วิธีขอวีซ่าเชงเก้น ไปเที่ยวยุโรป

วิธีขอ วีซ่าเชงเก้น ไปเที่ยวยุโรป

หลายคนกำลังเตรียมตัวออกไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งการเดินทางไปประเทศแถบยุโรปก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดฮิตของนักท่องเที่ยว เพราะมีทั้งธรรมขาติ และสถาปัตยกรรมที่งดงามที่ต้องมีใครที่เคยฝันอยากจะไปเที่ยวดูสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นออสเตรีย ฝรั่งเศส เยอรมนี สวิสเซอร์แลนด์ อิตาลี และอีกมากมาย และ “ วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) ” ก็คือใบเบิกทางสู่หลากประเทศที่ขอแค่รอบเดียวก็เที่ยวได้หลายประเทศในวีซ่าเดียว วันนี้ Allianz Travel มีรายละเอียด วิธีขอ วีซ่าเชงเก้น มาฝากทุกคนค่ะ

วีซ่าเชงเก้น ถือกำเนิดมาจากข้อตกลงระหว่างประเทศในทวีปยุโรปที่อนุญาตให้พลเมืองของประเทศสมาชิกสามารถเดินทางระหว่างกันได้โดยไม่ต้องถือหนังสือเดินทาง ซึ่งรวมไปถึงการอนุญาตให้เดินทางเป็นการชั่วคราวให้กับผู้ที่ถือวีซ่าเชงเก้นด้วย โดยปัจจุบันประเทศที่อยู่ในข้อตกลงเชงเก้นนั้นมี 29 ประเทศ ซึ่งมีทั้งประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) และประเทศที่ไม่ใช่สมาชิก กลุ่มประเทศเชงเก้นประกอบไปด้วยประเทศดังต่อไปนี้ค่ะ:

Austria

Austria (ออสเตรีย)

Belgium

Belgium (เบลเยี่ยม)

Croatia

Croatia (โครเอเชีย)

Czech Republic

Czech Republic (สาธารณรัฐเช็ก)

Denmark

Denmark (เดนมาร์ก)

Estonia

Estonia (เอสโตเนีย)

Finland

Finland (ฟินแลนด์)

France

France (ฝรั่งเศส)

Germany

Germany (เยอรมัน)

Greece

Greece (กรีซ)

Hungary

Hungary (ฮังการี)

Iceland

Iceland (ไอซ์แลนด์)

Italy

Italy (อิตาลี)

Latvia

Latvia (ลัตเวีย)

Liechtenstein

Liechtenstein (ลิกเตนสไตน์)

Lithuania

Lithuania (ลิทัวเนีย)

Luxembourg

Luxembourg (ลักเซมเบอร์ก)

Malta

Malta (มอลตา)

Netherlands

Netherlands (เนเธอร์แลนด์)

Norway

Norway (นอร์เวย์)

Poland

Poland (โปแลนด์)

Portugal

Portugal (โปรตุเกส)

Slovakia

Slovakia (สโลวาเกีย)

Slovenia

Slovenia (สโลวีเนีย)

Spain

Spain (สเปน)

Sweden

Sweden (สวีเดน)

Switzerland

Switzerland (สวิตเซอร์แลนด์)

Bulgaria

Bulgaria (บัลแกเรีย)

Romania

Romania (โรมาเนีย)

สิ่งสำคัญที่ควรทราบอย่างหนึ่งคือ วีซ่าเชงเก้นไม่สามารถใช้เข้าประเทศในกลุ่มสหราชอาณาจักร ซึ่งได้แก่ อังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์ได้

ขั้นตอนการขอวีซ่าเชงเก้น

ก่อนดำเนินการยื่นคำร้อง

  1. ก่อนทำการยื่นคำร้องขอวีซ่า คุณต้องมั่นใจแล้วว่า คุณเลือกประเทศที่ถูกต้องในการยื่นขอวีซ่าเชงเก้น เนื่องจากแต่ละประเทศมีวิธีและช่องทางการยื่นขอวีซ่าที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย และการยื่นขอวีซ่าเชงเก้นผิดประเทศตามที่เราอธิบายไว้ข้างต้น สถานทูตก็มีสิทธิ์ปฏิเสธการออกวีซ่าให้คุณได้ โดยกฏของการยื่นขอวีซ่าเชงเก้น (Schengen rules) มีดังต่อไปนี้

1.1. หากเดินทางท่องเที่ยวเพียงประเทศเดียว ให้ยื่นขอวีซ่าเชงเก้นไปยังสถานทูต / สถานกงสุล / ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าของประเทศเชงเก้นนั้น

1.2 หากเดินทางท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเชงเก้นมากกว่าสองประเทศ ให้ยื่นใบคำขอวีซ่าเชงเก้นดังนี้ :
– กรณีจำนวนวันที่จะพำนักในแต่ละประเทศ – ไม่เท่ากัน ให้ยื่นขอวีซ่าเชงเก้นไปยังสถานทูต / สถานกงสุล / ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าของประเทศเชงเก้นที่จะเข้าไปพำนักนานที่สุด
– กรณีจำนวนวันที่จะพำนักในแต่ละประเทศ – นานเท่ากัน ให้ยื่นขอวีซ่าเชงเก้นไปยังสถานทูต / สถานกงสุล / ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าของประเทศเชงเก้นที่จะเดินทางเข้าไปเป็นประเทศแรก

2. เมื่อได้ประเทศที่ต้องยื่นขอวีซ่าเชงเก้นแล้ว ก็ได้เวลาหาข้อมูลว่าประเทศที่คุณต้องขอวีซ่าเชงเก้นนั้น เขาใช้วิธีการใดในการยื่นขอวีซ่า ซึ่งโดยทั่วไปแต่ละประเทศจะมีช่องทางใดช่องทางหนึ่งในการให้บริการดังนี้

  • ยื่นคำร้องขอวีซ่าเชงเก้นผ่านสถานทูตโดยตรง ได้แก่ ประเทศกรีซ, ฮังการี, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, ลักเซ็มเบิร์ก, โปแลนด์, สโลวาเนีย
  • ยื่นคำร้องผ่านศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า VFS Global

ที่อยู่ : จามจุรีสแควร์ ชั้น 4 ห้อง 404-405 ถ.พญาไท ปทุมวัน กทม. 10330

เวลาทำการ : จันทร์ – ศุกร์ 08.30 – 16.00

โทร : 02-118-7015

ให้บริการยื่นวีซ่าสำหรับประเทศ ออสเตรีย, เบลเยี่ยม, สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก, เอสโตเนีย, ฟินแลนด์, เยอรมัน, ไอซ์แลนด์, อิตาลี, ลิคเทนสไตน์, มอลต้า, เนเธอร์แลนด์, สโลวีเนีย, สวีเดน และ สวิตเซอร์แลนด์

  • ยื่นคำร้องผ่านศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า TLS Contact

ที่อยู่ : สาทรซิตี้ทาวเวอร์ 175 ชั้นที่ 12 ถ.สาทรใต้ ทุ่งมหาเมฆ สาทร กทม. 10120

เวลาทำการ : จันทร์ – ศุกร์ 08.30 – 16.30

โทร : 02-838-6688

ให้บริการยื่นวีซ่าสำหรับประเทศ ฝรั่งเศส และ โปรตุเกส

  • ยื่นคำร้องผ่านศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า BLS International

ที่อยู่ : 399 อาคารอินเตอร์เชนจ์ชั้น B2 ห้อง A/1 ถ.สุขุมวิท คลองเตยเหนือ วัฒนา กทม. 10110
เวลาทำการ : จันทร์ – ศุกร์ 08.30 – 16.00
โทร : 02-258-3524
ให้บริการยื่นวีซ่าสำหรับประเทศ สเปน

3. การขอวีซ่าเชงเก้นทุกประเทศจะต้องมีการทำประกันการเดินทาง ที่มีวงเงินประกันไม่น้อยกว่า 30,000 ยูโรหรือ 1,500,000 บาท และแต่ละประเทศยังมีการกำหนดบริษัทประกันภัยที่ได้รับการยอมรับด้วย ซึ่งคุณจำเป็นต้องตรวจสอบรายชื่อและใช้บริการกับบริษัทประกันภัยที่ได้รับการยอมรับเท่านั้น

4. วีซ่าเชงเก้นสามารถยื่นคำร้องขอล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน แต่ต้องไม่น้อยกว่า 15 วันก่อนการเดินทาง

5. แต่ละช่องทางการยื่นคำร้องขอวีซ่าจะมีขั้นตอนอธิบายบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของแต่ละประเทศ คุณสามารถศึกษารายละเอียดทั้งหมดได้ด้วยตนเอง และโดยส่วนใหญ่จะมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกันคือ จองคิว > กรอกเอกสารและจัดเตรียมหลักฐาน > ยื่นเอกสารและเก็บข้อมูลชีวภาพ > เรียกสัมภาษณ์ (ถ้ามี) > รอฟังผลการพิจารณา > รับหนังสือเดินทางคืนพร้อมผลการขอวีซ่า

เมื่อดำเนินการยื่นคำร้อง

1. ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม Schengen Visa Application หรือกรอกข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ (ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ) โดยคุณจำเป็นต้องกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน

แบบฟอร์มจะมีรูปแบบเหมือนกันทุกประเทศ โดยให้กรอกให้ครบถ้วน อย่าเว้นว่างช่องคำถามใด หากคำถามไม่ตรงกับเคสของเราให้กรอกว่า NA (No Answer) แทน หลังจากที่กรอกเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ให้พิมพ์แบบฟอร์มออกมา 2 ชุด และอย่าลืมเซ็นชื่อให้เรียบร้อยทั้ง 2 ชุด

2. จองคิวนัดหมายกับสถานทูต (ถ้ามี) หรือศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า ซึ่งตัวแทนทั้งหมดจะใช้วิธีการจองคิวนัดหมายผ่านระบบออนไลน์ตามเวลาที่กำหนดอยู่แล้ว โดยศูนย์รับคำร้องข้อวีซ่าจะมีบริการอื่น ๆ เพิ่มเติมที่คุณสามารถเลือกหรือไม่เลือกก็ได้ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอาทิเช่น บริการจัดส่งเอกสารทางไปรษณีย์, บริการแจ้งผลการขอวีซ่าผ่าน SMS, บริการถ่ายรูป / ถ่ายเอกสาร เป็นต้น

3. เตรียมตัวเดินทางไปศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าหรือสถานทูตด้วยตนเอง และไม่สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นไปแทนได้ โดยคุณต้องถึงก่อนเวลานัดหมายอย่างน้อย 15 นาทีพร้อมเอกสารทั้งหมดที่จำเป็นทั้งฉบับจริงและสำเนา และหนังสือเดินทางที่ต้องมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า และมีอายุคงเหลือมากกว่า 3 เดือนนับจากวันที่เดินทางออกจากเขตประเทศเชงเก้น

4. ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าหรือสถานทูตจะเก็บข้อมูลทางชีวภาพของคุณได้แก่ลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว และถ่ายภาพเต็มหน้าของคุณตามข้อกำหนดของวีซ่าเชงเก้น โดยต้องเป็นภาพหน้าตรง พื้นหลังขาว ไม่มีแสงเงา ไม่สวมอุปกรณ์คลุมศีรษะแต่เหตุผลทางศาสนาหรือทางการแพทย์ (สวมใส่แว่นสายตาได้)

5. สำหรับการยื่นคำร้องขอวีซ่าเชงเก้นนั้นอาจมีการเรียกสัมภาษณ์คุณด้วย แต่โดยส่วนใหญ่การยื่นคำร้องกับศูนย์รับคำร้องขอวีซ่านั้นจะไม่มีการสัมภาษณ์ ทั้งนี้สถานทูตอาจจะเรียกสัมภาษณ์คุณในระหว่างการพิจารณา ดังนั้นเตรียมตัวไว้ก่อนเป็นดีที่สุด

6. ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าหรือสถานทูตรับเอกสารและเก็บข้อมูลชีวภาพเสร็จสิ้น (รวมทั้งการเรียกสัมภาษณ์) การยื่นขอวีซ่าเชงเก้นก็เป็นอันเรียบร้อย โดยปกติแล้วคุณจะทราบผลภายใน 15 วันทำการนับตั้งแต่วันยื่นเอกสาร และคุณสามารถรับเอกสารและหนังสือเดินทางคืนหลังรับทราบผลแล้วได้ที่ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า หรือบริการจัดส่งทางไปรษณีย์ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)

เอกสารการขอ วีซ่าเชงเก้น

หลักฐานสำคัญ

  1. เอกสารคำร้องขอ – เอกสารที่คุณต้องพิมพ์หรือกรอกเรียบร้อยแล้ว
  2. หนังสือเดินทาง – ต้องเป็นหนังสือเดินทางฉบับล่าสุด มีอายุคงเหลือมากกว่า 3 เดือนนับจากวันที่เดินทางออกจากเขตประเทศเชงเก้น และมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า กรณีที่มีหนังสือเดินทางเล่มก่อนหน้าให้นำไปด้วยทั้งหมด และถ่ายสำเนาหน้าแรกพร้อมกับหน้าที่เคยได้วีซ่า/เดินทางไปประเทศอื่นด้วย
  3. สำเนาเอกสารแสดงตัว – ได้แก่สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาอื่น ๆ ถ้ามี อาทิเช่น สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาทะเบียนหย่า สำเนาใบเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล เป็นต้น (พร้อมเอกสารฉบับจริง)
  4. รูปถ่ายหน้าตรง – ต้องใช้รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 ใบ โดยไม่ยิ้ม และไม่มีเส้นผมหรืออุปกรณ์ใด ๆ บดบังใบหน้าและดวงตา (ยกเว้นแว่นสายตา) โดยต้องเป็นรูปที่ถ่ายมาแล้วไม่เกิน 6 เดือน ทั้งนี้เราขอแนะนำให้คุณตรวจสอบเงื่อนไขการถ่ายภาพโดยละเอียด เนื่องจากบางประเทศมีกฎระเบียบที่เข้มงวดกว่าปกติ
  5. ประกันการเดินทาง – เพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันการประกันภัยระหว่างเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยต้องมีวงเงินประกันขั้นต่ำ 1,500,000 บาท (30,000 ยูโร) และต้องทำกับบริษัทประกันภัยที่สถานทูตให้การรับรองด้วย
  1. ใบยืนยันการจองตั๋วเครื่องบิน – ต้องเป็นตั๋วเครื่องบินที่เดินทางจากประเทศไทยไปยังประเทศสมาชิกเชงเก้น และเดินทางกลับถึงประเทศไทยภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น ค้นหาและจองตั๋วเครื่องบินไปยุโรป
  2. ใบยืนยันการจองโรงแรมที่พัก – ต้องเป็นโรงแรมภายในประเทศสมาชิกเชงเก้น และมีการเข้าพักในช่วงเวลาท่องเที่ยวที่ระบุไว้เท่านั้น ค้นหาและจองโรงแรมที่พักในยุโรป
  3. ใบยืนยันการจองตั๋วรถไฟ/รถเช่า (ถ้ามี) – เนื่องจากต้องใช้เป็นหลักฐานยืนยันการเดินทางท่องเที่ยวในยุโรปที่ใช้ระบบรถไฟเป็นหลัก หากไม่มีต้องอธิบายแผนการเดินทางเป็นลายลักษณ์อักษรได้ว่าคุณวางแผนการเดินทางอย่างไร ค้นหาและจองรถเช่าในยุโรป

หลักฐานสำคัญ กรณีมีรายได้เป็นของตนเอง

1. เอกสารรับรองการทำงาน

กรณีเป็นพนักงาน: ต้องใช้หนังสือรับรองการทำงานเป็นภาษาอังกฤษ โดยต้องมีข้อมูลชื่อองค์กรที่ทำงาน ตำแหน่งงาน เงินเดือน วันเริ่มงาน และควรมีการระบุจุดหมายปลายทาง ช่วงวันเดินทาง และวันที่จะกลับถึงประเทศไทยอย่างชัดเจน พร้อมลงนามและประทับตรา

กรณีเป็นเจ้าของกิจการ: ต้องใช้สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่มีอายุไม่เกิน 3 เดือน พร้อมทะเบียนการค้า หรือใบอนุญาตการประกอบธุรกิจ และเอกสารใด ๆ ที่เกี่ยวข้องและมีชื่อของคุณเป็นเจ้าของกิจการ

2. รายการเดินบัญชีเงินฝาก – สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากที่ปรับรายการเดินบัญชีถึงปัจจุบันถึงย้อนหลังไม่ต่ำกว่า 6 เดือน และควรมีเงินฝากที่เพียงพอต่อการแสดงให้เห็นว่าสามารถพำนักอยู่ในยุโรปได้อย่างไม่มีปัญหา (แนะนำว่าควรแสดงเงินฝากเกิน 50,000 บาทขึ้นไป) หรือขอรายการเดินบัญชีที่ได้รับตราประทับจากธนาคาร หรือขอเอกสารแสดงข้อมูลทางบัญชีที่การันตีเงินฝากของคุณเป็นภาษาอังกฤษก็ได้

3. สลิปเงินเดือน – กรณีมีรายได้ประจำ ให้แนบสลิปย้อนหลัง 6 เดือน โดยยอดเงินสุทธิในสลิปจะต้องสอดคล้องกับรายการเดินบัญชีเงินฝากด้วย

หลักฐานสำคัญ กรณีไม่มีรายได้เป็นของตนเอง

  1. หลักฐานแสดงรายได้ของคู่สมรส – กรณีเป็นคู่สมรสที่มีการจดทะเบียนกันอย่างถูกต้อง และต้องมีสำเนาเอกสารยืนยัน และถ้าคู่สมรสไม่ได้เดินทางไปด้วย ต้องมีสำเนาเอกสารแสดงตัวของคู่สมรสทั้งหมดแนบมาด้วย หรือถ้าไม่ได้จดทะเบียน ต้องมีหนังสือยืนยันการสมรสโดยไม่ได้จดทะเบียนและลงชื่อรับรองทั้ง 2 ฝ่าย
  2. หลักฐานแสดงรายได้ของญาติ – กรณีเดินทางกับญาติพี่น้องสามารถใช้ข้อมูลของญาติที่ร่วมเดินทางไปด้วยพร้อมหนังสือรับรองความเป็นญาติ หรือถ้าญาติเป็นเจ้าของกิจการหรือบุคคลที่รายได้แต่ไม่ได้เดินทางไปด้วย ก็สามารถใช้อ้างอิงแทนกันได้ ทั้งนี้ยอมรับเฉพาะญาติที่เป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง สามี หรือภรรยาเท่านั้น
  3. สูติบัตรและทะเบียนบ้าน – กรณีผู้เดินทางเป็นเด็กที่มีอายุไม่เกิน 20 ปีบริบูรณ์ ต้องมีหลักฐานแสดงถึงความสัมพันธ์ของพ่อและแม่ที่ร่วมเดินทางไปด้วย โดยใช้สูติบัตรร่วมกับทะเบียนบ้านที่อ้างอิงถึงชื่อบิดามารดา
  4. จดหมายยินยอมจากผู้ปกครอง – กรณีผู้เดินทางเป็นเด็กอายุไม่เกิน 20 ปีบริบูรณ์ และไม่ได้เดินทางพร้อมบิดามารดาร่วมกัน ผู้ปกครองที่เป็นบิดาหรือมารดาที่ไม่ได้ร่วมไปด้วยทั้งหมดต้องลงชื่อในจดหมายยินยอมที่ออกโดยที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขต
  5. เอกสารรับรองการศึกษา – กรณีเป็นนักเรียน/นักศึกษา ต้องใช้หนังสือรับรองจากสถานศึกษาที่สังกัดอยู่เป็นภาษาอังกฤษ

หลักฐานอื่น ๆ

  1. แผนการเดินทาง – แสดงแผนการเดินทางในช่วงที่อยู่ในประเทศอังกฤษเพื่อให้ทราบว่าในแต่ละวันจะเดินทางไปเที่ยวเมืองอะไร สถานที่ท่องเที่ยวไหน พักที่ใดบ้าง โดยแผนทั้งหมดต้องเป็นภาษาอังกฤษ
  2. ใบปะหน้า – เขียนใบปะหน้าเอกสารโดยสรุปของการยื่นขอวีซ่าเชงเก้น อาทิเช่นวันเวลาเดินทาง สถานที่ที่ต้องการเที่ยว และรายการหรืออธิบายสั้น ๆ ถึงเอกสารที่รวบรวมมาเพื่อประกอบการพิจารณา
  3. สัญญาเช่า/สัญญากู้บ้าน/ผ่อนรถ – เป็นเอกสารประกอบเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเจ้าของหรือเป็นผู้ที่มีภาระผูกพันกับฐานที่อยู่ในประเทศไทย ให้ทางสถานทูตมั่นใจได้ว่าคุณจะกลับมาอย่างแน่นอน

หลังจากที่เราเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเข้ารับการสัมภาษณ์ในการขอวีซ่าเชงเก้นตามวันนัดหมาย การสัมภาษณ์จะเป็นการถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว ที่อยู่ ที่ทำงาน วัตถุประสงค์ในการเดินทาง ข้อมูลการเดินทางอื่นๆ ซึ่งเราจะต้องตอบให้สอดคล้องกับรายละเอียดที่กรอกลงในแบบฟอร์มคำขอ และเอกสารที่ได้ยื่นไป โดยปกติขั้นตอนการสัมภาษณ์นี้จะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 10-15 นาที

หลังจากนั้นก็รอผลในการขอวีซ่า ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 15 วันทำการ แต่ในบางกรณีอาจจะนานถึง 45 วันทำการเลยทีเดียว หากผลของวีซ่าออกมาผ่านก็เตรียมตัวไปเที่ยวยุโรปตามแผนที่วางเอาไว้ได้เลย แต่ถ้าใครที่ถูกปฎิเสธก็ไม่ต้องเสียใจไป เราสามารถนำเหตุผลในการปฎิเสธครั้งนี้ไปปรับปรุงเพื่อใช้ในการยื่นวีซ่ารอบถัดไปได้ และหากใครซื้อประกันการเดินทางของ Allianz Travel ก็สามารถทำเรื่องขอคืนเงินด้วยเหตุผลว่ายื่นวีซ่าไม่ผ่านได้ค่ะ*

ทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลและวิธีการขอ วีซ่าเชงเก้น สำหรับเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศต่าง ๆ ในยุโรปที่อยู่ในลิสต์ประเทศที่สามารถเดินทางไปเยือนได้ด้วยวีซ่าเชงเก้น ซึ่งหากเราทำตามขั้นตอน และเตรียมเอกสารให้พร้อมเพื่อให้สถานทูตมั่นใจว่าเราต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวจริง ๆ  โอกาสที่เราจะได้วีซ่าก็จะสูง สามารถเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ ได้ตามแผนที่วางไว้ ส่วนใครที่อยากเดินทางไปแต่ยังเกรง ๆ กับขั้นตอนการขอวีซ่าเชงเก้นอยู่ Allianz Travel ขอส่งกำลังใจให้คุณยื่นขอวีซ่าเชงเก้นได้สำเร็จนะคะ

และการขอวีซ่าเชงเก้นทุกประเทศจะต้องมีการทำประกันการเดินทาง ที่มีวงเงินประกันไม่น้อยกว่า 30,000 ยูโรหรือประมาณ 1,500,000 บาท และต้องทำกับบริษัทประกันภัยที่สถานทูตให้การรับรองด้วย นอกจากนี้ประกันเดินทางเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เพียงจ่ายเงินไม่กี่บาท คุณก็จะได้ความคุ้มครองมากมายที่ครอบคลุมเกือบทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง* เช่น ความเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์ เป็นต้น ให้คุณเที่ยวยุโรปได้อย่างมั่นใจและไร้กังวล! Allianz Travel ขอแนะนำ ประกันการเดินทางต่างประเทศ Dance Moves ที่จะช่วยให้ทริป การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่มีสะดุด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel

5 เทศกาลห้ามพลาด ในยุโรป

เทศกาลห้ามพลาดในยุโรป เป็นเทศกาลท้องถิ่นที่เป็นวัฒนธรรมที่สืบสานตกทอดมาจากอดีต ซึ่งจะมีความเป็นเอกลักษณ์ และความสวยงาม ให้ผู้เข้าร่วมเทศกาลได้รับกับประสบการณ์ที่สุดตื่นตา Allianz Travel จึงนำเทศกาลที่ไม่ควรพลาดหากได้ไปท่องเที่ยวยุโรปมาให้ดูกันว่ามีอะไรบ้าง

เทศกาล Midsummer ประเทศ สวีเดน

เทศกาลเพื่อเฉลิมฉลองวันครีษมายัน เป็นอีกเทศกาลห้ามพลาดในยุโรป เป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุดในรอบปีซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเข้าสู่ฤดูร้อน ซึ่งถือเป็นวันที่สำคัญมากที่สุดของสวีเดน ใันงานเทศกาล Midsummer นี้จะมีจะมีการร้องเพลงต่างๆ แต่เพลงที่ขาดไม่ได้ในงานนี้เลยคือเพลง “Sma Grodorna” หรือแปลว่าเจ้ากบน้อย ซึ่งในขณะที่ร้องเพลงนี้ผู้มาร่วมงานจะทำท่าเต้นที่เหมือนกบและกระโดดไปรอบๆ เสากลางงานเทศกาลที่เป็นลัญลักษณ์ของเทศกาล(Maypole) และสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยในงานเทศกาลก็คืออาหาร โดยในงานจะมีเสิร์ฟอาหาร 3 อย่างเป็นหลักคือ มันฝรั่งสดๆ ปลาแฮริ่งดอง และสตรอว์เบอร์รีตลอดงานเทศกาล นอกจากอาหารแล้ว ก็จะมีการเสิร์ฟเบียร์เย็นๆ หรือสุรา อควาวิตที่ผลิตในแถบสแกนดิเนเวีย ซึ่งตามวัฒนธรรมของสวีเดนแล้วหากมีการดื่มสุราก็จะมีการร้องเพลงดื่มสุราที่เรียกว่า Snapvisor ด้วย

ต้องไปเที่ยวช่วงไหน: เทศกาลจะจัดขึ้นในทุกวันศุกร์ปลายเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงก่อนวันครีษมายัน

เทศกาล La Tomatina ประเทศสเปน

La Tamotina เป็นเทศกาลแห่งการปามะเขือเทศที่จะย้อมเมืองให้เป็นสีแดง เริ่มจัดในช่วงเช้าโดยการใช้แฮมเสียบลงในแท่งไม้ใจกลางจัตุรัสเมือง ให้ผู้มาร่วมงานแข่งขันกันขึ้นไปหยิบแฮมชิ้นนั้นเพื่อเป็นสัญญานเริ่มต้นสงครามมะเขือเทศ หลังจากสัญญานการเริ่มงานเกิดขึ้นแล้ว จะมีรถบรรทุกมะเขือเทศที่ใกล้หมดอายุขัยเพื่อให้แน่ใจว่าผลมะเขือเทศจะนิ่ม และไม่เป็นอันตรายต่อผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งจะใช้มะเขือเทศทั้งหมดเกือบ 180 ตัน ในระยะเวลาของเทศกาลที่จัดขึ้นเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น

งานเทศกาล La Tamatina จะมีการเก็บค่าเข้าร่วมคนละ 10 euro หรือประมาณ 360บาท และจำกัดจำนวนของผู้ที่สามารถเข้าร่วมงานได้เพียง 30,000 คน ซึ่งหากเพื่อนๆ ต้องการไปเข้าร่วม Allianz Travel แนะนำให้ใส่แว่นตาสำหรับว่ายน้ำเพื่อปกป้องดวงตา และใส่รองเท้าคู่เก่าเพราะรองเท้าของเราจะพังอย่างแน่นอน

ต้องไปเที่ยวช่วงไหน: เทศกาลนี้จัดขึ้นทุกปี ในวันพุธสุดท้ายของเดือนสิงหาคม ที่หมู่บ้านบาเลนเซีย เมือง Bunol

เทศกาล Up Helly Aa ประเทศสกอตแลนด์

Up Helly Aa เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงชาวไวกิ้ง ที่เป็นชนเผ่านักรบและนักเดินเรือ ผู้คนจะแต่งตัวกันในชุดนักรบไวกิ้งแบบเต็มยศน่าเกรงขาม ซึ่งสีและธีมของชุดไวกิ้งก็จะเปลี่ยนไปทุกๆ ปีอีกด้วย และในระหว่างวันก็จะมีการเดินขบวนพาเหรดไวกิ้งซึ่งเปิดโอกาสให้แก่นักท่องเที่ยวร่วมแต่งกายเป็นไวกิ้งและเดินขบวนร่วมไปด้วยได้ นอกจากขบวนพาเหรดไวกิ้งแล้ว ยังมีการจัดนิทรรศการ Up Helly Aa ให้เข้าชมโดยเนื้อหาของนิทรรศการจะประกอบด้วย ประวัติของชาวไวกิ้ง อุปกรณ์ของชาวไวกิ้งต่างๆ ชุดไวกิ้งที่ใช้ในงานเทศกาล Up Helly Aa ที่ผ่านมา และภาพถ่ายบรรยกาศของงาน Up Helly Aa ในปีต่างๆ

พอถึงช่วงเย็นที่พระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งชาวเมืองที่แต่งตัวด้วยชุดนักรบไวกิ้งก็จะตั้งขบวนอีกครั้ง โดยรอบนี้จะมีการจุดคบเพลิง และลากเรือไวกิ้งที่จัดทำขึ้นเพื่อเทศกาลนี้โดยเฉพาะไปทั่วเมือง หลังจากที่ลากเรือไวกิ้งไปทั่วเมืองแล้วขบวนไวกิ้งก็จะนำเรือมาไว้ที่ลานกว้างของเมือง เพื่อร้องเพลง และเต้นรอบเรือไวกิ้ง จากนั้นก็จะทำการจุดไฟเผาเรือโดยคบเพลิงของผู้ร่วมงาน หลังจากเผาเรือแล้วก็จะมีการเฉลิมฉลองตลอดทั้งคืนทั้ง การกิน การดื่ม การเต้นรำไปกับเสียงดนตรี ถือเป็นเทศกาลไฟที่สร้างความสุข และความสนุกสนานให้ผู้มาร่วมได้อย่างมากมาย

ต้องไปเที่ยวช่วงไหน: จัดขึ้นที่ท่าเรือของเมืองเลอร์วิก ในปลายเดือนมกราคมของทุกปี

เทศกาล Oktoberfest ประเทศเยอรมัน

Oktoberfest คือเทศกาลเบียร์ที่โด่งดังที่สุดในโลก จัดที่เมืองมิวนิก ภายในงานเราจะได้เห็นภาพแห่งความสนุกสนานของเต็นท์ขนาดใหญ่ที่มีนักร้อง และวงดนตรีมาเล่น พร้อมกับผู้ที่มาร่วมงานที่แต่งกายในชุดพื้นเมืองที่เรียกว่า Lederhosen สำหรับผู้ชาย และ Dirndl สำหรับผู้หญิง มีอาหาร และเครื่องดื่มที่มากมายหลากหลายภายในงาน เป็นอีกหนึ่งใน เทศกาลห้ามพลาดในยุโรป

เต๊นท์และร้านค้าภายในงาน จะแบ่งเป็น 4 ประเภทหลักๆ ได้แก่ เต็นท์เบียร์ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และซุ้มเครื่องเล่น โดนร้านอาหารที่อยู่นอกเต๊นท์เบียร์จะขายอาหารจำพวกไส้กรอก และแซนวิชเพื่อให้รองท้องก่อนเข้าไปจัดเต็มกับอาหารในเต๊นท์เบียร์ ส่วนเครื่องเล่นก็จะมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นซุ้มยิงปืน โยนบอล ม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ ราวกับยกสวนสนุกมาไว้ในงานเลยทีเดียว

ส่วนพระเอกของงานนี้ที่จะพลาดไปไม่ได้เลยคือเต๊นท์เบียร์ขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีมากกว่า 14 เต็นท์ แต่ละเต๊นท์ก็จะมีการตกแต่ง และกิจกรรมที่แตกต่างกันไป

ต้องไปเที่ยวช่วงไหน: ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายน ยาวถึงต้นเดือนตุลาคม ประมาณ 16-18วัน ในทุกๆ ปี

เทศกาล Venice Carnival ประเทศอิตาลี

เวนิส เมืองแห่งสายน้ำ และความโรแมนติก มีเทศกาลประจำเมืองคือ Venice Carnival ที่มีจุดกำเนิดมาจากในสมัยก่อนที่ชาวเมืองเวนิสจะสวมใส่หน้ากากในการดำรงชีวิต เป็นการซ่อนหน้าตา และชนชั้นวรรณะไว้ใต้หน้ากาก แต่การใส่หน้ากากก็ถูกห้ามขึ้นในปี ค.ศ. 1797 จากการที่เมืองถูกยึดครองโดยกองทัพนโปเลียน แต่ประเพณีการสวมหน้ากากก็ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ. 1978 โดยกลุ่มอดีตนักศึกษาของ Academy of Fine Art

ปัจจุบันผู้เข้าร่วมงาน Venice Carnival จะสวมใส่หน้ากากที่มีการตกแต่งเพื่อความสวยงาม มีหน้ากากหลากหลายดีไซน์ สี และลวดลายที่ไม้ซ้ำกัน จะใส่คู่กับชุดคอสตูมที่มีความอลังการอย่างมากทั้งผู้ชาย และผู้หญิง อีเวนท์และการแสดงในงานจะมีจัดขึ้นทุกวันไม่ซ้ำกัน เช่น การประกวดหน้ากากและเครื่องแต่งกาย การประกวดขบวนพาเหรด การแสดงคอนเสิร์ต การแสดงแกลอรี่รูปภาพและประวัติความเป็นมาของเทศกาล Venice Carnival เป็นต้น

ต้องไปเที่ยวช่วงไหน: จัดขึ้นช่วงต้นปีเป็นประจำทุกปี เป็นระยะเวลามากกว่า 10 วัน

หลังจากที่ได้รับชมเทศกาลในยุโรปไปเรียบร้อยแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือการเตรียมตัว เพราะแต่ละเทศกาลที่กล่าวมานั้น ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกมากๆ เพราะฉะนั้นเราจึงควรจองที่พัก และตั๋วสำหรับเข้าร่วมเทศกาลไว้ล่วงหน้าเลย และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับทุกการเดินทางคือ ประกันภัยการเดินทาง “Dance Moves” จาก Allianz Travel ที่ให้ความคุ้มครองจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยขณะเดินทาง เที่ยวบินล่าช้า หรือเกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างเช่น ป่วยหนักจนต้องยกเลิกทริป และพลาดชมเทศกาลที่เราวางแผนไว้*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel