เที่ยวต่างประเทศฉบับรัดเข็มขัด (7 ประเทศ 7 สไตล์ในงบ 5,000 – 15,000 บาท)

Budget Trip

ใครๆก็อยากไปเที่ยวต่างประเทศ แต่เศรษฐกิจแบบนี้ จะให้ใช้เงินฟุ่มเฟื่อยไปกับการเที่ยวแพงๆได้ยังไง วันนี้เราเลยขอนำเสนอทริป เที่ยวต่างประเทศฉบับรัดเข็มขัด 7 ประเทศ 7 สไตล์ให้เหล่ามนุษย์เงินเดือนเลือกสรรในงบประมาณสบายกระเป๋า บนสมมติฐานที่ว่าตั๋วเครื่องบินจะเป็นราคาปกติทั่วไปไม่นับช่วงโปรโมชั่นหรือเทศกาล และตั้งหลักเดินทางกันจากกรุงเทพนะจ้ะ

กัมพูชา (เสียมราฐ)

  • งบประมาณ: 3,000 – 5,000 บาท
  • การเดินทาง: นั่งรถบ่อนจากสวนลุมหรือเซ็นทรัลบางนาราคา 100 บาทแถมอาหารเช้าฟรีที่บ่อน เหมาแท็กซี่ต่อไปคันละ 1,000-2,000 บาท หารกัน 4 คน
  • ระยะเวลา: 3 – 5 วัน
  • ไปทำอะไร?: คุณจะได้สวมวิญญาณ ดร.อินเดียน่า โจนส์ ผจญภัยตามล่าหาขุมทรัพย์ใน นครวัด – นครธม ซึ่งถือเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกใกล้บ้าน ปั่นจักรยานชมรอบบริเวณวัด แต่หากคุณไม่ได้มีแววเป็นนักปั่นทีมชาติมาก่อน ทางเราขอแนะนำให้เช่ารถตุ๊กๆเอาเถอะค่ะ เพราะมันใหญ่มว๊ากกก (กลับมาน่องปูดแน่ๆ) อีกอย่างเราควรจะเก็บแรงไว้ช็อปปิ้งตลาดกลางคืน แต่อย่าเผลอช็อปปิ้งเพลินจนรู้อีกทีเงินหมดตัว ให้ระวังกระเป๋าไว้ให้ดีนะคะ พอตกดึกสายติ๊ดชึ่งสามารถสำรวจถนนสายผับ แด๊นซ์ไปกับเพลงเขมร ส่วนสายรักธรรมชาติและสายน้ำให้ทำตัวเป็นเด็กดีเข้านอนแต่หัวค่ำแล้วตื่นแต่เช้าไปชมหมู่บ้านลอยน้ำที่ทะเลสาบโตนเลรอพวกแฮงค์จากเมื่อคืนตื่นแล้วค่อยกลับพร้อมกัน
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีพละกำลัง(ขา) รักการสำรวจโบราณสถาน หลงใหลประวัติศาสตร์และอารยธรรมโลก (นั่นก็เว่อร์ไป) หรือแค่อยากจะไป cardio ลดความอ้วนซัก 2-3 วันและ check in ลง facebook ประกาศให้โลกรู้ว่าเดี๊ยนได้มาเยือนสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแล้วนะเคอะ อิจฉาไหมล่ะตัวเอง

ลาวเหนือ (วังเวียง – หลวงพระบาง)

  • งบประมาณ: 3,000 – 5,000 บาท
  • การเดินทาง: นั่งเครื่องจากกรุงเทพไปสนามบินอุดรฯ ไปกลับตกประมาน 1,200 – 1,500 บาทและนั่งรถทัวร์ต่อไปวังเวียงอีก 320 บาท (ไม่แนะนำให้นั่งเครื่องไปลงเวียงจันทร์เพราะค่าเครื่องจะตกอยู่ที่ 7,000 กว่าบาทแนะ ไม่คุ้มๆ)
  • ระยะเวลา: 3 – 5 วัน
  • ไปทำอะไร?: คืนสู่ธรรมชาติ ทำตัว slow life กลมกลืนไปกับวิถีชาววังเวียง คุณจะได้ใช้ชีวิตเยี่ยงนักโบราณคดีสำรวจถ้ำ สะพาน วัด หรืออยากแอดเวนเจอร์แบบกรุบกริบก็สามารถไปลองคายัคห่วงยางได้ เที่ยววังเวียงเสร็จเราก็นั่งรถทัวร์ต่อไปหลวงพระบาง เก็บวัดและโบราณสถานรัวๆ แล้วค่อยมาโรแมนติกชมวิวพระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำ ทีนี้ล่ะ คุณจะสามารถทำตัวเป็นเศรษฐี ใช้จ่ายทีเป็นหมื่น(กีบ) เหอะๆ เพิ่มเติมเล็กๆคือคนลาวฟังภาษาไทยออกนะเออ ทีนี้อย่าเผลอไปพูดล้อเลียน เปรียบเทียบตลกๆ นี่อาจจะโดนจับยำอยู่ที่นั่น อีกอย่างคือห้ามถ่ายภาพสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง นักท่องเที่ยวไทยเคยโดนจับมาแล้วนะจ้ะ ขอบอก ก่อนถ่ายภาพก็มองซ้ายขวาหาป้ายห้ามซักนิดนึงน้า
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่อยากทำตัวขี้เกียจทั้งวันท่ามกลางบรรยากาศขุนเขา แม่น้ำ และฝรั่งหล่อๆที่มาเที่ยวเหมือนกัน

