ่งของเกาะอังกฤษ ซึ่งนักศึกษาจากนานาประเทศต่างก็อยากมาเรียนที่นี่กันค่ะ

2.CAMBRIDGE UNIVERSITY

ก่อตั้งปี : 1209

สาขาที่มีชื่อเสียง : คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ดาราศาสตร์, วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ, นิติศาสตร์, มานุษยวิทยา, ประวัติศาสตร์

เช่นเดียวกับออกซ์ฟอร์ด มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ถือเป็นอีกหนึ่งมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยเคมบริดจ์ก่อตั้งและเปิดสอนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1209 เป็นต้นมา ปัจจุบันมีนักเรียนกว่า 23,000 คน มีวิทยาลัยถึง 31 วิทยาลัย และมีภาควิชาที่เปิดสอนมากกว่า 100 ภาควิชา

มหาวิทยาเคมบริดจ์มีชื่อเสียงในระดับโลกด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และฟิสิกส์ มีศิษย์เก่า ที่มีชื่อเสียงด้านนี้มากมาย อาทิ Stephen Hawking และ Charles Darwin ในภาพรวม มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์มีศิษย์เก่า คณะอาจารย์ หรือผู้ทำวิจัยได้รับรางวัลโนเบลถึง 117 คน

3.KING’S COLLEGE LONDON

ปีที่ก่อตั้ง : 1829

สาขาวิชาที่มีชื่อเสียง : แพทยศาสตร์, พยาบาลศาสตร์, วิทยาศาสตร์

มหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1829 โดยพระเจ้าจอร์จที่ 4 และดยุคแห่งเวลลิงตัน ปัจจุบันมีนักศึกษากว่า 32,895 คน แบ่งเป็นระดับปริญาตรี 19,200 คน และระดับอื่น ๆ อีก 13,690 คน คิงส์คอลเลจ ถือเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอย่างมากด้านแพทยศาสตร์ ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานย้อนกลับไปถึงปีค.ศ. 1561 ที่สำคัญ ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบล 12 คน ล้วนได้รับจากสาขาที่เกี่ยวข้องกับแพทยศาสตร์ และวิทยาศาสตร์สุขภาพ อาทิ รางวัลโนเบลจากการวิจัยโครงสร้าง DNA, สเต็มเซลล์ และไวรัสตับอักเสบซี เป็นต้น

4.LONDON SCHOOL OF ECONOMICS

ปีที่ก่อตั้ง : 1895

สาขาวิชาที่มีชื่อเสียง : รัฐศาสตร์, สังคมศาสตร์, เศรษฐศาสตร์

สำหรับใครที่อยากศึกษาต่อด้านเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ในประเทศอังกฤษ London School of Economics (LSE) ถือเป็นสถาบันอันดับต้น ๆ ที่อยู่ในใจของหลายคน LSE ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1895 ปัจจุบันมีนักเรียนประมาณ 10,000 คน และประมาณร้อยละ 70 เป็นนักเรียนต่างชาติ ซึ่งนับว่ามีอัตราส่วนที่สูงสำหรับมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ

ในส่วนผลงานทางวิชาการ ร้อยละ 26 ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบล ล้วนเป็นศิษย์เก่า ผู้ทำวิจัย หรือคณะอาจารย์ที่ LSE ซึ่งมีจำนวนสูงมาก เมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยระดับโลกอื่น ๆ

5.IMPERIAL COLLEGE LONDON

ปีที่ก่อตั้ง : 1907

สาขาวิชาที่มีชื่อเสียง : วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรมศาสตร์, แพทยศาสตร์, บริหารธุรกิจ

มหาวิทยาลัยอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีระดับโลก มหาวิทยาลัยก่อตั้งเมื่อปี 1907 ปัจจุบันมีนักเรียนเข้าศึกษาราว 18,000 คน โดยมากกว่าร้อยละ 59 เป็นนักศึกษาต่างชาติ กว่า 140 ประเทศ

ในปี 2020 มหาวิทยาลัยอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน ได้รับการคัดเลือกเป็นอันดับ 9 ของมหาวิทยาลัยโลกที่มีชื่อเสียง นับตั้งแต่ก่อตั้งมา มีผู้ได้รับรางวัลโนเบล 14 คน

6.UNIVERSITY COLLEGE OF LONDON

ปีที่ก่อตั้ง : 1826

สาขาวิชาที่มีชื่อเสียง : แพทยศาสตร์, นิติศาสตร์, เศรษฐศาสตร์

มหาวิทยาลัยคอลเลจออฟลอนดอน นับเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่อันดับสามของประเทศอังกฤษ ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1826 และนับว่าเป็นมหาวิทยาลัยแรกของประเทศ ที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงสามารถเข้าเรียนได้ ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยมีนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ราว 40,000 คน และกว่าร้อยละ 40 เป็นนักศึกษาต่างชาติ

ด้านผลงานทางวิชาการ มหาวิทยาลัยคอลเลจออฟลอนดอน มีผู้ได้รับรางวัลโนเบลถึง 33 คน ซึ่งเป็นศิษย์เก่า คณะอาจารย์และผู้ทำวิจัย ในปี 2020 มหาวิทยาลัยได้รับการคัดเลือกอันดับ 10 ของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก

7.UNIVERSITY OF EDINBURGH

ปีที่ก่อตั้ง : 1582

สาขาวิชาที่มีชื่อเสียง : วิทยาศาสตร์, วิศวกรรมศาสตร์, แพทยศาสตร์

มหาวิทยาลัยเอดินบะระ เป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในสกอตแลนด์ ก่อตั้งเมื่อปี 1582 และถือเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของสกอตแลนด์ ปัจจุบันมีนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ ราว 36,000 คน โดยประมาณร้อยละ 25 เป็นนักเรียนชาวต่างชาติ

มหาวิทยาลัยเอดินบะระ มีทั้งหมด 22 คณะด้วยกัน สาขาวิชาที่มีชื่อเสียงอาทิ แพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ โดยเฉพาะด้านแพทยศาสตร์ เพราะที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นพบยาชาและเพนิซิลลิน สำหรับใครที่เบื่ออยู่ในลอนดอนแล้ว เอดินบะระก็นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ

การศึกษาต่อต่างประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญต่ออนาคต ดังนั้นจึงควรคิดให้รอบคอบ ไม่เพียงแต่พิจารณาจากความนิยมของมหาวิทยาลัย ยังต้องมองไปถึงสภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวก และปัจจัยอื่น ๆ ทั้ง 7 มหาวิทยาลัยที่เราแนะนำวันนี้ หวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกให้ผู้อ่านได้ลองพิจารณาว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่เหมาะกับตัวเองหรือเปล่า

และสำหรับใครที่สมัครเรียนและได้รับการคัดเลือกแล้ว หลาย ๆ มหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษจะแนะนำหรือบังคับให้เราทำประกันการเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศไปด้วย สาเหตุที่ต้องทำก็เพราะว่าเมื่อเจ็บป่วย และเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้ว ค่ารักษาพยาบาลแพงเอาเรื่องเลยค่ะ แผนประกันการเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ Overseas Student Care ของ Allianz Travel ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยคุ้มครองครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล ที่ทำให้เรามั่นใจ ไร้กังวล มีความสุขกับการเรียนได้อย่างเต็มที่แล้วค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Top Universities in the UK 2020, QS Top Universities
Best universities in the UK 2020, Times Higher Education

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

6 ประเทศยุโรปค่าเรียนถูก สำหรับคนอยากศึกษาต่อต่างประเทศ

การศึกษาต่อต่างประเทศนับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับหลาย ๆ คนที่อยากหาความรู้เพิ่มเติม หรือต้องการความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ปัจจุบันประเทศที่คนไทยนิยมไปเรียนต่อมีทั้งยุโรป อเมริกาและเอเชีย โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าบางประเทศ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงินจำนวนหลายหลัก แต่ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่คิดค่าเทอมต่อปีสำหรับนักศึกษาต่างชาติในราคาที่ไม่แพงมากนัก และบางประเทศอาจไม่ถึงหลักแสนด้วยซ้ำ วันนี้ Allianz Travel จึงขอพาผู้อ่านไปทำความรู้จัก 6 ประเทศยุโรปที่มีค่าเรียนในราคาที่ไม่สูงนัก เหมาะสำหรับคนงบน้อยที่อยากไปเรียนต่อ

