5 เทศกาลห้ามพลาด ในยุโรป

เทศกาลห้ามพลาดในยุโรป เป็นเทศกาลท้องถิ่นที่เป็นวัฒนธรรมที่สืบสานตกทอดมาจากอดีต ซึ่งจะมีความเป็นเอกลักษณ์ และความสวยงาม ให้ผู้เข้าร่วมเทศกาลได้รับกับประสบการณ์ที่สุดตื่นตา Allianz Travel จึงนำเทศกาลที่ไม่ควรพลาดหากได้ไปท่องเที่ยวยุโรปมาให้ดูกันว่ามีอะไรบ้าง

เทศกาล Midsummer ประเทศ สวีเดน

เทศกาลเพื่อเฉลิมฉลองวันครีษมายัน เป็นอีกเทศกาลห้ามพลาดในยุโรป เป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุดในรอบปีซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเข้าสู่ฤดูร้อน ซึ่งถือเป็นวันที่สำคัญมากที่สุดของสวีเดน ใันงานเทศกาล Midsummer นี้จะมีจะมีการร้องเพลงต่างๆ แต่เพลงที่ขาดไม่ได้ในงานนี้เลยคือเพลง “Sma Grodorna” หรือแปลว่าเจ้ากบน้อย ซึ่งในขณะที่ร้องเพลงนี้ผู้มาร่วมงานจะทำท่าเต้นที่เหมือนกบและกระโดดไปรอบๆ เสากลางงานเทศกาลที่เป็นลัญลักษณ์ของเทศกาล(Maypole) และสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยในงานเทศกาลก็คืออาหาร โดยในงานจะมีเสิร์ฟอาหาร 3 อย่างเป็นหลักคือ มันฝรั่งสดๆ ปลาแฮริ่งดอง และสตรอว์เบอร์รีตลอดงานเทศกาล นอกจากอาหารแล้ว ก็จะมีการเสิร์ฟเบียร์เย็นๆ หรือสุรา อควาวิตที่ผลิตในแถบสแกนดิเนเวีย ซึ่งตามวัฒนธรรมของสวีเดนแล้วหากมีการดื่มสุราก็จะมีการร้องเพลงดื่มสุราที่เรียกว่า Snapvisor ด้วย

ต้องไปเที่ยวช่วงไหน: เทศกาลจะจัดขึ้นในทุกวันศุกร์ปลายเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงก่อนวันครีษมายัน

เทศกาล La Tomatina ประเทศสเปน

La Tamotina เป็นเทศกาลแห่งการปามะเขือเทศที่จะย้อมเมืองให้เป็นสีแดง เริ่มจัดในช่วงเช้าโดยการใช้แฮมเสียบลงในแท่งไม้ใจกลางจัตุรัสเมือง ให้ผู้มาร่วมงานแข่งขันกันขึ้นไปหยิบแฮมชิ้นนั้นเพื่อเป็นสัญญานเริ่มต้นสงครามมะเขือเทศ หลังจากสัญญานการเริ่มงานเกิดขึ้นแล้ว จะมีรถบรรทุกมะเขือเทศที่ใกล้หมดอายุขัยเพื่อให้แน่ใจว่าผลมะเขือเทศจะนิ่ม และไม่เป็นอันตรายต่อผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งจะใช้มะเขือเทศทั้งหมดเกือบ 180 ตัน ในระยะเวลาของเทศกาลที่จัดขึ้นเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น

งานเทศกาล La Tamatina จะมีการเก็บค่าเข้าร่วมคนละ 10 euro หรือประมาณ 360บาท และจำกัดจำนวนของผู้ที่สามารถเข้าร่วมงานได้เพียง 30,000 คน ซึ่งหากเพื่อนๆ ต้องการไปเข้าร่วม Allianz Travel แนะนำให้ใส่แว่นตาสำหรับว่ายน้ำเพื่อปกป้องดวงตา และใส่รองเท้าคู่เก่าเพราะรองเท้าของเราจะพังอย่างแน่นอน

ต้องไปเที่ยวช่วงไหน: เทศกาลนี้จัดขึ้นทุกปี ในวันพุธสุดท้ายของเดือนสิงหาคม ที่หมู่บ้านบาเลนเซีย เมือง Bunol

เทศกาล Up Helly Aa ประเทศสกอตแลนด์

Up Helly Aa เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงชาวไวกิ้ง ที่เป็นชนเผ่านักรบและนักเดินเรือ ผู้คนจะแต่งตัวกันในชุดนักรบไวกิ้งแบบเต็มยศน่าเกรงขาม ซึ่งสีและธีมของชุดไวกิ้งก็จะเปลี่ยนไปทุกๆ ปีอีกด้วย และในระหว่างวันก็จะมีการเดินขบวนพาเหรดไวกิ้งซึ่งเปิดโอกาสให้แก่นักท่องเที่ยวร่วมแต่งกายเป็นไวกิ้งและเดินขบวนร่วมไปด้วยได้ นอกจากขบวนพาเหรดไวกิ้งแล้ว ยังมีการจัดนิทรรศการ Up Helly Aa ให้เข้าชมโดยเนื้อหาของนิทรรศการจะประกอบด้วย ประวัติของชาวไวกิ้ง อุปกรณ์ของชาวไวกิ้งต่างๆ ชุดไวกิ้งที่ใช้ในงานเทศกาล Up Helly Aa ที่ผ่านมา และภาพถ่ายบรรยกาศของงาน Up Helly Aa ในปีต่างๆ

พอถึงช่วงเย็นที่พระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งชาวเมืองที่แต่งตัวด้วยชุดนักรบไวกิ้งก็จะตั้งขบวนอีกครั้ง โดยรอบนี้จะมีการจุดคบเพลิง และลากเรือไวกิ้งที่จัดทำขึ้นเพื่อเทศกาลนี้โดยเฉพาะไปทั่วเมือง หลังจากที่ลากเรือไวกิ้งไปทั่วเมืองแล้วขบวนไวกิ้งก็จะนำเรือมาไว้ที่ลานกว้างของเมือง เพื่อร้องเพลง และเต้นรอบเรือไวกิ้ง จากนั้นก็จะทำการจุดไฟเผาเรือโดยคบเพลิงของผู้ร่วมงาน หลังจากเผาเรือแล้วก็จะมีการเฉลิมฉลองตลอดทั้งคืนทั้ง การกิน การดื่ม การเต้นรำไปกับเสียงดนตรี ถือเป็นเทศกาลไฟที่สร้างความสุข และความสนุกสนานให้ผู้มาร่วมได้อย่างมากมาย

ต้องไปเที่ยวช่วงไหน: จัดขึ้นที่ท่าเรือของเมืองเลอร์วิก ในปลายเดือนมกราคมของทุกปี

เทศกาล Oktoberfest ประเทศเยอรมัน

Oktoberfest คือเทศกาลเบียร์ที่โด่งดังที่สุดในโลก จัดที่เมืองมิวนิก ภายในงานเราจะได้เห็นภาพแห่งความสนุกสนานของเต็นท์ขนาดใหญ่ที่มีนักร้อง และวงดนตรีมาเล่น พร้อมกับผู้ที่มาร่วมงานที่แต่งกายในชุดพื้นเมืองที่เรียกว่า Lederhosen สำหรับผู้ชาย และ Dirndl สำหรับผู้หญิง มีอาหาร และเครื่องดื่มที่มากมายหลากหลายภายในงาน เป็นอีกหนึ่งใน เทศกาลห้ามพลาดในยุโรป

เต๊นท์และร้านค้าภายในงาน จะแบ่งเป็น 4 ประเภทหลักๆ ได้แก่ เต็นท์เบียร์ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และซุ้มเครื่องเล่น โดนร้านอาหารที่อยู่นอกเต๊นท์เบียร์จะขายอาหารจำพวกไส้กรอก และแซนวิชเพื่อให้รองท้องก่อนเข้าไปจัดเต็มกับอาหารในเต๊นท์เบียร์ ส่วนเครื่องเล่นก็จะมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นซุ้มยิงปืน โยนบอล ม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ ราวกับยกสวนสนุกมาไว้ในงานเลยทีเดียว

ส่วนพระเอกของงานนี้ที่จะพลาดไปไม่ได้เลยคือเต๊นท์เบียร์ขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีมากกว่า 14 เต็นท์ แต่ละเต๊นท์ก็จะมีการตกแต่ง และกิจกรรมที่แตกต่างกันไป

ต้องไปเที่ยวช่วงไหน: ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายน ยาวถึงต้นเดือนตุลาคม ประมาณ 16-18วัน ในทุกๆ ปี

เทศกาล Venice Carnival ประเทศอิตาลี

เวนิส เมืองแห่งสายน้ำ และความโรแมนติก มีเทศกาลประจำเมืองคือ Venice Carnival ที่มีจุดกำเนิดมาจากในสมัยก่อนที่ชาวเมืองเวนิสจะสวมใส่หน้ากากในการดำรงชีวิต เป็นการซ่อนหน้าตา และชนชั้นวรรณะไว้ใต้หน้ากาก แต่การใส่หน้ากากก็ถูกห้ามขึ้นในปี ค.ศ. 1797 จากการที่เมืองถูกยึดครองโดยกองทัพนโปเลียน แต่ประเพณีการสวมหน้ากากก็ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ. 1978 โดยกลุ่มอดีตนักศึกษาของ Academy of Fine Art

ปัจจุบันผู้เข้าร่วมงาน Venice Carnival จะสวมใส่หน้ากากที่มีการตกแต่งเพื่อความสวยงาม มีหน้ากากหลากหลายดีไซน์ สี และลวดลายที่ไม้ซ้ำกัน จะใส่คู่กับชุดคอสตูมที่มีความอลังการอย่างมากทั้งผู้ชาย และผู้หญิง อีเวนท์และการแสดงในงานจะมีจัดขึ้นทุกวันไม่ซ้ำกัน เช่น การประกวดหน้ากากและเครื่องแต่งกาย การประกวดขบวนพาเหรด การแสดงคอนเสิร์ต การแสดงแกลอรี่รูปภาพและประวัติความเป็นมาของเทศกาล Venice Carnival เป็นต้น

ต้องไปเที่ยวช่วงไหน: จัดขึ้นช่วงต้นปีเป็นประจำทุกปี เป็นระยะเวลามากกว่า 10 วัน

หลังจากที่ได้รับชมเทศกาลในยุโรปไปเรียบร้อยแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือการเตรียมตัว เพราะแต่ละเทศกาลที่กล่าวมานั้น ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกมากๆ เพราะฉะนั้นเราจึงควรจองที่พัก และตั๋วสำหรับเข้าร่วมเทศกาลไว้ล่วงหน้าเลย และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับทุกการเดินทางคือ ประกันภัยการเดินทาง “Dance Moves” จาก Allianz Travel ที่ให้ความคุ้มครองจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยขณะเดินทาง เที่ยวบินล่าช้า หรือเกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างเช่น ป่วยหนักจนต้องยกเลิกทริป และพลาดชมเทศกาลที่เราวางแผนไว้*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

เลือกแผนประกันเดินทางที่ใช่สำหรับคุณ ประกันการเดินทาง Dance Moves จาก Allianz Travel