มาเลเซีย (กัวลาลัมเปอร์ – มะละกา)

  • งบประมาณ: 5,000 – 7,000 บาท
  • การเดินทาง: นั่งเครื่องไปลงกัวลาลัมเปอร์ ไปกลับประมาณ 2,000 – 3,000 บาท และนั่งรถทัวร์ไปมะละกา
  • ระยะเวลา: 3 – 5 วัน
  • ไปทำอะไร?: มาถึงเมืองหลวงของมาเลเซียทั้งทีต้องไปดูอะไรเอ่ย ทะดา อดีตตึกที่สูงที่สุดในโลกอย่างตึกใบหยก เอ้ย Petronas Twin Towers ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงกัวลาลัมเปอร์ (แนะนำให้ไปถ่ายรูปตึกนี้ดึกๆ เพราะนางเกิดมาเพื่อเปล่งประกายยามค่ำคืนจริงๆ) ต่อด้วยการชมจัตุรัสเมอร์เดก้า ซึ่งเป็นลานใหญ่ที่มาเลเซียใช้ประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ เสาธงที่สูงที่สุดในโลก และสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย อีกวันก็นั่งรถบัสไปมะละกา เมืองที่ถูกยกให้เป็นเมืองมรดกโลก เดินเท้าชมโบสถ์และตึกเก่าแก่สไตล์โปรตุเกส เย็นๆ แดดร่มๆ ก็ค่อยลงเรือล่องคลองมะละกาที่เชื่อมมาจากช่องแคบมะละกาที่พวกเราเคยร่ำเรียนกันมาสมัยประถม ตกดึกให้เดินชมถนนคนเดินเลือกซื้อของท้องถิ่นแหวกแนวกลับไปอวดชาวบ้านและซื้อขนมอร่อยๆกิน ไปมาเลเซียต้องระวังการโดนแท็กซี่ตามสนามบิน สถานีรถไฟ รถทัวร์ เพราะคุณจะโดนโขกสับจนกระเป๋าแห้งได้ อีกอย่างคือห้ามลืมว่ามาเลเซียเป็นเมืองอิสลาม ดังนั้นห้ามสั่งหมูนะจ้ะ (หนูไปเผลอสั่งมาแล้วค่า TT)
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่อยากเที่ยวทั้งแนวเมืองใหญ่ ยุ่งๆวุ่นวายมีอะไรให้ทำเยอะๆ และแนวเมืองเล็กๆชนบทหน่อยๆ เงียบๆ เที่ยวทั่วด้วยสองเท้า ในเวลาอันจำกัด

เวียดนามเหนือ (ฮานอย – ซาปา)

  • งบประมาณ: 7,000 – 10,000 บาท
  • การเดินทาง: นั่งเครื่องไปลงฮานอยไปกลับตกประมาณ 3,000 – 3,500 บาท รถไฟนอนไปซาปาไปกลับอยู่ราวๆคนละ 1,200 – 1,600 บาท
  • ระยะเวลา: 5 – 6 วัน
  • ไปทำอะไร?: ยินดีต้อนรับสู่เมืองหลวงของเวียดนามจ้า ที่ๆคุณจะได้ชมสกิลการแว๊นมอไซค์ระดับโลก และการบีบแตรใส่กันแบบถ้าเป็นเมืองไทยมีลงไปตบ คือเสียงแตรดังตลอดเวลาแบบไม่รู้ว่าตกลงจะบีบแตรกันเวลาไหนบ้าง เดินเอื่อยเฉื่อยริมทะเลสาบคืนดาบ ออกตระเวนสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ทำเนียบ วัด สุสาน พิพิธภัณฑ์ เป็นต้น นั่งยองๆลิ้มลองอาหารที่ประกอบไปด้วยผัก(เป็นกะละมัง)รสชาติจัดจ้านข้างถนน ออกล่องเรือโบราณในฮาลองเบย์ ที่ชื่อว่าเป็นกุ้ยหลินแห่งเวียดนาม ชื่นชมความงามดินแดนสรวงสวรรค์ ดึกๆนั่งรถไฟนอนไปซาปา เยือนดินแดนแห่งสายหมอก เดินชมนาขั้นบันไดที่อลังสุดในสามโลก ช็อปปิ้งเสื้อหนาว Northface ที่คนขายบอกว่าของแท้เพราะแม่ผมเย็บเอง? ปีไหนโชคดีอาจได้ยืนปากสั่นท่ามกลางหิมะโปรยแบบไม่ต้องตีตั๋วไปไหนไกล โรแมนติกซะไม่มี เวียดนามนี่เป็นที่ลือเลื่องด้านแท็กซี่มาก ให้มองหาแท็กซี่ของ MaiLinh (โอกาสไม่ถูกโกงประมาณ 70%) นอกนั้นโดนหม้ด จะซื้อของให้ถามราคาก่อน ดูเรื่องเงินทอนให้ดี คนเขียนเจอป้าท่าทางน่าสงสารแกล้งทอนเงินผิดไปสิบเท่ามาแล้ว อิป้าาา
  • เหมาะสำหรับ: บุคคลผู้รักธรรมชาติมากกก ชื่นชอบอารยธรรมเล็กน้อย อยากลิ้มลองรสชาติการนอนห่มผ้าห่มอุ่นๆหมกขี้ไคลในรถไฟ สัมผัสการข้ามถนนที่เสียวไส้ที่สุดในชีวิต (ทำประกันการเดินทางไปด้วยเถอะ ขอร้อง)

พม่า (มัณฑะเลย์ – พุกาม)

  • งบประมาณ: 10,000 – 13,000 บาท (จะถูกหรือแพงขึ้นกับค่าตั๋วเครื่องบินที่หาได้)
  • การเดินทาง: นั่งเครื่องบินไปลงที่มัณฑะเลย์ ไปกลับเป็นได้ตั้งแต่ 4,000 – 6,000 บาทหรือมากกว่า ระหว่างมัณฑะเลย์ – พุกามนั่งรถบัสจะถูกสุด
  • ระยะเวลา: 5 – 6 วัน
  • ไปทำอะไร?: มิงกะลาบา ขอต้อนรับสู่ยุคที่นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเข้าไปเวิ่นในพม่าได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า หัวเราะภาษาพม่าสามที ปฏิบัติ! เยือนมัณฑะเลย์ เมืองหลวงเก่าของพม่าก่อนจะเสียเอกราชให้อังกฤษ ดูสะพานอูเบ็ง สะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก พระราชวังมัณฑะเลย์ และวัดอีกรัวๆ ตกดึกก็นั่ง Night bus ไปพุกามทีขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งเจดีย์ 4,000 องค์ ก็ต้องมาชมเจดีย์และวัดกันแบบ non-stop ตอนเช้าตรู่อย่าลืมดูบอลลูนขึ้นเต็มฟ้ามาพร้อมกับแสงแรกของวันให้ภาพสวยจับใจ หรือใครอยากสัมผัสประสบการณ์ขึ้นบอลลูนลอยบนอากาศ ชมทะเลเจดีย์ ก็ให้ลองจัดดูสักตั้ง ค่าใช้จ่ายบวกเพิ่มจากงบเดิมไปอีก 9,600 บาท (แอบกลืนน้ำลายหนึ่งเอื้อก) เนื่องจากพม่าเป็นเมืองแห่งพุทธศาสนา ต้องแต่งกายสำรวม ห้ามนุ่งสั้นเข้าวัดวาอารามเป็นอันขาด ระวังเรื่องอาหารและน้ำดื่ม โดยเฉพาะน้ำ ควรดื่มน้ำที่บรรจุในขวดปิดผนึกเรียบร้อยแล้วเท่านั้น กันท้องร่วงระหว่างทริปนะจ้ะ
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ชอบเข้าวัดเข้าว่า ช่างภาพล่าวิวทิวทัศน์ระดับหลักล้าน ผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติและชีวิตแบบสมถะ ต้องการมาพักผ่อนและสงบจิตสงบใจไปพร้อมๆกัน

สิงคโปร์

  • งบประมาณ: 10,000 – 13,000 บาท (ไม่รวมช็อปปิ้ง)
  • การเดินทาง: นั่งเครื่องบินไปลงสนามบินชางฮีซึ่งเป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลก ราคาไปกลับประมาณ 3,500 – 4,000 บาท ที่เหลือก็นั่งรถไฟใต้ดินและรถเมล์เอาถูกๆ
  • ระยะเวลา: 3 – 4 วัน
  • ไปทำอะไร?: หลังจากเจอทริปธรรมชาติ สังคม ประวัติศาสตร์ อารยธรรมมารัวๆ คราวนี้เราขอนำเสนอทริปไร้ทิวทัศน์ (เพราะมีแต่ตึก ตึก และตึก และแม่น้ำ อ่าว ทะเล แผ่นดิน ที่เกิดจากการขุดสร้างถมล้วนๆ) ปราศจากประวัติศาสตร์ต้องจดจำให้ปวดหัว (เพราะประเทศนี้เพิ่งจะครบ 50 ปีไปเมื่อไม่กี่ปี) เดินชิกๆเกร๋ๆเอาโบนัสที่เพิ่งได้มาละลายกับของแบรนด์เนมไฮเอนด์ละลานตา เยือนสวนสนุกระดับโลก Universal Studio Singapore เงินเหลือก็เล่นเครื่องเล่นในเกาะหฤหรรษ์ Sentosa ต่อ มีสวนนก สวนสัตว์ทั้งแบบกลางวันกลางคืน หรือใครอยากจะเข้าวัดจีน วัดไทย มัสยิด โบสถ์ ที่นี่มีหมด กลางคืนก็ไปจับจองพื้นที่ดูแสง สี เสียง น้ำพุ ตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ สัมผัสอาหารราคาแพงในศูนย์อาหารที่โค-ตะ-ระจะร้อนประกอบเสียงลุงป้าตะโกนกันโฉ่งเฉ่ง เดินในถนนที่สะอาดที่สุดแบบที่จะไม่ได้พบเจอในประเทศไทย กับทางม้าลายที่สามารถข้ามถนนใหญ่ได้อย่างปลอดภัยไม่กลัวตาย เนื่องจากที่นี่กฏระเบียบเข้มงวดมาก เช่น ข้ามถนนไม่ตรงทางม้าลาย จับได้ปรับ 400 เหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 10,000 บาทเอ๊ง) ระมัดระวังกันหน่อย อย่าไปทำผิดกฎเค้านะลูกนะ
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีทรัพย์พร้อมช็อปจะสนุกมาก เบื่อชีวิตสงบนิ่ง อยากเพิ่มความ active ให้ตัวเอง ชื่นชอบอะไรก็ตามที่ทำขึ้นเองด้วยฝีมือมนุษย์ หรืออยากจะมาดูการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างน้อยนิดให้คุ้มค่าก็ไม่ว่ากันค่ะ

อินโดนีเซีย (สุราบายา – บาหลี)

  • งบประมาณ: 13,000 – 15,000 บาท
  • การเดินทาง: นั่งเครื่องบินลงสุราบายา ขากลับกลับที่บาหลี ตกประมาณ 8,000 บาท ในประเทศให้เช่ารถพร้อมคนขับที่รู้เส้นทางแพงถูกขึ้นกับจำนวนคนหารและสถานที่ที่จะไป
  • ระยะเวลา: 4 – 6 วัน
  • ไปทำอะไร?: เสี่ยงตายพิชิตสองภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ เริ่มด้วยการปีนภูเขาไฟโบรโม่อันโด่งดังที่เปรียบดั่งลมหายใจเทพเจ้า วันรุ่งขึ้นไปปีนภูเขาไฟที่ชันกว่าชื่อ คาวาอี้เจี้ยน เพื่อดูเปลวไฟสีน้ำเงิน เที่ยวชมน้ำตกน้อยใหญ่ระหว่างทาง และหลังจากที่ใช้ชีวิตลำบาก ปีนเขา เมาเขม่าควันภูเขาไฟมานาน ก็ปิดท้ายด้วยนั่งเรือข้ามไปสำเริงสำราญในเกาะสวรรค์ บาหลี เนื่องจากโบรโม่และคาวาอี้เจี้ยนเป็นภูเขาไฟที่ยัง active อยู่ ก่อนขึ้นก็กราบไหว้ฟ้าดินขอไม่ให้มันระเบิด ไปถึงปากปล่องควรสำรวม เชื่อฟังไกด์ อย่าไปแอ๊คท่าถ่ายรูปอะไรผาดโผน มีคนลื่นตกไปในปล่องมาแล้วเน้อ
  • เหมาะสำหรับ: ผู้รักการแอนแวนเจอร์ ชื่นชอบความเสี่ยงเล็กๆพอให้อะดรีนนาลีนหลั่ง มีร่างกายแข็งแรงพอสมควรในการปีนภูเขาไฟ หากไม่มีซักข้อที่กล่าวมาให้จองตั๋วตรงไปนอนนวยนาดรอคนอื่นที่บาหลีได้เลย

มีหลายที่ หลายสไตล์ ให้เลือกสรรในราคาสบายกระเป๋าแบบนี้ จะมัวชักช้าอยู่ใย รีบวางแผนออกท่องโลกกว้างด่วนเลย แต่ถึงจะมีงบประมาณจำกัดก็อย่าลืมกันเงินส่วนหนึ่งไว้เตรียมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น การทำประกันการเดินทางในราคาไม่กี่ร้อยบาท ด้วยนะจ้ะ

Comments