1.GERMANY

ค่าเทอมสำหรับนักศึกษาต่างชาติ : ประมาณ 150,000 บาทต่อปี

มหาวิทยาลัยที่ได้รับความนิยม : University of Munich, University of Bonn, University of Mannheim, Wismar University

เยอรมนี ถือเป็นหนึ่งในประเทศยุโรปที่ได้รับความนิยมจากนักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาเรียนต่อจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะค่าเทอมของมหาวิทยาลัยในเยอรมนีมีราคาไม่แพงมาก เพียงปีละประมาณ 100,000 – 200,000 บาทเท่านั้น (ก่อนปี 2017 ค่าเทอมฟรี) ที่สำคัญ ประเทศเยอรมนีมีมหาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกมากมาย ซึ่งล้วนดึงดูดให้นักศึกษาต่างชาติอยากมาเรียนต่อ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เยอรมนีจะเป็นประเทศที่ค่าเล่าเรียนถูก แต่ค่าครองชีพยังค่อนข้างสูง โดยประมาณอยู่ที่ 350,000 บาทต่อปี

2.FRANCE

ค่าเทอมสำหรับนักศึกษาต่างชาติ : ประมาณ 120,000 ต่อปี

มหาวิทยาลัยที่ได้รับความนิยม : École Polytechnique, Sorbonne University, École Normale Supérieure de Lyon, Sciences Po Paris

นอกเหนือไปจากวัฒนธรรม ผู้คนและสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ประเทศฝรั่งเศสถือเป็นแหล่งบ่มเพาะนักปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์ และผู้มีชื่อเสียงมากมาย อีกทั้ง Sorbonne University ก็นับเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปอีกด้วย

ปัจจุบันนักศึกษาต่างชาติเริ่มหันมาให้ความสนใจศึกษาต่อประเทศฝรั่งเศสมากขึ้น เนื่องจากชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยและค่าเทอมการศึกษาที่ถูก (บางที่ฟรี!) ซึ่งเป็นแรงดึงดูดชั้นดีให้นักศึกษาเดินทางมาเรียนต่อที่นี่ โดยค่าเทอมอยู่ที่เพียง 120,000 บาทต่อปีเท่านั้น และบางสถานศึกษาอยู่ที่เพียง 7,000 – 10,000 บาทต่อปี ขณะที่ค่าครองชีพตลอดปี ตกอยู่ที่ราว 350,000 บาทต่อปี

3.FINLAND

ค่าเทอมสำหรับนักศึกษาต่างชาติ : ประมาณ 200,000 ต่อปี (ฟรีสำหรับนักศึกษาประเทศในกลุ่ม EU)

มหาวิทยาลัยที่ได้รับความนิยม : Tampere University, University of Oulu, University of Jyväskylä, Arcada University of Applied Sciences, University of Helsinki

ฟินแลนด์ ประเทศทางกลุ่มสแกนดิเนเวียที่มีความสวยงามทั้งทางสถาปัตยกรรมและธรรมชาติ โอบล้อมด้วยขุนเขาและป่าไม้ ฟินแลนด์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ค่าเทอมการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติไม่แพง อยู่ที่ประมาณ 250,000 บาทต่อปีเท่านั้น และฟินแลนด์เองก็มีทุนการศึกษาสนับสนุนนักศึกษาต่างชาติมากมาย และค่าครองชีพที่ฟินแลนด์ค่อนข้างแพง ตกอยู่ที่ราว 420,000 บาทต่อปี

4.HUNGARY

ค่าเทอมสำหรับนักศึกษาต่างชาติ : ประมาณ 70,000 ต่อปี (ฟรีสำหรับนักศึกษาประเทศในกลุ่ม EU)

มหาวิทยาลัยที่ได้รับความนิยม : Budapest University of Economic Sciences, Central European University, University of Szeged, Eötvös Loránd University

ฮังการี ประเทศที่มีกลิ่นอายยุโรปแบบย้อนยุค ทั้งทางวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และอาคารบ้านเรือน นักศึกษาต่างชาตินิยมมาศึกษาต่อที่ประเทศฮังการี ไม่เพียงเพราะหลงเสน่ห์ “Old Europe” เท่านั้น แต่เพราะค่าครองชีพและค่าเทอมที่แสนถูก ทำให้ฮังการีเป็นจุดหมายปลายทางของใครหลาย ๆ คน โดยที่ค่าเทอมการศึกษาเพียง 35,000 – 70,000 บาทต่อปี และค่าครองชีพตกเพียงเดือนละ ราว 17,500 ปีเท่านั้น (ประมาณ 210,000 บาทต่อปี) สำหรับใครที่มีงบไม่มาก และอยากเรียนต่อต่างประเทศ ฮังการีถือเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ เลยค่ะ

5.AUSTRIA

ค่าเทอมสำหรับนักศึกษาต่างชาติ : ประมาณ 30,000 – 50,000 บาทต่อปี

มหาวิทยาลัยที่ได้รับความนิยม : University of Vienna, Vienna University of Technology, Graz University of Technology, University of Innsbruck

ออสเตรีย ดินแดนแห่งธรรมชาติ โอบล้อมด้วยขุนเขาและทะเลสาบอันแสนโรแมนติก ที่นี่ถือเป็นจุดมุ่งหมายอันดับต้น ๆ ของนักศึกษาต่างชาติ เพราะเพียงแค่มีเงินหลักหมื่น ก็สามารถเข้าเรียนที่นี้ได้แล้ว และเมื่อเทียบกับประเทศยุโรปอื่น ๆ ก็ถือว่าค่าเทอมถูกมาก ๆ เพียงแค่เทอมละ 10,000 – 30,000 บาท เท่านั้น (ถูกว่าค่าเทอมที่ไทยอีก!) และค่าครองชีพของออสเตรียอยู่ที่ราว 420,000 บาทต่อปี

6.SPAIN

ค่าเทอมสำหรับนักศึกษาต่างชาติ : ประมาณ 70,000 บาทต่อปี

มหาวิทยาลัยที่ได้รับความนิยม : Pompeu Fabra University, University of Barcelona, Autonomous University of Madrid, University of Navarra

สเปน ประเทศในฝันของใครหลาย ๆ คนที่อยากมาสัมผัสสถาปัตยกรรมโบราณและศิลปวัฒนธรรม แต่อาจไม่ได้เป็นที่นิยมมากนักในหมู่นักศึกษาที่ต้องการไปเรียนต่อต่างประเทศ เพราะคิดว่าค่าเทอมต้องแพงแน่ ๆ แต่ที่จริงแล้ว ค่าเทอมของมหาวิทยาลัยรัฐในสเปนถูกมาก เพียงปีละ 50,000 -70,000 บาทเท่านั้น และมหาวิทยาลัยในสเปนเอง หลาย ๆ มหาวิทยาลัยก็มีชื่อเสียงระดับโลก ถ้าใครยังลังเล หรือไม่รู้จะไปเรียนที่ไหนดี สเปนก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ

การเรียนต่อต่างประเทศ ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากเสมอไป ถ้าเราเลือกประเทศและมหาวิทยาลัยให้ถูก ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้จำนวนมาก ทั้ง 6 ประเทศยุโรปที่แนะนำวันนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนงบน้อยที่อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ

และสำหรับใครที่กำลังจะไปเรียนต่อ หลาย ๆ มหาวิทยาลัยจะแนะนำหรือบังคับให้เราทำประกันการเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศไปด้วย สาเหตุที่ต้องทำก็เพราะว่าเมื่อเจ็บป่วย และเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้ว ค่ารักษาพยาบาลแพงเอาเรื่องเลยค่ะ แผนประกันการเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศ Overseas Student Care ของ Allianz Travel ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยคุ้มครองครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล ที่ทำให้เรามั่นใจ ไร้กังวล มีความสุขกับการเรียนได้อย่างเต็มที่แล้วค่ะ

