romantic-marriage-proposal-places

5 สถานที่สุดโรแมนติก สำหรับขอแต่งงาน

การที่มีคนที่เรารักมาทำเซอร์ไพรส์ขอเราแต่งงานคงเป็นอีกหนึ่งความฝันของใครหลายๆ คน ซึ่งก่อนอื่นการทำเซอร์ไพรส์ขอคนรักแต่งงานคงต้องวางแผนหาสถานที่สุดโรแมนติกเพื่อสร้างความประทับใจให้กับคนรัก ในวินาทีที่สำคัญเช่นนี้ วันนี้ Allianz Travel ขอนำเสนอ 5 สถานที่สุดโรแมนติกสำหรับการขอแต่งงาน มีที่ไหนบ้าง เรามาดูกันเลย

1. หอไอเฟล – ฝรั่งเศส (Eiffel)

หนึ่งในสถานที่สุดโรแมนติกที่ต้องอยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน ด้วยบรรยากาศโดยรอบ และตัวหอไอเฟลที่มีความโดดเด่น ทำให้คู่รักหลากหลายคู่เลือกที่จะมาสารภาพรัก หรือขอแต่งงานกันที่สถานที่แห่งนี้

2. สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ – ฝรั่งเศส (Disneyland)

หลายคนคงกำลังคิดว่าสวนสนุกจะสร้างความโรแมนติกได้ยังไง? แต่หากคุณได้มาเยือน ปราสาท Sleeping Beauty ปราสาทสีชมพูสุดอลังการแห่งสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ในกรุงปารีส ก็จะเข้าใจถึงความโรแมนติกนี้ เพราะบรรยากาศโดยรอบที่ราวกับอยู่ในเทพนิยาย ทำให้หลายๆ คู่รักเลือกที่จะมาขอแต่งงานกันที่นี่

ขอบคุณรูปภาพจาก : 20 Secrets Of The Sleeping Beauty Castle At Disneyland Paris

3. ปราสาทนอยชวานสไตน์ – เยอรมนี (Neuschwanstein Castle)

ขึ้นชื่อว่าเป็นปราสาทแห่งเทพนิยาย ทำให้การขอแต่งงานที่ปราสาทแห่งนี้ทำให้ได้บรรยากาศและอารมณ์ของการเป็นเจ้าหญิง และเจ้าชายกันเลย

4. สะพานชาร์ลส์ – สาธารณรัฐเช็ก (Charles Bridge)

สะพานหินโค้งเก่าแก่ตั้งอยู่ภายในกรุงปราก เนื่องจากมีทัศนียภาพอันแสนสวยงาม ทำให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวชอบมาเซอร์ไพรส์ขอคนรักแต่งงาน

5. เมืองเวนิส – อิตาลี (Venice)

เมืองที่มีความโรแมนติกแทรกตัวอยู่ตามสถาปัตยกรรมต่างๆ ของเมือง อีกทั้งยังมีบริการเรือกอนโดลาให้คู่รักนั่งชมทัศนียภาพของเมือง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการขอคนรักแต่งงาน

หากถึงเวลาที่ต้องขอคนรักแต่งงาน 5 สถานที่สุดโรแมนติก ที่ Allianz Travel นำเสนอ ก็สามารถใช้เป็นตัวเลือกสำหรับสถานที่ ที่คุณสามารถสร้างความประทับใจที่ยากจะลืมเลือนให้กับคนรักของคุณได้นะคะ : )

เดินทางกับคนที่คุณรัก แผนการเดินทางไม่สะดุด คุ้มครองค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ถ้ามีประกันภัยการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

christmas travel locations

10 สถานที่น่าเที่ยวช่วงคริสต์มาส

เทศกาลคริสต์มาสใกล้เข้ามาแล้ว หลายคนคงนึกถึงเทศกาลแห่งความสนุกสนาน หิมะสีขาว รวมถึงช่วงเวลาแห่งการหยุดพักผ่อน และการได้เฉลิมฉลองกับครอบครัว Allianz Travel เลยอยากแนะนำเพื่อนๆ ไปเยี่ยมชม 10 สถานที่ที่มีมนต์เสน่ห์แห่งเทศกาลเฉลิมฉลองคริสต์มาสที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกันค่ะ

1. สวนแห่งดวงดาว (Starlight Garden) กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

สถานที่ที่หนุ่มสาวคู่รักจะจูงมือกันไปชมทะเลดวงดาวสวยงามตระการตาจากการประดับไฟนับล้านดวง

2. แมนฮัตตัน นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส นครนิวยอร์กจะเต็มไปด้วยการประดับตกแต่งด้วยสีเขียวและสีแดงมากมายทั่วเมือง โดยมีแมนฮัตตันเป็นหัวใจหลักในการจัดงาน

3. อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์

บ้านเกิดของเซนต์นิโคลัส หรือซานตาคลอส ซึ่งในทุกๆ ปีจะมีขบวนพาเหรดซานตาคลอส เพื่อระลึกถึงนักบุญขวัญใจเด็กๆ ทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีเทศกาลไฟประดับ (Light Festival) ที่จัดขึ้นให้ชาวเมือง และนักท่องเที่ยวได้ชมกันอย่างเพลิดเพลิน

4. หมู่บ้านซานตาคลอส (Santa Clause Village) เมืองแลปแลนด์ ประเทศฟินแลนด์

หมู่บ้านน่ารัก สวยงามที่ทุกคนจะได้พูดคุยกับซานตาคลอส และได้ชิมขนมและอาหารประจำเทศกาลแห่งความสุขนี้ รวมไปถึงการเลือกซื้อของฝากที่ระลึกประจำเทศกาลน่ารักๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านกันอีกด้วย

5. กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ถึงแม้ว่ากรุงลอนดอนจะมีการฉลองคริสต์มาสที่สั้นกว่าประเทศอื่นๆ เพราะสิ้นสุดแค่วันที่ 24 ธันวาคม หรือคริสต์มาสอีฟ แต่ก็ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการชมเมืองยามค่ำคืนที่มีการประดับไฟสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งได้ตลอดเวลา

6. เมืองควิเบก ประเทศแคนาดา

อีกหนึ่งเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งหากเดินทางมาเที่ยวช่วงคริสต์มาสแล้ว นอกจากจะได้ชมการตกแต่งเมืองที่สวยงาม เพื่อนๆ ก็ยังจะได้ลิ้มลองขนม อาหาร และเครื่องดื่มประจำเทศกาลสไตล์ยุโรปเก่าแก่อีกด้วย

7. เมืองเรคาวิก ประเทศไอซ์แลนด์

จะมีการจำลองเมืองทั้งเมืองให้เหมือนเมืองในเทพนิยาย และมีหมู่บ้านคริสต์มาสที่จะเปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ตลอดเดือนธันวาคม นอกจากนี้ยังมีการก่อกองไฟ และจุดดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองในช่วงปีใหม่อีกด้วย

8. ตลาดสินค้าคริสต์มาส กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย

เริ่มจัดเทศกาลคริสมาสตร์ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน จนถึงวันคริสต์มาส มีสิ่งของให้จับจ่ายและอาหารให้เลือกชิมมากมาย เช่น ขนมปัง วาฟเฟิล ไส้กรอกย่าง และไวน์ เป็นต้น

9. ตลาดคริสต์มาสแห่งนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน

เป็นตลาดที่เก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1393 มีการตกแต่งสถานที่อย่างสวยงาม มีร้านค้ามากมายถึง 200 ร้านค้าที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แฮนด์เมดและสิ่งของเกี่ยวกับคริสต์มาสมากมาย

10. ตลาดคริสต์มาสแห่งเมืองนูเรมเบิร์ก อีกหนึ่งที่เที่ยวช่วงเทศกาลคริสต์มาสแห่งประเทศเยอรมัน

ซึ่งเป็นเมืองต้นตำรับแห่งการทำขนมผิง โดยจะมีร้านค้ามากถึงเกือบ 200 ร้านค้ามาจำหน่ายของสินค้าที่มีแค่เฉพาะที่นี่ รวมทั้งอาหารและขนมที่จะมีขายปีละครั้งในเทศกาลคริสต์มาสเท่านั้น

เป็นยังไงกันบ้างคะกับ 10 สถานที่น่าเที่ยวช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองคริสต์มาส ที่เราได้พาไปเยี่ยมชมกัน Allianz Travel หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อนๆ ทุกคนจะมีความสุขในเทศกาลคริสต์มาสในปีนี้นะคะ

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

6-steps-for-travel-planing

6 ขั้นตอนวางแผนเที่ยวให้สนุก และคุ้มค่า

ทุกการเดินทางควรต้องมีการเตรียมพร้อม และวางแผนการเดินทางไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ทริปไปต่างประเทศของเราผ่านไปอย่างราบรื่น สนุก คุ้มค่ากับเวลา และค่าใช้จ่ายที่เสียไป Allianz Travel ขอแนะนำ 6 ขั้นตอนการวางแผนเที่ยวให้สนุกและคุ้มค่าสำหรับเพื่อนๆ นักเดินทางของเรา

1. วางแผนเรื่องผู้เดินทาง ระยะเวลา และค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็น 3 ปัจจัยหลักในการจัดทริป เริ่มจากหาผู้ร่วมเดินทางที่มีความสนใจในสิ่งที่คล้ายคลึงกับเรา วางแผนวันเดินทางให้สอดคล้องกับวันลา สำหรับคนที่ทำงานประจำและเลือกช่วงฤดูของสถานที่ที่เราเดินทางไปท่องเที่ยวให้เหมาะสม และวางแผนเรื่องการเงินไว้ตามงบประมาณที่เราได้ตั้งไว้

2. หาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่เราจะเดินทางไปให้ครบถ้วน ศึกษาวิธีการเดินทาง และเวลาเปิด-ปิด เพื่อประมาณระยะเวลาที่เราต้องใช้กับสถานที่นั้นๆ เพื่อนำมาวางแผนการเดินทางแต่ละวันได้

3. จองตั๋วเครื่องบิน และที่พักให้เหมาะสมกับงบประมาณท่องเที่ยวที่เรากำหนดไว้ โดยพิจารณาจากรีวิว และตำแหน่งของที่พักกับสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งในปัจจุบันสามารถหาข้อมูลในส่วนนี้ได้ง่ายมากๆ 

4. จัดการวางแผนการเดินทางจากที่พักสู่สถานที่ท่องเที่ยวเอาไว้ล่วงหน้า หากต้องมีการจองตั๋วรถไฟ รถบัส หรือเช่ารถล่วงหน้า ก็จะทำแผนการท่องเที่ยวของเรามีแบบแผนมากขึ้น

5. แลกเงิน และจัดการเรื่องอินเทอร์เน็ตให้เรียบร้อย โดยคำนวณตามค่าใช้จ่ายที่เราต้องใช้ในแต่ละวัน ซึ่งเราอาจใช้เงินสดร่วมกับการใช้บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ที่สามารถกดเงินสดผ่านตู้ ATM ในต่างประเทศได้ ส่วนเรื่องอินเทอร์เน็ตก็ให้วางแผนการใช้ซิมที่จะใช้ในต่างประเทศให้เรียบร้อย เพราะอินเทอร์เน็ตสำคัญมากในการติดต่อโรงแรม หรือเอาไว้สำหรับดูแผนที่

6. จัดเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าให้เหมาะกับฤดูกาลและสถานที่ที่จะเดินทางไป และอย่าลืมยารักษาโรคต่างๆ ทั้งยาสามัญและยาประจำตัว

การวางแผนการเดินทางเป็นอย่างดี จะช่วยให้ทริปของคุณราบรื่น สนุก และคุ้มค่า และที่สำคัญต้องไม่ลืมตัวช่วยสำคัญที่จะเข้ามาช่วยจัดการ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขณะเดินทาง เพื่อให้อุ่นใจกับทริปท่องเที่ยวต่างประเทศของคุณมากยิ่งขึ้น มาเลือกซื้อ ประกันภัยการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel ที่พร้อมดูแลคุณ 24 ชม. ทั่วโลกกันนะคะ 🙂

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

Applications for travel aboard

เที่ยวที่ไหนก็รอด! 8 แอปฯ แนะนำ สำหรับทริปต่างประเทศ

การจัดทริปเที่ยวต่างประเทศเอง ไม่ว่าจะเที่ยวแบบ backpack, เที่ยวเป็นคู่, เที่ยวยกแก๊งเพื่อน หรือเที่ยวกับครอบครัว ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีที่จะช่วยให้การเดินทางท่องเที่ยวของเราสะดวกสบายมากขึ้น Allianz Travel ขอแนะนำ 8 แอปพลิเคชันสำหรับทริปเที่ยวต่างประเทศ ที่ใช้งานง่าย สะดวกทั้งระบบ iOS และ Android ทำให้คุณอุ่นใจไร้กังวลตลอดการเดินทางเลยค่ะ

1. MAP.ME

เป็นแอปพลิเคชันแผนที่แบบ offline พูดง่ายๆ คือ เราสามารถใช้งานแอปฯ นี้ดูแผนที่ได้แบบไม่ต้องพึ่งพาเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเลย Map.me จะช่วยให้เราวางแผนการเดินทางเพื่อไม่ให้พลาดสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจรอบๆ พื้นที่ได้ ด้วยการรวบรวมข้อมูลของหลายประเทศทั่วโลก เราสามารถใช้งานแอปฯ นี้ ในประเทศไหนก็ได้ ข้อมูต่างๆ มีการอัพเดทตลอดเวลา ไม่ต้องกลัวเลยว่า จะตกเทรนด์หรือประสบปัญหาการหลงทางเลยค่ะ ยิ่งกว่านั้น Map.me มีตัวช่วยในการค้นหาโรงแรม, ร้านอาหารและคาเฟ่, การขนส่งสาธารณะ ฯลฯ อีกด้วย

2. SPLITWISE

หากคุณเคยประสบปัญหาเรื่องการจัดการบิล หรือค่าใช้จ่ายเวลาไปเที่ยว แอปพลิเคชัน Splitwise ถือว่าตอบโจทย์ และช่วยแก้ไขความยุ่งยากนี้ได้แน่นอน การใช้งานแอปฯ ก็แสนง่าย ไม่ซับซ้อน เราสามารถบันทึก, จัดหมวดหมู่, แบ่งสัดส่วนค่าใช้จ่ายได้อย่างอิสระ สำหรับใครที่มีหลายทริป เที่ยวกับเพื่อนหลายกลุ่ม เราก็สามารถตั้งกลุ่มเฉพาะทริปหรือกิจกรรมนั้นๆ ได้ สามารถดาวน์โหลด๊เป็นไฟล์ .csv ได้ด้วย พร้อมมีสกุลเงินที่รองรับมากกว่า 100 ประเทศ ก่อนไปเที่ยวจริง เราโหลดแอปฯ นี้ไปทดลองใช้กับปาร์ตี้เล็กๆ ของเรากับแก๊็งเพื่อนได้นะคะ

3. XE-CURRENCY

แอปพลิเคชันสำหรับการจัดการเงินระหว่างประเทศ ที่ทั้งสามารถทำได้ในขั้นตอนเดียว ไม่ว่าจะเป็นการตรวจอัตราสกุลเงินกลางของตลาด, การแปลงสกุลเงินเพื่อโอนเงินไปต่างประเทศ พร้อมตรวจสอบสถานะการโอนเงินได้เลยทันทีในแอปฯ นี้ ไม่ต้องลำบากเช็กที่ธนาคาร นอกจากนี้ แอปฯ XE-Currency สามารถใช้งานได้แบบออฟไลน์ไม่ต้องใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตนะคะ

4. ITRANSLATE

เวลาไปเที่ยวต่างประเทศ เราอาจจะพบเจอปัญหาเรื่องการสื่อสาร การอ่านป้ายในภาษาที่เราไม่คุ้นเคย ดังนั้น iTranslate จึงเป็นแอปฯ แปลภาษาที่ตอบโจทย์อย่างมาก เพราะใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตหรือโรมมิ่งใดๆ และมีภาษารองรับมากกว่า 100 ภาษาทั่วโลก โดยเราสามารถพิมพ์ประโยคสนทนา หรือจะใช้คำสั่งเสียงแทนการพิมพ์ก็ได้ นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ Pro features อีกด้วย เช่น ใช้กล้องถ่ายภาพสแกนป้าย, แปลบทสนทนาแบบเสียง-ต่อ-เสียงได้แบบทันที, การผันรูปประโยคตามการสนทนา ฯลฯ

5. SKYSCANNER

แอปพลิเคชันสำหรับทริปต่างประเทศ ที่ครบครันตั้งแต่การค้นหาสถานที่ท่องเที่ยว, ที่พัก/โรงแรม, จองเครื่องบิน, เช่ารถ ฯลฯ ให้เราวางแผนการท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้น ในราคาที่ดีที่สุด พร้อมกับโปรโมชั่นที่พักที่ดีที่สุดให้ผู้ใช้งานอย่างเรา ที่สำคัญคือ ไม่บวกค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมด้วย ใครที่มองหาตัวช่วยในการวางแผนเดินทาง แบบแอปฯ เดียวจบ แนะนำให้ดาวน์โหลด Skyscanner ติดโทรศัพท์ไว้เลยนะคะ

6. MOMONDO

แอป Momondo เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คล้ายกับแอป Skyscanner จุดเด่นของแอปพลิเคชันนี้คือ การค้นหาและเปรียบเทียบราคาที่พัก/ตั๋วเครื่องบินที่รวดเร็ว ใช้งานง่าย หน้าตาแอปฯ สวยงามและฟรี เหมาะสำหรับการวางแผนทริปท่องเที่ยวที่มีงบประมาณจำกัด เราสามารถตั้งค่าตัวเลือกการค้นหาที่โดนใจเรา และยังสามารถบันทึกหรือเชื่อมต่อประวัติการค้นหาของเราเก็บไว้ในโทรศัพท์หรืออุปกรณ์อื่นได้อีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งแอปฯ ที่คำนึงถึงผู้ใช้งานอย่างมากเลยค่ะ

7. POCKET

เชื่อว่าหลายคนที่จัดทริปไปต่างประเทศ คงต้องมีการวางแผนก่อนเดินทางเสมอ โดยเฉพาะการหาบทความรีวิวจากเว็บไซต์, วิดีโอ, ข่าวสารหรือโซเชียลมีเดียต่างๆ มากมายจนจำไม่ได้ว่าเก็บไว้ที่ไหนบ้าง แอปพลิเคชัน POCKET จะเข้ามาช่วยเราเข้าถึงและจัดเก็บเว็บไซต์, บทความ, โพสต์ที่เราสนใจจากโซเชียลมีเดียเอาไว้ในแอปฯ เดียว และสามารถเอาออกมาอ่านได้ในภายหลังแบบออฟไลน์ ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในที่ที่ไม่มีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตก็ตาม รับรองว่าสะดวกและประหยัดเวลามากขึ้นด้วยค่ะ

8. ROME2RIO

Rome2rio เป็นแอปพลิเคชันที่เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการเดินทางเองด้วยขนส่งสาธารณะตอนไปเที่ยวต่างประเทศ ที่รวมตัวเลือกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวบิน, รถไฟ, รถบัส, เรือเฟอร์รี่ และรถเช่า เป็นต้น เราสามารถวางแผนการเดินทางในแต่ละวันผ่านแอปฯ นี้ได้เลย รวมถึงการเช็กตารางรถสาธารณะได้แบบ real-time และใช้ได้มากกว่า 160 ประเทศทั่วโลก

เป็นอย่างไรบ้างคะ? กับ 8 แอปพลิเคชันที่เรานำมาฝากกัน อย่าลืมโหลดไว้ในโทรศัพท์มือถือก่อนเดินทางนะคะ และเพื่อให้อุ่นใจกับทริปท่องเที่ยวต่างประเทศของคุณยิ่งขึ้น มาเลือกซื้อประกันการเดินทางจาก Allianz Travel ที่พร้อมดูแลคุณ 24 ชม. ทั่วโลก

ขอบคุณข้อมูลจาก
The 10 Best Travel Apps for 2021
15 Essential Travel Apps for backpackers

ขอบคุณรูปภาพจาก
Google Play

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

๊Universities in New Zealand with Scholarship

จัดเต็ม! 8 มหาวิทยาลัยในนิวซีแลนด์ พร้อมทุนการศึกษา

Allianz Travel จะมาแนะนำ 8 มหาวิทยาลัยในประเทศนิวซีแลนด์ ที่มีความน่าสนใจ มีบรรยากาศน่าเรียน และมีทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนและนักศึกษาต่างชาติอย่างเราด้วย

1. UNIVERSITY OF CANTERBURY

รูปภาพจาก : https://www.canterbury.ac.nz/

มหาวิทยาลัย Canterbury เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยอายุกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Christchurch ที่นี่ให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์การเรียนและทำงานให้แก่นักศึกษา เพื่อให้เติบโตในสายงานของตนเองได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังมีองค์กรดูแลนักศึกษาต่างชาติในเรื่องต่างๆ อย่างเช่น วีซ่า, ชมรมนักศึกษา, การหาที่พัก, การให้คำปรึกษาระหว่างเรียน, ทุนเรียนต่อ ฯลฯ ซึ่งช่วยให้นักศึกษาต่างชาติรู้สึกสบายใจและอุ่นใจมากขึ้น เมื่อมาเรียนต่อในต่างประเทศ

ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติ: มีประเภทของทุนที่หลากหลาย เช่น ทุนค่าเล่าเรียน, ทุนช่วยเหลือค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่มีผลการเรียนดี, รางวัลความเป็นเลิศทางวิชาการ, กองทุนหรือมูลนิธิเพื่อนักศึกษา ฯลฯ

ค่าเรียนต่อปี : เริ่มต้น 28,000 NZD หรือประมาณ 625,000 บาท (สำหรับ 120 หน่วยกิต)

2. MASSEY UNIVERSITY

รูปภาพจาก : https://www.massey.ac.nz/

มหาวิทยาลัย Massey ติดอันดับ 1 ใน 5 มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศนิวซีแลนด์ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1879 โดยเริ่มจากเป็นวิทยาลัยเกษตรกรรมมาก่อน ปัจจุบันมีวิทยาเขตทั้งหมด 3 แห่ง เป็นมหาวิทยาลัยเดียวในนิวซีแลนด์ที่เปิดการเรียนการสอนสาขาการบินด้วย และคณะที่มีชื่อเสียงคือคณะสัตวศาสตร์และวิทยาศาสตร์นาโน ที่นี่มีคอร์สเปิดมากมายตั้งแต่การเรียนปรับภาษาอังกฤษ, ระดับปริญญาตรีไปจนถึงระดับปริญญาเอก (เปิดเฉพาะคณะแพทยศาสตร์) รวมถึงมีหอพักนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัยด้วย

ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติ: มีทั้งช่วยเรื่องค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ทุน George Terry Memorial, ทุนความเป็นเลิศทางวิชาการ, ทุนช่วยเหลือของแต่ละภาควิชา, ทุนสถานทูต ฯลฯ

ค่าเรียนต่อปี : เริ่มต้น 27,330 NZD หรือประมาณ 608,000 บาท (สำหรับ 120 หน่วยกิต)

3. UNIVERSITY OF AUCKLAND

รูปภาพจาก : https://www.auckland.ac.nz/

มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของนิวซีแลนด์และยังติดอยู่ใน Top 50 มหาวิทยาลัยโลกด้วย (จัดอันดับโดย QS World University Ranking) ในสาขาวิชาโบราณคดี, ศึกษาศาสตร์, พยาบาลศาสตร์, ภูมิศาสตร์, และศิลปะการแสดง มีวิทยาเขตทั้งหมด 8 แห่ง (รวม Marine campus และ Wine science centre) มหาวิทยาลัยให้การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของนักศึกษาเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าสนับสนุนให้นักศึกษาเต็มที่ทั้งการเรียนและการใช้ชีวิตเลยทีเดียว

ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติ: ให้ตั้งแต่นักศึกษาระดับปริญญาตรี-โท-เอก และยังมีทุนสำหรับนักเรียนต่างชาติของแต่ละคณะ/สาขาวิชาด้วย เช่น ทุนสำหรับนักเรียนชนชาติเอเชีย, ทุนสำหรับงานวิจัย, รางวัลผู้ชนะการประกวดต่างๆ ฯลฯ

ค่าเรียนต่อปี : เริ่มต้น 33,894 NZD หรือประมาณ 757,000 บาท (สำหรับ 120 หน่วยกิต)

4. LINCOLN UNIVERSITY

รูปภาพจาก : https://www.lincoln.ac.nz/

หนึ่งในมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของประเทศนิวซีแลนด์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1880 เดิมเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย Canterbury แต่แยกตัวออกมาในปี 1990 มหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักศึกษาต่างชาติ โดยเฉพาะการเรียนการสอนเกี่ยวกับการเกษตรและป่าไม้ ที่มีการผสมผสานนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ เพื่อพัฒนาและสนับสนุนการเกษตรและสิ่งแวดล้อมได้อย่างลงตัว ที่นี่มีเพียง 1 วิทยาเขต เรียกว่า “Te Waihora” อยู่ห่างจาก Christchurch มาเล็กน้อย

ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติ: ทุนช่วยเหลือค่าเล่าเรียนระดับปริญญาโท (เกือบทุกคณะ), ทุน Leaver, ทุนด้านวิชาการและภาษาอังกฤษ เป็นต้น

ค่าเรียนต่อปี : เริ่มต้น 29,100 NZD หรือประมาณ 647,000 บาท (สำหรับ 120 หน่วยกิต)

5. AUCKLAND UNIVERSITY OF TECHNOLOGY (AUT)

รูปภาพจาก : https://www.aut.ac.nz/

ก่อตั้งปี 1895 ในชื่อ Auckland Technical School และได้เปลี่ยนมาเป็นมหาวิทยาลัยในปี 2000 ปัจจุบันมีวิทยาเขตทั้งหมด 3 แห่ง ถึงแม้จะมีคณะและสาขาเปิดไม่มากนัก แต่ที่นี่ก็ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากจากนักศึกษาต่างชาติ ทั้งการดีไซน์อาคารเรียนที่สวยงาม ทันสมัย, บรรยากาศการเรียนสนุกสนาน และยังมีพัฒนาการเรียนการสอนอยู่เสมอ สังเกตได้จากการไต่ขึ้นอันดับมหาวิทยาลัยโลกที่มีการปรับขึ้นอยู่เรื่อยๆ

ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติ: มีทั้งจากมหาวิทยาลัยเอง และกระทรวงการต่างประเทศด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มโอกาสทางการศึกษามากทีเดียว เช่น ทุน NZAID, ทุนงานวิจัยระดับปริญญาเอก, ทุนของสถานทูตของแต่ละประเทศ ฯลฯ

ค่าเรียนต่อปี : เริ่มต้น 30,092 NZD หรือประมาณ 672,000 บาท (สำหรับ 120 หน่วยกิต)

6. UNIVERSITY OF OTAGO

รูปภาพจาก : https://www.otago.ac.nz/

มหาวิทยาลัย Otago เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดของนิวซีแลนด์ ตั้งอยู่ใน Dunedin ทางตอนใต้ของนิวซีแลนด์ จุดเด่นของมหาวิทยาลัยนี้ คือ คณะ/สาขาหลากหลาย, การเรียนการสอนที่ทันสมัยและคณาจารย์ที่เก่งมาก จนได้รับรางวัล Prime Minister’s Supreme Award for Teaching Excellence ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกระดับ world-class ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุด, ห้องเรียน-แล็บ, ลานกิจกรรม ฯลฯ

ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติ: มีทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาต่างชาติสูงถึง 15,000 NZD/ปี และทุนการศึกษาอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เช่น ทุนเดินทางทำวิจัยสำหรับนักศึกษาปริญญาเอก, ทุนงานวิจัย, ทุนช่วยเหลือค่าเล่าเรียน, ทุนสำหรับผู้ที่ศึกษาวิชาประวัติศาสตร์, รางวัลสำหรับนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ฯลฯ

ค่าเรียนต่อปี : เริ่มต้น 27,156 NZD หรือประมาณ 607,000 บาท (สำหรับ 120 หน่วยกิต)

7. UNIVERSITY OF WAIKATO

รูปภาพจาก : https://www.waikato.ac.nz/

มหาวิทยาลัย Waikato ก่อตั้งขึ้นในเมือง Hamilton มายาวนานกว่า 60 ปีและปัจจุบันมีวิทยาเขตแห่งใหม่ในเมือง Tauranga เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีแนวคิดก้าวหน้าและนวัตกรรม ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่อนาคต นักศึกษาจะได้รับการศึกษาอันเป็นสากลที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมการวิจัยอันเป็นเลิศ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ถือเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในการผลิตบุคลากรเก่งๆ มากมายของประเทศนิวซีแลนด์ ตั้งแต่คณาจารย์ไปจนถึงผู้บริหารของประเทศ ที่นี่มีหอพักในสำหรับนักศึกษาที่สวยและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติ: อาทิเช่น ทุนเรียนดีสำหรับผู้ที่สมัครเรียนครั้งแรก (มูลค่าสูงถึง 10,000 NZD), ทุนการศึกษาของมูลนิธิ, ทุนช่วยเหลือค่าเล่าเรียนของแต่ละคณะ ฯลฯ ซึ่งจะมีการอัพเดททุนการศึกษาและกองทุนความช่วยเหลือนักศึกษาอยู่เสมอ

ค่าเรียนต่อปี : เริ่มต้น 25,915 NZD หรือประมาณ 579,000 บาท (สำหรับ 120 หน่วยกิต)

8. VICTORIA UNIVERSITY OF WELLINGTON

รูปภาพจาก : https://www.wgtn.ac.nz/

อีก 1 ใน 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศนิวซีแลนด์ มีอายุกว่า 120 ปี ตั้งอยู่ในย่าน Kelburn เมือง Wellington ด้านหนึ่งติดชายฝั่งทะเลและอีกด้านติดกับภูเขา บรรยากาศดี น่าเรียน มีชื่อเสียงเรื่องงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับ รวมถึงคณะ/สาขาที่ได้ QS World University Ranking ด้วย นอกจากนี้ การเรียนการสอนก็ค่อนข้างยืดหยุ่นและหลากหลาย เรียนได้ทั้งออนไลน์หรือที่วิทยาเขต เหมาะสำหรับนักศึกษาต่างชาติเป็นอย่างมาก

ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติ: ทุนช่วยเหลือค่าเล่าเรียน, ทุนสนับสนุนงานวิจัย, และอื่นๆ ซึ่งส่วนมากจะแบ่งตามคณะ

ค่าเรียนต่อปี : เริ่มต้น 31,050 NZD หรือประมาณ 694,000 บาท (สำหรับ 120 หน่วยกิต)

ส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยในนิวซีแลนด์จะเปิดเรียนช่วงเดือนกุมภาพันธ์-กรกฏาคม เราสามารถยื่นสมัครเรียนล่วงหน้าได้ถึง 4-5 เดือน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาษาระยะสั้นไปจนถึงระดับปริญญาเอก ซึ่งเกณฑ์การสมัครเรียนในระดับปริญญาของนักศึกษาต่างชาติก็จะมีความใกล้เคียงกัน เช่น ผลสอบ IELTS หรือ TOEFL หนังสือรับรองผลการเรียน (Transcript) จดหมายรับรอง เป็นต้น นอกจากนี้ สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่นักศึกษาต่างชาติควรเตรียมไปให้พร้อมคือ ประกันภัยการเดินทาง ก่อนเดินทางเข้าประเทศนิวซีแลนด์เพื่อศึกษาต่อ

ใครที่สนใจซื้อประกันภัยการเดินทาง เพื่อศึกษาต่อต่างประเทศของ Allianz Travel
สามารถดูรายละเอียดได้เลยผ่านลิงก์นี้นะคะ >> คลิกเพื่อซื้อประกัน

*จำนวนเงินที่แสดงเป็นเพียงตัวเลขประมาณการเท่านั้น ขึ้นอยู่กับระดับปริญญา, คณะ, และสาขาของแต่ละมหาวิทยาลัย

ขอบคุณข้อมูลจาก
Top Universities In New Zealand 2021

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา

Travel to Natural Farms Coast Near New York

สายท่องเที่ยวธรรมชาติ ห้ามพลาด! กับ 11 ฟาร์ม ริมชายฝั่งทะเล ใกล้นิวยอร์ก

1. AMBER WAVES FARM, AMAGANSETT, NEW YORK

Amber Farm ตั้งอยู่ไม่ไกลจากถนนสายหลักใน Amagansett และ East Hampton ด้วยพื้นที่ฟาร์มขนาดกว่า 63 ไร่ ทำให้ฟาร์มแห่งนี้เต็มไปด้วยพืชผัก สมุนไพรและไม้ดอกกว่า 300 ชนิด นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้เกษตรกรรม ที่ร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานและชุมชนอย่างสร้างสรรค์ พร้อมด้วยกิจกรรม Workshop มากมาย ที่เหมาะกับทุกช่วงวัยให้ได้ร่วมสนุกกัน

cr. https://www.amberwavesfarm.org/the-farm

2. BARTLETT’S FARM, NANTUCKET, MASSACHUSETTS

ฟาร์มแห่งนี้เก่าแก่และใหญ่ที่สุดบนเกาะ Nantucket เป็นฟาร์มที่เน้นการทำเกษตรอินทรีย์ มีเรือนกระจกสำหรับปลูกดอกไม้, พืชผัก, และสมุนไพรออแกนิกกว่า 40 โรงเรือน นอกจากนี้แล้ว ยังมีส่วนของตลาดสินค้า ที่รวบรวมผลิตภัณฑ์จากฟาร์มและพื้นที่ชุมชนโดยรอบ มาให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อกัน สำหรับในปี 2021 นี้ ทางฟาร์มเองก็มีการเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ในเดือนมกราคมค่ะ

cr. https://bartlettsfarm.com/

3. SOLEBURY ORCHARDS, NEW HOPE, PENNSYLVANIA

สวนผลไม้ขนาดใหญ่ของ New Hope ด้วยขนาดพื้นที่กว่า 200 ไร่ อัดแน่นไปด้วยแอปเปิ้ล, พีช, บลูเบอร์รี่ และผลไม้อีกหลากหลายชนิด สวนผลไม้ Solebury Orchards ขึ้นชื่อในเรื่องผลผลิตที่มีคุณภาพเป็นอย่างมาก และยังมีวิวทิวทัศน์โดยรอบที่สวยงาม น่าไปเที่ยว ทำให้สถานที่แห่งนี้เองเป็นที่ดึงดูดให้ผู้คน และนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวชมที่นี่ อย่างไม่ขาดสาย หากเราวางแผนล่วงหน้ามาในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ก็จะเห็นภาพการทำงานของเกษตรกรที่นี่อีกด้วยค่ะ พร้อมกับได้ผลไม้และของฝาก ติดไม้ติดมือไปอย่างแน่นอน

cr. https://www.soleburyorchards.com/

4. STONE BARNS CENTER, TARRYTOWN, NEW YORK

ที่มาของภาพ : https://www.nycfoodpolicy.org/stone-barns-center-food-agriculture-transforming-way-america-eats-farms/

เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างร้านอาหาร Stone Barns Center และฟาร์ม Blue Hills และเพื่อการพัฒนาคุณภาพอาหารอย่างยั่งยืน ที่ฟาร์มแห่งนี้ไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลงและสารเคมีใดๆ ในการทำเกษตรเลย นอกจากนี้ ยังมีการจัดโครงการอาสาสมัครมากมาย ให้ได้มีส่วนร่วมในฟาร์มแห่งนี้ด้วย ใครที่อยากมาเรียนรู้หรือเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ สามารถสมัครผ่านออนไลน์บนเว็บไซต์ของฟาร์ม Stone Barns Center ได้เลยค่ะ

cr. https://www.stonebarnscenter.org/

5. RONNYBROOK FARM, ANCRAMDALE, NEW YORK

ที่มาของภาพ : https://www.nycfoodpolicy.org/stone-barns-center-food-agriculture-transforming-way-america-eats-farms/

ฟาร์มแห่งนี้ เป็นฟาร์มโคนมที่ถูกดำเนินกิจการมาเป็นรุ่นที่ 3 แล้วใน Hudson Valley, Ancramdale เพราะความใส่ใจในเรื่องคุณภาพ ตั้งแต่การเลี้ยงวัว ไปจนถึงการจัดจำหน่ายสินค้าโคนมต่างๆ สินค้าและผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อฟาร์มแห่งนี้ก็เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ ทางฟาร์มเองก็เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยว และผู้ที่สนใจเข้าชมกิจกรรมภายในฟาร์มด้วย

cr. http://www.ronnybrook.com/

6. SILVERMAN’S, EASTOU, CONNECTICUT

อีกหนึ่งฟาร์มเก่าแก่ใกล้ๆ นิวยอร์ก สำหรับ Silverman’s ฟาร์มแห่งนี้มีอายุมากกว่า 100 ปีแล้ว ซึ่งเราสามารถไล่เรียงดูไทม์ไลน์ที่น่าสนใจผ่านทางเว็บไซต์ได้ของฟาร์มเลยค่ะ เป็นฟาร์มที่มีผักและผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล, พีช, และเบอร์รี่ต่างๆ จำนวนมาก ไม่เพียงเท่านี้ ทางฟาร์มยังมีโซนเลี้ยงสัตว์ ให้นักท่องเที่ยวและผู้เข้าชมได้สนุกกับการให้อาหารอัลปาก้า, แกะ, แพะ, และกวางด้วย หรือใครอยากจะหาซื้อ “Silverman’s Apple Pie” ของฝากขึ้นชื่อของที่นี่ไปฝากครอบครัวก็ได้เช่นกันค่ะ

cr. https://www.silvermansfarm.com/

7. TRAPP FAMILY LODGE, STOWE, VERMONT

สถานที่แห่งมีทั้งฟาร์มและที่พักสวยๆ พร้อมวิวของเทือกเขาแอลป์ เราสามารถมาเที่ยวที่นี่ได้ตลอดทั้งปี เพราะกิจกรรมของฟาร์มจะมีจัดตามฤดูกาล กิจกรรมที่โดดเด่นของที่นี่ ได้แก่ ทัวร์ชมการทำ Vermont maple Syrup, ทัวร์ชมสวนดอกไม้, นั่งรถม้าชมฟาร์ม, ทัวร์การทำเบียร์สไตล์ Trapp Family เหมาะสำหรับการจัดทริปท่องเที่ยวของครอบครัวมาก

cr. https://www.trappfamily.com/

8. PEEKO OYSTERS FARM, NEW SUFFOLK, NEW YORK

Peeko Oysters ฟาร์มหอยนางรมในนิวยอร์ก ที่เราสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปีเช่นกัน ถึงแม้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวในนิวยอร์กยอดฮิต ในช่วงหน้าร้อน จะเป็นโรงแรมหรือร้านอาหารแถบชายฝั่ง แต่อย่างไรก็ตาม การทานหอยนางรมที่สดและอร่อย ต้องมาช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ทำให้ฟาร์มแห่งนี้ครึกครื้นไปด้วยนักท่องเที่ยว ใครที่สนใจอยากจะแวะชิมของอร่อย จะต้องวางแผนเที่ยวล่วงหน้าสักหน่อยนะคะ

cr. https://peekooysters.com/

9. RISE AND ROOT, CHESTER, NEW YORK

ฟาร์มแห่งนี้ เป็นฟาร์มที่โดดเด่นเรื่องของการปลูกผักสลัดทุกชนิดในนิวยอร์ก นอกจากจะมีการออกร้าน จัดจำหน่ายในตลาดสุดสัปดาห์ที่ Union Square แล้ว คนที่สนใจเยี่ยมชมสินค้าและผลิตภัณฑ์ของฟาร์ม สามารถเดินทางขึ้นเหนือมาที่ฟาร์มได้เลย ทางฟาร์มมีให้บริการทัวร์ และเปิดโครงงานอาสาสมัคร ให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของฟาร์ม Rise and Root ด้วยค่ะ

cr. https://www.riseandrootfarm.com/

10. KETTLE RIDGE FARM, VICTOR, NEW YORK

ฟาร์มแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งแหล่งผลิต Maple Syrup และน้ำผึ้งที่ขึ้นชื่อของนิวยอร์ก เนื้อที่ของฟาร์มมากกว่า 170 ไร่ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมความสวยงามของฟาร์มได้ตลอดทั้งปี แต่สำหรับช่วงฤดูหนาว ทางฟาร์มจะมีการจัดอีเว้นท์ท่ามกลางหิมะ ด้วยอาหาร, ขนมแบบดั้งเดิมของที่นี่ ถือเป็นไฮไลท์ในช่วงนี้เลย นอกจากนี้ ฟาร์ม Kettle Ridge ยังมีการจัดโปรแกรม “Adopt-a-Maple” ให้เราได้เป็นเจ้าของต้นไม้อย่างแท้จริง มีทั้งใบรับรองและพิกัด GPS ให้ด้วย น่าสนใจมากเลยค่ะ

cr. https://www.kettleridgefarm.com/

11. WOODSTOCK FARM, HIGH FALLS, NEW YORK

เป็นฟาร์มที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน ฟาร์มแห่งนี้เปรียบเสมือนสถานที่พักพิงของสัตว์ที่ถูกทารุณกรรม, ถูกทอดทิ้ง, หรือมาจากโรงฆ่าสัตว์ ฯลฯ จึงทำให้ฟาร์มแห่งนี้มีสัตว์หลากหลายประเภทมาก ไม่ว่าจะเป็นแพะ, แกะ, วัว, ไก่, ห่าน, หมู เป็นต้น ที่น่ารักกว่านั้นคือ ทางฟาร์มมีการตั้งชื่อให้กับสัตว์เหล่านี้ด้วย ใครที่อยากเข้าไปชมความน่ารักของน้องๆ หรืออยากเป็นอาสาสมัคร เข้าชมได้ที่เว็บไซต์ของฟาร์มได้เลยค่ะ

cr. https://woodstocksanctuary.org/

เป็นอย่างไรบ้างคะ? สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม เน้นความสวยงามของธรรมชาติ และความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณริมฝั่งทะเลตะวันออก สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกายังมีอีกหลายแง่มุม ที่ Allianz Travel อยากพาทุกคนไปรู้จัก ใครที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ อย่าลืมเลือกซื้อประกันภัยการเดินทางต่างประเทศของเรานะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก
11 East Coast Farm Trips For a Peaceful Weekend Away

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ

อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา