Note For Gamer

เกมมิ่งโน้ตบุ๊คสำหรับเกมเมอร์ยุค 2020

ACER NITRO 5 AN515-55-517 N

เมื่อพูดถึงโน้ตบุ๊คเกมมิ่ง หลาย ๆ คนน่าจะคิดถึง Acer Predator แต่ถึงแม้จะเป็นรุ่นต่ำสุดก็แอบมีราคาที่สูงไม่ใช่น้อยเลย แต่ถ้ายอมขยับงบในกระเป๋าลงมาซักหน่อยก็จะได้โน้ตบุ๊คอีกตัวที่สเปกไม่แพ้รุ่นพี่เพชรฆาต Predator เลย นั้นก็คือ Acer Nitro 5 รุ่น AN515-55-517N ที่มาพร้อมสเปกสุดล้ำ ลื่น เร็ว ไม่มีสะดุด จอสีสวยคมชัดทุกการเคลื่อนไหว ตัวเครื่องสี Obsidian Black มันวาวสวยงาม

รุ่นAN515-55-517 N
ราคา35,900 บาท
สเปกIntel Core i5-10300 H
หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ขอบจอ บางความละเอียด Full HD และพาเนลแบบ IPS ให้สีสวยคมชัดทุกมุมมอง พร้อม Refresh Rate ถึง 144Hz
การ์ดจอNVIDIA GeForce RTX 2060 6GB GDDR6
คีย์บอร์ดFull Size พร้อมไฟ RGB สเปกเกมมิ่งแบบจัดเต็ม
แรม16 GB DDR4 (1x 16GB)
ฮาร์ดดิสก์512GB PCIe NVMe M.2 SSD
ระบบเสียงระบบเสียง DTS® X:Ultra Audio & Acer True Harmony
ระบบปฏิบัติการมาพร้อม Windows 10 Home (64-bit) ในตัว
พอร์ทเชื่อมต่อ·     USB 3.2 ทั้ง Gen 1 และ Gen 2·     USB Type C·     HDMI / Audio Jack แบบ Combo

เป็นไงกันบ้างคะ ถูกใจเหล่าเกมเมอร์รึเปล่า มันต้องถูกใจแน่นอนอยู่แล้ว เพราะสเปกจัดหนัก จัดเต็มแบบนี้ จะเล่นกี่เกมส์ นานแค่ไหน เจ้า Acer Nitro 5 AN515-55-517 N ก็เอาอยู่แน่นอน สเปกแจ่ม ภาพคม คีย์บอร์ดสวย คุ้มราคาสุด ๆ

ให้ Allianz Xtend เป็นผู้ช่วยดูแลโน้ตบุ๊คสุดรักสุดหวงของคุณนะคะ จ่ายเพียงแค่ 8% ของราคาโน้ตบุ๊คครั้งเดียวเท่านั้นค่ะ เราคุ้มครองถึงปีที่ 3 เลย ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุจากน้ำ ตกหล่นเสียหาย ไฟฟ้าลัดวงจร ฟ้าผ่า ไฟไหม้ และ ถูกโจรกรรมในที่พักอาศัย อุ่นใจหายห่วงไร้กังวล

สนใจทำประกันโน๊ตบุ๊ค คลิกเลย

5 จุดเด่น ของ SAMSUNG GALAXY NOTE 20 และ NOTE 20 ULTRA

พึ่งเปิดตัวกันไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา สำหรับ Samsung Galaxy Note 20 และ Note 20 Ultra จากค่ายยักษ์ใหญ่แดนกิมจิ มาพร้อมคุณสมบัติและสเปคสุดล้ำ เปรียบเสมือนนำเอาคอมพิวเตอร์มาพกติดตัวไว้กับคุณเลยก็ว่าได้ ถือเป็นมือถือที่เหมาะสำหรับการทำงานมากๆ

รุ่นและสเปคที่นำมาขาย

SAMSUNG GALAXY NOTE 20

รุ่น LTE RAM 8 GB + ROM 256 GB ราคา 29,900 บาท
รุ่น 5G RAM 8GB + ROM 256 GB ราคา 33,900 บาท

SAMSUNG GALAXY NOTE 20 ULTRA

รุ่น LTE RAM 8 GB + ROM 256 GB ราคา 38,900 บาท
รุ่น LTE RAM 8 GB + ROM 512 GB ราคา 42,900 บาท
รุ่น 5G RAM 12 GB + ROM 256 GB ราคา 42,900 บาท
รุ่น 5G RAM 12 GB + ROM 512 GB ราคา 46,900 บาท

เรามาดูจุดเด่นทั้ง 5 จุดกัน

• ดีไซน์และสีสันสุดเก๋
– Note 20 มาพร้อมสีให้เลือกสรร ถึง 3 สีคือ สี Mystic Bronze สี Mystic Green และ สี Mystic Grey หน้าจอเป็นลักษณะ Flat Screen ไม่มีรอยโค้ง วัสดุเป็น Gorilla Glass 5 ตอบโจทย์สำหรับคนที่ไม่ชอบมือถือจอโค้ง
– Note 20 Ultra ใช้วัสดุเป็น Gorilla Glass 7 ทั้งด้านหน้าและหลังเป็นตัวแรกของโลก มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สี Mystic Bronze ซึ่งให้ความรู้สึกหรูหรา ทนทานและไม่ก่อให้เกิดรอยนิ้วมือ และสี Mystic Black ที่ใช้เป็นวัสดุแบบมันวาวราวกระจก ให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
รวมถึงช่องใส่ S Pen ก็ได้ถูกย้ายไปอยู่ด้านซ้ายของตัวเครื่องอีกด้วย
• หน้าจอสุดว้าว
– สำหรับตัว Note 20 หน้าจอ Super AMOLED Plus ขนาด 6.7 นิ้ว แสดงผลแบบ FHD+ เฟรมเรท 60 Hz
– และตัว Note 20 Ultra หน้าจอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.9 นิ้ว สีสันสดใส ที่รองรับค่ารีเฟรชเรทได้สูงถึง 120 Hz
• อัพเกรดคุณภาพกล้อง
– กล้องหน้าของทั้งสองรุ่นมีความชัดถึง 10 ล้านพิกเซล ชัดมาก คุณภาพสุดๆ
– กล้องหลังของ Note 20 เลนส์หลัก 12 ล้านพิกเซล เลนส์ Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล เลนส์เทเลโฟโต้ 64 ล้านพิกเซล สามารถซูมแบบไฮบริดได้ 3 เท่า และแบบดิจิตอลได้ถึง 30 เท่า
– กล้องหลังของ Note 20 Ultra เลนส์หลัก 108 ล้านพิกเซล เลนส์ Ultra-Wide 12 ล้านพิกเซล เลนส์เทเลโฟโต้ 12 ล้านพิกเซล สามารถซูมแบบไฮบริดได้ 5 เท่า และแบบดิจิตอลได้สูงถึง 50 เท่า มาพร้อม Laser AE ที่ทำให้จับโฟกัสได้ไวมากขึ้น สุดท้ายยังรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 8K อีกด้วย
• Wireless DEX
การทำงานในโหมด Desktop ที่รุ่นนี้พัฒนาให้ดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม หรือ Dock อีกต่อไป มาพร้อมกับ Dual Mode ทำให้เราสามารถใช้มือถือ และหน้าจอแยกกันได้อย่างอิสระแม้จะต่อ DEX อยู่
• ปากกา S Pen อัพเกรดใหม่
S Pen รุ่นใหม่นี้พัฒนามาให้เขียนง่าย เขียนลื่นกว่าเดิม เนื่องจากมีค่าความหน่วงที่ลดลงมาก ทำให้เหมือนเขียนอยู่บนกระดาษจริงๆ พร้อมทั้งเพิ่ม Air Action ใหม่ๆ สำหรับใช้ควบคุมมือถือแม้ว่าจะต่อ DEX Mode เพื่อพรีเซนเทชั่นได้สะดวกกว่าเดิม

นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับโทรศัพท์มือถือในยุคที่มีการทำงานไม่จำกัดอยู่แค่สถานที่เดียว เพราะเพียงแค่ถือเจ้า Note 20 ตัวนี้ติดตัวไปด้วย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเสมอ แล้วจะดีแค่ไหนกันถ้าเราจะทำประกันเพิ่มให้มือถือของเรา เพราะเวลาพลาดทำตกแล้วต้องซ่อมแต่ละครั้งราคาก็ไม่ใช่น้อยๆ ดีไม่ดีก็เกือบครึ่งของราคามือถือสุดที่รักของเราเลย เผลอๆ อาจจะแพงกว่าซะอีก แต่ถ้าหากทำประกันมือถือของ Allianz Xtend เราจ่ายครั้งเดียวแค่ 8% ของราคามือถือ ก็คุ้มครองยาวๆ ไปเลยอุบัติเหตุ 1 ปี คุ้มครองต่อจากผู้ผลิตอีก 1 ปี ปลอดภัย สบายกระเป๋า แม้จะเกิดเหตุไม่คาดฝันก็ตาม

7 อุปกรณ์บ้านอัจฉริยะ XIAOMI เปลี่ยนโฉมบ้านให้สมาร์ทกว่าเดิม

“Xiaomi” แบรนด์ยักษ์ใหญ่สัญชาติจีนที่ใครหลาย ๆ คนต้องคุ้นหูกันบ้างเพราะเป็นแบรนด์ที่ขายทุกอย่างตั้งแต่โทรศัพท์มือถือ หูฟัง เครื่องฟอกอากาศ เครื่องใช้ไฟฟ้า แปรงสีฟัน ไปจนถึงรถยนต์ สินค้ากลุ่มที่ทำให้ชื่อเสียงของ Xiaomi ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก คงหนีไม่พ้น สินค้าประเภท Smart Home Device ซึ่งต้องบอกเลยว่า Xiaomi เขาทุ่มทุนและพัฒนาอุปกรณ์อัจฉริยะภายในบ้านอย่างต่อเนื่องเลย บทความนี้ Allianz Xtend เลยอยากแนะนำให้ผู้อ่านทุกท่านรู้จักกับ 7 อุปกรณ์บ้านอัจฉริยะจาก Xiaomi ที่จะทำให้การใช้ชีวิตภายในบ้านง่ายขึ้น จะมีไอเทมไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

1. XIAOMI SMART PLUG

มาเริ่มกันที่ไอเทมแรก กับ Xiaomi Smart Plug ปลั๊กอัจฉริยะที่มีฟังก์ชันเรียบง่าย คือการสั่งการเปิด-ปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอัตโนมัติ โดยการจะสั่งงานเจ้าปลั๊กนี้ จะต้องสั่งงานผ่านทางแอปพลิเคชัน Mi Home ค่ะ

ราคาสินค้า: 349 บาท

2. XIAOMI SMART SENSOR KIT

Xiaomi Smart Sensor เป็นชุดเซนเซอร์อัจฉริยะที่มีทั้งหมด 6 ชิ้นด้วยกัน ประกอบไปด้วย Gateway, Window/Door Sensor, Motion Sensor, Smart Switch ซึ่งแต่ละชิ้นก็จะมีการทำงานและฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันไป

มาเริ่มกันที่ตัวแรกกันเลยค่ะ

Window/Door Sensor – อุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณเพื่อเช็คว่า หน้าต่าง หรือประตูเปิด-ปิดเรียบร้อยหรือไม่ หรือเช็คว่าประตูเปิดค้างนานเกิน 1 นาทีหรือไม่

Motion Sensor – ช่วยตรวจจับเวลาคนเดินผ่านอุปกรณ์ หรือเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลอดไฟ Xiaomi ที่เมื่อเดินผ่านแล้ว หลอดไฟจะเปิด-ปิดอัตโนมัติ เมื่อไม่มีคนเดินผ่านนานเกิน 2 นาที

Gateway – เป็นศูนย์กลางที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ผ่านบลูทูธ ซึ่งทำให้เราสามารถสั่งงานอุปกรณ์ที่ต่อพ่วงกับ Gateway ทั้งหมดทางแอปพลิเคชัน Mi Home ได้เพียงที่เดียว โดยตัว Gateway นี้จะเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ค่ะ

Smart Switch – เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สั่งงาน คล้าย ๆ กับการสั่งงานบนแอปพลิเคชัน สามารถกดปุ่มเพื่อเปิด-ปิดอุปกรณ์อัจฉริยะทั้งหมดของ Xiaomi ได้ภายในครั้งเดียว เช่น จะออกจากบ้าน ถ้ากดคำสั่งปิด ทั้งหลอดไฟ เครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ พัดลม และอุปกรณ์อื่น ๆ ก็จะถูกปิดภายในครั้งเดียว

ชุดเซนเซอร์อัจฉริยะของ Xiaomi เหมาะกับคนที่มี Smart Home Devices ของ Xiaomi อยู่แล้ว เพราะยิ่งมีอุปกรณ์เยอะ ก็ยิ่งพลิกแพลง และประยุกต์เจ้าตัวเซนเซอร์ใช้กับอุปกรณ์อื่นได้ในหลากหลายรูปแบบค่ะ

ราคาสินค้า: 2,590 บาท

3. XIAOMI HOME SECURITY CAMERA

Xiaomi Home Security Camera กล้องวงจรปิดขนาดกะทะรัด ดีไซน์สวยงาม ราคาประหยัดที่มาพร้อมกับฟังก์ชันหลากหลาย โดยตัวกล้องรองรับการบันทึกวีดีโอความละเอียดระดับ 1080P HD หรือ 1920×1080 มีฟังก์ชั่น Night Vision ในระยะ 9 เมตร มีเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวโดยใช้เทคโนโลยี AI เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเตือนให้ดีขึ้น (จะบันทึกวีดีโอ 10 วินาที เมื่อจับการเคลื่อนไหวได้) มีเทคโนโลยี WDR (Wide Dynamic Range) และ BSI (Back Light Sensor) ที่ช่วยปรับแสงและให้ภาพและวีดีโอมีคุณภาพดีที่สุด สามารถดูวีดีโอแบบเรียลไทม์ ผ่านแอพลิเคชันในสมาร์ทโฟนของคุณได้ทันที และสามารถย่อหน้าจอให้มีขนาดเล็ก เพื่อให้สะดวกในการดูพร้อมทั้งเล่นมือถือไปด้วย สามารถฟัง-พูดโต้ตอบได้แบบเรียลไทม์

ราคาสินค้า: 990 บาท

4. XIAOMI ROBOROCK S5

Mi Roborock S5 คือหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่จะทำให้ไม่ต้องเสียเวลากวาดบ้านและถูบ้านอีกต่อไป โดยเจ้าเครื่อง S5 นี้ เป็นเครื่องรุ่นที่ 2 แล้ว โดยจุดเด่นของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Xiaomi ก็คือระบบอัตโนมัติที่เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Mi Home โดยเราสามารถควบคุมการทำงานทุกอย่างผ่านแอปได้เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าความแรง ตั้งแต่ระดับเสียงเบา ๆ ไปจนถึงระดับเสียงดัง สามารถดูอายุการใช้งานต่างๆ เช่น ฟิลเตอร์กรองฝุ่น, อายุอะไหล่ว่าถึงเวลาเปลี่ยนหรือยัง ตั้งเวลาให้ทำงานออโต้เองในแต่ละวัน เช่น ทุกบ่ายโมงเวลาไม่มีใครอยู่บ้าน และสามารถแจ้งเตือนในมือถือตอนทำความสะอาดเสร็จได้ด้วยค่ะ

ใครที่ไม่ชอบทำความสะอาดบ้านเอง มีเจ้าหุ่นยนต์เครื่องนี้ ก็สบาย หายห่วงเลยค่ะ

ราคาสินค้า: 15,900 บาท

5. XIAOMI MOSQUITO REPELLER

Xiaomi Mosquito Repeller เครื่องไล่ยุงขนาดพกพาที่มาพร้อมกับดีไซน์สีขาวสวยงาม ขนาดกะทะรัด และมีน้ำหนักเพียงแค่ 133 กรัมเท่านั้น โดยเจ้าเครื่องไล่ยุงนี้จะใช้พลังงานจากถ่านขนาด AA จำนวน 2 ก้อน และมีแผ่นกันยุงที่มีอายุการใช้งาน 720 ชั่วโมง หรือประมาณ 90 วันโดยเปิดวันละ 8 ชั่วโมง ส่วนพื้นที่รัศมีในการไล่ยุงจะครอบคลุมราว 28 ตารางเมตรค่ะ

ราคาสินค้า:490 บาท

6. XIAOMI YEELIGHT SMART LIGHT BULB

Xiaomi Yeelight Smart Light Bulb เป็นหลอดไฟอัจฉริยะที่สามารถแสดงแสงไฟสีต่าง ๆ ได้มากกว่า 1 ล้านเฉดสี ใช้ได้กับทั้งโคมไฟหรือจะติดตั้งที่ไหนก็ได้ ข้อดีก็คือสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Xiaomi อื่น ๆ และสามารถสั่งงานผ่านแอปพลิเคชัน Mi Home โดยสามารถสั่งให้หลอดไฟเปิด-ปิดได้เองโดยอัตโนมัติหรือจะสั่งให้เปลี่ยนเฉดสีก็ทำได้ง่ายมากเลยค่ะ

ราคาสินค้า: 660 บาท

7. XIAOMI MIJIA VDW0401M INTERNET DESKTOP DISH WASHER

มาถึงไอเทมสุดท้ายกับ Xiaomi Mijia Dish Washer เครื่องล้างจานสุดล้ำที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งบอกเลยว่าเจ้าเครื่องนี้พกความล้ำมาเพียบ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Mi Home และการสั่งงานผ่านแอป หรือการสั่งงานด้วยเสียง ที่สำคัญ รุ่นนี้ ทางแบรนด์การันตีว่า สามารถอบฆ่าเชื้อได้ถึง 99.99 % เลย

เครื่องล้างจาน Mijia รุ่นนี้เป็นแบบ Desktop ตัวเครื่องขนาดเล็ก กว้าง 442 มม. สูง 461.5 มม. และยาว 419 มม. ขณะที่ตัวเครื่องมีสีขาวทุกด้าน และมีหน้าจอสัมผัสอยู่ด้านบนสำหรับเลือกสั่งการ หรือใช้สำหรับดูสถานะการล้างจานก็ได้ค่ะ โดยเจ้าเครื่องนี้สามารถบรรจุจาน, ชาม, ช้อน, ส้อม และอื่น ๆ ได้ประมาณ 32 ชิ้น (ขึ้นอยู่กับขนาด) เหมาะสำหรับครอบครัวเล็ก ๆ ที่มีสมาชิก 1 – 3 คน

ใครที่ไม่ชอบล้างจาน ซื้อเจ้าเครื่องล้างจาน Xiaomi ไป รับรองว่าสะดวกสบายมากขึ้นเลยค่ะ ^^

ราคาสินค้า: 12,900 บาท

ปัจจุบัน Smart Home Device มีให้เลือกหลากหลายแบรนด์และหลากหลายฟังก์ชั่น Xiaomi ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ยักษ์ที่พัฒนาอุปกรณ์บ้านอัจฉริยะอย่างต่อเนื่อง ด้วยคุณภาพและราคาที่ไม่แพงมาก ทำให้ Xiaomi เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และ 7 ไอเทมที่เราได้แนะนำในวันนี้ ก็เป็นไอเทมยอดฮิตติดตลาด รับรองว่า ถ้าได้ลองใช้แล้ว ต้องติดใจแน่นอน ^^

ทำความรู้จักประกันภัยเครื่องใช้ไฟฟ้า

ปัญหาที่ใครหลายคนเผชิญเหมือนกันเมื่อซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ แท็บแล็ต โน๊ตบุ๊คและกล้องถ่ายรูปคือต้องเสียค่าซ่อมแพงเมื่อเครื่องเสีย อะไหล่พังหลังจากหมดระยะเวลารับประกันจากผู้ผลิต หรือเกิดอุบัติเหตุหน้าจอมือถือแตก ตกน้ำ หรืออุบัติเหตุอื่นๆ ซึ่งบางครั้งค่าซ่อมอาจสูงถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว หลายคนจึงตัดสินใจไม่ซ่อมและซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือมือถือใหม่เลย ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะซื้อมาได้ไม่นานเอง ประกันภัยเครื่องใช้ไฟฟ้าถือเป็นอีกบริการหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยรับภาระแก้ปัญหาค่าใช้จ่ายดังกล่าว เรามาดูกันว่าประกันภัยเครื่องใช้ไฟฟ้ามีข้อดีอย่างไรและคุ้มครองเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

ประกันภัยเครื่องใช้ไฟฟ้าคืออะไร ?

ประกันภัยเครื่องใช้ไฟฟ้าคือ บริการขยายระยะเวลารับประกันเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผู้ผลิตรับประกัน พร้อมด้วยความคุ้มครองอุบัติเหตุเพิ่มเติมที่นอกเหนือจากความคุ้มครองของผู้ผลิตอีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเกิดปัญหาเครื่องใช้ไฟฟ้าพัง มือถือหน้าจอแตก หรือเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ระหว่างทำประกันภัย ก็ไม่ต้องกังวลกับค่าซ่อมที่แพง เพราะประกันภัยเครื่องใช้ไฟฟ้าจะจ่ายค่าซ่อมแทนเราทั้งหมดค่ะ

ประกันภัยเครื่องใช้ไฟฟ้า ALLIANZ XTEND ดีอย่างไร ?

ประกันภัยเครื่องใช้ไฟฟ้า Allianz Xtend จะขยายเวลารับประกันเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผู้ผลิตรับประกันจาก 1 ปี ไปจนสูงสุดถึงปีที่ 3 พร้อมด้วยความคุ้มครองอุบัติเหตุเพิ่มเติมอีก 5 กลุ่มที่มักจะเกิดขึ้นกับเครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณ โดย Allianz Xtend คุ้มครองสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าตั้งแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โน๊ตบุ๊ค โทรศัพท์มือถือ แท็บแล็ต และกล้องถ่ายรูป

Allianz Xtend แบ่งความคุ้มครองเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

1. การขยายระยะเวลารับประกันของผู้ผลิต

โดยปกติเมื่อลูกค้าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าจะได้รับประกันสินค้าจากผู้ผลิต 1 ปี หากเครื่องเสียหลังจากประกันของผู้ผลิตหมดลง ลูกค้าจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อม หรือต้องซื้อเครื่องใหม่
หากลูกค้าซื้อบริการประกันภัยสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า Allianz Xtend เราจะขยายระยะเวลารับประกันสินค้าด้วยเงื่อนไขเดียวกันกับผู้ผลิตไปจนสูงสุดถึงปีที่ 3
• ค่าแรงและค่าอะไหล่ ไม่ต้องจ่ายค่ารับผิดส่วนแรก
• ส่งซ่อมกี่ครั้งก็ได้ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
• พิเศษ บริการซ่อมถึงบ้านสำหรับสินค้าชิ้นใหญ่ เช่น โทรทัศน์ที่ขนาดใหญ่กว่า 25 นิ้ว, ตู้เย็นขนาด 4 คิวขึ้นไป, เครื่องปรับอากาศ, เครื่องซัก/ปั่น/อบผ้าทุกรุ่น รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ที่เป็นรุ่นฝังผนัง เป็นต้น

2. ความคุ้มครองอุบัติเหตุเพิ่มเติม 5 กลุ่ม

คุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุกับเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งโดยปกติผู้ผลิตไม่ให้ความคุ้มครอง (แต่หากผู้ผลิตให้ความคุ้มครองส่วนนี้ความคุ้มครองของอลิอันซ์ แอสซินแทนซ์ จะเริ่มต้นเมื่อความคุ้มครองของผู้ผลิตหมดลง) นานสูงสุด 3 ปีนับจากวันที่ซื้อสินค้า โดยอุบัติเหตุ 5 กลุ่มได้แก่
1. อุบัติเหตุจากน้ำ
2. ตกหล่นเสียหาย
3. ฟ้าผ่า ไฟฟ้าลัดวงจร
4. ไฟไหม้
5. ถูกโจรกรรมในที่พักอาศัย

Allianz Xtend แบ่งประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็น 2 กลุ่มหลักด้วยกันคือ

สินค้ากลุ่มที่ 1: เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โน๊ตบุ๊ค และกล้องถ่ายรูปและเลนส์

สินค้ากลุ่มที่ 2: โทรศัพท์มือถือ และแท็บแล็ต

ดูเงื่อนไขความคุ้มครองเพิ่มเติม คลิกเลย

ปัญหาเครื่องใช้ไฟฟ้าพัง มือถือตกน้ำ หน้าจอแตก หรือกล้องเสีย ก็จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป ถ้าทำประกันภัยเครื่องใช้ไฟฟ้ากับ Allianz Xtend เราพร้อมดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณให้กลับมาใช้งานได้ดีเหมือนเดิมค่ะ

ประหยัดค่าซ่อม 20,000 บาทเพราะมีประกันกล้อง

ตอนแรกถึงกับตกใจ เพราะคิดว่าคงน่าจะซ่อมเล็กๆน้อยๆไม่เกิน 5,000 – 6,000 บาท แต่..

ซื้อกล้อง CANON เมื่อต้นปี 2016 ซึ่งตอนนั้นก็เห็นว่ามีประกันกล้องที่จ่ายเพิ่มอีก 8% แล้วจะได้ขยายความคุ้มครองเพิ่มเป็น 3 ปี และได้คุ้มครองอุบัติเหตุพวกโดนน้ำ ตกแตก โดนขโมย รวมๆก็ประมาณ 5 กลุ่ม

แรกๆก็ชั่งใจนะ เพราะจ่ายเพิ่มอีก 8% ก็เท่ากับเสียเพิ่มอีก 3,200 กว่าบาทเลย แต่ตอนนั้นก็เห็นว่ากล้องก็ซื้อมาราคาแพง ก็เลยคิดว่าจ่ายๆไป เอาความอุ่นใจดีกว่า

จากนั้นก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีกเลย กล้องก้ใช้ดีไม่มีประเด็นอะไร จนเมื่อปลายๆปี 2018 และต้นปี 2019 เริ่มรู้สึกว่ากล้องเหมือนจะมีปัญหา เวลาถ่ายภาพแล้วเบลอๆๆ ลองเปลี่ยนเลนส์หลายตัวก็ยังเบลออยู่ ก็ปวดหัวอยู่พักหนึ่ง จนนึกขึ้นมาได้ว่า เออเรามีซื้อประกันกล้องเพิ่มไว้นี่นา ก็เลยลองหาเลขกรมธรรม์มาโทรถามดู ปรากฏว่าอีกไม่ถึง 2 อาทิตย์ก็จะหมดประกันแล้ว ในใจก็คิดแต่ว่าโชคดีมาก ไม่งั้นคงต้องเสียค่าซ่อมเอง

ก็เลยฟังคำแนะนำจากทางเจ้าหน้าที่ เอาไปให้ศูนย์ใกล้บ้านดู ก็บอกค่าซ่อมมา ตอนแรกถึงกับตกใจ เพราะคิดว่าคงน่าจะซ่อมเล็กๆน้อยๆไม่เกิน 5,000 6,000 บาท แต่กลายเป็นว่าโดนไปเกือบ 20,000 บาทเลย

แต่โล่งใจมาก เพราะถือว่าเป็นเคสประกันกล้องที่เคลมได้ ก็เลยไม่ต้องเสียซักบาท ถือว่าโชคดีมากเลยที่รีบโทรปรึกษา ไม่งั้นอาจต้องเสียใจ และเสียตังค์เอง

แต่ตอนนี้เสียใจอย่างเดียว ซื้อประกันกล้อง ตัวนี้ไม่ได้แล้วนี่สิ ฮ่าๆๆ แต่ถือว่าคุ้มค่ามากกับ 8% ที่จ่าย แลกกับความอุ่นใจขนาดนี้

เปรียบเทียบ IPHONE 11 ทั้ง 3 รุ่น

iPhone 11iPhone 11 ProiPhone 11 Pro Max
สี6 สี (ม่วง เหลือง เขียว ดำ ขาว แดง)4 สี (เขียวมืด เงิน ดำ โกลอ์)4 สี (เขียวมืด เงิน ดำ โกลอ์)
ความจุ64 GB, 128 GB, 265GB64 GB, 265GB, 512 GB64 GB, 265GB, 512 GB
ขนาดหน้าจอกลาง (6.1 นิ้ว)เล็ก (5.8 นิ้ว)ใหญ่ (6.5 นิ้ว)
กล้องหลังกล้องคู่ 12 ล้านพิกเซล Ultra Wide และ
กล้อง Wide
กล้อง 3 ตัว Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล 
กล้อง Wide และ กล้อง Telephoto
กล้อง 3 ตัว Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล 
กล้อง Wide และ กล้อง Telephoto
ตัวเครื่องกระจก และอลูมิเนียมกระจกผิวด้านและสแตนเลสกระจกผิวด้านและสแตนเลส
ไม่อึดแบตเตอร์รี่1 ชั่วโมงนานกว่า iPhone Xr4 ชั่วโมงนานกว่า iPhone Xs5 ชั่วโมงนานกว่า iPhone Xs
กันน้ำ(30 นาที)2 เมตร4 เมตร4 เมตร
แถมหัว Adapter Fast Charge 18Wแถมแถม
ราคาเริ่มต้น24,900 บาท35,900 บาท39,900 บาท
หากซื้อประกัน Allianz Xtend เพิ่ม (8%) คุ้มครอง 1 ปี พร้อมรับความคุ้มครองอุบัติเหตุเพิ่ม1,992 บาท2,872 บาท3,192 บาท

ชมคลิปวีดีโอจาก The Verge

XIAOMI REDMI AIRDOTS

Redmi เป็นอีกแบรนด์นึงภายใต้ Xiaomi และเป็นที่รู้จักกันอย่างทั่วถึง และได้เปิดตัวหูฟังไร้สายที่ได้คำชมว่าเป็น True Wireless ที่เป็นมิตร เพราะราคาตั้งขายอยู่ที่ 99 หยวน ในประเทศจีน เป็นรุ่นนึงที่ถูกคิดค้นมาเพื่อแตกแยกออกจาก Mi Airdots ที่มีราคาสูงขึ้นไป

BLUETOOTH 5.0

ถ้าให้เปรียบเทียบอย่างเห็นภาพ โทรศัพท์เรือธงอย่าง Samsung Galaxy S8 เพิ่งมี Bluetooth เวอร์ชั่น 5 เวอร์ชั่นนี้มีศักยภาพที่สูงกว่ารุ่นก่อนที่เป็น Bluetooth 4.2 นั่นหมายความว่า หูฟังไร้สาย Redmi Airdots นี้สามารถเชื่อมต่อได้ไวกว่ารุ่นปกติได้ 2 เท่า และรัศมีกว้างขึ้นถึง 4 เท่า หรือประมาณ 240 เมตร

7.2 MM DYNAMIC DRIVER UNIT

Drive Unit คือหัวใจของหูฟังและลำโพง ที่แปรเปลี่ยนกระแสไฟฟ้าเป็นเสียงออกมาได้ โดยการวัดความมีประสิทธิภาพของ Driver Unit คือส่วนประกอบของ Driver Unit และประเภทอของ Driver ซึ่งหูงฟัง Redmi Airdots ใช้ Dynamic Driver Unit ที่มีขนาด 7.2 มิลลิเมตร เปล่งเสียงเบสได้ดี

BATTERY LIFE

อีกหนึ่งหัวใจสำคัญสำหรับหูฟังไร้สายก็คือ แบตเตอร์รี่การใช้งานต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยกล่องที่เก็บหูฟังมีขนาดแบตเตอร์รี่ 300mAh ซึ่งสามารถชาร์จหูฟังได้อีด 12 ชั่วโมง และในตัวหูฟังเองก็มีขนาดแบตเตอร์รี่ 40mAh สามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 4 ชั่วโมง

AI ASSISTANCE

ไม่ว่าถามทางกับ Siri หรือสั่งให้เปลี่ยนเพลงกับ Ok, Google หูงฟัง Redmi Airdots มาพร้อมฟีเจอรืที่เพียงกดที่ปุ่มหูฟัง 2 ครั้งก็สามารถเรียก AI Assistance ต่างๆของโทรสัพท์ขึ้นมาได้ เพราะอย่างนี้นี่เองที่ได้คำชมว่า True Wireless

ขอบคุณรูปภาพจาก – Xiaomi Global