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

7 ข้อ เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนไปเรียนต่อต่างประเทศ

การเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศเป็นจุดมุ่งหมายและความฝันของใครหลาย ๆ คนที่ต้องการหาความรู้เพิ่มเติม และความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เมื่อเราสมัครเรียนต่อและผ่านการคัดเลือกเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เราจะออกเดินทางนั้น ก็มีเรื่องให้เตรียมตัวอยู่พอสมควร อาทิ เรื่องเอกสาร การวางแผนการใช้จ่ายเงิน การจองที่พักและตั๋วเครื่องบินต่างๆ เป็นต้น Allianz Travel จึงขอชวนผู้อ่านที่กำลังเตรียมตัวไปเรียนต่อเมืองนอก มาสำรวจกันว่า ก่อนที่จะออกเดินทางจริง ต้องเตรียมพร้อมอย่างไรบ้าง

1.ซื้อตั๋วเครื่องบิน และหาที่พัก

เมื่อสมัครเรียน ได้รับการคัดเลือก และสมัครวีซ่าผ่านแล้ว ขั้นตอนแรกของการเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนไปเรียนนอก ก็คือการซื้อตั๋วเครื่องบินและหาที่พักนั่นเอง โดยปกติแล้ว เราจะจองตั๋วเครื่องบินก่อนเดินทางจริง ประมาณ 3 – 6 เดือน ซึ่งจะมีราคาถูกกว่าการจองแบบกระชั้นชิด ในขณะที่การหาที่พัก ถือเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร เพราะที่พักมีหลายแบบ และหลายราคาให้เลือก ตั้งแต่หอพักในแคมปัส หอพักใกล้แคมปัส อพาร์ทเมนท์แบ่งเช่า ไปจนถึงโฮมสเตย์ การเลือกที่พักควรคำนึงถึงความสะดวกสบาย และราคาเป็นหลัก เพราะราคาที่แพงเกินไป อาจทำให้เราต้องลดค่าใช้จ่ายจำเป็นในส่วนอื่น ๆ ลง และถ้าที่พักไกลจากแคมปัสมากเกินไป การเดินทางอาจไม่สะดวกสบาย และทำให้เสียเวลาเดินทางอีกด้วย

2.แลกเงินสด และวางแผนการเงินก่อนเดินทาง

อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการวางแผนการใช้เงินตลอดการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นค่าเทอม ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่ากิน ค่าของใช้ส่วนตัว ค่าหนังสือ ค่าเที่ยว และค่าอื่นๆ การวางแผนการใช้จ่ายก่อนเดินทาง จะทำให้เรารู้ว่าในแต่ละเดือน จะต้องใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ ซึ่งจะช่วยให้เราคุมงบตลอดปีได้ และก่อนออกเดินทาง อย่าลืมแลกเงินสดให้สามารถพกติดตัวอยู่ได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ และไปเปิดบัญชีธนาคารที่ต่างประเทศเมื่อไปถึง หรือจะใช้วิธีแลก Bank Draft หรือ Traveler’s Check ไว้ใช้ในระยะยาวก็ได้ อีกวิธีหนึ่งที่เป็นทางเลือกก็คือ การพกบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตจากประเทศไทยไปด้วย

3.เตรียมเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว และยาประจำตัว

เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว และยาประจำตัว ถือเป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวควรจะทำ Checklist ไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าต้องนำอะไรไปบ้าง จะได้ไม่ลืม เสื้อผ้าที่จะเตรียมไป ควรจะเตรียมไปโดยอิงจากสภาพอากาศของประเทศที่จะไป ถ้าไปประเทศแถวยุโรปและอเมริกา เสื้อกันหนาวเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย และที่สำคัญ อย่าลืมพวกอุปกรณ์ปลั๊กพ่วง ที่ควรจะพก Universal Plug ไปเผื่อด้วย ขณะที่ยาประจำตัว เป็นสิ่งที่ลืมไม่ได้เด็ดขาด เพราะว่าบางประเทศ การจะซื้อยาได้ ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น จึงเป็นเรื่องที่ลำบากมาก ๆ ยาที่ควรพกติดตัวไปด้วย อาทิ ยาแก้หวัด ยาแก้ปวดหัว ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้แพ้ เป็นต้น ถ้ามีเอกสารทางการแพทย์ที่ระบุถึงโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องทานประจำ ก็ควรจะพกติดตัวไปด้วยครับ

4.เตรียมเอกสารสำคัญต่างๆ

ก่อนเดินทางจริง ควรรีเช็กให้แน่ใจว่าไม่ลืมเอกสารสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพาสปอร์ต เอกสารการเรียนต่าง ๆ บัตรประชาชน หรือเอกสารอื่น ๆ ที่ระบุตัวตน เอกสารเหล่านี้สำคัญมาก ๆ ถ้าลืมก็อาจทำให้เกิดความยุ่งยากตามมาอีกมาก

5.วางแพลนเที่ยว หรือหางานพิเศษทำ

แน่นอนว่าเมื่อไปเรียนต่อต่างประเทศ หลายคนก็อยากที่จะไปเที่ยวตามสถานที่ใหม่ ๆ และหาประสบการณ์ ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยพบมาก่อนโดยปกติแล้ว จะมีทั้งหมด 3 ช่วงให้เราได้วางแพลนเที่ยวยาว ๆ ช่วงแรกคือช่วง Reading Week ซึ่งจะเป็นสัปดาห์ที่ให้นักศึกษาหยุดเพื่ออ่านหนังสือสอบ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ช่วงที่สองคือช่วงปิดเทอมเล็ก และช่วงที่สามคือช่วงปิดเทอมใหญ่ นอกจากนี้ สำหรับใครที่ไม่ชอบเที่ยว แต่อยากหางานพิเศษทำ ก็ควรศึกษาแต่เนิ่น ๆ ตั้งแต่ที่ไทยว่า มหาวิทยาลัยหรือแคมปัสที่จะไป โดยรอบบริเวณ มีเปิดรับสมัครพาร์ทไทม์ที่ไหนบ้าง รายได้ต่อชั่วโมงเท่าไหร่ เมื่อไปถึง เราจะได้ไม่เสียเวลามาหาที่ทำงานพิเศษอีกรอบ ไปเรียนต่อเมืองนอกทั้งที การวางแพลนเที่ยว และหางานพิเศษทำ ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่ควรพลาดครับ

6.ทำความรู้จักวัฒนธรรมและประเพณีของประเทศที่จะเดินทางไป

เมื่อเราเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรทำการบ้านให้พร้อมก่อนออกเดินทางก็คือ การทำความรู้จักวัฒนธรรมและประเพณีของแต่ละประเทศเบื้องต้น ถ้าเราเข้าใจวัฒนธรรมและประเพณีแล้ว จะช่วยลดการเกิด Culture Shock ณ ประเทศที่เราจะเดินทางไปเรียนต่อได้ อาทิ การเข้าใจวัฒนธรรมการใช้มือกินข้าวของคนอินเดีย-มาเลเซีย หรือการนับถือศาสนาอิสลามเป็นศาสนาหลักในบางประเทศ การรู้วัฒนธรรมเหล่านี้ล่วงหน้า จะช่วยให้เราเตรียมพร้อม และปรับตัวได้ไวขึ้น

7.ซื้อประกันการเดินทาง

ข้อสุดท้าย ซึ่งถือเป็นข้อสำคัญมาก ๆ และไม่ควรมองข้าม คือการซื้อประกันการเดินทาง หลาย ๆ ประเทศ จะบังคับว่านักศึกษาต้องซื้อประกันการเดินทางไปด้วย และอีกหลาย ๆ ประเทศแนะนำให้ซื้อประกันการเดินทางก่อนไป เมื่อเราไปอยู่อาศัย ณ ประเทศปลายทางแล้ว เราไม่มีทางรู้เลยว่าจะเกิดอุบัติเหตุเมื่อไหร่ ถ้าเราไม่มีประกันการเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศแล้ว อุบัติเหตุบางเคส อาจจะเสียค่ารักพยาบาลเป็นล้าน! และสำหรับคนที่ซื้อประกันแล้ว เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ก็เพียงนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง มาเคลมประกันที่ทำไว้ได้เลย แค่นี้ก็สบายใจ หายห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาลแล้วครับ

เมื่อเตรียมตัวพร้อมทั้ง 7 ข้อแล้ว ก็ถึงเวลาออกเดินทางไปศึกษาต่อได้อย่างสบายใจแล้วครับ อย่าลืมนะครับว่า ประกันการเดินทางสำคัญมาก ไม่ว่าจะเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างศึกษาต่อ ประกันการเดินทางก็จะช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันการเดินทางสำหรับศึกษาต่อต่างประเทศอยู่ Allianz Travel มีแผนประกันการเดินทาง Overseas Student Care ที่จะคุ้มครองครอบคลุมถึงค่ารักษาพยาบาล เพียงเท่านี้ก็มั่นใจ ไร้กังวล มีความสุขกับการเรียนได้อย่างเต็มที่แล้วครับ

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

แค่แขนหักที่อเมริกา ค่ารักษา 1.3 ล้านบาท

น้องๆ หลายคนมีความฝันอยากไปเรียนต่อต่างประเทศเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ ได้เพื่อนใหม่ๆ ได้ฝึกภาษา ประเทศยอดฮิตจะหนีไม่พ้น อเมริกา อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งผู้ปกครองต้องจัดเตรียมค่าเทอม ค่าหอพัก ค่าใช้จ่ายประจำวัน แล้วค่ารักษาพยาบาลล่ะเตรียมไว้พอหรือยัง?

วันนี้ขอยกเคสจริงของนักเรียนที่ไปศึกษาต่อในอเมริกาแล้วเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มแขนหัก ต้องผ่าตัดและรักษาตัวในโรงพยาบาล แค่ 4 วัน ค่ารักษาสูงถึง 1.3 ล้านบาท ถ้าต้องจ่ายเองคงแย่แน่ แต่โชคดีที่น้องเค้ามีประกันภัยการเดินทาง Overseas Student Care จ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ เคสนี้จ่ายค่าเบี้ยประกันเพียง 26,799 บาทเอง

อย่าคิดว่าเรื่องเจ็บป่วยเป็นเรื่องไกลตัว ถึงแม้สุขภาพจะแข็งแรง แต่เรื่องอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยมันกำหนดไม่ได้ มีประกันภันภัยการเดินทางสำหรับนักเรียนไว้ อุ่นใจกว่า

ALLIANZ TRAVEL ขอแนะนำประกันภัยการเดินทาง OVERSEAS STUDENT CARE เบี้ยประกันเริ่มต้นแค่ 4,789 บาท ได้ค่ารักษาตั้ง 2 ล้าน!! ซื้อเถอะ ดีกว่าไม่ซื้อแล้วเห็นบิลมาน้ำตาไหล ความคุ้มครองหลักๆ ได้แก่

  • ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุและเจ็บป่วยในต่างประเทศ สูงสุด 5,500,000 บาท
  • ค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องในประเทศไทย (ภายใน 12 ชั่วโมง) สูงสุด 550,000 บาท
  • ค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทย กรณีเดินทางกลับบ้านเป็นการชั่วคราว สูงสุด 200,000 บาท
  • การเคลื่อนย้ายฉุกเฉินทางการแพทย์ สูงสุด 5,500,000 บาท
  • ผลประโยชน์ชดเชยการสูญเสียค่าเล่าเรียน สูงสุด 300,000 บาท

ซื้อเลยวันนี้ รับฟรีกระเป๋า Travel Mate วันนี้ – 30 ก.ย. 2562

อย่าลืมกลับมาลงทะเบียนรับกระเป๋าที่นี้ – HTTP://BIT.LY/TRAVELSET2

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา