ใครที่อยากเริ่มเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเองดูสักครั้ง แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากที่ไหนดี หรือมีงบประมาณในการท่องเที่ยวไม่มากนัก กลุ่มประเทศอาเซียนถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะใช้เวลาเดินทางจากประเทศไทยไม่มากนัก และที่สำคัญบางประเทศไม่จำเป็นต้องยื่นขอวีซ่าก็ไปเที่ยวได้ บทความนี้ Allianz Travel เลยอยากพาผู้อ่านทุกท่านไปเช็คอิน 20 สถานที่น่าเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียน รับรองว่าไปเที่ยวแล้วต้องตกหลุมรักแน่นอนค่ะ ^^
1. สิงคโปร์
จุดเช็คอินแรก เริ่มที่ประเทศสิงคโปร์กันค่ะ สิงคโปร์เป็นเมืองที่มีกลิ่นอายความเป็นจีนผสมตะวันตกผ่านสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม ผู้คนและอาหารการกิน แถมเมืองสิงคโปร์ก็ยังมีกิจกรรมมากมายรอให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสประสบการณ์สนุกๆ กัน อย่างเช่น สวนสนุก Universal Studio การเดินเที่ยวชมพื้นที่ชิคๆ ในตัวเมือง หรือเซลฟี่กับร้านคาเฟ่ชื่อดัง และเมื่อสิงคโปร์เปิดตัวน้ำตกในร่มสุดอลังการภายในสนามบินชางกี สถานที่นี้ก็กลายเป็นแหล่งถ่ายรูปยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเลยค่ะ
กิจกรรมน่าทำ: เดินเล่นที่ Gardens By The Bay, นั่งเรือทัวร์เกาะบินตัน, เที่ยวเซนโตซา, ช้อปปิ้งที่ถนนบูกิส
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: กุมภาพันธ์ – พฤษภาคม
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 4-6 วัน
2. บรูไน
บรูไน ประเทศเล็ก ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศที่รวยที่สุดในโลก บรูไนมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะใครที่เป็นสายธรรมชาติ เพราะที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติให้ชมเยอะมาก ทั้งอุทยานแห่งชาติ ป่าดงดิบ และเขตป่าฝน
ปัจจุบัน การท่องเที่ยวในประเทศบรูไนยังไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก ถ้าใครไม่ชอบไปเที่ยวแบบคนเยอะ ๆ บรูไนถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยค่ะ
กิจกรรมน่าทำ: เที่ยวหมู่บ้านลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก, นั่งเรือชมป่าดงดิบ, แวะชมอุทยานแห่งชาติ
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: มกราคม – กันยายน
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 5-7 วัน
3. เกาะปูเลา เปอร์ฮันเตียน ประเทศมาเลเซีย
ปูเลา เปอร์ฮันเตียน หมายถึง ‘เกาะแวะพัก’ เป็นอีกหนึ่งสถานที่น่าเที่ยวสำหรับประเทศมาเลเซีย เกาะปูเลาเปอร์ฮันเตียนอยู่ห่างจากชายฝั่งตรังกานูประมาณ 21 กม. เป็นเกาะแฝดที่ประกอบด้วยเกาะปูเลาเปอร์ฮันเตียนเบซาร์และเกาะปูเลาเปอร์ฮันเตียนเคซิล บนเกาะปกคลุมด้วยป่าธรรมชาติที่ยังไม่ถูกรบกวนด้วยฝีมือมนุษย์ มีต้นปาล์มเรียงรายอย่างสวยงาม หาดทรายมีสีขาวละเอียด และน้ำทะเลสีฟ้าใส
เกาะปูเลา เปอร์ฮันเตียนยังตั้งอยู่ใกล้กับอุทยานทางทะเลปูเลาเรดัง มีแนวปะการังและภูมิประเทศใต้น้ำที่สวยงาม เหมาะกับการดำน้ำตื้นและการดำน้ำลึกเป็นอย่างมากค่ะ
กิจกรรมน่าทำ: ดำน้ำลึก – ดำน้ำตื้น, ปืนผา, แคมปิ้ง, เดินเล่นชายหาด
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: มีนาคม – พฤศจิกายน
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 3 วัน
4. เกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซีย
เกาะบอร์เนียวเป็นเกาะใหญ่อันดับที่สามของโลก ครอบคลุมพื้นที่ถึง 3 ประเทศด้วยกัน คือ มาเลเซีย บรูไน และอินโดนีเซีย เกาะบอร์เนียวถือว่าเป็นสวรรค์ของคนรักธรรมชาติเลย เพราะมีทั้งชายหาด ป่าดงดิบ และภูเขามากมายรอให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส และพักผ่อนหย่อนใจไปกับธรรมชาติอันสวยงาม
กิจกรรมน่าทำ: ปีนเขา Kilabanu, ค้างแรมกลางเกาะร้าง, ดำน้ำที่เกาะ Sipadan
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: มีนาคม – ตุลาคม
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 3-4 วัน
5. บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย
บาหลี หนึ่งในสถานที่ยอดนิยมที่สุดในประเทศกลุ่มอาเซียน บาหลี “สวรรคแห่งการพักผ่อน” เมืองเรียบง่ายในประเทศอินโดนีเซียที่มีธรรมชาติสมบูรณ์และสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง ทั้งทะเล ภูเขา ทะเลสาบ น้ำตก ผสมผสานกับประเพณีและวัฒนธรรมแบบฉบับดั้งเดิม วัด พิธีกรรม และศิลปวัฒนธรรม ทั้งหมดนี้ทำให้บาหลีมีเสน่ห์เหลือล้น เหมาะกับสายเที่ยวที่ชื่นชอบประสบการณ์แปลกใหม่
กิจกรรมน่าทำ: เดินเล่นที่วิหารทานาต์ลอต, ดำน้ำลึก – น้ำตื้น, ทัวร์บาหลีซาฟาราและสวนน้ำ
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: เมษายน – ตุลาคม
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 4-5 วัน
6. หมู่เกาะกิลิ ประเทศอินโดนีเซีย
หมู่เกาะกิลิ อยู่ไม่ไกลจากบาหลีมากนัก นั่งเรือจากบาหลีเพียง 2-3 ชม. เท่านั้น หมู่เกาะกิลิแบ่งเป็น 3 เกาะเล็ก ๆ ด้วยกัน ได้แก่ เกาะกิลีมิโน่ (Gili Mino) เกาะกิลีแอร์ (Gili Air) และเกาะกิลีทราวังกัน (Gili Trawangan) โดยเกาะกิลี่มิโน่ตั้งอยู่ตรงกึ่งกลาง มีขนาดเล็กที่สุด หาดทรายขาวที่สุด และเงียบสงบเป็นธรรมชาติที่สุด ส่วนเกาะกิลี่แอร์อยู่ทางตะวันออก เป็นเกาะขนาดกลาง ๆ รูปร่างกลม ๆ และมีผู้คนไม่พลุกพล่านนัก หรือถ้าใครชอบปาร์ตี้ต้องไปที่เกาะกิลี่ทราวังกัน ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด และเป็นแหล่งรวมความเจริญของทั้งหมู่เกาะค่ะ
กิจกรรมน่าทำ: ดำน้ำลึก – ดำน้ำตื้น, ขี่ม้าสำรวจเกาะ
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: มิถุนายน – กันยายน
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 2 – 3 วัน
7. เกาะลอมบอก ประเทศอินโดนีเซีย
ถ้าเบื่อสถานที่เที่ยวคนเยอะอย่างบาหลี เกาะลอมบอกถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ และอยู่ไม่ไกลจากบาหลีมากค่ะ ที่นี่มีธรรมชาติสมบูรณ์และสวยงามไม่แพ้บาหลีเลย ไม่ว่าจะเป็นทะเล ภูเขา ป่าไม้ และน้ำตก สำหรับใครที่ชอบความเงียบสงบ คนไม่เยอะ และต้องการพักผ่อนหย่อนใจกับธรรมชาติ ต้องมาที่เกาะลอมบอกเลยค่ะ
กิจกรรมน่าทำ: เล่นน้ำตก Tiu Kelep, ปีนเขา Rinjani, สำรวจหมู่เกาะ Sekotong
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: กรกฏาคม – สิงหาคม
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 2 วัน
8. โบโรบูดูร์ ประเทศอินโดนีเซีย
โบโรบูดูร์ หรือที่คนไทยรู้จักในนาม บุโรพุทโธ เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอินโดนีเซีย ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางของเกาะชวา โดยบุโรพุทโธเป็นศาสนาสถานทางพุทธศาสนาที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 1393 ในด้านสถาปัตยกรรม บุโรพุทโธสร้างด้วยหินภูเขาไฟประมาณ 2 ล้านตารางฟุตบนฐานสี่เหลี่ยม กว้างด้านละ 121 เมตร สูง 123 เมตร เป็นรูปทรงแบบปิรามิด มีลานเป็นชั้นลดหลั่นกัน 8 ชั้น สามวงกลมยอดโดมกลางและบนลานกลมชั้งสูงสุดมีพระสถูปตั้งสูงขึ้นไปอีก 31.5 เมตร เป็นมหาสถูปที่ระเบียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ลดหลั่นกันไป มหาสถูปมีการตกแต่งด้วยภาพสลัก 2672 ชิ้น และ รูปปั้นพระพุทธรูป 504 องค์ โดมกลางล้อมรอบด้วย 72 รูปปั้น พระพุทธรูปแต่ละองค์นั่งอยู่ภายในสถูปเจาะรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ที่รอบล้อมสถูปเจดีย์ประธานด้านบนสุด
ถ้าใครยังนึกไม่ออกว่าบุโรพุทโธจะอลังการและสวยงามแค่ไหน ต้องลองไปสัมผัสด้วยตาตัวเองเลยค่ะ ^^
กิจกรรมน่าทำ: นั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินที่โบโรบูดูร์
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: เมษายน – ตุลาคม
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 2-3 วัน
9. เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา
เสียมเรียบ เมืองแห่งอารยธรรมโบราณที่มีนครวัดและนครธม เป็น 1 ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเยือนเป็นล้าน ๆ คนต่อปี เสียมเรียบถือได้ว่าเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณที่สำคัญของชาวกัมพูชามาก ๆ เสน่ห์ของการมาเที่ยวเสียมเรียบคือได้ย้อนเวลาสัมผัสกลิ่นอายความยิ่งใหญ่ในอดีตของ อารยธรรมเขมรยุครุ่งเรือง
ปัจจุบันเสียมเรียบได้มีการพัฒนาเมืองจนทันสมัย มีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า รวมถึงผับและบาร์ต่าง ๆ ที่ปลุกให้เมืองนี้ตื่นขึ้นจากความหลับใหล เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้ามาเที่ยวเสียมเรียบ รับรองว่าไม่ได้มีแค่โบราณสถานอย่างเดียวแน่นอนค่ะ
กิจกรรมน่าทำ: เที่ยวนครวัด นครธรม และปราสาทตาพรหม, นั่งเรือชมวิวโตนเลสาบ , ช้อปปิ้งตลาดกลางคืน, เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 3 วัน
10. สีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา
สีหนุวิลล์ เมืองติดทะเลของประเทศกัมพูชาที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ความโดดเด่นของสีหนุวิลล์คือการเป็นเมืองคาสิโน และการมีชายหาดทะเลสวยงามอันดับต้น ๆ ของกัมพูชา ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวและนักแสวงโชค ต่างหลั่งไหลมายังสีหนุวิลล์กันอย่างมาก โรงแรม ร้านอาหาร ร้านคา รวมถึงผับและบาร์ต่าง ๆ จึงถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็วและจำนวนมาก
กิจกรรมน่าทำ: นอนอาบแดดที่ชายหาด, เล่นน้ำตก Kbal Chhay, ทานอาหารท้องถิ่น
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 2-3 วัน
11. อ่าวฮาลอง ประเทศเวียดนาม
อ่าวฮาลอง หรือฮาลอง เบย์ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ควรพลาดเมื่อมีโอกาสไปเยือนเวียดนาม เพราะนอกจากจะได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์กรยูเนสโกแล้ว ที่นี่ยังมีความมหัศจรรย์อันงดงามของธรรมชาติอยู่อีกมากมาย
อ่าวฮาลองมีเกาะหินปูนจำนวน 1,969 เกาะโผล่พ้นขึ้นมาจากผิวทะเล บนยอดของแต่ละเกาะมีต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น หลายเกาะมีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ภายใน ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณอ่าวคือ ถ้ำเสาไม้ (Grotte des Merveilles) ซึ่ง ตั้งชื่อโดยนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสที่มาเยี่ยมชมอ่าวเมื่อปลายคริสต์ ศตวรรษที่ 19 ภายในถ้ำประกอบไปด้วยโพรงกว้าง 3 โพรง มีหินงอกและหินย้อยขนาดใหญ่อยู่จำนวนมาก เกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบริเวณอ่าว 2 เกาะ คือ เกาะกัดบา และเกาะตวนเจา ทั้งสองเกาะนี้มีคนตั้งถิ่นฐานอยู่อย่างถาวร บนเกาะมีโรงแรมและชายหาดจำนวนมากคอยให้บริการนักท่องเที่ยว ส่วนเกาะขนาดเล็กอื่นๆ บางเกาะก็มีชายหาดที่สวยงามที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยี่ยมชมกันค่ะ
กิจกรรมน่าทำ: ดำน้ำตื้น – ดำน้ำลึก, พายเรือคายัค, ช้อปปิ้งตลาดกลางคืน, ทานอาหารท้องถิ่น
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: มีนาคม – พฤษภาคม และตุลาคม – ธันวาคม
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 2 วัน
12. ฮานอย ประเทศเวียดนาม
ฮานอย เมืองหลวงของประเทศเวียดนาม หนึ่งในเมืองหลวงที่เรียกได้ว่ามีเสน่ห์มากที่สุุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บ้านเมืองที่นี้เต็มไปด้วยอาคารสไตล์โคโลเนียลเรียงรายทั้งสองข้างทาง บ่งบอกถึงร่องรอยที่เคยเป็นเมืองอาณานิคมของฝรั่งเศสและจีน การมาเที่ยวฮานอยจึงเหมือนกับการได้มาสัมผัสมรดกทางวัฒนธรรมของย่านเมืองเก่าและความทันสมัยของเมืองหลวงที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว
กิจกรรมน่าทำ: เดินเล่นที่ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม, ชมความสวยงามของวัดเนินหยก, แวะช้อปปิ้งที่ถนน 36 สายเก่า
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: กันยายน – พฤศจิกายน และ มีนาคม – เมษายน
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 3-4 วัน
13. ซาปา ประเทศเวียดนาม
ซาปา “สวิตเซอร์แลนด์แห่งเวียดนาม” เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นบนภูเขาโดยชาวฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2465 หลังจากนั้นก็เริ่มมีชาวต่างชาติซึ่งอยู่ในฮานอย มาพักผ่อนในช่วงวันหยุดเป็นประจำ เพราะอากาศดีและเงียบสงบ ปัจจุบันที่นี่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนเวียดนามเอง ไฮไลต์ของซาปาอยู่ที่บริเวณโดยรอบ ซึ่งเต็มไปด้วยนาขั้นบันไดมากมายท่ามกลางลาดไหล่เขาที่ทอดตัวอย่างมีเสน่ห์ หรือถ้าชอบเดินป่าก็มียอดเขาฟานสีปัน ให้พิชิตบนความสูงจากระดับน้ำทะเล 3,143 เมตร ซึ่งสูงสุดในละแวกอินโดจีน
กิจกรรมน่าทำ: ปีนเขา, สำรวจหมู่บ้านพื้นเมือง, ช้อปปิ้งผ้าพื้นเมือง, เล่นน้ำตกซิลเวอร์, ชมถ้ำนางฟ้า
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: มีนาคม – พฤษภาคม, กันยายน – พฤศจิกายน
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 2-3 วัน
14. เกาะโบราไคย์ ประเทศฟิลิปปินส์
เกาะโบราไคย์ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาล Malay จังหวัด Aklan อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ห่างจากของกรุงมะนิลาประมาณ 315 กิโลเมตร มีขนาดแค่เพียง 10 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น แม้จะขนาดเล็กแต่เกาะแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังไม่แพ้เมือง Cebu เลยทีเดียว โดยในปี 2012 เกาะโบราไคย์ได้รับการโหวตจากนิตยสารทราเวลให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโลก และมีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องหาดทรายที่เป็นสีขาวสะอาด พร้อมด้วยวิวทิวทัศน์อันสวยงามยามพระอาทิตย์ตกดินค่ะ
กิจกรรมน่าทำ: ดำน้ำตื้น – ดำน้ำลึก, พายเรือคายัค, เล่นสกี
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: พฤศจิกายน – พฤษภาคม
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 2-3 วัน
15. โบฮอล ประเทศฟิลิปปินส์
เกาะโบฮอล ได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์ และมีความงดงามตามธรรมชาติที่สมบูรณ์ เกาะโบฮอลตั้งอยู่ทางภาคกลางของหมู่เกาะวิซายาส์ ประเทศฟิลิปปินส์ มีสถานที่น่าสนใจให้ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลตฮิลล์ เนินเขารูปร่างทรงแปลก หมู่เกาะปะการังที่สวยงามใต้ท้องทะเล หรือถ้ำกลางทะเล
กิจกรรมน่าทำ: เดินเล่นชายหาดเกาะปังเลา, แวะเที่ยวช็อกโกแลตฮิลล์, ผจญภัยที่ Danao Adventure Park, ทัวร์ดูปลาโลมาและปลาวาฬ
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: พฤศจิกายน – เมษายน
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 3 วัน
16. ปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์
เกาะปาลาวัน “เพรชเม็ดงามแห่งเอเชีย” เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดเกาะหนึ่งในจังหวัดปาลาวัน ทางชายฝั่งตอนเหนือของเกาะตั้งขนานกับทะเลจีนใต้ ขณะที่ชายฝั่งตอนใต้ติดกับทิศเหนือของทะเลซูลู ทำให้สีของน้ำทะเลรอบเกาะนั้นมีทั้งสีฟ้าผสมกับสีเขียวมรกต ซึ่งมีความใสจนมองเห็นสาหร่ายทะเล ปะการัง และโขดหินด้านล่าง ยิ่งเวลาที่ท้องฟ้าโปร่งด้วยแล้ว เงาของปุยเมฆสีขาวบวกกับสีฟ้าครามของท้องฟ้าที่สะท้อนลงมาในน้ำ ยังก่อให้เกิดภาพที่สวยงามและโรแมนติกมากเลยค่ะ
กิจกรรมน่าทำ: ดำน้ำลึกที่เอลนิโด, สำรวจถ้ำตาบง, ทานอาหารพื้นเมือง, เดินช้อปปิ้งที่ตลาดซานโฮเซ่
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: ตุลาคม – กลางเดือนมิถุนายน
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 3 วัน
17. วังเวียง ประเทศลาว
วังเวียงได้ชื่อว่าเป็น “กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว” วังเวียงเป็นมืองท่องเที่ยวในแขวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวลาวและต่างประเทศอย่างมาก เมืองวังเวียงตั้งอยู่ห่างจากเวียงจันทน์ ประมาณ 160 กิโลเมตร โดยตัวเมืองจะอยู่ติดริมแม่น้ำซอง ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งแม่น้ำ ป่าไม้ และภูเขา
สำหรับวังเวียง เป็นสถานที่ที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชอบทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์และชื่นชมธรรมชาติเป็นหลัก ถ้าใครมีงบประมาณไม่เยอะ ไม่อยากไปเที่ยวไกล แนะนำให้ลองมาเที่ยววังเวียงเลยค่ะ
กิจกรรมน่าทำ: พายเรือคายัคล่องแม่น้ำซอง, นั่งห่วงยางลอดถ้ำ, โดดน้ำที่บลูลากูน, พิชิตผาเงิน
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: พฤศจิกายน – มีนาคม
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 3 วัน
18. หลวงพระบาง ประเทศลาว
หลวงพระบาง เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ล้นเหลือ ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา ทางตอนเหนือของประเทศลาว โอบล้อมด้วยแม่น้ำสำคัญ 2 สาย คือ แม่น้ำคานและแม่น้ำโขง ภายในเมืองมีบรรยากาศที่เงียบสงบ มากมายด้วยวัดวาอาราราม และอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ที่ผสมผสานระหว่างศิลปะแบบล้านช้างและสไตล์โคโลเนียล ทั้งหมดนี้ทำให้หลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี พ.ศ. 2540
กิจกรรมน่าทำ: เดินเล่นชมวัดเก่าแก่, ช้อปปิ้งที่ตลาดกลางคืน, ชมพระอาทิตย์ตกดินที่พระธาตุภูศรี
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: พฤศจิกายน – มกราคม (สำหรับล่องเรือ), ตุลาคม – เมษายน (อากาศดี)
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 2 วัน
19. ย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์
เมื่อพูดถึงเมืองย่างกุ้งแล้ว หลาย ๆ คน คงนึกมหาเจดีย์ชเวดากอง แลนด์มาร์คสำคัญของเมืองที่มีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมียนมาร์ ย่างกุ้งเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศเมียนมาร์มาอย่างยาวนาน ก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปยังกรุงเนปิดอว์เมื่อปี พ.ศ. 2548 อย่างไรก็ตาม ย่างกุ้งยังเต็มไปด้วยผู้คน นักท่องเที่ยว วัดวาอาราม นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมยุคล่าอาณานิคมให้ได้แชะรูปกันรัว ๆ อีกด้วยค่ะ และถ้าไปเที่ยวย่างกุ้งแล้ว อย่าลืมแวะซื้อของฝากเลื่องชื่อของย่างกุ้งอย่างอัญมณีและงานฝีมือท้องถิ่นกันด้วยนะคะ
กิจกรรมน่าทำ: ไหว้พระที่มหาเจดีย์ชเวดากอง, ช้อปปิ้งที่ตลาดโบยกอองซาน, เดินเล่นริมทะเลสาบกันดอว์จี
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 3-4 วัน
20. พุกาม ประเทศเมียนมาร์
พุกามเมืองที่มีความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์อย่างยาวนานตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 16 พุกามได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางด้านประวัติศาสตร์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของประเทศพม่า โดยเฉพาะความยิ่งใหญ่ของเจดีย์จำนวนมากกว่า 4,446 องค์ จนได้รับสมญาว่าเป็นเมืองแห่งเจดีย์สี่พันองค์ ไฮไลต์ของการมาเที่ยวพุกาม จึงหนีไม่พ้นการไปชมทะเลเจดีย์ยามพระอาทิตย์ตกดินค่ะ
กิจกรรมน่าทำ: ชมพระอาทิตย์ตกดินที่แม่น้ำอิรวดี, ขึ้นบอลลูนชมทะเลเจดีย์, ปั่นจักรยานรอบเมือง
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเที่ยว: มิถุนายน – ตุลาคม
จำนวนวันเที่ยวที่แนะนำ: 2 วัน
หลาย ๆ สถานที่ที่เราแนะนำข้างต้นเต็มไปด้วยความสวยงามของวิวทิวทัศน์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาที่ไหนไม่ได้ อีกทั้งไม่ได้ใช้ระยะเวลาการเดินทางมากนะ นั่งเครื่องบินเพียงแค่ 2-4 ชม. เท่านั้น เราหวังว่าทั้ง 20 สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศอาเซียนที่แนะนำวันนี้จะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนเที่ยวในทริปหน้าของผู้อ่านทุกท่านนะคะ ^^
เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและดูแลคุณ
อลิอันซ์ทราเวลเป็นผู้นำระดับโลกด้านประกันภัยการเดินทางและบริการช่วยเหลือทั่วไป เรามีแผนประกันภัยที่หลากหลายให้เลือก ครอบคลุมตั้งแต่แผนรายเที่ยว แผนรายปี แผนครอบครัว ไปจนถึงแผนเดินทางศึกษาต่อต่างประเทศ เราทุ่มเทที่จะให้บริการช่วยเหลือและปกป้องคุณทุกที่ ทุกเวลาเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประกันภัยและการให้ความช่วยเหลือ แต่เรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่มากกว่านั้น และทุกบริการของเราก็เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเรา